ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #15 : Rule 14 : รักน้องต้องเข้าค่าย (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 30.38K
      87
      1 ม.ค. 56

    22/11/12
    edit : 1/1/13

     
    Rule 14 : รักน้องต้องเข้าค่าย 

    หลังจากอาหารมาส่งไอ้พี่ลันก็นั่งมองหน้าผมด้วยสายตาอ่านไม่ออก  แกถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำจากตู้เย็นมาสองสามขวดพร้อมกับนมสดหนึ่งแกลลอน  ผมมองการกระทำของแกอย่างงงๆ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไร

    กินได้สักพักไอ้พี่ลันก็เริ่มเทนมเทน้ำใส่อย่างละแก้วก่อนจะกรอกลงคออย่างรวดเร็ว  ผมเงยหน้ามองหน้าไอ้พี่ลันนิดๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา  หน้าของไอ้พี่ลันตอนนี้แดงมากเลยครับ  น้ำมูกน้ำตาเงี้ยไหลพรากจนหยิบทิชชู่แทบไม่ทัน  ไอ้พี่ลันซับเหงื่อซับน้ำตาก่อนจะกินต่อ  ท่าทางพี่ลันจะแพ้อาหารเผ็ดแต่ทำไมถึงยังกินอยู่อีกล่ะ?

    “พี่เตี้ย ไหวไหมเนี่ย?” ผมถามเสียงกลั้วหัวเราะ  ไม่คิดเลยว่าผู้ชายท่าทางดิบๆ อย่างไอ้พี่ลันจะกินเผ็ดไม่ได้  โอ๊ย! อยากจะลงไปกลิ้งจริงๆ

    “ไหว” พี่ลันตอบก่อนจะหยิบทิชชู่มาซับน้ำมูก  ฮ่าๆๆๆ  น่าสงสารจริงโว้ย
     

    “พอเลยพี่  พี่เลิกกินก็ได้เดี๋ยวผมทำอะไรง่ายๆ ให้กิน” ผมลุกขึ้นเดินไปเปิดตู้เย็นเพื่อหาเครื่องปรุงเพื่อทำอาหารง่ายๆ ให้พี่ลันกิน  ท่าทางพี่แกตอนนี้ทั้งน่าขำทั้งน่าสงสารแต่ผมเยื้องไปทางสงสารแกมากกว่าแฮะ

    “นายจะทำอะไร?” พี่ลันวางช้อนส้อมลงก่อนจะดื่มนมอึกใหญ่แล้วถาม

    “มีแต่ไข่แบบนี้พี่จะกินอะไรล่ะ?” ผมถามพลางหยิบไข่ที่ฝาตู้เย็นมาสามใบ

    “ไข่ม้วน” พี่ลันตอบเนิบๆ

    “มันนานนะพี่” ผมบอก  ขืนรอให้ผมทำไข่ม้วนเสร็จมีหวังไอ้พี่ลันคงอิ่มนมก่อนแน่ๆ

    “เอาน่า” พี่ลันขมวดคิ้วนิดๆ ผมจึงยอมทำให้

    ผมใช้สำลีชุบน้ำมันก่อนจะทาลงไปที่กระทะ  ตีไข่ใส่เครื่องปรุงให้เรียบร้อยก่อนจะตั้งไฟอ่อนๆ แล้วบรรจงเทไข่ลงไปบางๆ  รอให้ไข่สุกนิดๆ ก่อนจะค่อยๆ ม้วนไข่และเทไข่ดิบลงไปอีกชั้นพอมันสุกก็ม้วนอีกรอบ  ผมทำอย่างนั้นสามสี่ครั้งก่อนจะปิดแก๊สและเอามีดมาตัดให้เป็นชิ้นๆ พอดีคำ

    “สีสวยดีนะ” ไอ้พี่ลันพูดเบาๆ หลังจากผมวางจานใส่ไข่ม้วนที่ตัดเป็นชิ้นๆ ไว้ตรงหน้าพี่แก

    “ทำยากนะเนี่ย” ผมแอบยืดนิดๆ  ผมก็พอทำอาหารเป็นบ้างครับแต่ไม่ค่อยเก่ง  ทำพอให้ตัวเองกินได้แต่ถ้าให้ทำเลี้ยงคนเยอะๆ ผมคงไม่ไหวเพราะฝีมือผมยังไม่ดีนัก   ที่ทำให้ไอ้พี่ลันกินผมยังไม่แน่ใจเลยว่ามันจะออกมาอร่อย เหอๆ

    “เออนี่  เดือนหน้าชมรมเราจะไปเข้าค่ายฝึกตัวกันที่ภูเขาทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  นายจะไปไหม?” พี่ลันถามพลางตักไข่ม้วนเข้าปาก

    “เอ๋? ว่าแต่จะไปกันทั้งชมรมเลยเหรอครับ  คนเยอะขนาดนั้นผมไม่ไปหรอก” ผมบอก  คนในชมรมตั้งเกือบสองร้อยคนมันจะดูแลกันทั่วถึงเหรอเนี่ย?

    “ไม่ได้ไปทั้งชมรมหรอก  ไปแค่พวกบีกินเนอร์กับครูฝึก  ฉันกับไอ้ลุกซ์ที่เป็นครูฝึกชั่วคราวก็ต้องไปคุมด้วย” พี่ลันบอก

    “ไปก็ได้ครับ  ผมต้องไปดูแลไอ้เมฆด้วย” ผมพูด ก็ผมไม่ใช่บีกินเนอร์ถึงไม่ไปก็ไม่เป็นไรหรอก

    “ดูจะเป็นห่วงเพื่อนคนนี้เหลือเกินนะ” ไอ้พี่ลันแซว...หรือประชดวะ?

    “ก็มันเป็นคนอ่อนแอนี่ครับ  อีกอย่างถ้าให้มันไปคนเดียวเดี๋ยวพี่ลุกซ์ก็แกล้งจนหอบขึ้นหรอก” ผมพูด  มันน่าเป็นห่วงตรงไอ้พี่ลุกซ์ไปด้วยนี่แหละครับ

    “เรื่องไอ้ลุกซ์นายควรจะห่วงตัวเองมากกว่านะ”

    “ทำไมครับ?” ผมเงยหน้าถามไอ้พี่ลันทันที  พูดแบบนี้เล่นซะผมระแวงเลย

    “มันถูกใจนาย” ผมควรดีใจไหมครับที่พี่ปกครองชั้นสูงสุดถูกใจผม  แต่ทำไมผมรู้สึกเหมือนอยากจะร้องไห้ล่ะครับ?

    “ถูกใจผมแล้วทำไมผมต้องระวังตัวล่ะครับ?” ผมถามงงๆ

    “มันถูกใจใครแล้วมักจะแกล้งคนนั้น” คำตอบของไอ้พี่ลันทำให้ผมหงอยเลยทีเดียว  ตกลงคือผมไม่ต้องห่วงไอ้เมฆเรื่องที่จะถูกไอ้พี่ลันแกล้งแต่ผมสมควรห่วงตัวเองว่าอย่างนั้นเถอะ?

    “แล้วผมควรจะต้องทำอย่างไรดีล่ะครับ  ผมไม่อยากถูกแกล้งอ่ะ” ผมขมวดคิ้วเซ็งๆ  ไอ้ผมก็แค่นักศึกษาธรรมดาๆ แล้วผมจะเอากำลังที่ไหนไปต่อกรกับประธานปกครองปีสูงสุดล่ะครับ?

    “อยู่ใกล้ๆ ฉันไว้สิ” ฉ่า!! ได้ยินเสียงอะไรไหม้ไหมครับ?  ไม่ต้องสงสัยนะ  เสียงหน้าผมกำลังไหม้เองล่ะครับ  สิ้นคำของพี่ลันผมก็รู้สึกร้อนฉ่าที่ใบหน้าทันที

    “พี่จะช่วยผมเหรอ?” ผมถามโดยไม่มองหน้าไอ้พี่ลัน  ทำไมน่ะหรือ? ผมเขินอยู่ครับ

    “ลองขอดูสิ” ไอ้พี่ลันยิ้มที่มุมปากนิดๆ อย่างมีเลศนัย

    “พี่เตี้ยช่วยผมด้วยนะครับ” ผมประนมมือไหว้ก่อนจะพูดเสียงยานคางอย่างกวนตีน  เมื่อไม่ได้ดั่งใจไอ้พี่ลันก็นิ่งเงียบไม่พูดอะไร “พี่ลันช่วยผมด้วยนะ” ผมเลิกกวนตีนก่อนจะพูดอย่างจริงจังแต่ไอ้พี่ลันยังคงนิ่งไม่พูดอะไรหรือทำอะไรทั้งนั้น  ไอ้พี่เวรนี่มันต้องคิดอะไรทะลึ่งๆ แน่เลย “เอางี้นะพี่เตี้ย  ก่อนที่ผมจะขอร้องพี่ผมอยากแน่ใจว่าถ้าผมลงทุนขอร้องพี่ไปแล้วพี่จะช่วยผมจากไอ้พี่ลุกซ์ได้จริงๆ นะ” ผมถอนหายใจนิดๆ ก่อนจะถามเพื่อความแน่ใจ

    “อืม” พี่ลันพยักหน้าส่งๆ  ถ้าพี่แกกล้าพยักหน้าขนาดนี้แสดงว่าแกมั่นใจว่าจะช่วยผมได้  อย่างไอ้พี่ลันพยักหน้าแค่นี้ได้ก็บุญแล้วครับแต่ถ้าเป็นคนอื่นพยักหน้าส่งๆ แบบนี้ล่ะก็ผมจะไม่เชื่อถือ

    ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆ ก่อนจะเดินอ้อมไปข้างหลังพี่ลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้  ผมค่อยๆ ยื่นแขนออกไปก่อนจะโอบรอบคอไอ้พี่ลันไว้และโน้มหน้าลงไปใกล้ๆ หู “ช่วยผมด้วยนะครับ” ผมพูดเบาๆ ก่อนจะจุ๊บข้างแก้มแกเบาๆ

    อ๊ากกกกกกก  กูทำอะไรลงไปฟะ!?!  เฮ้ย! ทำไมผมถึงกล้าผมแบบนั้นเนี่ยอะไรดลใจให้ผมทำแบบนั้น  โอย ทำเองก็อายเอง

    ขณะที่ผมกำลังจะดึงตัวเองกลับไปยืนดีๆ คอของผมก็ถูกมือข้างหนึ่งของไอ้พี่ลันตะปบเอาไว้ก่อนที่แกจะเอี้ยวตัวมาดึงผมเข้าไปจูบ  โอย  หัวใจจะวายตายแล้วครับ  ไอ้พี่ลันชอบทำอะไรที่เสี่ยงต่อการเป็นโรคหัวใจล้มเหลวจริงๆ

    “ทำอย่างนี้ซะตั้งแต่ทีแรกก็ดีแล้วแท้ๆ” ไอ้พี่ลันยิ้มมุมปากก่อนจะลุกขึ้นหยิบจานชามไปวางไว้ที่อ่างล้างจานปล่อยให้ผมยืนนิ่งหน้าแดงตัวแดงอยู่คนเดียว  นี่มีแค่ผมคนเดียวหรือที่ประหม่าจะแทบระเบิดตัวเอง  ไอ้พี่ลันมันมีความรู้สึกอะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย

    waiting for 60%
    มาต่อจ้า



    พอมีครั้งที่หนึ่งก็ต้องมีครั้งที่สอง...พอมีครั้งที่สองก็ต้องมีครั้งที่สาม...

    หลังจากที่ผมกลับจากบ้านพี่ลันครั้งนั้นผมก็ถูกล่อลวงไปอีกสองสามครั้ง  ไอ้เราก็อุตส่าห์บอกไว้ว่าจะไม่มีครั้งต่อไปสุดท้ายผมก็เลยตามเลยเหมือนถูกชักจูงจนปฏิเสธไม่ได้  ก็ใครบอกให้ไอ้พี่ลันมันทำตัวน่ารักน่าหยิกจนผมยอมไปด้วยง่ายๆ เองล่ะ  ต้องโทษไอ้พี่ลันนะอย่ามาโทษความใจง่าย(?)ของผม

    และวันนี้ก็เป็นวันที่เราจะต้องไปเข้าค่ายเก็บตัวฝึกซ้อมสำหรับคนฝึกเทควันโดเบื้องต้น  ผมจำได้ว่าพี่ลันเคยบอกไว้ว่าคนที่จะไปเข้าค่ายมีพวกที่ฝึกบีกินเนอร์กับพวกครูฝึกอีกห้าคนรวมพี่ลันกับพี่ลุกซ์แต่จำนวนคนที่ผมเห็นในเวลานี้มันเหมือนจะมีมากกว่าจำนวนคนที่ผมคิดว่าจะไปนะครับ

    พวกผู้หญิงจากหลายคณะแห่กับขึ้นรถบัสที่กำลังจะออกเดินทางเล่นเอาผมยืนงงเป็นไก่ตาแตก  พวกผู้หญิงเหล่านั้นไม่ใช่คนในชมรมเทควันโดเลยสักคนเดียวและดูเหมือนว่าเป้าหมายของการไปเก็บตัวครั้งนี้ของพวกหล่อนก็คือสองพี่น้องลุกซ์กับลัน

    “พี่ไท  คนพวกนั้นมันใครกันน่ะ?” ผมถามอย่างสงสัย  ไอ้พี่เสือกับไอ้พี่ขลุ่ยก็จะไปด้วยเพราะไอ้พี่ลันไปขอให้มาช่วยเป็นพี่สต๊าฟคอยดูแลน้องๆ ระหว่างฝึก  พี่สต๊าฟก็มีหน้าที่ไม่มากหรอก ก็แค่คอยจัดหาเรื่องอาหาร เรื่องอุปกรณ์การฝึก เรื่องที่หลับที่นอน และอีกเยอะแยะมากมาย (เหอๆ) ซึ่งหน้าที่เหล่านั้นก็เหมาะกับพวกใช้แรงงานอย่างพี่เสือกับพี่ขลุ่ยจริงๆ

    “ตอนที่ชมรมประกาศรับสมัครสต๊าฟพวกผู้หญิงก็แห่กันมาสมัครก็ให้พรึ่บเลย  นี่แค่หนึ่งส่วนสี่ของจำนวนคนที่มาสมัครเองนะ” ไอ้พี่เสือบอก  ผมอ้าปากค้าง  จากที่ผมประมาณด้วยสายตา  จำนวนคนที่มาเป็นสต๊าฟคือยี่สิบกว่าคนส่วนคนที่จะไปฝึกมีประมาณห้าสิบกว่าคน  อื้อหือ  ถ้าสต๊าฟจะเยอะขนาดนี้นะครับ

    “โอ้ย  ถ้ารู้ว่าคนจะไปเยอะขาดนี้ผมคงไม่ไปหรอก” ผมบ่น

    “อย่าบ่นไปหน่อยเลยสุดที่รัก  ขึ้นรถเหอะ เร็วๆ” ไอ้พี่เสือหัวเราะนิดๆ ก่อนจะกอดคอผมเดินไปขึ้นรถ


     

    ตอนแรกผมก็เดินขึ้นรถไปกับพี่เสือโดยเดินตามหลังไอ้เมฆกับพี่ขลุ่ยไปพอผมจะเดินไปนั่งข้างไอ้เมฆพี่ขลุ่ยก็นั่งเสียก่อนแล้วผมจึงคิดว่าตัวเองคงจะได้นั่งข้างไอ้พี่เสือ  ขณะที่ผมกำลังจะหย่อนก้นลงนั่งข้างๆ พี่เสือร่างของผมก็ถูกกระชากไปนั่งเบาะข้างๆ  ผมนึกว่าพี่ลันจึงหันไปโวย

    “เบาๆ หน่อยสิวะไอ้พี่เตี้ย!” ด้วยความที่ว่าผมมักจะถูกไอ้พี่ลันดึงแบบนี้เสมอมันจึงทำให้ผมพลั้งปากออกไปอัตโนมัติ

    “โทษทีแต่พอดีว่าผมสูง” เสียงเย็นๆ ดังขึ้นผมจึงรีบหันไปมองคนที่คิดว่าเป็นไอ้พี่ลันทันที

    เหี้ยเลยครับ...ไม่ใช่ไอ้พี่ลันแต่เป็นพี่ชายของพี่มันต่างหาก  ซวยแล้วกู  ตะคอกใส่ประธานปกแบบนี้กูโดนสอยร่วงแน่เลย

    “ผะ...ผมขอโทษครับ” ผมก้มหัวขอโทษขอโพยก่อนจะรีบลุกออกจากเบาะที่นั่งข้างไอ้พี่ลุกซ์

    “คุณจะไปไหน? นั่งกับผมนี่แหละ” ไอ้พี่ลุกซ์ดึงข้อมือผมเอาไว้ผมจึงรีบหันไปมองหน้าไอ้พี่เสืออย่างขอร้องแต่ไอ้พี่เสือกลับเมินผมอะครับ!  คอยดูเถอะไอ้พี่ดำ  มีโอกาสเมื่อไหร่ผมจะแกล้งให้น้ำตาไหลอาบหน้าเลยคอยดูสิ!  ไม่ยอมช่วยน้องช่วยนุ่งเลยนะไอ้พี่เสือ

    แล้วนี่...ไอ้พี่ลันไปอยู่ไหนวะ  ไหนสัญญาอย่างดิบดีว่าจะมาช่วยพอถึงสถานการณ์จริงๆ กลับหายต๋อมไปแบบนี้  ไม่น่าเปลืองตัวขอร้องเลยจริงๆ ว่ะ

    “พี่ลุกซ์คะ  ไปนั่งกับพวกเราทางนั้นหน่อนะคะ” จู่ๆ ก็มีผู้หญิงกลุ่มหนึ่งเดินเบียดๆ กันมาหาไอ้พี่ลุกซ์ที่นั่งอยู่ข้างผม  ผมแอบลุ้นในใจขอให้พี่มันไปซะ

    “ไม่ล่ะครับ  ผมนั่งตรงนี้ก็ดีอยู่แล้ว” พี่ลุกซ์ส่ายหน้าปฏิเสธ  นี่มึง...สาวมาอ่อยถึงที่มึงยังจะเล่นตัวอีก  ถ้าเขาชวนกูกูคงไปตั้งแต่เขาพูดจบแล้ว

    “นะคะพี่ลุกซ์  นะคะนะ” พวกสาวๆ เริ่มงอแง  อ่า...น่ารักอ่ะ  อยากมีคนมางอแงใส่แบบนี้มั่งจัง

    ไอ้พี่ลุกซ์แอบทำหน้าหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะยอมลุกออกไปแต่ไม่วายหันมาพูดกับผมก่อนจะไป “นั่งอยู่ตรงนี้นะเดี๋ยวผมกลับมา” เรื่องอะไรกูจะอยู่ให้โง่ล่ะครับ  พอมึงไปกูก็เผ่นสิ ฮ่าๆๆ

    ผมหัวเราะอย่างบ้าคลั่งในใจก่อนจะลุกขึ้นเพื่อไปนั่งที่อื่นที่มันไกลๆ จากไอ้พี่ลุกซ์แต่แล้วผมก็ลุกไปไหนไม่ได้เมื่อผมถูกผลักให้กลับไปนั่งที่เดิมโดยมีคนตัวโตๆ นั่งข้างๆ ปิดทางไว้  พี่ไปน้องมาครับ

    “พี่เตี้ย! ไปไหนมา  ผมเกือบแย่” ผมตีแขนไอ้พี่เตี้ยเบาๆ เพราะโกรธที่พี่มันไม่มาช่วยผม

    “ก็มาช่วยแล้วไง” พี่เตี้ยหันมามองหน้าผมนิดๆ  ช่วงนี้เวลาที่ไม่ได้อยู่ในสายตาคนอื่นไอ้พี่ลันมันมักจะมองผมด้วยสายตาที่โคตร...เซ็กซี่(ในความคิดของผมอ่ะนะ)เล่นซะผมต้องรีบหันหน้าหนีก่อนที่หน้าตัวเองจะร้อนจนระเบิด  พี่มันจะมองผมด้วยสายตาแบบนี้ทำไมกันมันรู้หรือเปล่าว่าผมเขิน!

    “ช่วยตรงไหน?” ผมถามอย่างไม่เข้าใจ  แค่มานั่งข้างๆ เนี่ยนะช่วย ชิ

    “ก็น้องผู้หญิงพวกนั้นไง” พี่ลันพูด  อ๋อ ผู้หญิงพวกนั้นเป็นเด็กในสังกัดของพี่ลันสินะ  ดีจังเลยนะให้เด็กของตัวเองมาล่อพี่ชายออกไป

    “พวกนั้นเป็นเด็กพี่เหรอ?” ผมถาม  ถามเองหงุดหงิดเองว่ะ

    “ก็...ทำนองนั้น” พอพี่ลันตอบผมก็เงียบไปและเบือนหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง  ขุดหลุมฝังตัวเองจริงๆ เลยกู  ไปถามเขาให้โมโหตัวเองทำไมวะเนี่ย  หงุดหงิดเว้ย!!

    “เอาน่า...ไม่ได้พาพวกนั้นไปคอนโดด้วยซักหน่อย” ไอ้พี่ลันเอียงหัวลงมาพิงหัวผมก่อนจะพูดเบาๆ  ไม่ได้พาไปคอนโดแต่พาไปโรงแรมใช่ไหมล่ะ?  ไอ้หื่นเอ๊ย!!


     

    สถานที่ที่เรามาเข้าค่ายเก็บตัวกันคือรีสอร์ทแห่งหนึ่งบนเขาที่รายล้อมไปด้วยต้นไม้สูงใหญ่  เป็นรีสอร์ทที่เงียบสงบนั่งท่องเที่ยวไม่มากนักแถมใกล้ๆ รีสอร์ทยังมีป่าไว้ให้ศึกษาพันธุ์ไม้อีกด้วย  ข้างๆ ห้องอาหารของรีสอร์ทก็มีฟาร์มนกกระจอกเทศที่ทุกคนให้ความสนใจถ่ายรูปกันใหญ่  แต่ที่ผมสนใจที่สุดก็เห็นจะเป็นสระว่ายน้ำนี่แหละครับ  ผมชอบว่ายน้ำมากเลย  อยากจะหาเวลาไปเข้าคลับว่ายน้ำอยู่เหมือนกันแต่เวลาในตอนนี้ของผมยังไม่ลงตัวนัก ต้องไปเรียนต่อด้วยกินเหล้าเกือบทุกวันเล่นเอาผมไม่มีเวลาออกกำลังกายกันเลยทีเดียว

    “เอาล่ะครับน้องๆ มาเข้าแถวกันอยู่ตรงนี้ก่อนนะครับพี่จะแบ่งห้องให้พัก  บังกะโลหนึ่งหลังจะมีห้องอยู่สามห้องให้พักห้องละสองคน  ให้จับกลุ่มกันมาหกคนมารับกุญแจไปนะครับ” ไอ้พี่ขลุ่ยพูดผ่านโทรโข่งเพื่อเรียกความสนใจจากชาวค่าย

    ผมกับไอ้เมฆมองหน้ากันนิดหน่อยเพราะไม่รู้จะไปเข้ากลุ่มกับใคร  คนอื่นๆ เขาก็ชุลมุนจับกลุ่มกันให้วุ่นวาย

    “รอให้คนอื่นเขาจับกลุ่มกับเสร็จก่อนละกัน  กลุ่มไหนขาดเราค่อยไปรวมกันเขา” ผมบอกไอ้เมฆ  มันพยักหน้าเบาๆ ก่อนจะเดินไปนั่งที่ขอบฟุตบาธเพื่อรอให้คนอื่นๆ เข้าแถวรับกุญแจห้องกันให้เสร็จก่อน


     

    ผมกับไอ้เมฆยืนงงๆ มองคนอื่นๆ เดินจากไปช้าๆ  ทุกคนเขามีกลุ่มกันหมดเลยอ่ะครับเหลือแต่ผมกับไอ้เมฆเท่านั้น  แล้วคืนนี้...พวกกูจะไปนอนไหนวะครับ

    “พวกคุณไปนอนบ้านเดียวกันกับพวกผมก็แล้วกัน” ไอ้พี่ลุกซ์พูดขึ้น  กูจะบ้าตาย  ได้ไปนอนบ้านเดียวกันกับประธานปกครองคณะวิศวะถึงสองคนผมควรดีใจดีไหมครับ

    พวกผมเดินตามพี่ๆ ไปที่บังกะโลหลังที่ใกล้ที่สุดก่อนจะรับกุญแจห้องมาไขเข้าไปในห้องที่มีเตียงเดี่ยวขนาดคิงไซส์  ผมกับเมฆทิ้งกระเป๋าลงบนพื้นก่อนจะกระโดดลงบนเตียงด้วยสีหน้าระรื่น  เตียงของรีสอร์ทให้ความรู้สึกดีชะมัดเลยอ่ะ

    “นี่พวกนาย  อย่าเพิ่งเล่นเป็นเด็กๆ ไป  อีกห้านาทีต้องไปรวมตัวกันที่ห้องโถง  รีบจัดข้าวของซะ” ไอ้พี่ไทเดินเข้ามาในห้องของพวกผมที่เปิดประตูแง้มเอาไว้

    “พี่ไทนอนกับใครอ่ะครับ” ไอ้เมฆลุกจากเตียงก่อนจะถาม

    “นอนกับไอ้ลันน่ะ”

    “แสดงว่าพี่ขลุ่ยนอนกับพี่ลุกซ์หรือครับเนี่ย” ไอ้เมฆทำหน้าหงอยๆ  อะไรกันวะเมฆทำหน้าบูดเหมือนกับกลัวว่าจะลอบเข้าไปหาไอ้พี่ขลุ่ยไม่ได้อย่างไรอย่างนั้นแหละ

    “อะไรเมฆ  ห่างกันไม่ได้เลยนะ” ไอ้พี่เสือยิ้มกวนๆ  เฮ้ยๆๆ พูดแบบนี้หมายความว่าไงวะ  ระหว่างที่ผมไปกินเหล้าเมาหัวราน้ำเกือบทุกวันไอ้เมฆไปมีอะไรกับใครวะเนี่ย  เอาแล้วไง  หรือน้องเมฆที่น่ารักของผมถูกล่อลวงไป!

    “พี่ไทครับผมแค่ถามเฉยๆ ไม่เห็นต้องยิ้มแบบนั้นเลย  ไม่ได้มีอะไรซักหน่อย” ไอ้เมฆก้มหน้าบ่น  หน้ามันแดงก่ำเลยครับ  นั่นไง...ไอ้เมฆมันมีอะไรปิดบังผมอยู่แน่ๆ

    “อ๋อเหรอ? แล้วไปพี่ก็นึกว่าเราชอบเพื่อนพี่ซะอีก ฮ่าๆ” ไอ้พี่เสือแซวจนไอ้เมฆหน้าแดงกว่าเดิม

    “ไม่ใช่ซักหน่อย  พี่ไทอย่าพูดมั่วนะ” ไอ้เมฆโวยวาย  ให้ตายเถอะครับ  ไอ้เมฆเวลาเขินน่ารักมากครับ  ถ้าไม่ติดว่ามันเป็นเพื่อนผมล่ะก็ผมจะจับมันปล้ำซะเดี๋ยวนี้เลย

    “เอาล่ะๆ รีบเก็บของซะ  เดี๋ยวพวกพี่รออยู่หน้าบ้าน” ไอ้พี่เสือยิ้มอย่างมีเลศนัยก่อนจะเดินออกจากห้องไป  ผมหันหน้าไปมองไอ้เมฆอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรเพราะผมมั่นใจว่าถ้าผมถามอะไรมันไปตอนนี้ล่ะก็หน้ามันคงแดงจนระเบิดออกมาเลยล่ะครับ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
    ไรเตอร์ต้องขอโทษด้วยนะคะที่มาแค่สี่สิบเปอร์เซ็นต์  เค้าเพิ่งสอบเสร็จอ่ะตัวเองอีกอย่างพรุ่งนี้เค้าต้องไปเที่ยวกันโรงเรียน(โดดมาหลายปีแล้วปีนี้ก็เลยต้องไป อิๆ)  ถ้าพรุ่งนี้กลับมาเร็วคงได้แต่งต่อแต่ถ้ากลับมาช้าเอาเป็นวันหลังเนอะ

    ช่วงนี้อิพี่ลันกับน้องไอสวีทกันเยอะไปหรือเปล่า?  ให้มันดราม่าใส่กันดีไหมคะ?  อืม...ดูจากสีหน้า(?)ของรีดเดอร์แล้วท่าทางจะดี  โอเคเลย  เดี๋ยวเค้าจัดดราม่ามาให้เนาะ ฮ่าๆๆ  กร๊ากกกก  ห้ามบ่นนะ สีหน้าของพวกคุณมันฟ้องว่าอยากอ่านมาม่าาาา  เอิ๊กกกกกก ปิดหูปิดตาไม่ฟังความเห็น ฮ่าๆๆๆ (หัวเราะอย่างโรคจิต)

    ช่วงนี้ไรเตอร์ต๊อแต๊มากกลัวจะสอบที่ไหนไม่ติด  แต่การที่ไรเตอร์ได้อ่านคอมเม้นน่ารักๆ ขำๆ ฮาๆ ของรีดเดอร์ทำให้ไรเตอร์ผ่อนคลายขึ้นมาก  (วันนี้นั่งอ่านคอมเม้นก่อนจะเข้าห้องสอบหลังจากไม่ได้เช็คมานาน ไรเตอร์ยิ้มจนเพื่อนหาว่าไรเตอร์บ้าอ่ะ  เอิ๊กก)

    ไรเตอร์ขอโทษนะที่มาช้าหน่อย  พอดีไปเที่ยวน้ำตกมาแล้วเล่นเยอะไปหน่อยจนเป็นไข้ไม่สบายอ่ะ  เค้าขอโทษนะ


    Rasp Free Theme dek-d By i'nutberry
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×