ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    secret world online (S.W.O) {yaoi}

    ลำดับตอนที่ #52 : Chapter45 : Enigma [100%]

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 740
      5
      6 พ.ย. 58

    Chapter45

    Enigma

    บุคคลปริศนา

     

     

    "ทำนายได้เเค่เดือนละครั้ง?"ผมทวนคำของไวท์อีกครั้งเสียงสูงอย่างสงสัย ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเปิดปากอธิบายยาว

     

                   

    "คือพลังของโจ๊กเนี่ยคือการทำนายใช่ไหมละ เเละทุกครั้งที่ในการทำนายเนี่ยมันต้องมีสิ่งเเลกเปลี่ยนก็คือพลังชีวิต  เเละพลังเวทย์ เเถมด้วยการต้องหลับยาวหลังจากผลออกมา ซึ่งยิ่งรายละเอียดในสิ่งที่ต้องการรู้ต่ำมากเเค่ไหนก็ต้องเสียมากขึ้นเท่านั้น เเล้วการลดของพลังชีวิตเนี่ยเห็นบอกว่ามันไม่มีเกณฑ์บอกบางครั้งก็ลดมากจนน่าใจหายบางครั้งก็ลดกระจึ๋งนึงซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้ก่อนเลยว่าจะตายก่อนได้รู้รึเปล่า  อย่างครั้งเมื่อวานถ้าโจ๊กเลเวลน้อยกว่านี้ซักสองสามเวลป่านนี้คงได้ไปเกิดใหม่เเล้ว"

     

     

    ผมพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ เพราะพลังที่ทำให้รู้เห็นอนาคตหรือตามหาอะไรบางอย่างได้ง่ายๆเเบบนี้มันก็คงโกงน่าดู การมีค่าใช้จ่ายที่สูงเเละอันตรายเเบบนี้ ถ้าเป็นผมคงคิดเเล้วคิดอีกถึงจะใช้มัน

     

                   

    "เเล้วครั้งหน้าจะไม่เป็นอะไรหรอ?"ผมเอ่ยถามน้ำเสียงติดเป็นกังวล เรื่องมันเริ่มจากผมเเท้ๆเเต่ต้องไปลำบากคนอื่นตั้งมากมาย

     

     

     

    "ก็ระหว่างนั้นโจ๊กจะไปเก็บเวลเพิ่มกันเหนียวน่ะ เเต่ถึงเวลาจริงครั้งหน้านะเค้าจะไม่ยอมออกไปตามที่โจ๊กบอกเเล้วจะยืนคุมเผื่อจะตายขึ้นมาจะได้เอาโพชั่นอุดปากทัน"ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำหน้าทำตาซะเหมือนมุ่งมั่นเต็มประดาพร้อมทั้งยกมือขึ้นมากำหมัดเพื่อทำท่าทางให้ดูตั้งใจยิ่งขึ้น

     

     

     "ว่าเเต่ทำไมดาร์กไม่ปล่อยให้เขาคนนั้นตายไปเลยล่ะ เเค่เกิดใหม่เองเรื่องเวลเดี๋ยวพวกเราตี้ช่วยกันก็ได้นิ เเบบนี้เขาดูค่อนข้างทรมาณนะ"ไวท์เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ก็รีบบอก

     

     

    "ไม่ได้หรอก เพราะเขาเป็นเหมือนพวกเรา"ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนตอบ เเต่เป็นสเวนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องกับออกัสสมาชิกคนใหม่ที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย เคยออกปากถามระหว่างการเดินทางเเต่ก็ถูกเมินตลอดเลยไม่อยากเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายลำบากใจ

     

     

    พวกเราที่ว่าก็คงเป็นสเวนกับออกัสนั่นเเหละครับ

     

     

    "ยังไงอ่ะ?"ไวท์ทำหน้างง คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัย

     

     

    เพื่อนคนนี้เคยรู้อะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย

     

     

    "เอ็นพีซีไง ถ้าเอ็นพีซีตายไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเขาจะเกิดใหม่"ผมอธิบาย ใช่ครับ ผมรู้มาตั้งนานเเล้วว่ายูกิไม่ใช่ผู้เล่นเเต่ด้วยความที่เกมนี้ทำตัวละครได้ออกมาสมจริงจนผมเกือบจะเชื่อไปเเล้วว่าเขาเป็นคนจริงๆ

     

     

    "อ่าว ปกติในเกมพวกนี้เอ็นพีซีมันก็ต้องเกิดใหม่อยู่เเล้วนี่หน่า ไม่งั้นถ้าพวกเราฆ่าเอ็นพีซีหมดเกมเเล้วจะทำไงต่อล่ะ"ไวท์ถามขึ้นมาทำเอาผมเริ่มฉุกคิด จริงด้วยสิ..ผมลืมไปว่ายังไงพวกเขาก็เป็นเเค่โปรเเกรมคอมพิวเตอร์ ยังไงก็คงไม่หายไปอยู่เเล้ว

     

     

    ถึงจะคิดได้อย่างนั้นเเต่มันก็รู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ

     

     

    "เกม?"คนตัวเล็กที่นั่งอยู่มุมห้องหลุดปากออกมาอย่างสงสัย หลังจากฟังทั้งคู่คุยกันมานาน

     

     

    "มีอะไรรึเปล่าครับออกัส?"ผมหันไปถาม

     

     

    "เปล่า..ไม่มีอะไร"ออกัสตอบปัดผมเลยพยักหน้ารับเเล้วหันมาคุยต่อเสียงเครียด

     

     

    "เเต่ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ?"

     

     

    "เเล้วยังไงล่ะ พวกนี้ก็เป็นเเค่โปรเเกรมคอมพิวเตอร์นะดาร์ก"ไวท์พูดเหมือนเตือนสติเเล้วเอื้อมเเขนมาตบบ่าผม อีกมือนึงก็จิ้มคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผม

     

     

    "เเต่..เฮ้อ..ไม่รู้สิ เอาเป็นว่าช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ก่อนก็เเล้วกันนะครับ ถือว่าเราขอร้อง"ผมว่าก่อนจะเหลือมองเวลาตรงมุมขวา ไว้เบะปากเล็กน้อยเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันเเต่เจ้าตัวเล็กก็พยักปลกๆอย่างเข้าใจ

     

     

    "ก็ได้ๆ ไม่เห็นถึงกับขอร้องกันก็ได้ ยังไงก็เพื่อนกันอยู่เเล้ว"ไวท์ยิ้มร่าใช้เเขนเกี่ยวคอผมให้หน้าลงไปอยู่ระดับเดียวกับเจ้าตัว

     

     

    "อื้อรู้เเล้ว เดี๋ยวเราออฟไลน์ก่อนนะ"ผมตอบอีกฝ่ายเบาๆเเล้วเสหน้าไปด้านอื่น เเอบเขินๆเล็กน้อยเพราะไม่เคยเรียกใครเป็นว่าเพื่อนอย่างเต็มปากขนาดนี้

     

     

    เกมนี้มันทำให้ผมเปลี่ยนไปจริงๆ

     

     

    "อ่าว..หมดเวลาเเล้วหรอ"ไวท์หน้าเสียดาย

     

     

    "ยังหรอก เเต่ว่าจะออกไปจัดการอะไรนิดหน่อยน่ะ"ผมบอกอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจถึงเเม้จะปิดสีหน้าเสียดายไว้ไม่มิดก็เถอะ

     

     

     

    "โอเค งั้นเจอกันนะบ๊ายบาย"

     

     

    "อืม..เจอกัน"ผมบอกหันไปยิ้มพร้อมโบกมือลาอีกฝ่ายจากนั้นก็เรียกหน้าต่างเกมออกมาเเลล้วกดล็อคเอาท์

     

     

     

     

     

     

     

    ผมลุกยันตัวขึ้นนั่งจากนั้นก็ถอดเบรนเเคปออก นั่งหลับตาลงอยู่บนตัวซักพักเพื่อปรับสภาพเวลาเเละเเยกเเยะว่านี่อยู่ที่โลกจริงไม่ใช่โลกเสมือน

     

     

    รู้สึกเหมือนจะอยู่ที่นู้นเยอะกว่าที่นี้ซะเเล้วสิ

     

     

    ผมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลตรงหัวเตียงก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปนานเเล้วพอสมควร นานจนปวดท้องเลยนี่ไง

     

     

    โคร่กกก

     

     

    นี่ผมข้ามมื้อกลางวันไปเเล้วด้วยซ้ำไม่แปลกเลยที่กระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยออกมากัดกระเพาะเล่นเเบบนี้ ผมเอื้อมมือไปหยิบสาร์ทโฟนที่ไม่ค่อยได้เเตะ ก่อนจะเลือกไปยังเมลที่มีเลขเด้งอยู่ที่มุมขวาเเล้วขมวดคิ้วน้อยๆ

     

     

    ผมเดินออกไปนอกห้องทั้งที่ในมือยังถือสาร์ทโฟนค้างไว้ ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาเสียงเอไอสาวก็จะเอ่ยทัก..

     

     

    "หือ?"ผมครางในลำคออย่างสงสัยพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์ เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเอไอสาวกลับไม่ตอบรับอย่างทุกที

     

     

    นี่มัน..!!!

     

     

    งกระจัดกระจายเหมือนถูกรื้อค้น ผมเบิกตากว้างมองซ้ายขวาอย่างหวาดระเเวงสมองเเล่นเร็วจี๋ รีบสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เเล้วกดเบอร์โทรฉุกเฉิน

     

     

    หมับ!

     

     

    "อื้อ! อ่อย!(ปล่อย!)"

     

     

    มือปริศนาจากทางด้านหลังเอื้อมมาปิดปากผมไว้เเน่น เเต่เนื่องจากมือที่มใหญ่กินที่ใบหน้าเกือบครึ่งของผมทำให้เขาปิดจมูกผมไปด้วยจนหายใจไม่ออก เเขนอีกข้างก็รัดคอผมไว้จนขาผมลอยขึ้นจากพื้น ผมพยายามดิ้นตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด มีความคิดชั่วเเวบนึงที่ผมคิดว่าผมสู้ได้เเน่ๆ จึงเอื้อมมือไปสีข้างเพื่อหยิบอาวุธเเต่ก็คว้าได้เเต่อากาศ

     

     

    จริงสิ..นี่มันไม่ใช่ในเกมนี่หน่า

     

     

    ผมคิดได้ดังนั้นสองมือที่ปัดป่ายไปในอากาศก็เริ่มอ่อนเเรงได้เรื่อยๆ ความจริงที่ว่าผมนั้นอ่อนเเอกำลังเด่นชัดขึ้นจนปฏิเสธไม่ได้ ตาทั้งสองข้างกำลังจะปิดลงเนื่องจากสมองเริ่มขาดออกซิเจน ภาพเบื้องหน้าค่อยๆเบลอขึ้นทุกที

     

     

    "ได้ตัวเเล้วว่ะ เเม่งปวกเปียกชิบหาย"มันพูดในจังหวะที่ผมรู้สึกได้ว่าตัวผมกำลังลอยขึ้นอีกครั้ง

     

     

    ผมพยายามที่จะขยับนิ้วเพื่อกดปุ่มโทรออกของโทรศัพท์ที่ทำท่าจะหลุดออกจากมือ

     

     

    เเค่เเตะลงไปเบาๆเองหน่าดาร์ก

     

     

    ปึ่ก

     

    "เออๆ รับรองเสร็จงานนี้ได้สบายกันไปทั้งชาติ"

     

    ความหวังสุดท้ายของผมร่วงลงกับพื้น ในขณะที่คนที่เเบกผมเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ

     

     

    โทรศัพท์ที่หน้าจอยังคงสว่างค้างเผยให้เห็นเบอร์ที่เพิ่งพิมพ์เสร็จเเต่ยังไม่ถูกกดโทรร่วงอยู่บนพื้นพรม

     

     

    เเล้วจากนั้นภาพทุกอย่างก็เหลือเเค่เพียงความมืด..






    45% l o a d i n g. . .


    White's part

     

     

    "ทำไมดาร์กยังไม่ออน"ร่างเล็กกล่าวถึงเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงติดเป็นห่วง ถ้าหายไปชั่วโมงสองชั่วโมงจะไม่ว่า

     

     

    เเต่นี้..ไม่ออนมาหนึ่งวันเเล้ว

     

     

    "คิดมากหน่าไอไวท์ เขาอาจจะเเค่มีธุระเฉยๆก็ได้"ถึงเเม้จะพูดปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น เเต่ก็อดที่จะสังหรณ์ใจไม่ดีเเละสุดท้ายความเป็นห่วงที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆก็ชนะ

     

     

    ฟรึ่บ

     

     

    "จะไปไหนน่ะ"คนข้างกายที่เข้าใจว่าหลับมาตลอดทักขึ้นเมื่อจู่ๆเขาก็ลุกขึ้น

     

     

    "ล็อกเอาท์"คำตอบทำเอาโจ๊กเกอร์เลิกคิ้วสูง เพราะไอคนข้างกายไม่เคยที่จะล็อกเอาท์ออกทั้งๆที่เพิ่งล็อกอินเข้ามาเเบบนี้

     

     

    "มีอะไรรึเปล่า"คราวนี้โจ๊กเกอร์ถามเสียงเครียดทั้งยังเอื้อมมือมารั้งข้อมือเล็กไว้

     

     

    "สังหรณ์ใจไม่ดี..เรื่องดาร์ก.."ไวท์ตอบ คิ้วเรียวเเทบจะผูกกันเป็นปม ยิ่งตอนนี้ไนท์ก็หาย อาเรสก็หาย เรียกได้ว่าหายไปกันอย่างพร้อมเพรียง เเต่ในโลกจริงคนที่เขารู้จักก็มีดาร์กคนเดียวเท่านั้น

     

     

    พื่อนสนิทเพียงคนเดียว ที่ถึงเเม้เจ้าตัวจะไม่เคยเรียกผมว่าเพื่อนเเต่ผมก็ยังห่วงอีกคนมากกว่าใครๆ

     

     

    ความคิดที่เเม้เเต่โจ๊กเกอร์จังดูออก ร่างสูงฉุดเเขนผมจนร่างผมเซถลาลงไปเเหมะอยู่บนตักเเข็ง ผมเงยหน้าเล็กน้อยอย่างสงสัย

     

     

    จุ๊บ

     

     

    "ถ้าห่วงนักก็ไปหาซะสิ"อีกฝ่ายเพียงเเค่กดจูบลงมาเบาๆตรงหน้าผาก จากนั้นก็ว่าต่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ผมมองว่ามันเจ้าเล่ห์

     

     

    "อื้อ ก็กำลังจะไปนี่ไง เเต่โดนมารผจญก่อน"ผมพลักหัวมารที่ว่าไปเบาๆ ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะหึๆอย่างอารมณ์ดีในลำคอ จนผมต้องเบ้ปากอย่างหมันไส้

     

     

    "ปล่อยได้เเล้ว"ผมตีเเขนอีกฝ่ายที่เลื้อยเข้ามารัดรอบเอวไว้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ ซึ่งครั้งนี้เขาก็ปล่อยง่ายๆไม่เเกล้งอย่างทุกที

     

     

    "เมื่อไหร่ฉันจะได้รู้จักนายจริงๆซะทีสโนว์"

     

     

    "เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเเหละน่า! ไปละบาย!"เเล้วพอโจ๊กเกอร์วกเข้ามาเรื่องเดิมๆ ผมก็รีบดีดตัวขึ้นมาจากตักเเล้วบอกเสียงหนักจากนั้นก็รีบกดล็อกเอาท์ออกมา

     

     

    ในเกมยังพอว่า ถ้าเจอตัวจริง..คงทำตัวไม่ถูกน่าดู..

     

     

    ความคิดของคนที่บ่นหงุบหงิบอยู่คนเดียวบนเตียง

     

     

     

     

     

     

    "นี่มัน..อะไรกัน"คนที่รีบตรงดิ่งมาหาเพื่อนที่ห้องทันทีด้วยความเป็ห่วงเผลอหลุดปากออกมาอย่างอึ้งๆยามมองห้องของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้สภาพเรียกได้ว่าไม่ต่างจากถูกรื้อค้น

     

    หงิง หงิง

     

     

    เสียงครางของหมาน้อยที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขาผม

     

     

    "โมจิ..เจ้านายเเกหายไปไหน"ก็รู้ว่าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ ปกติที่เขาควรจะโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังที่เพื่อนหายไปเเต่พอเห็นสภาพห้องก็ได้เเต่ภาวนาให้มันเป็นการขโมยขึ้นธรรมดาเเละดาร์กยังคงนอนอยู่ในห้องนอน

     

     

    เเต่เหมือนการภาวนาของผมจะไม่เป็นผลสำเร็จ ห้องนอนที่เตียงยังยับยู่ยี่เหมือนคนที่เคยอยู่ตรงนั้นเพิ่งลุกไป

     

     

     

    เหมือนจะหมดเเรงเสียดื้อๆ หัวมันตื้อไปหมด รู้สึกที่ความร้อนผ่าวๆรอบขอบดวงตา

     

     

    ไม่เอาหน่าไวท์ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้นะ

     

     

    ผมกัดปากตัวเองบังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา ก่อนจะรวบรวมสติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าเบอร์เพื่อน

     

     

     

    ครืดดด

     

     

     

    เเต่เสียงสั่นที่อยู่ไม่ไกลทำเอาความหวังเริ่มริบหรี่ ผมก้มลงหยิบมันขึ้นมาเเล้วสไลด์เปิด ซึ่งเป็นโชคดีที่ดาร์กไม่ได้ใส่รหัสเอาไว้

     

     

    หน้าจอล่าสุดที่พิมพ์เบอร์ฉุกเฉินเอาไว้ หากเเต่ยังไม่ได้กดโทร..

     

     

    ผมไม่รอช้ารีบพาร่างของตัวเองออกไปจากตรงนั้น ก้าวฉับลงมาในส่วนของล็อบบี้ใจอยากจะโวยวายด่าว่าทำไมระบบรักษาความปลอดภัยถึงห่วยขนาดนี้ เเต่ในยุคนี้ทุกอย่างถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่นี่ไม่มียามไม่มีพนักงาน ถ้าผมจะด่าคงต้องยืนด่าพวกปัญญาประดิษฐ์ให้เปลืองน้ำลายเล่น

     

     

     

    เอี๊ยด!

     

     

    รถเเท็กซี่เบรคหน้าเเทบทิ่ม เมื่อผมกระโดดไปขวางหน้ารถ คนขับก็คงอยากด่าผมเหมือนกัน..ถ้าหากว่ามันเป็นคนน่ะนะ

     

     

    ผมรีบบอกพิกัดของที่ๆผมจะไป โดยไม่รอให้ไอระบบเฮงซวยมันถามอะไรยืดเยื้อ

     

     

     

    ทันทีที่ถึงที่หลังจากเคลียร์เงินเสร็จผมก็รีบตรงดิ่งเข้าไปในตึกสูงตะหง่านฟ้าตรงหน้าทันที กดลิฟท์ขึ้นไปเเล้วเดินตรงไปยังห้องของผู้บริหารโดยไม่สนเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น

     

     

     

    "เข้าไม่ได้นะคะ! คุณคะ!"เลขาสาวที่ประจำอยู่หน้าห้องเข้ามาจับผมไง้ไม่ให้ผมเข้าไปในห้องตรงหน้า

     

                   

    "ปล่อย! ปล่อยนะเว้ย! พี่ฮัน!พี่ซิล! ได้ยินผมไหม!!"ผมพยายามสะบัดเจ้าหล่อนออกเเต่เหมือนจะไม่เป็นผล ยิ่งพนักงานเเถวนั้นมาช่วยกันหิ้วปีกผมออกไป

     

     

    "ออกมาสิวะ! เพื่อนผมกำลังอยู่ในอันตรายนะเว้ย! พวกพี่รู้เรื่องบ้างไหม!"ถึงเเม้จะถูกหิ้วมา เเต่ผมยังคงเเหกปากออกมาไม่หยุดหย่อน

     

     

     

    "ปล่อยเขาลง"เสียงนิ่งๆจากทางประตูทำเอาผมเงยหน้าขึ้นอย่างมีความหวัง ผมยิ้มออกเมื่อเห็นง่าพวกเขาไม่ได้เพิกเฉย เเต่รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆหุบลง

     

     

    "ไนท์.."ผมเอ่ยชื่อหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ด้วยความตกใจ

     

     

    เเต่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันทำเอาผมตกใจยิ่งกว่า

     

     

    "พี่ภพ.."





    70 %





              "พี่ภพ.."


              "เข้ามาก่อนเถอะ"ยังไม่ทันที่จะรวบรวมสติได้ คนที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าของบริษัทอย่างพี่ฮันนี่ก็พูดขึ้นมา พวกพนังงานที่ล็อกผมไว้ก็ยอมปล่อยผมออกเเต่โดยดีเเล้วก็เเยกย้ายกันหายไปเมื่อเห็นบรรยากาศตรึงเครียดที่เกิดขึ้น 


              ผมไม่พูดอะไรเเค่พยักหน้าอย่างเห็นด้วย เเล้วเดินตามอีกฝ่ายเข้าไปในห้องทำงานที่ค่อนข้างครบครัน เเต่ทว่าสภาพกลับอย่างกับเพิ่งมีพายุลูกใหญ่เข้าก็ไม่ปาน


              ผมมองไล่ไปที่เเต่ละคน พี่ฮันนี่ที่ปกติเป็นคนขี้เล่นขี้คุย ตอนนี้มีเพียงสีหน้าที่ดูไม่จืดทั้งขอบตาที่ช้ำเเดงให้เดาได้ไม่ยากว่าผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก พี่ซิลเวอร์รายนั้นหน้านิ่งอยู่เเล้วเป็นปกติมีเพียงคิ้วที่ขมวดเข้าหากัน เเละถัดมา..ไนท์..คนที่ผมสงสัยมากที่สุดว่าเขามาที่นี้ได้ยังไง มีความสัมพันธ์อะไรกับคนพวกนี้ ถ้าจะอ้างว่าบังเอิญก็คงจะไม่ใช่ 


              เเละคนริมสุด พี่ภพ..รุ่นพี่ตัวสูงใหญ่ที่ไม่ได้เห็นหน้ากันมาหลายปี รุ่นพี่ที่ได้ชื่อว่าเป็นเเฟนคนเเรกของเพื่อนผม เเละเป็นคนที่ทิ้งเพื่อนผมไป ตอนนี้ร่างสูงที่ไม่ได้เจอกันนานก็ไม่ได้เปลี่ยนไปเท่าไหร่ มีเพียงใบหน้าที่ดูคมขึ้นตามวัยทั้งยังไว้หนวดเคราจางๆเเบบที่ดูเซอร์หน่อยๆ 


              "นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเเน่..พวกพี่บอกผมได้ไหม"ผมเป็นคนเอ่ยถามออกไป ผมรู้ว่าทั้งหลายคนห่วงดาร์กมากไม่ต่างจากผม ยิ่งพี่ชายร่างเล็กที่นิสัยเด็กกว่าวัยอย่างพี่ฮันที่หน้าซีดลงเรื่อยๆ ทั้งยังกัดปากไว้เเน่นราวกับพยายามสะกดกลั้นอะไรบางอย่าไว้ 


              พี่ฮันนี่รักน้องมากกว่าใครๆ ถึงเเม้เจ้าตัวจะไม่เอ่ยออกมา เเต่ผมนั้นรู้ดีรวมถึงดาร์กก็ด้วย 


              ทั้งห้องเงียบกริบหลังจากที่ผมถามออกไป 


              "ดาร์ก..ถูกจับตัวไป.."พี่ฮันสูดหายใจเข้าลึกๆเเล้วพูดออกมาพยายามคงน้ำเสียงไม่ให้สั่นหยุดกลืนน้ำลายเเล้วพูดต่อ


              "เพราะพี่..เพราะพี่เอง..อึก..ที่ดาร์กถูกจับไป..มันเป็นเพราะพี่.."เเต่ดูท่าว่าเจ้าตัวจะเเบกรับความจริงที่เป็นคนพูดออกมาเองไม่ไหว สุดท้ายก็พูดไปสะอื้นไป จนคนมองอย่างผมเริ่มอยากร้องตาม


              "พี่ฮัน.."ผมเอ่ยชื่ออีกฝ่ายออกมาอย่างแผ่วเบา อยากจะปลอบเเต่ก็พูดไม่ออก 


              "เเต่เรายังไปช่วยดาร์กได้ไม่ใช่หรอฮะ?"ผมเอ่ยถามเสียงที่เริ่มสั่นเครือ มองหน้าทุกคนในที่นี้อย่างมีความหวัง


              เงียบ..


              ผมไม่เคยเกลียดความเงียบเท่านี้มาก่อนเลย


              "ก่อนหน้านี้พี่ได้ให้สร้อยคอที่มีจีพีเอสติดอยู่กับดาร์กไว้ จากนั้นพอพี่เช็คพิกัดดูก็พบว่ามันอยู่ตรงนี้.."คราวนี้พี่ซิลเวอร์เป็นคนตอบ ร่างสูงกดปุ่มบางอย่างบนโต๊ะทำงานก่อนที่มันจะฉายภาพโฮโลเเกรมขึ้นมา พี่เขาชี้ไปยังจุดสีเเดงแผนที่ 


              "เเล้วทำไมเราไม่ไปช่วยล่ะฮะ! ที่อยู่ก็รู้เเล้ว!"


              เลขาหนุ่มที่พ่วงต่ำเเหน่งบอดี้การ์ดส่ายหน้า 


              "ปกติเเล้วถ้าจีพีเอสทำงานมันจะขึ้นเป็นจุดเเดงที่กระพริบ เเต่ถ้ามันกลายเป็นจุดสีเเดงเฉยๆมันก็เป็นเเค่เพียงจุดสุดท้ายก่อนที่มันจะโดนทำลายก็เท่านั้น"คำตอบที่ทำเอาผมใจร่วงลงไปอยู่ที่ตาตุ่ม 


              "กล้อง! กล้องวงจรปิดล่ะ! พวกพี่เป็นเจ้าของบริษัทอุปกรณ์เทคโนโลยีพวกนี้ มันก็ต้องมีอะไรใช้ประโยชน์บ้างสิ!"ผมเริ่มกำหมัดเเน่น คนหายไปทั้งคนกลับมายืนหน้าเครียดมองหน้ากันทำไม


              "ถูกแฮ็ค ระบบกล้องวงจรปิดของทั้งเมืองถูกเเฮ็คจากคนที่จับตัวดาร์กไป"พี่ซิลเวอร์อธิบายต่อ


              "ทั้งเมือง? เเค่คนๆเดียวน่ะนะ? พวกพี่ทำอะไรไม่ได้เลยรึไง?"ความกังวลเริ่มแปรเปลี่ยนเป็นความหงุดหงิดเเละพาลเเทน เมื่อผู้นำด้านเทคโนโลยีระดับประเทศกลับถูกแฮ็คเกอร์คนเดียวทำลายระบบทั้งหมด


              บ้า! บ้าไปเเล้ว!


              "เรื่องนั้นเรายืนยันไม่ได้หรอกนะไวท์ เเต่พี่ก็ไม่ได้นิ่งเฉย ก่อนที่ไวท์จะมาพวกพี่ก็กำลังช่วยกันหาทางออกที่ดีที่สุดอยู่"


              "เเล้วทำไมไนท์กับ..พี่ภพ..ถึงมาอยู่ที่นี่"พอได้ยินอย่างนั้นผมก็ค่อยๆสงบสติอารมณ์ลง เเล้ววกเข้ามาถามเรื่องที่คาใจตั้งเเต่ต้น


              "..."


              สิ้นคำถามทั้งห้องก็ตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง หน้าผมเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม ก่อนที่ชายหนุ่มมาดเซอร์ที่เงียบมาตลอดจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น


              "พี่เป็นหนึ่งในหุ้นส่วนน่ะ เเล้วเรื่องนี้มันก็เกี่ยวกับน้องที่พี่'รัก'จะให้นิ่งเฉยก็คงไม่ได้"เสียงที่ยังคงนุ่มทุ้มเหมือนอย่างก่อน เเต่ทำไมเขากลับรู้สึกเเววตาคู่นั้นมันไม่เหมือนเดิม


              "เเล้วไนท์.."


              "เพื่อนพี่เองครับ"พอพี่ภพพูดเหมือนตัดบทเเละไนท์เองก็ไม่ได้เเย้งอะไร ผมเลยได้เเต่พยักหน้ารับไปส่งๆเเล่วกลับมาปิดปากเงียบฟังพี่ๆเขาปรึกษากันไป


              หลังจากที่ฟังมาซักพักผมได้ความประมาณว่า ผู้ไม่ประสงค์ดีต่อบริษัทนี้ พยายามที่จะล้มบริษัทนี่มาหลายครั้งเเละหลายวิธี ตอนเเรกก็เเค่มาเเทรกเเทรงการทำงานเเต่ก็ไม่สำเร็จ จนในที่สุดเมื่อเดือนที่ผ่านมาพี่ซิลเวอร์ถูกทำร้าย..


              เผื่อใครยังไม่รู้ ถึงผู้บริหารตัวจริงคือพี่ฮันเตอร์เเต่จะมีเเค่คนในจริงๆเท่านั้นที่รู้ โดยความคิดนี้เกิดจากพี่ซิลเวอร์เพราะพี่เขาเป็นทั้งเป็นคนดูเเลพี่ฮันตั้งเเต่เด็ก ถึงการทำธุรกิจอาจจะดูไม่อันตรายเหมือนทหาร ตำรวจ เเต่ยิ่งเราประสบความสำเร็จมากเท่าไหร่ ศัตรูคู่เเข่งก็ยิ่งจะมากขึ้นเเละมากขึ้น เบาหน่อยก็อาจจะเเค่เขม่นกัน เเต่หนักหน่อย ก็ตามทำร้ายหวังชีวิต..


              ทั้งหมดทั้งมวลล้วนเเต่เป็นเรื่องของผลประโยชน์ทั้งนั้น


              พี่ซิลเวอร์เป็นห่วงพี่ฮันในเรื่องนั้น จึงทำข้อตกลงเเกมบังคับให้พี่ฮันทำเเค่เบื้องหลัง เบื้องหน้าพี่ซิลจะเป็นคนจัดการเอง เลยเป็นเหตุผลที่ว่าทำไมถึงไม่มีใครรู้จักพี่ฮันซักคน



              ติ๊ง!


              เสียงจากที่ไหนซักเเห่งในห้องดังขึ้น เป็นเสียงที่ทุกคนรู้จักดี 


              เสียงของข้อความ


              พี่ซิลเวอร์เป็นคนลุกไปที่จอโฮโลเเกรมที่ถูกเปิดค้างไว้ ไอค่อนรูปจดหมายกระพริบถี่บ่งบอกว่ามีข้อความใหม่เข้า ทั้งห้องเหลือเเค่เพียงเสียงเเอร์ราวกับทุกคนลุ้นกับมันมาก อย่าน้อยเเค่เบาะเเสก็ยังดี


              พี่ซิลจับจ้องไปยังตัวอักษรช้าๆเหมือนไล่อ่านให้ถี่ถ้วนเพื่อไม่ให้มีข้อผิดพลาดอย่างที่เขาทำจนติดเป็นนิสัยเพราะเป็นเลขา พออ่านจบก็หันมาหาคนที่เหลือเเล้วเอ่ยปาก


              "ได้ที่อยู่ของดาร์กเเล้วล่ะ.."


              ปั้ง!


              ผมสะดุ้ง เมื่อจู่ๆคนที่นั่งเงียบมาตลอดอย่างไนท์ตบโต๊ะเสียงดังเเล้วลุกขึ้นยืนสุดความสูง ผมเหลือบมองอีกคนนิดเเล้วก็ต้องตกใจ


              ใบหน้าคมคายแปลกตาเล็กน้อยเพราะดวงตากลับมาเป็นสีดำที่มองดีๆจะเป็นสีน้ำตาล หากเเต่ที่ตกใจไม่ใช่ตรงนั้น ดวงตาที่ยังฉายเเววราบเรียบนิ่งสนิท หากเเต่ให้ความรู้สึกเย็นเยียบเสียจนคนมองเสียวสันหลังวาบ ถึงหน้าจะนิ่งเเต่ท่าทางใจจะไม่นิ่งตามเลยซักนิด ดูจากกรามที่ขบเสียจนเริ่มเห็นเลือดปูดขึ้นมาลำคอเเละขมับ ทั้งเหงื่อกาฬยังไหลไม่หยุดทั้งๆที่เเอร์ในห้องออกจะเย็นเเท้ๆ



              "ที่ไหน"ไนท์ว่าเสียงเรียบเเล้วเดินไปประชิดตัวพี่ซิลที่ยืนอยู่หน้าจอโฮโลเเกรม



              "โกดังคลังสินค้าตรงชานเมือง"



              สิ้นเสียงพี่ซิลไนท์ก็หมุนตัวเดินออกจากห้องทันที พี่ซิลจะรั้งไว้เเต่ก็ไม่ทัน


              หมับ


              เพี๊ยะ!


              มือกร้านวางลงบนไหล่ของคนที่กำลังร้อนใจเพราะนึกถึงคนที่กำลังตกอยู่ในอันตราย ความห่วงทำเอาเขาเเทบบ้า เเต่ทันทีที่เห็นว่าใครเป็นที่คิดรั้งไนท์ก็ปัดออกอย่างไม่ต้องคิดเเล้วส่งสายตาที่คนมองตีความออกได้ทันทีว่า'อย่ามาจับ'


              "รีบไปตอนนี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไรได้หรอกนะ ลองคิดหน่อยไหมว่ามันเป็นกับดักหรือเปล่า"ภพพูดกับ'อดีต'เพื่อนรักนิ่งๆ ซึ่งคนฟังคงไม่คิดจะเก็บมาใส่ใจ


              "เรื่องของฉัน"เขาเดินออกไปพร้อมทิ้งประโยคสั้นๆไว้


              "ยังเหมือนเดิมเลยนะ"



              ไนท์ชะงักเเวบนึงเหลือบตามองคนด้านหลัง ก็พบกับรอยยิ้มที่คุ้นตา 


              เเต่ความรู้สึกในใจมันไม่เหมือนเดิมอีกต่อไปเเล้ว







    100 % loading succeed

    ---------------------


    กว่าจะมา;-; ต้องขอโทษจริงๆค่ะที่หายไปนานมากกก ตอนนี้ยังไม่มีกำหนดเเน่นอนว่าจะมาวันไหนอีก ถ้ามีอะไรจะเเจ้งในเฟสเหมือนเดิมเน้อะ 

    ขอบคุณสำหรับคนที่ยังรอเเละเข้าใจนะคะ คือเรารู้ว่าเราอู้ไปนานมาก;-; เเต่ก็เนอะ ช่วงเปิดเทอมงานบานเบอะมากเลยค่ะ ต้องขอโทษด้วยอีกทีจริงๆค่ะ 


    1เม้น = 1กำลังใจ<3

    :: เเจ้งอีกเรื่องจ้า ::

    เมื่อวานเพิ่งเปิดเรื่องใหม่ ชื่อเรื่อง Just ' U เเค่คุณ[Yaoi] 

    นิยายวายไทยธรรมดาไม่เเฟนซี เเนวฟีลกู๊ดเเบบสโลว์ลี่ไลฟ์(?) 

    :: คำโปรย ::

    เมื่อไอหมาธีร์ผู้ซึ่งไร้สกิลด้านภาษาบังเอิญ(?)ได้ไอฝรั่งขี้นกดีกรีสัตวเเพทย์ที่อิมพอร์ตไกลจากอังกฤษมาเป็นรูมเมท! มันก็เเค่คอยปลุกทุกเช้า ขยันส่งยิ้มให้ทุกวัน เเล้วทำไมกูต้องหวั่นไหวด้วยวะเห้ย!!

    สนใจจิ้มชื่อเรื่องเลยค้าบ^^


    สองช่องทางทวงเช่นเคย

    เฟซบุ๊คร้างๆ

    https://www.facebook.com/Kiitos45133


     

    กับทวิตเตอรที่ร้างเช่นกัน

    https://twitter.com/NuttchaamoN


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×