ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (exo) THE CHOICE.

    ลำดับตอนที่ #1 : 0 0 | ก่อนที่เราจะกลายเป็นเป้าหมาย (K - TEAM)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 614
      4
      1 ม.ค. 57







      KING  

      MEMBER  

               



    ก่อนที่เราจะกลายเป็นเหยื่อ (K - TEAM)

     

    29 Dec 20XX

     

    ช่วยด้วยค่า ! มีคนกระชากกระเป๋าฉันไป ! ’

     

    เสียงร้องตามหลังของหญิงสาว ทำให้ร่างสูงที่ในมือกำลังกำกระเป๋าสะพายสีสวยตามแบบของผู้หญิงต้องรีบเร่งฝีเท้าเพื่อหามุมที่แฝงไปกับความมืดในเวลานี้สักที่เพื่อหลบบุคคลอีก 4 – 5 คนที่กำลังวิ่งตามเขามาเพื่อหวังจะเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวให้หญิงสาวเจ้าของกระเป๋า

     

    เจอละ !

     

    ร่างสูงเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้น เมื่อพบเห็นช่องว่างระหว่างตึก 2 ตึกด้านหน้าที่แคบและอับ ที่สำคัญคือมีกำแพงสูงพอที่เขาสามารถปีนข้ามไปได้สบายๆเพื่อหลบหนี

     

    ตุ้บ !

     

    หลังจากที่ตะเกียกตะกายกำแพงมาได้ ในที่สุดเขาก็สามารถหลบหนีมาได้อีกครั้ง นี่เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่เขาทำพฤติกรรมแบบนี้ซ้ำๆซากๆมาตั้งแต่เด็กจนโต ตั้งแต่จำความได้ ก็ต้องวิ่งราวกระชากผู้คนแล้วก็วิ่งหนีหัวซุกหัวซุนมาแบบนี้เกือบทุกครั้ง

     

    เหนื่อยว่ะแค่กๆ

     

    อาการเหนื่อยล้าจากการที่เขาต้องเสียแรงไปกับการวิ่งหนี ทำให้เขาต้องสบถออกมา ก่อนจะสำลักจนต้องไอตามออกมา ร่างสูงเดินไปตามถนนที่เงียบสงบในยามวิกาล แต่แล้วก็ต้องหยุดการกระทำ เมื่อพบว่ามีเงาของใครบางคนยืนอยู่บริเวณที่ห่างจากตรงหน้าไปเพียงไม่กี่เมตร

     

    สวัสดี คิมจงอิน

     

    นั่นใคร !!”

     

    ทันทีที่ได้ยินอีกฝ่ายเรียกชื่อจริงของตนเอง ร่างสูงก็รีบตะโกนถามอีกฝ่ายที่ถูกความมืดปกปิดใบหน้าเอาไว้ ทั้งที่ใจอยากจะเดินเข้าไปดูใกล้ๆ แต่ทว่าเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกดเอาไว้ ขาทั้งสองข้างจึงได้แต่ยืนนิ่งแข็ง ขยับไม่ได้ราวกับถูกตรึงเอาไว้กับพื้นถนน

     

    นายปล้นแบบนี้มากี่ครั้งแล้วเนี่ย ?บุคคลปริศนายังคงถามต่อโดยไม่ได้สนใจคำถามของจงอิน

    ฉันถามว่าแกเป็นใคร !”

     

    นายชื่อคิมจงอินอายุ 22 มีพี่ชาย 1 คนที่พลัดพรากจากกันไปตั้งแต่เด็ก ตอนนี้นายเพิ่งถูกไล่ออกมาจากร้านอาหารที่ทำงานพิเศษเพราะร้านกำลังจะเจ๊ง แต่ตัวนายต้องการหาเงินไปจ่ายค่าเทอมในมหาวิทยาลัย ก็เลยต้องออกมาปล้น… ’

     

    ฉันทายถูกมั้ย ?

    แก !!” เจ้าของเรื่องราวได้แต่ยืนกำหมัดแน่น ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปรู้เรื่องราวของตัวเองมากขนาดนี้มาจากไหน

     

    และที่สำคัญรู้ว่าเขามีพี่ชาย

     

    ทว่า ยืนคิดได้แค่ครู่เดียว สายตาของจงอินก็เหลือบไปเห็นนามบัตรที่ตกอยู่ใกล้ๆเท้าของตัวเอง ร่างสูงก้มลงไปเก็บนามบัตรแผ่นเล็ก ก่อนจะกวาดสายตาดูผ่านๆอย่างไม่ใส่ใจนัก เพราะสิ่งที่ควรจะสนใจกว่าก็คือ บุคคลตรงหน้าที่ใช้ความมืดอำพรางใบหน้าไว้

     

    ตอนนี้ฉันมีอีเว้นท์อะไรให้นายร่วมสนุกนิดหน่อย ไปแต่ตัว ไม่ต้องลงทุน ถ้าชนะผลตอบแทนจะคุ้มค่ากว่าที่นายคิดเอาไว้

    ผลตอบแทน ? อีเว้นท์ ?จงอินพึมพำอย่างไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด

    เอาเป็นว่านายเอานามบัตรนั่นไปอ่านก่อนก็แล้วกัน ถ้าสนใจล่ะก็ไปตามวันเวลาที่เขียนไว้ในนั้นละกันนะ

    อะไรของ…”

    ที่สำคัญอีกอย่าง…”

     

    นายอาจจะได้เจอพี่ชายของนายด้วยนะ

     

     

                ตุ้บ !

     

                “โอ๊ย !”

     

                กระป๋องน้ำอัดลมที่ตกลงกลางศีรษะและอีกหลายใบที่จงใจถูกกระทำให้มาโดนบนตัวเขา ร่างเล็กจึงเผลอร้องโอดโอยออกมา สร้างความสนุกสนานให้กับบุคคลรอบข้างที่เหลือ

     

                เฮ้ย ใส่แว่นแล้วเฉิ่มว่ะ เอาแว่นออกเถอะ…”

     

                หนึ่งในกลุ่มอันธพาลที่เพิ่งปาสิ่งของใส่เขาเดินเข้ามา ก่อนจะหยิบแว่นตาออกไปจากใบหน้าของเขา ทำให้ทัศนวิสัยในการมองรอบข้างเริ่มแย่ลงอย่างเห็นได้ชัด

     

                เอาแว่นมา…”

                “อะไรกัน คยองซู พอถอดแว่นแล้วโคตรน่ารักเลยว่ะ

                “เอาแว่นฉันคืนมา !”

     

                เจ้าของชื่อที่ถูกเรียกว่า คยองซู เริ่มขึ้นเสียง ถึงกระนั้นเขาก็ไม่สามารถเดินไปหาคนที่กำลังแกล้งเขาได้ เพราะภาพตรงหน้าที่เริ่มเบลอมากขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งทำให้เขาปวดศีรษะมากกว่าเดิม

     

                ฮ่าๆ โมโหแล้วว่ะกลุ่มนักเรียนตรงหน้ายังคงสนุกสนานที่เห็นคยองซูกำลังถูกแกล้ง

                ขี้โมโหจริงๆเลยน้า ทำหน้าแบบนี้ไม่น่ารักเอาซะเลย

                “เอาแว่นของฉันคืนมา !!!”

               

                ร่างเล็กใช้แรงทั้งหมดที่มีอยู่ วิ่งตรงไปผลักบุคคลตรงหน้าที่เห็นแบบเลือนราง ยิ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับคนรอบข้างมากขึ้นไปอีก

     

    แต่ทว่า เหมือนเป็นคราวซวยของคยองซู เมื่อคนที่เขาวิ่งตรงไปผลัก ไม่ใช่คนที่กำลังแกล้งเขาอยู่

     

    เฮ้ย !! เดินเข้ามาหาเรื่องแบบนี้ อยากมีเรื่องใช่มั้ย !! ’

     

    เสียงทุ้มต่ำตวาดขึ้นกลางลานอเนกประสงค์ของมหาวิทยาลัย ทำให้คยองซูรู้ได้ทันทีว่า เขากำลังทำสิ่งที่ผิดพลาดครั้งใหญ่ลงไป

     

    เจ้าของเสียงนี้คือหนึ่งในรุ่นพี่อันธพาลของมหาวิทยาลัย

     

    รุ่นพี่ผมขอ…”

    เออ ถ้าคิดจะขอโทษ ก็กล้าให้อภัยเว้ย แต่เมื่อกี๊นี้ แกทำให้กล่องข้าวของฉันตกพื้น ฉันไม่มีข้าวกิน คงต้องชดใช้หน่อยล่ะวะ

    เดี๋ยวผมซื้อใช้ก็ได้ อย่าทำอะไรผมเลยนะ…”

     

    คยองซูขอโทษในสภาพปากคอสั่น แม้จะไม่เห็นใบหน้าของคนตรงหน้าก็ตามที แต่กลับรู้สึกได้ถึงแรงมหาศาลที่กระชากคอเสื้อของเขาขึ้นมา มือหนาที่กลายเป็นกำปั้นชกลงมาบนใบหน้าของร่างเล็กอยู่สองสามที ก่อนจะปล่อยร่างของเขาลงกับพื้น กลิ่นคาวเลือดที่อยู่บนปากเป็นหลักฐานที่ฟ้องได้ว่า สภาพใบหน้าของเขาตอนนี้คงดูไม่จืดสักเท่าไหร่

     

    คราวหน้าอย่าคิดจะมาหาเรื่องกันอีกนะเว้ย !”

     

    รุ่นพี่ร่างใหญ่พูดปิดท้าย ก่อนจะเดินมาเตะร่างเล็กที่นอนขดอยู่บนพื้น แล้วจึงเดินจากไป ส่วนกลุ่มเพื่อนที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นต้นตอของเรื่อง ก็รีบแยกย้ายกันออกไป โดยไม่ลืมที่จะวางแว่นตาไว้ข้างๆร่างเล็กที่นอนหมดสภาพอยู่คนเดียว

     

    เจ็บตัวอีกแล้ว

     

    คยองซู !!!!!”

     

    เสียงเรียกชื่อเขาดังมาในระยะไกล ก่อนที่เจ้าของเสียงเรียกจะวิ่งมาหยุดอยู่ตรงหน้าแล้วจึงนั่งลงกับพื้นเมื่อเห็นสภาพของคยองซูเช่นนี้

     

    ชานยอล…”

    เฮ้ย ! เกิดอะไรขึ้น ทำไม…”

    ไม่เป็นไร…”

    ยังจะบอกว่าไม่เป็นไรอีก พอนายพูดแบบนี้ทีไร ฉันหงุดหงิดนายทุกที รู้มั้ยว่าคนกำลังเป็นห่วงเนี่ย !”

     

    ร่างสูงโย่งเจ้าของชื่อ ชานยอล ทำหน้าไม่พอใจ แต่ก็ยังแสดงอาการเป็นห่วงคยองซูอย่างเห็นได้ชัด ก่อนจะค่อยๆพยุงคยองซูให้ขึ้นมานั่ง

     

    ฉันจำได้ว่าฉันออกไปถ่ายเอกสารแป๊บเดียว ทำไมกลับมานายถึงอยู่สภาพนี้ !”

    “…”

    ใส่แว่นก่อน…”

     

    ถึงชานยอลจะดูโมโหและหงุดหงิด แต่กระนั้นเขาก็ยังหยิบแว่นที่วางอยู่บนพื้นมาสวมให้คยองซูที่ยังคงมีอาการมึนๆจากการโดนแรงต่อยเข้าที่ใบหน้า เลยส่งผลไปที่ระบบประสาทเล็กน้อย

     

    ขอบใจ

    ไปมีเรื่องกับพวกนั้นมาอีกแล้วเหรอ ?

    “…”

     

    หลังจากถูกชานยอลจับได้ คยองซูเลยทำได้แค่พยักหน้าเบาๆ ร่างสูงจึงทำได้แค่ถอนหายใจอย่างหน่ายๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เป็นแบบนี้ แต่เกือบจะเป็นทุกวันเสียด้วยซ้ำที่คยองซูมักจะโดนเด็กต่างคณะแกล้ง เพราะด้วยภาพลักษณ์ที่ดูเป็นเด็กเรียนและเฉิ่มๆ แถมไม่ค่อยจะสู้คน บางทีก็ไม่อยากจะคิดภาพว่า ถ้าไม่มีเขาสักคน ป่านนี้คยองซูจะอยู่สภาพไหน

     

    โชคดีนะที่วันนี้เรียนแค่ครึ่งวัน กลับหอกันเถอะ

     

    ชานยอลพูดด้วยรอยยิ้มเหมือนทุกครั้ง ก่อนจะพยุงรูมเมทสุดเฉิ่มกลับหอพักหลังมหาวิทยาลัย ทั้งคู่พากันกระเสือกกระสนเดินมา จนกระทั่งมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องพัก

     

    หือ ?

     

    ชานยอลส่งเสียงออกมาเล็กน้อย ทำให้คยองซูต้องหันไปมองเพื่อนรักที่เอาแต่ยืนจ้องประตูห้อง ไม่ยอมไขห้องสักที

     

    มีอะไรเหรอชานยอล ?

    นี่อะไรน่ะ ?

     

    ชานยอลชี้ไปที่ประตูห้อง แต่ทว่า สิ่งที่สะดุดตากว่าก็คือ มีกระดาษนามบัตรใบเล็กๆเสียบอยู่ที่ประตู

     

    นามบัตรเหรอ ?

    ไหน เอามาดูซิ

     

    คยองซูหยิบนามบัตรออกมายืนมอง พร้อมด้วยชานยอลที่อยู่ข้างๆเช่นกัน เนื้อความในนามบัตรที่ระบุสถานที่และเวลานัดหมายไว้ ยิ่งทำให้ทั้งคู่งุนงงมากกว่าเดิม

     

    จดหมายลูกโซ่ป่ะเนี่ย ?ชานยอลบ่น

    ไม่รู้สิ ไม่มีจ่าหน้า ไม่มีแม้กระทั่งชื่อคนส่ง มีแต่นัดสถานที่กับเวลาเอาไว้…”

    จดหมายเด็กเล่นล่ะม้าง~”

    แต่ฉันว่าลองไปดูก็ไม่เสียหายนะ

    เฮ้ย จะบ้ารึไง เที่ยวไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้าคนเดียวเนี่ยนะ

    ก็แล้วใครบอกว่าฉันจะไปคนเดียวล่ะ…”

    “…?”

    ชานยอลก็ต้องไปกับฉันด้วยสิ ^_____^”

     

     

                ทั้งหมด 10000 วอนครับ

     

                กองเอกสารตรงหน้าที่กำลังถูกยกไป ทำให้ร่างบางที่กำลังยืนรับเงินจากลูกค้ายืนถอนหายใจด้วยความโล่งอก หลังจากที่งานใหญ่เสร็จสิ้นลง ก่อนจะเดินไปปิดเครื่องถ่ายเอกสารที่เปิดใช้งานมานานเพื่อให้เครื่องได้พักการใช้งานบ้าง

     

                “เสร็จซักที !”

     

                แบคฮยอน ! ’

     

                หือเหอเฮ้ย ชานยอล !”

     

                หลังจากได้ยินคนเรียกชื่อ ร่างบางที่กำลังจะเอนหลังพักผ่อนก็ต้องชักสีหน้ามุ่ยขึ้นมาเล็กน้อยที่จู่ๆลูกค้าที่เขาไม่ค่อยอยากจะเห็นหน้าดันโผล่มาได้ผิดเวลาสุดๆ

     

                ถ่ายเอกสารให้หน่อยดิลูกค้าร่างโย่งว่า

                แลกกับอะไรอีกล่ะคราวนี้ ?

     

                แบคฮยอนถามกับพลางยักคิ้ว เพราะทุกครั้งชานยอลมักจะไม่เคยจ่ายเงินค่าถ่ายเอกสารเลยสักครั้ง แต่มักจะมีขนมหรือของจุกจิกมาแลกเปลี่ยนแทน

     

                งวดนี้ขอติดไว้ก่อนนะ ไม่มีตังค์จริงๆ

                “ไม่มีก็อด !”

                “น่างวดเดียวเอง นะนี่แนวข้อสอบฉันนะ ถ่ายให้ฉันหน่อยเถอะ ถือว่าช่วยฉัน น้า~

                “ก็ได้ มาๆ เดี๋ยวฉันถ่ายให้

                “Thanks !”

     

                ชานยอลยิ้มกว้างก่อนจะส่งสมุดเลคเชอร์ให้คนที่ยืนอยู่ในร้าน ส่วนแบคฮยอนหลังจากที่ได้งานมาแล้วก็ต้องรีบจัดการ ถึงแม้ว่าจะไม่ได้เงิน แต่อย่างน้อย ก็พอจะทำให้เขามีข้าวกินอิ่มไปได้อีกมื้อ

     

                นี่ ไอ้เตี้ย

                “ไอ้เตี้ย ? แกเรียกใคร !?!”

                “ยืนกันอยู่สองคน ฉันคงเรียกแมวที่บ้านแกมั้ง

                “เฮ้ย ปากเสีย !”

                “ช่างเหอะ นี่ แกไม่คิดจะเรียนต่อแล้วจริงๆเหรอ แบคฮยอน ?

                “…”

     

                คำถามของชานยอล ทำให้แบคฮยอนจากที่กำลังฮึดฮัดอยู่กลับสงบเสงี่ยมลง ก่อนจะก้มหน้าลงแล้วเดินเลี่ยงไปทำทีดูเครื่องถ่ายเอกสาร ชานยอลเลยได้แต่ส่ายหน้า เพราะรู้ตัวดีว่า ดันไปถามอะไรแทงใจดำอีกฝ่ายเข้าซะแล้ว

     

                เฮ้ย ขอโทษ…”

                “ช่างเถอะ

                “…”

                “ตั้งแต่แม่เสียไปเพราะไฟไหม้บ้านตอนนั้น ฉันก็อยู่คนเดียวมาตลอด ต้องทำงาน หาเงินจ่ายค่าบ้านเช่า ค่ากิน ค่านู่นนี่สารพัด แกคิดว่าฉันจะมีเงินเหลือไปเรียนเหรอ ?

                “…”

                “โชคดีเท่าไหร่แล้วที่มหาลัยยอมให้ฉันมาทำงานร้านถ่ายเอกสารของที่นี่

                “เฮ้ย ขอโทษ…”

                “ไม่เป็นไรฮึก…”

                “เฮ้ยอย่าร้องไห้เด้ !!!”

     

                ชานยอลได้แต่ยืนงงตึ้บหลังเห็นว่าเพื่อนยืนก้มหน้าก้มตาเช็ดหน้า ไม่ต้องเดาอะไรให้มากความ มองก็รู้ว่ากำลังร้องไห้อยู่ชัดๆ

     

                เอ้า ! เอกสารเสร็จแล้ว

    ขอบใจ ไม่ต้องร้องไห้เดี๋ยวพรุ่งนี้พาไปกินข้าวที่หอ คยองซูสัญญาไว้ว่าจะทำสปาเก็ตตี้ให้กิน

    จริงนะ !”

     

    จากใบหน้าซึมกะทือ จู่ๆก็เปลี่ยนมาเป็นใบหน้ายิ้มพร้อมทำตาโตนั่นอีก ไอ้นี่เปลี่ยนอารมณ์เร็วไปนะบางที -____-;

     

    เออ ไปละ ขอบใจมาก

    บ๊ายบาย~

     

    หลังจากเห็นว่าเพื่อนเดินออกไปลับตาแล้ว ร่างบางจึงหันกลับมาเตรียมจะทิ้งตัวลงนั่งกับเก้าอี้ แต่ทว่า กลับพบกระดาษแผ่นเล็กๆอยู่บนโต๊ะที่ชานยอลเพิ่งวางสมุดไว้เมื่อครู่นี้

     

    ของไอ้โย่งเหรอ ?

     

    เฮ้ย ! ชานยอล ลืมของ !”

     

    แบคฮยอนพยายามตะโกนตามหลัง แต่ชานยอลกลับเดินออกไปไกลเกินกว่าที่จะได้ยินเสียงเรียก แบคฮยอนจึงถือวิสาสะเดินเข้าไปดูกระดาษแผ่นนั้น

     

    นามบัตรเหรอ ?

     

    แบคฮยอนค่อยๆหยิบนามบัตรใบเล็กๆที่เขียนรายละเอียดไว้เพียงเล็กน้อย พร้อมระบุสถานที่และเวลาไว้ เหมือนกับเป็นการนัดเจอกัน ซึ่งเขาเองก็ไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่นัก จะว่าเป็นนามบัตรของพวกสาวๆดาวคณะที่ชานยอลชอบสะสมไว้ก็ไม่ใช่ ว่าแต่

     

    ไอ้โย่ง เดี๋ยวนี้มีอะไรก็ไม่ค่อยบอกกันหรอก -_____-+

     

     

                ตอนนี้ที่จีนหนาวมาก~~ ’

                “งั้นก็ดูแลตัวเองดีๆด้วย เข้าใจมั้ย !?!”

                นี่กำลังจะขึ้นเครื่องกลับแล้ว คงถึงคืนนี้ประมาณ 2 ทุ่ม ไว้เจอกันนะ มารับฉันที่สนามบินด้วย เข้าใจมั้ย ! ’

                “รอเวลานี้มานานแล้ว ไว้เจอกันนะ

                ฉันจะเช็คอินละนะ ไว้เจอกัน บ๊ายบาย ! ’

     

                หลังจากตัดสัญญาณ Skype ไป โอเซฮุน หรือ เซฮุน นักศึกษามหาวิทยาลัยชั้นปีที่ 1 ก็ต้องมานั่งห่อเหี่ยวอีกครั้ง เมื่อเห็นกองหนังสือตรงหน้า

     

                เมื่อไหร่จะสองทุ่มวะ อยากเจอทูนหัวใจจะขาดแล้ว T_____T

     

              ตุ้บ !

     

                “โอ๊ย !”

     

                เซฮุนเผลอร้องขึ้นมา หลังจากที่มีวัตถุบางอย่างตกลงมากลางศีรษะ ก่อนจะหันไปหาตัวต้นเหตุที่กำลังนั่งอ่านหนังสืออยู่อีกฝั่งของโต๊ะหินอ่อน พลางหยิบกระดาษที่ถูกขยำเป็นก้อนเตรียมจะปากลับ แต่อีกฝ่ายกลับรู้ตัวซะก่อน

     

                ก็รู้ว่าคิดถึงแฟน แต่นี่จะสอบแล้ว อ่านหนังสือซะบ้าง !”

                “ฮยองก็พูดได้สิ คนโสดจะไปเข้าใจอะไรคนมีแฟนเล่า !”

                “…”

                “แทงใจดำเหรอ ซูโฮฮยอง~

                “หุบปากไปเลยเซฮุน !”

                “ง่า คิดถึงลู่หาน T_____T” เซฮุนยังคงโอดครวญ ยิ่งสร้างความรำคาญให้ซูโฮได้อีกเท่าตัว

                คิดถึงมากก็บินตามไปที่จีนเลยไป !”

                “อะไรวะ โดนแฟนบอกเลิกแล้วมาพาลใส่ชาวบ้าน ไม่คุยด้วยละ หงุดหงิด !” คราวนี้กลับเป็นเซฮุนที่อารมณ์เสียแทน

                “…”

                “ขี้หงุดหงิดแบบนี้ไง ถึงได้โดน อี้ชิงฮยอง ทิ้ง เฮอะ…”

                “เซฮุน !!”

                “โอ๊ะ พี่รหัสเราเข้าโหมดจริงจังแล้วแฮะ

                “เซฮุน…”

     

                ถ้ามีปัญหา ไปเจอกันที่ศาลได้นะ -_____- ’

     

                “เหอพอเลยฮยอง อ่านหนังสือกฏหมายมากไปละนะ

                “เรียนนิติศาสตร์ แกจะให้ฮยองไปอ่านหนังสือวรรณกรรมเหรอ ?

                “ฮยอง นั่นอะไรน่ะ ?

     

                เซฮุนเปลี่ยนเรื่องคุย หลังจากเห็นว่า หนังสือเล่มหนาเตอะที่ซูโฮกำลังอ่านอยู่ มีกระดาษนามบัตรใบเล็กๆแทรกอยู่ในหน้าที่ซูโฮเพิ่งเปิดมาพอดี

     

                หือ ?ซูโฮเองก็งงเช่นกัน

                นามบัตรอะไรอ่ะ ?

                “ไม่รู้สิ แปลกนะ ฉันไม่เคยเอานามบัตรมาสอดตามหนังสือเลยนะ

                ไหน เอามาดูหน่อยดิฮยอง

     

                เซฮุนว่าพลางเอื้อมมือมาหยิบนามบัตรไปจากหนังสือ ก่อนจะกวาดสายตาอ่านด้วยใบหน้าเคร่งเครียด แล้วจึงหัวเราะออกมา ยิ่งทำให้ซูโฮถึงกับงงตึ้บมากกว่าเดิม

     

                อะไรวะเซฮุน ?

                “นามบัตรนัดอะไรก็ไม่รู้ ระบุวันเวลามาพร้อมเลย ฮ่าๆ ฮันแน่ เลิกกับอี้ชิงฮยองได้อาทิตย์เดียว เตรียมนัดเจอคนอื่นซะแล้วเหรอ ไวไปมั้งฮยอง

                “ไม่ใช่นะ !”

                “แล้วมันคืออะไรล่ะ ?

                “ก็ไม่รู้เหมือนกัน

     

                ซูโฮเริ่มมีสีหน้าที่เคร่งเครียดขึ้น นามบัตรในมือของเขามาจากใคร และที่ไหนก็ยังไม่รู้แน่ชัด แต่กลับมีวันเวลานัดหมายไว้เสียดิบดี แต่นั่นก็น่าสนใจน้อยกว่าการที่เขาเหลือบไปเห็นอะไรบางอย่างที่เหน็บอยู่กับกระเป๋าเป้ของเซฮุน

     

                เฮ้ย เซฮุน…”

                “ว่าไง ?

                “นายก็ได้นี่นามบัตรนี่เหมือนกันนะ

                “หือ ?เซฮุนเริ่มมีสีหน้างุนงงหลังซูโฮพูดจบ

                อยู่ที่ด้านข้างของกระเป๋าเป้นาย

                “…”

     

                เซฮุนหันไปหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา และพบว่ามีหน้าตาและข้อความเหมือนกับของซูโฮทุกอย่าง ก่อนที่เจ้าตัวจะยิ้มแบบทะเล้นออกมา

     

                ลองไปตามที่ที่เขานัดหน่อยก็ไม่เสียหายนะฮยอง…!”

     

     

                30 Dec 20XX

     

                หิมะตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย ถือว่าเตรียมส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ ต้นคริสมาสต์ที่เต็มตลอดสองข้างทางถูกประดับไปด้วยแสงไฟหลากสีสัน และผู้คนที่เริ่มออกมาเดินเที่ยวเล่นกันในยามค่ำคืน

               

    จงอินกำลังเดินหาสถานที่ที่ระบุไว้ในนามบัตร ที่เขายอมมาทั้งๆที่ไม่รู้อะไรเลย ในหัวตอนนี้ก็คิดเพียงแค่ว่า อาจจะได้เบาะแสะเกี่ยวกับพี่ชายที่ไม่ได้เจอกันมาหลายสิบปี ตามที่ชายปริศนาพูดเอาไว้ก่อนจะจากไปในวันนั้น จนในที่สุด เขาก็มาหยุดอยู่ที่หน้าสถานที่ที่ถูกนัดหมายไว้ และก็ต้องตกใจกับสิ่งที่เห็น

     

    ไม่ใช่แค่เขาเพียงคนเดียวที่ถูกนัดหมายให้มาที่นี่ ยังมีบุคคลอีก 5 คนที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว และแน่นอนว่า ทุกคนกำลังจับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียว

     

    พวกนาย…”

    นายก็โดนเรียกมาเหมือนกันเหรอ ?ชายที่ตัวสูงที่สุดในกลุ่มทักทายเป็นคนแรก

    “…”

    ชานยอล ตกลงนี่มันอะไรกัน !?!”

     

    คนที่ยืนพิงกำแพงอยู่มุมนอกขึ้นเสียงใส่คนที่เพิ่งทักทายเขาไปเมื่อครู่นี้ เอชื่อชานยอลงั้นสินะ ?

     

    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน เฮ่อ…”

    ฉันมาตามนามบัตรนี่…”

     

    จงอินว่าพลางชูใบนามบัตรขึ้นมา ส่วนอีก 5 คนที่เหลือก็พยักหน้าเบาๆ ก่อนจะชูนามบัตรขึ้นมาเช่นกัน

     

    พวกนายก็ได้เหมือนกันเหรอ !?!”

    ใช่นายชื่ออะไรล่ะ ?เด็กหนุ่มใส่แว่นที่ตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเอ่ยถามชื่อของจงอิน

    คิมจงอิน…”

    ฉันชื่อ โดคยองซู และนี่ เพื่อนของฉัน ปาร์คชานยอล ส่วนที่ยืนอยู่ตรงนั้นคือ บยอน แบคฮยอน เราสามคนเป็นเพื่อนกัน…”

     

    ร่างเล็กเอ่ยแนะนำตัวเองและเพื่อนตัวโย่งที่เพิ่งทักทายเขาไปหมาดๆ รวมไปถึงผู้ชายอีกคนที่ดูไม่ค่อยสบอารมณ์สักเท่าไหร่ แต่ก็แน่ล่ะ อากาศหนาวขนาดนี้ แถมยังโดนเรียกออกมาโดยไม่รู้สาเหตุอีก แม้แต่จงอินเองก็หงุดหงิดเช่นกัน

     

    แล้วนายสองคนล่ะ ?ชานยอลหันไปถามอีกสองคนที่ยืนแยกอยู่อีกมุม

    อ่าฉันชื่อซูโฮ ส่วนนี่น้องรหัสของฉัน โอเซฮุน

    หวัดดีเซฮุนทักทายอย่างเซ็งๆ

    อ่าฮะ ยินดีที่ได้รู้จักนะทุกคนคยองซูพูดพร้อมยิ้มน้อยๆให้ทุกคน

    ทุกคน ฉันถามอะไรหน่อยสิ พวกนายได้นามบัตรนี่กันได้ยังไง ?ซูโฮเริ่มเปิดประเด็น

    เมื่อวานฉันไปเจอผู้ชายคนหนึ่ง มองไม่เห็นหน้าตาหรอกนะ แล้วเขาก็บอกฉันว่า ถ้าอยากเจอพี่ชาย ให้มาตามที่อยู่นี้จงอินอธิบาย

    ฉันกับคยองซูเป็นรูมเมทกัน ตอนที่เรากลับห้องเมื่อวาน ก็เจอนามบัตรนี้เสียบอยู่ที่ประตูห้อง ก็เลยลองมาดูน่ะ

    ส่วนของฉัน ฉันเจอมันอยู่บนโต๊ะที่ร้านถ่ายเอกสารเมื่อวาน คิดว่าน่าจะเป็นของชานยอล แต่หมอนี่ก็ปฏิเสธ แถมยังลากฉันมาที่นี่ด้วยแบคฮยอนพูดก่อนจะชักสีหน้าเล็กน้อย

    แล้วนายได้มันมายังไงล่ะซูโฮ ?คยองซูหันไปถามซูโฮกับเซฮุนที่ยืนสั่นเพราะอากาศที่หนาวจัด

    มันสอดอยู่ในหนังสือเรียนของฉัน ส่วนของเซฮุน มันติดอยู่ในกระเป๋าเป้

    ขอฉันลองอ่านนามบัตรนี่อีกรอบนะแบคฮยอนว่าพลางหยิบนามบัตรขึ้นมาดู

     

    ฉันรู้ว่าพวกนายทุกคนกำลังมีปัญหาที่แก้ไม่ตก และฉันคิดว่ามันก็ไม่เลว ถ้าเราจะได้สังสรรค์ร่วมกันในวันสิ้นปีนี้สักหน่อย และแน่นอนว่า ถ้าพวกนายมาตามข้อเสนอของฉัน พวกนายจะได้รับสิ่งตอบแทนที่คุ้มค่า ถ้าหากพวกนายเป็นผู้ชนะ

     

    ถ้าสนใจล่ะก็ มาเจอกันที่โรงแรมหน้าสถานีรถไฟตอน 3 ทุ่มของวันที่ 30 ธันวาคม ประตูทางเข้า A

     

    ฉันหวังว่า เราจะได้พบกัน… ’

     

                “เป็นจดหมายที่บ้าบอคอแตกสิ้นดี !” เซฮุนสบถขึ้นมา

                นี่ก็สามทุ่มแล้วนะ ทำไม…”

     

                เอาล่ะมากันครบแล้วสินะ ทีม K !! ’

     








    ปล. เจอกันในแท็ก #ล่าท้าตาย นะคะ :') อยากเห็นฟัดแบ็ก

    ©
    Tenpoints!
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×