ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #1 : Rule 1 : รับ(รัก)น้องต้องแกล้งโหด

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 64.87K
      143
      19 มิ.ย. 61

    09/10/12
    edit : 25/10/12
    edit : 07/01/13

    deleted : 15/02/13


     

               Rule 1 : รับ(รัก)น้องต้องแกล้งโหด

     หนังสือการ์ตูน...เป็นสิ่งบันเทิงสิ่งเดียวที่ผมสามารถเพิ่มสีสันให้กับอารมณ์ของตัวเองในขณะนี้ได้  พื้นคอนกรีตลาดยาวถูกแดดแผดเผาส่งผ่านความร้อนที่มันสะสมไว้สู่ผิวตูดที่กำลังสัมผัส  แสงแดดจ้าสาดส่องเข้าตาจนต้องหยีตาเพราะความแสบ  ผมยกมือปาดน้ำตาที่หางตาเบาๆ ไม่ใช่เพราะเศร้าหรือซึ้งอะไรแต่ตาผมแพ้แสงน้ำตาก็เลยไหลง่าย

               

    “เฮ้ย!! ตรงนี้ไม่ใช่ที่อ่านหนังสือการ์ตูนและในเวลานี้คุณไม่สมควรจะอ่าน!!” ผมสะดุ้งเฮือกก่อนจะรีบซุกหนังสือการ์ตูนลงกระเป๋าเป้ที่เอามาวางไว้ที่หน้าตัก  โคตรพ่อง! ไอ้พี่ว้ากที่มาว้ากใส่ผมจะพูดเบาๆ ไม่ได้หรือไงวะครับ  หูกูจะแตกครับพี่  หูผมจะแตกก็จริงแต่สิ่งที่แตกก่อนหูก็คือหน้าครับ  ไอ้พี่ว้ากแม่.งด่าผมต่อหน้านักศึกษาคนอื่นๆอย่างไม่ไว้หน้ากันเลยสักนิด  อย่าให้ถึงทีกูนะมึง ฮึ่ม!

                คือตอนนี้ผมกำลังอยู่ในกิจกรรมรับน้องใหม่ครับ  ก็แบบ...ผมเป็นเด็กต่างจังหวัดเข้ามาเรียนก็เลยไม่มีเพื่อนหรือคนรู้จักในมหาวิทยาลัยนี้เลยสักคนสิ่งที่ผมจะทำแก้เบื่อระหว่างนั่งฟังพวกรุ่นพี่บ่นก็คืออ่านหนังสือการ์ตูนครับ  ไอ้ผมก็นั่งอยู่แถวกลางๆ เหลือบออกไปข้างหลังก็เลยไม่คิดว่าจะมีคนเห็นผมแอบอ่านน่ะสิ ซวยเลย

                “ขอโทษครับ” ผมก้มหน้าสำนึกผิด  ตั้งแต่โดนตวาดผมก็ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นเลยทีเดียว  เสียงไอ้พี่คนนี้ดุเสียยิ่งกว่าเสือคำราม  ให้เดาหน้าตาก็คงดุน้อยกว่าเสือหน่อยเดียว  คงจะเป็นไอ้หนวดเคราแพะที่ตอนนี้พวกนักศึกษาชายของมหาวิทยาลัยนี้กำลังนิยมไว้ล่ะมั้ง  แต่โทษที ถึงผมจะเป็นคนซ่าแถมยังแสบแต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่อยากเล่นกับเสือหรอกนะเออ

                “เป็นผู้ชายประสาอะไรวะพูดเสียงอ่อนเชียว! พูดให้มันดังๆ กว่านี้หน่อยสิ!!” กูว่าเสียงกูไม่ได้เบาหรอกแต่พอเทียบกับเสียงคำรามของมึงเสียงกูก็เลยกลายเป็นเสียง หวี่ๆ ของแมลงวันตัวกระจ้อย

                “ขอโทษครับผม!!” ผมหลับหูหลับตาตะโกนเสียงดังก่อนจะก้มหน้ามองพื้นคอนกรีตอันแสนร้อนระอุอีกครั้ง

                ผมสอบเข้าเรียนในคณะวิศวะสาขาวิศวกรรมเครื่องกลครับ  ผมเคยได้ยินพวกรุ่นพี่ไปแนะแนวที่โรงเรียนว่าถ้าเรียนคณะนี้สาขานี้การรับน้องจะโหดมากและถ้าใครดื่มเหล้าไม่เป็นล่ะก็...ฮึๆ โดนเล่นจนต้องลาออกกันไปข้างเลยทีเดียวครับ  พวกรุ่นพี่ที่มาแนะแนวเล่าให้ฟังว่ามีคนที่เข้าไปเรียนแล้วไอ้หมอนั่นมันป๊อดดื่มไม่เป็น  พอดื่มไม่เป็นก็เข้าสังคมกับเขาไม่ได้ก็เลยกดดันจนต้องซิ่วไปเรียนคณะอื่น  ส่วนผมน่ะหรือ ฮึๆ ถ้าเรื่องเหล้าขอให้บอก  ชอบนักแล

                “ไอ้น้องคนนั้น  ออกมา!” เสียงพี่ว้ากอีกคนที่ไม่ใช่ไอ้พี่เสือที่ยืนค้ำหัวผมดังขึ้นมาจากหน้าแถว  ผมก้มหน้า  ไม่รู้ไม่ชี้  คงไม่ได้เรียกกูมั้ง

                “เฮ้ย! แกน่ะลุกเลย” พี่เสือครับ  สะกิดกูดีเหลือเกินนะครับถึงขนาดลงทุนใช้ตีนสะกิดเข่ากูเลยอ่ะ  เป็นเกียรติอย่างล้นพ้นจริงๆ

                “ครับ” ผมตอบเนือยๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนและพอผมลุกขึ้นผมก็ได้ป๊ะกับพี่เสือเข้าพอดิบพอดีผมจึงเห็นหน้าพี่แกชัดๆ

                O.O บร๊ะเจ้า!! พี่แกอ่ะ...พี่แกอ่ะ...โคตรพ่อโคตรแม่...

                เฮ้ย!! ทำไมลางสังหรณ์ของผมแม่นจังวะครับ  ไอ้พี่เสือหน้าดุอย่างกับเสือจริงๆ แต่เป็นเสือที่มีเคราแพะ!!  ผิวสีแทนๆ(แทนที่จะขาวอ่ะดิ) ตัดผมทรงสกินเฮด  คิ้วเข้มๆ ตาคมๆ ดุๆ ริมฝีปากหนาสีซีด  โอ้วแม่เจ้า!! คนห่.าอะไรหน้าตาน่ากลัวฉิบหาย! (ไม่ใช่ว่าแกขี้เหร่จนน่ากลัวนะ  แกก็ดูดีในฐานะผู้ชายคนหนึ่งแต่หน้าแกดุจนไม่อยากเข้าใกล้อ่ะดิ)

                “ไอ้ไท ลากคอมันออกมาดิ๊” เสียงที่เรียกให้ผมออกไปพูดซ้ำอีกครั้ง  ผมหันไปมองหน้าคนพูดประโยคเมื่อกี้ก่อนจะหันกลับมาดูไอ้พี่เสือ  ต่างกันราวสวรรค์กับนรก  ไอ้พี่ที่เรียกผมเมื่อกี้หน้าตาอย่างกับเทพบุตร  ตัวก็ขาวกว่าไอ้พี่เสือ  คิ้วเข้มน้อยกว่านิดหน่อยโก่งเล็กน้อย  จมูกก็โด่งจนแทบจะทิ่มหน้าผมที่ยืนอยู่ตั้งไกล  ปากก็บางกว่าไอ้พี่เสือ  แถมตัวยังสูงกว่าไอ้พี่เสืออีก! (เชี่ย!! ผมสูงถึงแค่ติ่งหูไอ้พี่เสือเองนะ) แต่ถึงอย่างไรก็เถอะ  ดูเหมือนเทวดากับซาตานคงจะเป็นเพื่อนกัน  แต่เอ๊ะ...ไอ้พี่เสือชื่อไท...ไทเกอร์ป่าววะ ฮ่าๆ

                ก่อนที่ผมจะได้สงสัยที่มาที่ไปของชื่อพี่เสือคอเสื้อของผมก็ถูกหิ้วโดยไอ้พี่เสือเคราแพะแต่แรงควาย(ตกลงแกเป็นลูกกี่ครึ่งกันแน่ฟะ?)แล้วถูกโยนไปตรงหน้าสเตจโดยมีพวกเพื่อนร่วมรุ่นซึ่งเป็นเด็กใหม่หัวเราะคิกคัก  นี่กูกำลังจะถูกทำโทษพวกมึงเลยหัวเราะกูเหรอ  เป็นเพื่อนร่วมรุ่นที่ดีเนาะ

                “ชื่ออะไรครับ?” ไอ้พี่หล่อที่ตีหน้านิ่งเก๊กหล่อให้สมหล่อถามเสียงเข้ม  อื้อหือ  หน้าก็หล่ออยู่หรอกแต่เสียงพี่แกไม่หล่อเลยว่ะ(แต่ก็น่าจะดีกว่าเสียงกูล่ะวะ เสียงขึ้นจมูกเป็นเป็ดเชียวกู)  นี่ล่ะหนาที่เขาว่ากันว่าคนหล่อย่อมเสียงขี้เหร่ส่วนคนขี้เหร่ก็มักจะเสียงหล่อ(เกี่ยวไหมเนี่ย?)

                “เอ่อชื่อสุดที่รัก อาราตะครับ” ผมตอบอ้อมแอ้ม  นามสกุลผมญี่ปุ่นก็จริงแต่หน้าผมไท้ยไทยนะครับ  แบบว่า...แม่ผมแยกทางกันกับพ่อของผมก่อนจะไปแต่งงานกับพ่อใหม่ชาวญี่ปุ่นผมก็เลยต้องใช้นามสกุลนี้    คุณเธอ(แม่ผมอ่ะนะ)ฝันอยากได้แฟนเป็นชาวญี่ปุ่นมาตั้งนานแล้วแต่ดันไปตกลงปลงใจกับพ่อผมก่อนพอเลิกกันคุณเธอก็ไปอยู่ญี่ปุ่นทิ้งผมไว้กับตายายและกลับมาไทยโดยควงหนุ่มญี่ปุ่นมาด้วย  ผมก็ไม่ได้มีปัญหาหรอกที่แม่แต่งงานใหม่เพราะพ่อใหม่ก็ใจดี(ถึงจะพูดไทยไม่รู้เรื่องก็เหอะ)  และเนื่องจากแม่เป็นคนคลั่งประเทศญี่ปุ่นผมจึงมีชื่อเล่นว่าไอที่แปลว่าความรักและมีชื่อจริงให้สอดคล้องกับชื่อเล่นว่าสุดที่รัก

                “เป็นชื่อที่ดีนะ  น้องๆ จำชื่อเขาไว้ให้ดีล่ะ  ส่วนนาย...ไล่ชื่อเพื่อนทุกคนตั้งแต่หัวแถวจนไปถึงคนสุดท้าย  อ้อ น้องที่นั่งอยู่คว่ำป้ายชื่อด้วยนะครับ” หือ!?! อย่ากวนกูสิครับไอ้พี่หล่อ  มึงเพิ่งให้พวกกูบอกชื่อกันไปรอบเดียวเองนะแล้วกูจะจำหมดได้ไงวะตั้งสามสิบกว่าคน!!

                “ลงโทษอย่างไรดีน้า ฮึๆ” ขณะที่ผมกำลังหน้าซีดเป็นไก่ต้มเสียงที่บ่งบอกถึงความอารมณ์ดีของไอ้พี่เสือก็ดังขึ้น  หนอย...มั่นใจนักนะว่ากูจะจำชื่อเพื่อนทั้งหมดไม่ได้  คอยดูเถอะไอ้พี่เสือหน้าโหด! แกด้วยไอ้พี่หล่อนิสัยเสีย! (พาลให้หมดเลยตู) กูจะไล่ชื่อเพื่อนทั้งหมดให้ดู!

     

                “หนึ่ง! สอง! สาม! สี่! ...” ผมแทงปลาไหลทั้งน้ำตาตกในโดยมีพวกรุ่นพี่แกล้งเตะตูดบ้างแหย่ตูดบ้างทำให้ผมต้องแทงปลาไหลอย่างระแวดระวัง(กลัวปลาไหลที่แทงๆ อยู่จะแว้งมาแทงตูดเอาน่ะสิ)  แค่กูจำชื่อเพื่อนได้ไม่หมดแล้วผิดตรงไหน(คร่ำครวญทั้งน้ำตา) แค่กูอ่านการ์ตูนแก้เบื่อกูผิดนักหรือ(น้ำตายังนองอยู่)  แค่กูด่าไอ้พี่ว้ากหน้าหล่อว่าเตี้ยกูก็โดนสั่งแทงปลาไหลเพิ่มจากหนึ่งร้อยทีเป็นร้อยห้าสิบที  มันเหนื่อยนะเว้ย!

                คือ...ที่ผมด่าไอ้พี่หล่อว่าเตี้ยก็เนื่องจากผมหมั่นไส้ในความสูงชะลูดตูดปอดของมันน่ะสิ  คนห่.าอะไรวะโคตรพ่อโคตรแม่สูง  ตอนเด็กๆ แม่เลี้ยงมึงด้วยเสาไฟฟ้าป่ะครับพี่!

                “เอาล่ะ  นอกจากเราจะเห็นน้องสูงแทงปลาไหลแล้วเรายังจะเห็นน้องสูงเต้นไก่ย่างด้วยนะครับ” ไอ้...ไอ้พี่เตี้ย! กูแทงปลาไหลจนลิ้นห้อยแล้วยังไม่ให้กูไปพักอีก  รู้จักไหมน้ำใจน่ะรู้จักเปล่า!

                หลังจากที่ผมประชดแกว่าเตี้ยแกก็ประชดผมกลับว่าสูงอ่ะครับ

                “นี่น้อง...สูงเท่าไหล่?” ไอ้พี่เสือที่เนรเทศตัวดำๆ (ก็ไม่ได้ดำมาก  ผมล้อไปงั้นแหละ)ไปยืนข้างคนตัวขาวๆ อย่างพี่เตี้ย(ยังไม่รู้ชื่อพี่แกเลยเพราะพี่แกไม่ได้ห้อยป้ายชื่อ)ถามขึ้น

                “174 เซนติเมตรครับ” ผมยืดตัวเต็มความสูง  ผมไม่ได้เตี้ยนะครับ  นี่มันสูงอยู่ในระดับมาตรฐานนะครับแต่ไอ้พวกพี่ว้ากเกอร์มันเสือ.กสูงเกินมาตรฐานเองต่างหาก

                “เปล่า  พี่ไม่ได้ถามว่าน้องสูงเท่าไหร่? แต่พี่พูดว่าน้องสูงเท่าไหล่ไอ้ลันต่างหาก ฮ่าๆๆ” คำล้อเลียนของไอ้พี่เสือเรียกเสียงหัวเราะจากคนฟังได้อย่างชะงัดและมันก็เรียกความอับอายให้ผมได้อย่างชะงัดเช่นกัน  ผมเหลือบตาไปมองไอ้พี่เตี้ย(ที่เพิ่งรู้ว่าชื่อลัน)ก่อนจะพบว่าเฮียแกที่เก๊กหน้านิ่งมาโดยตลอดแอบขำเล็กน้อย  ฮึ ขำได้ขำไป  อย่าให้ถึงทีกูนะเว้ย!

                แต่ที่ไอ้พี่เสือล้อเมื่อกี้ก็ไม่ถูกไปเสียหมดหรอกนะเพราะผมน่ะสูงเลยไหล่ไอ้พี่เตี้ยมาจนถึงคางอยู่นะขอบอก(ดูกูจะภูมิใจเหลือเกินสูงแค่คางเขาเนี่ย)

                “เอาล่ะๆ ไอ้ไทมึงมาโชว์ไก่ย่างถูกเผาเวอร์ชั่นวิศวกรรมเครื่องกลให้ดูหน่อยดิ๊” ไอ้พี่หล่อพี่เป็นพิธีกรเดี่ยวไม่ยอมวางไมค์(แกถือไมค์ไว้เฉยๆ ที่จริงแล้วแกว้ากสดครับพี่น้อง)พูดก่อนที่ไอ้พี่เสือจะหาเรื่องล้อผมไปมากกว่านี้

                “ได้เลย มิวสิค!” ไอ้พี่เสือออกมายืนตรงหน้าผมกับไอ้พี่ลันก่อนจะเต๊ะท่าทางและดีดนิ้วดังเป๊าะเพื่อขอจังหวะกลองจากกลุ่มพวกพี่ๆ ที่คอยให้จังหวะเพื่อเสริมสร้างความสนุกให้แก่น้องๆ  อืม...ให้น้องคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ผมอ่ะนะ  คนถูกทำโทษใครจะไปสนุกออกได้ไงวะครับ

                เมื่อเสียงดนตรีดังขึ้นเสียงร้องเพลงไก่ย่างก็ดังขึ้นตาม  ไอ้พี่เสือเริ่มโชว์ลีลาท่าเต้นเป็นตัวอย่างให้ผมดู  ที่จริงท่าเต้นมันก็ไม่ได้ต่างอะไรจากออริจินอลหรอกนะครับแต่ว่ามันรุนแรงและหลุดโลกกว่าหน่อย  ตอนท่อนร้องที่ว่า เสียบตูดซ้าย ไอ้พี่เสือก็แอ่นตัวไปด้านหน้าก่อนจะกระดกก้นให้โด่งขึ้นด้วยท่าทางที่รั่วมาก  เอิ่ม...ผมไม่กล้าทำอ่ะครับ  สงสารเด็กบ้านนอกตาดำๆ ขี้อ๊ายขี้อายอย่างผมเถอะ นะๆ  แล้วไอ้ท่อนที่ว่า  ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ ร้อนจริงๆ เนี่ยไอ้พี่เสือก็เด้งเป้าแบบสุดใจขาดดิ้นเลยครับ  เด้งจะเกรงว่าเอวแกจะแยกส่วนได้เลยทีเดียว

                “เอ้า ไอ้สูงทำดิ๊  ถ้าไม่แรงไม่ให้กลับนะเออ” ไอ้พี่เสือดันหลังผมให้ออกมายืนข้างหน้าก่อนจะขู่    เห็นผมหน้าตาเหมือนเด็กแสบแต่ผมก็ขี้อายนะครับ(เหรอ?)

                “เอ่อ พี่ไทครับถ้าผมจะขอมีเพื่อนมาเต้นด้วยจะได้ไหมครับ?” ผมถาม ฮึๆ  แผนชั่วร้ายบังเกิดขึ้นในหัวสมองเท่าเม็ดถั่วของผม

                “ได้สิ เชิญเลือก” พี่ไทผายมือไปตรงที่นั่งสำหรับเด็กปีหนึ่ง

                “ใครก็ได้ใช่ไหมครับ?” ผมถามย้ำ  ผมเป็นคนย้ำคิดย้ำทำต้องเอาให้แน่ใจก่อนครับผมถึงจะกล้าทำอะไรที่ขายขี้หน้าต่อหน้าสาธารณชน ฮึๆ

                “เออ รีบเลือกสิ” ไอ้พี่เสือเร่ง

                “พี่เตี้ย...” ผมกระดิกนิ้วเรียกไอ้พี่ลัน  ผมไม่ยอมอายคนเดียวหรอกครับ โฮะๆ เห็นหน้าไอ้พี่ลันนิ่งเป็นควายโง่แบบนี้ผมว่าแกต้องไม่กล้าทำอะไรน่าอายแบบนี้แน่ๆ ฮุๆ

                “อะไร?” ไอ้พี่ลันขานรับ

                “ผมเลือกพี่นั่นแหละ  มาเต้นกับผมเดี๋ยวนี้” พอผมพูดจบคิ้วเข้มๆ ก็ขมวดเข้าหากันทันที  นั่นไง ทำหน้าแบบนี้แสดงว่าไม่อยากเต้นอ่ะดิ คึๆ พี่ไม่อยากแต่ผมอยากนะเออ

                “อะไร ฉันไม่เกี่ยวเว้ย  เลือกเด็กปีหนึ่งไปสิ” ไอ้พี่ลันพูดหน้าตาเฉยและไม่มีทีท่าว่าจะออกมาเต้นกับผมเลย

                “อะไรกันครับ  เมื่อกี้ผมถามย้ำแล้วนะว่าใครก็ได้ใช่ไหมไอ้พี่เสือ...เอ้ย!!...พี่ไทก็บอกว่าใช่เพราะฉะนั้นถ้าผมเลือกพี่พี่ก็ต้องออกมาเต้นกับผม” ผมแสยะยิ้ม  ไอ้หน้านิ่งๆ เมื่อครู่ย่นคิ้วอีกครั้งก่อนจะตวัดสายตาขวับไปมองไอ้พี่ไทอย่างแค้นเคือง  พอเห็นสายตาแบบนั้นของไอ้พี่ลันไอ้พี่ไทก็ค่อยๆ ย่องไปหลบด้านหลังเพื่อนคนอื่นทันที

                “ใช่ครับพี่  เมื่อกี้ผมก็ได้ยินนะว่าจะเป็นใครก็ได้” เสียงทุ้มๆ ของผู้ชายดังขึ้นมาจากแถวที่นั่งของเด็กปีหนึ่งก่อนเสียงสนับสนุนอื่นๆ จะตามมา  ผมเหล่ตามองไอ้พี่ลันก่อนจะแสยะยิ้มเย้ย  พี่แกถลึงตาใส่ผมเหมือนอยากจะด่าว่า ไอ้เด็กเปรต แต่สุดท้ายคนที่เป็นต่อก็คือผม ก๊าก ฮ่าๆๆ

                พอเสียงเพลงดังผมก็เริ่มเต้น  ผมเหลือบไปมองคนข้างๆ ก่อนจะอ้าปากค้าง  โอ้แม่เจ้า! เพิ่งเคยเห็นเทพบุตรตุ๊ดแตกก็วันนี้แหละครับ  ไอ้พี่ลันเต้นท่าที่ไอ้พี่เสือเพิ่งโชว์ให้ดูเมื่อครู่แบบไม่มีกั๊กกันเลยทีเดียว  ผมที่ตะลึงงันกับท่าเต้นของแกถึงกับไปต่อไม่เป็นเลย  ไอ้พี่ลันแกเต้นท่ารั่วหลุดตุ๊ดแตกได้หน้าตายมากซึ่งนั่นก็เรียกเสียงหัวเราะจากคนอื่นๆ ได้อย่างดีแต่ก็มีคนบางกลุ่มที่ตกใจไม่อยากจะเชื่อว่าหน้าตาอย่างไอ้พี่ลันจะทำอย่างนี้ได้ซึ่งหนึ่งในคนกลุ่มนั้นก็มีผมด้วย

                “เฮ้ย! เต้นดิวะ” ไอ้พี่ลันเอานิ้วชี้ป้ายปากผมเมื่อเห็นผมเอาแต่ยืนทำตาโตอ้าปากค้าง  ถุย! มือแกไปจับอะไรมาบ้างเนี่ย  เค็มชะมัด

                “เอาใหม่ๆ เต้นใหม่ๆ” ไอ้พี่มือกลองที่ท่าทางกวนตีนสุดโต่งตีกลองรัวก่อนจะบอกให้พวกเราเริ่มเต้นใหม่  ไอ้พี่ว้ากเกอร์หน้าหล่อข้างผมชักสีหน้าไม่พอใจแต่สุดท้ายก็ยอมเต้นไปพร้อมกันกับผม

     

                หลังจากทนนั่งตากแดดมาครึ่งวันพวกเด็กปีหนึ่งอย่างผมก็ถูกรุ่นพี่พาไปเลี้ยงข้าวกลางวันซึ่งพวกพี่ๆ ก็ดูแลดีมากต่างจากเมื่อช่วงเช้าไม่มีผิดที่เอาแต่ทรมานน้องๆ ให้นั่งตากแดดตากลม(มีด้วยเหรอ?)หน้าดำคร่ำเครียดจนเกือบจะเป็นลม  ผู้หญิงบางคนเป็นลมไปแล้วพวกพี่ๆ จึงสั่งให้พวกผู้หญิงเข้าร่มได้ส่วนพวกผู้ชายก็ให้ตากแดดกันต่อไป  อย่าถามนะครับว่าไอ้พวกพี่ว้ากมันอยู่ที่ไหน  ก็อยู่ในร่มกันนั่นแหละครับ

                “เฮ้ย! เมื่อกี้แสบใช้ได้เลยนี่หว่าไอ้สูง” ไอ้พี่เสือที่เดินมาดูความเรียบร้อยของน้องๆ ก็เข้ามาทักทายผมด้วยการตบหัวขณะที่ผมกำลังเคี้ยวข้าวตุ้ยๆ ตบทีข้าวแทบพุ่ง

                “แสบอะไรพี่?” ผมถามเสียงอู้อี้  ก็แบบ...หิวมากเลยซัดซะคำโตเลย

                “ก็ลากไอ้ลันเข้าไปเต้นท่านั้นด้วยน่ะสิ ฮ่าๆ ไอ้นั่นขาโหดประจำทีมพี่ว้ากเลยนะเว้ย” ไอ้พี่เสือหัวเราะร่วน  ถ้าบอกว่าไอ้พี่ลันเป็นขาโหดแล้วที่มานั่งนินทาอยู่นี่ไม่กลัวโดนฆ่าหมกป่าดงดิบหรือไงพี่ 

                ผมมองไปรอบๆ เพื่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สิน  หวังว่าไอ้พี่ลันคงไม่อยู่แถวๆ นี้ไม่งั้นเดี๋ยวนินทาไม่สนุกปาก ฮ่าๆ และพี่แกก็ไม่อยู่แถวๆ นี้จริงๆ เนื่องจากรายนั้นแกเป็นเดือนคณะก็เลยถูกสาวๆ รุมทึ้งกันยกใหญ่  อิจฉาว่ะ  อยากถูกสาวๆ รุมล้อมบ้างจัง

                “ก็พี่เขาอยากแกล้งเรียกผมออกไปทำไมล่ะ” ผมยักคิ้วกวนๆ

                “ฮ่าๆ แม่.งถูกใจว่ะ  ว่าแต่แกชื่ออะไรวะ สุดที่รักใช่ไหม?” ไอ้พี่เสือหัวเราะร่วนพลางตบหลังผมดังอั่กๆ คราวนี้ข้าวมันกระฉอกออกจากปากผมแล้วล่ะครับ  ตบแรงไปนะพี่  พี่น่าจะตระหนักเอาไว้นะว่าพี่คือเสือที่มีเคราแพะและแรงควาย

                “สุดที่รัก งั้นเรียกว่า ฮันนี่ได้ป่ะ?” จู่ๆ ไอ้พี่มือกลองก็กระโดดมารวมวงด้วย  นั่น...เอาชื่อกูมาล้ออีก  ถ้าเป็นผู้หญิงเรียกผมเต็มใจให้เรียกเลยนะครับแต่นี่ผู้ชายเรียก...แขยงว่ะ!

                “ผมชื่อไอครับ” ผมบอก

                “ไม่เอาๆ เรียกสุดที่รักดีกว่า” ไอ้พี่เสือหัวเราะร่า  ผมเหล่ตามองพี่แกก่อนจะทำหน้าปูเลี่ยน  ให้ผู้ชายเรียกกันว่าสุดที่รักเนี่ยนะ? พี่ครับขอร้องเถอะ ผมไม่อยากให้ใครมองว่าผมเป็นเกย์  กราบตีนล่ะครับ!

                “เฮ้ยไม่เอาเว้ย! เรียกฮันนี่ดีกว่า  ดูอินเตอร์ดี” ไอ้พี่มือกลองเถียงกับไอ้พี่เสือยกใหญ่ส่วนผมก็ได้แต่นั่งทำตัวลีบๆ เป็นตอให้พวกพี่เขาเถียงกันข้ามหัว

                ในขณะที่พวกพี่ๆ กำลังเถียงกันเรื่องการเรียกชื่อของผมผมก็แอบมองป้ายชื่อของพี่มือกลอง  อืม...ชื่อขลุ่ย =..=*

                เนื่องจากผมเป็นที่ถูกอกถูกใจของไอ้พี่ตัวควายสองตัวนี้มื้อเที่ยงของผมจึงถูกตบท้ายด้วยขนมชุดใหญ่ที่ไม่ว่าใครเห็นเขาก็ต้องอิจฉา  จนถึงบัดนี้ไอ้พวกพี่สองคนนี้ก็ยังตกลงกันไม่ได้ว่าจะเรียกผมอย่างไร  อีกคนเรียกฮันนี่ อีกคนก็เรียกสุดที่รัก  ไม่ว่าจะเรียกแบบไหนผมก็เสียหายแบบสุดๆ เพราะผมจะถูกมองด้วยสายตาแปลกๆ  คือแบบ...ไอ้คนที่เรียกก็ถูกมองนะแต่ดูเหมือนพวกเขาจะสร้างโครงเหล็กเป็นเกราะแห่งความหน้าด้านเอาไว้คนที่อับอายจึงมีผมเพียงคนเดียว  บอกแล้วไง...ให้เรียกกูว่าไอ  สั้นๆ ง่ายๆ และไม่ต้องอับอายด้วย

    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    แว้บมาย้ายเนื้อหามาที่เว็บนี้ค่า ><

    ขอโทษทุกคนด้วยค่าที่ก่อนหน้านี้อ่านไม่ได้เลย 

    ขอโทษค้าบบบบบบบ >/\<

    Rasp
    Free Theme dek-d By i'nut
    berry

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×