คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : Chap.IX ไฮเอ็นชานท์เตอร์
CHAPTER IX.
ไฮเอ็นชานท์เตอร์
เรย์นาไปยังวิหารทางตะวันตกตามที่เทพีรีอากล่าวทางไปยังวิหารแห่งนั้นเป็นป่าต่างจากทางไปวิหารอื่นซึ่งมักจะอยู่ในสถานที่สำคัญของเมือง ระหว่างทางแทบไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนออกมาให้เห็นจึงทำให้เรย์นาไปถึงวิหารแห่งนั้นได้ในเวลาไม่นานนัก วิหารที่องค์เทพีพูดถึงนั้นถูกขนานนามว่า วิหารแห่งการนิทรา วิหารแห่งนี้มีสีขาวสลักลวดลายด้วยสีทอง มีผู้เล่นจำนวนมากรวมกลุ่มกันเข้าไปตีสัตว์อสูรข้างใน เท่าที่ถามจากผู้เล่นคนอื่นมาสัตว์อสูรในวิหารแห่งนี้นั้นอยู่ในระดับปานกลางถึงค่อนข้างสูง คือระดับทหารคลาส 2 ถึงคลาส 3 กลางๆ ซึ่งอยู่ในเกณฑ์ที่ผู้เล่นในเมืองนี้ตีได้ไม่ยากนักและยังได้รับค่าประสบการณ์สูงจึงทำให้วิหารแห่งนี้เป็นหนึ่งในสถานที่ที่ผู้เล่นมักมาเก็บระดับกัน
ภายในวิหารนั้นมีสัตว์อสูรหลากหลายเผ่าพันธุ์รวมกันอยู่มีทั้งก็อบลิน ซาลามันเดอร์และสัตว์อสูรประเภทอื่นอีกพอสมควรแต่จุดประสงค์ของเรย์นาของเรย์นาไม่ใช่การเก็บระดับหากแต่เป็นการปลดผนึก ‘บางสิ่ง’ ที่องค์เทพีได้กล่าวถึง หากท่านพูดว่าจะปลดผนึกหรือไม่ก็แล้วแต่ เรย์นาก็คิดว่าควรจะปลดผนึกไม่ว่าอะไรก็ตามที่จะถูกปลดผนึกนั้นจะดีหรือไม่ แต่การที่ได้ทำอะไรสักอย่าง ย่อมดีกว่าไม่ลงมือทำอะไร นั่นคือสิ่งที่เรย์นายึดมาโดยตลอด สัตว์อสูรส่วนมากจะอยู่รวมกันเป็นกลุ่มและกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ถ้าหลบดีๆ ก็สามารถเข้าไปยังส่วนที่ลึกกว่านี้ของวิหารได้ จุดที่เรย์นาสนใจมากที่สุดคือส่วนถัดไปของวิหารซึ่งมีเสาค้ำแบ่งโซนไว้ จากที่สังเกตภายในนั้นน่าจะเป็นห้องโล่งขนาดใหญ่เมื่อถามผู้เล่นคนอื่นก็ได้คำตอบมาว่า “มีแต่ก้อนหินพังๆ สัตว์อสูรก็ไม่มี ไม่รู้จะเข้าไปทำไม”
เรย์นานึกถึงคำพูดของเทพีรีอาที่ว่ามีเพียงมนุษย์ครึ่งเทพเช่นเธอเท่านั้นที่คลายผนึกได้ ซึ่งอาจรวมถึงมีเพียงเธอเท่านั้นที่เห็นผนึกด้วยเช่นกัน เรย์นาเดินเนียนๆ ไปกับผู้เล่นกลุ่มอื่นเพื่อหลีกเลี่ยงการปะทะจนเมื่อเข้าไปใกล้เสาแบ่งเขตก็มีสัตว์อสูรตัวหนึ่งโจมตีเธอ มันเป็นก็อบลินคลาส 2 ระดับ 36 เรย์นาสะบัดมีดสั้นแสกกลางหน้าผากของมัน แต่อะไรๆ กลับไม่เป็นอย่างที่คิด เมื่อมีก็อบลินตัวหนึ่งถูกสังหารเหล่าญาติโกของก็อบลินตัวนั้นกว่าสิบตัวก็พากันตรงมาหาเรย์นาทันที แทบไม่ต้องคิดเรย์นาหันหลังให้พวกนั้นแล้ววิ่งไปยังส่วนลึกของวิหารทันที ดูเหมือนก็อบลินที่เรย์นาสังหารไปจะเป็นลูกรักของเหล่าก็อบลินทั้งหลาย สัตว์อสูรเผ่าพันธ์นี้จึงเพ่งเล็งและไล่ล่าเธอเป็นพิเศษและความวุ่นวายก็เกิดขึ้น เรย์นาหนีก็อบลินตามทั้งผู้เล่นทั้งสัตว์อสูรจึงชุลมุนกันไปหมด สัตว์อสูรพันธุ์อื่นเมื่อขวางทางก็ถูกก็อบลินที่บ้าคลั่งกลุ่มนั้นสังหารกลายเป็นว่าสัตว์อสูรตีกันเองบ้างตีกับผู้เล่นบ้าง
แต่ทันทีที่เรย์นาก้าวผ่านเสาค้ำที่แบ่งห้องที่มีสัตว์อสูรกับห้องโล่ง ก็อบลินเหล่านั้นก็เลิกตามเธอทันทีจึงทำให้ห้องนั้นกลับไปอยู่ในสภาวะปกติอีกครั้ง เป็นอย่างที่เธอคิดผู้เล่นคนอื่นเห็นห้องนี้มีเพียงซากปรักหักพังที่ไม่มีอะไรน่าสนใจแต่เธอกลับเห็นว่าตามผนังของห้องนี้นั้นถูกถูกสลักด้วยสีทองเช่นเดียวกับตัววิหารเป็นสัญลักษณ์และตัวอักษรในภาษากรีก กลางห้องนั้นมีผลึกสีน้ำเงินขนาดใหญ่ตั้งอยู่ ผลึกนั้นสูงเกือบสามเมตร ตรงนี้ผลึกนั้นมีแท่งหินเล็กๆ ตั้งอยู่ แท่งหินนั้นถูกจารึกไว้แต่ตัวอักษรส่วนมากเลือนรางไปพอสมควร
จงอย่าเชื่อในสิ่งที่ตาเห็น
นี่คือคำจารึกบนแท่นหินนั้น เรย์นาเดินดูคำจารึกที่กำแพงทั่วห้องมีหลายคำที่เธออ่านออกเพราะเป็นภาษากรีกที่เธอใช้เป็นประจำ แต่บางคำนั้นก็เลือนรางจนจับใจความแทบไม่ได้ มีบางคำที่เธอสะดุดใจเป็นพิเศษ แม้จะมีคำมากมายสลักอยู่ตามกำแพงหรือแม้กระทั่งบนพื้นแต่คำเหล่านี้นั้นกลับเรียงกันเป็นห้าเหลี่ยม เรย์นาอ่านคำที่สลักเอาไว้ตามหิน
“ธาตุ จิต วิญญาณ สายเลือด พลัง”
ตัวอักษรทั้งห้าสว่างวาบไปทั่วห้องมีคำพูดดังขึ้นก้องกังวานขึ้น ไม่สามารถระบุได้ว่ามาจากทิศทางใด
เจ้าคือสายเลือดแห่งราชันย์ใช่หรือไม่
“ใช่” เรย์นาตอบกลับ
เจ้าคือผู้สืบโลหิตสีทองใช่หรือไม่
“ข้าคือธิดาแห่งโพไซดอน”
ธิดาแห่งท้องสมุทรเอ๋ย จงขานนามของเจ้า
“ข้ามีนามว่า เรย์นา”
ข้ามิได้หมายถึงนามสมมติ หากแต่เป็นนามที่แท้จริงของเจ้า ธิดาแห่งองค์ราชันย์
“ข้าก็คือข้า”
สิ่งที่เจ้าจะทำต่อไปนี้เกินขอบเขตของมนุษย์หากเข้าไร้จิตใจที่กล้าแข็งมันจะส่งผลกระทบอย่างรุนแรงต่อตัวเจ้า เจ้าแน่ใจรึ
“ข้าแน่ใจ … ปลดผนึก”
สิ้นคำสั่งตัวอักษรเหล่านั้นก็เชื่อมกันเป็นห้าเหลี่ยมภายในห้าเหลี่ยมนั้นดำมืด ราวกับหลุมดำที่ไร้จุดสิ้นสุดมีเพียงเปลวไฟสีแดงที่ใกล้จะมอดดับอยู่ใจกลางของสิ่งนั้น เรย์นาเอื้อมมือไปยังไฟดวงนั้นทันทีที่มือของเธอสัมผัสเปลวไฟเธอก็รู้สึกถึงแรงมหาศาลที่ดึงเธอเข้าไปในวงเวทนี้ เธอไม่รู้สึกร้อนแต่อย่างใดแต่กลับเป็นความรู้สึกที่บอกเธอว่าถ้าหากเธอถูกดึงเข้าไปมันจะต้องเป็นอะไรที่มืดมิดและไร้ซึ่งหนทางเสียยิ่งกว่าความตาย เรย์นารวบรวมแรงทั้งหมดกำเปลวไฟนั้นและฝืนแรงดึงดูดกระชากเปลวไฟดวงนั้นออกมา
เมื่อเปลวไฟนั้นพ้นจากวงเวท เรย์นาก็กระเด็นไปไกลถึงสามเมตรจากแรงกระชากของตนและแรงผลักของวงเวท เปลวไฟที่เรย์นาดึงออกมานั้นบัดนี้ได้หลอมเข้ากับมือเธอแล้วมือของเรย์นานั้นมีแสงสีแดงเรืองรองออกมาถึงจะไม่ชัดเจนมากนักแต่ก็พอเดาได้ว่าเป็นสีเดียวกับเปลวไฟในวงเวท ในขณะเดียวกันผลึกสีน้ำเงินในตอนแรกก็เปล่งแสงออกมา เรย์นาเดินไปยังผลึกนั้นและใช้มือข้างที่เปลวไฟหลอมเข้าไปนั้นแตะที่ผลึก ทันใดนั้นผลึกก็ค่อยๆ ละลายทีละน้อย จารึกในแท่นหินสว่างวาบก่อนจะดับไปพร้อมกับตัวอักษรในแท่นหินที่หายไปด้วย ที่มือซ้ายของเรย์นาสว่างวาบด้วยแสงสีทองอีกครั้งแต่ครั้งนี้เธอกลับรู้สึกเหมือนมีคนเอามีดมากรีด เมื่อแสงนั้นหายไปก็เป็นปรากฏรอยสลักสีทอง
ผู้เล่น เรย์นา ได้ทำการปลดผนึกพลังแห่งอัคคี
ผู้เล่น เรย์นา ได้รับธาตุอัคคี … ต้องการรวมธาตุหรือไม่
“ต้องการ” เธอตอบ
ผู้เล่น เรย์นา ได้ทำการรวมธาตุวารีและอัคคี ได้รับสายพลัง Element Resist ไม่สามารถใช้เวทมนตร์ที่มีธาตุวารี และธาตุอัคคีได้ในตอนนี้
การรวมธาตุประสบความสำเร็จ ผู้เล่นสามารถรับอาชีพพิเศษ
ผู้เล่น เรย์นา ได้รับอาชีพพิเศษ ไฮเอ็นชานท์เตอร์
ความคิดเห็น