โลกนี้มีหัวใจ 2 ดวง
atofficemag
30/06/2010 14:51น.
เขียน : Asia
atofficemag
30/06/2010 14:51น.
เขียน : Asia
“น้องภูสวัสดีน้าสิลูก....หือภู...น้องภูสวัสดีน้าสิครับ” คุณแม่น้องภูวัย 4 ขวบ ย้ำอีกรอบ
----เงียบบบบ ----เฉยยยย------ไร้ปฏิกิริยาตอบสนองงงงง!
สรุป ตาภูเป็นเด็กดื้อ ว่านอนสอนยาก แต่จริงรึ?
มีอีกวันหนึ่ง ดิฉันได้รับมอบหมายจากพระท่านหนึ่ง ให้ไปเล่าประสบการณ์ชีวิตให้ผู้ที่มาบวชชีพราหมณ์ที่วัดฟังกัน พอไปถึงแม้จะทราบจากพระท่านแล้วว่าผู้ฟังเป็นกลุ่มเด็ก แต่ก็อดทึ่งไม่ได้ที่เห็นเด็กตัวน้อยตั้งแต่ 5-6 ขวบ ไปจนถึงเพิ่งย่างก้าวเข้าสู่วัยรุ่นมาบวชชีพราหมณ์กันแล้ว ด้วยความตื่นเต้น ก็เริ่มจากการทักทายชีพราหมณ์ทุกท่าน
“สวัสดีค่ะทุกคน” ดิฉันยกมือไหว้เธอเหล่านั้น
ดิฉันบ้าไปแล้วรึถึงไปไหว้เด็ก หรือว่าตื่นเต้นเกินไปจึงเผลอทำอย่างนั้น ไม่เพียงแต่ผู้อ่านอาจตกใจ แต่เด็กๆ น้องชีพราหมณ์ก็ตกใจเหมือนกัน และพวกเขาทำยังไงนะหรือ?
ใช่แล้วค่ะพวกเขารีบยกมือไหว้ตอบกลับมาทันที แต่ก็อาจมีผู้ถามว่า เกียรติของดิฉันเอาไปไว้ตรงไหน? ไม่ต้องรอให้ถาม ดิฉันได้ตอบน้องๆ ชีพราหมณ์ไปดังนี้
“หลายคนอาจตกใจที่พี่ไหว้พวกคุณก่อน แต่เพราะพวกคุณบวชชีพราหมณ์และถือศีล 8 ขณะที่พี่ถือศีล 5 ดังนั้นพวกคุณจึงมีศักดิ์มากกว่าพี่ เช่นเดียวกับพระบวชใหม่ ย่อมต้องเคารพระที่มากพรรษากว่า แม้พระรูปนั้นจะอายุน้อยกว่าก็ตาม”
และดิฉันขอเพิ่มเติมหากคุณได้เคยดูโฆษณาอาหารเสริมชิ้นหนึ่ง ที่มีเด็กชายคนหนึ่ง มาเยี่ยมชายแก่ แล้วกล่าวคำที่ทำให้ชายแก่ตกใจว่า
“บ้านนายสวยดีหนิ....แล้วเมื่อไหร่จะใช้คืน...จำไม่ได้รึ?......นายยืมเงินเราไป 5,000 บาท...”
อาจจะเป็นความคิดบ้าๆ ที่ไปไหว้น้องๆ ชีพราหมณ์ที่มาฟังข้อคิดจากเราผู้สอน แต่เชื่อไหมคะว่าพวกเขาตั้งใจฟังสิ่งที่ดิฉันจะบอกพวกเขามาก ทั้งที่วัยนี้จะหยุกหยิก และจดจ่อกับอะไรได้เป็นช่วงสั้นๆ ตามธรรมชาติ ที่สำคัญพวกเขากล่าวคำขอบคุณเมื่อการบรรยายสิ้นสุด ด้วยการทำความเคารพเราอย่างเต็มใจโดยที่ดิฉันไม่ต้องร้องขอ และไม่มีใครทำท่าง่วงนอนว่าควรจบได้สักที
เช่นเดียวกับน้องภู คงจะเดาออกแล้วว่าดิฉันทำอะไร เมื่อน้องภูไม่มีทีท่าว่าจะไหว้ดิฉันตามที่แม่เขาคะยั้นคะยอ
ใช่แล้วค่ะ ดิฉันต้องเป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ ดิฉันยกมือไหว้พ่อหนุ่มน้อย
แต่ผลที่ได้รับก็ทำลายอีโก้ของพ่อหนุ่มได้ในทันทีเช่นกัน จากใจที่น้องภูคงมีคำถามค้างอยู่ว่า “ใครกันแม่...น้าคนนี้เป็นใคร ไม่รู้จัก ไม่ไหว้”
พ่อหนุ่มทำตาโตที่เห็นดิฉันทำแบบนั้น และรีบยกมือไหว้ดิฉัน จะเรียกว่าเลียนแบบท่าทางที่ดิฉันทำในทันทีก็ว่าได้
ใจของคนเรามี 2 ดวงค่ะ คือ ใจเขา และใจเรา หากเพียงแต่คิดถึงใจเราว่าทำไมน้องภูไม่เคารพผู้ใหญ่แล้วตัดสินใครคนหนึ่งเพียงเพราะความคิดแค่นี้ ยุติธรรมแล้วรึ หรือเพียงแค่ต้องการเอาชนะ เพราะถือว่าเราเกิดก่อน อายุมากกว่าเด็กตั้ง 20 - 30 ปี
เด็กวัยนี้ส่วนใหญ่ก็เป็นแบบนี้กันทั้งนั้น มีคำถามในใจ ส่อแววฉลาดชอบสงสัยอยู่ลึกๆ หากคิดแต่เพียงใจเรา ไม่มองให้ลึกถึงพฤติกรรมธรรมชาติของเด็กวัยนี้ ก็จะไม่มีวันเข้าถึงใจเขา และทำลายอีโก้ในใจเขาได้เลย มีวิธีเดียวก็คือต้องทำลาย ละลายอีโก้ที่เปรียบเสมือนกำแพงในใจเราก่อน ก็ไหนว่าผู้ใหญ่อาบน้ำร้อนมาก่อนไม่ใช่หรือ? หรือจะเป็นแค่เพียงตัวผู้ใหญ่สวมหัวใจเด็กไม่รู้จักโตต่อไป เพราะกลัวเพียงแค่คำว่าศักดิ์ศรีที่สังคมและวัฒนธรรมเพียงสมมติมันขึ้นมา
และหากถามว่าเสียศักดิ์ศรีไหม? ก็ในเมื่อน้องภูยกมือขึ้นมาสวัสดีในขณะที่ดิฉันยังค้างมือไหว้ของดิฉันไว้ เท่ากับเป็นการเคารพกันและกัน ศักดิ์ศรีของคนทั้งคู่ ใจเขา ใจเรา จะไปไหนเสีย!
โลกนี้ไม่ได้มีแต่ใจเรา แต่เรามักหลงลืมที่จะคิดเผื่อว่า ยังมีใจเขาด้วยอีกดวง ถ้าชนะใจเขาได้ รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง หากรู้จักสละ ละลายที่อีโก้ของเราก่อน คงไม่มีเสื้อสีใดให้มานั่งเจรจา สมาน ประสานสามัคคีคนในชาติกันอยู่
“อย่าลืมนะน้องเอ” เจ้านายของดิฉันกล่าว “ไม่ว่าจะเป็นยามหน้าประตูไปจนถึงพนักงานในห้างร้านของเขา จะยังเด็กหรืออายุเท่าไหร่ ไหว้เขาไปเถอะ ไม่เสียหลายหรอก ลูกค้าคือพระเจ้า ให้สตางค์เราใช้ มีเขาเราถึงไม่อดตาย”
เจ้านายจะรู้ไหมเนี่ยว่าดิฉันได้พัฒนาเอามาต่อยอดใช้จนใครอาจมองว่าเพี้ยนไปเสียแล้ว ฮะฮะฮะ!
ความคิดเห็น