คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : - Special Bangchan & Banglo ✖ Rain sound
Title :: Rain sound
Author :: toreraC
Couple :: BANGCHAN
Rate :: PG-13
Talk :: ดราม่าตัลหลอดดดดด ก็ดูทีเซอร์แล้วมันได้อ่ะ T_________T หล่อมากหล่อฝุดหล่อทุกคน พี่กุกดาร์คเว่อรรรรร์ ฮิมชานนางสวยมาก ชอบช็อตน้องโล่ร้องไห้สุดๆ เจ็บหัวใจเลยยยยยย *วิ่งไปกอดทั้งหกคน*
- TUMBLR
คนที่มีลุคสดใสร่าเริงเวลาเขาร้องไห้
คุณคิดว่ามันน่าสงสารมากใช่รึเปล่า
Choi Junhong ’s part
“ฮยองมาแล้วหรอ”
ผมฉีกยิ้มกว้างทันทีที่บุคคลที่ผมรอคอยมาตั้งแต่เมื่อตอนเย็นตอนนี้ปรากฏอยู่ประตูหน้าบ้านผมแล้ว คึคึ.. ผมกระโดดกอดร่างตรงหน้าอย่างเคยชินก่อนที่พี่ยงกุกจะหัวเราะออกมาแล้วเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาในห้องของผมทั้งๆที่ผมยังกอดพี่เขาไว้อย่างั้น ก็ผมน่ะชอบกอดพี่ยงกุกที่สุดในโลกกกก
“อ่านหนังสือเสร็จแล้วรึไง” พี่ยงกุกถามผมทันทีที่เรามานั่งอยู่บนโซฟาด้วยกัน ท่านี้มันล่อแหลมใช้ได้เมื่อผมนั่งค่อมอยู่บนตักพี่ยงกุก อร้าง..ถึงจะอายแต่ผมก็ไม่ยอมลุกหรอก
ผมซุกอกร่างตรงหน้าอย่างออดอ้อนก่อนจะส่ายหัวปฏิเสธด้วยความสัจจริง ก็..ก็ผมเอาแต่นั่งรอพี่ยงกุกนี่จะให้มีกระจิตกะใจไปอ่านรึไง กว่าพี่ยงกุกจะออกมาจากบ้านพี่ฮิมชานได้คงใช้เวลาร่วมชั่วโมง ก็แหม พี่ฮิมชานน่ะเอาแต่เล่นตัวทำเป็นเงียบให้พี่ยงกุกรู้สึกผิดว่าตัวเองกำลังโกรธอยู่ พี่ฮิมชานน่าหมันไส้ที่สุด -3-
“เด็กดื้อเอ้ย” ว่าแล้วก็ตีก้นผม ทำเอาชเวจุนฮงคนนี้ เงยหน้าขึ้นมามองคนตรงหน้าแล้วบุ่ยหน้าให้อย่างไม่ชอบใจแต่พี่ยงกุกก็เอาแต่หัวเราะอยู่ได้ ชิ!
“ไม่อยากอ่าน นี่!..ผมรอพี่ตั้งนานนะยังจะมาทำกับผมแบบนี้อีก” ชูนิ้วโป้งให้ชุดใหญ่
“ก็ฮิมชานน่ะสิ..งอนพี่อยู่ได้”
“พี่ฮิมชานเค้าก็ทำไปงั้นละ”
“ไปอาบน้ำไปเน่า”
คนกำลังนอนตักอ่านหนังสือการ์ตูนเพลินๆจู่ก็มาบังคับให้ไปอาบน้ำนี่! พี่ยงกุกนะพี่ยงกุก.. ผมโผล่หัวออกมาจากหนังสือก่อนจะส่งสายตาขวางให้ไม่พอยังแลบลิ้นใส่คนตรงหน้า คึคึ.. กลับไปสนใจหนังสือการ์ตูนในมือต่อแต่ยังไม่ทันอ่านถึงหน้าคนที่เป็นหมอนให้หนุนก็ลุกออกอย่างรวดเร็ว
“อ๊า! พี่กุก ทำอะไรของพี่เนี่ย!!” ผมเบะปากยู่หน้าให้อีกฝ่ายที่เอาแต่หัวเราะเยาะเย้ยให้อยู่ฝั่งตรงข้าม ก่อนจะล้มไปนอนต่อให้รู้ว่าผมงอน! แล้ว! นะ!
“โอ๋ จุนฮงอ่า..” ไม่ตองมาเรียกเลย ชิชิชิ!!
แรงจากอะไรบางอย่างฉุดผมก่อนที่ตัวผมจะลอยหวืออยู่บนอากาศ พี่ยงกุกอุ้มผมอ่ะ! งือ.. พี่บ้า ผมโวยวายจะลงแต่พี่เค้าก็เอาแต่ยิ้มหัวเราะ ชิ! คนปากห้อยนี่น่าหมั่นไส้ชะมัด น่าหมั่นไส้ที่สุด แต่ยิ่งผมดิ้นพี่กุกก็ยิ่งหมุนตัวทำเอาผมตกใจ อ้า! เล่นอะไรไม่เข้าท่าเลยพี่ยงกุกน่ะ
“จะไปอาบมั้ยน้ำ สามทุ่มแล้วนะ” พี่เค้าเขย่าแขนคะยั้นคะยอต้องการเอาคำตอบ แต่ผมก็เอาแต่หันหน้าหนี
“นี่! จุนฮงอ่า”
“ทำไมต้องเรียกผมด้วยเสียงแบบนั้นด้วยนะ” แยกเขี้ยวให้
“ฮ่าๆ จะอาบหรือไม่อาบ หรืออยากให้พี่อาบให้!”
สิ้นฤทธิ์เลย ชเวจุนฮงคนนี้เขินเป็นนะ! ผมก้มหน้าก้มตาจนคางชิดอกเพื่อหลบใบหน้าที่ตอนนี้ผมว่ามันต้องแดงเหมือนมะเขือเทศแล้วแน่ๆ อุณภูมิบนใบหน้าสูงขึ้นจนผมไม่เป็นอันทำอะไร งืออ
“ว่าไง”
“บ้า!”
ยังไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรต่อ พี่ยงกุกก็ก้มลงมาจูบปากผมอย่างรวดเร็ว.. พี่ยงกุก!!! ผมเบิกตากว้างอย่างตกใจ พยายามดิ้นออกจากวงแขนนั้นแต่กลับสู้แรงไม่ได้เลยซักนิด พี่บ้าบ้าบ้า! ใช่ว่าผมกับพี่ยงกุกจะไม่เคยทำอะไรแบบนี้แต่ทุกครั้งที่จูบกันผมกลับใจเต้นเร็วทุกๆครั้งไม่เคยชินกับมันเอาซะเลย
“อื้อ..” ผมร้องประท้วงทันที่รู้สึกว่าหายใจไม่ออก พี่ยงกุกถอนจูบผมอย่างอ้อยอิ่งก่อนจะฉีกยิ้มกว้าง
“ไปอาบได้รึยัง”
“ไม่”
“ไม่งั้นจูบอีกนะ”
“พี่ยงกุกบ้า!!”
ผมดิ้นออกจากอ้อมแขนในที่สุดแล้วรีบวิ่งไปในห้องน้ำทันทีแต่ก่อนจะเข้าไปขอตบท้ายด้วยการแลบลิ้นใส่ให้อย่างหมั่นไส้ซึ่งพี่เค้าก็ยิ้มกลับมาอีกแล้ว ชิ! คนบ้าอะไรยิ้มได้ตลอด ..แต่ถึงยังไงพี่เขาก็ยิ้มอย่างมีความสุขทุกครั้งที่อยู่กับผม มากกว่าตอนที่อยู่กับพี่ฮิมชาน
ผมเข้าข้างตัวเองได้มั้ย
“พี่ยงกุก!!”
ผมหวีดลั่นทันทีที่ได้ยินเสียงฟ้าร้อง ฮือ บ้าที่สุดมาร้องอะไรตอนนี้! ผมเดินวิ่งออกจากห้องน้ำสภาพไม่ค่อยดีนักในเมื่อยังใส่ชุดคลุมอาบน้ำอยู่ แต่นี่ไม่ใช่เวลามานั่งอายแล้วในเมื่อเสียงฟ้าร้องตอนนี้มันน่ากลัวสุดๆ ฮือ T______T
ดูเหมือนพี่ยงกุกที่นอนเล่นอยู่บนเตียงผมจะหน้าตาตื่นไม่น้อยที่เห็นผมออกมาจากห้องน้ำในสภาพแบบนี้แล้ววิ่งไปกอดเค้าไว้แน่น ซึ่งแน่นอนสิว่าพี่เค้าต้องกอดปลอบผม เหมือนพี่ยงกุกจะนึกได้ว่าผมกลัวเสียงฟ้าร้องก็เลยลูบหัวปลอบอย่างใจเย็น
“ทำไงดีอ่ะ กลัว” ผมสงเสียงครางร้องเหมือนลูกแมว เสียงฟ้าร้องมันน่ากลัวสุดๆ! ยิ่งฝนตกหนักยิ่งน่ากลัว ฮือ
“พี่อยู่นี่แล้วไง”
“พี่ยงกุกต้องอยู่กับผมนะ” ผมกอดพี่เค้าแน่น ผมพยายามซุกเข้าที่แผ่นอกของเขาสุดๆ ไม่อยากได้ยินเสียงนี้เอาซะเลย
ผมลงมานอนที่เตียงแล้วพี่ยงกุกเองก็ยังคงนอนกอดผม ฝนบ้านี่ไม่หยุดสักทีมันทำให้ผมกลัวและรำคาญในเวลาเดียวกัน แต่มันดีหน่อยที่พี่ยงกุกมาอยู่ข้างๆ ถ้าผมอยู่คนเดียวคงร้องไห้โฮไปแล้ว ยิ่งได้ยินยิ่งรู้สึกโดดเดี่ยวและไม่เหลือใคร.. จริงสินะ ตอนนี้พี่ฮิมชานก็อยู่คนเดียว พี่เค้ากลัวฝนเหมือนกัน พี่เค้าไม่ชอบฝน พี่เค้ากลัวเปียกแล้วตอนนี้พี่ยงกุกก็อยู่กับผม ตอนนี้พี่ฮิมชานจะเป็นยังไงนะ คงต้องโดดเดี่ยวเหมือนตอนที่ผมกลัวฟ้าร้องแน่ๆ
“พี่ยงกุก”
“หื้ม”
“พี่รักผมใช่มั้ย” ผมสบตาพี่เค้าอย่างจริงจัง พี่ยงกุกดูเหมือนจะรับรู้ความรู้สึกผมได้เลยยกมือขึ้นมากุมมือผมไว้แล้วส่งยิ้มบางๆที่ผมคาดว่าเป็นรอยยิ้มที่อบอุ่นที่สุดในโลกนี้แล้ว
“รักสิ” พี่ยงกุกตอบอย่างไม่ลังเล เสียงนั้นดังก้องอยู่ในใจและสองหูของผมทำเอาลืมเสียงฝนเสียงฟ้าร้องข้างนอกไปเลยละ ผมอยากจะพูดดังๆว่าผมก็รักพี่เค้ามาก พี่เค้าเป็นคนที่ผมรักที่สุด
“แล้วพี่ฮิมชานละ”
“ก็รัก” เค้าตอบอย่างไม่ลังเลเช่นเดียวกัน นั่นยิ่งทำให้ผมยิ้มสมเพชตัวเองอยู่ในใจ
ผมไม่ควรเสียใจ แต่ผมทำมันลงไปแล้ว
“ระหว่างคนที่กลัวเปียกฝน กับ คนที่กลัวเสียงฟ้าร้องคนไหนน่าสงสารกว่ากันละพี่ยงกุก”
ผมไม่ควรถาม แต่ผมถามออกไปแล้ว
“แล้วพี่จะเลือกช่วยใครละ”
“จุนฮง..”
ไม่รู้ทำไมน้ำตาของผมก็ไหลออกมา
“พี่ยงกุก.. คนที่กลัวเปียกฝนน่ะ แค่เค้าหลบในที่ร่มก็คงไม่เปียกแล้วใช่มั้ย”
แล้วคนที่กลัวฟ้าร้องละจะช่วยยังไง
พี่จะเลือกผมใช่รึเปล่า
แล้วคนที่เย็นชายิ่งกว่าอะไรเวลาที่คุณเห็นน้ำตาของเค้า
คุณสงสารเค้าใช่รึเปล่า
Kim himchan ’s part
เฮ้อ ห้าทุ่มแล้วหรอ ผมนอนลงกับพื้นกระเบื้องเย็นๆหลังจากที่ทำงานเสร็จ คืนนี้ผมยังอยู่ที่มหา’ลัยอย่างเช่นทุกครั้งเพื่อทำงานจนดึกดื่น .. ผมนอนลงอย่างอ่อนล้าการนั่งทำโมเดลจนหลังขดหลังแข็งนี่มันเหนื่อยชะมัด หลับตาลงช้าๆ.. ทั้งที่ผมควรจะกลับบ้านเลยแต่ผมไม่ทำ ไม่อยากจะพูดซักเท่าไหร่ว่าผมกำลังรอให้ใครบางคนมารับ มันน่าอาย
จะออกมาจากบ้านจุนฮงรึยังนะ
ผมหันไปมองนอกหน้าต่างที่ข้างนอกฝนกำลังกระหน่ำตกอย่างหนัก เฮ้อ..และอีกเหตุผลที่ผมไม่ยอมกลับบ้านเพราะผมกลัวเปียก แล้วเสียงฝนมันทำให้ผมรำคาญ
ผมคดตัวไว้ชันเข้าขึ้นมาพลางยกมือขึ้นมาปิดหูอย่างนึกรำคาญ คิ้วของผมขมวดแน่นพร้อมๆกับหลับตา จู่ๆก็มีบางอย่างจิ้มเข้าที่หว่างคิ้วของผมและลมหายใจอุ่มที่รดอยู่ต้นคอ.. ผมลืมตาตื่นมาอย่างตกใจก่อนที่ใบหน้าของยงกุกจะปรากฏอยู่ตรงหน้า ตรงหน้าที่..ห่างกันไม่ถึง 5 เซน.
“ขมวดคิ้วอีกแล้วนะ” เค้าพูดแล้วยิ้มให้ผมบางๆก่อนจะทรุดตัวลงนอนข้างๆผม
“ทำงานเสร็จแล้วหรอ” เค้าถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
“อืม”
เงียบ.. เงียบอีกครั้ง ผมได้ยินแต่เสียงฝนกระหน่ำข้างนอกและลมหายใจของเราสองคน ผมยกมือขึ้นมาปิดหูอีกครั้งแต่กลับถูกดึงออกด้วยคนข้างๆแทนแล้วยกกุกก็ดึงผมเข้าไปกอด.. ผมชอบจัง
เสียงหัวใจของเขามันทำให้ผมลืมเสียงฝนบ้าบอนั่น
เราเดินลงมาจากห้องแล้วแต่ฝนกลับไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ยงกุกเขาเลยตัดสินใจวิ่งผ่าฝนออกไปเอารถเพื่อมารับผมในที่ร่ม เชื่อว่าตอนมาเขาก็คงวิ่งมากจากที่จอดรถแน่ๆ.. เขารู้ว่าผมไม่ชอบเปียกฝน เชารู้ว่าผมจะป่วยง่ายถ้าเกิดเปียกฝน เขาน่ารักจัง..
ภายในรถเงียบอยู่เช่นทุกครั้ง..ผมได้ยินแต่เสียงเครื่องยนต์ปะปนกับเสียงของฝน ถึงใครต่อใครจะว่าสถานการ์นี้มันน่าอึกอัดแต่สำหรับเราคงไม่.. จะเงียบซักแค่ไหนผมก็ชอบเวลาอยู่กับยงกุกเสมอ แล้วผมเชื่อว่ายงกุกก็คงคิดเหมือนกัน
“จุนฮงละ” เค้ากลัวเสียงฟ้าร้องนี่.. แต่ทำไมนายถึงมาได้ละยงกุก
“หลับไปแล้ว”
“นั่นสินะ ถ้าเค้ายังไม่หลับนายอาจจะมารับฉันไม่ได้” ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่งแต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกน้อยใจอะไร..ผมเข้าใจทุกอย่าง
“ฮิมชานอย่าพูดแบบนั้นเลย” เค้าดูกระวนกระวายเล็กน้อยที่ได้ยินผมพูดแบบนั้น
“ก็ฉันพูดความจริง”
แน่นอนว่าผมไม่ได้สดใสแบบจุนฮงที่จะทำให้ยงกุกมีความสุขได้ทุกครั้ง
รถจอดเทียบอยู่หน้าบ้านของผมแล้วแต่เราสองคนนั่งเงียบอยู่นานสองนานพลางทอดมองฝนที่ไม่มีท่าทีว่าจะหยุดเลยซักนิด เค้าคงไม่อยากให้ผมเปียกและกำลังคิดหนักถึงวิธีที่จะทำไม่ให้ผมเปียกสินะ.. หึ รู้สึกการช่วยเหลือคนกลัวเสียงฟ้าร้องจะง่ายกว่าการช่วยคนกลัวเปียกมากกว่าเป็นไหนๆ
เพราะถ้าไม่มีร่ม เค้าก็ไม่รู้จะทำยังไงไม่ให้ผมเปียก
คงต้องนั่งอยู่ในรถต่อไป
“ดูไม่มีความสุขเลยนะเวลาอยู่กับฉัน”
“พูดอะไรน่ะฮิมชาน”
เค้าพูดอย่างใจเย็นแล้วเลื่อนมือขึ้นมาลูบหัวของผม ผมหลับตาลงนิ่งๆก่อนจะรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นๆที่เริ่มรดเข้ามาใกล้ใบหน้าเข้าเรื่อยๆ ริมฝีปากประกบเข้ากันแน่น..ในครั้งแรกเราทำอย่างอ่อนโยนแต่มันกลับร้อนแรงในครั้งต่อไป ผมหลงใหลในรสจูบนี้จนแทบถอนตัวไม่ขึ้น ความรู้สึกเห็นแก่ตัวที่อยากให้ริมฝีปากนี้จูบผมคนเดียวเริ่มก่อเกิดขึ้นในใจซะแล้วสิ
ก่อนหน้านี้นายคงจูบจุนฮงมาแล้วใช่มั้ย
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำให้เราละริมฝีปากออกจากกัน ยงกุกรีบรับโทรศัพท์ในตอนแรกที่เค้ารับเค้าดูหงุดหงิดเล็กน้อยแต่ในเวลาต่อมาเค้ากลับกระวนกระวายเหมือนใครกำลังจะตาย
“จุนฮงน่ะ.. ฉันต้องไปหาเค้าก่อน”
“หรอ ไม่ต้องไปหรอก” ผมพูดอย่างเห็นแก่ตัวครั้งแรกก่อนจะรั้งมือเค้าที่กำลังจับพวงมาลัยไว้ ยงกุกหันมาสบสายตาผมแววตาเค้าดูสับสนเหลือเกิน นั่นมันทำให้ผมหงุดหงิด..มาก เขาไม่ต้องการผมงั้นหรอ ?
ผมตัดสินใจเปิดประตูรถ ร่างกายของผมสัมผัสกับสายฝนครั้งแรกในรอบปี.. มันทำให้ผมหนาวสั่น แต่ถึงยังไงผมก็ไม่เดินเข้าที่ร่มหรือหลบเข้าไปในบ้านเพราะตอนนี้ผมเองกำลังเรียกร้องความสนใจ
ทำยังไงก็ได้ให้ยงกุกสนใจแต่ผม
เค้าตกใจอย่างมากที่เห็นผมทำแบบนี้.. ผมตกใจตัวเองเหมือนกันเพราะผมไม่เคยมีความรู้สึกอยากเรียกร้องความสนใจเลยซักครั้ง แต่ครั้งนี้กลับไม่ใช่.. หรือมันถึงจุดอิ่มตัวแล้วนะ
ยงกุกดึงผมไปกอดในอ้อมแขน ผมตัวสั่นสะท้านไปด้วยความหนาวเหน็บซุกหน้าลงกับแผผผงอกนั่นด้วยความโหบหาความอบอุ่นที่เคยได้รับ ผมไม่ยอมให้เค้าไปหาจุนฮงตอนนี้เด็ดขาดถึงเด็กนั่นจะเป็นตายร้ายดียังไง ผมก็จะรั้งยงกุกเอาไว้
“ฮิมชาน.. เข้าบ้านเถอะนะ”
พอเข้าบ้านนายก็จะทิ้งฉันไปหาเด็กนั่นใช่มั้ยยงกุก
เค้าผละผมออกจากอ้อมแขนแล้วเลือกที่จะสบตาผม เขาเบิกตากว้างอย่างตกใจเหมือนเห็นอะไรบางอย่างที่ไม่เคยเห็นมาก่อน.. ให้ตายสิถึงฝนกำลังจะตกแต่น้ำในดวงตานั่นกำลังไหลออกมาจากดวงตาแข็งกร้าวของผมเหมือนกัน แสงไฟน้อยนิดทำให้เค้ามองเห็นจมูกแดงของผมเค้าเริ่มกอดผมอีกครั้ง
ผมดูอ่อนแอชะมัด
“นายว่า..คนร่าเริง กับ คนเย็นชา เวลาที่พวกเขาร้องไห้ใครน่าสงสารมากกว่ากัน”
“ฮ..ฮิมชาน”
ผมต้องการอะไรงั้นหรอ
“ยงกุก ..ถ้าถึงเวลาที่ต้องเลือกละ”
“นายจะเลือกฉันใช่มั้ย”
ความสัมพันธ์สีจางๆของคนสามคน
Bang yongguk ’s part
ผมเฝ้ามองแสงไฟหลากสีจากคลับแห่งนี้ไปอย่างเลื่อนลอย แก้วน้ำสีอำพันยังคงถูกเติมซ้ำแล้วซ้ำเล่าหลังจากที่ผมดื่มมันไปหลายต่อหลายแก้ว ไม่ใช่ปกติที่ผมดื่มมากขนาดนี้แต่มันมีบางอย่างให้คิดบางอย่างที่ผมเองก็พึ่งจะมารับรู้ว่าผมเองไม่เคยสนใจมันมาก่อนเลย
เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างผม ฮิมชาน จุนฮง
ไม่รู้เมื่อไหร่ที่ความสัมพันธ์ของเรามันยุ่งเหยิงจนเกิดอาการแก้ไม่ออกแบบนี้ เหตุเพราะว่าทั้งสองถามผมประมาณว่าจะเลือกใคร.. แน่นอนว่าผมตอบไม่ได้ จะว่าผมเจ้าชู้คบทีสองคนก็ไม่ใช่ เพราะเราทั้งสามคนตกลงกันตั้งแต่แรกแล้วว่า
ผมจะมีความสุขกับจุนฮง และกับฮิมชานเท่าๆกัน
ซึ่งแน่นอนว่าเขายอมรับที่จะให้เป็นแบบนั้น
ผมดูเลวหรอ ? ผมไม่อยากพูดว่าตัวเองดูเลวซักเท่าไหร่หรอกนะ เหอะ ถึงใครจะบอกว่าผมเป็นพวกจับปลาสองมือ แต่ถ้าใครไม่รู้ระหว่างสัญญาของเราทั้งสามคนก็อย่ามาต่อว่าผมแบบนี้เลย..
แต่มันจะไปด้วยดีกว่านี้ถ้าหากทั้งฮิมชาน และจุนฮงมาถามผมให้เลือกคนใดคนหนึ่ง
ผมจะทำยังไงดี
ผมเดินออกไปนอกร้านเพื่อกลับบ้านแต่กลับพบว่าฝนกำลังตกลงมาอย่างแรงซ้ำยังมีเสียงฟ้าร้องเป็นครั้งคราวเสียจนให้สะดุ้งตกใจ แรงเสียจนทำลายความเงียบในใจผม เสียงของฝนที่กระทบพื้นยิ่งสร้างความปั่นป่วนในหัวของผม พลันนึกไปถึงเขาทั้งสองคน
คนที่กลัวเปียกฝน กับ คนที่กลัวฟ้าร้อง
นั่นสิ..สถานการณ์แบบนี้ผมควรไปหาใครก่อน
นั่นสิ..ผมไม่สามารถแยกร่างไปหาพวกเขาได้ในเวลาเดียวกัน
นั่นสิ.. มันถึงเวลาที่ผมควรเลือก
แต่พูดก็พูดเถอะ คิดว่ามันง่ายนักหรอ?
ให้ไปตายยังง่ายกว่า
นี่ไม่ใช่หนัง หรือละครน้ำเน่านะ
ที่ต่อให้ในตอนแรกของเรื่องพวกเขาสามคนจะมีความสัมพันธ์คลุมเครือกันแค่ไหน
ผลสุดท้ายแล้วนางเอกก็ต้องปรากฏชัดเจน และนางรองก็ปรกฎออกมาแล้วตกกระป๋องไปในที่สุด
บ้า นี่มันชีวิตจริงนะ จะให้ผมเลือกได้ง่ายๆนักหรอ
ในเมื่อละครชีวิตจริงมันไม่ได้มีผู้กำกับหรือนักเขียนที่ไหน
มาคอยขีดเส้นให้ตัวละครในเรื่องให้จบลงอย่างสวยงามโดยไม่มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเสียใจ
ชีวิตจริงที่ผมต้องเลือกเอง แล้วจบเรื่องให้มันเร็วในที่สุด
เพราะยิ่งปล่อยไว้นานเท่าไหร่ ความรู้สึกที่เรียกว่าหน่วงก็คงจะหนักมากขึ้นในใจเท่านั้น
จบแบบนี้อีกแล้ว หึ___________หึ
ความคิดเห็น