ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [{Fic iKon} BOBBY x YOU (ft.iKON)] MY LOVE MY SLAVE

    ลำดับตอนที่ #13 : ตอนที่ 11 : แรกพบ (re-write + แก้คำผิด 100%)

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.08K
      28
      13 มี.ค. 59

    My Love My Slave




    ตอนที่ 11 : แรกพบ


         "จินฮวานโอปป้า!!" เสียงหญิงสาวตะโกนดังไปทั่ว จินฮวานวิ่งไปตามเสียงอย่างไร้ทิศทาง ท่าทีตื่นตระหนกพร้อมกับเหงื่อที่ชุ่มไปทั่งตัว เขาหันมองซ้ายขวาสลับกับวิ่งไปเรื่อย


         "ช่วยด้วย โอปป้า!!"


         "ดาจอง เธออยู่ไหน?" เขาตะโกนเรียกชื่อหญิงสาว


         "เธออยู่ไหน? จองดาจอง" เขาตะโกนให้ดังขึ้น ความรู้สึกกังวลและสับสนทำให้เสียงตะโกนของเขาดุดันเล็กน้อย จินฮวานหวังว่าจะได้ยินเสียงตอบของดาจอง แต่เปล่าเลยสิ่งที่ได้กลับมาเพียงความว่างเปล่า


         "ดาจอง เธออยู่ที่ไหน?" เขาทรุดตัวลงคุกเข่า น้ำตาเอ่อล้นเป็นสายพร้อมกับเอ่ยเรียกชื่อของอีกฝ่ายไม่ขาดปาก


         "ดาจองอ่า ดาจอง เธออยู่ไหน" จินฮวานสะอื้นไห้ เพรียกหาอีกคนด้วยเสียงแห้งผาดอย่างสิ้นหวัง


         "จินฮวานโอปป้า ช่วยด้วย" ในที่สุดเสียงที่เขาปราถนาจะได้ยินดังขึ้น เขามองหาที่มาของเสียงนั้น


    ภาพที่เห็นตรงหน้าช่างทิ่มแทงหัวใจของเขาให้เจ็บปวด หญิงสาวที่มีเพียงชุดคลุมสีขาวนั่งอยู่ห่างจากเขาไปไม่ไกล ผมเผ้ายุ่งเหยิง รอยแดงตามลำตัวปรากฏขึ้นในบริเวณนอกร่มผ้า ใบหน้าที่เต็มไปด้วยน้ำตาของดาจองทำให้หัวใจของจินฮวานยิ่งเจ็บปวด


         "ดาจองอ่า" จินฮวานร้องเรียกก่อนจะค่อยๆตะเกียกตะกายไปหาอีกฝ่าย


         "ไปไหนมา โอปป้าเป็นห่วงมาก..."


         "อย่าเข้ามานะ" ดาจองตะโกนห้ามเสียงดังพร้อมส่งสายตาเป็นเชิงอ้อนวอน ก่อนร่างเล็กจะค่อยๆขยับถอยหลังหนี เนื้อตัวสั่นเทาตามแรงสะอื้นไห้ จินฮวานหยุดชะงัก


         "ทำไมล่ะ นี่จินฮวานโอปป้าเองนะ ดาจองไม่ต้องกลัว ไม่มีใครทำอะไรเธอได้ถ้าโอปป้ายังอยู่ตรงนี้"


         "มัน..อืึก..สาย....ไปแล้ว" เสียงสะอื้นไห้ของดาจองพร้อมกับแววตาตัดพ้อนั่นทำให้จินฮวานยิ่งเจ็บปวด


         "ไหน...โอปป้าบอกว่า...จะปกป้องฉันไง" เสียงของดาจองขาดเป็นห้วงๆด้วยเพราะเธอกำลังร้องไห้อย่างหนัก


         "โอปป้าจะปกป้องเธอ โอปป้ารักเธอนะ" เขาตะโกนออกไปสุดเสียง ก่อนที่ร่างสูงของใครบางคนจะปรากฏขึ้นข้างดาจอง รอยยิ้มมุมปากนั่นทำให้จินฮวานหัวเสียไม่น้อย มือของคิมจีวอนค่อยๆประคองกอดร่างของดาจองให้ลุกขึ้นยืนก่อนจะพากันเดินหันหลังจากไปในความมืด


    แม้จะอยากวิ่งตามไปแต่ขาของจินฮวานกลับไม่ขยับไปไหน เขาได้แต่ตะโกนเรียนชื่อของหญิงสาว


         "จองดาจอง จองดาจอง!!" ในที่สุดจินฮวานก็ตื่นจากผวังค์ เหงื่อที่ผุดขึ้นเต็มหน้าผาก ตัวที่สั่นเทาพร้อมกับลมหายใจหอบเหนื่อย ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าความฝันนั้นเป็นฝันร้ายสำหรับคิมจินฮวานมากขนาดไหน


    หลังจากเหตุการณ์เมื่อคืนเขายิ่งมั่นใจในความรู้สึกของตัวเองที่มีต่อดาจอง ผู้หญิงที่คอยปกป้องคนอื่นทั้งคนที่ตัวเองรักและคนที่อ่อนแอกว่า ตอนนี้มันทำให้เขาอยากปกป้องเธอจากผู้ชายคนนั้นบ้าง ผู้ชายคนที่ชื่อคิมจีวอน

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    7ปีก่อน


    อากาศที่หนาวเหน็บกลางเดือนธันวาคม ผู้คนมามากเดินขวักไขว่บนท้องถนน คิมจินฮวานมุ่งหน้าไปยังร้านกาแฟร้านดัง เขานัดกับน้องสาวคนเดียวเอาไว้ 'คิมจีฮเย'


    ถึงแม้ว่าหิมะแรกจะยังไม่ตกแต่อากาศกลับหนาวเหน็บจนจินฮวานต้องเอามือกอดอกไปตลอดทาง แต่ก่อนที่จะถึงร้านกาแฟร้านนั้นสายตาคู่เล็กเหลือบมองไปยังซอกตึกแคบๆระหว่างทาง เขาหยุดดูเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


    กลุ่มเด็กนักเรียนหญิงสามคนที่ดูแล้วน่าจะอยู่ชั้นม.ปลายเพราะชุดนักเรียนนั้นเหมือนกับของน้องสาวของเขาไม่มีผิด พวกเธอสามคนดูก้าวร้าวและกำลังรุมล้อมเด็กผู้หญิงรูปร่างตุ้ยนุ้ยคนหนึ่งสังเกตได้จากเสื้อผ้าแล้วคงอยู่คนละระดับชั้นกันแน่ เด็กน้อยร่างตุ้ยนุ้ยก้มหน้างุด เด็กผู้หญิงที่สูงกว่าทั้งสามคนผลัดกันตบหัวเด็กผู้หญิงที่ตัวเล็กกว่า จินฮวานพยายามทำความเข้าใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น


         "อินี่ จะให้ไม่ให้ เดี๋ยวปิดเทอมแกก็ไม่ได้เจอพวกฉันแล้ว งั้นวันนี้ก็จ่ายมาหนักๆเลยละกัน" เด็กผู้หญิงที่ดูเป็นหัวหน้ากลุ่มพูดขึ้นก่อนจะใช้มือตบหน้าเด็กน้อยเหมือนหยอกล้อ แต่สีหน้าท่าทางและแรงตบนั้นไม่ได้ดูหยอกล้อเลยแม้แต่น้อย


         "หนูไม่มีค่ะ วันนี้หนูเอาเงินมาแค่ 5000วอน หนูมีแค่นี้จริงๆ" เด็กน้อยยื่นเงินที่เธอบอกว่านั่นคือทั้งหมดที่เธอมีให้กับคนที่อายุมากกว่า


         "คิดว่าพวกฉันโง่เหมือนเธอรึไงห๊ะ!! ยัยอ้วน" เด็กผู้หญิงอีกคนตะโกนเสียงดัง ดูก็รู้ว่าเธอคงไม่พอใจกับจำนวนเงินน้อยนิดนั่น


         "จะเอามาให้ดีๆหรืออยากเจ็บตัว" มือที่ง้างสูงพร้อมจะตบลงบนแก้มเนียนใสของอีกฝ่าย แต่ก่อนที่มือนั่นจะล้วงเกินผู้อื่นไปมากกว่านี้ ใครคนหนึ่งก็หยุดการกระทำที่ไม่สมควรของเด็กทั้งสาม


    เจ้าของมือที่ถูกขืนหันมามองอย่างโมโห เด็กหญิงจากโรงเรียนเดียวกันและระดับชั้นเดียวกันปรากฏขึ้น เธอรั้งไม่ให้อีกฝ่ายทำร้ายคนอื่นไปมากกว่านี้


         "เรียกคนอื่นว่าอ้วนไม่ได้ทำให้พวกเธอดูผอมลงหรอกนะ และการเรียกคนอื่นว่าโง่ก็ไม่ได้ทำให้พวกเธอฉลาดขึ้นด้วยเหมือนกัน"


         "นี่เธอยุ่งอะไรด้วย" เสียงของหัวหน้ากลุ่มถามขึ้น


    แต่คนมาใหม่ไม่ได้หวาดกลัวแต่อย่างใด เธอจ้องอีกฝ่ายกลับอย่างไม่ลดละเช่นกัน


         "ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงฝ่ายปกครองก็อย่าทำแบบนี้" ประโยคสั้นๆแต่ทำให้เด็กผู้หญิงทั้งสามคนชะงักไปเล็กน้อย


         "คิดว่ากลัวเหรอ"


         "ไม่กลัวก็ได้แต่ภาพพวกนี้ถึงอาจารย์ฝ่ายปกครองแน่" พูดพร้อมกับชูโทรศัพท์มือถือขึ้น


         "ฝากไว้ก่อนเถอะ!!" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงเด็กหญิงทั้งสามจึงยอมรามือ แต่ก็ไม่วายมองอีกฝ่ายอย่างอาฆาตก่อนจะกระแทกไหล่บางของเธออย่างแรง เล่นเอาเด็กสาวที่มาใหม่ถึงกับเซไปเล็กน้อยแต่ก็ยังคงทรงตัวได้


         "ไม่เป็นไรใช่มั๊ย?" เด็กหญิงเดินเข้าไปหาคนอายุน้อยกว่า ก่อนจะช่วยจัดผมเผ้าที่ยุ่งเหยิงของอีกฝ่าย เด็กหญิงตุ้ยนุ้ยตัวสั่นเทาไม่รู้เพราะความหนาวหรือความกลัว เห็นดังนั้นคนอายุมากกว่าจึงถอดเสื้อคลุมตัวนอกคลุมให้อีกฝ่าย


         "ขอบคุณนะคะออนนี่ ว่าแต่รูปพวกนั้นจะให้อาจารย์ฝ่ายปกครองดูจริงๆเหรอคะ" พูดพร้อมกับชี้ไปที่โทรศัพท์ของอีกฝ่าย


         "รูป? อ่อ" ก้มมองที่โทรศัพท์ของตัวเองก่อนจะยิ้มเขินๆ


         "ไม่ได้ถ่ายไว้หรอก ก็แค่พูดขู่ไปงั้นแหละ" เห็นคนเดือดร้อนก็ต้องรีบช่วยให้เร็วที่สุด ไม่มีเวลามาคิดถึงเรื่องถ่ายรูปเก็บไว้เป็นหลักฐานหรอก เด็กหญิงร่างตุ้ยนุ้ยถึงกับหน้าเหว่อ


         "แต่คิดว่าพวกนั้นคงไม่กล้าหรอก แล้วอีกอย่างนี่ก็ปิดเทอมแล้ว อย่างน้อยเธอก็ไม่ต้องเจอคนพวกนั้นไปอีกนานนะ" เธอส่งยิ้มให้คนที่อายุน้อยกว่าอย่างเอ็นดู


    คนอายุน้อยกว่ายิ้มตอบ ถึงแม้ว่าจะหน้ากลมไปสักนิด ตาตี่ไปเสียหน่อย แต่รอยยิ้มบริสุทธิ์ไร้เดียงสานั่นทำให้เธอดูน่ามองขึ้นมากทีเดียว เด็กสาวเหลือบมองป้ายชื่อของพี่สาวตรงหน้า



    'จองดาจอง'



    เธอตั้งใจจดจำชื่อนี้เอาไว้ เผื่อว่าวันข้างหน้าจะมีโอกาสตอบแทนความมีน้ำใจของพี่สาวคนนี้ เด็กสาวโค้งคำนับก่อนจะเดินจากไป ดาจองมองตามอีกฝ่ายก่อนจะกระชับกระเป๋าสะพายหลังของเธอแล้วเดินตามออกมา


    คิมจินฮวานมองตามเด็กสาวคนนั้น เขาอมยิ้มกับความมีน้ำใจและไหวพริบของเธอ ในเวลานั้นเขาที่เห็นเหตุการณ์และเป็นผู้ชายควรจะเข้าไปช่วยเหลือเด็กผู้หญิงคนนั้น แต่เขากลับช้ากว่าเด็กผู้หญิงอีกคนและท้ายที่สุดก็ลงเอยด้วยการมองดูอีกฝ่ายจัดการเหตุการณ์นั้นด้วยตัวของเธอเอง ในตอนแรกเขาคิดว่าเด็กสาวทั้งสามจะไม่ยอมและไม่พ้นมีเรื่องกันเป็นแน่ และเขาไม่ลังเลยที่จะเข้าไปช่วยเหลือ แต่กลายเป็นว่าไหวพริบของเด็กสาวนั้นทำให้อีกฝ่ายยอมสงบและจากไปแต่โดยดี


    เด็กหญิงคนนั้นมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดียวกับเขา เธอเดินก้าวยาวเพื่อจะได้ไปถึงที่หมายได้เร็วขึ้นเนื่องจากเธอสละเสื้อคลุมตัวนอกให้คนอื่นไปแล้ว มือทั้งสองข้างยังคงจับสายกระเป๋าสะพายหลังแน่นพร้อมกับกระชับมันไว้ตลอดเวลาเดินราวกับคอยระวังไม่ให้มันถูกกระชากออกไปจากตัว ผมที่รวมเป็นหางม้าไว้ด้านหลังแกว่งไกวไปตามจังหวะการเดินทำให้ชวนมองไม่น้อย ในที่สุดเธอก็หยุดเดินก่อนจะยืนมือออกมาเพื่อสัมผัสบางอย่าง จินฮวานมองตามอย่างสงสัย


    ในที่สุดจินฮวานก็ได้คำตอบ หิมะแรกของปีโปรยปรายลงมาอย่างไม่มีใครคาดคิด มือบางของเด็กสาวสัมผัสกับละอองหิมะขาวบริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าจะมองเห็นอีกฝ่ายเพียงแค่ด้านข้างแต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าเนียนใสทำให้จินฮวานเกือบลืมหายใจ เขาหัวใจเต้นแรงอย่างไม่เป็นจังหวะ เมื่อรู้ตัวอีกทีเขาก็ยิ้มตามหญิงสาวตรงหน้าอย่างไม่มีเหตุผล


    เมื่อสัมผัสกับหิมะแรกจนพอใจ เด็กสาวจึงเดินต่อไปโดยไม่รู้เลยว่าเธอนั้นได้หยิบฉวยเอาหัวใจของผู้ชายคนหนึ่งไปด้วย คิมจินฮวานยังคงยืนนิ่งอยู่ตรงนั้น เขาลังเลว่าจะเดินตามเธอไปดีหรือไม่ กลัวว่าถ้าเธอรู้ตัวจะคิดว่าเขาเป็นพวกสต็อกเกอร์หรือพวกโรคจิต แล้วอีกอย่างมันคงดูไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะอีกฝ่ายยังเป็นแค่เด็กมัธยมปลาย ส่วนเขานั่นอยู่มหาวิทยาลัยปี2แล้ว ท้ายที่สุดเขาก็ทำได้แค่ปล่อยให้เด็กสาวคนนั้นหายไปกับฝูงชน


    'ถ้ามีโอกาสได้เจอกันอีก จะต้องรู้จักเด็กคนนั้นให้ได้'


    คิมจินฮวานตั้งใจไว้แบบนั้น


    ไม่มีใครรู้ว่าคิมจินฮวานต้องรอนานเท่าไหร่


    ตลอดชีวิต


    10ปี


    1ปี


    3เดือน


    1เดือน


    1สัปดาห์


    1วัน


    หรือเพียงแค่อึดใจเดียว
.
.
.
.
.

    .

    .

    .

    .

    .

    ร่างสูงของคิมจีวอนเดินก้าวย่างเข้ามาในบริษัท FT food ที่ซึ่งเขาเข้ามาเป็นรองประธานโดยตั้งใจ


    ก่อนหน้านี้เขาให้ยุนฮยองสืบเนื่องของคิมจินฮวานแล้วก็ได้ความว่าบริษัทนี้กำลังขยายธุรกิจไปในอเมริกา จินฮวานได้ติดต่อเจรจากับมาร์ค ต้วน เจ้าของธุรกิจอาหารแปรรูปรายใหญ่ในอเมริกาและยังเป็นเพื่อนเขาสมัยเรียนอยู่ที่นั่นอีกด้วย สำหรับเขาทุกอย่างดูง่ายดายไปหมดทั้งเรื่องของดาจองและจินฮวาน แค่เขายกหูโทรศัพท์ไปหามาร์ค ต้วนและบอกเขาว่าอยากจะช่วยดูแลบริษัทที่นี่ให้แต่ต้องให้มาร์ค ต้วนขอตำแหน่งรองประธานมาเป็นของตัวเอง เหตุผลไม่มีอะไรมากเพราะผู้หญิงคนหนึ่งเป็นเลขาของรองประธานอยู่เท่านั้นเอง


    จีวอนในชุดสูทสีดำเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงานที่บัดนี้ถูกจัดให้เป็นระเบียบเรียบร้อย เมื่อคืนสภาพห้องทำงานของเขาไม่ต่างอะไรกับเกิดสงครามกลางเมือง เศษซากเสื้อผ้าของดาจองที่เขากระชากจนขาดวิ่น รองเท้าส้นสูงที่ถูกถอดทิ้งไว้ แฟ้มเอกสารที่กระจุยกระจายเต็มพื้นห้อง ทั้งหมดเป็นฝีมือของซงยุนฮยองเลขาคนสนิทที่ให้คนมาจัดการให้ห้องทำงานเข้าที่เข้าทางเหมือนเดิมก่อนที่คนทั้งบริษัทจะมาทำงานในตอนเช้า แต่น่าเสียดายที่มีแขกไม่ได้รับเชิญนั่งอยู่ในห้องทำงานนั้นด้วย



    'คิมจินฮวาน'


    เขายกยิ้มอย่างอารมณ์ดี ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคิมจินฮวานมาอยู่ตรงนี้ทำไม คงมีแค่เรื่องเดียวเท่านั้นที่พาจินฮวานมาอยู่ตรงนี้ได้ เรื่องของ 'จองดาจอง'


         "มาหาผมถึงที่ห้องแต่เช้ามีอะไรรึเปล่าครับคุณคิมจินฮวาน?" เขาถามขึ้นหลังจากที่นั่งลงบนเก้าอี้ของตัวเอง



    สายตาของเขาไม่ได้มองไปยังเจ้าของชื่อเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามเขากลับทำเหมือนว่าไม่ได้ใส่ใจอีกฝ่ายด้วยการเปิดแฟ้มเอกสารที่วางอยู่บนโต๊ะ ท่าทีเฉยเมยไม่สนใจทำให้คิมจินฮวานโมโหไม่น้อย แต่เขาจำเป็นต้องปรับอารมณ์ให้เย็นที่สุด ใจจริงเขาอยากจะลุกขึ้นไปชกหน้าอีกฝ่ายด้วยซ้ำ



         "ดาจองอยู่ที่ไหน?" คิมจินฮวานถามโดยไม่อ้อมค้อม



    คิมจีวอนยกยิ้ม เขาชอบในความตรงไปตรงมาของอีกฝ่าย ทั้งจริงใจทั้งตรงไปตรงมา แต่น่าเสียดายที่ผู้ชายคนนี้มอบหัวใจให้กับผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงที่เป็น'ของเล่น'ของเขา จีวอนเองไม่เข้าใจว่าทำไมจินฮวานจะต้องรักผู้หญิงคนนั้นด้วย เธอมีอะไรดีนักเหรอทำไมถึงกุมหัวใจของผู้ชายที่เป็นชายในฝันของหญิงสาวทั่วทั้งกรุงโซลได้ ยิ่งคิดคิมจีวอนก็ยิ่งไม่เข้าใจ แต่ถ้าจะปล่อยให้คิมจินฮวานสมหวังในความรักที่เขาปราถนาหน่ะเหรอ บอกได้คำเดียวว่าคิมจีวอนไม่มีทางยอมแน่ ถ้าจินฮวานต้องการจะครอบครองดาจองจริงๆหล่ะก็คงต้องรอให้เขาเล่นจนพอใจ รอให้เขาเล่นจนเบื่อ และหลังจากที่เขาโยนของเล่นชิ้นนั้นทิ้งแล้ว คิมจินฮวานจึงสามารถครอบครองของเล่นชิ้นนั้นของเขาได้ หรือถ้าไม่อย่างนั้นคิมจินฮวานคงจะต้องรอถึงชาติหน้า


         "ผมไม่ทราบ" จีวอนโกหกคำโต ก่อนจะปรายตามองอีกฝ่าย


         "อย่ามาโกหก ผมรู้ว่าคุณพาดาจองไป.." ในเมื่อเขาเห็นกับตาว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น คิมจีวอนกลับยังกล้าปฏิเสธ


         "ผมไม่ทราบว่าคุณพูดเรื่องอะไร แต่ถ้าไม่มีธุระอะไรสำคัญกรุณาออกไปด้วยครับ ผมจะทำงาน" พูดก่อนจะก้มหน้าก้มตาอ่านเอกสารในแฟ้ม


    คิมจินฮวานยืนกำหมัดแน่นสายตาอาฆาตปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่เคยอ่อนโยน เขารู้สึกโกรธจนอยากจะเข้าไปชกหน้าอีกคนเสียเหลือเกิน แต่ก็ต้องอดกลั้นไว้ ไม่ใช่เพราะคิมจีวอนมีตำแหน่งใหญ่กว่า แต่เพราะว่าเขายังไม่รู้ว่าจองดาจองอยู่ที่ไหน ปลอดภัยหรือเปล่า ถ้าดาจองอยู่ใน 'สายตาของเขา' ตอนนี้ เขาไม่ลังเลเลยที่จะปล่อยหมัดหนักเข้าใส่อีกฝ่าย เขาเดินออกโดยไม่กล่าวลา



    ถึงภายนอกคิมจินฮวานจะสงบนิ่ง แต่จีวอนมั่นใจว่าในใจของจินฮวานตอนนี้ร้อนรนยิ่งกว่าอะไรดี ไม่รู้เพราะอะไรแต่นั่นมันทำให้จีวอนรู้สึกพอใจอย่างบอกไม่ถูก และหลังจากคิมจินฮวานออกไปคิมจีวอนนึกทบทวนถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อเช้าก่อนจะยกยิ้ม


    ทรมานให้เจ็บกาย หรือจะสู้ขยี้หัวใจของอีกฝ่ายให้แหลกคามือ


    ถ้าไม่ได้คำแนะนำจากยุนฮยองเขาคงนึกอะไรดีๆแบบนี้ไม่ออกแน่


         ทำดีก็เธอหน่อยสิ อย่างน้อยเธอก็เป็นคนนะ มีชีวิต มีจิตใจเหมือนกับนาย"


    ใช่แล้ว จองดาจองก็เป็นมนุษย์คนหนึ่ง มีชีวิต มีหัวใจและแน่นอนเธอเจ็บเป็น มันทำให้เขาคิดได้ว่าการที่เขาทรมานร่างกายของอีกฝ่ายอาจจะไม่ใช่ทางเดียวที่จะทำให้เธอเจ็บปวดมากพอ ในตอนแรกมันก็สนุกดีอยู่หรอกที่เห็นอีกฝ่ายเจ็บเจียนตาย เจ็บจนมีเลือดไหลออกมา แต่ว่าการขโมยหัวใจของเธอมาและทำให้หัวใจดวงน้อยๆของเธอแหลกคามือดูน่าสนุกกว่าเป็นไหนๆ ถึงแม้อาจจะเป็นเรื่องที่ทำได้ยากในช่วงแรกแต่เขารับรองว่าถ้าเมื่อไหร่ที่ลูกแกะน้อยตกหลุมพลางของหมาป่า นอกจากจะได้ลิ้มรสหวานของเนื้อแกะแล้ว ยังได้ควักหัวใจของลูกแกะตัวน้อยมาขย้ำเล่นอีกด้วย



    ดูน่าสนุกอะไรเช่นนี้




    ครืด ครืด ครืด


         ว่าไง" ไม่มีคำทักทายใดเช่นเคย เขาเพียงแต่ถามจุดประสงค์ของผู้ที่โทรเข้ามาเท่านั้น


         [วันนี้นายจะเข้าบริษัทมั๊ย มีเอกสารต้องเซ็นต์นะ] ไม่ใช่ใครอื่น ซงยุนฮยองเลขาและเพื่อนสนิทของจีวอนนั่นเอง เขาทำหน้าที่ของตัวเองได้ดีเสมอจริงๆ


         ฉันอยู่ที่ FT food นายเอาเข้ามาให้เซ็นต์ที่นี่ละกัน" เขาไม่อยากขับรถเทียวไปเทียวมา แล้วอีกอย่างเขาไม่อยากทำให้บอร์ดบริหารและผู้ถือหุ้นของบริษัทนี้ตำหนิเขาได้ว่าแค่วันที่สองที่มาทำงานก็โดดงานไปทำอย่างอื่นเสียแล้ว เขาไม่ชอบการถูกวิพากษ์วิจารณ์ ไม่ชอบการดูถูกเหยียดหยาม ใครที่วิพากษ์วิจารณ์หรือดูถูกเหยียดหยามเขา คิมจีวอนไม่ลังเลที่จะมอบบทเรียนให้คนผู้นั้นโดยเฉพาะอย่างยิ่ง 'จองดาจอง'


         เดี๋ยวยุนฮยอง นายช่วยซื้อโทศัพท์เรื่องใหม่ให้หน่อย"


         [แล้วเครื่องที่ซื้อไปคราวก่อนหล่ะ นี่นายทำโทรศัพท์พังอีกแล้วเหรอ ใจเย็นหน่อยสิเพื่อน] ที่พูดเพราะเป็นห่วงในความใจร้อนเจ้าอารมณ์ของเพื่อนตัวเอง สิ่งของที่มันพังไปมันอาจจะพอซื้อใหม่เพื่อมาแทนได้ แต่บางอย่างถ้ามันแตกสลายไปแล้ว เงินทองมากมายแค่ไหนก็ซื้อมันกลับมาเป็นเหมือนเดิมไม่ได้


         ทำตามที่สั่งเถอะ อย่าพูดมาก" ประโยคสุดท้ายก่อนที่เขาจะวางสายไป


    ไม่แปลกใจเลยความทำไมพ่อของจีวอนถึงต้องการให้ยุนฮยองอยู่ข้างๆลูกชายของตัวเอง ถ้าคิมจีวอนเปรียบเสมอไฟ ซงยุนฮยองก็เปรียบเสมอน้ำคอยดับไฟ ถึงแม้ว่าบางครั้งเขาออาจจะดับไฟร้อนในใจของจีวอนไม่ได้ทั้งหมด แต่อย่างน้อยมันก็บรรเทาไม่ให้ไฟใจในของจีวอนโหมกระหน่ำกว่าเดิม การให้ยุนฮยองคอยอยู่ข้างกายของจีวอน เป็นเลขาของจีวอน อย่างน้อยก็มีคนคอยห้ามปรามเขาบ้าง มีคนคอยให้คำปรึกษา มีคนที่ไว้วางใจได้คอยช่วยเหลือเขา

    .

    .

    .

    .

    .


    ดาจองใช้เวลาช่วงสายอยู่ในห้องนอนสุดหรูของคิมจีวอน เธอได้แต่นั่งเหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงแม้ว่าอยากจะกลับบ้านแค่ไหนแต่ก็ต้องทำตามคำสั่งของอีกฝ่าย


         ห้ามไปไหนจนกว่าฉันจะกลับมา"


    ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดาจองไม่ได้เต็มมใจนัก เธอพร้อมจะวิ่งออกไปทันทีหลังจากคิมจีวอนออกจากบ้านไป แต่ถ้าเธอหนีกลับไปไม่ใช่แค่เธอคนเดียวที่จะเดือนร้อน แม่บ้านทั้งสองคนที่คอยเฝ้าเธอเอาไว้ก็จะต้องเดือนร้อนเช่นกัน เมื่อเห็นแววตาเชิงอ้อนวอนให้เธออยู่รอจนกว่านายของตัวเองจะกลับมาหลังจากที่ดาจองพยายามจะกลับบ้านอยู่หลายครั้งเธอก็ต้องใจอ่อน ดาจองไม่อยากทำให้ใครเดือดร้อนเพราะเธอ ทั้งแม่บ้านทั้งสองคน และคนอื่นๆรอบตัวเธอด้วย



    แม่บ้านทั้งสองคนตามติดดาจองเหมือนเป็นเงาตามตัว ไม่ว่าเธอจะทำอะไรพวกหล่อนจะคอยเดินตามไปอยู่ใกล้ๆไม่ให้คลาดสายตา มันทำให้ดาจองอึดอัดไม่น้อยทั้งๆที่ห้องนอนของจีวอนนั้นกว้างขวางยิ่งกว่าห้องรับแขกของบ้านเธอเสียอีก ในที่สุดดาจองก็หมดความอดทน เธอเปิดประตูห้องนอนก่อนจะเดินออกไปข้างนอก


         คุณจะไปไหนคะ" หนึ่งในแม่บ้านสองคนรีบเดินตามมาขวางหน้าดาจองทันที


         ฉันจะออกไปเดินเล่นข้างนอกหน่อย ปล่อยให้ฉันไปเถอะนะ" ในเมื่อเธอยอมอยู่ต่อเพื่อไม่ให้แม่บ้านทั้งสองคนเดือนร้อน ดาจองหวังว่าเธอจะได้รับความเห็นใจบ้างเช่นกัน การอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมตลอดเวลาหลายชั่วโมงมันทำให้อัดอึดอยู่ไม่ใช่น้อย ยิ่งมีสายตาอีกสองคู่คอยจับจ้องเธออยู่ด้วยแล้ว ดาจองยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่


         แต่ขาคุณยังไม่หายดี เดินมากไม่ได้นะคะ คุณจีวอนสั่งไว้" เธอบอกไปตามที่ได้รับคำสั่งมา ถึงแม้จะไม่รู้รายละเอียดอะไรแต่ถ้าเป็นคำสั่งของเจ้านายเธอก็ต้องปฏิบัติตามอย่างไม่มีข้อยกเว้น


         ไม่เป็นไรหรอก ฉันเดินไหวแล้ว มันไม่ได้บวมมากเท่าไหร่แล้วหน่ะ" เธอตอบกลับไปอย่างสุภาพ อันที่จริงดาจองรู้สึกว่ามันยังปวดบวมอยู่นิดหน่อย แต่เธอรู้สึกอึดอัดมากกว่า ถ้าได้ออกมาเดินข้างนอกเสียหน่อยคงจะดีไม่ใช่น้อย


         แต่ว่า..”


    สายตาอ้อนวอนถูกส่งไปหาแม่บ้านคนนั้นอีกครั้ง


         นะ ขอร้องหล่ะ" ดาจองอ้อนวอน และในที่สุดแม่บ้านก็ใจอ่อนยอมปล่อยให้เธอได้ออกจากห้องนอนของเจ้านาย


    ดาจองเดินไปช้าๆเพราะขายังเจ็บอยู่และแน่นอนว่าแม่บ้านทั้งสองคนนั้นยังคงคอยตามเธอเป็นเงาตามตัวไม่ห่างเช่นเคย ถึงแม้จะยังคงมีสายตาจับจ้องมาแต่มันไม่ได้รู้สึกอึดอัดมากเหมือนกับตอนที่อยู่ในห้องนอนแล้ว พลันร่างเล็กลงมาหยุดอยู่ที่บริเวณโถงหน้าบ้านชั้นหนึ่ง ประตูบ้านอยู่ไม่ไกลออกไปใจหนึ่งก็อยากจะหนีไปเสียให้ได้ แต่ใจหนึ่งก็กลัวจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน ดาจองได้แต่เหม่อลอยมองประตูบานใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า


    แต่ก่อนที่จะได้คิดอะไรไปมากกว่านี้เสียงของผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้นทำให้ดาจองได้สติ


         คุณหนูซารังอย่าวิ่งคะ" สิ้นเสียงนั้น เสียงร้องของเด็กก็ดังขึ้น ดาจองมองตามเสียงจึงได้พบกับเด็กหญิงตัวน้อยที่ล้มหน้าคว่ำและร้องไห้งอแงเพราะความเจ็บอยู่ไม่ไกล


    ดาจองไม่รอช้าเดินเข้าไปดูอาการของเด็กคนนั้นก่อนที่พี่เลี้ยงเด็กคนเมื่อครู่จะเดินเข้ามา เธอนั่งลงข้างๆเด็กน้อยคนนั้นก่อนจะสำรวจดูว่าเธอได้รับบาดเจ็บตรงไหน พี่เลี้ยงเด็กคนนั้นดูตกใจไม่น้อยที่เห็นดาจองเข้ามาดูอาการคุณหนูของเธอก่อนจะโค้งคำนับดาจองและนั่งลงข้างๆ เด็กน้อยยังร้องไห้สะอึกสะอื้นไม่หยุด


         คุณหนูไม่เอาไม่ร้องนะคะ" พี่เลี้ยงพูดพร้อมกับพยายามดึงคุณหนูของเธอให้ลุกขึ้น


         ฮื้อออออ...” เด็กน้อยคนนั้นยังร้องไม่หยุด แม้ว่าพี่เลี้ยงจะปลอบจะพูดอย่างไรเธอยังคงไม่หยุดร้อง


         เด็กดี บอกออนนี่ทีสิคะว่าเจ็บตรงไหน" ดาจองเอ่ยถาม



    เด็กน้อยค่อยๆเงยหน้าที่เต็มไปด้วยคราบน้ำตาขึ้นมามองเธออย่างสงสัย ดาจองยิ้มอ่อนโยนไปให้เด็กน้อยคนนั้น แน่นอนว่าเป็นใครก็ต้องสงสัยว่าผู้หญิงแปลกหน้าคนนี้เป็นใคร ก่อนที่จะค่อยๆใช้นิ้วชี้เล็กๆของตัวเองชี้ไปที่บริเวณหัวเข่าแต่ยังคงร้องไห้สะอึกสะอื้นเช่นเดิม


         ตรงนี้เหรอคะ มานี่มา ออนนี่เป่าให้นะจะได้หายเจ็บ" ไม่พูดเปล่าเธอก้มหน้าลงเป่าบริเวณหัวเข่าของเด็กน้อยทันที ก่อนจะส่งยิ้มไปให้เด็กคนนั้น ในที่สุดเธอก็หยุดร้องไห้ พี่เลี้ยงคนนั้นถอนหายใจเฮือกใหญ่เพราะถ้าคุณหนูของเธอร้องไห้จนตาบวมหรือไม่สบายเธอคงโดนทำโทษเป็นแน่ ดีไม่ดีอาจถึงขั้นถูกไล่ออกด้วยซ้ำ


         เป็นไง หายเจ็บแล้วใช่ไหมจ๊ะคนเก่ง มานี่มา ไม่งอแงนะคะ" ดาจองคว้าตัวของเด็กคนนั้นมากอดแน่ ก่อนจะลูบหลังเป็นเชิงปลอบโยน เด็กน้อยผละออกจากอ้อมกอดของดาจองและพิจารณาอีกฝ่าย ดาจองยิ้มให้อย่างเป็นมิตรและใช้มือของเธอเช็ดน้ำตาที่เปรอะแก้มยุ้ยของเด็กน้อย ยิ้มกว้างปรากฏบนใบหน้าก่อนที่แขนสั้นป้อมของเด็กหญิงอายุ 4 ขวบจะโอบรัดดาจองเอาไว้ ดาจองยิ้มอย่างอ่อนโยนก่อนจะใช้มือลูบผมบางๆของอีกฝ่าย


         คุณหนูคะ ปล่อยคุณเขาเถอะคะ" พี่เลี้ยงพยายามดึงคุณหนูออกจากอ้อมกอดของดาจอง


         ไม่เป็นไรหรอกค่ะ" ดาจองยิ้มให้กับพี่เลี้ยงเป็นเชิงบอกว่าเธอไม่เป็นไร


    ดาจองค่อยๆจับเอวเล็กของอีกฝ่ายให้ยืนขึ้นก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดของเธอ ใบหน้าเล็กๆนั้นน่ารักอย่างบอกไม่ถูก ตาคู่โต คิ้วบาง ผมม้าเต่อ ทำไมถึงมีเด็กน่ารักแบบนี้มาวิ่งเล่นในบ้านหลังใหญ่นี่นะ เธอเป็นลูกของใครกัน


         ไหนบอกออนนี่สิคะว่าหนูชื่ออะไร"เธอถามด้วยน้ำเสียงร่าเริงและแฝงไปด้วยความใจดี


         ซารัง" เด็กน้อยตอบ เธอยิ้มกว้างจนเห็นฝันซี่เล็กที่กำลังขึ้น


         สวัสดีจ่ะซารัง ออนนี่ชื่อดาจองนะ ยินดีที่ได้พบหนูนะจ๊ะ" เธอยื่นมือออกไปเพื่อทักทายอีกฝ่าย มือเล็กๆของซารังยื่นออกมาจับมือเธอเช่นกัน รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของทั้งคู่ ดาจองถูกชะตากับเด็นคนนี้ไม่น้อย ว่าแต่ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใครกันนะ


         เด็กคนนี้เป็นลูกของใครเหรอ?" ดาจองหันไปถามพี่เลี้ยงของเด็กน้อย พี่เลี้ยงคนนั้นหน้าถอดสีทันทีที่ได้ยินคำถาม เรื่องชาติกำเนิดของเด็กคนนี้เป็นความลับ ทุกคนในบ้านไม่สามารถพูดออกมาได้เพราะเป็นคำสั่งจากผู้เป็นนาย ไม่มีใครกล้าตอบคำถามของดาจอง ทุกคนมองหน้ากันไปมาแต่ไม่มีใครตอบคำถามของดาจองเลยแม้แต่คนเดียว


         ทำไมเหรอ? บอกไม่ได้เหรอ?" เธอถามซ้ำ ดาจองมั่นใจว่ามันจะต้องมีอะไรแน่นอน


         เออ..คือว่า คือ...ถ้าบอกไปคุณจีวอนอาจจะไม่พอใจได้ค่ะ” พี่เลี้ยงสาวพูดจาตะกุกตะกัก


         บอกไม่ได้เหรอ งั้นก็ไม่เป็นไร" คำตอบที่ได้ทำให้ดาจองพอจะเดาได้ว่าเด็กคนนี้เป็นลูกของใคร ไม่ผิดแน่ เด็กน้อยน่ารักคนนี้เป็นลูกของคิมจีวอนแน่นอน หน้าตาที่ละม้ายคล้ายกัน คิวที่บางเหมือนกัน แต่ทำไมดาจองกลับรู้สึกว่าเด็กคนนี้น่ารักกว่าผู้เป็นพ่อเป็นไหนๆ


    เพราะคิมจีวอนมีลูกมีภรรยาแล้วนี่เองในวันที่เซ็นต์สัญญากันที่เธอบอกให้เขาขอเธอแต่งงานเขาถึงได้ปฏิเสธ แถมยังมองว่าเธอเป็นผู้หญิงหิวเงินอีกต่างหาก แต่เธอก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดีว่าถ้าคิมจีวอนมีภรรยาแล้ว ทำไมผู้หญิงบนเตียงที่เธอเจอทั้งสองวันจึงไม่ซ้ำหน้ากันเลย ทำไมถึงต้องให้เธอทำสัญญาอะไรแบบนั้น มันเป็นเรื่องที่ไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย แล้วภรรยาของคิมจีวอนอยู่ที่ไหน เธอจะรู้ไหมนะว่าสามีของตัวเองมีพฤติกรรมแย่ๆแบบนี้ ถ้ารู้แล้วเธอทนอยู่กับผู้ชายแบบนี้ได้อย่างไร พนันได้เลยว่าถ้าเป็นดาจองเธอพร้อมที่จะจากไปทันทีที่คิมจีวอนมีคนอื่น สำหรับดาจองการที่ผู้ชายที่เธอรักมีผู้หญิงคนอื่นเท่ากับว่าไม่ให้เกียรติเธอ และเธอก็ทนไม่ได้ที่จะอยู่กับผู้ชายคนนั้นอีกต่อไป ถึงแม้ว่าเธอจะรักเขามากแค่ไหนแต่เธอก็รักตัวเองเช่นกัน


         ดาจอง" เสียงเล็กๆดังขึ้น คงเพราะเห็นว่าอีกฝ่ายเหม่อลอยคิดอะไรอยู่ เด็กน้อยจึงร้องเรียกเพื่อให้ดาจองกลับมาสนใจเธอ


         ว่าไงคะ" เมื่อได้สติเธอจึงหันไปตอบซารังพร้อมกับส่งยิ้มอ่อนโยนไปให้เด็กคนนั้น


         "ไปเล่นกัน" ซารังจับมือดาจองและใช้แรงทั้งหมดของเธอดึงดาจองให้ลุกขึ้นก่อนจะพาเธอไปยังห้องของเธอ ทั้งพี่เลี้ยงและแม่บ้านทั้งสองรีบเดินตามมาในทันที



    ภายในห้องเต็มไปด้วยของเล่นมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตา หนังสือนิทาน บ้านของเล่นขนาดเล็กที่เด็กอายุ 4-5 ขวบจะเข้าไปเล่นในนั้นได้ สไลเดอร์พลาสติกขนาดเล็ก และของเล่นอื่นๆอีกมากมายสำหรับเด็กเล็ก ดาจองนั่งลงบนเบาะนิ่มๆที่ปูไว้เผื่อว่าเด็กน้อยตรงหน้าจะหกล้มเธอจะได้ไม่เจ็บ ซารังชี้ไปที่กล่องพลาสติกขนาดใหญ่


         เล่นอันนี้"


         จะเล่นอันนี้เหรอคะ มาเดี๋ยวออนนี่หยิบให้นะ" พูดพร้อมกับขยับเข้าไปใกล้ๆกล่องนั้นก่อนจะหยิบตัวต่อไม้ออกมาจากกล่อง เธอกับซารังค่อยๆช่วยกันต่อตัวต่อไม้นั้น ทั้งสองเล่นกันอย่างสนุกสนาน การได้เล่นกับซารังทำให้ดาจองหายเบื่อไม่น้อยแน่นอนว่ามันดีกว่าการนั่งรอให้คิมจีวอนกลับมาอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมชั้นสองนั่น

    .

    .

    .

    .

    .


    ถ้าไม่เพราะว่าจีฮเยต้องมาจ่ายค่ารักษาพยาบาลตามที่สัญญาไว้ รับรองได้ว่าเธอไม่มีทางมาเหยียบห้องพักผู้ป่วยของกูจุนฮเวแน่นอน คนอะไรไม่รู้จักให้อภัยคนอ่ืน แค่เธอขับรถเฉี่ยวกูจุนฮเวแค่นิดเดียวทำเหมือนเธอไปทำให้เขาเป็นอัมพาตท่อนล่างเสียอย่างนั้น ทุกครั้งที่เธอเข้าไปเยี่ยมกูจุนฮเวเขามักจะชักสีหน้าใส่เธอตลอด บางครั้งมองหน้าเธอแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรเอาแต่จิปากแล้วก็ส่ายหัวไปมา หน้าตาบ่งบอกว่าเขาเซ็งเธอมากขนาดไหน บางทีจีฮเยก็สงสัยนะว่ากูจุนฮเวมีปัญหากล้ามเนื้อมัดเล็กบนใบหน้าทำงานผิดปกติหรือเปล่าถึงได้ชอบทำหน้าแบบนั้น ทำหน้าแบบหน้าเรื่องคนอื่นตลอด ทำหน้าราวกับว่าโมโหคนทั้งโลกตลอดเวลา


         ฉันจ่ายค่ารักษาให้คุณเรียบร้อยแล้วนะ แล้วนี่คุณจะกลับยังไง ให้ไปส่งมั๊ย" เธอพูดกับจุนฮเวที่นั่งอยู่บนเตียงผู้ป่วย ตอนนี้เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าจากชุดผู้ป่วยของโรงพยาบาลเป็นชุดที่เขาใส่มาโรงพยาบาลในวันนั้น อันที่จริงจีฮเยเอาชุดนี้ของเขากลับไปซักให้โดยที่จุนฮเวไม่ได้ของร้องเลยแม้แต่น้อย แต่เพราะขยับลุกจากเตียงไม่ได้จึงจำใจให้อีกฝ่ายทำตามที่ตัวเองต้องการ


    กูจุนฮเวมองอีกฝ่ายด้วยหางตาก่อนจะกรอกตามองบน เขาหวังว่านี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะได้เจอผู้หญิงที่น่ารำคาญแบบนี้


         โทรให้เพื่อนมารับแล้ว เธอกลับไปเถอะ" เขาตอบอย่างสุภาพที่สุดเท่าที่คนอย่างกูจุนฮเวจะทำได้


         เอางั้นเหรอ แต่ว่า...”


    ครืด ครืด ครืด



    ก่อนที่จีฮเยจะจบประโยคของตัวเอง โทรศัพท์สมาร์ทโฟนในกระเป๋าเธอสั่นขึ้นขัดจังหวะเสียก่อน เมื่อเห็นว่าคนโทรมาเป็นใครจีฮเยไม่ลังเลยที่จะกดรับสาย


         ฮัลโหล ดงฮยอก" แววตาที่เป็นประกายและน้ำเสียงเปลี่ยนไปจากที่เธอพูดกับกูจุนฮเวอย่างเห็นได้ชัด จุนฮเวที่นั่งอยู่บนเตียงมองหญิงสาวด้วยหางตาก่อนจะยกยิ้ม


         [เสร็จธุระหรือยัง ลูกค้าของเธอมาหาหน่ะ]


         เสร็จแล้วๆ กำลังจะกลับพอดีเลย ขอบคุณนะที่โทรมาบอก" รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าอย่างเห็นได้ชัด จุนฮเวเห็นดังนั้นจึงอดหัวเราะในลำคอไม่ได้


         จะเอาอะไรมั๊ย กาแฟ? ขนม? เดี๋ยวจะแวะซื้อเข้าไปให้” เธอถามปลายสาย


         [ไม่หล่ะ ขอบคุณ รีบๆมาเถอะ]


         อื้อ" จีฮเยยิ้มก่อนที่จะวางสายไป จุนฮเวส่ายหัวเล็กน้อยกับอาการของอีกฝ่าย เขาเชื่อว่าตอนนี้ในใจของจีฮเยคงจะดีใจจนลิงโลดที่ได้รับสายจากอีกฝ่าย


    ก่อนหน้านี้ที่จีฮเยมาเยี่ยมจุนฮเวพร้อมกับดงฮยอก จุนฮเวสังเกตได้ถึงอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่คนภายนอกจะมองเห็นได้แต่คิมดงฮยอกกลับมองไม่เห็น จีฮเยเองก็อาจจะไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่าบางทีเธอก็เผลอแสดงอาการบางอย่างออกมา เขามั่นใจว่าจีฮเยไม่ได้ต้องการจะให้คนอื่นรู้ความรู้สึกของเธอ แต่เพราะลืมตัวและไม่ทันระวังมันจึงทำให้กูจุนฮเวสังเกตได้อยู่หลายครั้ง


         งั้นฉันกลับก่อนนะ" หญิงสาวพูดก่อนจะโค้งให้อีกฝ่ายเล็กน้อย


    กูจุนฮเวไม่ได้ตอบอะไร เขาเพียงแต่ยกมือขึ้นแล้วโบกโบ้ยบ้ายให้อีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจนัก จีฮเยส่ายหัวน้อยๆพรางคิดในใจว่าที่บ้านต้องไม่มีคนอบรมมารยามให้กูจุนฮเวเป็นแน่ แต่ก่อนที่จะได้ออกจากห้องเพื่อนที่กูจุนฮเวพูดถึงก่อนหน้านี้ปรากฏตัวขึ้น


    ถึงวันนั้นจะมืดแต่เธอก็จดจำใบหน้าของอีกฝ่ายได้เป็นอย่างดี เขาคือ มิโน ผู้ที่เป็นเจ้าของร้านอาหารที่เธอกับกูจุนฮเวเกือบจะมีเรื่องกันวันนั้น มิโนในเวลากลางวันช่างดูแตกต่างกับมิโนในเวลากลางคืนโดยสิ้นเชิง ในตอนกลางคืนเขาจะเซ็ตผมอย่างดีและอยู่ในชุดสูทสีเทาที่สวมทับเสื้อเชิ้ตสีขาวด้านใน กางเกงขายาวและรองเท้าหนังทำให้เขาดูภูมิฐานในฐานะเจ้าของร้านอาหารชื่อดัง แต่ในเวลากลางวันเขากลับสวมเสื้อยืดสีดำตัวใหญ่ที่ยัดเขาในกางเกงยีนส์สีดำสนิทเพียงเล็กน้อย ส่วนชายเสื้อยืดที่เหลือก็หลุดออกมาอยู่ภายนอกการเกงยีนส์ที่คาดด้วยเข็มขัดสีน้ำตาลนั่น เท่านั้นยังไม่พอเขายังสวมหวกสแนปเบ็กสีดำอีกด้วย


         อ่าวคุณ สวัสดีครับ" มิโนกล่าวทักอีกฝ่าย เขาจำได้ว่าเคยเจอเธอที่ร้านมาก่อน


         สวัสดีค่ะ" จีฮเยกล่าวทักไปตามมารยาท


         จะกลับแล้วเหรอครับ" มิโนกล่าวถามอย่างสุภาพ ไม่เข้าใจเลยจริงๆว่าสองคนนี้เป็นเพื่อนกันได้อย่างไร มารยามนี่ต่างกันสุดขั้วขนาดนี้


         ค่ะ" จีฮเยยิ้มน้อยๆก่อนจะเดินจากไป มิโนโค้งเบาๆให้อีกฝ่ายตามมารยาท ก่อนจะเดินไปหาน้องชายคนสนิทที่นั่งหันหลังไม่ใส่ใจคนมาใหม่อย่างเขา


         เป็นไงบ้างไอ้น้อง" มิโนกล่าวพร้อมกับนั่งลงบนเตียงแล้วใช้แขนคล้องคออีกฝ่าย จุนฮเวมองคนที่อายุมากกว่าด้วยหางตา เขาไม่ได้ตอบอะไร


         ว่าแต่ผู้หญิงสวยๆคนนั้นกับแกเป็นไรกันวะ" มิโนถามขึ้นอย่างสงสัย กูจุนฮเวใช้มือที่ว่างของเขายกแขนของอีกคนที่คล้องอยู่ออกจากคอของตัวเอง เขายังคงไม่ตอบคำถามของอีกฝ่าย


         ถ้าไม่จีบ ฮยองจีบนะ สวยชะมัดเลย" คนอายุมากกว่าพูดทีเล่นทีจริง กูจุนฮเวหัวเราะหึในลำคอ ก่อนจะกล่าวบางอย่างกับมิโน


         ยัยนั่นไม่ชอบฮยองหรอก ยัยนั่นหน่ะ...มีคนที่ชอบอยู่แล้ว"


    จุนฮเวยกยิ้มมุมปากอย่างถือดี ถึงจะไม่รู้จักกันแต่คนฉลาดอย่างกูจุนฮเวทำไมจะดูไม่ออกว่าจีฮเยมีคนที่ชอบอยู่แล้ว เขารู้สึกได้ก็มันออกจะชัดเจนขนาดนั้นเด็กสามขงบแถวบ้านเขายังดูออกเลย กูจุนฮเวอยากจะรู้จริงๆว่าความสัมพันธ์ของสองคนนั้นจะจบตรงไหน จะลงเอยอย่างไร บางทีการที่เขากลับมาเกาหลีครั้งนี้อาจจะทำให้เขาได้ดูอะไรสนุกๆอย่างเช่น เรียลลีตี้ชีวิตรักของใครบางคน 











    100%

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×