markkeb
ดู Blog ทั้งหมด

นี่คือสถาน...แห่งบ้านทรายทอง

เขียนโดย markkeb

ทำไปทำมาก็เกือบครบปีแล้วนะ ที่เราย้ายมาอยู่ที่นี่



ไอ้ตึกที่เห็นอยู่ลิบๆ นั่นแหละ ที่ทำงานของเรา  แล้วไม่ใช่ตึกแรกนะ เป็นอาคาร 2

การเดินทางนั้นไม่ต้องพูดถึง 

นอกจากครึ่งปีหลังของปี 49  ที่ย้ายมาอยู่ใหม่  เราขึ้นรถรับส่งจากบ้านมาที่สำนักงานหลักสี่ก่อน

แล้วก็รีบหาอาหารเช้าไว้กิน แล้วก็อาศัยรถพี่ที่ทำงานอยู่ด้วยกัน มาที่นี่  แบบประหยัดน้ำมัน

แต่คนเรามันต้องมีกระดูกสันหลังของตนเอง

หลังจากที่ทำเรื่องของย้ายจากปี 49 จนปี 50 ต้องทำเรื่องไปใหม่  แล้วก็ไม่มีวี่แวว 

จนคนอื่นได้ย้ายไปแล้ว  แต่เราก็ยังไม่มีวี่แววเหมือนเดิม

ทำงานดีจัด... หัวหน้า ร้ากกก มาก 

ไม่รักได้ไง ... โง่เป็นควาย  ใช้อะไรก็ทำ  ไม่ใช้ถ้าเป็นงานก็ทำ 

แถมเรื่องผลประโยชน์ไม่เคยใส่ใจ  นินทาจุกจิกก็ไม่มี 

ไม่ได้เป็นคนดี  แต่ทำงานมากจนไม่มีเวลาลืมตามองว่าใครทำงานอย่างไร

 แต่เขาไม่รู้อะไร ... คนเรา โง่ มันก็ต้องมีวันฉลาดบ้าง

เมื่อต้องอยู่ ...  เราก็ควรอยู่อย่างมีความสุข

ก็ดี ... ไม่ต้องไปแอ๊บ แบ๋ว กับหัวหน้าใหม่  ไม่ต้องทำเป็นเก่งอวดใครอีก  (กลัวว่าโง่) 

อยู่ที่นี่ไปเถอะ  ต่อให้ทำโง่ ๆ เซ่อ  ๆ เขาก็รู้ว่าไม่ใช่  (คิดเอง.... สำคัญผิดเปล่า)

แต่ไง ก็ต้องอยู่อย่างมีความสุข

เราเริ่มเดินทางมาเองตั้งแต่ เมษา 2550  จนถึงตอนนี้แต่ละวันราวกับการผจญภัย

ชีวิตเรื่อยๆ ที่ลุ้นแค่ลืมตาแต่งตัวหรือทำไงก็ได้ให้มาขึ้นรถให้ทัน แล้วก็หลับจนถึงที่ทำงานนั้น ไม่มีแล้ว

บางวันใส่ต่างหูไม่ทัน  คว้าใส่กระเป๋ามา  อยู่บนรถก็รีบหลับ  ถึงที่ทำงาน จนเย็นลืมเอาออกมาใส่ยังมีเลย

แต่ตอนนี้  ฉันต้องพร้อมตั้งแต่ออกจากบ้าน

ถ้าอยากแวะใส่บาตรก็ใส่  ใครจะทำไม  เพราะไงก็ต้องขึ้นรถเมล์ไปเองอยู่แล้ว

มาถึงที่ทำงาน



มีสระน้ำกว้างใหญ่ (ตรงที่เห็นสายไฟนั่นคือถนน  เราลงรถเมล์ป้ายตรงนั้นแล้วเดินเข้ามา)  

น้ำใจก็มี หาได้ข้างทาง  ถ้าเจอคนรู้จักเขาก็รับขึ้นรถ  บางทีไม่รู้จักแต่เขาแวะจอดรับก็ยังมี

ไม่งั้นก็นี่เลย  เส้นทางยาวไกลที่เราต้องเดินไป



นี่ถ่ายจากถนน หลังจากเดินจากป้ายรถเมล์นะ



ร่มไม้รายทางน่ะมี  ที่ทำงานเราต้นไม้สวย  หลังแนวไม้นี่ก็สระน้ำที่เห็นในภาพแรกไง



เดินมาเจอต้นนี่ก็เลี้ยวมาได้เลย...  แต่ตึกของเราไม่ใช่ตึกแรกที่เห็นนะ



เราต้องเดินต่อตามทางที่เห็นนี่แหละ (นี่แค่ทางเชื่อมระหว่างตึกนะ)

ถ้ามาเช้าๆ จะมีลั่นทมร่วง  กระจายอยู่ตามพื้น  เพราะคนสวนยังไม่ได้กวาดทิ้ง

แต่บางวันมันร้อน  โอ๊ย  ราวกับขนแดดทั้งกรุงเทพมาไว้ที่นี่  (อยากพูดว่าทั้งประเทศ  แต่แบ่งไว้ให้ที่อื่นบ้าง)

วันอย่างนั้น  เราอยากจะเหยียบลั่นทมทุกดอกที่เดินผ่านเลย

แต่บางวันก็แสนดี  เราก็เดินชมนกชมไม้



ชมลั่นทมทั้งที่บานอยู่บนต้น  และที่ร่วงหล่นอยู่บนพื้นก็สวย  ร่วงอยู่บนต้นเข็มก็สวย

ถ้ามีอารมณ์ก็เก็บดอกสวยๆ มาโปรยที่โต๊ะทำงาน




แต่เวลาทำงานจริงเก็บออกนะ  โปรยถ่ายรูปเฉยๆ แต่ที่แปะไว้ที่ต้นไม้ไม่ได้เอาออก



แปะไว้อย่างนี้แหละ ไผ่กวนอิมออกดอกเคยเห็นไหม ..  สงสารมัน  ไผ่กวนอิมต้นนี้  หอบหิ้วมาด้วยกันจากหลักสี่

ตอนแรกมีตายแค่ 3 กิ่ง  จนถึงวันนี้  มันเหลือแต่ 4 กิ่ง  (นับไว้จริงๆ อย่าเอาไปแอบแทงหวยนะ)

เรารออยู่ว่าเมื่อไรมันจะตายหมด  แถมกิ่งที่ตายก็คือ  กิ่งที่อยู่หน้าเราด้วย (มันมัดกันเป็นวงไว้ นึกออกปะ)

เมื่อมันยังอยู่ได้  ก็ดูแลกันไป

ส่วนเรา... แน่นอน

I WILL SURVIVE.

I WILL BE HAPPY MORE THAN YESTERDAY.

ไม่รู้ว่าถูกหรือผิด  แต่ฉันต้องมีความสุขมากกว่าเมื่อวันวาน

ความคิดเห็น

ความคิดเห็นที่ 1
I WILL SURVIVE.