คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #52 : Chapter45 : Enigma [100%]
Chapter45
Enigma
บุคคลปริศนา
"ทำนายได้เเค่เดือนละครั้ง?"ผมทวนคำของไวท์อีกครั้งเสียงสูงอย่างสงสัย
ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนจะเริ่มเปิดปากอธิบายยาว
"คือพลังของโจ๊กเนี่ยคือการทำนายใช่ไหมละ
เเละทุกครั้งที่ในการทำนายเนี่ยมันต้องมีสิ่งเเลกเปลี่ยนก็คือพลังชีวิต เเละพลังเวทย์
เเถมด้วยการต้องหลับยาวหลังจากผลออกมา
ซึ่งยิ่งรายละเอียดในสิ่งที่ต้องการรู้ต่ำมากเเค่ไหนก็ต้องเสียมากขึ้นเท่านั้น
เเล้วการลดของพลังชีวิตเนี่ยเห็นบอกว่ามันไม่มีเกณฑ์บอกบางครั้งก็ลดมากจนน่าใจหายบางครั้งก็ลดกระจึ๋งนึงซึ่งเราไม่มีทางรู้ได้ก่อนเลยว่าจะตายก่อนได้รู้รึเปล่า
อย่างครั้งเมื่อวานถ้าโจ๊กเลเวลน้อยกว่านี้ซักสองสามเวลป่านนี้คงได้ไปเกิดใหม่เเล้ว"
ผมพยักหน้าตามอย่างเข้าใจ เพราะพลังที่ทำให้รู้เห็นอนาคตหรือตามหาอะไรบางอย่างได้ง่ายๆเเบบนี้มันก็คงโกงน่าดู
การมีค่าใช้จ่ายที่สูงเเละอันตรายเเบบนี้ ถ้าเป็นผมคงคิดเเล้วคิดอีกถึงจะใช้มัน
"เเล้วครั้งหน้าจะไม่เป็นอะไรหรอ?"ผมเอ่ยถามน้ำเสียงติดเป็นกังวล
เรื่องมันเริ่มจากผมเเท้ๆเเต่ต้องไปลำบากคนอื่นตั้งมากมาย
"ก็ระหว่างนั้นโจ๊กจะไปเก็บเวลเพิ่มกันเหนียวน่ะ
เเต่ถึงเวลาจริงครั้งหน้านะเค้าจะไม่ยอมออกไปตามที่โจ๊กบอกเเล้วจะยืนคุมเผื่อจะตายขึ้นมาจะได้เอาโพชั่นอุดปากทัน"ไวท์พูดด้วยน้ำเสียงจริงจังทำหน้าทำตาซะเหมือนมุ่งมั่นเต็มประดาพร้อมทั้งยกมือขึ้นมากำหมัดเพื่อทำท่าทางให้ดูตั้งใจยิ่งขึ้น
"ว่าเเต่ทำไมดาร์กไม่ปล่อยให้เขาคนนั้นตายไปเลยล่ะ
เเค่เกิดใหม่เองเรื่องเวลเดี๋ยวพวกเราตี้ช่วยกันก็ได้นิ
เเบบนี้เขาดูค่อนข้างทรมาณนะ"ไวท์เหมือนนึกอะไรบางอย่างได้ก็รีบบอก
"ไม่ได้หรอก
เพราะเขาเป็นเหมือนพวกเรา"ประโยคนี้ผมไม่ได้เป็นคนตอบ
เเต่เป็นสเวนที่นั่งอยู่ตรงมุมห้องกับออกัสสมาชิกคนใหม่ที่ผมยังไม่เคยเห็นหน้าเขาเลย
เคยออกปากถามระหว่างการเดินทางเเต่ก็ถูกเมินตลอดเลยไม่อยากเซ้าซี้ให้อีกฝ่ายลำบากใจ
พวกเราที่ว่าก็คงเป็นสเวนกับออกัสนั่นเเหละครับ
"ยังไงอ่ะ?"ไวท์ทำหน้างง
คิ้วเรียวขมวดมุ่นอย่างสงสัย
เพื่อนคนนี้เคยรู้อะไรกับเขาบ้างไหมเนี่ย
"เอ็นพีซีไง
ถ้าเอ็นพีซีตายไม่มีอะไรรับประกันเลยว่าเขาจะเกิดใหม่"ผมอธิบาย ใช่ครับ
ผมรู้มาตั้งนานเเล้วว่ายูกิไม่ใช่ผู้เล่นเเต่ด้วยความที่เกมนี้ทำตัวละครได้ออกมาสมจริงจนผมเกือบจะเชื่อไปเเล้วว่าเขาเป็นคนจริงๆ
"อ่าว
ปกติในเกมพวกนี้เอ็นพีซีมันก็ต้องเกิดใหม่อยู่เเล้วนี่หน่า
ไม่งั้นถ้าพวกเราฆ่าเอ็นพีซีหมดเกมเเล้วจะทำไงต่อล่ะ"ไวท์ถามขึ้นมาทำเอาผมเริ่มฉุกคิด
จริงด้วยสิ..ผมลืมไปว่ายังไงพวกเขาก็เป็นเเค่โปรเเกรมคอมพิวเตอร์
ยังไงก็คงไม่หายไปอยู่เเล้ว
ถึงจะคิดได้อย่างนั้นเเต่มันก็รู้สึกตะหงิดใจแปลกๆ
"เกม?"คนตัวเล็กที่นั่งอยู่มุมห้องหลุดปากออกมาอย่างสงสัย
หลังจากฟังทั้งคู่คุยกันมานาน
"มีอะไรรึเปล่าครับออกัส?"ผมหันไปถาม
"เปล่า..ไม่มีอะไร"ออกัสตอบปัดผมเลยพยักหน้ารับเเล้วหันมาคุยต่อเสียงเครียด
"เเต่ถ้าเขาไม่กลับมาล่ะ?"
"เเล้วยังไงล่ะ
พวกนี้ก็เป็นเเค่โปรเเกรมคอมพิวเตอร์นะดาร์ก"ไวท์พูดเหมือนเตือนสติเเล้วเอื้อมเเขนมาตบบ่าผม
อีกมือนึงก็จิ้มคิ้วที่ขมวดเป็นปมของผม
"เเต่..เฮ้อ..ไม่รู้สิ
เอาเป็นว่าช่วยยื้อชีวิตเขาไว้ก่อนก็เเล้วกันนะครับ
ถือว่าเราขอร้อง"ผมว่าก่อนจะเหลือมองเวลาตรงมุมขวา
ไว้เบะปากเล็กน้อยเพราะความคิดเห็นไม่ตรงกันเเต่เจ้าตัวเล็กก็พยักปลกๆอย่างเข้าใจ
"ก็ได้ๆ
ไม่เห็นถึงกับขอร้องกันก็ได้
ยังไงก็เพื่อนกันอยู่เเล้ว"ไวท์ยิ้มร่าใช้เเขนเกี่ยวคอผมให้หน้าลงไปอยู่ระดับเดียวกับเจ้าตัว
"อื้อรู้เเล้ว
เดี๋ยวเราออฟไลน์ก่อนนะ"ผมตอบอีกฝ่ายเบาๆเเล้วเสหน้าไปด้านอื่น
เเอบเขินๆเล็กน้อยเพราะไม่เคยเรียกใครเป็นว่าเพื่อนอย่างเต็มปากขนาดนี้
เกมนี้มันทำให้ผมเปลี่ยนไปจริงๆ
"อ่าว..หมดเวลาเเล้วหรอ"ไวท์หน้าเสียดาย
"ยังหรอก
เเต่ว่าจะออกไปจัดการอะไรนิดหน่อยน่ะ"ผมบอกอีกฝ่ายก็พยักหน้าหงึกหงักอย่างเข้าใจถึงเเม้จะปิดสีหน้าเสียดายไว้ไม่มิดก็เถอะ
"โอเค
งั้นเจอกันนะบ๊ายบาย"
"อืม..เจอกัน"ผมบอกหันไปยิ้มพร้อมโบกมือลาอีกฝ่ายจากนั้นก็เรียกหน้าต่างเกมออกมาเเลล้วกดล็อคเอาท์
ผมลุกยันตัวขึ้นนั่งจากนั้นก็ถอดเบรนเเคปออก
นั่งหลับตาลงอยู่บนตัวซักพักเพื่อปรับสภาพเวลาเเละเเยกเเยะว่านี่อยู่ที่โลกจริงไม่ใช่โลกเสมือน
รู้สึกเหมือนจะอยู่ที่นู้นเยอะกว่าที่นี้ซะเเล้วสิ
ผมเหลือบมองนาฬิกาดิจิตอลตรงหัวเตียงก็พบว่าเวลาล่วงเลยไปนานเเล้วพอสมควร
นานจนปวดท้องเลยนี่ไง
โคร่กกก
นี่ผมข้ามมื้อกลางวันไปเเล้วด้วยซ้ำไม่แปลกเลยที่กระเพาะจะหลั่งน้ำย่อยออกมากัดกระเพาะเล่นเเบบนี้
ผมเอื้อมมือไปหยิบสาร์ทโฟนที่ไม่ค่อยได้เเตะ
ก่อนจะเลือกไปยังเมลที่มีเลขเด้งอยู่ที่มุมขวาเเล้วขมวดคิ้วน้อยๆ
ผมเดินออกไปนอกห้องทั้งที่ในมือยังถือสาร์ทโฟนค้างไว้
ทันทีที่ก้าวเท้าออกมาเสียงเอไอสาวก็จะเอ่ยทัก..
"หือ?"ผมครางในลำคออย่างสงสัยพร้อมทั้งเงยหน้าขึ้นมาจากจอโทรศัพท์
เพื่อดูว่าเกิดอะไรขึ้นทำไมเอไอสาวกลับไม่ตอบรับอย่างทุกที
นี่มัน..!!!
งกระจัดกระจายเหมือนถูกรื้อค้น
ผมเบิกตากว้างมองซ้ายขวาอย่างหวาดระเเวงสมองเเล่นเร็วจี๋
รีบสไลด์หน้าจอโทรศัพท์เเล้วกดเบอร์โทรฉุกเฉิน
หมับ!
"อื้อ!
อ่อย!(ปล่อย!)"
มือปริศนาจากทางด้านหลังเอื้อมมาปิดปากผมไว้เเน่น
เเต่เนื่องจากมือที่มใหญ่กินที่ใบหน้าเกือบครึ่งของผมทำให้เขาปิดจมูกผมไปด้วยจนหายใจไม่ออก
เเขนอีกข้างก็รัดคอผมไว้จนขาผมลอยขึ้นจากพื้น
ผมพยายามดิ้นตามสัญชาตญาณการเอาชีวิตรอด มีความคิดชั่วเเวบนึงที่ผมคิดว่าผมสู้ได้เเน่ๆ
จึงเอื้อมมือไปสีข้างเพื่อหยิบอาวุธเเต่ก็คว้าได้เเต่อากาศ
จริงสิ..นี่มันไม่ใช่ในเกมนี่หน่า
ผมคิดได้ดังนั้นสองมือที่ปัดป่ายไปในอากาศก็เริ่มอ่อนเเรงได้เรื่อยๆ
ความจริงที่ว่าผมนั้นอ่อนเเอกำลังเด่นชัดขึ้นจนปฏิเสธไม่ได้
ตาทั้งสองข้างกำลังจะปิดลงเนื่องจากสมองเริ่มขาดออกซิเจน
ภาพเบื้องหน้าค่อยๆเบลอขึ้นทุกที
"ได้ตัวเเล้วว่ะ
เเม่งปวกเปียกชิบหาย"มันพูดในจังหวะที่ผมรู้สึกได้ว่าตัวผมกำลังลอยขึ้นอีกครั้ง
ผมพยายามที่จะขยับนิ้วเพื่อกดปุ่มโทรออกของโทรศัพท์ที่ทำท่าจะหลุดออกจากมือ
เเค่เเตะลงไปเบาๆเองหน่าดาร์ก
ปึ่ก
"เออๆ
รับรองเสร็จงานนี้ได้สบายกันไปทั้งชาติ"
ความหวังสุดท้ายของผมร่วงลงกับพื้น
ในขณะที่คนที่เเบกผมเคลื่อนตัวไปข้างหน้า ภาพสุดท้ายที่เห็นคือ
โทรศัพท์ที่หน้าจอยังคงสว่างค้างเผยให้เห็นเบอร์ที่เพิ่งพิมพ์เสร็จเเต่ยังไม่ถูกกดโทรร่วงอยู่บนพื้นพรม
เเล้วจากนั้นภาพทุกอย่างก็เหลือเเค่เพียงความมืด..
45% l o a d i n g. . .
White's part
"ทำไมดาร์กยังไม่ออน"ร่างเล็กกล่าวถึงเพื่อนสนิทด้วยน้ำเสียงติดเป็นห่วง
ถ้าหายไปชั่วโมงสองชั่วโมงจะไม่ว่า
เเต่นี้..ไม่ออนมาหนึ่งวันเเล้ว
"คิดมากหน่าไอไวท์
เขาอาจจะเเค่มีธุระเฉยๆก็ได้"ถึงเเม้จะพูดปลอบใจตัวเองไปอย่างนั้น
เเต่ก็อดที่จะสังหรณ์ใจไม่ดีเเละสุดท้ายความเป็นห่วงที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆก็ชนะ
ฟรึ่บ
"จะไปไหนน่ะ"คนข้างกายที่เข้าใจว่าหลับมาตลอดทักขึ้นเมื่อจู่ๆเขาก็ลุกขึ้น
"ล็อกเอาท์"คำตอบทำเอาโจ๊กเกอร์เลิกคิ้วสูง
เพราะไอคนข้างกายไม่เคยที่จะล็อกเอาท์ออกทั้งๆที่เพิ่งล็อกอินเข้ามาเเบบนี้
"มีอะไรรึเปล่า"คราวนี้โจ๊กเกอร์ถามเสียงเครียดทั้งยังเอื้อมมือมารั้งข้อมือเล็กไว้
"สังหรณ์ใจไม่ดี..เรื่องดาร์ก.."ไวท์ตอบ คิ้วเรียวเเทบจะผูกกันเป็นปม
ยิ่งตอนนี้ไนท์ก็หาย อาเรสก็หาย เรียกได้ว่าหายไปกันอย่างพร้อมเพรียง
เเต่ในโลกจริงคนที่เขารู้จักก็มีดาร์กคนเดียวเท่านั้น
พื่อนสนิทเพียงคนเดียว
ที่ถึงเเม้เจ้าตัวจะไม่เคยเรียกผมว่าเพื่อนเเต่ผมก็ยังห่วงอีกคนมากกว่าใครๆ
ความคิดที่เเม้เเต่โจ๊กเกอร์จังดูออก
ร่างสูงฉุดเเขนผมจนร่างผมเซถลาลงไปเเหมะอยู่บนตักเเข็ง
ผมเงยหน้าเล็กน้อยอย่างสงสัย
จุ๊บ
"ถ้าห่วงนักก็ไปหาซะสิ"อีกฝ่ายเพียงเเค่กดจูบลงมาเบาๆตรงหน้าผาก
จากนั้นก็ว่าต่อด้วยรอยยิ้มเล็กๆที่ผมมองว่ามันเจ้าเล่ห์
"อื้อ ก็กำลังจะไปนี่ไง เเต่โดนมารผจญก่อน"ผมพลักหัวมารที่ว่าไปเบาๆ
ซึ่งอีกฝ่ายก็หัวเราะหึๆอย่างอารมณ์ดีในลำคอ จนผมต้องเบ้ปากอย่างหมันไส้
"ปล่อยได้เเล้ว"ผมตีเเขนอีกฝ่ายที่เลื้อยเข้ามารัดรอบเอวไว้ตั้งเเต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ซึ่งครั้งนี้เขาก็ปล่อยง่ายๆไม่เเกล้งอย่างทุกที
"เมื่อไหร่ฉันจะได้รู้จักนายจริงๆซะทีสโนว์"
"เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นเเหละน่า!
ไปละบาย!"เเล้วพอโจ๊กเกอร์วกเข้ามาเรื่องเดิมๆ
ผมก็รีบดีดตัวขึ้นมาจากตักเเล้วบอกเสียงหนักจากนั้นก็รีบกดล็อกเอาท์ออกมา
ในเกมยังพอว่า
ถ้าเจอตัวจริง..คงทำตัวไม่ถูกน่าดู..
ความคิดของคนที่บ่นหงุบหงิบอยู่คนเดียวบนเตียง
"นี่มัน..อะไรกัน"คนที่รีบตรงดิ่งมาหาเพื่อนที่ห้องทันทีด้วยความเป็ห่วงเผลอหลุดปากออกมาอย่างอึ้งๆยามมองห้องของเพื่อนสนิทที่ตอนนี้สภาพเรียกได้ว่าไม่ต่างจากถูกรื้อค้น
หงิง
หงิง
เสียงครางของหมาน้อยที่เดินมาคลอเคลียอยู่ที่ขาผม
"โมจิ..เจ้านายเเกหายไปไหน"ก็รู้ว่าถามไปก็คงไม่ได้คำตอบ
ปกติที่เขาควรจะโวยวายเป็นบ้าเป็นหลังที่เพื่อนหายไปเเต่พอเห็นสภาพห้องก็ได้เเต่ภาวนาให้มันเป็นการขโมยขึ้นธรรมดาเเละดาร์กยังคงนอนอยู่ในห้องนอน
เเต่เหมือนการภาวนาของผมจะไม่เป็นผลสำเร็จ
ห้องนอนที่เตียงยังยับยู่ยี่เหมือนคนที่เคยอยู่ตรงนั้นเพิ่งลุกไป
เหมือนจะหมดเเรงเสียดื้อๆ
หัวมันตื้อไปหมด รู้สึกที่ความร้อนผ่าวๆรอบขอบดวงตา
ไม่เอาหน่าไวท์ตอนนี้ไม่ใช่เวลามาร้องไห้นะ
ผมกัดปากตัวเองบังคับไม่ให้น้ำตาไหลลงมา
ก่อนจะรวบรวมสติหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดเข้าเบอร์เพื่อน
ครืดดด
เเต่เสียงสั่นที่อยู่ไม่ไกลทำเอาความหวังเริ่มริบหรี่
ผมก้มลงหยิบมันขึ้นมาเเล้วสไลด์เปิด ซึ่งเป็นโชคดีที่ดาร์กไม่ได้ใส่รหัสเอาไว้
หน้าจอล่าสุดที่พิมพ์เบอร์ฉุกเฉินเอาไว้
หากเเต่ยังไม่ได้กดโทร..
ผมไม่รอช้ารีบพาร่างของตัวเองออกไปจากตรงนั้น
ก้าวฉับลงมาในส่วนของล็อบบี้ใจอยากจะโวยวายด่าว่าทำไมระบบรักษาความปลอดภัยถึงห่วยขนาดนี้
เเต่ในยุคนี้ทุกอย่างถูกควบคุมด้วยคอมพิวเตอร์ทั้งหมด ที่นี่ไม่มียามไม่มีพนักงาน
ถ้าผมจะด่าคงต้องยืนด่าพวกปัญญาประดิษฐ์ให้เปลืองน้ำลายเล่น
เอี๊ยด!
รถเเท็กซี่เบรคหน้าเเทบทิ่ม
เมื่อผมกระโดดไปขวางหน้ารถ คนขับก็คงอยากด่าผมเหมือนกัน..ถ้าหากว่ามันเป็นคนน่ะนะ
ผมรีบบอกพิกัดของที่ๆผมจะไป
โดยไม่รอให้ไอระบบเฮงซวยมันถามอะไรยืดเยื้อ
ทันทีที่ถึงที่หลังจากเคลียร์เงินเสร็จผมก็รีบตรงดิ่งเข้าไปในตึกสูงตะหง่านฟ้าตรงหน้าทันที
กดลิฟท์ขึ้นไปเเล้วเดินตรงไปยังห้องของผู้บริหารโดยไม่สนเสียงเรียกของใครทั้งสิ้น
"เข้าไม่ได้นะคะ!
คุณคะ!"เลขาสาวที่ประจำอยู่หน้าห้องเข้ามาจับผมไง้ไม่ให้ผมเข้าไปในห้องตรงหน้า
"ปล่อย! ปล่อยนะเว้ย! พี่ฮัน!พี่ซิล!
ได้ยินผมไหม!!"ผมพยายามสะบัดเจ้าหล่อนออกเเต่เหมือนจะไม่เป็นผล
ยิ่งพนักงานเเถวนั้นมาช่วยกันหิ้วปีกผมออกไป
"ออกมาสิวะ! เพื่อนผมกำลังอยู่ในอันตรายนะเว้ย!
พวกพี่รู้เรื่องบ้างไหม!"ถึงเเม้จะถูกหิ้วมา เเต่ผมยังคงเเหกปากออกมาไม่หยุดหย่อน
"ปล่อยเขาลง"เสียงนิ่งๆจากทางประตูทำเอาผมเงยหน้าขึ้นอย่างมีความหวัง
ผมยิ้มออกเมื่อเห็นง่าพวกเขาไม่ได้เพิกเฉย เเต่รอยยิ้มของผมก็ค่อยๆหุบลง
"ไนท์.."ผมเอ่ยชื่อหนึ่งในคนที่ยืนอยู่ด้วยความตกใจ
เเต่อีกคนที่ยืนอยู่ข้างกันทำเอาผมตกใจยิ่งกว่า
"พี่ภพ.."
70 %
:: เเจ้งอีกเรื่องจ้า ::
เมื่อวานเพิ่งเปิดเรื่องใหม่ ชื่อเรื่อง Just ' U เเค่คุณ[Yaoi]
นิยายวายไทยธรรมดาไม่เเฟนซี เเนวฟีลกู๊ดเเบบสโลว์ลี่ไลฟ์(?)
:: คำโปรย ::
เมื่อไอหมาธีร์ผู้ซึ่งไร้สกิลด้านภาษาบังเอิญ(?)ได้ไอฝรั่งขี้นกดีกรีสัตวเเพทย์ที่อิมพอร์ตไกลจากอังกฤษมาเป็นรูมเมท! มันก็เเค่คอยปลุกทุกเช้า ขยันส่งยิ้มให้ทุกวัน เเล้วทำไมกูต้องหวั่นไหวด้วยวะเห้ย!!
สนใจจิ้มชื่อเรื่องเลยค้าบ^^
สองช่องทางทวงเช่นเคย
เฟซบุ๊คร้างๆ
https://www.facebook.com/Kiitos45133
กับทวิตเตอรที่ร้างเช่นกัน
https://twitter.com/NuttchaamoN
ความคิดเห็น