ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #55 : Rule 40 : รักพี่ต้องกังวล (100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 21.94K
      83
      9 เม.ย. 56

    05/04/13
    update : 09/04/13
    Rule 40 : รักพี่ต้องกังวล


    พี่ลัน

     




                    ช่วงนี้ผมกำลังกังวลครับ  ไม่รู้พี่ลันเป็นอะไรเดี๋ยวนี้ไม่ค่อยสนใจผมเลย  ก็ไม่เชิงว่าไม่สนใจหรอกครับ  ก็ไปรับไปส่งและไปเที่ยวกันปกติแต่เดี๋ยวนี้ดูไม่ค่อยตื๊อไม่ค่อยใส่ใจอะไรเท่าไหร่  อย่างเวลาไปกินเหล้ากันงี้ปกติจะชอบลากผมไปคอนโดแต่ทุกวันนี้แค่ผมบอกว่าจะกลับหอพี่มันก็ยอมมาส่งง่ายๆ เล่นเอาผมงงเลย  เดี๋ยวนี้กูเล่นตัวไม่ได้เลยใช่ไหมครับ?

                    และตอนนี้ผมก็กำลังนั่งกลุ้มโดยมีผู้หญิงสองคนนั่งขนาบข้างทำให้ผมถูกเพ่งเล็งสุดๆ เพราะผู้หญิงสองคนที่ว่าก็แม่งโคตรสวย  แต่ผมขอบอกไว้ตรงนี้นะครับว่าไอ้คนหน้าตาธรรมดาสามัญอย่างผมไม่ได้ไปอ่อยผู้หญิงสองคนนี้มาเลย  พวกเธอมาเอง

                    “นี่เจ๊  มานั่งทำด๋อยอะไรตรงนี้มิทราบครับ? อยากถูกหนุ่มวิศวะลากเข้าซอกไหม?” ผมหรี่ตามองยัยเจ๊น้ำที่มานั่งแต่งหน้าทาปากอยู่ข้างๆ อย่างเซ็งๆ

                    “ถ้าลันมาลากฉันโอเคทุกที่ทุกเวลา” ยัยเจ๊ส่งจูบให้กระจกหลังจากเอาสีมาป้ายปากตัวเองเรียบร้อย  จะทาไปทำไมวะไอ้สีๆ เนี่ย  ปากสีเดิมมันก็สวยธรรมชาติอยู่แล้วยังจะเอาสีอื่นมาปกปิดทำไมก็ไม่รู้

                    “ก่อนหน้านั้นผมนี่แหละจะลากเจ๊ก่อน” ผมทำหน้าดุขู่

                    “เชิญเลยจ้ะ” ยัยเจ๊น้ำเก็บอุปกรณ์เสริมสวยลงกระเป๋าก่อนจะอ้าแขนออกพลางเก๊กหน้าสวย

                    “ลากไปกระทืบนะ” ผมทำหน้าเหมือนโดนยาเบื่อทันทีที่ยัยเจ๊ทำตาวิ้งๆ ใส่  พูดตรงๆ นะครับว่ายัยเจ๊นี่หน้าสวย หุ่นเซี้ยะได้ใจแต่ไม่รู้ทำไมเวลาผมมองเจ๊แกเก๊กสวยทีไรผมหมดอารมณ์ไปในทันที  ถ้าเป็นคนอื่นผมอาจจะลากเข้าซอกสักซอกแถวตึกวิศวะก็ได้  แต่เป็นเจ๊คนนี้แล้วมันหมดอารมณ์จริงๆ “แล้วนี่เธอมาทำอะไรที่สาขาฉันฮะครีม?” ผมหันไปถามเพื่อนผู้หญิงที่สนิทที่สุดบ้าง

                    “ก็ไอ้คิมน่ะสิ  วันนี้มันบอกว่าจะมารับแล้วจะแวะมาหานายฉันก็เลยมากันท่าไว้ก่อน” ครีมบอกพลางชะเง้อคอมองหารถของน้องชาย

                    “แล้วนี่ไอ้เมฆกะไอ้วิทมันหายหัวไปซื้อน้ำถึงขอนแก่นหรือไงเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเองพลางยืดคอมองหาเพื่อนบ้าง  ก็ผมไม่อยากถูกสายตาเพ่งเล็งจากพวกผู้ชายคนเดียวนี่ครับ  อยากจะตะโกนบอกไอ้พวกที่มองผมอย่างอิจฉาเหลือเกินว่าผู้หญิงสองคนนี้ไม่ใช่เด็กกูเฟ้ย! ถึงผมจะเคยชอบครีมก็เหอะนะแต่ตอนนี้ก็เป็นได้แค่เพื่อนกันเท่านั้น

                    “อ๊าย! ลันมาแล้ว” เสียงยัยเจ๊กรี๊ดก่อนที่เจ้าตัวจะวิ่งแท่ดๆ ไปกอดแขนพี่ลันแล้วซบไซร้อย่างคิดถึง  ผมก็ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ อย่างระอา  ยัยเจ๊นี่ก็เหลือเกิน  รู้ทั้งรู้ว่าเขามีแฟนแล้วยังจะไปออเซาะอยู่ได้  แต่ผมก็ไม่ได้คิดมากหรอกครับเพราะผมรู้ว่ายัยเจ๊น้ำก็ทำไปงั้นแหละ  ที่สำคัญพี่ลันก็ไม่ได้คิดอะไรด้วย

                    “พี่เตี้ย  จัดของหรือยัง?” ผมถามถึงเรื่องการเตรียมของในการเดินทางไปที่บ้านผมในอีกสองวันข้างหน้า  พวกเพื่อนของผมมันตื่นเต้นจนจัดของเสร็จเรียบร้อย  ผมเองก็ตื่นเต้นก็เลยจัดเสร็จแล้วเหมือนกัน

                    “ยัง” พี่มันตอบพลางหรี่ตามองผมนิดๆ  ผมชะงักเมื่อสายตานั้นมันดูห่างๆ

                    “ให้ผมไปช่วยจัดไหมครับ?” ผมถามเสียงเจื่อนลงนิดหน่อย

                    “ไม่ต้อง” เมื่อได้ยินคำตอบแบบนั้นผมก็เงียบลงทันที  อะไรของพี่มันวะ  โกรธใครที่ไหนหรือผมทำอะไรให้โกรธทำไมถึงทำท่าเย็นชาขนาดนั้น?

                    “เอ้อ พี่จัดเสร็จแล้วนะ” พี่ขลุ่ยที่เห็นท่าไม่ดีพูดอย่างร่าเริงเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศมาคุๆ

                    “จัดของจะไปไหนกันเหรอ?” เจ๊น้ำปล่อยแขนพี่ลันแล้วเดินมาเล่นหัวผมถามอย่างสนใจ  เจ๊คนนี้อยู่นิ่งๆ ไม่เป็นรึไงวะ

                    “ไปบ้านผมน่ะ  ที่ภาคอิสาน” ผมบอกนิ่งๆ

                    “กล้าดียังไงถึงไม่ชวนฉันยะ!? ไปวันไหนไปยังไงบอกมาได้เลยเดี๋ยวฉันไปด้วย” ยัยเจ๊ทึ้งหัวผมเบาๆ

                    “ไม่ได้หรอกเจ๊  ไปกันแต่ผู้ชาย  เป็นผู้หญิงคนเดียวจะไปได้ไง” ผมแย้งทันที

                    “ฉันแคร์ที่ไหน? มีฉันเป็นผู้หญิงคนเดียวน่ะสิดี  รู้สึกดีเมื่อมีหนุ่มหล่อห้อมล้อม โฮะๆ” ยัยเจ๊ปิดปากหัวเราะอย่างมีจริต

                    “พี่ลุกซ์ก็ไปนะ” ผมพูด  หลังจากที่รู้จักกับยัยเจ๊นี่สักพักเจ๊แกก็ตามติดผมแบบแปลกๆ โดยอ้างว่าอยากมาหาพี่ลันและนั่นก็ทำให้ผมได้รู้ว่าเจ๊น้ำกลัวพี่ลุกซ์เพราะเคยถูกด่าค่อนข้างแรง  เห็นบอกว่าตอนที่เจ๊แกจะนอนกับพี่ลุกซ์แล้วพี่ลันไปเห็นเข้าน่ะสิครับ  ยังไม่ทันได้ทำอะไรกันเลยพี่ลันก็โผล่มาขัดจังหวะจนทะเลาะกับพี่ลุกซ์ใหญ่โตและนั่นแหละที่ทำให้พี่ลุกซ์วีนแตก ชี้หน้าด่ากราดจนเจ๊เก็บเอามาร้องไห้คนเดียว  ไม่รู้จะสงสารหรือสมน้ำหน้าดีนะครับ   และเหตุการณ์นั้นก็ทำให้พี่น้ำรู้สึกขยาดพี่ลุกซ์ไปเลย

                    “ฉันไม่ไปละ  ลุกซ์น่ากลัว  บรื๋อ! กลับล่ะ  แค่พูดถึงยังขนลุก” ยัยเจ๊น้ำทำท่าขนลุกขนพองก่อนจะเดินสะบัดก้นจากไปทำเอาพวกเราได้แต่แอบหัวเราะกันอย่างขำๆ  ผู้หญิงร้ายๆ บางทีก็ดูน่ารักดีนะครับ

                    “อ่ะ! ไอ้คิมมารับพอดี  งั้นฉันกลับก่อนนะไป  กลับก่อนนะคะพี่ๆ” ยัยครีมลุกขึ้นยืนพลางชี้ไปที่ร่างสูงโปร่งคุ้นตาที่ถลาแล่นลมมาทางนี้  เมื่อได้ยินครีมพูดเช่นนั้นพวกพี่สามคนก็หันไปมองไอ้คิมทันที

                    “พี่ไอคร้าบ!” ไอ้คิมกระโดดเหย็งๆ มาหาผมแต่ยังมาไม่ถึงร่างของมันก็ถูกเสือขย้ำเข้าให้  พอเห็นว่าไอ้คิมมันจะเข้ามาเกาะแกะผมไอ้พี่เสือก็ดึงคอไอ้คิมไปกอดเอาไว้แล้วทำหน้าดุขู่ไอ้คิมซึ่งดูเหมือนวันนี้มันจะว่าง่ายเป็นพิเศษ  หรือว่ามันเจอเสือขู่ก็เลยเกิดกลัวขึ้นมา  อืม...ท่าทางจะเป็นอย่างนั้น

                    “น้องครีมเอารถกลับไปก่อนได้เลยนะ  เดี๋ยววันนี้พี่จะให้ไอ้เด็กนี่ไปสอนน้องสาวพี่วาดภาพที่บ้านแล้วพี่จะไปส่งเอง” ไอ้พี่เสือแย่งกุญแจรถในมือไอ้คิมไปก่อนจะส่งให้ยัยครีม  ยัยครีมทำหน้างงนิดๆ ก่อนจะรับกุญแจไว้แล้วเดินไปที่รถโดยไม่ลืมไหว้ลาพวกรุ่นพี่

                    “ฮั่นแน่ะพี่ไท  อย่าบอกนะว่า...” ผมมองไอ้พี่เสืออย่างล้อๆ ซึ่งพี่มันก็ยักคิ้วแล้วยกยิ้มเจ้าเล่ห์บ่งบอกว่าเรารู้กัน “กวนตีนแบบนี้ติดคอไหมพี่?” ผมแกล้งถาม

                    “ก็ไม่นะ  คล่องคอดี ฮึๆ” ไอ้พี่เสือยักคิ้วแล้วหันไปมองคนที่ตัวเองกำลังกอดคออยู่ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์ซึ่งไอ้เด็กคิมก็ทำหน้าบูดบึ้งใส่พี่มัน  ฮ่าๆ น่ารักดีแฮะ  มาดกวนๆ ของไอ้คิมถูกพี่เสือกำหราบซะอยู่หมัดเลยแฮะ

                    “พี่ไออย่าไปฟังไอ้ดำมันครับ” ไอ้เด็กคิมมุดออกจากแขนที่ล็อคคอตัวเองก่อนจะเดินมายืนข้างๆ ผมโดยห่างออกจากไอ้พี่เสือสักสามคนยืน

                    “เดี๋ยวนะ? เมื่อกี้มึงเรียกพี่ไทว่าไงนะ?” ผมถาม

                    “ไอ้ดำ”

                    “ฮ่าๆๆ จริงดิ? ที่จริงกูแอบตั้งฉายาให้พี่มันในใจนะ  เห็นหน้าตอนแรกกูตกใจนึกว่าเสือ ฮ่าๆ” ผมหัวเราะร่ากับไอ้เด็กคิม

                    “ก๊ากกก จริงเหรอครับ? ฮ่าๆๆ ไอ้พี่ดำ มึงชื่อไทเกอร์ป่ะวะ? ฮ่าๆๆ” ไอ้เด็กคิมหัวเราะน้ำตาเล็ดน้ำตาไหล

                    “อ๋อ นี่แอบด่าพี่ในใจมาโดยตลอดเลยใช่ไหมสุดที่รัก? แบบนี้ยอมไม่ได้   ไอ้ลัน วันนี้อย่าให้น้องมันได้นอนนะเว้ย” ไอ้พี่เสือชี้หน้าคาดโทษผมก่อนจะตบไหล่พี่ลันเหมือนกับขอให้แก้แค้นให้แต่พี่ลันกลับไม่พูดตอบรับจนรอยยิ้มของทุกคนกร่อยไปแม้กระทั่งไอ้พี่เสือที่โยนมุขไปให้ก็ตาม

                    “เฮ้ยนี่กูพลาดอะไรไปหรือเปล่าวะ?” ไอ้พี่เปอร์ที่เดินถือกระป๋องโค้กเข้ามาพร้อมกับเพื่อนๆ ของผมและเพื่อนของพี่มันทักขึ้นเมื่อเห็นหน้าเจื่อนๆ ของพวกเรา

                    “เอ่อ...เปล่าหรอกครับ  พอดีเลย ผมจะบอกว่าอีกสองวันเรามาเจอกันที่หน้าหอของพวกผมนะครับ  เดี๋ยวแม่จะให้คนขับรถตู้มารับไปที่บ้านของผม  แต่...ถ้าใครไม่อยากไปแล้วก็ไม่ต้องมาก็ได้นะครับ” ผมพูดทำลายบรรยากาศที่เริ่มเครียดในตอนแรกก่อนจะสร้างให้มันเครียดกว่าเดิมเมื่อพูดประโยคสุดท้ายไปด้วยมองหน้าพี่ลันไปด้วย

                    “ทำไมพูดงั้นวะ? หรือว่ามีคนไปไม่ได้?” ไอ้พี่เปอร์ถาม

                    “ไม่รู้สิครับ ผมพูดเผื่อไว้ ฮ่าๆ  พี่ชาย วันนี้ไปดริ๊งค์หน่อยไหมครับ?” ผมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเดินไปกอดไหล่พี่เปอร์อย่างสนิทสนมพลางชวนไปดื่ม รู้สึกอยากเมาขึ้นมาตงิดๆ  พอเครียดแล้วอยากกินเหล้าจริงๆ

                    “เสียใจว่ะน้องชาย  กูถูกสั่งให้กินเหล้าได้อาทิตย์ละครั้ง  แล้วกูก็เพิ่งกินไปวันก่อนนี่เอง” พี่เปอร์ทำหน้าเสียดาย

                    “จะไปไหม? จะพาไป” พี่ลันพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงปกติแต่ผมกลับรู้สึกไม่ปกติ  ทำไมถึงทำท่าห่างเหินกันขนาดนั้นด้วย  ขนาดยืนยังยืนห่างเลย  ที่สำคัญคือไม่มายืนกันท่าผมกับไอ้คิมเหมือนที่เคยทั้งๆ ที่ตอนนี้ไอ้คิมมันยืนอยู่ใกล้ผมมากๆ

                    “ไม่เป็นไรครับ  ไม่อยากไปแล้ว” ผมขมวดคิ้วพูดโดยไม่มองหน้าคนถาม  พอสิ้นคำผมทุกคนก็เงียบไม่พูดอะไร  ผมไม่อยากทำให้คนอื่นลำบากใจเพราะผมก็เลยชวนเพื่อนๆ กลับหอโดยปฏิเสธการไปส่งของพี่ลัน  ถ้าจะทำท่าไม่พอใจเวลาอยู่กับผมขนาดนั้นก็อย่าเพิ่งใกล้กันดีกว่า  ผมกลัวผมจะหงุดหงิดมากไปกว่านี้  หงุดหงิดที่ถูกเย็นชาใส่โดยที่ผมไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด



    60% left




                    ผมไม่แน่ใจว่าสาเหตุที่พี่ลันห่างเหินเพราะมีกิ๊กหรือเปล่าแต่ที่แน่ๆ วันก่อนที่จะเดินทางไปที่บ้านผมผมเห็นพี่ลันไปเดินห้างกับพี่น้ำ  หนอย ไอ้คนโกหก  ไหนบอกว่าไม่อะไรไงวะ? มึงนะมึง เดินให้เขาควงแขนอยู่ได้  ไอ้คนทุเรศ!

                    พรุ่งนี้มึงไม่ต้องไปบ้านกูแล้วไอ้พี่ลัน! กูโกรธว่ะ!

                    ผมเดินตามไอ้พี่ลันไปตามที่ต่างๆ ในห้างซึ่งส่วนใหญ่เป็นร้านเสื้อผ้าผู้หญิง  เดินตามได้สักพักผมก็หมดความอดทนจึงกดเบอร์โทรหาพี่ลัน  ผมรู้หรอกว่าพี่ลันไม่ได้คิดอะไรกับพี่น้ำแล้วแต่เข้าใจไหมครับว่าผมกังวล  เขาเคยคบกันมาก่อนแม้ตอนนี้ก็ยังเรียกกันด้วยชื่อซะน่ารัก  พี่น้ำเองก็สวยแถมยังอึ๋ม  ผมจะเอาอะไรไปสู้เล่า  นมก็ไม่มีเสือกมีของแถมที่เหมือนพี่ลันติดมาอีกด้วย  อย่าบอกนะว่าพี่มันเบื่อผมแล้ว

                    “อืม” พี่ลันรับสาย

                    “อยู่ไหนครับ?” ผมถามเสียงเขียว   นี่ผมตามจิกไปหรือเปล่าน่ะ? แต่ปกติผมไม่เคยโทรตามโทรหาแบบนี้เลยนะ  หวังว่าพี่ลันคงไม่คิดว่าผมโทรจิกเหมือนพวกผู้หญิงหรอกนะ

                    “คอนโด” เมื่อได้ยินคำตอบใจผมก็หล่นตุบทันที  ไม่จริงน่า  โกหกทำไม  พี่ลันโกหกผมทำไม

                    “...”

                    “สูง  เงียบทำไม? แล้วโทรมามีอะไร?” พี่ลันถามขึ้นเมื่อผมเงียบไป  ผมรู้สึกเจ็บใจอย่างบอกไม่ถูก  ทำไมต้องโกหก หรือว่าจะนอกใจผมจริงๆ  แค่เย็นชาใส่ผมมันก็ทำร้ายจิตใจผมมากพออยู่แล้ว  หรือว่าจะเบื่อที่ผมไม่ยอมมีอะไรด้วยจนต้องไปหาคนอื่น  พี่ลันตีค่าความรักของผมเป็นแค่เซ็กส์งั้นเหรอ

                    “ผม...จะกลับบ้านวันนี้ครับ” ผมแกล้งพูดเพื่อดูปฏิกิริยาของพี่ลัน

                    “ทำไมล่ะ?” ไม่ได้ตกใจเลยเหรอวะเนี่ย?

                    “...” ผมตอบคำถามของพี่ลันไม่ได้เพราะรู้สึกจุกอกจนพูดไม่ออก  ตลอดหลายวันที่ผ่านมาที่ทำท่าห่างเหินก็เพราะเบื่อสินะ  ทำไมพี่ลันทำแบบนี้  ไหนบอกว่าจะไม่ทำให้ผมเสียใจไง  ถ้าไม่จริงจังกับคำพูดของตัวเองแล้วพาผมไปหาพ่อทำไม?

                    “สูง...”

                    “ขอโทษนะครับ  เชิญเที่ยวให้สนุก  ผมขอตัวก่อน” ผมบีบโทรศัพท์ในมือก่อนจะกดตัดสาย  ผมยืนมองพี่ลันที่ยืนทำหน้างงมองโทรศัพท์ก่อนจะระบายยิ้มบางๆ อย่างเจ็บปวด  ยิ้มเหรอ? ยิ้มทำไม? ดีใจเหรอที่ผมวาง?  ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่!?!




     

                    ผมกลับมานอนที่หอในมือก็ถือโทรศัพท์เอาไว้หวังว่าพี่ลันจะโทรกลับมาแต่ปรากฏว่าเงียบ  ตลอดทั้งวันที่ผมรอโทรศัพท์ผมก็แทบอยากจะร้องไห้พลางคิดทบทวนเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา  หลังจากที่ไปคุยกับพ่อพี่ลันจนเขายอมรับแล้วพี่ลันก็ยังเป็นเหมือนเดิม  แต่หลังจากนั้นหนึ่งสัปดาห์พี่ลันก็เริ่มเปลี่ยนไปเรื่อยๆ หรือจะเบื่อที่ผมเอาแต่ใจ? แต่เรื่องที่ผมเอาแต่ใจก็มีแค่ไม่ยอมไปคอนโดพี่ลันก็เท่านั้นเอง  ผมก็แค่อยากจะให้พี่ลันอดทน  ถ้าขืนพี่มันร้องหาแต่เรื่องบนเตียงสักวันผมคงได้เข้าโรงพยาบาลอีกแน่




                   

                    พอถึงเวลานัดทุกคนก็มาตามเวลาที่คุยกันไว้  จากนั้นไม่นานก็มีรถตู้มารับ  คนขับนั้นเป็นลูกน้องที่บาร์ของแม่ผมเองซึ่งผมก็สนิทกับเขามากพอสมควรเพราะเขานี่แหละที่สอนผมกินเหล้าตั้งแต่อายุน้อยๆ  แกชื่อน้าชัยครับ  แกกวนๆ และใจดีมาก

                    “เมฆ วิท มานั่งกับกู” ผมขึ้นไปนั่งเบาะที่เหลือหลังจากหกเบาะด้านหลังถูกคนอื่นๆ จับจองไปเรียบร้อยแล้ว  คนที่มาเพิ่มอีกคนทำให้ผมแปลกใจนิดๆ แต่ก็ดีแล้วล่ะครับเพราะดูท่าทางคนที่พาแขกอีกคนมาเขามีท่าทางมีความสุขมาก  จะใครล่ะครับ  ก็ไอ้พี่เสือไง  พี่มันลากไอ้คิมมาด้วย

                    “เดี๋ยวกูนั่งข้างหน้าก็ได้เว้ย” ไอ้วิทพูดขึ้นเมื่อผมเอ่ยชวนขณะที่พี่ลันกำลังจะก้าวมานั่งข้างผม  พี่ลันชะงักก่อนจะก้าวกลับไปทำให้ไอ้วิทกับไอ้เมฆลำบากใจน่าดู

                    “ไม่ต้องหรอก” ผมพูดโดยไม่มองหน้าพี่ลันทำให้พี่มันเดินไปหน้ารถแล้วเปิดประตูด้านหน้าขึ้นไปนั่งข้างน้าชัย  ผมเม้มปากนิดๆ ก่อนจะกอดอกแล้วมองออกนอกหน้าต่าง

                    “มึงทะเลาะอะไรกับพี่ลันวะ?” ไอ้เมฆที่ขึ้นมานั่งข้างผมกระซิบถามเสียงอ่อย

                    “กูแค่กำลังจะตัดสินใจว่ากูควรเลิกกับคนโลเลดีไหมแค่นั้นเอง” ผมตั้งใจพูดประชดพี่ลันทำให้พี่มันหันมามองผมด้วยสายตาดุๆ แต่ผมกลับเบือนหน้าหนี  ถ้าไม่มาอธิบายเองอย่าหวังเลยว่าผมจะไปถามถึงผมจะอยากรู้ความจริงมากก็ตาม

                    “ทะเลาะกันเหรอไอ?” ไอ้พี่เปอร์ที่นั่งอยู่ด้นหลังและเยื้องจากผมไปนิดหน่อยชะโงกหน้ามาถาม  เบาะด้านหลังผมเป็นที่นั่งของพี่ลุกซ์ครับ  แถวที่พี่ลุกซ์นั่งมีพี่เปอร์กับพี่พัดนั่งอยู่ด้วย

                    “แล้วมึงจะไปเสือกอะไรกับวะฮะ?” พี่ลุกซ์ใช้มือใหญ่ๆ ของตัวเองดันหน้าของพี่เปอร์ให้กลับไปอยู่ที่เดิมทำให้พี่เปอร์ทำหน้ามุ่ยอย่างไม่พอใจ

                    “สูง หันหน้ามานี่” เสียงเย็นๆ ของพี่ลันดึงความสนใจของผมทำให้ผมหันกลับไปมองตาเขียวปั้ด

                    “...”

                    “น้าชัยครับ  ช่วยจอดรถทีครับ” พี่ลันถอนหายใจก่อนจะหันไปบอกน้าชัย  “เมฆ เปลี่ยนที่กับพี่ที” แล้วพี่มันก็หันมาพูดกับไอ้เมฆก่อนจะเปิดประตูลงจากรถเมื่อรถจอดสนิท  ผมรีบคว้ามือไอ้เมฆไว้พลางส่ายหน้าไปมาแต่เพราะไอ้พี่ลันมายืนกดดันอยู่หน้าประตูไอ้เมฆจึงสะบัดมือผมแล้วไปนั่งแทนที่พี่ลันแทน

                    “...” เมื่อพี่ลันขึ้นมานั่งแทนที่ไอ้เมฆน้าชัยก็ออกรถต่อส่วนผมก็กอดอกนั่งเงียบไม่พูดอะไร

                    “อยากเลิกจริงๆ เหรอ?” พี่ลันกระซิบถามเบาๆ  ผมเม้มปากก่อนจะเบือนหน้าหนีมองออกไปนอกหน้าต่าง “เป็นอะไร?” พี่ลันสอดแขนมากอดเอวผมเอาไว้ก่อนจะถาม

                    “ทีอย่างนี้ล่ะทำเป็นเอาใจ  หรือว่าเบื่อแฟนเก่าแล้วก็เลยกลับมาหาผม?” ผมกัดฟันถาม

                    “พูดอะไรฮะ?” พี่มันถามเสียงอ่อนพลางเอนหัวมาคลอเคลียที่ไหล่ของผม

                    “ฮึ!” ผมเบะปากก่อนจะทำเป็นไม่สนใจพี่ลัน

                    “ลุกซ์  ไหนมึงบอกว่าถ้าทำตัวเลวๆ แล้วเมียรักเมียหลงวะ?” พี่ลันกอดเอวผมแน่นขึ้นก่อนจะหันไปถามพี่ลุกซ์  เมื่อได้ยินดังนั้นผมก็รีบหันขวับไปมองพี่ลุกซ์เช่นกัน  ดูพี่ลุกซ์แตกตื่นนิดๆ ก่อนจะยักไหล่แล้วกระตุกยิ้มเหมือนคนกำลังสะใจอะไรบางอย่าง

                    “กูพูดเหรอ?” พี่ลุกซ์ทำเป็นรู้เรื่อง

                    “นี่...ที่ทำตัวเย็นชาใส่เพราะไอ้ลุกซ์มันบอกว่าทำแบบนี้แล้วนายจะรักจะหลงฉันแต่พอทำแล้วไม่เห็นเป็นอย่างที่มันพูดเลย” พี่ลันพูดเสียงอ่อนเอาใจ  ผมงง  อ้าว สรุปคือพี่ลันไม่ได้ตั้งใจจะทำตัวเย็นชาใส่ผมเหรอ? แสดงว่าพี่ลุกซ์แกล้งพี่ลันน่ะสิ  ไอ้พี่บ้านี่จริงๆ เลย  แกล้งน้องตัวเองได้ลงคอ  แกล้งซะผมคิดมากนึกว่าจะถูกสวมเขาซะแล้ว

                    “แล้วเมื่อวานโกหกว่าอยู่คอนโดทำไม?” ผมถามเสียงห้วนเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อวาน

                    “เมื่อวานไปหาน้ำ  ไปตกลงกันเรื่องนาย” พี่ลันพูด  ผมเอียงคองงๆ “น้ำชอบนายก็เลยไปขู่นิดหน่อย” พี่ลันพูดพลางกระแซะผมนิดๆ

                    “หา!? พี่น้ำเนี่ยนะชอบผม? ไม่จริงหรอก เมื่อวานเห็นเดินควงแขนกันด้วย” ผมจ้องหน้าพี่ลันโกรธๆ

                    “น้ำก็เป็นอย่างนั้นอยู่แล้วนายก็รู้  เมื่อวานฉันดีใจนะที่นายหึง” พี่ลันยกยิ้มนิดๆ ก่อนจะหยิกแก้มผมเบาๆ “อ้อ แล้วก็มึงไอ้เหี้ยลุกซ์  เมียมึงคนไหนวะที่รักที่หลงมึงเพราะความเลวของมึงเนี่ย  กูอยากเห็นหน้าจริงๆ” พี่ลันหันไปหาพี่ลุกซ์  นั่นสิ  ใครว่าที่มันซาดิสม์ขนาดนั้น  ท่าทางจะเป็นพวกชอบคนเลวซะล่ะมั้ง 

                    พี่ลุกซ์ไม่ตอบเพียงแค่ยกยิ้มนิดๆ แล้วหันไปแย่งหูฟังจากพี่เปอร์ที่นั่งทำหน้าบูดบึ้งอยู่ข้างๆ  และพี่เปอร์ยิ่งทำหน้าหงุดหงิดเมื่อถูกแย่งหูฟังอีกข้าง





     

                    รถของพวกเราวิ่งออกมาได้ไกลจากตัวเมืองทำให้รอบข้างเต็มไปด้วยทุ่งนาสีทองเนื่องจากอยู่ในฤดูการเก็บเกี่ยวข้าว  ที่นาบางผืนก็ยังมีรวงข้าวไหวระริกตามแรงลมแต่บางผืนก็มีวัวลงไปกินหญ้ากินฟางเนื่องจากได้เก็บเกี่ยวผลผลิตไปแล้ว

                    “เฮ้ย ไอ้เสือดำ  ดูนั่นดิ  ควายอ่ะควาย!” ไอ้เด็กคิมที่นั่งอยู่เบาะหลังสุดกับพี่เสือพี่ขลุ่ยร้องขึ้นอย่างตื่นเต้นพลางชี้นิ้วให้ดูควายที่มันเห็นนอกหน้าต่าง  พวกเราทุกคนมองตามก่อนจะพากันทำหน้าเบื่อ

                    “มึงสิควาย! นั่นมันวัวโว้ย!” ไอ้พี่เสือที่นั่งข้างๆ ตบหัวไอ้คิมจนมันร้องจ๊าก  พวกเราหัวเราะกันอย่างเฮฮากับท่าทางของไอ้คิม

                    “เอาจริงๆ นะพัด  กูแยกวัวกับควายไม่ออกว่ะ” ไอ้พี่เปอร์หันไปกระซิบกระซาบกับพี่พัดแต่เสียงกระซิบของพี่มันดังซะทุกคนได้ยิน

                    “มึงควายกว่าควายอีกว่ะ” ไอ้พี่ลุกซ์พูดจิกกัดทำให้พี่เปอร์ทำปากยื่นแล้วสะบัดหน้าใส่อย่างงอนๆ ฮ่าๆ  ถ้าไม่เห็นว่าสองคนนี้ชอบตีกันล่ะก็ผมแอบเชียร์นะเนี่ย

                    “นี่...อย่าทำอะไรไร้สาระแบบนี้อีกนะครับ  รู้ไหมว่าผมคิดมากขนาดไหน?” ผมหยิกต้นแขนของไอ้พี่ลันแรงๆ จนพี่มันร้องโอ๊ย

                    “ก็อยากเห็นนายหึงบ้างก็แค่นั้นแหละ” พี่ลันกระซิบบอกเบาๆ เหมือนกลัวคนอื่นได้ยิน  ผมหน้าฉ่าเลยล่ะครับเมื่อได้ยินแบบนั้น

                    “แค่พวกผู้หญิงที่มาตามจีบพี่ผมก็คิดมากจะตายอยู่แล้ว  ยังจะมาอยากเห็นผมหึงไปทำไมเล่า” ผมหยิกพี่ลันอีกรอบก่อนจะก้มหน้างุด  เอาจริงๆ ผมน่ะหึงมากเลยล่ะครับที่มีคนคอยมาแอบมองพี่ลันด้วยความหมายแปลกๆ ไม่เว้นแต่ละวันแต่ผมแสดงออกให้พี่มันเห็นหรอกครับว่าผมหึงเพราะถ้าแสดงออกไปพี่มันก็จะได้ใจแล้วหาเรื่องพาผมไปคอนโด

                    “เข้าใจแล้ว” พูดจบพี่มันก็ขยี้ผมของผมเบาๆ แล้วเอนตัวมาพิงตัวของผมที่นั่งติดหน้าต่าง

                    “หวานกันเหลือเกิ๊น  สงสารกูหน่อย  ที่รักกูนั่งอยู่ด้านหน้าแต่กูเสือกได้นั่งด้านหลัง” ไอ้พี่ขลุ่ยโหวกเหวกโวยวายขัดจังหวะพลางพาดพิงไปถึงไอ้เมฆ

                    “น้าชัยเป็นที่รักของพี่ขลุ่ยเหรอครับ?” ไอ้เมฆแกล้งถามทำให้พวกผมหัวเราะคิกคักอย่างสะใจส่วนพี่ขลุ่ยก็เอาแต่ทำปากยื่นอย่างงอนๆ

                    “ฮะๆ อย่าลากน้าเข้าไปเกี่ยวสิ  น้ามีลูกมีเมียแล้วนะ ฮ่าๆๆ” น้าชัยก็เล่นกับเขาด้วย  แม่ผมน่ะบอกน้าชัยไปหมดแล้วล่ะครับว่าผมคบกับผู้ชายและน้าแกเองก็รับได้เพราะแกก็เอ็นดูผมเหมือนลูกเหมือนหลาน  อีกอย่างแกเป็นคนหัวสมัยใหม่ไม่คิดมากเรื่องรักร่วมเพศ  ลูกสาวแกตอนนี้ก็มีท่าทางจะเบี่ยงเบนเพราะคุณเธอห้าวเหลือเกินแต่น้าชัยแกก็รับได้ถ้าลูกจะเป็นจริงๆ

     



     

                    พวกเรานั่งหลับๆ ตื่นๆ กันตลอดทางไปที่บ้านผมจนกระทั่งมาถึงตอนสามทุ่ม  แม่มายืนรอรับพวกผมที่หน้าบ้านพร้อมกับพ่อลักษณ์ที่ดื้อดึงอยากจะมาด้วยแม้แม่จะไม่อนุญาตก็ตาม  หลังจากเก็บของเสร็จพวกเราก็ชวนกันไปกินข้าวที่ห้างสรรพสินค้าชื่อดังในตัวจังหวัดขอนแก่น  พูดจริงๆ ว่ากลุ่มเราตกเป็นเป้าสายตาของพวกผู้หญิงมากเพราะมีสองพี่น้องลุกซ์ลัน ไอ้พี่ขลุ่ย พี่เสือ พี่พัด ไอ้คิมที่หน้าตาอย่างเทพแถมยังตัวสูง(พี่พัดเตี้ยกว่าผมเล็กน้อย) มองเผินๆ นึกว่าดารา  แอบหมั่นไส้ในความหล่อของคนพวกนี้จริงๆ  ถ้าไม่ติดว่ารู้จักกันผมว่าพวกนี้คงไปศัลยกรรมมาทั้งก๊กอ่ะครับ  อิจฉาว่ะ

                    “โฮ่ ใหญ่มากเลยนะเนี่ย” พี่เสือมองไปรอบๆ เซ็นทรัลพลาซ่าก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก  คงไม่คิดล่ะมั้งว่าต่างจังหวัดจะมีห้างใหญ่ๆ แบบนี้อยู่ด้วย  เฮ้อ คนรวยๆ ในเมืองหลวงบางทีโลกของพวกเขาก็แคบเหมือนกันแฮะ

                    “มาถึงที่นี่ทั้งทีกูไม่อยากกินอะไรที่มันจำเจเลยว่ะ  อยากลองกินส้มตำไก่ย่างข้างทางดูสักครั้งจริงๆ” ไอ้พี่ขลุ่ยพูดพลางแลบลิ้นเลียริมฝีปากอย่างหิวกระหาย

                    “แต่พี่ลันกินเผ็ดไม่ได้นี่ครับ  คงกินส้มตำไม่ไหวหรอก” ผมรีบแย้งขึ้น  สงสารเวลาเห็นพี่ลันมีท่าทางทรมานเวลากินเผ็ด

                    “พี่น้องคู่นี้เหมือนกันจริงๆ  กินเผ็ดไม่ได้” พี่เปอร์เปรยขึ้นผมจึงหันหน้าไปมองพี่ลุกซ์  หน้าตาอย่างพี่ลุกซ์ผมนึกว่าจะเป็นพวกชอบอะไรแรงๆ เฮี้ยวๆ ไม่ว่าจะรสชาติของคนและรสชาติของอาหารซะอีกนะเนี่ย

                    “งั้นกินที่นี่นั่นแหละเนอะ” ผมพูดยิ้มๆ ทุกคนจึงพยักหน้าพลางตกลงกันว่าจะกินมื้อเย็นกันร้านไหนดี  ขณะที่คนอื่นๆ กำลังถกเถียงกันเรื่องร้านอาหารผมก็พี่ลันก็ยืนจับมือกันเงียบๆ โดยระวังไม่ให้คนอื่นที่ไม่ใช่คนในกลุ่มเห็น

                    “พี่เตี้ยนะพี่เตี้ย  ไม่รู้จะไปเชื่อที่พี่ลุกซ์พูดทำไม?” ผมหยิกต้นแขนพี่ลันอย่างหมั่นเขี้ยว

                    “เพราะอะไรทำไมไม่ลองถามตัวเองดูล่ะ” พี่ลันหรี่ตามองผมนิดๆ ด้วยสายตาเจ้าเล่ห์เล่นเอาผมเขินเลย

                    “ถ้ามีอะไรบอกผมนะ  ผมกังวลมากรู้ไหม? แถมยังเห็นพี่ไปเดินควงแขนกับแฟนเก่าแล้วโกหกว่าอยู่คอนโดอีก  ถ้าผมทำบ้างก็อย่ามาว่าทีหลังละกันนะ” ผมทำปากยื่น

                    “กล้าเหรอ?” พี่ลันท้า

                    “กล้ามาก” ผมบอกทันควัน

                    “ถ้าทำล่ะก็ฉันจะทำให้นายออกไปไหนไม่ได้เลยคอยดูสิ” พี่ลันยักคิ้วขู่

                    “บ้า แค่นี้ก็ไปไหนไม่ได้แล้ว” ผมยิ้มเขินก่อนจะรีบเดินเข้าไปรวมกลุ่มกับคนอื่นๆ เพราะอายคำพูดตัวเองเมื่อครู่  พอได้ยินผมพูดแบบนั้นไอ้พี่ลันก็ยิ้มกริ่มไม่หุบคนเพื่อนๆ ที่มาด้วยกันพากันขนลุกเป็นแถบๆ เพราะไม่ค่อยเห็นพี่ลันยิ้ม

                    ผมดีใจที่ตัวเองทำให้พี่ลันยิ้มออกมาได้  รอยยิ้มของพี่ลันมีค่าสำหรับผมมากจริงๆ




    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    ช่วงสองสามวันที่ผ่านมาไรเตอร์ไม่สบายอ่า  วันนี้ก็เพิ่งไปหาหมอมาหลังจากนอนซมอยู่เฉยๆ
    เห็นท่าทางถึกและบึกบึนแบบนี้แต่ไรเตอร์ขี้โรคมากนะขอบอก ฮ่าๆๆ  เป็นหลายโรค
    ตอนเด็กๆ ก็แข็งแรงอยู่หรอกเพราะออกกำลังกายตลอด เป็นนักกีฬาร่างกายก็เลยแข็งแรง
    แต่พอโตมาไม่ได้ออกร่างกายทรุดฮวบเลย  เดี๋ยวนี้ต้องออกกำลังกายกลบโรคซะแล้ว
    รีดเดอร์เองก็ดูแลตัวเองด้วยน้าไรเตอร์เป็นห่วง

    เนื้อเรื่องของเรื่องนี้ก็ดำเนินมาถึงตอนที่ใกล้จบเข้าไปทุกที  ช่วงนี้มันน่าเบื่อไปหน่อยแต่ก็ฝากรีดเดอร์ติดตากันต่อไปด้วยน้า
    โอเคเก๋กู้ด


    อ่อ แจ้งเรื่องหนังสือ สำคัญมาก!
    ตอนนี้มีนักอ่านจำนวนหนึ่งที่สั่งจองหนังสือ และโอนเงินมาแล้วแต่ยังไม่ได้บอกที่อยู่รบกวนแจ้งมาที่เมล์ J-rome1168@hotmail.com ด้วยนะคะ
    ลองคิดดูดีๆ นะว่าเคยแจ้งหรือยังถ้าไม่เคยรีบบอกเลยน้า  อยากส่งหนังสือแล้ววววววว
    หรือคนที่จำได้ว่าเคยบอกที่อยู่มาแล้วแต่ยังไม่ได้รับหนังสือหรือยังไม่ได้รับการติดต่อจากไรเตอร์จงรีบบบบบบบบบบบติดต่อมาด่วนๆ เลยน้า  อยากให้หนังสือแล้วอ่า

    ส่วนคนที่ยังไม่ได้จองหรือไม่ได้โอนแต่ยังสตีลอยากได้หนังสือให้ติดต่อมาที่เมล์นะคะ  ขอย้ำว่าให้ติดต่อมาที่เมล์จะสะดวกกว่าน้าสำหรับช่วงนี้อ่า

    ส่วนเล่มสองทุกคนจงใจเย็นไว้เถิด  คือตอนนี้ยังแต่งไม่จบเลย  เอาไว้ให้จบก่อนแล้วจะเปิดจองน้า  ไม่เกินปีนี้แน่นอน
    ปล.ต่อไปนี้จะลงแค่ตอนของคู่หลักนะคะ เพราะเวลาลงคู่รองแล้วมีบ้างที่ไม่อยากอ่าน(หรือเปล่า) แฮะๆ แต่ไรเตอร์จะแทรกตอนของคู่รองลงในหนังสือนะคะและถ้าว่างๆ เดี๋ยวเอาไปแปะไว้ที่อื่นให้อ่านก็แล้วกันน้า
    พอดีไรเตอร์กลัวคู่รองน้อยใจที่ไม่มีใครสนใจ ฮ่าๆๆๆๆๆ  ว่าไปโน่น  เอาเป็นว่าไรเตอร์แต่งคู่รองแน่นอน หายห่วงจ้า

    โอเคเก๋กู้ด  บุ๊ยบุย
    Free Theme dek-d By i'nutberry
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×