ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [{Fic iKon} BOBBY x YOU (ft.iKON)] MY LOVE MY SLAVE

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 13 : Last night (re-write + แก้คำผิด 100%)

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.6K
      19
      9 พ.ค. 59

    My Love My Slave



    ตอนที่ 13 : Last night


          ชานอู ชานอู ตื่นได้แล้ว จะสายแล้วนะ" ดาจองยืนเรียกน้องชายพร้อมกับเคาะประตูอยู่หน้าห้อง ช่วงนี้ชานอูกลับ      

    บ้านดึกตลอดพอถามก็บอกว่าไปทำรายงานกับเพื่อนบ้าง ติวหนังสือกับเพื่อนบ้างทำให้ดาจองอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้ 

    พักนี้ชานอูดูเหนื่อยๆ ขอบตาดำคล้ำ ถ้าแม่รู้ว่าชานอูต้องเรียนหนักขนาดนี้แม่คงเป็นห่วงไม่น้อย


    หลังจากรับประทานอาหารเช้าเรียบร้อยแล้วดาจองขึ้นมาเก็บของบนห้องเตรียมตัวไปทำงาน แต่ก่อนที่

    จะได้ก้าวออกจากห้องโทรศัพท์ของเธอดังขึ้นเสียก่อน ไม่ใช่เครื่องที่จินฮวานให้เอาไว้ แต่เป็นของผู้ชาย

    อีกคนที่เธอเจอก่อนหน้านี้ 'คิมฮันบิน'


          ฮัลโหล" ดาจองรับสาย


          [อรุณสวัสดิ์ครับดาจอง] เสียงสดใสกล่าวทักทายจากปลายสาย


          ค่ะ คุณฮันบินมีธุระอะไรรึเปล่าคะ"


          [ดาจองอ่า บอกแล้วไงให้เรียกฮันบินเฉยๆ] ดาจองลืมไปเลยว่าคิมฮันบินขอให้เธอเรียกชื่อเขา

    เฉยๆ แต่มันไม่ชินเอาเสียเลย ถึงดาจองจะเจอฮันบินหลายครั้งแล้วแต่เธอกับเขาไม่ได้สนิทกันขนาดที่ดา

    จองจะเรียกชื่ออีกฝ่ายได้อย่างสนิทใจ


          มีอะไรคะ" เธอหลีกเลี่ยงการเรียกชื่ออีกฝ่าย


          [อย่าบอกนะว่าลืมสัญญาของเราไปแล้ว] น้ำเสียงขุ่นเคืองเล็กน้อยดังลอดออกมาจากโทรศัพท์


          ไม่ได้ลืมค่ะ" เธอไม่ได้ลืมสัญญาที่จะเลี้ยงข้าวฮันบินแน่นอน ดาจองต่างหากที่คิดว่าฮันบินลืมไป

    แล้วเสียอีกว่าเธอติดเลี้ยงข้าวเขาหนึ่งมื้อ


          [ดีเลย งั้นเย็นนี้เจอกันที่โรงแรม H&J นะ 1 ทุ่มตรง ผมจองโต๊ะไว้แล้ว]


         โรงแรม H&J” ดาจองทวนคำ โรงแรมนี้อยู่ไกลจาก ออฟฟิศของ FT Food ที่เธอทำงานมาก ถ้านั่งรถประจำทางไปคงใช้เวลาเกือบชั่วโมง กว่าจะเลิกงานก็ 6 โมงเย็นแล้ว ยิ่งเจ้านายผีเข้าผีออกของเธออีก เธอไม่แน่ใจว่าจะไปทันนัดหรือเปล่า


          เลื่อนเป็นวันอื่นได้มั๊ย ฉันไม่แน่ใจว่าจะไปทัน ถ้าจะ...”


          [วันอื่นผมไม่ว่างแล้ว เอาเป็นว่าตกลงตามนี้นะ แล้วเจอกัน] พูดเสร็จก็วางสายไปโดยที่ดาจองยัง

    ไม่ทันได้คัดค้านอะไรเลย


    'ให้มันได้อย่างนี้สิ' ดาจองคิดในใจ


    หญิงสาวได้แต่ถอนหายใจเบาๆ แต่ก็ดีเหมือนกันที่นัดเจอกันวันนี้ เพราะเธอจะได้ไม่ติดค้างอะไรคิมฮันบินอีก รวมทั้งยังได้คืนโทรศัพท์ที่เขาให้ไว้ติดต่อก่อนหน้านี้ด้วย


    .

    .

    .

    .

    .

    .


    รอยยิ้มบางปรากฏบนใบหน้าสะอาดใส เครื่องสำอางเพียงเล็กน้อยช่วยทำให้ดาจองดูสวยเป็นธรรมชาติ เธอยิ้มทักทายเพื่อนร่วมงานขึ้นอื่นระหว่างเดินไปยังโต๊ะทำงาน โดยไม่ทันได้สังเกตว่าโต๊ะทำงานของเธอบัดนี้มีร่างสูงยืนกึ่งพิงกึ่งท้าโต๊ะอยู่ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคิมจีวอนเจ้านายคนใหม่ของเธอ จีวอนส่งยิ้มตาหยีมาให้เธอทันที่ที่เธอปรากฏขึ้นในสายตาของเขา


          มาทำงานเช้าดีหนิ ค่อยคุ้มค่าจ้างหน่อย" เขาพูดด้วยน้ำเสียงยียวน


          คุณมีอะไรจะสั่งให้ฉันทำหรือเปล่า" เธอกล่าวก่อนจะเดินผ่านร่างสูงไปนั่งยังเก้าอี้ของตัวเอง


          ไปกินข้าวเป็นเพื่อนหน่อย วันนี้ผมยังไม่ได้กินข้าวเช้า" ก่อนที่ร่างบางจะเดินผ่านไปคิมจีวอนฉวยโอกาสคว้าข้อมือ

    น้อยๆของเธอไว้ก่อนและพาเธอเดินไปตามทางของเขาโดยที่หญิงสาวยังไม่ทันได้ตั้งตัว


          ปล่อยนะ คิมจีวอน ที่นี่มันบริษัทนะ คุณจะมา...” ก่อนที่ดาจองจะพูดจบหน้าคมของอีกฝ่ายก็ยื่นเข้ามาใกล้จนเธอ

    ต้องเอนตัวหนี


          ทำมากกว่านี้ก็เคยมาแล้ว จำไม่ได้เหรอ" ประโยคที่ดาจองไม่อยากได้ยินทำให้หญิงสาวหยุด

    ชะงักไปเล็กน้อย มันทำให้เธอนึกถึงเรื่องคืนนั้น


    เรื่องที่เกิดขึ้นที่นี่


    เรื่องที่ไม่น่าจดจำ


          หยาบคาย" คิมจีวอนไม่ได้สนใจคำด่าทอของดาจองเช่นทุกครั้ง เขาใช้แรงที่มากกว่าฉุดกระชาก

    อีกฝ่ายไปอย่างที่เขาต้องการ ก่อนจะพาไปขึ้นรถสปอร์ตคันหรูแล้วขับออกไปอย่างไมสนใจสายตาของ

    พนักงานคนอื่น รับรองได้ว่าเรื่องนี้ต้องเป็นข่าวซุบซิบแน่ รองประธานคนใหม่กับเลขาสาวมีความ

    สัมพันธ์ที่ไม่ธรรมดา แค่คิดดาจองก็ไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหนแล้ว



    ไม่นานนักรถสปอร์ตคันหรูเดินทางมาจอดสนิทหน้าร้านอาหารเช้าสไตล์อเมริกันแห่งหนึ่ง คิมจีวอนสั่งอาหารมาหลายอย่างราวกับว่าไม่ได้ทานคนเดียว ความจริงเขาชวนให้หญิงสาวทานด้วยกันแต่เพราะจองดาจองคือจองดาจองถ้าคิมจีวอนบอกให้ไปซ้ายดาจองไม่ลังเลใจที่จะไปทางขวา และแน่นอนว่าเธอไม่มีทางทำตามคำเชื้อเชิญของเขาเด็ดขาดแม้ว่าอาหารตรงหน้าจะดูน่าอร่อยขนาดไหนก็ตาม



แต่กระเพาะอาหารของดาจองดูท่าจะไม่เป็นใจ แค่ขนมปังปิ้งกับนมแก้วเดียวมันจะไปพออะไร มันส่งเสียงร้องประท้วงซะจนเจ้าตัวอายม้วนอยู่หลายที ปากบอกไม่หิวแต่กระเพาะเจ้ากรรมดันไม่ให้ความร่วมมือ คิมจีวอนยิ้มน้อยๆให้กับความดื้อรันของอีกฝ่าย ก่อนจะค่อยๆทานอาหารบนโต๊ะต่อไป ใจจริงเขาแอบเป็นห่วงอีกฝ่ายไม่น้อยกลัวว่าโรคกระเพาะจะถามหา แต่เขาสนุกที่ได้เห็นอีกฝ่ายทำหน้าตาไม่สนใจอาหารตรงหน้าแต่จริงๆแล้วอยากกินใจจะขาดมากกว่า เขาอยากรู้ว่าเธอจะทนหิวได้สักกี่น้ำ จีวอนเหลือบมองดาจองที่ได้แต่เอามือลูบท้องเป็นระยะๆระหว่างที่เขาทานอาหารตรงหน้าอย่างเอร็ดอร่อย



    ในที่สุดคิมจีวอนก็จัดการอาหารตรงหน้าจนหมดเกลี้ยง ดาจองมองดูอีกฝ่ายอย่างฉงนไม่คิดว่าเขาจะกินคนเดียวหมด จีวอนยกยิ้มก่อนจะเรียกพนักงานมาคิดเงิน จองดาจองไม่ได้แตะต้องอาหารซักจานเลยแม้แต่น้อย ความอดทนของดาจองมากกว่าที่จีวอนคิดเอาไว้ เขาคิดว่าเธอจะทนไม่ไหวแล้วกินอะไรซัก 2-3 คำ แล้วแบบนี้จะไม่ให้เขาเป็นกังวลได้อย่างไร


    ก่อนจะกลับออฟฟิศจีวอนแวะเข้าร้านกาแฟ drive thru เพื่อสั่งกาแฟและขนม เขาสั่งอเมริกาโน่เย็นสำหรับตัวเอง และคาราเมลมัคคิอาโต้เย็นสำหรับดาจองรวมถึงแซนวิชและมัฟฟินด้วย ก่อนจะยื่นของทั้งหมดที่สั่งมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่เบาะข้างๆ ดาจองประหลาดใจนิดหน่อยที่เขาสั่งกาแฟเมนูโปรดของเธอแถมยังแซนวิชและมัฟฟินอีก วันนี้คิมจีวอนจะมาไม้ไหนกันแน่ ดาจองพิจารณาอีกฝ่ายอยู่นานจนคิมจีวอนรู้ตัว


    คิมจีวอนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาทำในตอนนี้มันอยู่ในแผนที่จะเอาชนะใจหญิงสาวด้วยหรือเปล่า หรือสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันมาจากความรู้สึกลึกๆข้างในของเขากันแน่


          จะจ้องอีกนานมั๊ย ท้องร้องเสียดังน่ารำคาญจะแย่ รีบๆกินซิ"คิมจีวอนพูดด้วยน้ำเสียงยียวน และนั่นทำให้ดาจองได้สติเลิกจ้องหน้าอีกฝ่าย ดาจองจ้องมองแซนวิชและมัฟฟินบนตักก่อนจะกล่าวขอบคุณอีกฝ่าย จีวอนยกยิ้มก่อนจะขับรถออกไป


          กินให้หมดนะ ไม่งั้นไม่ต้องกลับออฟฟิศ ฉันจะขับรถวนออยู่แบบนี้แหละ" เจ้าของรถพูดขึ้น

    ทำเอาดาจองแถบสำลักกาแฟที่เพิ่งดื่มไป หมายความว่าเธอต้องกินทุกอย่างที่คิมจีวอนซื้อมางั้นเหรอ


    ดาจองหวังว่าคิมจีวอนจะล้อเล่นและตรงกลับออฟฟิศทันที แต่เปล่าเลยเขาขับรถวนไปเรื่อยๆเมื่อเห็นดาจองไม่แตะอะไรในถุงกระดาษใบโตเลยเขายิ่งขับรถห่างจากออฟฟิศไปไกล


          ถ้าดื้อแบบนี้ วันนี้ก็นั่งอยู่บนรถนี่ทั้งวันละกันนะ" เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเอาจริงไม่ได้ล้อเล่นดาจอง

    จึงหยิบแซนวิชใส่ปากอย่างเสียไม่ได้ เธอรีบกินอย่างสังเกตได้ชัด ไม่ใช่เพราะหิวแต่เพราะอยากกลับไปที่

    ออฟฟิศไวๆ อย่างอยู่ห่างจากคิมจีวอนไวๆ ถึงแม้จะไม่ได้ห่างกันมากมายอะไรก็ตามแต่ก็คงจะดีกว่าที่จะ

    ต้องนั่งอยู่ในรถกับคิมจีวอนแบบนี้


          อยากกินมัฟฟินอันนั้น" จีวอนพูดพร้อมกับพยักพเยิดหน้าไปที่มัฟฟินช็อกโกแลตในถุงกระดาษ

    บนตักดาจองในขณะที่มือทั้งสองข้างยังจับอยู่ที่พวงมาลัย ดาจองวางมือจากแซนวิชก่อนจะใช้มือเรียว

    หยิบมัฟฟินชิ้นโตให้คิมจีวอน แต่ดูเหมือนว่าทำแบบนี้จะไม่ค่อยถูกใจอีกฝ่ายเท่าไหร่ จีวอนทำหน้านิ่ว


          ฉันขับรถอยู่ ป้อนหน่อยไม่ได้รึไง" คนที่กำลังขับรถอยู่เอ่ยขึ้นหลังจากเหลือบเห็นมัฟฟินชิ้นโต

    ในมือหญิงสาวที่ส่งให้เขา


          ก็จอดรถก่อนสิจะได้มือว่าง" ร่างบางข้างคนขับพูดไปตามที่คิด


          "ใจดำ ฉันทำทุกอย่างให้เธอเลยนะ ทั้งพาไปกินข้าว ซื้อแซนวิชให้ แถมยังขับรถให้อีก" คิมจีวอน

    พูดประชดประชัดพร้อมกับทำหน้ายู่ราวกับเด็กสี่ขวบที่โดนขัดใจ


    ดาจองอดขำในกิริยาของอีกฝ่ายไม่ได้ โตขนาดนี้แล้วยังจะทำตัวเป็นเด็กๆคอยอ้อนขอให้คนอื่นทำโน้นทำนี่ให้อีก หญิงสาวส่ายหน้าเล็กน้อยก่อนจะค่อยๆแบ่งมัฟฟินเป็นชิ้นเล็กพอดีคำ เธอยื่นขนมชิ้นเล็กในมือไปตรงหน้าอีกฝ่ายอย่างไม่ใส่ใจนัก ถึงแม้ว่าจีวอนจะทำดีกับเธอแต่มันก็ไม่ได้ลบล้างบาดแผลในใจของเธอที่อีกฝ่ายเป็นคนสร้างไว้ ริมฝีปากของจีวอนที่สัมผัสปลายนิ้วของดาจองที่มีขนมชิ้นน้อยอยู่ ดาจองสะดุ้งเล็กน้อยก่อนจะชักมือกลับหลังจากที่จีวอนกินขนมชิ้นนั้นได้ไปแล้ว เขาเคี้ยวขนมชิ้นนั้นไปยิ้มอย่างมีความสุขไป เขาเหลือบมองคนข้างๆเป็นระยะๆรอยยิ้มอ่อนปรากฏบนหน้าคมนับครั้งไม่ท้วน



    คิมจีวอนเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าสิ่งที่เขาทำในตอนนี้มันอยู่ในแผนที่จะเอาชนะใจหญิงสาวด้วยหรือเปล่า หรือสิ่งที่เขาทำอยู่ตอนนี้มันมาจากความรู้สึกลึกๆข้างในของเขากันแน่ ทำไมเขาถึงรู้สึกยินดีเมื่อได้ยินคำขอบคุณจากอีกฝ่าย ทำไมรอยยิ้มต้องปรากฏบนใบหน้าของเขา


    ความจริงแล้วเขารู้สึกยังไงกันแน่?

    .

    .

    .

    .

    .

    .


    ร่างสูงเดินลงบันไดหินอ่อนของบ้านหลังใหญ่ นิ้วชี้ข้างหนึ่งควงกุญรถมอเตอร์ไซต์คันงานส่วนอีกข้างหนึ่งเกี่ยวกับเสื้อหนังสือดำที่พาดบ่าอยู่ เขาผิวปากอย่างสบายอารมณ์เพราะมันช่างเป็นเช้าที่สดใส แต่ดูเหมือนว่าอารมณ์สุนทรีของเขาจะสิ้นสุดลงเมื่อพบกับชายชราบนรถเข็นที่บันไดขั้นสุดท้าย กูจุนฮเวเหลือบมองผู้เป็นพ่อเบาๆก่อนจะกรอกตามองบน ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าชายแก่คนนั้นจะพูดเรื่องอะไรกับเขา


          จุนฮเว เมื่อไหร่แกจะไป'ทำงาน' " กูจุนวูผู้เป็นพ่อถามลูกชาย เขารู้ดีว่าลูกชายของเขาไม่ค่อย

    อยากสืบทอดงานของเขาสักเท่าไหร่เพราะเขาอยากทำตามความฝันของตัวเองมากกว่า และอีกอย่าง

    จุนฮเวก็ดูเหมือนจะเกลียดงานที่เขาทำมากๆด้วย


          ทำงาน?” จุนฮเวย้อนถาม


          พ่อเรียกมันว่า 'งาน' ด้วยเหรอ" เขาไม่เคยยอมรับงานที่พ่อของเขาทำเลยแม้แต่น้อย ถึงมันจะ

    ไม่ใช่อาชีพสกปรกอะไรแต่ถึงกระนั้นเขาก็รังเกลียดมันอยู่ดี


          แต่เงินที่แกใช้ทั้งหมดมันก็มาจากที่นั่น" มันจริงที่เงินที่เขาใช้ทุกวอนมาจากที่นั่น เรื่องนั้นเขาไม่

    ปฏิเสธแต่ถึงยังไงเขาก็ไม่อยากไปทำงานในนั้นอยู่ดี


          จะช้าหรือเร็วแต่ก็ต้องสืบทอด ตำแหน่ง ของฉัน ไม่ว่าแกจะต้องการหรือไม่ก็ตาม" ผู้เป็นพ่อ

    กล่าวด้วยน้ำเสียงแข็งกร้าวพร้อมกับส่งสายตาดุดันเฉียบคมไปให้ลูกชายคนเดียวของตัวเอง


    กูจุนฮเวมองหน้าผู้เป็นพ่อ บางสิ่งบางอย่างทำให้เขานึกถึงเรื่องราวในอดีต เรื่องราวที่เจ็บปวดพอๆกับอุบัติเหตุครั้งนั้นของเขา สิ่งที่เขาไม่มีทางลืม บาดแผลที่ไม่มีทางลบออกไปจากหัวใจ น้ำใสๆเอ่อท้นท่วมตาคมของเขา


          นี่พ่อจำไม่ได้เหรอว่าแม่ตายยังไง" คำถามที่บาดลึกลงไปในใจของเจ้าของคำถามและผู้ถูกถาม

    เรื่องราวในอดีตยังคงฝังลึกอยู่ในหัวใจชายทั้งสองคน


          ถ้าจำไม่ได้ ผมจะย้ำให้ฟัง" เสียงดุดันปนสะเอื้อนของจุนฮเวดังขึ้น


          แม่ตายเพราะพวกมัน พวกที่มันจ้องจะ 'โค่น' พ่อไง จำได้มั๊ย?" นิ้วชี้ที่เคยควงกุญแจรถอยู่ชี้

    ออกไปด้านนอกประตูบ้าน ความโกรธแค้นระอุอยู่ในอกของชายหนุ่ม คำพูดที่ตอกย้ำความทรงจำยิ่งมี

    แต่จะทำให้เจ็บปวด หัวใจของคนเป็นลูกแตกสลายเมื่อต้องเสียแม่ผู้ที่เป็นที่รักไป หัวใจของผู้เป็นสามีก็

    เช่นกัน


          ถามจริงเหอะ ตอนแม่ตาย พ่อร้องไห้บ้างมั๊ย" จุนฮเวพรั่งพรูความรู้สึกโกรธออกมา เขาจำได้

    ตอนที่เขาเสียแม่ไป เขาไม่เห็นพ่อของเขาเศร้าเสียใจเลยแม้แต่น้อย ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงเย็นชายขนาดนั้น



    ไม่ใช่ไม่เสียน้ำตาแต่เขาจะแสดงความอ่อนแอหรือเสียน้ำตาให้ใครเห็นไม่ได้ต่างหาก เพราะกูจุนวูเป็นผู้ชาย หัวหน้าครอบครัว เจ้านาย ยิ่งเขาอ่อนแอหรือหวั่นไหวมันจะมีผลกระทบกับอีกหลายชีวิต ชายแก่ถอนหายใจก่อนจะมองหน้าลูกชายของตัวเอง เขาไม่คิดว่าจุนฮเวจะถามคำถามเหล่านั้นออกมา เขาค่อยๆเคลื่อนรถเข็นของตัวเองออกมาจากตรงนั้นก่อนที่ลูกชายคนเดียวจะเห็นน้ำตาของเขา จุนฮเวเองก็เรียบเดินออกมาจากจุดนั้นเช่นกัน 





    หลังจากกลับมาที่ออฟฟิศกับคิมจีวอนเสียงซุบซิบนินทาก็มีขึ้นทั่วทุกย่างก้าวที่ดาจองเดินผ่านไป ไม่ใช่ว่าเธอไม่ได้ยินแต่ดาจองเลือกที่จะทำเป็นไม่ได้ยินมากกว่า จะห้ามอะไรบนโลกนี้ก็ห้ามได้แต่เราห้ามความคิดคนอื่นไม่ได้หรอก ดาจองจึงได้แต่ก้มหน้าก้มตาทำงานของตัวเองต่อไปเพื่อไม่ให้ฟุ้งซ่านและคิดมากเกี่ยวกับคำนินทาเหล่านั้น




    เวลาล่วงเลยจนบ่าย พนักงานคนอื่นออกไปกินข้างกลางวันกันหมดแล้ว คิมจีวอนเองก็ออกไปคุยธุระกับลูกค้าหลังจากกลับมากับดาจองได้ไม่นานเหลือเพียงดาจองที่ยังนั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะของเธอ คิมจินฮวานจะชวนดาจองไปกินข้าวกลางวันด้วยแต่เนื่องจากแซนวิชที่กินไปตอนสายยังย่อยไม่หมดเธอจึงปฏิเสธเขาอย่างสุภาพ และด้วยความเป็นห่วงร่างบางที่นั่งทำงานอยู่ที่โต๊ะคนเดียว จินฮวานจึงแวะซื้อคิมบับและกาแฟแก้วโปรดที่หญิงสาวชอบติดมือกลับมา ดาจองรู้สึกขอบคุณคิมจินฮวานเหลือเกินที่มีน้ำใจกับเธอเสมอ จนบางครั้งเธอรู้สึกว่าตัวเองเป็นผู้หญิงที่เห็นแก่ตัวที่คอยแต่รับจากคิมจินฮวานอยู่ฝ่ายเดียว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอไม่ลังเลใจที่จะมอบหัวใจให้อีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปดาจองรู้สึกว่าตัวเองไม่ใช่ผู้หญิงที่ดีพอสำหรับจินฮวานอีกต่อไป เธอกลัวว่าถ้าวันหนึ่งที่จินฮวานรู้เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับคิมจีวอน น้ำใจที่จินฮวานเคยมีให้เธอจะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป



    ดาจองคอยเหลือบมองนาฬิกาเรือนสวยบนผนังฝั่งตรงข้าม เมื่อเข็มนาฬิกาชี้บอกเวลาหกโมงเย็นดาจองจึงรีบเก็บของของเธอและออกมาทันที คิมจีวอนยังไม่กลับเขามาออฟฟิศและดาจองเดาว่าเขาคงจะไม่กลับเข้ามาแล้วเพราะเขายังมีงานที่ ชินกิกรุ๊ป ที่ยังต้องทำด้วย เขาอาจจะไปทำงานที่นั่นในตอนบ่ายและเลยกลับบ้าน ถ้าเป็นอย่างนั้นจริงก็ถือว่าโชคเข้าข้างดาจองแล้ว



    ในที่สุดดาจองก็พาร่างเล็กๆของเธอมาอยู่หน้าโรงแรม H&J ที่คิมฮันบินนัดเธอเอาไว้ โรงแรมนี้เป็นโรงแรมขนาดใหญ่มีแขกเข้าพักมากมาย หลังจากที่โทรหาคิมฮันบินตามเบอร์ที่โทรเข้ามาเมื่อเช้าก็พบว่าเขาจะมาสายนิดหน่อยให้เธอไปรอเขาที่ร้านอาหารที่เขาจองไว้ได้เลย



    ร้านอาหารที่คิมฮันบินจองเอาไว้อยู่ที่ชั้นบนสุดของโรงแรม ร้านอาหารกึ่งบาร์ที่เปิดโล่งที่ชั้นบนสุดมีทั้งสวยที่เป็นร้านอาหารและมีมินิบาร์อยู่ตรงกลาง โต๊ะอาหารพร้อมด้วยผ้าปูโต๊ะสีขาวตั้งเรียงรายอยู่บนพื้นไม้ที่ปูไว้อย่างดี มีเพียงไม่กี่โต๊ะเท่านั้นที่มีคนจับจองอยู่ก่อนแล้ว ดาจองนั่งชื่นชมวิวยามเย็นอย่างเพลิดเพลิน แสงสีส้มของพระอาทิตย์ตกยามเย็นสาดส่องไปทั่วท้องฟ้าสวยงาม ไวน์ถูกนำมาเสิร์ฟทั้งๆที่เธอยังไม่ได้สั่ง พนักงานบอกว่าคนที่จองโต๊ะนี้เป็นคนสั่งเอาไว้ หญิงสาวได้แต่ยิ้มและยกไวน์ขึ้นดื่มเล็กน้อย แค่กลิ่นก็รู้แล้วว่าต้องเป็นไวน์ชั้นดีราคาแพงแน่นอน วันนี้เธอเตรียมเงินมาไม่เยอะด้วยถ้าคิมฮันบินเกิดกินเยอะละก็มีหวังเธอได้ล้างจานอยู่ที่นี่แน่



    ท้องฟ้าเปลี่ยนเป็นสีดำสนิทแล้วแต่คิมฮันบินก็ยังไม่มาตามนัด เขาส่งข้อความมาเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วว่ายังทำงานไม่เสร็จให้เธอรอเขาก่อน ดาจองนั่งรออย่างเสียไม่ได้ จะสั่งอาหารมากินก่อนก็กลัวจะเสียมารยาทเพราะอีกฝ่ายยังไม่มา เวลาล่วงเลยจนสามทุ่มคิมฮันบินก็ยังไม่ปรากฏตัวเสียที ตอนนี้กระเพาะอาหารของดาจองเริ่มประท้วงหนักแล้ว เธอได้แต่เอามือลูบท้องพรางจิบไวน์สลับกับน้ำเปล่า ในที่สุดดาจองก็ทนไม่ไหวเธอโทรไปหาคิมฮันบินอีกครั้ง


          ฮัลโหล คิมฮันบิน" น้ำเสียงแข็งเล็กน้อยทำให้ปลายสายพอเดาได้ว่าดาจองรู้สึกอย่างไร


          [ผมขอโทษนะ ตอนนี้ผมกำลังไป รถติดมากเลย] เขาขอโทษเธอก่อนที่จะบอกเหตุผลที่เขายังไม่

    ไปตามนัด


          อื้ม ฉันรออยู่ที่โต๊ะที่คุณจองไว้นะ" ดูเหมือนว่าคำขอโทษของฮันบินจะได้ผล น้ำเสียงของดาจอง

    เปลี่ยนไป ดูเหมือนว่าเธอจะตกลงใจรออีกฝ่ายจนกว่าจะมาถึง


          [ครับ รับทราบครับผม จะรีบไปให้เร็วที่สุดเลยนะ] เสียงชายหนุ่มที่ปลายสายกล่าวอย่างอารมณ์

    ดีเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายยังยอมรอเขาอยู่ที่เดิม



    ดาจองถอนหายใจเนือยๆก่อนจะนึกขึ้นได้ว่ายังมีน้องชายอยู่ที่บ้านอีกทั้งคน ว่าแล้วก็รีบหยิบโทรศัพท์โทรหาชานอูทันที หญิงสาวกดโทรอยู่หลายรอบแต่น้องชายตัวดีไม่รับโทรศัพท์เลยแม้แต่สายเดียว ดาจองจึงเปลี่ยนไปโทรเข้าบ้านแทนแต่ยังคงไม่มีใครรับสายเช่นเดิม ตอนนี้ดาจองเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับชานอูแล้ว เธอควรจะโทรไปยกเลิกนัดฮันบินดีหรือรอเขาต่อไปดีใจหนึ่งก็เป็นห่วงน้องชายอีกใจหนึ่งก็อยากจะเลี้ยงข้าวและคืนโทรศัพท์ให้อีกฝ่ายจะได้ไม่ต้องติดค้างอะไรกันอีก แต่ก่อนที่ดาจองจะตัดสินใจทำอะไรมือหนาก็คว้าข้อมือเธอให้ลุกขึ้นมาจากโต๊ะโดยที่ไม่ทันตั้งตัว ตาคู่สวยเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าเจ้าของมือนั่นคือใคร


          มาทำอะไรที่นี่?” เสียงแหบห้าวถามขึ้น ดวงตาเรียวจ้องมองดาจองอย่างคาดคั้นคำตอบ ช่าง

    ต่างกับคิมจีวอนที่ดาจองได้เจอเมื่อเช้าอย่างกับคนละคน แต่ที่น่าแปลกกว่านั้นก็คือเขารู้ได้อย่างไรว่าเธอ

    อยู่ที่นี่


          ปล่อยนะ คิมจีวอน คุณมาที่นี่ได้ยังไง” ดาจองพยายามดึงข้อมือของตัวเองออกจากมือของอีก

    ฝ่ายแต่มันแน่นเสียจนเธอทำอะไรไม่ได้เลย


          ฉันถามว่ามาทำอะไรที่นี่” คิมจีวอนถามซ้ำ เขาไม่สนใจคำถามของอีกฝ่าย เขาต้องการเพียงคำ

    ตอบของเขาเท่านั้น



    ถามว่าจีวอนมาที่นี่ได้อย่างไร คำตอบคือ เขาตามเธอมา เขาให้ลูกน้องตามดูดาจองเอาไว้เวลาที่เขาไม่อยู่ ไม่ว่าเธอจะทำอะไรกับใคร ไปที่ไหน เขารู้ทุกอย่าง คิมจีวอนไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องทำขนาดนี้ แต่เวลาที่หญิงสาวไม่อยู่ในสายตาของเขามันทำให้เขาไม่สบายใจและเป็นกังวลจนไม่สามารถทำอะไรได้ เขากลัวว่าเธอจะได้รับอันตราย กลัวว่าเธอจะอยู่กับผู้ชายคนอื่น และที่สำคัญเขากลัวเธอหายไปแบบคืนนั้นอีก


    คิมจีวอนกลัวว่าดาจองจะหายไปจากชีวิตของเขา


          มากินข้าว” ตอบกลับสั้นๆ


    คิมจีวอนยอมปล่อยมือออกจากอีกฝ่ายเมื่อได้คำตอบ อันที่จริงเขาอยากจะลากเธอออกไปจากตรงนี้ด้วยซ้ำแต่ก็ทำไม่ได้ ตอนนี้เขาคือคิมจีวอนคนดี ถ้าเขาโมโหหรือทำอะไรรุนแรงกับอีกฝ่ายมีหวังแผนการของเขาพังไม่เป็นท่าแน่


          แล้วได้กินรึยัง?” คิมจีวอนเหลือบมองโต๊ะอาหารที่ว่างเปล่า มีเพียงไวน์และน้ำเปล่าอย่างละแก้วว่างอยู่บนโต๊ะ


          ยัง” หญิงสาวตอบสั้นๆ


          นี่มันกี่โมงแล้ว แล้วทำไมถึงยังไม่กิน นี่เธออยากเป็นโรคกระเพาะขนาดนั้นเลยเหรอ” เมื่อเช้าก็

    ไม่ยอมกินอะไรจนเขาต้องบังคับ นี่ยังหิ้วท้องรอจนเกือบสี่ทุ่มเพื่อกินข้าวกับใครไม่รู้ มันน่าโมโหจริงๆ

    เลย


          เรื่องของฉัน" ถ้าเป็นคนอื่นดาจองคงตีความว่าคนที่พูดประโยคนี้คงเป็นห่วงเธอ แต่คนที่พูด

    ประโยคนี้คือคิมจีวอน ดาจองคงไม่สามารถตีความแบบนั้นได้


          มานี่!” จีวอนคว้ามือของดาจองและพาเธอออกไปจากร้านอาหารสุดหรู ดาจองพยายามขัดขืน

    แต่จะให้เธอโวยวายเสียงดังก็คงจะไม่ได้เพราะมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ ในที่สุดเขาก็พาเธอมายังรถ

    สปอร์ตคันหรูที่จอดรออยู่หน้าโรงแรม


          จะพาฉันไปหน?” ดาจองถามขึ้นเมื่อจีวอนขับรถพาเธอไปในเส้นทางที่ไม่คุ้นเคย ความทรงจำ

    อันเลวร้ายในอดีตปรากฏขึ้นในห้วงความคิดของดาจอง เธอตัวสั่นเล็กน้อยด้วยความกลัวเมื่อนึกถึงเหตุ

    การวันนั้น วันที่คิมจีวอนพาเธอขับรถออกไป ไปในเส้นทางที่เธอไม่รู้จักและยังสร้าง ฝันร้าย ให้เธอภายใน

    รถคันหรูนี้ด้วย


          พาไปกินข้าว ยังไม่ได้กินอะไรไม่ใช่หรือไง" คิมจีวอนตอบ


    ดาจองนั่งนิ่งไม่ได้เอ่ยอะไรตอบ เธอไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไรหรือรู้สึกอะไร คิมจีวอนที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย

    จนเธอตามไม่ทันทำให้เธอสับสนว่าจริงๆแล้วคิมจีวอนเป็นอย่างไรกันแน่ เขาตั้งใจดีกับเธอจริงๆหรือทุก

    อย่างแค่แกล้งทำเพื่อจุดประสงค์อะไรบางอย่าง ยิ่งคิดยิ่งไม่เข้าใจถ้าคิมจีวอนแกล้งทำดีกับเธอเพื่อจุด

    ประสงค์บางอย่างจริงแล้วสิ่งนั้นคืออะไร


    คิมจีวอนต้องการอะไรจากเธอกันแน่?


    หญิงสาวเอาแต่เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่างก่อนที่รถคันหรูจะหยุดลงที่หน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ดาจองเดินลงมาจากรถอย่างว่าง่ายจนคิมจีวอนแปลกใจ ไม่ใช่เพราะกลัวว่าจะถูกคิมจีวอนบังคับขู่เข็ญอะไรอีก แต่ตอนนี้ดาจองหิวมากจนไม่อยากจะต่อล้อต่อเถียงอะไรกับจีวอนอีก ชายหนุ่มสั่งโจ๊กเป๋าหื้อให้หญิงสาวโดยที่เขาไม่ได้สั่งอะไรสำหรับตัวเองเลย ใช้เวลาไม่นานอาหารที่สั่งก็มาเสิร์ฟอยู่ตรงหน้า กลิ่นโจ๊กหอมๆรวมไปถึงความหิวโหยทำให้ดาจองอดใจไม่ไหวรีบตักใส่ปากทันทีโดยที่ลืมไปว่าโจ๊กที่ทำเสร็จใหม่ๆมันร้อนแค่ไหน


          มันร้อน อย่าเพิ่งรีบกินสิ"



    โชคยังดีที่คิมจีวอนยั้งมือหญิงสาวไว้ได้ทันไม่งั้นคงได้ปากพองแน่ เขาแย่งชามโจ๊กและช้อนมาจากมือหญิงสาวก่อนจะค่อยๆเป่าโจ๊กที่ร้อนอยู่ให้เย็นลง คิมจีวอนยื่นช้อนที่เป่าจนหายร้อนแล้วมาตรงหน้าดาจอง


          อ้าปากสิ"


          ส่งมานี่ เดี๋ยวฉันกินเอง" แทนที่จะอ้าปากตามคำของอีกฝ่ายหญิงสาวตรงหน้าพยายามแย่งช้อนและชามโจ๊กกลับคืน

    มา จีวอนขยับช้อนและจานหนีไม่ให้ดาจองแย่งกลับคืนไปได้


          คิมจีวอน!!”


          เรียกทำไม ฉันจำชื่อตัวเองได้หน่า อ้าปากสิ เดี๋ยวโจ๊กเย็นแล้วไม่อร่อยนะ" จีวอนยกยิ้มก่อนจะ

    ยื่นช้อนไปตรงหน้าหญิงสาว


    ถ้าไม่ยอมให้คิมจีวอนป้อนมีหวังดาจองคงไม่ได้กินแน่ และตอนนี้เธอก็หิวเกินกว่าที่จะตั้งแง่กับอีกฝ่ายแล้ว ริมฝีปากชมพูค่อยๆเปิดออกให้คิมจีวอนส่งช้อนเงินที่เต็มไปด้วยโจ๊กเป๋าหื้อเข้าไป ลิ้นสีแดงสัมผัสกับโจ๊กเนื้อนิ่มอุ่น รสชาติความอร่อยที่ได้สัมผัสรวมทั้งความหิวของดาจองทำให้เธอไม่รอช้าที่จะเปิดปากรับโจ๊กอีกช้อนที่จีวอนยื่นมาให้ตรงหน้า มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆจนหมด รอยยิ้มบางปรากฏขึ้นบนใบหน้าคมเข้มของชายหนุ่ม รอยยิ้มที่อบอุ่นและอ่อนโยนของจีวอนทำให้ดาจองเกือบลืมหายใจ แต่คำถามหนึ่งกลับผุดขึ้นในใจของหญิงสาว


    'คิมจีวอนทำแบบนี้เพื่ออะไร? เขาต้องการอะไร?'


    ครืด ครืด ครืด


    โทรศัพท์ของดาจองดังขึ้นในขณะที่คิมจีวอนไปจัดการค่าอาหาร คนที่โทรมาไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นคิมฮันบินผู้ชายที่นัดเธอวันนี้ ดาจองกดรับสาย


          [ดาจอง คุณอยู่ที่ไหน ผมมาถึงแล้วไม่เจอคุณ คุณไม่เป็นไรใช่มั๊ย] ปลายสายพูดขึ้นอย่างไม่เว้น

    วรรคให้ดาจองได้ตอบ


          พอดีฉันมีธุระนิดหน่อย ต้องขอโทษที่ไม่ได้อยู่รอนะคะ" จริงๆแล้วเป็นเพราะคิมจีวอนลากเธอ

    ออกมาต่างหาก ดาจองเหลือบมองคนต้นเรื่องที่ตอนนี้เดินกลับมาที่โต๊ะแล้ว


          [ผมต่างหากที่ต้องขอโทษ แล้วดาจองจะว่าง..]


          เดี๋ยวแค่นี้ก่อนนะคะ พอดีฉันยุ่งอยู่" ก่อนที่ฮันบินจะพูดจบประโยคดาจองรีบชิงตัดบทเสียก่อน

    เนื่องจากเวลานี้จีวอนเดินกลับมาถึงโต๊ะแล้ว ดาจองกดวางสายทันที


          คุยกับใคร" จีวอนถามเสียงเข้ม เป็นอย่างที่ดาจองคาดไม่มีผิดเขาต้องถามเธอแน่ว่าคุยกับใคร


          เพื่อน" ดาจองตอบสั้นๆ


    คิมจีวอนพยักหน้าน้อยๆก่อนจะจับมือพาอีกฝ่ายเดินออกไปขึ้นรถ คราวนี้เขาไม่ลืมทำหน้าที่สุภาพบุรุษ

    เปิดประตูรถให้อีกฝ่าย ดาจองมองจีวอนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง วันนี้คิมจีวอนต้องไม่ใช่คิมจีวอนตัว

    จริงแน่ๆ


    รถสปอร์ตราคาแพงแล่นไปตามท้องถนนยามค่ำคืนในเส้นทางที่หญิงสาวคุ้นเคย ระหว่างทางไม่มีบทสนทนาใดดังขึ้น และถึงแม้ว่าอยากจะลืมตาตื่นมากแค่ไหนแต่หนังตาของดาจองก็ไม่สามารถฝืนแรงโน้มถ่วงไว้ได้ เปลือกตาของเธอค่อยๆปิดลงและเข้าสู่ห่วงนิทราในที่สุด คิมจีวอนขับรถไปเรื่อยๆจนมาถึงจุดหมายปลายทาง ตอนแรกเขาตั้งใจว่าจะปลุกอีกฝ่ายแต่เห็นเธอกำลังหลับตาพริ้มอย่างมีความสุขจีวอนจึงไม่อยากขัด มือหนาปัดผมที่ปรกหน้าหญิงสาวอย่างทะนุถนอม เขานั่งพิจารณาใบหน้านวลอยู่นานสองนาน คิ้วที่เรียงสวยได้รูปรับกับใบหน้า ขนตาหนางอนบนตาที่ปิดสนิท สันจมูก ริมฝีปากชมพูอ่อนอวบอิ่ม ยิ่งมองยิ่งชวนให้หลงไหล เขาหยิบสมาร์ทโฟนเครื่องหรูขึ้นมากดบันทึกภาพหญิงสาวตรงหน้าที่กำลังหลับอยู่และตั้งเป็นภาพพื้นหลังในโทรศัพท์ ก่อนที่ยิ้มบางๆจะปรากฏบนใบหน้า


    เปลือกตาหนักๆของดาจองค่อยๆเปิดขึ้น เธอกระพริบตาช้าๆเพื่อปรับโฟกัสก่อนจะมองไปรอบๆ ด้านนอกมืดสนิทแต่เธอกลับคุ้นเคยเพราะมันคือรั่วบ้านของเธอเอง รถยนต์คันหรูจอดนิ่งสนิทส่วนคนขับรถก็หลับสนิทอยู่เช่นกัน ดาจองค่อยๆปลดเข็มขัดนิรภัยอย่างเบามือระวังไม่ให้อีกฝ่ายตื่น


          ตื่นแล้วเหรอ"เสียงแหบแห้งดังขึ้น คิมจีวอนไม่ได้หลับ เขาตื่นอยู่ตลอดเวลาแต่แค่ปิดเปลือกตา

    เท่านั้นเอง


          ขอบคุณที่มาส่งแล้วก็ขอบคุณที่เลี้ยงข้าวเย็นด้วย" ดาจองกล่าวเบาๆพร้อมกับโค้งหัวเล็กน้อย

    เธอเปิดประตูและเดินลงจากรถไป


    คิมจีวอนไม่รอช้าลงจากรถตามไปติดๆก่อนจะคว้าข้อมือบางไว้ได้ทัน เขารั้งไม่ให้หญิงสาวเข้าบ้าน เจ้าของข้อมือที่ถูกจาบจ้วงหันกลับมามองอย่างสงสัย


          เดี๋ยวสิ ลืมอะไรรึเปล่า?” จีวอนทักท้วง


    ดาจองมองสำรวจตัวเอง กระเป๋าถือของเธอก็อยู่กับตัวแล้วเธอมั่นใจว่าไม่ได้ลืมอะไรแน่นอน ดาจองทำหน้าไม่เข้าใจอีกฝ่าย จีวอนทำปากยื่นเล็กน้อยราวกับกำลังงอน ฟันกระต่ายยื่นออกมาจากปากหยักดูน่ารักดีจนดาจองอดอมยิ้มไม่ได้


          ทำดีมาทั้งวัน ไม่เห็นได้รางวัลอะไรเลย" จีวอนพูดเสียงอ่อย



    นี่สินะจุดประสงค์ที่แท้จริงของเขา ทำดีเพราะต้องการรางวัลตอบแทนจากเธอ สิ่งที่ทำโดยหวังสิ่งตอบแทนเหล่านั้นปราศจากความจริงใจของอีกฝ่าย โชคดีที่ดาจองไม่ได้หลงไหลได้ปลื้มกับการเอาอกเอาใจของจีวอนเพราะถ้ารู้ว่ามันไม่ได้มาจากความจริงใจเธอคงผิดหวังน่าดู


          บอกฝันดีหน่อยสิ" จีวอนเอ่ย


    หญิงสาวประหลาดใจเล็กน้อยกับคำขอของจีวอน สิ่งที่เขาต้องการคือคำพูดเพียงแค่นั้นจริงๆหรือ เขาไม่

    ได้ต้องการอย่างอื่นจากเธอจริงๆใช่มั๊ย


          ฝันดี" ดาจองกล่าวเสียงเรียบก่อนจะหันหลังเดินกลับเข้าบ้านไปโดยที่ลืมไปว่ามือของจีวอนยังกำข้อมือเธอไว้


          เดี๋ยวสิ เธอทำไม่ถูกนะ"


    คิมจีวอนรั้งหญิงสาวเอาไว้พร้อมกับดึงเธอเข้ามาใกล้ๆ ริมฝีปากของจีวอนประกอบเข้ากับริมฝีปากของดาจอง หญิงสาวเบิกตากว้างเพราะตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย เธอพยายามใช้มือข้างหนึ่งดันอีกฝ่ายออกแต่ก็ไม่เป็นผล แขนของจีวอนโอบรอบเอวของดาจองเอาไว้ และยิ่งดาจองพยายามจะดันเขาออกมากเท่าไหร่เขาก็ยิ่งโอบกระชับเธอมากขึ้นและมากขึ้นเรื่อยๆ ถึงจะไม่ใช่จูบที่เต็มใจมากนักแต่มันก็ทำให้จีวอนรู้สึกดีไม่น้อยราวกับว่านี่คือสิ่งที่เขาโหยหามานาน ถึงจะไม่ได้ส่งลิ้นร้อนเข้าไปลิ้มรสความหวานในโพรงปากแต่แค่ริมฝีปากอวบอิ่มก็เพียงพอที่จะทำให้เขารู้สึกดีได้แล้ว หลังจากผ่านไปนานคิมจีวอนถอนจูบออกช้าๆอย่างไม่เต็มใจนัก เขาอยากจะสัมผัสริมฝีปากของอีกฝ่ายให้นานกว่านี้แต่เขากลัวว่าเธอจะรู้สึกถึงบางอย่างที่ผิดปกติในตัวเขา สิ่งที่เขาไม่อยากให้เธอหรือใครได้รู้


    เสียงหัวใจของจีวอนที่เต้นแรงราวกับจะระเบิดออกมา


          ต้องกู๊ดไนท์คิสด้วยสิ" เขากระซิบข้างหูดาจองก่อนจะขโมยหอมแก้มเธอฟอดใหญ่ จีวอนยิ้ม

    ตาหยีซึ่งเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวก่อนจะหันหลังเดินจากไป


    จองดาจองได้แต่ยืนนิ่งหลังจากได้รับสิ่งที่อีกฝ่ายเรียกว่า 'กู๊ดไนท์คิส' ถึงแม้ว่าจะไม่เต็มใจมากนักแต่ก็ไม่ได้ปฏิเสธอย่างจริงจัง ถึงแม้จะไม่ใช่จูบที่อ่อนโยนแต่ก็ไม่ได้ดุดันและรุนแรงเหมือนอย่างที่ผ่านมา ถึงแม้จะไม่ใช่จูบที่หอมหวานเย้ายวนชวนฝันแต่ก็ทำให้ หัวใจดวงน้อย สั่นไหวได้ไม่น้อย


    เพียงแค่ขึ้นรถมายิ้มตาหยีที่ดูน่ารักก็จากหายไป ดวงตาฉายแววเจ้าเล่ห์ปรากฏขึ้นก่อนจะยกยิ้มมุมปากอย่างถือดี เขามั่นใจว่าการกระทำทั้งหลายในวันนี้คงจะพอมัดใจหญิงสาวได้ไม่มากก่อนน้อย และอีกไม่นานทุกอย่างจะเป็นไปตามแผนการที่เขาวางเอาไว้ แต่ทำไมหัวใจของจีวอนต้องเต้นแรงขนาดนั้นเขาเองก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน แต่จะอะไรก็ช่างเขาต้องสนใจแค่แผนการของเขาเท่านั้น


    เมื่อได้หัวใจดวงนั้นมา เขาจะขยี้มันให้แหลกคามือ


    .

    .

    .

    .

    .

    .

    แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวผืนบางในห้องนอนใหญ่ เจ้าของตาคู่โตกระพริบตาถี่ๆพร้อมกับยกมือขึ้นบังแสงที่ส่องมาโดนหน้าของเธอพอดิบพอดี เธอมองสำรวจรอบห้องอย่างงุนงง ผ้าม่านสีขาวที่ติดอยู่กับหน้าต่างบานใหญ่ เก้าอี้สีดำตัวใหญ่ข้างเตียง ภาพแขวนผนังแนว abstract ที่เธอไม่คุ้นเคยยิ่งทำให้เธอสับสน หญิงสาวมั่นใจว่านี่ไม่ใช่ห้องนอนของเธอแน่ แล้วนี่ห้องนอนของใคร? หญิงสาวร่างบางยันตัวเองให้ลุกขึ้นนั่งทั้งที่ยังปวดหัวตื้ออยู่ เธอตกใจมากเมื่อพบว่าตัวเธอนั้นอยู่ในสภาพเกือบเปลือยเหลือเพียงบราเซียสีชมพูลายดอกเท่านั้น เธอรีบดึงผ้านวมสีดำผืนใหญ่ขึ้นมาปกปิดส่วนบนเอาไว้ก่อนจะหันไปเห็นร่างหนึ่งนอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงข้างๆเธอ แผ่นหลังกว้างโผล่พ้นผ้านวมผืนหน้ายิ่งทำให้หญิงสาวตกใจจนแทบเสียสติจนต้องกรี๊ดร้องออกมา


          อร๊ายยยยยยยยยยยยย" เสียงเล็กแหลมดังไปทั่ว


    แผ่นหลังข้างๆค่อยๆขยับก่อนจะใช้มือที่อยู่ภายใต้ผ้านวมสีดำควานหาหมอนมาปิดศีรษะของตัวเองเอาไว้

    ดูเหมือนว่าเขายังไม่อยากตื่นจากนิทราเท่าไหร่นัก หญิงสาวเงียบเสียงลงพร้อมกับนึกทบทวนเรื่องราวที่

    เกิดขึ้นเมื่อคืนที่ผ่านมา ถึงแม้พยายามจะนึกเท่าไหร่แต่ก็นึกไม่ออกเสียที


          นึกดีๆสิ คิมจีฮเย เธอมานอนอยู่ตรงนี้ ในสภาพนี้ได้ยังไง" หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง ก่อนจะ

    เหลือบไปมองแผ่นหลังเปลือยที่นอนหันหลังอยู่



    ต่อให้นึกอย่างไรจีฮเยก็นึกไม่ออกว่าเธอมาอยู่บนเตียงกับชายหนุ่มคนนั้นในสภาพนี้ได้อย่างไร สิ่งเดียวที่เธอรู้คือเมื่อคืนเธอต้องดื่มหนักแน่ๆเพราะกลิ่นแอลกอฮอล์ที่คละคลุ้งไปทั่วตัว ตาคู่สวยจับจ้องอยู่ที่แผ่นหลังหนา


          นี่!!คิมจีฮเยตะโกนเรียกอีกฝ่ายเสียงดัง เธอไม่รู้ว่าเขาเป็นใครจึงไม่สามารถเรียกชื่ออีกฝ่ายได้

    ตรงๆ และในสถานการณ์เช่นนี้เธอก็ไม่ใจกว้างพอที่จะเรียกคนที่กระทำย้ำยีเธอแบบนี้ว่า คุณ


    ร่างใหญ่ยังคงไม่ขยับเขยื้อนนั่นทำให้จีฮเยยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ ทำกับเธอแบบนี้แล้วยังนอนนิ่งเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น คิมจีฮเยเป็นลูกมีพ่อมีแม่นะใครหน้าไหนจะมาทำกับเธอแบบนี้ไม่ได้


          นี่นาย!!ครั้งนี้ไม่เรียกเปล่า จีฮเยใช้เท้าถีบอีกฝ่ายให้ตกลงจากเตียงนิ่ม เสียงกระแทกพื้นดัง

    ปักไม่บอกก็รู้ว่าจะต้องเจ็บแค่ไหน แต่สิ่งที่เขาทำกับเธอนั้นทำให้จีฮเยเจ็บยิ่งกว่านั้นร้อยเท่า


          ใครถีบว่ะ?!ฟังเหมือนกับประโยคคำถามแต่ความจริงแล้วเจ้าของคำถามต้องการมีเรื่องกับคู่

    กรณีสุดๆ


    คนกำลังนอนหลับสบายอยู่ดีๆก็มีบางอย่างยันเขาให้ตกลงจากเตียงนุ่มมายังพื้นแข็ง เจ้าของร่างใหญ่ค่อยๆโผล่หน้าพ้นขอบเตียง คิ้วที่ขมวดเป็นปมบ่งบอกถึงอารมณ์โกรธแต่ก่อนที่จะได้ระบายอารมณ์ไปมากกว่านี้เขาเหลือบเห็นหญิงสาวคนหนึ่งนั่งน้ำตาคลออยู่บนเตียง


          อ่าว ตื่นแล้วเหรอ แล้วทำไมไม่ปลุกกันดีๆ ทำไม..."


          แก กูจุนฮเว ไอ้สารเลว" ไม่พูดเปล่าจีฮเยขว้างทุกอย่างที่เธอพอจะหยิบได้ใส่อีกฝ่าย


          เห้ยย ย เดี๋ยวดิว่ะ" จุนฮเวใช้มือป้องกันตัวเองหลังจากถูกหมอนปาใส่ไม่ยั้ง


          แก แกมันชั่ว แกมันเลว แกมันไม่ใช่ลูกผู้ชาย แกข่มแหงรังแกคนไม่มีทางสู้" คำด่าทอสาป

    แช่งดังออกมาไม่หยุดหย่อน กูจุนฮเวกรอกตามองบนในใจได้แต่คิดว่านี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน


          หยุดเพ้อเจ้อได้แล้ว" กูจุนฮเวตะโกนลั่น ความอดทนของเขานั้นมีขีดจำกัดและแน่นอนว่ามัน

    น้อยมาก จีฮเยตกตะลึงไม่น้อยเมื่อเจอกับปฏิกิริยาของอีกฝ่าย



    ร่างใหญ่ยืนขึ้นเผยลำตัวขาวเนียนและกล้ามเนื้อหน้าท้องขึ้นรูปเล็กน้อยมีเสน่ห์ดึงดูด กางเกงขาวยาวสีดำคือเสื้อผ้าเพียงชิ้นเดียวที่เหลืออยู่บนตัวชายหนุ่ม เขาเดินไปยังตู้เสื้อผ้าแบบวอร์คอินโดยไม่พูดไม่จาก่อนจะหยิบเสื้อยืดตัวโครงสีเข้มขึ้นมาสวม เขาไม่ลืมหยิบเสื้อยืดตัวใหญ่อีกตัวและเดินออกมาจากตู้เสื้อผ้า เขาโยนมันให้หญิงสาวที่นั่งนิ่งอยู่บนเตียง จีฮเยหันมามองเขาตาขวางทั้งๆที่มีน้ำตาคลออยู่ เดาได้ไม่อยากเลยว่าเธอทั้งโกรธ โมโห และเสียใจในเวลาเดียวกัน


          สวมซะ"ชายหนุ่มพูดห้วน เขาหยิบกระเป๋าสตางค์และกุญแจรถราวกับเตรียมพร้อมจะออกไป

    ข้างนอก


          ไม่!! แกมันเลว ฉันขอสาปแช่งแก" จีฮเยยังคงไม่หยุดกร่นด่าจุนฮเว เขาทำร้ายเธอแล้วยังจะสั่ง

    ให้เธอทำนั่นทำนู่นอีก


    ชายหนุ่มกรอกตามองบนอีกครั้ง ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงทำตัวไร้สาระน่ารำคาญขนาดนี้นะ เมื่อคืนก็เหมือนกันยิ่งคิดยิ่งรู้สึกว่าเขาหาเรื่องใส่ตัวแท้ๆ


          อยากไปแบบนี้ก็แล้วแต่" เขาคว้าข้อมือหญิงสาวให้ลุกขึ้นจากเตียง จีฮเยพยายามขัดขืนสุด

    กำลัง


          ปล่อยนะ แกจะพาฉันไปไหน ไอ้คนใจหมา" จีฮเยพยายามแกะมือของผู้ชายสกปรกคนนั้น

    ออก น้ำใสๆเอ่อล้นขอบตาอาบแก้มทั้งสองข้าง เธอไม่สามารถสะกัดกั้นความเสียใจไว้ได้แล้ว


          จะเอาไง? จะใส่เสื้อหรือจะไปแบบนี้" ความอดทนของจุนฮเวหมดลงอีกครั้ง ความจริงมันหมด

    ลงไปตั้งนานแล้วแต่เป็นเพราะเขาสงสารอีกฝ่ายจึงไม่อยากจะพูดหรือทำอะไรรุนแรง


    จีฮเยค่อยๆปาดน้ำตาก่อนจะหยิบเสื้อที่อีกฝ่ายโยนมาให้สวมให้เรียบร้อย เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายอยู่ในสภาพที่พอจะออกไปข้างนอกกับเขาไปแล้วกูจุนฮเวไม่รอช้าดึงอีกฝ่ายให้ลุกจากเตียงและเดินตามเขาไปทันที หญิงสาวขัดขืนสุดกำลังแต่แรงน้อยๆของเธอไหนเลยจะสู้แรงควายของอีกฝ่ายได้


          จะไปไหน?” หญิงสาวถามขึ้นแต่ไม่มีเสียงตอบ


          ช่วยด้วยค่ะ ช่วยด้วย ไอ้โรคจิตมันจะทำร้ายฉันค่ะ"


    จีฮเยตะโกนลั่นหลังจากเธอและจุนฮเวเดินผ่านพ้นประตูห้องชุดสุดหรูของชายหนุ่ม เธอใช้มืออีกข้างเกาะเกี่ยวผนังตามทางเอาไว้รวมทั้งทิ้งตัวลงนั่ง จีฮเยไม่รู้เลยว่ามันทำให้จุนฮเวรำคาญมากขนาดไหน เขาไม่ได้มีเวลามาทำเรื่องไร้สาระแบบนี้กับเธอทั้งวันหรอกนะ



    ร่างสูงไม่รอช้าใช้แขนแกร่งช้อนร่างเล็กที่พยายามขัดขืนสุดกำลังขึ้นพาดบ่า จุนฮเวสูงกว่าจีฮเยมากและเขาก็แข็งแรงดังนั้นจึงไม่ใช่เรื่องยากที่เขาจะทำแบบนี้ หัวของจีฮเยห้อยลงด้านหลังของจุนฮเว แขนของชายหนุ่มรวบกระโปรงสีดำของเธอเอาไว้ไม่ให้โป๊ก่อนจะเดินไปยังลิฟต์ จีฮเยยังไม่ละความพยายามเธอเตะขาไปมาเพื่อทำให้อีกฝ่ายลำบากมากขึ้นพร้อมกับใช้มือที่ว่างอยู่ทุบแผ่นหลังของอีกฝ่าย


          อยู่นิ่งๆไม่เป็นรึไง อยากตายรึไง" จุนฮเวตะคอกเสียงดัง จีฮเยไม่สนใจ เธอยังคงยึดมั่นอยู่กับ

    การสร้างความลำบากให้อีกฝ่าย


          ถ้าไม่อยากถูกโยนลงไปจากชั้น 31 ก็หยุดทำตัวน่ารำคาญได้แล้ว" จุนฮเวไม่ได้ตะคอกอีกฝ่ายก็

    จริงแต่โทนเสียงจริงจังและดุดันนั้นทำให้หญิงสาวสงบลง


          ปล่อยฉันไปเถอะนะ แกได้สิ่งที่แกอยากได้ไปแล้ว แกยังต้องการอะไรจากฉันอีก" น้ำเสียง

    อ้อนวอนปนสะอื้นดังมาจากด้านหลัง



    จุนฮเวไม่ได้ตอบอะไรกลับไปจนในที่สุดจุนฮเวก็สามารถพาร่างเล็กบนบ่ามายังรถสปอร์ตคันหรูของเขาได้สำเร็จถึงแม้จะทุลักทุเลไปบ้าง


          จะพาฉันไปไหน" จีฮเยถามขึ้น เธอไม่รู้ว่าเขาจะพาเธอไปไหนในใจเธอได้แต่ภาวนาไม่ให้เขาพา

    เธอไปฆ่าหมกป่าหรืออะไรทำนองนั้น


    เขาเปิดประตูข้างคนขับก่อนจะปล่อยหญิงสาวลงจากบ่าพร้อมทันดันให้เธอเข้าไปนั่งบนเบาะ


          เดี๋ยวก็รู้ แล้วอย่าคิดหนีลงมานะ" เขาตอบพร้อมกับดันหัวร่างเล็กที่พยายามจะหนีลงจากรถสปอร์ตของเขาก่อนจะปิดประตูเสียงดัง



    รถคันหรูจอดหน้าโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง จีฮเยมองหน้าคนขับสลับกับสถานที่ที่เธอมาเยือน หญิงสาวไม่เข้าใจว่าเขาพาเธอมาที่นี่ทำไมกัน


          ถึงละ จะลงไม่ลง" คำพูดแสนกระด้างของอีกฝ่ายยิ่งทำให้จีฮเยโมโห


          พาฉันมาที่นี่ทำไม"


          จะลงไม่ลง ถ้าไม่ลงก็กลับ" จุนฮเวย้ำคำพูดของเขาอีกครั้ง


    จีฮเยเปิดประตูรถลงไป เธอยังคงไม่เข้าใจอยู่ดีว่าอีกฝ่ายพาเธอมาที่นี่ทำไม เขาไม่สบายเหรอถึงได้มาโรงพยาบาล แต่ดูท่าทางก็ปกติออกจะแข็งแรงดีด้วยซ้ำไม่อย่างนั้นคงไม่แบกเธอมาถึงรถได้หรอก จุนฮเวพาจีฮเยไปยังเคาน์เตอร์ประชาสัมพันธ์ภายในโรงพยาบาล พนักงานสาวที่นั่งอยู่ยืนขึ้นโค้งคำนับลูกค้าทันทีหลังจากที่กูจุนเฮวเดินไปถึง


          มาตรวจภายในต้องไปตรงไหน" จุนฮเวถามออกไปตรงๆ พนักงานสาวยิ้มเล็กน้อยก่อนจะนั่งลง

    ค้นหาข้อมูลที่เขาต้องการ


          นี่นายว่าไงนะ"จีฮเยสงสัยในคำถามของร่างสูง เขาจะมาตรวจภายในทำไม นี่เขาไม่สบายจริงๆเหรอ


          อย่าถามมากได้มั๊ย" คำตอบของเขาบ่งบอกว่าเขากำลังอารมณ์เสีย


          ไม่ทราบว่าใครเป็นผู้ป่วยคะ" พนักงานคนเดิมถามขึ้น


          ยัยนี่" จุนฮเวชี้ไปทางหญิงสาว


    จีฮเยยิ่งสับสนเข้าไปใหญ่ เธอไม่สบายเหรอทำไมเธอถึงไม่รู้ตัวเลยล่ะ แล้วถ้าเธอไม่สบายทำไมต้องตรวจภายในด้วย หรือว่าเมื่อคืนที่เธอมีอะไรกับจุนฮเวมันมีอะไรผิดปกติกับเธอ เธอเป็นโรคอะไรอย่างงั้นเหรอ ยิ่งคิดจีฮเยก็ยิ่งสติหลุดไปไกล


          เชิญที่แผนกสูติและนรีเวช ชั้น 5 นะคะ" พนักงานคนนั้นบอก


    จีฮเยได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูกเพราะกลัวว่าตัวเองจะป่วยจริงๆ จุนฮเวไม่รอช้าจูงจีฮเยไปตามที่พนักงานสาวคนนั้นบอกทันที


          นี่นาย ฉันป่วยเป็นอะไรเหรอ" เสียงสั่นเครือถามขึ้นระหว่างรอคิวเข้าตรวจ เสียงของจีฮเยบ่ง

    บอกว่าเธอกลัวมากจริงๆ กลัวว่าตัวเองจะป่วยเป็นโรคร้ายแรงบางอย่าง


    จุนฮเวถึงกับกรอกตามองบนเป็นครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วไม่รู้เมื่อได้ยินคำถามสุดแสนจะปัญญาอ่อนจากอีกฝ่าย เขาจะรู้ได้อย่างไรว่าเธอป่วยเป็นอะไรในเมื่อเขาไม่ใช่หมอ แล้วอีกอย่างเขาไม่ได้พาเธอมาตรวจหาโรคอะไรซักหน่อย


          มันร้ายแรงมากใช่มั๊ย นายถึงไม่ตอบฉัน บอกมาเถอะฉันจะได้ทำใจก่อนพบหมอ...นะนาย บอก

    ฉันเถอะ ฉันรับได้" น้ำใสๆค่อยๆเออล้นทนดวงตาคู่สวยเป็นครั้งที่สองของวัน จีฮเยนั่งตัวสั่นเทาพร้อมกับ

    กำมือแน่น กลัวกับคำตอบที่จะได้ยินจากปากของอีกฝ่าย


          โว๊ะ! จะไปรู้ได้ยังว่ะ" จุนฮเวเริ่มรำคาญกับความเพ้อเจ้อคิดเองเออเองของอีกฝ่าย


    ก่อนที่ทั้งสองจะเอ่ยอะไรมากกว่านี้พยาบาลก็เรียกให้จีฮเยเข้าห้องตรวจโดยจุนฮเวเดินตามเข้าไปด้วย


          นายจะเข้ามาทำไมล่ะ" จีฮเยถามเมื่อชายหนุ่มนั่งลงข้างๆเธอ จุนฮเวไม่ตอบ


    ไม่นานนักหมอหนุ่มที่เพิ่งตรวจผู้ป่วยรายอื่นเสร็จเดินเข้ามาในห้องตรวจ จีฮเยดูเขินอายไม่น้อยที่เห็นว่าหมอที่รับหน้าที่ตรวจเธอเป็นผู้ชาย ตลอดช่วงชีวิตยี่สิบกว่าปีของเธอไม่เคยมีผู้ชายคนไหนได้เห็นหรือได้สัมผัสเรือนร่างภายในของเธอเลย จะมีก็แต่ผู้ชายเลวที่นั่งข้างๆเธอนี่แหละที่ข่มแหงรังแกเธอที่ไม่มีทางสู้แถมเมาไม่ได้สติอีกต่างหาก



          สวัสดีครับ คุณคิมจีฮเยใช่มั๊ยครับ วันนี้มีอะไรให้หมอช่วยเอ่ย" หมอหนุ่มอ่านชื่อเธอจากแฟ้มประวัติผู้ป่วยก่อนจะถามตามหน้าที่


          มาตรวจดูว่าเมื่อคืนถูกข่มขืนจริงมั๊ย" ยังไม่ทันที่จีฮเยจะได้เปิดปาก ผู้ชายข้างๆเธอก็ชิงตอบ

    คำถามเสียก่อน จีฮเยอายม้วนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ที่ไหน จะต้องบอกทำไมว่าเธอถูกข่มขืนมาเมื่อคืน แค่นี้

    เธอยังอับอายไม่พอใช่มั๊ย


          เดี๋ยวก่อนนะ" จีฮเยเริ่มตั้งสติได้ เธอทบทวนคำพูดของจุนฮเววนไปวนมา 'มาตรวจดูว่าเมื่อคืน

    ถูกข่มขืนจริงมั๊ย' หมายความว่ายังไง นี่ตกลงเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นกันแน่


          นี่นายหมายความว่าไง" จีฮเยหันไปถามจันฮเวที่นั่งอยู่ข้างๆ จุนฮเวเหลือบมองอีกฝ่ายอย่างไม่

    สบอารมณ์ ทำไมผู้หญิงคนนี้ถึงเข้าใจอะไรยากแบบนี้นะ


          ครับ งั้นเชิญด้านนี้เลยครับ" หมอหนุ่มยิ้มและลุกขึ้นยืนพร้อมกับผายมือไปยังประตูเล็กๆที่อยู่

    ด้านหลังโต๊ะทำงานของเขา จีฮเยลุกขึ้นเดินตามไปทั้งๆที่ยังงงอยู่ ตกลงแล้วเมื่อคืนเธอโดนจุนฮเวรังแก

    จริงเหรอเปล่า แล้วทำไมเขาต้องพาเธอมาตรวจอะไรแบบนี้ด้วย ยิ่งคิดเธอยิ่งสับสน

    .

    .

    .

    .

    .


    เช้านี่ก็เหมือนกับทุกๆวัน ชานอูออกไปโรงเรียนตั้งแต่เช้าก่อนที่ดาจองแต่งตัวเสร็จ เขาให้เหตุผลว่านัดเพื่อนซ้อมพรีเซ็นต์งานกลุ่มวันนี้เลยต้องรีบไป ก่อนไปดาจองไม่ลืมให้แซนวิชที่เธอทำไว้เป็นอาหารเช้าติดตัวให้น้องชายไว้กินที่โรงเรียนด้วย



    ดาจองกำลังจะออกไปทำงานแต่ก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเดินมาถึงประตูหน้าบ้าน หญิงสาวนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน 'กู๊ดไนท์คิส' ของคิมจีวอนผุดเข้ามาในหัว ดาจองรู้สึกว่าตัวเองต้องเป็นบ้าแล้วแน่ๆที่นึกถึงเรื่องแบบนั้น แต่ทำไมหัวใจเธอถึงเต้นแปลกๆเพียงแค่นึกถึงมันล่ะ ความรู้สึกนี้มันคืออะไรกันแน่



          ดาจองอ่า" เสียงหนึ่งดึงสติดาจองกลับมา เธอหันไปตามเสียงเรียก


          มาทำอะไรที่นี่แต่เช้าเหรอดงฮยอก" หญิงสาวถามขึ้น นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเจอเขาที่หน้าบ้านโดยที่ไม่คาดฝัน


          มารับดาจองไปทำงาน" ดาจองเลิกคิิ้วเมื่อได้ยินคำตอบ เธอไม่ได้หูฝาดไปใช่มั๊ย วันนี้คิมดงฮ

    ยอกขับรถมารับเธอไปทำงาน


          แต่ที่ทำงานเรามันอยู่คนละทางเลยนะ ถ้าดงฮยอกไปส่งฉันดงฮยอกต้องเข้างานสายแน่ๆ" ดา

    จองปฏิเสธเป็นนัย เธอกลัวว่าอีกฝ่ายจะต้องไปทำงานสายเพราะไปส่งเธอ


          ไม่เป็นไรหรอก เช้าๆแบบนี้รถไม่ติดยังไงก็ไปทันแน่นอน" เขาตั้งใจจะไปส่งหญิงสาวให้ได้ไม่ว่า

    อย่างไรก็ตาม


          เอางั้นเหรอ" ดาจองลังเล


          ขึ้นมาเลยครับ" ดงฮยอกกล่าวพร้อมกับเปิดประตูด้านข้างคนขับให้ดาจองก่อนจะโค้งน้อยๆเพื่อ

    เชิญให้เธอขึ้นไปนั่งบนรถ


    เมื่อเห็นอีกฝ่ายเปิดประตูรถให้เธอขึ้นนั่ง ดาจองก็ไม่รู้จปฏิเสธอย่างไร ในที่สุดเธอก็ต้องยอมให้ดงฮยอกไป

    ส่งที่บริษัท



    ระหว่างทางดูเหมือนทั้งคู่จะไม่ค่อยได้คุยอะไรกันมากนัก ปกติดงฮยอกจะเป็นคนชวนคุยก่อนแต่วันนี้ดูเหมือนว่าเขาจะแปลกไป ดาจองรู้สึกได้ถึงความอึดอัดแปลกๆแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไป


          เมื่อวานกลับบ้านยังไงเหรอ?" ในที่สุดดงฮยอกก็ถามคำถามหนึ่งขึ้นมา มันเป็นคำถามที่ดาจอง

    ไม่อยากตอบ


          อ๋อ ก็ กลับเองน่ะ กลับรถประจำทางแล้วก็เดินต่ออีกนิกหน่อย" ดาจองโกหกคำโต


          งั้นเหรอ" ดงฮยอกพูดสั้นๆ


          แล้วนี่นึกยังไงวันนี้ขับรถไปรับฉันที่บ้าน ปกติดงฮยอกไม่ชอบขับรถไม่ใช่เหรอ เห็นใช้รถไฟ

    ใต้ดินตลอดเลย" ดาจองพยายามเปลี่ยนเรื่อง เธอไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อวานมันทำให้ดาจองรู้สึกร้อน

    หน้าแบบแปลกๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นหน้าบ้าน


          ก็แค่เป็นห่วง ไม่อยากให้ไปไหนมาไหนคนเดียว"



    คำตอบของดงฮยอกทำให้ดาจองประหลาดใจไม่น้อย เขามักจะส่งข้อความมาถามเธอเสมอว่ากลับถึงบ้านหรือยังหลังจากที่เธอหายตัวไปครั้งแรกจนทำให้ทุกคนตามหากันวุ่นวาย แต่เธอไม่เคยคิดเลยว่าอีกฝ่ายจะเป็นห่วงเธอถึงขั้นลงทุนขับรถมารับเธอที่บ้านแบบนี้


          ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ" ดาจองตอบสั้นๆ


    เธอซึ้งในน้ำใจของอีกฝ่ายเหลือเกิน นอกจากจีฮเยแล้วก็มีดงฮยอกนี่แหละที่คอยเป็นห่วงเธอ มิตรภาพระหว่างเธอกับจีฮเยและดงฮยอกช่างมีค่ามากเหลือเกิน สำหรับดาจองแล้วต่อให้เงินมากมายขนาดไหนก็ไม่สามารถซื้อมิตรภาพระหว่างเธอกับเพื่อนได้


          เดี๋ยวเย็นนี้มารับนะ" ดงฮยอกพูดขึ้นเมื่อขับรถมาถึงที่หมาย


          แต่ว่าฉันไม่รู้ว่าจะได้เลิกงานกี่โมง ไม่ต้อง...”


          ไม่มีแต่ กี่โมงก็จะรอ ฉันจะรอดาจองอยู่ข้างล่างนี่แหละ" ดงฮยอกยืนยันหนักแน่น


    ไม่ว่าจะอย่างไรก็แล้วแต่เขาจะไม่เปิดโอกาสให้ดาจองอยู่กับผู้ชายคนอื่นมากกว่านี้อีกแล้ว ไม่ว่าจะเป็นคิมจีวอน คิมจินฮวาน หรือผู้ชายหน้าไหนก็ตาม เขาคือคนที่มาก่อน เขารู้จักกับดาจองก่อนผู้ชายคนอื่นๆ ดังนั้นเขาจะไม่ยอมเสียเธอให้กับคนอื่นเด็ดขาด


    ดาจองอ่อนใจไม่รู้จะปฏิเสธอย่างไร เธอพยักหน้าน้อยๆก่อนจะลงจากรถ รถของดงฮยอกเคลื่อนออกไป ดาจองยืนรอดูอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเดินเข้าบริษัทไป


    บรรยากาศภายในบริษัทยังคงเหมือนเดิม สายตาหลายคู่จับจ้องเมื่อเธอเดินผ่านเนื่องจากคำซุบซิบนินทาแพร่กระจายไปทุกแผนก ดาจองอ่อนใจไม่รู้จะทำอย่างไรกับเรื่องเหล่านี้ดี ถ้าเรื่องพวกนี้ไปเข้าหูคิมจินฮวานเข้าเขาจะมองเธอแบบไหนนะ ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่สบายใจ


    แต่ความคิดทุกอย่างต้องหยุดลงเมื่อโต๊ะทำงานของเธอมีดอกทานตะวันช่อใหญ่วางอยู่ ถ้าให้เดาคงเป็นคิมจินฮวานที่ส่งมาแน่เพราะวันแรกที่เธอมาทำงานเขาก็ส่งดอกลิลลี่สีขาวช่อโตมาให้เธอ ดาจองอดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นดอกไม้และนึกถึงคนที่ส่งมันมา เธอหยิบช่อดอกไม้ขึ้นดูก่อนจะเปิดอ่านการ์ดที่แนบมาด้วย


    ดอกทานตะวันจะบานและหันไปตามแสงตะวัน :)

    ขอให้เป็นเช้าที่สดใสนะ


    KJW

    ps. วันนี้ฉันจะเข้าบริษัทตอนบ่ายนะ


    ถึงจะไม่ใช่ดอกไม้ที่เธอชอบมากที่สุด แต่สิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้คือรอยยิ้มบางๆที่ปรากฏบนใบหน้าหลังจากอ่านข้อความในกระดาษ ถึงแม้ว่าเธอจะเดาผิดแต่ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกผิดหวังที่คนส่งมาคือคิมจีวอน



    ไม่รู้ว่าสาวน้อยไร้เดียงสาที่กำลังยิ้มจะรู้ถึงความหมายที่แท้จริงของดอกทานตะวันหรือไม่ จริงอยู่ว่าดอกทานตะวันสื่อความหมายถึงความเชื่อมั่น รักเดียวใจเดียว ความรักที่มั่นคงเสมอ แต่สำหรับคิมจีวอนเขาไม่ได้ตีความหมายของดอกทานตะวันอย่างนั้น เขาต้องการจะสื่อว่าสักวัน พิชิตใจ ดาจองให้ได้ และเมื่อคิมจีวอนได้หัวใจของเธอมา เขาก็จะทำให้มัน แหลกสลาย ด้วยตัวเอง


    แต่แค่ดอกไม้ช่อเดียวมันคงไม่พอที่จะลบล้างสิ่งต่างๆที่เขาทำไว้กับเธอ เมื่อนึกถึงเรื่องต่างๆที่คิมจีวอนทำกับเธอรอยยิ้มที่เคยมีอยู่ก็จางหายไป เธอวางดอกไม้ช่อนั้นลงและไม่สนใจมันอีกเลย

    .

    .

    .

    .

    .

    .


          ฉันขอโทษนะ" ประโยคแรกที่คิมจีฮเยพูดกับกูจุนฮเวหลังจากที่ฟังผลตรวจภายในเรียบร้อยแล้ว

    หมอบอกว่าไม่มีร่องรอยของการถูกข่มขืนใดๆทั้งสิ้น จีฮเยได้แต่ทำหน้าจ่อยเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูไม่ค่อยสบ

    อารมณ์นักของจุนฮเว


          ทำไมนายไม่บอกฉันละว่านายไม่ได้ทำอะไรฉัน" จีฮเยเอ่ยถาม


          แล้วเธอเว้นวรรคให้ฉันได้พูดบ้างมั๊ย" จุนเฮวเหลือบมอง


          ก็...” จีฮเยตอบเสียงอ่อยๆ


          แต่นายก็น่าจะพยายามอธิบายอะไรบ้างสิ ไม่ใช่นิ่งเงียบแบบนั้น แล้วยิ่ง..."


          อธิบายแล้วจะเชื่อมั๊ยล่ะ?" จุนฮเวสวนกลับโดยไม่รอให้จีฮเยพูดจนจบ



    ก็จริงอยู่ ณ ตอนนั้นจีฮเยไม่มีสติคิดไตร่ตรองอะไรแล้ว เธอปักใจเชื่อไปแล้วว่าอีกฝ่ายรังแกเธอจริงๆ ถึงเขาจะอธิบายอย่างไรเธอก็คงไม่ฟัง จีฮเยได้แต่ทำหน้าหงอยๆพร้อมกับยอมรับความจริง


          ยัยเป็ดอ๊อง" จุนฮเวพูดลอยๆ


          นี่นายว่าใคร" จีฮเยถามกลับ


          ก็ใครหล่ะตื่นมาก็แผดเสียงก๊าบๆๆๆ แถมยังเอ๋อๆอ๊องๆไร้สติอีก" จุนฮเวเบะหน้าก่อนจะสาว

    เท้าเดินจากไป


          นี่นาย!!จีฮเยตะโกนไล่หลังก่อนจะรีบสาวเท้าตามไป


          นายจะไปไหน" จีฮเยกระชากไหล่ของอีกฝ่ายที่อยู่สูงกว่าให้หยุดเดินแล้วหันกลับมาคุยกัน


          กลับไปนอนต่อดิ ถามได้"


          แต่นายต้องเล่าให้ฉันฟังก่อนว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น" จีฮเยออกคำสั่ง


          เธออยากรู้จริงๆเหรอ ฉันว่ามันน่าสมเพชมากเลยนะ เธออย่ารู้เลยจะดีกว่า" จุนฮเวไม่ได้ทำ

    ตามที่อีกฝ่ายต้องการและนั่นยิ่งทำให้จีฮเยอยากรู้มากขึ้นว่าจริงๆแล้วเมื่อคืนนี้ระว่างเธอกับเขามันเกิด

    อะไรกันแน่ ทำไมเธอถึงไปอยู่บนเตียงของจุนฮเวในสภาพนั้น


         ฉันอยากรู้ นายต้องเล่า" จีฮเยยังคงออกคำสั่ง


    ความอดทนของจุนฮเวนั้นจำกัด เขาไม่ชอบให้ใครออกคำสั่ง ไม่ชอบให้ใครทำตัวน่ารำคาญใส่ ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวายกับเขา และไม่ชอบคนโง่ที่พูดไม่รู้เรื่อง และคิมจีฮเยคือคนที่รวมทุกอย่างที่เขาไม่ชอบเอาไว้ในคนเดียว จุนฮเวกรอกตามองบนก่อนจะเดินจากไป


    ร่างเล็กไม่ละความพยายามยิ่งจุนฮเวไม่ยอมเล่าเธอยิ่งต้องง้างปากเขาให้ได้ จีฮเยตามจุนฮเวไปติดๆ เธอตั้งใจไว้แล้วว่าเป็นไงเป็นกันเธอจะต้องรู้ให้ได้ว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น


    จีฮเยตามจุนฮเวมาถึงที่รถโดยไม่ได้รับเชิญ เธอขึ้นไปนั่งบนรถทันทีที่อีกฝ่ายกดรีโมตเปิดประตูรถ จุนฮเวกรอกตามองบนอีกรอบ


          ลงไป" จุนฮเวไล่


          ไม่ลง จนกว่านานจะบอกฉันว่าเมื่อคืนเกิดอะไรขึ้น ฉันไปนอนบนเตียงของนายได้ยังไง" จีฮเยไม่

    ทำตามคำสั่งอีกฝ่าย มิหนำซ้ำยังคาดเข็มขัดนิรภัยพร้อมทั้งกอดอกแน่นเพื่อบอกให้รู้ว่าเธอไม่ยอมลงจาก

    รถง่ายๆแน่


          ไม่ลงใช่มั๊ย? ได้" จุนฮเวยกยิ้ม เขาสตาร์ทเครื่องก่อนจะขับออกไปด้วยความเร็วสูง ถึงแม้จะกลัว

    แต่ความอยากรู้ของเธอมีมากกว่า จีเฮยใช้มือทั้งสองข้างจับเบาะแน่นเมื่อจุนฮเวเร่งความเร็วมากขึ้น


         นายจะบ้าเหรอ อยากตายรึไง" จีฮเยตะโกนลั่นเมื่อคนขับเพิ่งจะปาดหน้ารถขึ้นอื่นด้วยความเร็วสูง หัวใจของเธอเต้นเร็วพอๆกับรถที่เคลื่อนไปบนถนนด้วยความหวาดเสียว


          ถ้าเธอไม่อยากตายก็ลงไปซะ" จุนฮเวยกยิ้มอย่างผู้มีชัยเพราะมั่นใจว่าอีกฝ่ายคงไม่เอาชีวิตมา

    เสี่ยงกับเขาแน่ๆ


          ไม่ ยังไงฉันก็ไม่ลง" จีฮเยยังคงหนักแน่น


          ก็ดี งั้นก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้ให้ดีล่ะ" จุนฮเวยกยิ้มก่อนจะเร่งความเร็วขึ้นไปอีก จีฮเยหลับตาปี๋

    ด้วยความกลัว มือสองข้างจับเข็มขัดนิรภัยที่คาดอยู่เอาไว้แน่น

    100% 

     



     








     


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×