คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #30 : Chap.XXV ข้ามีพ่อเป็นดาวอังคาร 100%
CHAPTER XXV.
ข้ามีพ่อเป็นดาวอังคาร
เจ้าพร้อมจะรับการทดสอบเพื่อเป็นธิดาแห่งแอรีสหรือไม่..
แน่นอนว่าไม่ ...แต่คนถามยอมให้ตอบแค่ว่าพร้อม
ดี
“การทดสอบของข้าก็ง่ายๆ ข้าเป็นเทพสงคราม หากเจ้าหากองทัพเป็นของตัวเองและยึดครองได้สักเมือง ข้าจะยอมรับเจ้าเป็นธิดา ตกลงไหม ..และข้าก็ต้องการฟังแค่คำว่า ตกลง ไม่มีอะไรนอกจากนี้”
“แน่นอน ข้าตกลง ข้ารับข้อเสนอของท่าน แต่ต้องขออภัยด้วย ข้าคงไม่สามารถบรรลุภารกิจนี้ได้และจะเป็นความกรุณามากถ้าท่านจะยอมให้ข้ากลับไปรวมกลับทีมของข้าเสียที”
หลังจากนั้นเรย์นาก็เข้าใจอย่างถ่องแท้ว่าทำไมถึงตั้งชื่อดาวอังคารว่ามาร์ส* เพราะตอนนี้หน้าของแอรีสก็ค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดงเช่นเดียวกับพื้นผิวดาวอังคาร นับเป็นเรื่องน่าตื่นตาตื่นใจอีกอย่างหนึ่งสำหรับวันนี้
(มาร์ส เป็นชื่อภาษาโรมัน ส่วนแอรีส เป็นชื่อภาษากรีกของเทพเจ้าสงคราม)
“เจ้าว่าเจ้าไม่สามารถรวมกองทัพได้แม้ว่าเจ้าจะชนะดีมอสงั้นรึ! เจ้าดูถูกบุตรของข้าก็เท่ากับดูถูกข้า นี่เจ้าบังอาจดูถูกข้างั้นรึ เลือดผสม!”
แหม ไล่มาเป็นทอดๆ เชียว
คิดเองเออเองทั้งนั้น
“ตามแต่ท่านจะคิด”
“โอหัง!!”
เสียงตวาดอย่างเกรี้ยวกราดดังจากหนึ่งในชายหนุ่มที่คุกเข่าอยู่ ตามตำนานรวมกับที่ประมวลผลจากคำพูดของแอรีสแล้ว อีกคนที่ดูสะบักสะบอมคงเป็นดีมอส ..การ์เดี้ยน ..เรย์นาตัวปลอม.. อะไรก็ตาม ส่วนอีกคนซึ่งกำลังลุกขึ้นมาประจันหน้ากับเธอคงเป็นโฟบอส
“นี่เจ้ากล้าเอ่ยวาจาสามหาวกับพระบิดางั้นรึ!”
อวยกันเข้าไป
“แล้วเจ้าคิดว่าอย่างไรล่ะ” เรย์นาแค่นเสียงในลำคออย่างไม่ยี่หระ
“บังอาจนัก!”
โฟบอสโบกไม้โบกมือในอากาศ ทันใดนั้นอสุรกายน่าเกลียดน่ากลัวมากมายก็พุ่งเข้าใส่เรย์นา แต่ไม่ทันที่ส่วนใดส่วนหนึ่งของพวกมันจะแตะถูกตัวเธออสุรกายเหล่านั้นก็ชะงักลง โฟบอสใช้มือทั้งสองข้างกุมคอตัวเองและเอ่ยออกมาอย่างทรมาน “นี่เจ้าทำอะไร..!”
เรย์นายิ้มเหยียดก่อนจะกำมือที่เธอยื่นออกไปแน่นขึ้นจนโฟบอสสีหน้าบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวด “อย่าได้บังอาจคิดเชียวว่าข้าจะกระจอกเช่นเดียวกับยามที่กำราบพี่น้องของเจ้า หวังว่าเจ้าจะยังมิลืมว่าข้าเป็นใคร”
..ธิดาแห่งโพไซดอน..
เธอเริ่มควบคุมน้ำที่อยู่ภายในห้องตั้งแต่เริ่มบทสนทนากับแอรีส ราวกับโชคชะตาเข้าข้างที่ในห้องนี้มีน้ำมากพอให้เธอควบคุมได้ราวกับกระดิกนิ้ว เรย์นาสะบัดมือจากนั้นโฟบอสก็หอบหายใจอย่างเอาเป็นเอาตาย ..ถือเป็นความรู้ใหม่สำหรับเธอเรื่องที่แม้จะเป็นเทพก็ยังต้องหายใจอยู่ดี
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เด็กเอ๋ย เจ้าสามารถต่อกร.. ไม่สิ เอาชนะบุตรทั้งสองของข้าได้เชียวรึ น่าสนใจๆ”
ในเวลานี้เธออยากจะบอกแอรีสเหลือเกินว่า ‘สนใจแค่การส่งข้ากลับไปรวมกับทีมก็พอ’ แต่สุดท้ายเธอก็ทำได้แค่ยืนซังกะตายต่อหน้าเทพสงครามองค์นี้เท่านั้น
“เห็นแก่ความสามารถของเจ้า ข้าจะยอมเปลี่ยนวิธีให้ก็ได้.. จงสู้กับข้า หากเจ้าสามารถสร้างบาดแผลให้ข้าได้เพียงน้อยนิด ข้าจะรับเจ้าเป็นธิดา”
“ถ้าข้าแพ้ล่ะ”
“เจ้าก็ตาย ..กติกาเดิม ห้ามปฏิเสธ เริ่มได้!”
เวรเอ๊ย
แอรีสฟาดดาบยักษ์ขนาดสูงเท่าตัวคนใส่เรย์นาเต็มแรงจนพื้นที่เธอยืนอยู่เป็นรอยแตกยาว เธอหันกลับไปมองอย่างสยดสยอง อยากบอกเหลือเกินว่านี่ไม่ใช่สิ่งที่พ่อลูกเขาทำกันแล้ว! เทพเจ้าดาวอังคารหัวเราะลั่นอย่างพอใจก่อนตวัดดาบมาที่เธออีกอย่างไม่หยุดพัก เรจ์นากระโดดหลบก่อนปามีดสั้นไปยังแอรีส แต่ก็เกิดกำแพงไฟขึ้นมาละลายมีดเหล่านั้นก่อนมันจะได้สัมผัสเป้าหมาย เรย์นาควบคุมน้ำมาดับไฟของแอรีสจนหมดก่อให้เกิดควันขึ้นมาบดบังการมองเห็น เธออาศัยจังหวะนั้นพุ่งเข้าหาแอรีส แต่เขาก็ใช้ดาบยักษ์เล่มนั้นรับเรเปียร์ของเรย์นาได้ทัน เธอใช้มืออีกข้างเรียกดาบอีกเล่มมาและฟันเต็มแรง แต่แอรีสก็เรียกดาบมารับได้ทัน
"ช้าไป!"
เรย์นาเปลี่ยนดาบเล่มนั้นเป็นดาบสั้นแทน เมื่อขนาดอาวุธเปลี่ยน ดาบของแอรีสที่ต้านไว้ก็คลาดกัน จังหวะที่ดาบสั้นเล่มนั้นจะฟันเข้าที่บ่าของแอรีส เขาก็เบี่ยงตัวหลบ เรย์นาเบี่ยงวิถีเรเปียร์เพื่อเตรียมหลบการโจมตีครั้งถัดไป เมื่อเห็นระยะดาบอยู่ในระดับปลอดภัยเทพสงครามก็ชะล่าใจ แต่เธอกลับจับใบดาบและใช้ฝักเรเปียร์กระทุ้งเข้าที่ท้องของแอรีสเต็มแรงก่อนจะใช้ดาบยักษ์ของเขาเป็นฐานและถีบตัวทิ้งระยะห่างออกมา
"ทำได้ดี แต่แค่นี้ยังไม่แรงพอจะฝากแผลไว้กับข้าได้หรอก ฮ่าๆๆ!"
'น่าโมโหจริงๆ'
เรย์นาสบถ สิ่งที่เธอสนใจตอนนี้มีแค่การกลับไปรวมกับทีมเท่านั้น แต่คงทำไม่ได้เร็วๆ นี้ถ้ายังจัดการกับตาลุงเผด็จการนี่ไม่ได้ เรย์นาเรียกดาบมาไว้ในมืออีกข้างและพุ่งเข้าหาตาลุงที่ว่าอีกครั้ง แอรีสง้างดาบในมือจนสุดแขนกะให้ดาบทั้งสองเล่มของเธอหักในครั้งเดียว เรย์นาควบคุมน้ำทั้งหลายให้กลายเป็นดาบและตรงเข้าใส่แอรีส เทพสงครามจิ๊ปาก เขาตวัดดาบยักษ์ทำลายดาบจากน้ำพวกนั้นในคราวเดียวก่อนจะปาดดาบในมือเรย์นาจนกระเด็น
และเธอก็เหลือเพียงเรเปียร์ในมืออีกครั้ง
ก่อนที่เรย์นาจะเรียกอะไรขึ้นมาอีก แอรีสก็ถีบตัวเขาหาเธอและตวัดดาบใส่เต็มแรง เธอใช้เรเปียร์กันไว้ได้ก็จริง แต่แรงจากการปะทะก็ทำให้แขนเธอสะท้านจนขยับไม่ได้ แอรีสถีบเรย์นาจนเธอได้ยินเสียงแปลกๆ ดังขึ้น ..เสียงกระดูกซี่โครงหักนั่นเอง
"ไม่ดีแล้ว"
เรย์นาเรียกค้อนมาและขว้างออกไปทันที ดาบอีกข้างในมือแอรีสปะทะกับค้อนและลอยละลิ่วไปคนละทาง เธออาศัยจังหวะที่แอรีสชะงักใช้เวทผสานทันที เปลวไฟจากเวทของเธอล้อมรอบแอรีสและลุกลามเข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาหัวเราะและเรียกไฟมาเช่นกัน แต่ก่อนที่ไฟจากทั้งสองจะปะทะกัน เรย์นาก็ควบคุมน้ำมากั้นกลาง
"ระเบิด!"
สิ้นเสียงเรย์นา บริเวณนั้นก็ระเบิดทันที ควันคละคลุ้งล้อมรอบพื้นที่ที่แอรีสอยู่ แต่เรย์นายังไม่ไว้ใจ เธอปาดเลือดที่ไหลทิ้ง ถึงอย่างนั้นกลิ่นสนิมก็ยังอยู่ในปากอยู่ดี ไม่นานควันก็เริ่มจางลงปรากฏร่างๆ หนึ่งยืนอยู่
"ไม่เลวๆ เด็กน้อย แต่เสียใจด้วยที่เวทของเจ้าไม่สามารถทำลายเกราะคุ้มกันระดับเทพเจ้าได้"
แอรีสก้าวเข้ามาหาช้าๆ เธอหรี่ตาลงและปาดาบสั้นอีกสองเล่มเข้าใส่ แน่นอนว่าเทพสงครามปัดออกได้อย่าง่ายดาย "ยังไม่เข้าใจอีกหรือว่าดาบแค่นั้นทำอะไรข้ามิได้"
"คิดอย่างงั้นจริงรึ" รอยยิ้มเย็นฉาบบนใบหน้าเรียบเฉยของเรย์นา เธอปักเรเปียร์ลงกับพื้นก่อนชายตามองแอรีสอย่างเย็นชา
"ตรึง!"
สิ้นเสียง แสงสีทองก็ลากจากมีดดาบแต่ละเล่มที่ถูกทิ้งให้ปักอยู่กับพื้นเป็นสัญลักษณ์ดาวหกแฉก แอรีสที่กำลังจะก้าวขาถูกตรึงอยู่กับที่ "นี่เจ้าทำอะไร! วงเวทพวกนี้มันอะไรกัน!"
เสียงต่อสู้ที่ดังแบบเซอราวและเสียงตะโกนสะเทือนโลกของแอรีสฉุดเจ้าชายนิทราอย่างรีมให้ลืมตาดูโลกอีกครั้ง สิ่งที่เขาเห็นตอนนี้คือชายวัยกลางคนที่ถูกตรึงกับที่ และเพื่อนร่วมทีมสาวที่แสยะยิ้มน่ากลัว
เรย์นาปัดผมไปด้านหลังก่อนจะพูดทั้งที่รอยยิ้มนางมารยังอยู่บนใบหน้า "คิดว่าข้าแค่ปามีดปาดาบไปโดยหวังว่ามันจะทำอะไรท่านได้หรือ คิดว่าข้าแค่ใช้เรเปียร์กระทุ้งเพราะหวังว่ามันจะทำให้ท่านช้ำได้จริงๆ หรือ เปล่าเลย มันก็แค่ส่วนหนึ่งของการเตรียมวงเวทเท่านั้น และตอนนี้ท่านก็เป็นเป้าหมายของมันแล้ว ต้องขอบคุณที่อุตส่าห์เดินตามแผนของข้า พอท่านเดินมาที่ใจกลางเวทอย่างนี้ซะเองอะไรๆ ก็ง่ายขึ้นเยอะ"
"เอ็นชานท์!"
แสงจากดาวหกแฉกสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนย้อมทั้งห้องให้กลายเป็นสีขาว ตรงศูนย์กลางวงเวทเกิดการระเบิดอย่างรุนแรง ลมปะทะเข้าทุกทิศทุกทางจนต้องยกแขนขึ้นกั้น เมื่อแสงนั้นจากลงก็ปรากฏร่างเทพสงครามที่ครึ่งหนึ่งถูกเผาจนน่ากลัว เรย์นายิ้มอย่างพอใจก่อนดึงเรเปียร์ที่ปักอยู่กับพื้นเก็บเข้าฝัก
"เท่านี้ก็พอแล้วใช่มั้ยคะ"
"ฮ่าๆๆๆ! เยี่ยมมาก! เยี่ยมจริงๆ เด็กน้อย"
แอรีสหัวเราะลั่น ร่างกายของเขาค่อยๆ ฟื้นฟูจนกลับมาเป็นอย่างเดิม เทพสงครามเดินมาตบไหล่เธอป้าบๆ อย่างไม่เกรงใจว่าซี่โครงที่หักอยู่ของเธอจะอาการหนักกว่าเก่าหรือไม่ รีมได้แต่อ้าปากค้าง
'ตกลงไม่ได้เป็นศัตรูกันเรอะ!'
"ดีมาก! เจ้าผ่านการทดสอบแล้ว"
ผู้เล่น เรย์นา ได้รับการยอมรับ ได้รับตำแหน่ง ธิดาแห่งแอรีส
ผู้เล่น เรย์นา ได้รับภารกิจ ธิดาแห่งทวยเทพ 2/16
เรย์นาเดินตรงมาหารีมที่พยายามยันตัวขึ้น และดึงเขาลุกได้ด้วยแรงมหาศาลจนรีมนึกสยองในใจ ความรู้สึกหนืดๆ ในมือทำให้เขายกมือขึ้นมาดู
'สีทอง?'
และก็ได้คำตอบเมื่อมองไปยังมือของเด็กสาวที่มีของเหลวสีทองหยดติ๋งๆ หลังจากประมวลผลสักพักเขาก็ตระหนักได้ว่า ..มันคือเลือด
"มือเธอ.."
"โดนดาบบาดนิดหน่อย ไม่มีอะไรมาก ..เอาล่ะ หมดเวลาสนุกแล้ว กรุณาส่งเรากลับไปด้วย" ประโยคหลังเธอหันไปพูดกับแอรีส เขายิ้มขำก่อนดีดนิ้วและทิวทัศน์ก็เปลี่ยนไป
"มาสเตอร์!"
"เรย์นา!"
"รีม!"
เสียงที่พร้อมใจกันประสานขึ้นมาทำเอาสองร่างที่นอนแผ่อยู่บนพื้นมองรอบข้างอย่างงงๆ รีมลุกขึ้นมานั่งมองซ้ายขวาก่อนจะตระหนักได้ว่าตอนนี้พวกเขากลับมารวมกันในทีมเรียบร้อยแล้ว รวมถึงสองคนที่เขา..เรียกให้ถูกคือโฟบอสที่เข้าสิงเขา..ร่ายเวทใส่ และทีนอสที่โดนสะกดจิตด้วย ขณะที่เรย์นาจะลุกขึ้นเธอก็ล้มลงไปอีกรอบ
เธอใช้เวทมากเกินไป
การจะสร้างบาดแผลให้เทพขนาดนั้นต้องใช้เวทมนตร์มหาศาลแม้แอรีสจะไม่ได้เอาจริงก็ตาม ไหนจะบาดแผลของเธออีก ใบหน้าของทุกคนฉาบด้วยความสงสัยเมื่อเลือดของหญิงสาวไม่เป็นสีแดงอย่างที่ควร แต่ถึงอย่างนั้นก็ไม่มีใครกล้าถามอะไร เคธรีบฝ่าวงล้อมมารักษาเธออย่างรวดเร็ว และเป็นครั้งแรกที่ทุกคนให้อัซลานกังวล
"มาสเตอร์ เกิดอะไรขึ้น"
เรย์นาหันมาทางอัซลานและชูสองนิ้วขึ้น ก่อนขยับปากเป็นคำว่า 'เคลียร์' เท่านั้นรอยยิ้มก็กลับมาอยู่บนใบหน้าอัศวินต่างเผ่าอีกครั้ง สองนิ้วที่เธอยกหมายถึงเทพองค์ที่สอง เคลียร์ภารกิจระดับนี้ได้ในเวลาสั้นๆ คนแบบนี้ถึงสมเป็นมาสเตอร์ของเขา ส่วนคนอื่นเข้าใจไปว่าเคลียร์ของเธอหมายถึงจัดการการ์เดี้ยนได้
"เราเสียเวลาไปไม่น้อย จากนี้คงต้องรีบกันแล้ว" บาราคพูดขึ้น แต่เห็นสภาพเรย์นาแล้วก็แทบจะถอนคำพูดทันที เคธเป็นผู้เล่นสายพรีสก็จริง แต่บาดแผลที่เกิดจากเทพเจ้ากินเวลานานกว่าแผลทั่วไปมาก ที่ทำได้ตอนนี้ก็แค่ประคองอาการเท่านั้น ดูเหมือนซี่โครงที่หักคงไปทำลายอวัยวะภายในอื่นไปด้วย
"ตอนนี้ฉันทำได้แค่ปิดปากแผลและประคองอาการ ต้องใช้เวลามากกว่านี้ในการรักษา ให้เรย์นาวิ่งมากๆ คงไม่ค่อยดีด้วย ต้องมีใครคอยประคองเธอ" เคธพูดอย่างกังวล แต่จังหวะนั้นอัซลานกลับยิ้มออกมาและอุ้มเรย์นาพาดบ่าในท่าแบกกระสอบทราย เขาพูดด้วยน้ำเสียงสบายๆ อย่างที่ทำประจำแต่กลับทำให้คนฟังคนลุกซู่
"ไม่ต้องห่วง จากตรงนี้ ใครมาขวาง..
ฉันจะฆ่าให้หมด"
จัดไปค่าา สต๊อกเก่าเมื่อหลายปีที่แล้ว5555
ความคิดเห็น