[Topp Dogg] เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด (ฟิคแปล) - [Topp Dogg] เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด (ฟิคแปล) นิยาย [Topp Dogg] เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด (ฟิคแปล) : Dek-D.com - Writer

    [Topp Dogg] เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด (ฟิคแปล)

    โดย awika2002

    ฉันได้ยินมาว่าคนดีมักตายก่อนคนเลว เป็นฟิคแปลของ Topp Dogg คู่ Jenakta (Nakta x Jenissi) ค่ะ

    ผู้เข้าชมรวม

    443

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    443

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    3
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  22 ม.ค. 58 / 21:27 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    “ฉันได้ยินมาว่าคนดีมักตายก่อนคนเลว” 


    Title : reasons why dandelions bleed (เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด)

    Status: SF

    Fandom: Topp Dogg

    Pairing: Jenakta (Nakta x Jenissi)

    Author: Arianki

    Translater: awika

     

    Note:…. ชอบฟิคเรื่องนี้ค่ะ เลยเอามาแปล คำเตือน ฟิคนี้โรคจิตและเศร้ามากๆ ขอเตือนว่าถ้าไม่ชอบแนวนี้ไม่แนะนำให้อ่านจริงๆค่ะ เราแปลไปเรายังร้องไห้เลย


    ต้นฉบับค่ะ http://arianki.livejournal.com/15829.html

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : reasons why dandelions bleed (เหตุผลที่ทำไมดอกแดนดิไลออนหลั่งเลือด)

      Status: SF

      Fandom: Topp Dogg

      Pairing: Jenakta (Nakta x Jenissi)

      Author: Arianki

      Translater: awika

       

       ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
       

      นี่คือเวลาตีสอง และยูนชอลกำลังนั่งอยู่ที่โรงพยาบาล

      ในท้องของเขาปั่นป่วน และฝ่ามือเต็มไปด้วยเหงื่อ แต่เขายังคงนั่งนิ่ง ฟังสิ่งที่คุณหมอพูดกับแทยังจากข้างนอกผ่านหลังประตู

      เขารู้จักห้องนี้ดี วอลเปเปอร์สีฟ้าราคาถูกสังเกตุได้จากตรงปลายของวอลเปอร์เปอร์ที่ต่อกับเพดานนั้นลอกและไฟที่ติดๆดับๆอยู่เหนือหัวเขา ครั้งหนึ่งแทยังเคยบอกให้คุณหมอซ่อมมัน แต่เขาไม่เคยคิดจะซ่อมมันเลย


      ประตูเปิดขึ้นพร้อมกับแทยังเดินเข้ามา มือของเขายังคงบวมแดง เสื้อแจ็กเกตอาดิดาสของยูนชอลห่มอยู่ตรงไหล่ แทยังเดินตรงเข้ามา ยิ้มกว้างให้เขาและจัดทางท่าของตัวเองให้อยู่ในอ้อมแขนของเด็กหนุ่ม ระวังที่จะไม่โดนหน้าผากด้านขวาของยูนชอลซึ่งมีผ้าพันแผลพันไว้อยู่

      คุณหมอเดินตามแทยัง คิ้วขมวดติดกันขณะที่อ่านข้อมูลในมือ ยูนชอลกระแอ่มขึ้นทำให้คุณหมอมองขึ้นมาและคิ้วของเขาเลิกขึ้นขึ้นด้วยความสงสัยเมื่อเห็นแทยังซึ่งกำลังซบอยู่ตรงคอของยูนชอล ยูนชอลรี่ตามองคุณหมอก่อนที่คุณหมอรีบกลับไปมองข้อมูลในมือตามเดิม

      “อืมม ทุกอย่างปกติดีครับ” คุณหมอพูด “หมอตรวจดูแล้วไม่มีอะไรมาก โชคดีที่คุณมาก่อนที่เลือดจะออกมากกว่านี้ และไม่มีบาดแผลอื่นๆ ให้แน่ใจว่าพักผ่อนเพียงพอ และเช็ดแผลกับเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน”

      ยูนชอลผยักหน้า แทยังหมุนตัวจากแขนของยูนชอล ยิ้มให้กับคุณหมอจนตาของเขาแทบปิด คุณหมอได้แต่มอง

      “ขอบคุณครับ คุณหมอ” ยูนชอลตอบเสียงเบา “ไปกันเถอะ แท” เขาแตะมือแทยัง ก่อนที่แทยังจะจับมือของขา และเดินออกจากโรงพยายาบาลอย่างร่างเริงโดยมียูนชอลเดินตามหลัง


      -


       

      “นี่เป็น...” ดงซองนับนิ้วของเขา “....ครั้งที่ 6 ของเดือนนี้ที่นายต้องไปโรงพยาบาล”

      ยูนชอลพยักหน้า สายตาของเขาจ้องไปที่กาแฟสีน้ำตาลครีมตรงหน้า เคาะนิ้วลงบนโต๊ะอย่างกังวลใจ ใครบางคนเอื้อมมือมาหยุดเขา เขามองขึ้นมาเจอสายตาของเซฮยอกมองเขาอย่างเป็นกังวล

      “เดือนนี้เขาต่อยนายไปทั้งหมดกี่ครั้ง?” ดงซอกถาม


      “สิบสามครั้ง” ยูนชอลตอบ และจ้องไปที่กาแฟขอองเขาอีกครั้ง

      ไม่มีใครเอ่ยอะไรขึ้นมา ก่อนเซฮยอกถามขึ้นมาอย่างแผ่วเบา “แล้วนายได้หลับบ่อยแค่ไหน?”

      ยูนชอลไม่ตอบ ดึงมือออก วางไว้ตรงหน้าตักของเขา

      เสียงประตูถูกปิด และเสียงคนกำลังเดินเข้ามา พวกเขาหันไปมองแทยังที่เดินเข้ามาในห้อง แทยังขยี้ตา เขาใส่เสื้อยืดของยูนชอลซึ่งตัวใหญ่เกินไปสำหรับเขา ไหล่ข้างหนึ่งจึงโผล่ออกมา บ็อกเซอร์ขาสั้นและถุงเท้า 1 ข้าง

      “อรุณสวัสดิ์” เขาพึมพำ ยิ้มกว้างให้กับดงซองและเซฮยอก

      ดงซองมองแทยังด้วยสายตาเหมือนกับว่าแทยังนั้นมีสองหัว ส่วนเซฮยอกแค่พึมพำกลับมาว่า “อรุณสวัสดิ์”

      แทยังเดินเข้าไปหายูนชอล ขึ้นไปนั่งบนตักของเด็กหนุ่ม จัดท่าทางจนกระทั่งหาจุดที่นั่งแล้วรู้สึกสบาย หัวของเขาซบลงตรงคอของยูนชอล ยูนชอลยกมือขึ้นลูบผมของแทยังอย่างเคยชิน

      ความเงียมเข้าปกคลุมพร้อมบรรยากาศที่ไม่ดีนัก ดงซองไขว่ขา ก่อนกลับมานั่งสบายๆ และก็ไขว่ขาอีกไม่รู้อีกกี่ครั้ง แม้จะเหมือนมองไปรอบๆแต่สายตายังคงมองทั้งสองคนตรงหน้า เซฮยอกจิบกาแฟของเขาอยู่เงียบๆ สายตามองแต่ตรงโต๊ะ เล็บของแทยังจิกเข้าไปที่แขนขของยูนชอลอย่างแรง ยูนชอลได้แต่กลืนความเจ็บเอาไว้ในคอ ทำเป็นเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปล่อยให้แทยังจิกเล็บของเขาตรงแขนต่อไป โดยที่รู้ว่าพรุ่งนี้ตรงนั้นจะกลายเป็นรอยช้ำอย่างแน่นอน

       


      -

       


      ยูนชอลนอนลงบนเตียง เหลือแค่บ็อกเซฮร์ จ้องไปที่เพดานห้องด้วยสายตาที่อ่อนล้า แผ่นสะท้อนแสงรูปกระต่ายกำลังเรืองแสงอย่างอบอุ่นและบางเบาตรงตู้ลิ้นชัก


      ข้างๆเขา แทยังกำลังดึงผิวตรงด้านข้างเอวของยูนชอล ข่วนและจิกเล็บลงไปถึงกระดูก แทงเล็บนิ้วโป้งลงไป หยิกและจิกลึกลงไปอีก รอยเล็บขึ้นเป็นแถวตรงผิวของยูนชอล ยูนชอลได้แต่ถอนหายใจอย่างหนักหน่วง


      นิ้วของแทยังเลื่อนขึ้นจากเอวของยูนชอล ไปยังท้อง ก่อนที่จะหยุดตรงซี่โครง ไล่นิ้วไปยังช่องว่างระหว่างซี่โครงจิกลงไปอย่างแรงจนกระทั่งพอใจก่อนไล่ไปยังช่องต่อไป


      สายตาของยูนชอลพร่ามัว มองเพดานเห็นเป็นภาพซ้อน ดวงตาปวดไปหมด


      “ฉันได้ยินมาว่าคนดีมักตายก่อนคนเลว” แทยังพูดขึ้นมา ริมฝีปากของเขาอยู่ตรงซี่โครงของยูนชอล เขาขบและกัดลงไป เสียงของยูนชอลครางอย่างเจ็บปวด


      “อืม” ยูนชอลตอบ


      แทยังนอนลง วางมือของเขาไปไว้บนอกของยูนชอล จิกเข้าไปกลางอก ก่อนข่วนลง เป็นทางยาว ทิ้งเป็นรอยเลือดซิบบนผิวของเด็กหนุ่ม


      “แล้วทำไมนายยังไม่ตายล่ะ?”


      ยูนชอลหันมามองแทยัง แทยังกำลังกัดปากของตัวเอง สายตามองอยู่ที่รอยเลือดตรงอกของยูนชอล ยูนชอลเอื้อมมือ ประคองแก้มของแทยัง ให้สายตาของแทยังมองมาที่เขา


      “ฉันไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว” ยูนชอลกระซิบอย่างแผ่วเบา       

       


      -

       


      ทุกอย่างเริ่มขึ้นเมื่อแปดปีก่อน ตอนที่พวกเขาเป็นเด็กหนุ่ม สิ้นสุดโรงเรียนมัธยมปลาย เข้าสู่การชีวิตที่ผู้ปกครองอย่างให้เป็น หรือที่พวกเขาต้องการ ชีวิตที่พาพวกเขาไปไกลจากปัญหาเมื่อตอนเด็ก ไปห่างไกลจากความกลัวเหล่านั้น


      มีเด็กหนุ่มคนหนึ่งที่อยู่ห้องเรียนวิชาคณิตศาสตร์ห้องเดียวกับยูนชอล ผมกระเซอะกระเซิง ใบหน้าหล่อเหลา ยูนชอลมองเขาขณะที่เคี้ยวหัวดินสอจนกระทั่งอาจารย์เรียกเขาให้กลับมาสนใจกระดานอีกครั้ง ช่วงสองสามเดือนที่ผ่านเขาสังเกตุเห็นรอยเล็กๆบนข้อมือของเด็กหนุ่มคนนั้น เมื่ออากาศเริ่มร้อนขึ้น เด็กหนุ่มคนนั้นเริ่มใส่เสื้อยืดมาเรียน เขาคนนั้นชื่อแทยังกับรอยแผลเก่าๆเต็มตัวไปหมด ทุกๆวัน จะมีแผลใหม่ถัดมาจากแผลเดิม และทุกครั้งที่ยูนชอลเห็นแผลของแทยัง ในท้องของเขาปั่นป่วนและฟันแทะยางลบบนหัวดินสอ


      วันหนึ่งหลังจากเลิกเรียน ยูนชอลกำลังเดินกลับบ้าน และเขาเจอแทยังนั่งอยู่บนชิงช้า แทยังงอคลิปหนีบกระดาษในมือ ใช้มันลากรอยข่วนไปตรงหลังมือของเขา ยูนชอลได้แต่ยืนอยู่ตรงนั้น มองแทยังจนแทยังมองขึ้นมา สายตาของทั้งคู่ประสานกัน


      ไม่มีใครขยับ จนกระทั่งยูนชอลเดินเข้าไปหาแทยังก่อน คุกเข่าตรงหน้า แทยังมองเขาด้วยความประหลาดเมื่อยูนชอลเลื่อนมือของแทยังออกอย่างอ่อนโยนและวางมือของเขาลงไปแทน มืออีกข้างจับมือของแทยัง ลากคลิปหนีบกระดาษเป็นรอยข่วนบนมือของยูนชอล


      แทยังพึ่งเข้าใจสิ่งที่ยูนชอลต้องการบอกเขา ไม่กี่นาทีต่อมา ยูนชอลมีรอยหัวใจเล็กๆสามรอยสักอยู่ตรงหลังมือของเขา จริงๆมันเจ็บปวด แต่วันถัดมาแทยังนั่งอยู่ข้างเขาในห้องเรียนและไม่มีรอยแผลใหม่บนข้อมือของแทยัง หัวใจของยูนชอลพองโตเหมือนลูกโป่ง ความเจ็บปวดที่ได้รับมลายหายไปหมด


      -



      ยูนชอลตื่นขึ้นมากับความรู้สึกปวดไปทั่วร่าง ร่างกายเต็มไปด้วยเหงื่อ เขาพยายามหายใจเข้า สงบสติจากหัวใจที่กำลังเต้นรัว รู้สึกปวดระบมกับแผลตรงอกที่แทยังข่วนไว้ เขายกมือขึ้นมาตรงหน้า หัวใจดวงเล็กยังคงอยู่ตรงนั้น แม้จะจางลงไปแต่ยังคงอยู่


      เขาถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน มองไปทางขวา แทยังไม่ได้อยู่ข้างเขาและเตียงฝั่งนั้นเย็นเชียบ เขาถอนหายใจอีกครั้ง ยกมือขึ้นมาสางผมของตัวเอง ก่อนลุกขึ้นจากเตียง


      ยูนชอลยืดตัว รู้สึกเหมือนกระดูกตัวของเขาร้าว รวมถึงรอยแผลบนอกของเขาที่กำลังปวดระบม และรู้สึกถึงบางอย่างตรงแขนของเขา เมื่อเขาเช็กดู รอยฟันคมถูกฝังไว้ตรงผิวของเขา แทยังคงกัดเขาตอนที่เขาหลับไป


      เขาเดินออกจากห้อง หยุดตรงห้องนั่งเล่นซึ่งเขาเจอแทยังนอนเล่นอยู่บนพื้น ยื่นดอกแดนดิไลออนให้กับยูนชอล


      “นายทำให้พรมเลอะดิน” ยูลชอนบ่น มองลงยังแทยังด้วยสายตาขี้เล่น


      แทยังมองขึ้นมา หัวใจของยูนชอลเต้นรัวเมื่อเห็นรอยแผลตรงแก้มของแทยัง เขาคุกเข่า มือทั้งสองข้างประคองหน้าของแทยัง


      “เกิดอะไรขึ้น?” เขาถามเสียงสั่น รอยแผลไม่ได้ลึกนักแต่มันยังใหม่และยังมีเลือดซิบอยู่


      “นายหลับอยู่” แทยังตอบเหมือนไม่มีอะไรเกินขึ้น ผลักมือของยูนชอลออกและกลับไปสนใจดอกแดนดิไลออนของเขาอีกครั้ง


      “นายควรปลุกฉัน” ยูนชอลพูด รู้สึกถึงอารมณ์โกรธอยู่ในภายในตัวเขา


      “ฉันลองแล้ว” แทยังตอบไม่มองหน้ายูนชอล ชี้ไปที่รอยกัดตรงแขนของยูชอลแทน “ฉันคิดว่านายคงไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว”


      ยูนชอลได้แค่จ้องแทยัง สายตาพร่า ความโกรธของเขาเพิ่มมากขึ้น เมื่อเขาเห็นรอยแผลบนแก้มของแทยัง เขามันงี่เง่าที่ไม่สามารถตื่นมาเพื่อแทยัง เขามันงี่เง่ามาก


      เขารู้สึกถึงมือที่สัมผัสตรงแก้ม สายตาของเขากลับมาเป็นปกติ แทยังกำลังมองเขาอยู่ด้วยสายตาเศร้า


      “อย่าโกรธเลย ยูนชอล” แทยังกระซิบ “ฉันไม่เป็นไร” เขาหยิบดอกแดนดิไลออนขึ้นมาดอกนึงทัดหลังหูของยูนชอล “ตราบใดที่ฉันมีดอกไม้ของฉัน ฉันจะไม่เป็นไร”


      ยูนชอลหันหน้าจูบลงที่มือของแทยัง และแทยังยิ้มให้เขา

       


      -


      “เกิดอะไรขึ้นกับหน้าของพี่?”  เป็นสิ่งแรกที่ซองกยูถามขึ้นเมื่อเขาเห็นแทยังที่บ้านของเซฮยอกคืนนี้


      แทยังนิ่ง เซฮยอกเช่นกัน มีแค่ยูนชอลพูดขึ้นมานิ่งๆ “แมวของพวกเราข่วนเขา”


      ดงซองครางอย่างไม่พอใจออกมา ซึ่งทุกคนไม่ได้ยินมา ยกเว้นเซฮยอกที่ตบเขาไปตรงหัวเขาอย่างแรง


      “พวกนายเลี้ยงแมวด้วยหร?” ฮโยซังถามอย่างสงสัย “ฉันจำได้ว่านายแพ้ขนแมวนิ ยูนชอล”


      “แทยังอยากเลี้ยงแมว” ยูนชอลตอบ


      “ฉันอยากเลี้ยงแมว” แทยังทวนคำชองยูนชอล ทำให้ซองกยูมองแทยังด้วยสายตาแปลกๆ คืนนั้นแทยังตัวติดอยู่กันยูนชอลตลอดทั้งคืน


      เขาร้องไห้ตลอดทางระหว่างกลับบ้าน เมื่อถึงที่ห้องพักของทั้งคู่ แทยังปาดขาของยูนชอลด้วยมีดเปิดจดหมาย


      -

       


      ยูนชอลนอนอยู่บนพื้นห้องนั่งเล่น และแทยังกำลังวางดอกไม้ลงบนตัวของเขาไล่ตามกระดูกในร่างกายของยูนชอล


      ตาทั้งคู่ของยูนชอลใกล้จะปิด เขาสั่นทุกครั้งที่นิ้วเย็นๆของแทยังสัมผัสตัวเขา เขารู้สึกถึงแทยังวางก้านของดอกไม้บนแผลตรงขา หนึ่งดอกตรงท้อง และอีกหนึ่งดอกบนอก


      “ตอนนี้ นายเป็นดอกไม้ของฉันจริงๆล่ะ” แทยังพูด เมื่อเขาเปิดตามอง แทยังกำลังยิ้มอยู่ ดวงตาของเขายิ้มเหมือนพระจันทร์เสี้ยว


      ยูนชอลยิ้มกลับให้แทยัง ปิดตาอีกครั้ง หน้าต่างเปิดอยู่ เขาสามารถรู้สึกถึงสายลมอันอบอ่นของฤดุร้อน ได้กลิ่นของอากาศบริสุทธิ์ แทยังเริ่มฮัมเพลง ไล่นิ้วไประหว่างช่องว่างของดอกแดนดิไลออนที่วางตกแต่งอยู่บนร่างกายของยูนชอล เขาร้องเพลงขึ้นมา เล็บของเขาข่วนเบาๆบนผิวของยูนชอล


      “ทำไม, เมื่อไรกันนายพยายามเข้ากับฉันให้ได้-”


      “แทยัง..”


      “เมื่อไรกันที่นายไม่คิดสนใจดูแลตัวเองเลย-”


      “แทยัง..”


      “เมื่อไรกันที่นายต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน, ทำไมฉันถึงไม่รู้?-”


      “แทยัง” ยูนชอลพูดเสียงดังขึ้น ตาของเขาเปิดขึ้น จับข้อมือของแทยัง แทยังมองเขาด้วยสายตาเศร้าสร้อย ปากล่างกำลังสั่น  “นี่มันเพลงอะไรกัน?”


      “นายอยู่ที่ไหน” แทยังกระซิบ สายตามองต่ำ แทยังปล่อยมือของแทยัง ตากลับไปมองที่เพดานอีกครั้ง ก่อนรู้สึกถึงสัมผัสเหมือนหยดน้ำตรงขาของเขา เขามองขึ้นมามองเห็นแทยังกำลังร้องไห้

      “แทยัง” ยูนชอลพยายามลุกขึ้นมา แทยังสะอื้นก่อนผลักยูนชอลกลับไปที่พื้น


      “หยุด หยุดเลย นายทำให้ดอกไม้ฉันพัง” แทยังบ่น ยูนชอลพยายามจะลุกขึ้นอีกครั้งและแทยังผลักเขากลับไปที่พื้นอีกอย่างแรง เขาเริ่มเก็บดอกแดนดิไลออนออกจาตัวของยูนชอล รีบรวบดอกเหล่านั้นในวงแขนของเขาและกระซิบ “อย่าทำลายดอกไม้ของฉัน.....อย่าทำลายดอกไม้อีกดอกของฉัน....”


      ยูนชอลมองแทยัง มองหน้าของแทยังกลายเป็นสีแดง ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยน้ำตา พึมพัมกับตัวเอง ในแขนเต็มไปด้วยดอนแดนดิไลออน


      “แทยัง” ยูนชอลลองอีกครั้ง เขาลุกขึ้นนั่ง  ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากแทยังตบเขาตรงหน้า ดอกแดนดิไลออนกระจายไปทั่ว และยูนชอลทำได้แค่นั่งอยู่ตรงนั้น แก้มของเขาชา ช็อกกับสิ่งที่เกิดขึ้น


      มันไม่เคยเกิดขึ้น แทยังไม่เคยตบเขา ขาจับแก้มของเขา  เบาๆ รู้สึกถึงความเจ็บปวด เมื่อเขามองไปแทยัง แทยังถอยห่างจากเขา ยังคงถือดอกไม้บางส่วน ดวงตาเบิกโต


      “พระเจ้า...”แทยังกระซิบ เสียงของเขาสั่นเครือ  “พระเจ้า ฉันขอโทษ ยูนชอล ฉันขอโทษ”


      ยูนชอลรู้สึกมีบางอย่างในตาของเขา เขากระพริบตา รู้สึกแปลกใจเมื่อในตาของเขามีน้ำตาเออและน้ำตาไหลลงมา เขาสัมผัสน้ำตาด้วยความสงสัย ถูสัมผัสอันเปียกชื้นด้วยนิ้วมือของเขา เขาไม่เคยร้องไห้กับสิ่งที่แทยังทำกับเขา ไม่เคยสักครั้ง


      แทยังถอยห่างเขาออกไป ตัวสั่นอย่างควบคุมตัวเองไม่ได้ ได้แต่พูดวนไปวนมา “ขอโทษ ขอโทษ ขอโทษ”


      ยูนชอลไม่พูดอะไร แค่นั่งอยู่ตรงนั้น แปลกใจกับน้ำตาของเขา แปลกใจกับที่แทยังตบเขา ไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น จนกระทั่งแทยังออกจากห้องไป เขาทำได้แค่นั่งอยู่ตรงนั้น ร้องไห้อยู่เงียบๆเป็นเวลาหลายชั่วโมง

       


      -

       


      “นายไม่เข้าใจ” ยูนชอลพูดเสียงสั่นผ่านโทรศัพท์ เดินไปเดินมาในห้องนั่งเล่น “เขาไม่เคยห่างจากฉันเกิน 1 วัน ตอนนั้นมันสองวันแล้ว”


      “อย่าสติแตกไปสิ” ดงซองพูดขึ้น ถึงยูนชอลจะรู้สึกดงซองพยายามทำให้เขาสบงลง แต่เขาก็ยังรู้สึกถึงความห่วงใยอยู่ในนั้น “ฉันว่าเขาคงไม่เป็นไร เดี๋ยวเขาก็กลับมา”


      “ถ้าเขาบาดเจ็บล่ะ?” ยูนชอลเสียงแผ่ว เขาพิงกับกำแพง ภาพของแทยังมีบาดแผลหรือเลือดออกอยู่บนถนนสักแห่งผ่านเข้ามาในหัวของยูนชอล “แล้วถ้าเขาทำร้ายตัวเองล่ะ?”


      ปลายสายได้แต่เงียบ เขาได้ยินเสียงดงซองขบฟันอย่างกังวล เซฮยอกพึมพัมบางอย่างอยู่ข้างหลัง และดงซองตอบกลับเซฮยอก


      “ดงซอง!” ยูนชอลตะโกน เมื่ออีกฝั่งไม่คิดจะพูดอะไรขึ้นมาสักที


      “อ่า ขอโทษ ยูนชอล” ดงซองพูดขึ้นช้าๆ เซฮยอกยังคงพูดบางอย่าง และดงซองกระแอมขึ้น “อืม ยูนชอล.....นายไม่คิดว่า เขาคิดจะ....นายน่าจะรู้...”


      “อะไร?”


      “เช่นว่า...พยายาม...”


      “อะไร?”


      “ฆ่าตัวตายน่ะ”


      ยูนชอลพูดเยาะเย้ย “ไม่มีทางซะหรอก! เขาไม่มีทางทำอย่างนั้น เขาไม่มีท่าปล่อยฉันไว้คนเดียว พวกเราเคยคุยกันเรื่องนี้แล้ว


      “อืม.......งั้น เขาเคย...อืม..พูดถึงอะไรที่เขาไม่สบายใจบ้างไหม?....”


      คิ้วของยูนชอลขมวดเข้าหากัน พยายามคิด เวลาผ่านไป ก่อนเขาจะพูดขึ้นมา “ฉันว่าไม่มีนะ”


      “อืม...งั้นก็ดีไป” ดงซองหัวเราะแห้งๆ “มันคงมันคงเลวร้าย ถ้าเขาบอกว่าเขา....”

       


      ‘ดี…’


      ‘เลว...’


      เสียงของแทยังดังขึ้นมาในหัวของเขา ชัดเจนจนยูนชอลเกือบทำโทรศัพท์ในมือร่วง

       


      ‘ฉันได้ยินมาว่าคนดีมักตายก่อนคนเลว’

      ‘ฉันไม่ใช่คนดีอยู่แล้ว’

      ‘ฉันคิดว่านายคงไม่รู้สึกเจ็บอีกแล้ว’

      ‘เมื่อไรกันที่นายต้องเจ็บปวดเพราะความเห็นแก่ตัวของฉัน, ทำไม่ฉันถึงไม่รู้?’

      ‘อย่าทำลายดอกไม้ของฉัน.....อย่าทำลายดอกไม้อีกดอกของฉัน....’

       


      “เขากำลังจะฆ่าฉัน” ยูนชอลพูดเสียงเบา ถือโทรศัพท์ด้วยสองมือ


      “....อะไรนะ?”


      “เขากำลังจะฆ่าฉัน” ยูนชอลทวนคำอีกครั้ง สายตาเหม่อ “เขาคิดว่าคนดีควรตายก่อนคนเลว และเขารู้สึกแล้วว่าเขาทำร้ายฉัน.....รู้สึว่าตัวเองเป็นคนเลว...เขาอยากให้ฉันตายก่อน เขาถึงจะสามารถฆ่าตัวตายได้”


      “พระเจ้า” เสียงของดงซองดังขึ้นมาในโทรศัพท์ “พระเจ้า ยูนชอล ออกมาจากบ้านหลังนั้นเดี๋ยวนี้ โทรหาตำรวจด้วย ออกมาจากตรงนั้น เดี๋ยว...”


      ไม่ทันได้จบประโยค โทรศัพท์ของยูนชอลถูกกระชากออกจากมือ โยนข้ามห้องไป เขาปรับสายตาของเขา มองเห็นแทยังยืนอยู่ตรงนั้น ในมือถือปืนกระบอกหนึ่ง ดอกแดนดิไลออนหนึ่งดอกถูกเสียบไว้ตรงลำกล้องปืน เขาแกว่งมันไปมาเหมือนเด็กๆ


      พวกเขามองหน้ากัน ด้วยสีไหน้าไร้ความรู้สึก


      “ฉันขอโทษ” แทยังกระซิบอย่างแผ่วเบา เบามาจนอาจจะลอยหายไปกับอากาศและยูนชอลไม่ได้ยิน “ฉันขอโทษ ยูนชอล”


      “ไม่ใช่ความผิดของนาย” ยูนชอลตอบในทันที


      ดวงตาของแทยังเต็มไปด้วยน้ำตา ริมฝีปากล่างของเขาสั่น “มันเป็นความผิดของฉัน นายพยายามจะช่วยฉัน นายเป็นคนดี ทุกสิ่งที่ฉันทำไปมีแต่ทำร้ายนายทั้งนั้น ทุกสิ่งที่ฉันทำทำลายทุกสิ่งที่ฉันสัมผัส”


      ยูนชอลเดินเข้าไปหาแทยัง แทยังพยายามถอยหลังหนี ประคองปืนขึ้นมาตรงหน้าผากของยูนชอล


      “อย่า..ขยับ...” แทยังพูดเสียงสั่น “ฉันไม่อยาก....จะสู้กับนาย...”


      “ฉันไม่ทำอะไรนายหรอก” ยูนชอลพูดเสียงเบา “ฉันไม่สนใจว่านายนายทำร้ายฉัน”


      แทยังสะอึก น้ำตาไหลอาบแก้ม “ฉันรักนาย....ยูนชอล” เขาพยายามหายใจ “ฉันรักนายมาก...แต่ฉันเอาแต่ทำร้ายนาย...และฉันไม่สามารถปล่อยให้มันเกิดขึ้นได้อีกแล้ว....”


      ยูนชอลยกมือขึ้นมา หยิบดอกแดนดิไลออนตรงลำกล้องปืนออกมาทัดตรงหลังหูของเขา เขาเบี่ยงไปด้านข้างปืน ริมผีปากของเขาจูบลงตรงหน้าผากของแทยัง


      “ไม่เป็นไร” เขาพึมพัมตรงหน้าผากของแทยัง


      เขารู้สึกถึงปากกระบอกปืนแตะอยู่ตรงขมับของเขา รู้สึกถึงนิ้วมือของแทยังขยำเสื้อยืดของเขาแน่น แทยังยืนบนปลายเท้า จูบตรงริมฝีปากของยูนชอล กลิ่นของเขาเหมือนดอกแดนดิไลออนและทุกอย่างที่ยูนชอลเรียกว่า ‘บ้าน’


      “ฉันรักนาย แทยัง” เขาถอนหายใจ


      เขาได้ยินเสียงคลิ๊ก รู้สึกเจ็บเล็กน้อย เสียงปังดังผ่านหูของเขา และสิ่งสุดท้ายที่เขาเห็นก่อนที่ทุกอย่างจะมืดไปหมดคือดวงตาของน้ำตาลอันสิ้นหวังของแทยัง

      +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


       

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×