ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Yaoi] ซวยฉิบหาย! ผมกลายเป็นเมียเขา [จบจ้า]

    ลำดับตอนที่ #62 : Rule 45 : รักพี่ต้องไปฮันนีมูน...........END

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 19.47K
      58
      1 ส.ค. 56

    01/08/13
    Rule 45 : รักพี่ต้องไปฮันนีมูน...........END

    ลัน "บ๊ายบายครับทุกคน"


    ไอ "อย่าลืมคิดถึงผมกับพี่ลันนะครับ จุ๊บๆ"



     



                    สักพักน้องไลลาก็กลับจากเรียนพิเศษ  น้องไลลามากับเพื่อนที่ชื่อว่าน้องทิวา  เด็กสองคนนี้ถ่ายรูปพวกผมใหญ่เลยล่ะครับ  ถ่ายไปกรี๊ดไปจนผมเขิน  พอผมเขินพี่ลันก็จะเอามือมาบังกล้องไว้ทำให้ภาพที่ออกมามันยิ่งดูหวานแหววยิ่งขึ้น  ให้ตายเถอะ  ทำไมเด็กพวกนี้ต้องชอบคู่ชายรักชายด้วยเนี่ย  เขินนะโว้ย

                    “พี่ไอ  ไลลาอยากทำเพจให้พี่ไอกับพี่ลันจังเลย  น่ารักอ่ะ” น้องไลลาเลิกถ่ายรูปผมกับพี่ลันก่อนจะลากพวกเรามานั่งคุยเล่นที่ข้างสระว่ายน้ำ

                    “ทำทำไมอ่ะ?” ผมถามงงๆ

                    “ก็แบบ เผื่อพวกพี่จะมีแฟนคลับอะไรงี้ไง  เดี๋ยวนี้คนชอบอะไรแบบนี้เยอะออก เนอะทิวา” น้องไลลาหันหาพวกซึ่งน้องทิวาก็พยักหน้าตามทันที

                    “แค่นี้พี่เตี้ยก็มีแฟนคลับเยอะจะตายอยู่แล้ว” ผมหรี่ตามองพี่ลันอย่างเซ็งๆ  คนชอบพี่มันเยอะอ่ะ  บางทีผมก็หึงนะเออ

                    “เยอะอะไร  อย่าไปฟังมันพูดเลย” พี่ลันขยี้ผมของผมเบาๆ ก่อนจะเอานิ้วชี้มาป้าดปากผมผมจึงรีบหยิกไหล่พี่มันเพื่อแก้แค้นเล่นเอาพวกน้องๆ หัวเราะคิกคักอย่างชอบใจ “ส่วนเรื่องเพจไม่ต้องทำนะไลลา  พี่ไม่อยากให้ใครมายุ่งกับเรื่องนี้  เดี๋ยวไม่มีเวลาอยู่ด้วยกัน เนอะ” พี่ลันบีบจมูกผมเบาๆ

                    “ไม่ต้องมาเนอะเลย” ผมทำปากยื่นพี่ลันจึงทำท่าจะจูบแต่ผมก็รีบดันหน้าพี่มันออกเพราะอายน้อง

                    “โอ๊ย! พวกพี่อย่าทำให้ฟินได้ไหม? น่ารักเกิ๊น!” น้องไลลากุมแก้มแดงๆ ของตัวเองพลางบิดตัวไปมาซึ่งไม่ต่างจากน้องทิวาเลยซักนิด

                    “เอ้อ  เห็นพี่ลันกับพี่ไอแล้วทิวานึกถึงพี่ไทกับพี่คิม  อยู่ด้วยกันบ่อยจนทิวาเริ่มสงสัยแล้วนะ  พวกพี่รู้เรื่องนี้ป่ะ?” น้องทิวาถามอย่างตื่นเต้น

                    “ไอ้คิมมันเคยจะจีบไอ้สูง” พี่ลันทำหน้าโหดเมื่อพูดถึงไอ้คิม  พี่ลันนี่ก็แค้นฝังหุ่นเหลือเกิน  ไหนๆ ตอนนี้ไอ้คิมมันก็เป็นเมียพี่ไทไปแล้วยังจะระแวงอะไรอีกก็ไม่รู้

                    “แต่ว่าตอนนี้ไอ้คิมมันเป็นเมียพี่ไท ฮ่าๆ” ผมพูด  น้องๆ ทั้งสองมองหน้ากันอึ้งๆ ก่อนจะบิดไปมาด้วยความขวยเขิน

                    “ว่าแล้วเชียว  พี่คิมมาที่บ้านบ๊อยบ่อย  บางวันก็ค้าง  ทิวาก็แปลกใจอยู่นะว่าทำไมพี่ไทต้องให้พี่คิมไปค้างในห้องพี่ไทด้วย  อ๊าย! เขินอ่ะ!” น้องทิวาดิ้นไปมา  หน้างี้แดงก่ำเลย

                    “อย่าไปกวนเขาบ่อยล่ะ คึๆ” ผมหัวเราะขำๆ

                    “เหมือนที่ไม่ให้ไลลาไปกวนพี่ลันกับพี่ไอที่คอนโดใช่มะ?” น้องไลลาล้อเล่นเอาผมขำไม่ออกเลยทีเดียว

                    “เขินนน” น้องทิวาแซว

                    “อะไร?  อยากไปก็ไปสิพี่ไม่ได้ว่าอะไรนี่ก็เพราะพี่อยู่หอพี่ต่างหาก  ไม่ได้อยู่คอนโดพี่เตี้ยซักหน่อย” ผมปฏิเสธส่งๆ  ก็คนมันเขินนี่หว่า

                    “เดี๋ยวจะบังคับให้ย้ายมาอยู่เนี่ย  ไปอยู่หอทำไมให้เปลืองเงิน” พี่ลันว่าพลางดึงผมของผมเล่น

                    “บังคับไม่ได้หรอก” ผมกอดอกทำท่าอวดดีใส่พี่ลันทำให้พี่ลันต้องแกล้งนัวเนียจนผมยอมอ่อนให้เพราะผมอายน้อง

                    “พี่ลันกับพี่ไอน่ารักจัง  เขินอ่ะ!” น้องไลลาพูดก่อนจะกระโดดมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับพี่ลันแล้วกอดแขนพวกเราเอาไว้

                    “ไลลา อย่าลวนลามแฟนพี่  ไปๆ ไปกินข้าวกันได้แล้ว  ทิวาด้วยนะ  เดี๋ยวกินเสร็จพี่จะแวะไปส่งที่บ้าน” พี่ลันพูดพลางเดินนำพวกน้องๆ เข้าไปในบ้าน  น้องไลลากับน้องทิวารีบเดินมาควงแขนทั้งสองข้างของผมทันทีซึ่งผมก็ทำได้เพียงหัวเราะเจื่อนๆ เพราะความร่าเริงพวกน้องๆ ทำให้ผมเขิน  โดนแซวตลอดเลย  พวกน้องๆ ก็นะ  เผลอเป็นไม่ได้แอบถ่ายรูปตลอด

     



     

                    หลังจากกินข้าวเสร็จผมกับพี่ลันก็อาสาไปส่งน้องทิวาที่บ้าน  ตอนที่กินข้าวกันอยู่พวกเราก็คุยเรื่องสัพเพเหระกันไปเรื่อยจนแม่วิถามขึ้นมาว่าพวกเราอยากจะหมั้นกันไหม? ไอ้พี่ลันไม่ได้ตอบด้วยปากแต่สายตาพี่มันตอบไปเรียบร้อย  ผมก็อายจนไม่รู้จะทำยังไงจึงได้แต่พยักหน้าหงึกหงัก  ตอนแรกแม่วิก็อยากจะให้แต่งงานกันเลยแต่ทั้งผมทั้งพี่ลันยังเรียนไม่จบก็เลยยังไม่ให้แต่ง  ไอ้ผมก็ไม่ได้อยากจะจัดงานอะไรให้มันมากเรื่องหรอกนะครับเพราะผมกับพี่ลันเป็นผู้ชายเหมือนกันแต่พ่อลิตกับแม่วิอยากจะเห็นลูกตัวเองแต่งงานก็เลยวางแผนจะจัดงานให้  แน่นอนว่าต้องเป็นงานเงียบๆ เพราะไม่อยากให้มันเอิกเริกเป็นข่าว

                    “พี่เตี้ย  พ่อกับแม่จะให้เราหมั้นกันจริงๆ น่ะเหรอ?” ผมถามเมื่อกลับมาถึงคอนโดของพี่ลันแล้ว

                    “ก็ต้องจริงสิ  ดีใจไหม?” พี่ลันถามพลางก้มลงเพื่อส่องดูหน้าผม  ก็ผมกำลังก้มหน้าเพราะความเขินอยู่นี่ครับ

                    “ถามบ้าๆ” ผมขมวดคิ้วตีแขนพี่ลัน “ก็ต้องดีใจสิ” ผมอมยิ้มนิดๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนี

                    “เห็นพ่อกับแม่บอกว่าจะคุยเรื่องนี้กับอาลักษณ์และอาเอมก่อนแล้วจะหาฤกษ์หมั้นให้” พี่ลันบอก

                    “นี่พี่เตี้ย ผมต้องเรียกพ่อกับแม่พี่ว่าลุงกับป้าเหมือนที่พี่เรียกพ่อกับแม่ผมว่าอาหรือเปล่าครับ  ผมเกร็งอ่ะ ไม่รู้จะเรียกใครยังไง” ผมทำหน้าสับสน

                    “ไม่ต้องหรอก พ่อกับแม่เขาให้เรียกอย่างนั้นก็เรียกไปแต่ว่าฉันเรียกอาลักษณ์มาตั้งแต่เด็กมันชินน่ะ” พี่ลันว่า

                    “เอ่อ...พี่เตี้ย  ผมขอกลับไปอยู่หอได้ไหม?” ผมตะล่อมถาม  ไม่ใช่อะไรหรอกครับ  คือสาเหตุที่ผมอยากกลับไปอยู่หอมีอยู่สองข้อ คือ ผมเป็นห่วงไอ้เมฆเพราะตอนนี้ไอ้วิทก็ยังไม่กลับ  ส่วนอีกข้อก็คืออยู่กับพี่ลันแล้วหัวใจจะวาย  พี่มันชอบทำให้ผมเขินอ่ะ

                    “ทำไม!?” พี่ลัน

                    “ก็...อยู่ด้วยกันแบบนี้ผมเขิน” ผมก้มหน้าพูด

                    “มั่นใจนะว่าถ้าไปอยู่หอแล้วจะไม่ร้องไห้ขี้มูกโป่งน่ะ?” พี่ลันถามพลางยกยิ้มอย่างคนเหนือกว่า

                    “มั่นใจ” ผมตอบอย่างมุ่งมั่น

     



     

                    สุดท้ายพี่ลันก็ปล่อยผมกลับมาอยู่ที่หอครับ  ผมนั่งเล่นนอนเล่นอยู่หอจนเบื่อ  พอออกไปหาไอ้เมฆที่อยู่ห้องข้างๆ ก็พบว่าพี่ขลุ่ยมาตามตอแยจนไม่มีช่องว่างให้ผมเข้าไปเสือกและท้ายที่สุดผมก็ต้องกลับไปนอนตีพุงที่ห้องพี่ลันอยู่ดี  พี่มันล้อผมใหญ่เลยเรื่องที่ผมอยู่คนเดียวไม่ได้  ก็เพราะใครล่ะที่ทำให้ผมชินกับการที่ต้องนอนกอดคนตัวใหญ่ๆแบบนี้

     



     

                    นอนกลิ้งอยู่ห้องพี่ลันได้สองวันก็ถึงวันที่เราต้องไปเที่ยวกัน  พวกเราลงไปเที่ยวภาคใต้โดยให้คนของพ่อพี่ลันไปส่งครับ  พอถึงบริษัททัวร์พวกเราก็ไปกับทางบริษัท  ที่ที่พวกเราไปเที่ยวก็คือจังหวัดสุราษฏ์ธานีโดยสถานที่เที่ยวก็คือแพห้าร้อยไร่และรีสอร์ทภูผาและลำธาร

                    ก่อนที่จะไปถีงแพห้าร้อยไร่พวกเราแวะชมสันเขื่อนรัชชประภาซะก่อนครับ  พวกเราถ่ายรูปกันเยอะเลยล่ะครับ  พอดีพี่ขลุ่ยเขาชอบถ่ายรูปอยู่แล้วพี่มันจึงขนกล้องมาถ่ายรูปเก็บไว้โดยเฉพาะ  ผมแอบเห็นพี่มันแอบถ่ายภาพคนนั้นคนนี้ตอนหลุดด้วยล่ะครับ  แอบถ่ายมากสุดเห็นจะเป็นไอ้เมฆนี่แหละครับ

                    ชมเขื่อนกันได้ไม่ถึงชั่วโมงพวกเราก็ไปที่ท่าเรือเพื่อต่อไปที่แพห้าร้อยไร่ครับ  พอถึงท่าเรือพวกผมก็บุกร้านขายของชำทันที  ผมแม่งโคตรหิวจนแทบจะเขมือบทุกอย่างตรงหน้าได้แล้วล่ะครับ  ก็ผมน่ะตื่นสายเลยไม่ได้กินข้าวพอจะกินระหว่างทางมาผมก็หลับเป็นตาย  พี่ลันก็บ่นอยู่ตลอดว่าเตือนผมให้กินข้าวแล้วผมไม่เชื่อเอง  บ่นเป็นคนแก่ไปได้ไอ้พี่ลันนี่ก็

                    “สูงๆ มาถ่ายรูปกัน” พี่ลันดึงผมไปยืนอยู่ที่ท่าเรือก่อนจะหันเข้าหากล้องที่พี่ขลุ่ยตั้งเตรียมถ่ายให้แล้ว  พี่ขลุ่ยดูเหมาะกับกล้องมากครับ  พี่มันแต่งตัวสบายๆ กางเกงผ้าขายาวเท่าเข่า สวมรองเท้าสานแลดูชิลล์ๆ ยังไงก็ไม่รู้  แต่ผมมั่นใจว่าพี่ขลุ่ยลุคนี้ทำให้ไอ้เมฆเขินได้เหมือนกัน

                    “ว้าก! หอมทำไมพี่ลัน  อายคนอื่นเขา” ผมร้องโวยวายเมื่อจู่ๆ พี่ลันก็โน้มหน้ามาหอมก้มผมเพื่อให้พี่ขลุ่ยถ่ายรูปเก็บไว้  โชคดีนะเนี่ยที่ไม่ทันมีคนมอง  แต่ผู้ชายหกคนมาเที่ยวด้วยกันแบบนี้คนอื่นๆ เขาก็ต้องดูออกอยู่แล้วแหละครับว่ามันไม่ธรรมดา

                    “อย่าหวานให้มาก  หมั่นไส้” ไอ้พี่เสือพูดจิก  อีกแล้วล่ะครับ  พี่มันถูกไอ้คิมทิ้งอีกแล้วล่ะ ฮ่าๆๆ ตอนนี้ไอ้คิมมันไปคุยกับนักท่องเที่ยวกลุ่มหนึ่งที่มีแต่ผู้หญิงน่ะสิ  น่าปวดหัวแทนพี่เสือเหมือนกันนะเนี่ย

                    “คิมๆ ผัวมึงหงุดหงิดแล้ว  รีบมาหามันเร็วๆ ฮ่าๆ” ไอ้เมฆตะโกนแซวไอ้คิมทำให้พวกผู้หญิงที่มันคุยด้วยอยู่หน้าเหวอไปเลยส่วนไอ้คิมก็ตบหน้าผากตัวเองแล้วรีบระเห็จตัวออกมาจากกลุ่มนั้นทันที

                    “โมโหง่ายไปป่ะไอ้เสือดำ? เขาเรียกให้กูไปถ่ายรูปให้เฉยๆ  ไม่มีอะไรหรอกน่า” ไอ้คิมเดินมาจิ้มไหล่พี่เสือเพื่อง้อ

                    “ถ่ายรูปเฉยๆ อะไร  เมื่อกี้เขาดึงมึงไปถ่ายด้วยไม่ใช่เหรอ?  กูเห็นแลกไลน์กันด้วยนี่” ไอ้พี่เสือมองไอ้คิมตาขวางๆ

                    “เอ้า ก็แลกกันเขาจะได้ส่งรูปให้กูไง  คิดมากน่า  กูไม่นอกใจมึงหรอก คิกๆ” ไอ้คิมแกล้งเกาคางพี่เสือขำๆ จนพี่มันสะบัดหน้าหนี  ไอ้คิมตามไปง้อเรื่อยๆ ครับ  เพียงไม่นานผมก็ได้ยินไอ้คิมมันตะโกนมาจากที่ไกลๆ ว่า  ผมรักพี่ไทที่สุดเลยครับ!  ด้วยแหละ  แหม...ง้อกันน่ารักจริงๆ คู่นี้

                    “สูง ตะโกนแบบนั้นบ้างดิ” พี่ลันสะกิดไหล่ผมยิกๆ เพื่อให้ผมทำแบบไอ้คิมบ้าง

                    “ไม่เอาๆ” ผมส่ายหน้าไปมา “ไปๆ ไปขึ้นเรือได้แล้ว  อย่าทำหน้าบูดเป็นตูดลิงไปหน่อยเลยน่า  เดี๋ยวไม่หล่อนะ” ผมพูดหยอกพี่ลัน  ที่จริงพี่มันก็ไม่ได้ทำหน้าบูดบึ้งอะไรหรอกครับเพียงแต่สายตาของพี่มันแลดูอ้อนๆ ให้ผมทำอย่างไอ้คิมบ้างก็เท่านั้น

                    “นิ่งๆ นะเว้ยลัน  มุมนี้แม่งหล่อว่ะเฮ้ย” ขณะที่พี่ขลุ่ยกำลังก้าวขึ้นเรือตามผมกับพี่ลันมาพี่มันก็ตั้งท่าถ่ายรูปและรีบกดถ่ายอย่างรวดเร็วโดยที่พี่ลันยังไม่ทันเปลี่ยนท่าเลย “มาครับน้องเมฆ  จับมือพี่ไว้นะ” ถ่ายเสร็จพี่มันก็หันไปส่งมือให้ไอ้เฆจับแต่ไอ้เมฆกลับทำท่าเมินไม่ยอมจับ  หน้าพี่ขลุ่ยหมองเลยล่ะครับ  ฮาสุดๆ  ไอ้เมฆนี่ก็ใจแข็งดีเหลือเกินแต่คงอีกไม่นานหรอก  ท่าทางแบบนี้มันคงรักพี่ขลุ่ยเข้าให้แล้วล่ะครับ

                    “เฮ้ย! รีบขึ้นเรือสิวะไอ้สองคนนั้นน่ะ” พี่ลันตะโกนเรียกพี่เสือกับไอ้คิมที่กำลังวิ่งแย่งโทรศัพท์กันอยู่ที่ท่าเรือ

                    “ไอ้ดำ! ลบรูปนั้นเลยนะเว้ย  ไม่ลบกูถีบตกเรือจริงๆ ด้วย” ไอ้คิมวิ่งกระโดดขึ้นเรือมาเป็นคนสุดท้ายก่อนจะหอบเพราะความเหนื่อย

                    “ไม่ลบๆ พวกมึงดูรูปนี้ดิ คึๆ” พี่เสือหัวเราะคิกคักก่อนจะโชว์รูปที่ฉายอยู่บนจอมือถือให้พวกเราดู  มันเป็นรูปที่ไอ้คิมกำลังทำปากจู๋ๆ เพื่อหอมแก้มพี่เสืออยู่ครับ

                    “แบบนี้ต้องโพสต์ ฮ่าๆๆ” พี่ขลุ่ยมือไวรีบคว้าโทรศัพท์ของพี่เสือมาแล้วกดแชร์รูปทันที  ไอ้คิมมันร้องโวยวายไม่หยุดจนลูกเรือลำข้างๆ หันมามองด้วยสายตารำคาญ

                    “จำไว้เลยพี่ขลุ่ย  ผมจะแช่งให้พี่เมฆไม่รัก” ไอ้คิมชี้หน้าพี่ขลุ่ย

                    “ไม่ต้องแช่งพี่ก็ไม่รักหรอก ชิ” ไอ้เมฆทำแก้มพองลมพลางเชิดหน้าใส่พี่ขลุ่ย  โอ้! ไอ้เมฆน่ารักสุดๆ เลยครับ

                    “น้องเมฆอ่ะ  ใจร้าย!” พี่ขลุ่ยทำหน้างอนก่อนจะแกล้งเอียงคอไปซบไหล่ไอ้เมฆ  แต่ยังไม่ทันจะได้ซบผมก็ดึงไอ้เมฆมากอดอย่างหมั่นเขี้ยว  ใครบอกให้มันน่ารักล่ะครับ

                    “สูง อย่าเยอะ  หึง” พี่ลันทำหน้าดุขู่ผมแต่ผมก็ไม่สน  ขอกอดลูกชายที่น่ารักให้เต็มรักก่อนสิ

                    “ไม่ให้หึง  พี่ลันเอาพ่อผมไปจากผมตั้งนานแล้วนะ  ขอลูกชายอยู่กับพ่อบ้างสิ” ไอ้เมฆย่นจมูกใส่พี่ลัน  เดี๋ยวนี้มันกล้าครับเพราะพี่ลันไม่กล้าทำอะไรมันหรอก  แหม...ก็มีทั้งผมทั้งพี่ขลุ่ยคอยเป็นองครักษ์อยู่ตั้งสองคน

                    “ไอ้ขลุ่ย  เอาไอ้เมฆไปเก็บ” พี่ลันแกล้งสั่งพี่ขลุ่ยเสียงดัง

                    “อุ๊ยตาย! พี่ปกครองเขาสั่งแล้วอ่ะถ้าอย่างนั้นพี่สันขอทำตามคำสั่งหน่อยนะครับ คึๆ” พี่ขลุ่ยทำหน้าทะเล้นก่อนจะขยับมานั่งแทรกกลางระหว่างผมกับไอ้เมฆผมจึงจำใจขยับไปนั่งข้างๆ พี่ลันแทน  พี่สันที่ว่าก็คือพี่สันทนาการครับ  พอดีพี่ขลุ่ยไม่ได้เป็นพี่ว้ากเหมือนพี่ลันกับพี่เสืออ่ะนะแต่พี่มันไปกับกลุ่มนี้คนก็เลยมักจะเข้าใจผิดว่าพี่มันเป็นพี่ว้าก  น่าสงสารจริงๆ

                    “สูง  อยากจุ๊บ” พี่ลันเอาแขนพาดกาบเรือก่อนจะโน้มหน้ามากระซิบกับผมเบาๆ  หน้าผมร้อนผ่าวก่อนจะหันไปมองรอบๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนได้ยินเข้า  ผมอายคนอื่นเขานี่ครับ

                    “ไม่เอา มาเที่ยวนะ  คนอื่นๆ มีตั้งเยอะแยะ  อายเขาหน่อยสิ” ผมพูดพลางชี้ไปที่เรือลำข้างๆ ที่อยู่ไม่ไกลกันเท่าไหร่  เรือที่พวกเรานั่งเป็นเรือขนาดไม่ใหญ่มากซึ่งลำที่พวกเรานั่งก็มีแค่พวกเรากับนายหัวเรือ  บางทีพวกเราก็เดินไปมาเพื่อหามุมถ่ายรูปกันแต่ก็ไม่ได้เดินจนวุ่นวายหรอกนะครับ

     



     

                    หลังจากนั่งเรือชมนู่นนั่นนี่เสร็จแล้วพวกเราก็มาถึงรีสอร์ทครับ  พนักงานเขาต้อนรับดีมากๆ เลยครับ  มาถึงก็ได้ดื่มน้ำดื่มท่าและได้ทานอาหารกลางวัน  อาหารเป็นแบบบุฟเฟ่ต์มีหลายอย่างให้เลือกทานครับ

                    ขณะที่ผมกำลังเดินไปตักอาหารผมก็บังเอิญเดินไปชนเข้ากับผู้ชายคนหนึ่งเข้า  ผมรีบขอโทษทันทีครับเพราะผมผิดเองที่เดินไม่ดูตาม้าตาเรือ

                    “ขอโทษนะครับ” ผมยกมือไหว้ขอโทษเพราะท่าทางเขาจะอายุมากกว่าผมสักสี่ห้าปี

                    “ไม่เป็นไรครับ เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณชื่ออะไรครับ?” เขาถามผมพลางเดินตักอาหารข้างๆ ผม

                    “ผมชื่อไอครับ  แล้วคุณล่ะฮะ?” ผมถามกลับตามมารยาท

                    “ชื่อน่ารักจังนะครับ ฮะๆ ผมชื่อยุทธครับ  ท่าทางคุณจะอายุน้อยกว่าผมเพราะงั้นผมเรียกคุณว่าได้ไหมครับ?” เขาชวนคุยอย่างเป็นมิตร

                    “ตามสะดวกเลยครับ  งั้นผมขอเรียกคุณว่าพี่ยุทธละกันนะครับ ฮ่าๆ” ผมยิ้มระรื่น

                    “ว่าแต่น้องไอมาเที่ยวกับใครครับ?”  พี่ยุทธถามเพราะเห็นผมเดินมาตักอาหารคนเดียว  พวกพี่ลันเขากำลังนั่งกินอาหารที่ตัวเองตักไปอยู่ครับ  ก็พี่ลันน่ะตักแต่อาหารที่ผมไม่กินมาให้น่ะสิผมก็เลยต้องมาตักเอาใหม่  พี่มันตักแต่หอยไปกิน  กะจะโด๊ปล่ะสิ  ฮึ! ไม่ได้แอ้มกูหรอก

                    “มากับพวกเพื่อนๆ น่ะครับ  ด้านโน้นเลย” ผมพูดพลางชี้ไปที่กลุ่มเพื่อนของตัวเองโดยเลี่ยงที่จะบอกว่ามากับแฟนด้วย  กลัวพี่ยุทธชิ่งหนีน่ะครับเพราะกลุ่มนั้นมีแต่ผู้ชาย ฮ่าๆ

                    “ดีจังเลยนะครับมากับเพื่อนตั้งหลายคน  พี่สิมาคนเดียวก็เลยได้ไปรวมกลุ่มเที่ยวกับนักท่องเที่ยวคนอื่นๆ  ฮะๆ” พี่ยุทธยิ้มแห้งๆ

                    “แหม...ไม่น่าจะมีปัญหานะครับ  พี่ยุทธออกจะเข้ากับคนง่ายขนาดนี้” ผมพูดยิ้มๆ ก็เขามาทักผมก่อนแล้วก็ชวนคุยนี่นา “งั้นไปทานข้าวกับพวกผมไหมล่ะครับ?” ผมชวนพี่ยุทธจึงพยักหน้าทันที  เมื่อตักอาหารจนพอใจผมก็พาพี่ยุทธไปที่โต๊ะของพวกเรา

                    “สวัสดีครับ  ถ้าไม่รังเกียจผมขอร่วมโต๊ะด้วยคนนะครับ” เมื่อผมพาพี่ยุทธไปนั่งด้วยกันพวกพี่ๆ เขาก็จัดการเสริมเก้าอี้อีกตัวข้างผมให้พี่ยุทธ  คนอื่นๆ เขาก็ยิ้มรับผู้มาเยือนครับยกเว้นพี่ลันคนเดียวที่ทำหน้าบอกบุญไม่รับ  สงสัยจะเซ็งมั้งครับ  ก็พี่ยุทธหน้าตาธรรมดาที่ไหน  ถึงจะดูมีอายุแล้วนิดหน่อยแต่พี่ยุทธก็ยังดูดี  ตัวเท่าๆ ไอ้คิมเลย  หน้าตี๋ๆ ของพี่ยุทธยิ่งทำให้พี่มันดูหล่อบวกกับน่ารักแปลกๆ ดีครับ

                    “พอดีพี่ยุทธเขามาเที่ยวคนเดียวน่ะครับผมก็เลยชวนมาร่วมโต๊ะด้วย” ผมพูดพลางนั่งปุลงเก้าอี้ข้างๆ พี่ลัน

                    “สวัสดีครับผม” พี่เสือกับพี่ขลุ่ยยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง  ขณะที่พวกนั้นกำลังทำความรู้จักกันพี่ลันก็โน้มหน้ามากระซิบกับผม

                    “ใครน่ะ?” พี่ลันถามเสียงเขียว

                    “เพิ่งรู้จักกันเมื่อกี้เองครับ แฮะๆ เห็นเขาเป็นมิตรดีก็เลยชวนมานั่งด้วยกัน” ผมบอกพลางเกาคอแก้เก้อ  ผมรู้หรอกว่าไม่ควรชวนคนแปลกหน้ามานั่งด้วยกันแบบนี้แต่ดูพี่ยุทธเขาไม่มีพิษมีภัยอะไรนี่นา

                    “ไม่ได้มาจีบนะ?” พี่ลันถามเพื่อความแน่ใจ  แหม...แฟนผมนี่ก็ขี้หึงไม่หยอกเหมือนกันแฮะ

                    “ผมเป็นผู้ชายนะพี่เตี้ย  โธ่ อีกอย่างพี่ดุอย่างกับวัวกระทิงขนาดนี้ใครจะกล้ามาจีบผมล่ะครับ” ผมกระซิบกับพี่ลันพลางหัวเราะคิกคัก  ได้แอบหลอกด่าพี่ลันแบบนี้ก็มีความสุขเหมือนกันครับ

                    “ไม่รู้ล่ะ  ถ้ามันมาจีบล่ะก็เราได้เห็นดีกันแน่” พี่ลันขู่ก่อนจะยืดตัวกลับไปนั่งตัวตรง

                    “ว่าแต่น้องคนนี้ชื่ออะไรครับ  เห็นคุยกับน้องไอพี่ก็เลยยังไม่กล้าถาม” พี่ยุทธหันมามองพี่ลันยิ้มๆ

                    “ลัน” พี่ลันตอบสั้นๆ เหมือนคนไม่อยากจะตอบ

                    “ฮะๆ อย่าไปสนใจมันเลยพี่  มันเป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยชอบพูดน่ะครับ  หนังหน้ามันตาย ฮ่าๆ” พี่เสือแซวพลางดึงแก้มพี่ลันแต่ดึงได้แค่นิดเดียวหัวพี่มันก็ถูกตบจนหน้าแทบจิ้มโต๊ะ

                    “อูย ถ้าพี่หยอกน้องลันไปพี่จะถูกตบแบบนี้ไหมครับเนี่ย? ฮ่าๆ” พี่ยุทธหัวเราะเมื่อเห็นพี่เสือถูกพี่ลันตบจนหน้าคว่ำ

                    “ไม่รับประกันนะพี่แต่ทางที่ดีอย่าแหย่มันเลยจะดีกว่า ฮ่าๆ” พี่ขลุ่ยว่า

                    “ว่าแต่มาเที่ยวกันตามประสาหนุ่มโสดเหรอครับ? มากับแค่หนุ่มๆ แบบนี้ไม่น่าเบื่อแย่เหรอ?” พี่ยุทธถามขึ้น  พวกเราขำค้างก่อนจะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก

                    “ไม่เบื่อหรอกครับพี่  แต่พวกเราไม่มีใครโสดกันซักคนนะครับ” พี่เสือบอก

                    “จริงเหรอครับ? ฮ่าๆ น้องไอก็มีแฟนแล้วเหรอครับ?” พี่ยุทธหันมาถามผมที่นั่งข้างๆ  ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะเหลือบมองพี่ลันที่นั่งค้ำคางมองออกไปด้านนอก

                    “มีแล้วครับ  แฟนดุ๊ดุ” ผมหันกลับไปมองพี่ยุทธก่อนจะยิ้มนิดๆ  ระหว่างที่ไม่มีคนสนใจอะไรผมก็ค่อยๆ ยื่นมือผมจับมือของพี่ลันเบาๆ  พี่ลันหรี่ตามองผมนิดๆ ก่อนจะถอนหายใจแล้วนั่งยืดตัวตรงอีกครั้ง  พี่มันพลิกมือที่วางอยู่บนหน้าขาแล้วจับมือของผมเอาไว้  ท่าทางจะอารมณ์เสียที่พี่ยุทธมานั่งด้วยมั้งครับ

                    “ดีจังเลยนะ  พี่เองก็เพิ่งเลิกกับแฟนมาก็เลยออกมาเที่ยวให้ลืม  ถ้าไม่รังเกียจพี่ขอมาเล่นกับพวกน้องๆ ได้ไหมครับ?  พวกน้องคุยสนุกดี” พี่ยุทธว่า

                    “ยินดีครับพี่” คนอื่นๆ พยักหน้ารับทุกคนยกเว้นพี่ลันอีกเช่นเคย

                    “ท่าทางน้องลันจะไม่ค่อยพอใจพี่นะครับ? ถ้าไม่สะดวกใจก็ไม่เป็นอะไรนะ” รอยยิ้มพี่ยุทธเจื่อนลงเมื่อหันมาเห็นหน้าตาบอกบุญไม่รับของพี่ลัน

                    “ไม่ใช่หรอกครับ  หน้าพี่ลันเขาก็เป็นแบบนี้ตลอดนั่นแหละฮะ  คนไม่รู้จักกันก็ชอบคิดว่าพี่ลันอารมณ์เสียเหมือนกันครับ” ผมกระตุกมือพี่ลันพลางพูดกับพี่ยุทธ “ใช่ไหมครับพี่ลัน?” ผมหันไปถามพลางบีบตาขอร้องให้พี่ลันทำท่าเป็นมิตรกับพี่ยุทธ

                    “ครับ  ไม่ต้องสนใจผมหรอกครับ” พี่ลันถอนหายใจก่อนจะยอมพยักหน้า

                    “อืม...งั้นพี่ขอเบอร์น้องไอไว้หน่อยละกันถ้ายังไงพี่จะโทรหา  หลังจากแยกกันไปแล้วพี่กลัวติดต่อพวกเราไม่ได้” พี่ยุทธพูดพลางยื่นโทรศัพท์มาให้ผม  ผมปล่อยมือพี่ลันก่อนจะรับโทรศัพท์มา  ขณะที่ผมกำลังจะกดเบอร์ให้พี่ยุทธพี่ลันก็รีบแย่งโทรศัพท์ไปแล้วกดเบอร์ตัวเองให้แทน

                    “เอาเบอร์ผมไปแทนละกัน” พี่ลันพูดนิ่งก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้พี่ยุทธ  ผมยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะแอบหยิกสีข้างของพี่ลันเพราะกลัวว่าพี่ยุทธจะสงสัยเอา  ตอนที่พี่ลันแย่งโทรศัพท์ไปจากผมหน้าพี่ยุทธงี้เหวอสุดๆ เลยล่ะครับ “ก็หวงไง” พี่ลันกระซิบบอกผมเบาๆ  บ้าจริง ทำไมต้องมาทำให้เขินตอนนี้ด้วยล่ะเนี่ย?

                    “งั้นพี่ติดต่อผ่านน้องลันละกันนะครับ  เดี๋ยวพี่ไปเข้าห้องพักก่อนแล้วจะออกมาเล่นด้วยนะ” พี่ยุทธบอกก่อนจะลุกออกไปเพราะทานข้าวเสร็จเรียบร้อยแล้ว

                    “หวงออกหน้าออกตาเลยนะมึง คึๆ” พี่ขลุ่ยพูดกระแซะพี่ลันที่ทำหน้ายุ่ง

                    “มึงดูดิ  มันทำเป็นเนียนขอเบอร์ไอ้สูง” พี่ลันพูดอย่างไม่สบอารมณ์

                    “ก็ผมพาเขามาเขาก็ต้องขอเบอร์ผมไว้สิครับ  ไม่เอาน่า  เรามาเที่ยวนะ  อารมณ์ดีหน่อยสิครับ” ผมดึงนิ้วพี่ลันเล่นไปมา

                    “อืม” พี่ลันพยักหน้าส่งๆ ผมจึงยิ้มออก

                    หลังจากนั้นพวกเราก็ไปที่พักกันครับ  ที่พักของพวกเราเป็นบังกะโลที่เห็นวิวของเขื่อนรัชชประภาได้สุดลูกหูลูกตาเลยครับ  ห้องพักแบ่งออกเป็นสามห้องโดยสองห้องข้างล่างเป็นห้องที่สามารถเปิดประตูเชื่อมกันได้และสามารถนอนดูวิวจากห้องทั้งสองได้  สองห้องข้างล่างเป็นเตียงเดี่ยวครับ  แน่นอนว่าพวกนั้นเขาก็จับจองเอาไว้นอนกับคนรักของตัวเองเรียบร้อยผมกับพี่ลันจึงได้ไปนอนห้องด้านบนที่เป็นชั้นลอย  เตียงนอนเป็นเบาะสองเบาะที่วางติดกัน  ถึงจะไม่ได้ดูหรูหราเหมือนห้องข้างล่างแต่ห้องด้านบนก็ดูน่านอนดีครับ

                    ไอ้พี่ลันที่อารมณ์บูดตลอดเวลานั่นพอได้เข้าห้องพักอารมณ์ก็ดีขึ้นมาทันทีเลยล่ะครับ  จะอะไรซะอีกล่ะฮะ  พอถึงเตียงผมก็ถูกลากลงไปนอนกอดทันทีเลยน่ะสิ  แต่พี่ลันยังกอดผมได้ไม่หนำใจโทรศัพท์ของพี่มันก็ดังครับ  ท่าทางหัวเสียน่าดูที่ถูกขัดจังหวะ  ฮ่าๆ ดูๆ ไปก็ตลกดีครับ

                    “เบอร์แปลก  สงสัยเป็นไอ้ยุทธนั่นล่ะมั้ง  รับซิ” พี่ลันพูดพลางส่งโทรศัพท์มาให้ผม

                    “เรียกพี่เขาดีๆ สิครับ  พี่เขาอายุมากกว่านะ” ผมว่าพี่ลันก่อนจะกดรับสายพี่ยุทธ

                    [อ้าว? ไอหรอกเหรอ? ว่าแต่จะไปว่ายน้ำเล่นกันหรือเปล่า  พอดีโปรแกรมเที่ยวของพี่เขาปล่อยให้เที่ยวตามอัธยาศัยน่ะ] พี่ยุทธถาม

                    “ตอนนี้ยังไม่ได้คุยกับคนอื่นๆ เลยครับ  เพิ่งได้เข้าที่พักน่ะครับ” ผมบอก

                    [งั้นพี่ไปหาพวกเราที่บ้านพักได้ไหม?  พี่เหงาอ่ะ] พี่ยุทธพูดเสียงอ้อนๆ

                    “ได้สิครับ  เดี๋ยวผมออกไปยืนรอด้านหน้า  พี่ยุทธลองมองหาดูนะครับ” ผมบอกก่อนจะปีนลงไปข้างล่าง  พี่ลันทำท่าฮึดฮัดเล็กน้อยก่อนจะปีนตามลงมา

                    [ว่าแต่ไอพักห้องเดียวกับลันเหรอ?  แล้วลันไปไหนล่ะทำไมถึงไม่รับซะเอง  แน่ะๆ เป็นอะไรกันหรือเปล่า  คึๆ] พี่ยุทธถามเสียงล้อเลียน

                    “โธ่  ผมก็พักกับพี่ลันนั่นแหละครับ  พอดีพี่ลันเขาทำธุระอยู่น่ะฮะผมก็เลยรับแทน” ผมบอกปัดๆ

                    [โอเคๆ เดี๋ยวพี่ออกไปหา  มายืนรอพี่นะ] พี่ยุทธบอกก่อนจะตัดสายไป

                    “มันว่าไงบ้าง?” พี่ลันถามเสียงห้วนผมจึงหยิกต้นแขนพี่มัน  พูดจาไม่ดีอีกแล้ว

                    “ก็บอกว่าจะมาหาน่ะครับ  ถ้าพี่ยุทธมาถึงแล้วเราไปนั่งเรือเล่นกันทุกคนเลยเนอะ  พี่ลันพายเรือเป็นป่ะ?” ผมบอกก่อนจะถาม  เพราะเรือที่พวกเราจะไปนั่งเล่นเป็นเรือแคนูที่มีติดไว้กับที่พักเพื่อให้แขกได้ใช้กันตามที่ต้องการ

                    “ไม่เป็น” พี่ลันตอบหน้าตาย

                    “โด่! ไม่เจ๋งเลย  งั้นผมพายเองก็ได้” ผมว่าก่อนจะหัวเราะแล้วจับมือพี่ลันแกว่งไปมาอย่างอารมณ์ดี




     

                    เมื่อพี่ยุทธมาถึงพวกเราก็แบ่งกลุ่มกันทำกิจกรรมครับ  ผมกับพี่ลันและไอ้คิมไปพายเรือเล่นครับส่วนคนที่เหลือเขาอยากว่ายน้ำกัน

                    “โอ๊ย! พี่ไอ  ทำไมผมพายวนไปวนมาอยู่ที่เดิมอ่ะ?” ไอ้คิมร้องโวยวายเมื่อมันพายมาได้ไกลแล้วพายต่อไม่ได้  ส่วนผมก็ได้แต่นั่งขำมันครับ  ผมน่ะไม่ได้พายเรือหรอกเพราะพี่ลันเป็นคนพาย  แล้วทำไมต้องโกหกว่าพายไม่เป็นวะเนี่ย?

                    “ฮ่าๆ พี่เสือ! ไอ้คิมมันพายเรือต่อไม่ได้ ฮ่าๆ อ่อนสุดๆ” ผมตะโกนบอกพี่เสือที่กำลังถอดเสื้อโชว์หุ่นอยู่ระเบียงบ้านพัก

                    “ไอ้คิม! เดี๋ยวกูว่ายไปหานะเว้ย ฮ่าๆ” พี่เสือพูดพลางทำท่าจะกระโดดลงน้ำ

                    “หยุด! ไม่ต้องเลยมึง  ว่ายน้ำเล่นแถวๆ นั้นไปเหอะไอ้ดำ!” ไอ้คิมยกมือพลางตะโกนห้ามเพื่อไม่ให้พี่เสือว่ายมาหามัน

                    ถึงไอ้คิมจะตะโกนห้ามแต่สุดท้ายไอ้พี่เสือก็ว่ายน้ำมาขึ้นเรือกับไอ้คิมแล้วพามันไปพายเรือเล่นไกลๆ จากพวกผม  สงสัยจะอยากไปสวีตกันสองคนล่ะมั้งครับ  ส่วนพวกผมพอไม่มีตัวป่วนอย่างไอ้คิมพี่ลันก็หยุดพายเรือและปล่อยให้เรือมันลอยคว้างอยู่อย่างนั้น

                    “ขยับมาใกล้ๆ” พี่ลันบอก

                    “เดี๋ยวเรือคว่ำ” ผมพูดพลางแสร้งมองวิวไปเรื่อยๆ  ให้ตายเถอะครับ  สายตาพี่ลันเมื่อกี้แทบเผาผมได้ทั้งตัว  เซ็กซี่ไปไหนครับพี่? ผมเขินนะเว้ย

                    “ดื้อจังเลยนะนายเนี่ย” พี่ลันส่ายหน้านิดๆ ก่อนจะเป็นฝ่ายขยับมาหาผมที่ปลายเรืออีกฝั่ง 

                    “เหวอ!” ผมร้องเสียงหลงเมื่อเรือมันโคลงเหมือนจะคว่ำแต่สุดท้ายมันก็ไม่คว่ำ “พี่เตี้ย  ไม่เอาน่า  เรือมันโคลงนะ” ผมว่าก่อนเบือนหน้าหลบจมูกโด่งๆ ที่กำลังก้มลงมาซุกที่แก้มของผมด้วยความเขินจัด

                    “เราน่าจะมาเที่ยวกันสองคน” พี่ลันพูดก่อนก้าวยาวๆ ผ่านตัวผมมานั่งซ้อนด้านหลัง  พี่มันเอนตัวพิงท้ายเรือก่อนจะดึงผมลงไปนอนทับตัวเองแล้วกอดผมเอาไว้  ผมอมยิ้มนิดๆ และยอมนอนนิ่งๆ

                    “เอาน่า  มาหลายๆ คนก็สนุกออก” ผมบอกพลางยกมือกุมมือของพี่ลันที่ประสานไว้ตรงหน้าท้องของผมเอาไว้  ผมรู้สึกอบอุ่นหัวใจอย่างบอกไม่ถูกเลยครับ  อยู่กับพี่ลันแบบนี้แล้วผมมีความสุขมากจริงๆ  ถ้าซักวันพี่ลันเกิดบอกว่าไม่รักผมแล้วผมต้องตายแน่ๆ เลย  ผมไม่เคยคิดว่าตัวเองจะรักใครได้มากขนาดนี้มาก่อนและไม่เคยคิดว่าคนที่ผมรักจะเป็นผู้ชายด้วย  ยังไงก็ตาม เพศมันไม่สำคัญนี่เนอะ  ถ้าผมจะรักซะอย่าง

                    “ถ้ากลับขึ้นฝั่งแล้วไปเจอไอ้ยุทธนั่นฉันจะบอกมันไปเลยว่านายเป็นของฉันมันจะได้ไม่กล้ามายุ่ง” พี่ลันพูดพลางโน้มหน้ามางับหูผมเบาๆ แล้วปล่อย  เพื่ออะไรเนี่ย?

                    “พี่ยุทธไม่ได้มาจีบผมซักหน่อย  คิดมากไปได้” ผมยกมือขึ้นลูบใบหูข้างที่ถูกงับเบาๆ

                    “ไม่รู้ล่ะ  หวงแล้วก็หึงมากด้วย  ไม่อยากให้ใครมายุ่งวุ่ยวายทั้งนั้นแหละ” พี่ลันว่า  ผมยิ้มอย่างมีความสุขก่อนจะพลิกตัวไปนอนคว่ำทับพี่ลัน  พี่ลันตกใจนิดหน่อยแต่ก็ยิ้มนิดๆ  ผมขยับไปให้ระดับใบหน้าเราเท่ากันก่อนจะก้มลงจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากของพี่ลันแต่พอจะผละออกมาพี่ลันก็ใช้มือข้างหนึ่งล็อคท้ายทอยผมเอาไว้  มืออีกข้างก็ล็อคเอวผมเอาไว้เช่นกัน

                    ริมฝีปากของผมถูกละเลียดชิมรสทีละนิดอย่างแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ  ลิ้นอุ่นๆ ของพี่ลันสอดเข้ามาในโพรงปากของผมแล้วตวัดหยอกล้อกับลิ้นของผมไปมา  ผมเองก็หยอกเย้ากับพี่ลันบ้าง  พอเราผละหน้าออกจากกันเพื่อมองหน้าซึ่งกันและกันพวกเราก็หัวเราะออกมา

                    “หัวเราะทำไมเล่า? ฮ่าๆ” ผมบีบจมูกพี่ลันที่นอนอยู่ใต้ร่างตัวเองอย่างหมั่นเขี้ยว  ก็พี่ลันยิ้มแล้วน่ารักนี่ครับ  ผมชอบรอยยิ้มของพี่ลันที่สุดเลย

                    “มีความสุขไง” พี่ลันบอก

                    “ผมก็มีความสุขเหมือนกันครับ” ผมบอกยิ้มๆ พลางจุ๊บปากพี่ลันอีกหนึ่งทีอย่างรวดเร็ว

                    “นี่...อย่าทำตัวให้มันน่ารักมากนัก  เดี๋ยวน้องตื่น” พี่ลันพูดพลางหัวเราะในลำคอเบาๆ

                    “บ้า  ทุเรศที่สุดเลย  ไอ้หื่นเอ๊ย!” ผมตบอกพี่ลันพลางจะลุกขึ้นแต่พี่ลันก็รั้งเอวของผมเอาไว้ทำให้ผมลุกไปไหนไม่ได้

                    “ไอ...” พี่ลันเรียกชื่อผมก่อนจะมองตาผมด้วยสายตาหวานซึ้ง  รอยยิ้มผมค่อยๆ หมดลงเพราะตอนนี้ผมรู้สึกเหมือนถูกสายตาของพี่ลันสะกดเอาไว้ “รักนะ  รักมากด้วย” พี่ลันบอกด้วยน้ำเสียงและสายตาจริงจัง

                    ผมเม้มปากมองตาพี่ลันก่อนจะค่อยๆ โน้มหน้าเข้าไปจนริมฝีปากของเราชิดกัน

                    “ผมก็รักพี่ลันครับ  รักมากๆ รักที่สุดเลยครับ” ผมพูดชิดกลีบปากของพี่ลัน

                    “รักที่สุด  สุดที่รัก” พี่ลันพูดย้ำอีกครั้งก่อนจะบรรจงจูบผมอย่างอ่อนโยน  ผมทอดกายนอนทับพี่ลันโดยไม่สนว่าพี่มันจะหนักหรือเปล่าพลางแลกจูบกับพี่ลันด้วยความรัก 

                    ผมรัก...รักด้วยหัวใจและจะไม่มีทางปล่อยให้หัวใจของผมทรมานเพราะผมไม่ว่าจะเพราะเหตุใดก็ตาม  ไม่ว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นกับพวกเราต่อจากนี้ผมก็จะจับมือใหญ่ๆ และอบอุ่นคู่นี้ก้าวผ่านอุปสรรคไปด้วยกัน  พี่ลันจะเป็น...คนแรกและคนสุดท้ายที่ผมจะรักด้วยหัวใจ

                    พี่ลัน...ผมสัญญาว่าจะรักพี่คนเดียวตลอดไป่า

     



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    และก็จบไปแล้วกับเรื่อง ซวยเช็ด! ผมกลายเป็นเมียเขา  แฮปปี้กันไปกับลันไอ  ใจหายเหมือนกันนะคะเนี่ยที่เรื่องนี้จะลงไปแบบนี้  ต่อไปนี้ก็ขอฝากเรื่องนี้ให้อยู่ในความทรงจำด้วยนะคะ  ไรเตอร์เองก็จะจดจำเรื่องนี้ไปเหมือนกัน  อ่านลุกซ์เปอร์ไปคงจะคิดถึงลันไอกับสักนิดสักหน่อยแหละเนอะ ฮ่าๆๆ  เมื่อเรื่องนี้จบลงยังไงก็ขอฝากหนังสือด้วยนะคะ  พลาดไม่ได้เหมือนกันนะ คิๆ ถึงจะเป็นหนังสือธรรมดาๆ แต่ก็อาจจะมีอะไรพิเศษนิดๆ หน่อยๆ อ่ะน้า คิๆ
    ยังไงก็อย่าลืมเรื่องนี้นะคะ  บ๊ายบายยยยย


    สุดท้าย  ขอฝากนิยายไม่สั้นไม่ยาวเรื่องนี้ด้วยนะคะ  

    SOTUS! พี่ว้ากตัวร้ายกับนายปีหนึ่ง

    Free Theme dek-d By i'nutberry
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×