คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #55 : Rule 40 : รักพี่ต้องกังวล (100%)
พี่ลัน
ช่วงนี้ผมกำลังกังวลครับ ไม่รู้พี่ลันเป็นอะไรเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสนใจผมเลย ก็ไม่เชิงว่าไม่สนใจหรอกครับ ก็ไปรับไปส่งและไปเที่ยวกันปกติแต่เดี๋ยวนี้ดูไม่ค่อยตื๊อไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่าไหร่ อย่างเวลาไปกินเหล้ากันงี้ปกติจะชอบลากผมไปคอนโดแต่ทุกวันนี้แค่ผมบอกว่าจะกลับหอพี่มันก็ยอมมาส่งง่ายๆ เล่นเอาผมงงเลย เดี๋ยวนี้กูเล่นตัวไม่ได้เลยใช่ไหมครับ?
และตอนนี้ผมก็กำลังนั่งกลุ้มโดยมีผู้หญิงสองคนนั่งขนาบข้างทำให้ผมถูกเพ่งเล็งสุดๆ เพราะผู้หญิงสองคนที่ว่าก็แม่งโคตรสวย แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้นะครับว่าไอ้คนหน้าตาธรรมดาสามัญอย่างผมไม่ได้ไปอ่อยผู้หญิงสองคนนี้มาเลย พวกเธอมาเอง
“นี่เจ๊ มานั่งทำด๋อยอะไรตรงนี้มิทราบครับ? อยากถูกหนุ่มวิศวะลากเข้าซอกไหม?” ผมหรี่ตามองยัยเจ๊น้ำที่มานั่งแต่งหน้าทาปากอยู่ข้างๆ อย่างเซ็งๆ
“ถ้าลันมาลากฉันโอเคทุกที่ทุกเวลา” ยัยเจ๊ส่งจูบให้กระจกหลังจากเอาสีมาป้ายปากตัวเองเรียบร้อย จะทาไปทำไมวะไอ้สีๆ เนี่ย ปากสีเดิมมันก็สวยธรรมชาติอยู่แล้วยังจะเอาสีอื่นมาปกปิดทำไมก็ไม่รู้
“ก่อนหน้านั้นผมนี่แหละจะลากเจ๊ก่อน” ผมทำหน้าดุขู่
“เชิญเลยจ้ะ” ยัยเจ๊น้ำเก็บอุปกรณ์เสริมสวยลงกระเป๋าก่อนจะอ้าแขนออกพลางเก๊กหน้าสวย
“ลากไปกระทืบนะ” ผมทำหน้าเหมือนโดนยาเบื่อทันทีที่ยัยเจ๊ทำตาวิ้งๆ ใส่ พูดตรงๆ นะครับว่ายัยเจ๊นี่หน้าสวย หุ่นเซี้ยะได้ใจแต่ไม่รู้ทำไมเวลาผมมองเจ๊แกเก๊กสวยทีไรผมหมดอารมณ์ไปในทันที ถ้าเป็นคนอื่นผมอาจจะลากเข้าซอกสักซอกแถวตึกวิศวะก็ได้ แต่เป็นเจ๊คนนี้แล้วมันหมดอารมณ์จริงๆ “แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่สาขาฉันฮะครีม?” ผมหันไปถามเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดบ้าง
“ก็ไอ้คิมน่ะสิ วันนี้มันบอกว่าจะมารับแล้วจะแวะมาหานายฉันก็เลยมากันท่าไว้ก่อน” ครีมบอกพลางชะเง้อคอมองหารถของน้องชาย
“แล้วนี่ไอ้เมฆกะไอ้วิทมันหายหัวไปซื้อน้ำถึงขอนแก่นหรือไงเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเองพลางยืดคอมองหาเพื่อนบ้าง ก็ผมไม่อยากถูกสายตาเพ่งเล็งจากพวกผู้ชายคนเดียวนี่ครับ อยากจะตะโกนบอกไอ้พวกที่มองผมอย่างอิจฉาเหลือเกินว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่เด็กกูเฟ้ย! ถึงผมจะเคยชอบครีมก็เหอะนะแต่ตอนนี้ก็เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น
“อ๊าย! ลันมาแล้ว” เสียงยัยเจ๊กรี๊ดก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งแท่ดๆ ไปกอดแขนพี่ลันแล้วซบไซร้อย่างคิดถึง ผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างระอา ยัยเจ๊นี่ก็เหลือเกิน รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนแล้วยังจะไปออเซาะอยู่ได้ แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากหรอกครับเพราะผมรู้ว่ายัยเจ๊น้ำก็ทำไปงั้นแหละ ที่สำคัญพี่ลันก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย
“พี่เตี้ย จัดของหรือยัง?” ผมถามถึงเรื่องการเตรียมของในการเดินทางไปที่บ้านผมในอีกสองวันข้างหน้า พวกเพื่อนของผมมันตื่นเต้นจนจัดของเสร็จเรียบร้อย ผมเองก็ตื่นเต้นก็เลยจัดเสร็จแล้วเหมือนกัน
“ยัง” พี่มันตอบพลางหรี่ตามองผมนิดๆ ผมชะงักเมื่อสายตานั้นมันดูห่างๆ
“ให้ผมไปช่วยจัดไหมครับ?” ผมถามเสียงเจื่อนลงนิดหน่อย
“ไม่ต้อง” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นผมก็เงียบลงทันที อะไรของพี่มันวะ โกรธใครที่ไหนหรือผมทำอะไรให้โกรธทำไมถึงทำท่าเย็นชาขนาดนั้น?
“เอ้อ พี่จัดเสร็จแล้วนะ” พี่ขลุ่ยที่เห็นท่าไม่ดีพูดอย่างร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาคุๆ
“จัดของจะไปไหนกันเหรอ?” เจ๊น้ำปล่อยแขนพี่ลันแล้วเดินมาเล่นหัวผมถามอย่างสนใจ เจ๊คนนี้อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นรึไงวะ
“ไปบ้านผมน่ะ ที่ภาคอิสาน” ผมบอกนิ่งๆ
“กล้าดียังไงถึงไม่ชวนฉันยะ!? ไปวันไหนไปยังไงบอกมาได้เลยเดี๋ยวฉันไปด้วย” ยัยเจ๊ทึ้งหัวผมเบาๆ
“ไม่ได้หรอกเจ๊ ไปกันแต่ผู้ชาย เป็นผู้หญิงคนเดียวจะไปได้ไง” ผมแย้งทันที
“ฉันแคร์ที่ไหน? มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวน่ะสิดี รู้สึกดีเมื่อมีหนุ่มหล่อห้อมล้อม โฮะๆ” ยัยเจ๊ปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต
“พี่ลุกซ์ก็ไปนะ” ผมพูด หลังจากที่รู้จักกับยัยเจ๊นี่สักพักเจ๊แกก็ตามติดผมแบบแปลกๆ โดยอ้างว่าอยากมาหาพี่ลันและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเจ๊น้ำกลัวพี่ลุกซ์เพราะเคยถูกด่าค่อนข้างแรง เห็นบอกว่าตอนที่เจ๊แกจะนอนกับพี่ลุกซ์แล้วพี่ลันไปเห็นเข้าน่ะสิครับ ยังไม่ทันได้ทำอะไรกันเลยพี่ลันก็โผล่มาขัดจังหวะจนทะเลาะกับพี่ลุกซ์ใหญ่โตและนั่นแหละที่ทำให้พี่ลุกซ์วีนแตก ชี้หน้าด่ากราดจนเจ๊เก็บเอามาร้องไห้คนเดียว ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีนะครับ และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้พี่น้ำรู้สึกขยาดพี่ลุกซ์ไปเลย
“ฉันไม่ไปละ ลุกซ์น่ากลัว บรื๋อ! กลับล่ะ แค่พูดถึงยังขนลุก” ยัยเจ๊น้ำทำท่าขนลุกขนพองก่อนจะเดินสะบัดก้นจากไปทำเอาพวกเราได้แต่แอบหัวเราะกันอย่างขำๆ ผู้หญิงร้ายๆ บางทีก็ดูน่ารักดีนะครับ
“อ่ะ! ไอ้คิมมารับพอดี งั้นฉันกลับก่อนนะไป กลับก่อนนะคะพี่ๆ” ยัยครีมลุกขึ้นยืนพลางชี้ไปที่ร่างสูงโปร่งคุ้นตาที่ถลาแล่นลมมาทางนี้ เมื่อได้ยินครีมพูดเช่นนั้นพวกพี่สามคนก็หันไปมองไอ้คิมทันที
“พี่ไอคร้าบ!” ไอ้คิมกระโดดเหย็งๆ มาหาผมแต่ยังมาไม่ถึงร่างของมันก็ถูกเสือขย้ำเข้าให้ พอเห็นว่าไอ้คิมมันจะเข้ามาเกาะแกะผมไอ้พี่เสือก็ดึงคอไอ้คิมไปกอดเอาไว้แล้วทำหน้าดุขู่ไอ้คิมซึ่งดูเหมือนวันนี้มันจะว่าง่ายเป็นพิเศษ หรือว่ามันเจอเสือขู่ก็เลยเกิดกลัวขึ้นมา อืม...ท่าทางจะเป็นอย่างนั้น
“น้องครีมเอารถกลับไปก่อนได้เลยนะ เดี๋ยววันนี้พี่จะให้ไอ้เด็กนี่ไปสอนน้องสาวพี่วาดภาพที่บ้านแล้วพี่จะไปส่งเอง” ไอ้พี่เสือแย่งกุญแจรถในมือไอ้คิมไปก่อนจะส่งให้ยัยครีม ยัยครีมทำหน้างงนิดๆ ก่อนจะรับกุญแจไว้แล้วเดินไปที่รถโดยไม่ลืมไหว้ลาพวกรุ่นพี่
“ฮั่นแน่ะพี่ไท อย่าบอกนะว่า...” ผมมองไอ้พี่เสืออย่างล้อๆ ซึ่งพี่มันก็ยักคิ้วแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์บ่งบอกว่าเรารู้กัน “กวนตีนแบบนี้ติดคอไหมพี่?” ผมแกล้งถาม
“ก็ไม่นะ คล่องคอดี ฮึๆ” ไอ้พี่เสือยักคิ้วแล้วหันไปมองคนที่ตัวเองกำลังกอดคออยู่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ซึ่งไอ้เด็กคิมก็ทำหน้าบูดบึ้งใส่พี่มัน ฮ่าๆ น่ารักดีแฮะ มาดกวนๆ ของไอ้คิมถูกพี่เสือกำหราบซะอยู่หมัดเลยแฮะ
“พี่ไออย่าไปฟังไอ้ดำมันครับ” ไอ้เด็กคิมมุดออกจากแขนที่ล็อคคอตัวเองก่อนจะเดินมายืนข้างๆ ผมโดยห่างออกจากไอ้พี่เสือสักสามคนยืน
“เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้มึงเรียกพี่ไทว่าไงนะ?” ผมถาม
“ไอ้ดำ”
“ฮ่าๆๆ จริงดิ? ที่จริงกูแอบตั้งฉายาให้พี่มันในใจนะ เห็นหน้าตอนแรกกูตกใจนึกว่าเสือ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะร่ากับไอ้เด็กคิม
“ก๊ากกก จริงเหรอครับ? ฮ่าๆๆ ไอ้พี่ดำ มึงชื่อไทเกอร์ป่ะวะ? ฮ่าๆๆ” ไอ้เด็กคิมหัวเราะน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล
“อ๋อ นี่แอบด่าพี่ในใจมาโดยตลอดเลยใช่ไหมสุดที่รัก? แบบนี้ยอมไม่ได้ ไอ้ลัน วันนี้อย่าให้น้องมันได้นอนนะเว้ย” ไอ้พี่เสือชี้หน้าคาดโทษผมก่อนจะตบไหล่พี่ลันเหมือนกับขอให้แก้แค้นให้แต่พี่ลันกลับไม่พูดตอบรับจนรอยยิ้มของทุกคนกร่อยไปแม้กระทั่งไอ้พี่เสือที่โยนมุขไปให้ก็ตาม
“เฮ้ยนี่กูพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะ?” ไอ้พี่เปอร์ที่เดินถือกระป๋องโค้กเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆ ของผมและเพื่อนของพี่มันทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าเจื่อนๆ ของพวกเรา
“เอ่อ...เปล่าหรอกครับ พอดีเลย ผมจะบอกว่าอีกสองวันเรามาเจอกันที่หน้าหอของพวกผมนะครับ เดี๋ยวแม่จะให้คนขับรถตู้มารับไปที่บ้านของผม แต่...ถ้าใครไม่อยากไปแล้วก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ” ผมพูดทำลายบรรยากาศที่เริ่มเครียดในตอนแรกก่อนจะสร้างให้มันเครียดกว่าเดิมเมื่อพูดประโยคสุดท้ายไปด้วยมองหน้าพี่ลันไปด้วย
“ทำไมพูดงั้นวะ? หรือว่ามีคนไปไม่ได้?” ไอ้พี่เปอร์ถาม
“ไม่รู้สิครับ ผมพูดเผื่อไว้ ฮ่าๆ พี่ชาย วันนี้ไปดริ๊งค์หน่อยไหมครับ?” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินไปกอดไหล่พี่เปอร์อย่างสนิทสนมพลางชวนไปดื่ม รู้สึกอยากเมาขึ้นมาตงิดๆ พอเครียดแล้วอยากกินเหล้าจริงๆ
“เสียใจว่ะน้องชาย กูถูกสั่งให้กินเหล้าได้อาทิตย์ละครั้ง แล้วกูก็เพิ่งกินไปวันก่อนนี่เอง” พี่เปอร์ทำหน้าเสียดาย
“จะไปไหม? จะพาไป” พี่ลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติแต่ผมกลับรู้สึกไม่ปกติ ทำไมถึงทำท่าห่างเหินกันขนาดนั้นด้วย ขนาดยืนยังยืนห่างเลย ที่สำคัญคือไม่มายืนกันท่าผมกับไอ้คิมเหมือนที่เคยทั้งๆ ที่ตอนนี้ไอ้คิมมันยืนอยู่ใกล้ผมมากๆ
“ไม่เป็นไรครับ ไม่อยากไปแล้ว” ผมขมวดคิ้วพูดโดยไม่มองหน้าคนถาม พอสิ้นคำผมทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร ผมไม่อยากทำให้คนอื่นลำบากใจเพราะผมก็เลยชวนเพื่อนๆ กลับหอโดยปฏิเสธการไปส่งของพี่ลัน ถ้าจะทำท่าไม่พอใจเวลาอยู่กับผมขนาดนั้นก็อย่าเพิ่งใกล้กันดีกว่า ผมกลัวผมจะหงุดหงิดมากไปกว่านี้ หงุดหงิดที่ถูกเย็นชาใส่โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
60% left
ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่พี่ลันห่างเหินเพราะมีกิ๊กหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ วันก่อนที่จะเดินทางไปที่บ้านผมผมเห็นพี่ลันไปเดินห้างกับพี่น้ำ หนอย ไอ้คนโกหก ไหนบอกว่าไม่อะไรไงวะ? มึงนะมึง เดินให้เขาควงแขนอยู่ได้ ไอ้คนทุเรศ!
พรุ่งนี้มึงไม่ต้องไปบ้านกูแล้วไอ้พี่ลัน! กูโกรธว่ะ!
ผมเดินตามไอ้พี่ลันไปตามที่ต่างๆ ในห้างซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านเสื้อผ้าผู้หญิง เดินตามได้สักพักผมก็หมดความอดทนจึงกดเบอร์โทรหาพี่ลัน ผมรู้หรอกว่าพี่ลันไม่ได้คิดอะไรกับพี่น้ำแล้วแต่เข้าใจไหมครับว่าผมกังวล เขาเคยคบกันมาก่อนแม้ตอนนี้ก็ยังเรียกกันด้วยชื่อซะน่ารัก พี่น้ำเองก็สวยแถมยังอึ๋ม ผมจะเอาอะไรไปสู้เล่า นมก็ไม่มีเสือกมีของแถมที่เหมือนพี่ลันติดมาอีกด้วย อย่าบอกนะว่าพี่มันเบื่อผมแล้ว
“อืม” พี่ลันรับสาย
“อยู่ไหนครับ?” ผมถามเสียงเขียว นี่ผมตามจิกไปหรือเปล่าน่ะ? แต่ปกติผมไม่เคยโทรตามโทรหาแบบนี้เลยนะ หวังว่าพี่ลันคงไม่คิดว่าผมโทรจิกเหมือนพวกผู้หญิงหรอกนะ
“คอนโด” เมื่อได้ยินคำตอบใจผมก็หล่นตุบทันที ไม่จริงน่า โกหกทำไม พี่ลันโกหกผมทำไม
“...”
“สูง เงียบทำไม? แล้วโทรมามีอะไร?” พี่ลันถามขึ้นเมื่อผมเงียบไป ผมรู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก ทำไมต้องโกหก หรือว่าจะนอกใจผมจริงๆ แค่เย็นชาใส่ผมมันก็ทำร้ายจิตใจผมมากพออยู่แล้ว หรือว่าจะเบื่อที่ผมไม่ยอมมีอะไรด้วยจนต้องไปหาคนอื่น พี่ลันตีค่าความรักของผมเป็นแค่เซ็กส์งั้นเหรอ
“ผม...จะกลับบ้านวันนี้ครับ” ผมแกล้งพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของพี่ลัน
“ทำไมล่ะ?” ไม่ได้ตกใจเลยเหรอวะเนี่ย?
“...” ผมตอบคำถามของพี่ลันไม่ได้เพราะรู้สึกจุกอกจนพูดไม่ออก ตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ทำท่าห่างเหินก็เพราะเบื่อสินะ ทำไมพี่ลันทำแบบนี้ ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้ผมเสียใจไง ถ้าไม่จริงจังกับคำพูดของตัวเองแล้วพาผมไปหาพ่อทำไม?
“สูง...”
“ขอโทษนะครับ เชิญเที่ยวให้สนุก ผมขอตัวก่อน” ผมบีบโทรศัพท์ในมือก่อนจะกดตัดสาย ผมยืนมองพี่ลันที่ยืนทำหน้างงมองโทรศัพท์ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ อย่างเจ็บปวด ยิ้มเหรอ? ยิ้มทำไม? ดีใจเหรอที่ผมวาง? ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!?!
ผมกลับมานอนที่หอในมือก็ถือโทรศัพท์เอาไว้หวังว่าพี่ลันจะโทรกลับมาแต่ปรากฏว่าเงียบ ตลอดทั้งวันที่ผมรอโทรศัพท์ผมก็แทบอยากจะร้องไห้พลางคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา หลังจากที่ไปคุยกับพ่อพี่ลันจนเขายอมรับแล้วพี่ลันก็ยังเป็นเหมือนเดิม แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์พี่ลันก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือจะเบื่อที่ผมเอาแต่ใจ? แต่เรื่องที่ผมเอาแต่ใจก็มีแค่ไม่ยอมไปคอนโดพี่ลันก็เท่านั้นเอง ผมก็แค่อยากจะให้พี่ลันอดทน ถ้าขืนพี่มันร้องหาแต่เรื่องบนเตียงสักวันผมคงได้เข้าโรงพยาบาลอีกแน่
พอถึงเวลานัดทุกคนก็มาตามเวลาที่คุยกันไว้ จากนั้นไม่นานก็มีรถตู้มารับ คนขับนั้นเป็นลูกน้องที่บาร์ของแม่ผมเองซึ่งผมก็สนิทกับเขามากพอสมควรเพราะเขานี่แหละที่สอนผมกินเหล้าตั้งแต่อายุน้อยๆ แกชื่อน้าชัยครับ แกกวนๆ และใจดีมาก
“เมฆ วิท มานั่งกับกู” ผมขึ้นไปนั่งเบาะที่เหลือหลังจากหกเบาะด้านหลังถูกคนอื่นๆ จับจองไปเรียบร้อยแล้ว คนที่มาเพิ่มอีกคนทำให้ผมแปลกใจนิดๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับเพราะดูท่าทางคนที่พาแขกอีกคนมาเขามีท่าทางมีความสุขมาก จะใครล่ะครับ ก็ไอ้พี่เสือไง พี่มันลากไอ้คิมมาด้วย
“เดี๋ยวกูนั่งข้างหน้าก็ได้เว้ย” ไอ้วิทพูดขึ้นเมื่อผมเอ่ยชวนขณะที่พี่ลันกำลังจะก้าวมานั่งข้างผม พี่ลันชะงักก่อนจะก้าวกลับไปทำให้ไอ้วิทกับไอ้เมฆลำบากใจน่าดู
“ไม่ต้องหรอก” ผมพูดโดยไม่มองหน้าพี่ลันทำให้พี่มันเดินไปหน้ารถแล้วเปิดประตูด้านหน้าขึ้นไปนั่งข้างน้าชัย ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะกอดอกแล้วมองออกนอกหน้าต่าง
“มึงทะเลาะอะไรกับพี่ลันวะ?” ไอ้เมฆที่ขึ้นมานั่งข้างผมกระซิบถามเสียงอ่อย
“กูแค่กำลังจะตัดสินใจว่ากูควรเลิกกับคนโลเลดีไหมแค่นั้นเอง” ผมตั้งใจพูดประชดพี่ลันทำให้พี่มันหันมามองผมด้วยสายตาดุๆ แต่ผมกลับเบือนหน้าหนี ถ้าไม่มาอธิบายเองอย่าหวังเลยว่าผมจะไปถามถึงผมจะอยากรู้ความจริงมากก็ตาม
“ทะเลาะกันเหรอไอ?” ไอ้พี่เปอร์ที่นั่งอยู่ด้นหลังและเยื้องจากผมไปนิดหน่อยชะโงกหน้ามาถาม เบาะด้านหลังผมเป็นที่นั่งของพี่ลุกซ์ครับ แถวที่พี่ลุกซ์นั่งมีพี่เปอร์กับพี่พัดนั่งอยู่ด้วย
“แล้วมึงจะไปเสือกอะไรกับวะฮะ?” พี่ลุกซ์ใช้มือใหญ่ๆ ของตัวเองดันหน้าของพี่เปอร์ให้กลับไปอยู่ที่เดิมทำให้พี่เปอร์ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ
“สูง หันหน้ามานี่” เสียงเย็นๆ ของพี่ลันดึงความสนใจของผมทำให้ผมหันกลับไปมองตาเขียวปั้ด
“...”
“น้าชัยครับ ช่วยจอดรถทีครับ” พี่ลันถอนหายใจก่อนจะหันไปบอกน้าชัย “เมฆ เปลี่ยนที่กับพี่ที” แล้วพี่มันก็หันมาพูดกับไอ้เมฆก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท ผมรีบคว้ามือไอ้เมฆไว้พลางส่ายหน้าไปมาแต่เพราะไอ้พี่ลันมายืนกดดันอยู่หน้าประตูไอ้เมฆจึงสะบัดมือผมแล้วไปนั่งแทนที่พี่ลันแทน
“...” เมื่อพี่ลันขึ้นมานั่งแทนที่ไอ้เมฆน้าชัยก็ออกรถต่อส่วนผมก็กอดอกนั่งเงียบไม่พูดอะไร
“อยากเลิกจริงๆ เหรอ?” พี่ลันกระซิบถามเบาๆ ผมเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่าง “เป็นอะไร?” พี่ลันสอดแขนมากอดเอวผมเอาไว้ก่อนจะถาม
“ทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นเอาใจ หรือว่าเบื่อแฟนเก่าแล้วก็เลยกลับมาหาผม?” ผมกัดฟันถาม
“พูดอะไรฮะ?” พี่มันถามเสียงอ่อนพลางเอนหัวมาคลอเคลียที่ไหล่ของผม
“ฮึ!” ผมเบะปากก่อนจะทำเป็นไม่สนใจพี่ลัน
“ลุกซ์ ไหนมึงบอกว่าถ้าทำตัวเลวๆ แล้วเมียรักเมียหลงวะ?” พี่ลันกอดเอวผมแน่นขึ้นก่อนจะหันไปถามพี่ลุกซ์ เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็รีบหันขวับไปมองพี่ลุกซ์เช่นกัน ดูพี่ลุกซ์แตกตื่นนิดๆ ก่อนจะยักไหล่แล้วกระตุกยิ้มเหมือนคนกำลังสะใจอะไรบางอย่าง
“กูพูดเหรอ?” พี่ลุกซ์ทำเป็นรู้เรื่อง
“นี่...ที่ทำตัวเย็นชาใส่เพราะไอ้ลุกซ์มันบอกว่าทำแบบนี้แล้วนายจะรักจะหลงฉันแต่พอทำแล้วไม่เห็นเป็นอย่างที่มันพูดเลย” พี่ลันพูดเสียงอ่อนเอาใจ ผมงง อ้าว สรุปคือพี่ลันไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเย็นชาใส่ผมเหรอ? แสดงว่าพี่ลุกซ์แกล้งพี่ลันน่ะสิ ไอ้พี่บ้านี่จริงๆ เลย แกล้งน้องตัวเองได้ลงคอ แกล้งซะผมคิดมากนึกว่าจะถูกสวมเขาซะแล้ว
“แล้วเมื่อวานโกหกว่าอยู่คอนโดทำไม?” ผมถามเสียงห้วนเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน
“เมื่อวานไปหาน้ำ ไปตกลงกันเรื่องนาย” พี่ลันพูด ผมเอียงคองงๆ “น้ำชอบนายก็เลยไปขู่นิดหน่อย” พี่ลันพูดพลางกระแซะผมนิดๆ
“หา!? พี่น้ำเนี่ยนะชอบผม? ไม่จริงหรอก เมื่อวานเห็นเดินควงแขนกันด้วย” ผมจ้องหน้าพี่ลันโกรธๆ
“น้ำก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนายก็รู้ เมื่อวานฉันดีใจนะที่นายหึง” พี่ลันยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะหยิกแก้มผมเบาๆ “อ้อ แล้วก็มึงไอ้เหี้ยลุกซ์ เมียมึงคนไหนวะที่รักที่หลงมึงเพราะความเลวของมึงเนี่ย กูอยากเห็นหน้าจริงๆ” พี่ลันหันไปหาพี่ลุกซ์ นั่นสิ ใครว่าที่มันซาดิสม์ขนาดนั้น ท่าทางจะเป็นพวกชอบคนเลวซะล่ะมั้ง
พี่ลุกซ์ไม่ตอบเพียงแค่ยกยิ้มนิดๆ แล้วหันไปแย่งหูฟังจากพี่เปอร์ที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ และพี่เปอร์ยิ่งทำหน้าหงุดหงิดเมื่อถูกแย่งหูฟังอีกข้าง
รถของพวกเราวิ่งออกมาได้ไกลจากตัวเมืองทำให้รอบข้างเต็มไปด้วยทุ่งนาสีทองเนื่องจากอยู่ในฤดูการเก็บเกี่ยวข้าว ที่นาบางผืนก็ยังมีรวงข้าวไหวระริกตามแรงลมแต่บางผืนก็มีวัวลงไปกินหญ้ากินฟางเนื่องจากได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว
“เฮ้ย ไอ้เสือดำ ดูนั่นดิ ควายอ่ะควาย!” ไอ้เด็กคิมที่นั่งอยู่เบาะหลังสุดกับพี่เสือพี่ขลุ่ยร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นพลางชี้นิ้วให้ดูควายที่มันเห็นนอกหน้าต่าง พวกเราทุกคนมองตามก่อนจะพากันทำหน้าเบื่อ
“มึงสิควาย! นั่นมันวัวโว้ย!” ไอ้พี่เสือที่นั่งข้างๆ ตบหัวไอ้คิมจนมันร้องจ๊าก พวกเราหัวเราะกันอย่างเฮฮากับท่าทางของไอ้คิม
“เอาจริงๆ นะพัด กูแยกวัวกับควายไม่ออกว่ะ” ไอ้พี่เปอร์หันไปกระซิบกระซาบกับพี่พัดแต่เสียงกระซิบของพี่มันดังซะทุกคนได้ยิน
“มึงควายกว่าควายอีกว่ะ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดจิกกัดทำให้พี่เปอร์ทำปากยื่นแล้วสะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆ ฮ่าๆ ถ้าไม่เห็นว่าสองคนนี้ชอบตีกันล่ะก็ผมแอบเชียร์นะเนี่ย
“นี่...อย่าทำอะไรไร้สาระแบบนี้อีกนะครับ รู้ไหมว่าผมคิดมากขนาดไหน?” ผมหยิกต้นแขนของไอ้พี่ลันแรงๆ จนพี่มันร้องโอ๊ย
“ก็อยากเห็นนายหึงบ้างก็แค่นั้นแหละ” พี่ลันกระซิบบอกเบาๆ เหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน ผมหน้าฉ่าเลยล่ะครับเมื่อได้ยินแบบนั้น
“แค่พวกผู้หญิงที่มาตามจีบพี่ผมก็คิดมากจะตายอยู่แล้ว ยังจะมาอยากเห็นผมหึงไปทำไมเล่า” ผมหยิกพี่ลันอีกรอบก่อนจะก้มหน้างุด เอาจริงๆ ผมน่ะหึงมากเลยล่ะครับที่มีคนคอยมาแอบมองพี่ลันด้วยความหมายแปลกๆ ไม่เว้นแต่ละวันแต่ผมแสดงออกให้พี่มันเห็นหรอกครับว่าผมหึงเพราะถ้าแสดงออกไปพี่มันก็จะได้ใจแล้วหาเรื่องพาผมไปคอนโด
“เข้าใจแล้ว” พูดจบพี่มันก็ขยี้ผมของผมเบาๆ แล้วเอนตัวมาพิงตัวของผมที่นั่งติดหน้าต่าง
“หวานกันเหลือเกิ๊น สงสารกูหน่อย ที่รักกูนั่งอยู่ด้านหน้าแต่กูเสือกได้นั่งด้านหลัง” ไอ้พี่ขลุ่ยโหวกเหวกโวยวายขัดจังหวะพลางพาดพิงไปถึงไอ้เมฆ
“น้าชัยเป็นที่รักของพี่ขลุ่ยเหรอครับ?” ไอ้เมฆแกล้งถามทำให้พวกผมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจส่วนพี่ขลุ่ยก็เอาแต่ทำปากยื่นอย่างงอนๆ
“ฮะๆ อย่าลากน้าเข้าไปเกี่ยวสิ น้ามีลูกมีเมียแล้วนะ ฮ่าๆๆ” น้าชัยก็เล่นกับเขาด้วย แม่ผมน่ะบอกน้าชัยไปหมดแล้วล่ะครับว่าผมคบกับผู้ชายและน้าแกเองก็รับได้เพราะแกก็เอ็นดูผมเหมือนลูกเหมือนหลาน อีกอย่างแกเป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่คิดมากเรื่องรักร่วมเพศ ลูกสาวแกตอนนี้ก็มีท่าทางจะเบี่ยงเบนเพราะคุณเธอห้าวเหลือเกินแต่น้าชัยแกก็รับได้ถ้าลูกจะเป็นจริงๆ
พวกเรานั่งหลับๆ ตื่นๆ กันตลอดทางไปที่บ้านผมจนกระทั่งมาถึงตอนสามทุ่ม แม่มายืนรอรับพวกผมที่หน้าบ้านพร้อมกับพ่อลักษณ์ที่ดื้อดึงอยากจะมาด้วยแม้แม่จะไม่อนุญาตก็ตาม หลังจากเก็บของเสร็จพวกเราก็ชวนกันไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวจังหวัดขอนแก่น พูดจริงๆ ว่ากลุ่มเราตกเป็นเป้าสายตาของพวกผู้หญิงมากเพราะมีสองพี่น้องลุกซ์ลัน ไอ้พี่ขลุ่ย พี่เสือ พี่พัด ไอ้คิมที่หน้าตาอย่างเทพแถมยังตัวสูง(พี่พัดเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย) มองเผินๆ นึกว่าดารา แอบหมั่นไส้ในความหล่อของคนพวกนี้จริงๆ ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันผมว่าพวกนี้คงไปศัลยกรรมมาทั้งก๊กอ่ะครับ อิจฉาว่ะ
“โฮ่ ใหญ่มากเลยนะเนี่ย” พี่เสือมองไปรอบๆ เซ็นทรัลพลาซ่าก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก คงไม่คิดล่ะมั้งว่าต่างจังหวัดจะมีห้างใหญ่ๆ แบบนี้อยู่ด้วย เฮ้อ คนรวยๆ ในเมืองหลวงบางทีโลกของพวกเขาก็แคบเหมือนกันแฮะ
“มาถึงที่นี่ทั้งทีกูไม่อยากกินอะไรที่มันจำเจเลยว่ะ อยากลองกินส้มตำไก่ย่างข้างทางดูสักครั้งจริงๆ” ไอ้พี่ขลุ่ยพูดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย
“แต่พี่ลันกินเผ็ดไม่ได้นี่ครับ คงกินส้มตำไม่ไหวหรอก” ผมรีบแย้งขึ้น สงสารเวลาเห็นพี่ลันมีท่าทางทรมานเวลากินเผ็ด
“พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ กินเผ็ดไม่ได้” พี่เปอร์เปรยขึ้นผมจึงหันหน้าไปมองพี่ลุกซ์ หน้าตาอย่างพี่ลุกซ์ผมนึกว่าจะเป็นพวกชอบอะไรแรงๆ เฮี้ยวๆ ไม่ว่าจะรสชาติของคนและรสชาติของอาหารซะอีกนะเนี่ย
“งั้นกินที่นี่นั่นแหละเนอะ” ผมพูดยิ้มๆ ทุกคนจึงพยักหน้าพลางตกลงกันว่าจะกินมื้อเย็นกันร้านไหนดี ขณะที่คนอื่นๆ กำลังถกเถียงกันเรื่องร้านอาหารผมก็พี่ลันก็ยืนจับมือกันเงียบๆ โดยระวังไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในกลุ่มเห็น
“พี่เตี้ยนะพี่เตี้ย ไม่รู้จะไปเชื่อที่พี่ลุกซ์พูดทำไม?” ผมหยิกต้นแขนพี่ลันอย่างหมั่นเขี้ยว
“เพราะอะไรทำไมไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ” พี่ลันหรี่ตามองผมนิดๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เล่นเอาผมเขินเลย
“ถ้ามีอะไรบอกผมนะ ผมกังวลมากรู้ไหม? แถมยังเห็นพี่ไปเดินควงแขนกับแฟนเก่าแล้วโกหกว่าอยู่คอนโดอีก ถ้าผมทำบ้างก็อย่ามาว่าทีหลังละกันนะ” ผมทำปากยื่น
“กล้าเหรอ?” พี่ลันท้า
“กล้ามาก” ผมบอกทันควัน
“ถ้าทำล่ะก็ฉันจะทำให้นายออกไปไหนไม่ได้เลยคอยดูสิ” พี่ลันยักคิ้วขู่
“บ้า แค่นี้ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว” ผมยิ้มเขินก่อนจะรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เพราะอายคำพูดตัวเองเมื่อครู่ พอได้ยินผมพูดแบบนั้นไอ้พี่ลันก็ยิ้มกริ่มไม่หุบคนเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันพากันขนลุกเป็นแถบๆ เพราะไม่ค่อยเห็นพี่ลันยิ้ม
ผมดีใจที่ตัวเองทำให้พี่ลันยิ้มออกมาได้ รอยยิ้มของพี่ลันมีค่าสำหรับผมมากจริงๆา
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไรเตอร์ไม่สบายอ่า วันนี้ก็เพิ่งไปหาหมอมาหลังจากนอนซมอยู่เฉยๆ
เห็นท่าทางถึกและบึกบึนแบบนี้แต่ไรเตอร์ขี้โรคมากนะขอบอก ฮ่าๆๆ เป็นหลายโรค
ตอนเด็กๆ ก็แข็งแรงอยู่หรอกเพราะออกกำลังกายตลอด เป็นนักกีฬาร่างกายก็เลยแข็งแรง
แต่พอโตมาไม่ได้ออกร่างกายทรุดฮวบเลย เดี๋ยวนี้ต้องออกกำลังกายกลบโรคซะแล้ว
รีดเดอร์เองก็ดูแลตัวเองด้วยน้าไรเตอร์เป็นห่วง
เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงตอนที่ใกล้จบเข้าไปทุกที ช่วงนี้มันน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็ฝากรีดเดอร์ติดตากันต่อไปด้วยน้า
โอเคเก๋กู้ด
อ่อ แจ้งเรื่องหนังสือ สำคัญมาก!
ตอนนี้มีนักอ่านจำนวนหนึ่งที่สั่งจองหนังสือ และโอนเงินมาแล้วแต่ยังไม่ได้บอกที่อยู่รบกวนแจ้งมาที่เมล์ J-rome1168@hotmail.com ด้วยนะคะ
ลองคิดดูดีๆ นะว่าเคยแจ้งหรือยังถ้าไม่เคยรีบบอกเลยน้า อยากส่งหนังสือแล้ววววววว
หรือคนที่จำได้ว่าเคยบอกที่อยู่มาแล้วแต่ยังไม่ได้รับหนังสือหรือยังไม่ได้รับการติดต่อจากไรเตอร์จงรีบบบบบบบบบบบติดต่อมาด่วนๆ เลยน้า อยากให้หนังสือแล้วอ่า
ส่วนคนที่ยังไม่ได้จองหรือไม่ได้โอนแต่ยังสตีลอยากได้หนังสือให้ติดต่อมาที่เมล์นะคะ ขอย้ำว่าให้ติดต่อมาที่เมล์จะสะดวกกว่าน้าสำหรับช่วงนี้อ่า
ส่วนเล่มสองทุกคนจงใจเย็นไว้เถิด คือตอนนี้ยังแต่งไม่จบเลย เอาไว้ให้จบก่อนแล้วจะเปิดจองน้า ไม่เกินปีนี้แน่นอน
ปล.ต่อไปนี้จะลงแค่ตอนของคู่หลักนะคะ เพราะเวลาลงคู่รองแล้วมีบ้างที่ไม่อยากอ่าน(หรือเปล่า) แฮะๆ แต่ไรเตอร์จะแทรกตอนของคู่รองลงในหนังสือนะคะและถ้าว่างๆ เดี๋ยวเอาไปแปะไว้ที่อื่นให้อ่านก็แล้วกันน้า
พอดีไรเตอร์กลัวคู่รองน้อยใจที่ไม่มีใครสนใจ ฮ่าๆๆๆๆๆ ว่าไปโน่น เอาเป็นว่าไรเตอร์แต่งคู่รองแน่นอน หายห่วงจ้า
โอเคเก๋กู้ด บุ๊ยบุย berry
ความคิดเห็น