คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ตอนที่ 19 : พ่อลูก (100%)
My Love My Slave
ตอนที่ 19 : พ่อลูก
ข้อแม้เดียวของจองดาจองที่จะอยู่ในบ้านหลังนี้คือ เธอมีสิทธิ์ที่จะออกไปไหนมาไหนตามใจได้ เธอมีสิทธิ์ที่จะออกไปนอกบ้านได้ตลอดเวลาและไม่จำเป็นต้องรายงานคิมจีวอน เธอสามารถทำงานนอกบ้านได้และจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ นี่เป็นข้อเสนอเดียวที่ดูเหมือนจะช่วยเพิ่มอิสรภาพให้กับดาจองถ้าเธอต้องอยู่ที่คฤหาสน์แห่งนี้กับคิมจีวอน แต่มีหรือที่คิมจีวอนจะตอบตกลงข้อเสนอนี้
ในเมื่อเธออยากทำงานเขาก็จะให้งานเธอทำ แต่ไม่ใช่ในตำแหน่งเลขารองประธานบริษัท FT food ที่เขาเคยเข้าไปนั่งแท่นรองประธานอยู่ช่วงหนึ่ง ก่อนจะคืนอำนาจบริหารทั้งหมดให้กับมาร์คเพื่อนสนิทของเข้าที่เข้าร่วมทุนกับบริษัทของคิมจินฮวาน หลังจากเขาทำให้เธอมาอยู่ใต้อานัติของเขาได้โดยสมบูรณ์และเธอก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธ เขาก็ไม่เห็นความจำเป็็นที่จะต้องกลับไปบริหารงานที่นั่นอีก แค่งานของชินกิ กรุ๊ปก็มากพอจนเขาแทบจะไม่เหลือเวลาอยู่แล้ว
'พี่เลี้ยงของซารัง แลกกับเงินเดือน เดือนละ 100 ล้านวอน'
ถึงแม้จะไม่อยากรับข้อเสนอนั้นแต่เงินจำนวน 100 ล้านวอนก็ทำให้ดาจองลังเลใจไม่น้อย หนี้สินที่ทำให้เธอต้องเซ็นต์สัญญาทาสกับคิมจีวอนมูลค่า 2000 ล้านวอน ถ้าเธอรับงานพี่เลี้ยงของซารังเพียงแค่ 20 เดือน เธอก็สามรถปลดหนี้และเป็นอิสระจากสัญญาบ้าๆนั่นได้
แค่ 20 เดือนเท่านั้น จองดาจอง
“หม่ามี้ขา...เอาอันนั้น..ป้อน ป้อน" นิ้วป้อมชี้ไปที่ไข่ม้วนสีเหลืองที่ดาจองเป็นคนลงมือทำเองตั้งแต่เช้า
ดาจองคลี่ยิ้มก่อนจะคีบไข่ม้วนสีเหลืองทองชิ้นพอดีคำสำหรับเด็กน้อยวันสี่ขวบเศษ ซารังอ้าปากกว้างรอรับอาหารแสนอร่อยจากดาจองก่อนจะเคี้ยวตุ้ยๆอย่างน่าเอ็นดู ผู้ชายหัวโต๊ะที่ไม่เคยมีรอยยิ้มเพราะเด็กคนนี้เลยบัดนี้หน้าคมกลับแต่งแต้มด้วยรอยยิ้มบาง
ทุกเช้าดาจองจะต้องลงมือทำอาหารเช้าให้หนูน้อยซารัง หลังจากที่ซารังรู้ว่าหม่ามี้ของเธอเข้ามาอยู่ในบ้านด้วยกันเด็กน้อยก็ดีใจยกใหญ่ ยิ่งไปกว่านั้นยังไม่ยอมห่างหม่ามี้ของเธอเลยแม้แต่น้อย ทั้งอาบน้ำ กินข้าว และทำกิจกรรมอื่นๆตลอดวัน แม้แต่เข้านอนก็ยังต้องให้หม่ามี้เล่านิทานให้ฟังแล้วก็นอนกอดเธอเช่นนั้นทั้งคืน มีเพียงอย่างเดียวที่ไม่ได้ทำให้เด็กน้อยน่ารักคนนี้คือให้เธอดื่มนมจากเต้าเท่านั้นเอง
ตั้งแต่ดาจองเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์แห่งนี้คิมจีวอนดูจะอารมณ์ดีเป็นพิเศษ และไม่เคยหิ้วสาวไหนมานอนค้างด้วยอีกเลย ทุกเช้าเขาต้องมานั่งรวมโต๊ะทานอาหารเช้าทั้งที่แต่ก่อนดื่มแค่กาแฟแก้วเดียวหรือบางครั้งก็ออกไปทำงานทั้งๆที่ยังไม่ได้ทานอะไรด้วยซ้ำ บรรดาบริวารของชายหนุ่มทายาทคนเดียวของชินกิกรุ๊ปสังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงของเจ้านายตัวเอง
“ป้อนฉันบ้างสิ" เสียงหนึ่งดังขึ้นจากหัวโต๊ะทำเอาดาจองเก็บยิ้มที่คลี่อยู่เมื่อครู่ทันที เธอทำเหมือนไม่ได้ยินคำขอเมื่อครู่
“ใจร้าย" คนตัวโตบ่นอุบอิบไม่สมตัวแต่นั้นทำให้บรรดาบริวารของเขาอมยิ้มไปตามๆกันเมื่อเห็นเจ้านายทำตัวไม่สมวัย
“ซารังดูสิ หม่ามี้ของซารังใจร้ายจัง" คิมจีวอนหันไปอ้อนร่างน้อยที่เมื่อก่อนเขาแสนจะชิงชัง
ตั้งแต่คิมซารังลืมตาดูโลกใบนี้คิมจีวอนไม่แม้แต่จะดูดำดูดี เขาไม่สนใจด้วยซ้ำว่าเด็กคนนี้จะเป็นอย่างไร ก่อนหน้านี้พ่อของเขาเป็นคนดูแลเด็กคนนี้ แต่หลังจากที่พ่อของเขาแต่งงานใหม่กับภรรยาชาวฮ่องกงเขาก็แทบจะไปดูดำดูดีเด็กคนนี้เหมือนกัน ภาระจึงตกมาอยู่ที่จีวอนแต่เขาก็ยังไงทำเหมือนเดิม
ไม่สนใจใยดี
“หม่ามี้ ป้อนจีวอนด้วยนะ ป้อน ป้อน" เด็กน้อยเอ่ยก่อนจะทำหน้าน่ารักชนิดที่ว่าคนถูกขอร้องปฏิเสธไม่ได้
ดาจองคีบไข่ม้วนชิ้นหนึ่งวางในจานของจีวอนโดยไม่แม้แต่จะมองหน้าเขาด้วยซ้ำ ก่อนจะจัดการเช็ดปากน้อยๆของซารังที่ตอนนี้เต็มไปด้วยเศษไข่ม้วนเมื่อครู่
“นี่ไม่เรียกป้อนนะ" จีวอนพูดพรางขมวดคิ้ม
ดาจองยังคงนิ่งเงียบ เธอเป็นแบบนี้ตั้งแต่ย้ายเข้ามาอยู่ที่นี่ เธอสนทนากับคิมจีวอนนับคำและนับครั้งได้ ดาจองพยายามเลี่ยงจีวอนให้มากที่สุดเท่าที่เป็นไปได้ ความจริงเธอไม่ได้อยากนั่งร่วมโต๊ะอาหารเช้ากับเขาด้วยซ้ำถ้าไม่ติดว่าเด็กน้อยน่ารักจะงอแงและไม่ยอมกินข้าว
ดาจองถอนหายใจพร้อมกับกลั้นใจคีบไข่ม้วนชิ้นเดิมที่วางในจานของอีกฝ่ายถือค้างไว้ระดับปาก จีวอนคลี่ยิ้มก่อนจะอ้าปากรับไข่ม้วนชิ้นนั้นเข้าปาก ถึงจะรู้ว่าอีกฝ่ายไม่เต็มใจทำแต่มันก็ทำให้เขาหยุดยิ้มไม่ได้ตลอดทั้งเช้า
.
.
.
.
.
หลังจากมื้อเที่ยงซารังก็วิ่งเล่นจนเหนื่อยและใช้เวลาไม่นานเด็กน้อยก็เข้าสู่ห่วงนิทรา ดาจองจึงปลีกตัวออกมานั่งคิดอะไรคนเดียวที่สนามหญ้าของบ้านหลังใหญ่ เป็นเวลาเกือบ 2 สัปดาห์แล้วที่เธอมาอยู่ที่นี่ แม้จะติดต่อกับน้องชายตัวดีที่เห็นดีเห็นงามให้เธอเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้เกือบจะทุกวันแต่ก็ยังอดห่วงไม่ได้ 'วันนี้ชานอูจะกินอะไรนะ' 'วันนี้จะอ่านหนังสือจนกลับบ้านดึกอีกมั๊ย' คำถามมากมายวนเวียนในหัว ทั้งที่อยากจะออกไปเจอน้องบ้างแต่ก็ปากหนักไม่อยากจะพูดคุยกับเจ้าของบ้านหลังนี้
นอกจากจองชานอูแล้วอีกคนที่ดาจองยังหวนคำนึงถึงคือชายหนุ่มรูปงามที่ต้องเจ็บตัวเพราะเธอ 'คิมจินฮวาน' หลังจากถูกแม่ของเขาสั่งห้ามยุ่งวุ่นวายกับลูกชายหัวแก้วหัวแหวนดาจองก็ไม่เคยไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลเลย แต่คิมจีฮเยที่เป็นทั้งน้องสาวของชายหนุ่มและเพื่อนสนิทของเธอยังคงโทรมาบอกความคืบหน้าอาการป่วยของพี่ชายเธอ และรบเร้าให้เธอไปเยี่ยมเขาสักนิดก็ยังดี หลังๆมานี้เธอแทบไม่รับโทรศัพท์ของอีกฝ่ายเลยแต่จีฮเยก็ยังคงส่งข้อความมาแทบจะทุกวัน ถึงแม้ว่าบางครั้งดาจองจะใจอ่อนมีแอบไปยืนมองดูคิมจินฮวานที่โรงพยาบาลอยู่บ้างแต่แค่เดี๋ยวเดียวเท่านั้น เธอยังคงรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุให้เขาถูกทำร้ายปางตายเช่นนั้น และที่สำคัญถ้าคุณนายปาร์คแม่ของจินฮวานเห็นว่าเธอยังคงวุ่นวายกับลูกชายของเธอเรื่องต่างๆคงแย่ไปมากกว่าเดิม ดาจองถอนหายใจไม่รู้กี่ร้อยกี่พันครั้งแล้วเกี่ยวกับเรื่องของจินฮวาน ใจหนึ่งก็อยากออกไปเยี่ยมเขาที่โรงพยาบาลเพื่อพูดคุยกันให้รู้เรื่อง แต่อีกใจก็กลัวว่าจะทำให้เขาเสียใจ
เวลาล่วงเลยจนเกือบจะถึงเวลาอาหารเย็นแต่คิมซารังยังคงวิ่งเล่นอย่างสนุกสนานในสนามหญ้าหน้าบ้านโดยมีดาจองและพี่เลี้ยงอีกคนดูแลอยู่ไม่ห่าง เมื่อเห็นแล้วว่าเด็กน้อยคงไม่ยอมเข้าไปทานอาหารเย็นในบ้านแน่แล้วเพราะสนุกกับการวิ่งเล่นตามประสาเด็ก ดาจองตัดสินใจเข้าไปยกถาดอาหารเย็นของซารังออกมาด้านนอก เธอหวังว่าจะป้อนข้าวเธอที่สนามหญ้าแห่งนี้
คิมซารังวิ่งซนไปทั่วและเป็นเวลาเดียวกับที่ประตูบ้านหลังใหญ่เปิดอ้าต้อนรับ BMW คันหรูรุ่นล่าสุดที่แล่นด้วยความเร็ว เมื่อเห็นว่าคนที่กลับมาเป็นคิมจีวอนซารังรีบวิ่งไปหาด้วยความยินดีที่เขากลับมา ร่างเล็กๆวิ่งเข้าใส่รถที่กำลังวิ่งโดยไม่มีใครล่วงรู้มาก่อน คิมจีวอนที่เพิ่งขับรถเข้ามาไม่คาดคิดว่าจะเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ขึ้น
เพล้ง!!
จานชามหล่นแตกเสียหายแต่นั่นไม่เท่ากับภาพที่ดาจองได้เห็นขณะเดินกลับมาจากในครัว ร่างเล็กของคิมซารังบัดนี้นอนแน่นิ่งอยู่ไม่ห่างจากรถคันหรูของผู้มาใหม่ ศีรษะมีน้ำสีแดงที่ใช้หล่อเลี้ยงร่างกายไหลออกมาเป็นสาย ดาจองมือไม่สั่นทำอะไรไม่ถูก ในขณะเดียวกันคิมจีวอนรีบเปิดประตูลงมาจากรถก่อนจะอุ้มร่างเด็กน้อยที่ไม่ได้สติขึ้นเบาะหลังรถ
“ตกใจอะไรอยู่เหล่า รีบพาซารังไปโรงพยาบาลสิ" จีวอนเรียกสติคนที่กำลังตกใจสุดขีด ดาจองรีบขึ้นรถไปพร้อมกับเจ้าของบ้านและลูกสาาวของเขา จุดหมายปลายทางคือโรงพยาบาลที่ใกล้ที่สุด
นี่เป็นหนึ่งในไม่กี่ครั้งที่คิมจีวอนขับรถราวกับจะเหาะไปบนท้องถนนก็ไม่ปาน ดาจองประคองตัวซารังอยู่ที่เบาะหลัง จีวอนมองถนนทีมองกระจกหลังที เขาไม่มีสมาธิในการขับรถแต่ก็เหยีบคันเร่งจนแทบมิด โชคยังดีที่ไม่เกิดอุบัติเหตุอะไรร้ายแรงจนมาถึงโรงพยาบาล
มือหน้ากอบกุมใบหน้าคมเข้มที่เคยหยิ่งทะนง ตอนนี้คิมจีวอนมีแต่ความกังวลเกาะกินหัวใจ ดวงตาคมแดงกร่ำ ดาจองเองก็ไม่ต่างกัน น้ำตานองหน้าตั้งแต่อยู่ในรถจนมาถึงโรงพยาบาล เธอไม่สามารถนั่งติดเก้าอี้ได้เลย สิ่งที่เธอทำได้คือเดินไปเดินมาและภาวนาขอให้ซารังปลอดภัยอยู่หน้าห้องฉุกเฉิน
“ฮื่อๆๆๆ มันเป็นความผิดของฉัน ถ้าฉันดูแลซารังดีกว่านี้ ถ้าฉันไม่ปล่อยให้เธอวิ่งเล่นแบบนั้น ฮึก!...เรื่องแบบนี้คงไม่เกิดขึ้น" หญิงสาวยังคงพร่ำโทษตัวเองตั้งแต่มาถึงโรงพยาบาล น้ำใสไหลอาบสองแก้ม เธอเป็นห่วงกลัวว่าเด็กน้อยแสนรักของเธอจะเป็นอะไรไป ถ้าคิมซารังเป็นอะไรไปจริงๆดาจองคงโทษตัวเองไปตลอดชีวิต
“มันเป็นความผิดของฉัน ความผิดฉันทั้งหมด ถ้าฉันไม่ขับรถเร็ว เด็กนั่นก็คงไม่...” หน้าคมเงยขึ้นมาสบตากับหญิงสาว น้ำตาคลอหน่วยไม่แพ้กันเพียงแต่คิมจีวอนเข้มแข็งพอที่จะยับยั้งไม่ไห้มันไหลอาบแก้มลงมา
“ไม่...มันเป็นความผิดฉัน" หญิงสาวยังคงโทษตัวเอง เธอร้องไห้จนอ่อนแรงจนทรุดลงกับพื้น จีวอนที่นั่งอยู่ไม่ไกลรีบประคองหญิงสาวไว้ในอ้อมกอด เขากอดเธอแน่นเพื่อคลายความกังวลในขณะที่ตัวเขาเองก็กังวลเกี่ยวกับซารังไม่น้อยไปกว่ากัน
“มันเป็นอุบติเหตุ เราทั้งคู่ไม่มีใครอยากให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นหรอกนะ"
“อย่าร้องไห้อีกเลยนะ" จีวอนประคองกอดหญิงสาวให้ลุกขึ้นนั่งที่เก้าอี้และปลอบเธอให้สงบลงได้บ้าง นิ้วมือของชายหนุ่มลูบไล้ปาดน้ำตาที่นองหน้าอีกฝ่าย ในขณะที่อีกมือหนึ่งจับมือเรียวของอีกฝ่ายไว้แน่น ชายหญิงสองคนสบตากัน คำพูดมากมายถ่ายทอดสายตาโดยไม่ต้องเอ่ยคำใด
“คิมจีวอน!” เสียงหนึ่งดังขึ้นทำลายภวังค์ของคนทั้งคู่
ร่างของชายชราที่ดูภูมิฐานเดินตรงมายังคนทั้งคู่ จีวอนปล่อยมือที่จับอีกฝ่ายก่อนจะยืนขึ้นโค้งหัวให้คนมาใหม่อย่างนอบน้อม
“นี่แกเกลียดซารังมากขนาดนี้เลยเหรอ"
30%
“มันไม่ใช่อย่างนั้นนะครับ มัน...” ก่อนที่จีวอนจะพูดจบมือหนาของชายสูงวัยกระทบเข้าที่หน้าคมของอีกฝ่ายเสียงดังสนั่นจนต้องหันตามแรง ดาจองที่ยืนอยู่ไม่ไกลถึงกลับสะดุ้งด้วยความตกใจ
“ถ้าแกเกลียดซารัง แล้วแกจะให้ซารังเกิดมาทำไม ฉันบอกแล้วใช่มั๊ยว่าไม่ให้เก็บเด็กคนนี้ไว้" ชายสูงวัยพูดด้วยความโมโห
“พ่อฟังก่อนได้มั๊ย?”
“ฟังอะไร ก็แกเป็นคนขับรถชนซารัง ทุกคนก็เห็น" พ่อของคิมจีวอนหรือประธานชินกิกรุ๊ปยังคงไม่ยอมฟังอะไรทั้งนั้น
“คือ...มันเป็นอุบัติเหตุนะคะ คุณจีวอนไม่ได้ตั้งใจ" คราวนี้เป็นหญิงสาวเอ่ยขึ้นอย่างตะกุกตะกักบ้าง เธอเรียกความสนใจของประธานชินกิกรุ๊ปได้เป็นอย่างดี
“เธอเป็นใคร"
“ฉัน..เอ่อ เป็นพี่เลี้ยงของซารัง คุณจีวอนจ้าง..”
“เธอใช่มั๊ยที่ปล่อยให้เกิดเรื่องร้ายๆกับซารัง มันน่านัก" ไม่พูดเปล่า เขาเงื้อมือขึ้นเตรียมจะทำร้ายร่างกายของหญิงสาวดังที่ได้กระทำกับลูกชายของตัวเองไปเมื่อครู่
"อย่าแตะต้องเธอ" มือแกร่งของจีวอนรั้งไว้ก่อนเอาตัวเข้าขวางเพื่อไม่ให้พ่อของเขามีโอกาสกระทำกับเธออย่างที่กระทำกับเขาเมื่อครู่
ประธานใหญ่แห่งชินกิกรุ๊ปมองลูกชายคนเดียวของตัวเองอย่างไม่เชื่อสายตา นอกจากเพื่อนสนิททั้งสามคนแล้วเขาไม่เคยเห็นจีวอนปกป้องใครเลย เขามองเธอด้วยสายตาคมของผู้ที่ผ่านโลกมามาก ผู้หญิงคนนี้คือผู้หญิงคนแรกที่ลูกชายเขาอ้าแขนปกป้อง เธอเป็นใครกัน เป็นแค่พี่เลี้ยงเด็กจริงๆเหรอ เธอต้องเป็นมากกว่านั้นแน่
ก่อนที่เหตุการณ์จะปานปลายไปมากกว่านี้หมอที่รักษาซารังก็ขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน
"คนไข้ฟื้นแล้วนะครับ ร้องเรียกหาหม่ามี้ ใครเป็นแม่ของเด็กคนนี้ครับ"
"ฉันค่ะ" ดาจองตอบรับแทบจะทันที ความรู้สึกดีใจเอ่อล้น แต่ในขณะเดียวกันก็สร้างความประหลาดใจให้ผู้มาใหม่ไม่น้อย
ดาจองรีบตามหมอเข้าไปพบซารังที่ยังอยู่ในห้องฉุกเฉิน คิมจีวอนไม่รอช้ารีบตามเข้าไปเช่นกัน หลังจากคุยกับหมออยู่นานสองนานเขาจึงย้ายซารังไปรักษาตัวต่อที่โรงพยาบาลในเครือของชินกิกรุ๊ป และไม่นานร่างน้อยๆก็นอนอยู่ยนเตียงใหญ่ในห้องพักหรูหราระดับโรงแรมห้าดาว ถ้าไม่บอกคงไม่รู้แน่ว่าที่นี่คือโรงพยาบาล
ดาจองนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วยส่วนจีวอนเองก็ยืนอยู่ไม่ห่าง
"เป็นยังไงบ้างคะ เจ็บมากมั๊ย?" ดาจองถามเด็กน้อยอย่างอ่อนโยน มือลูบศีรษะอย่างทะนุถนอม
เด็กสาวส่ายหัวน้อยๆแทนคำตอบ บนศีรษะมีผ้าพันแผลสีขาวพันอยู่
เพียงแค่ล้มศีรษะกระแทกจนแตกเท่านั้น ไม่ได้มีบาดแผลจากการถูกชน ร่างกายไม่ได้รับการกระทบกระเทือนหรือได้รับอันตรายร้ายแรงอื่นใด
"วันหลังอย่าวิ่งไปหารถแบบนั้นอีกนะคะ อันตรายนะรู้มั๊ย" ดาจองสอนเด็กน้อยที่นอนตาแป๋วอยู่บนเตียง
"เป็นยังไงบ้างเด็กดี" พ่อของจีวอนเอ่ยขึ้นหลังจากตามมาถึงห้องพักของซารัง
"ปะป๊า" ซารังเรียกเสียงเจื่อยแจ้วพร้อมกับฉีกยิ้มกว้าง ถ้าไม่ติดว่ามีสายน้ำเกลือเส้นน้อยผูกติดไว้ซารังคงพุ่งไปหาคนที่เธอเรียกว่า 'ปะป๊า' ทันที
สรรพนามที่ซารังเรียกคนมาใหม่นั้นทำให้ดาดองถึงกับฉงน แทนที่จะเรียกคุณปู่กลับเรียกว่าปะป๊า นี่มันเรื่องอะไรกัน ตกลงใครเป็นพ่อของซารังกันแน่
คิมจีวอนหรือพ่อของเขา
ชายสูงวัยเดินตรงมายังเตียงใหญ่ก่อนจะหอมแก้มนุ่มนิ่มฟอดใหญ่ของเด็กน้อยเต็มรัก เพียงแค่เสียงเรียกสดใสของซารังก็ทำให้หัวใจของเขาพองโตอย่างมีความสุข 'ความสุขตามประสาคนเป็นพ่อ'
“ซารังเด็กดี เจ็บมากมั๊ยลูก" ประธานแห่งชินกิกรุ๊ปพูดจาอ่อนโยนกับเด็กน้อย
“ไม่เจ็บค่ะ ปะป๊าอยู่กับซารัง” พูดพร้อมกับดึงแขนชายสูงวัย คนเป็นพ่อรู้ดีว่าลูกสาวตัวน้อยของเขาหมายถึงอะไร
“ปะป๊ามีงานที่ต้องทำที่ฮ่องกง ซารังอยากไปอยู่กับปะป๊าที่ฮ่องกงมั๊ย คุณน้าหลี่กวงอยากให้หนูไปอยู่ด้วยนะ" หญิงสาววัยไม่ถึงสามสิบคลี่ยิ้ม ดาจองเพิ่งสังเกตเห็นคนที่มาใหม่
หญิงสาวอายุประมาณยี่สิบปลายๆ เธอสวยสง่าแต่มีใบหน้าและสายตาที่เย็นชาจนทำให้ดาจองรู้สึกเสียววาบ ยามเธอคลี่ยิ้มไม่ได้ทำให้เธอดูใจดีเลยแม้แต่น้อย
ซารังมองหน้าน้าหลี่กวงแล้วเบียนหน้าหนีก่อนจะกอดแขนของดาจองไว้แน่น
“อยู่กับหม่ามี้"
พ่อของซารังมองใบหน้าซีดแต่ขอบตาบวมช้ำอย่างพิจารณาก่อนจะบอกลาลูกสาวตัวน้อยและกลับไปพักผ่อนที่บ้าน
ดาจองอาสาเฝ้าซารังที่โรงพยาบาลแต่จีวอนไม่อนุญาต เขาจ้างพยาบาลไว้เรียบร้อยแล้ว อันที่จริงไม่จำเป็นต้องจ้างแต่ทางโรงพยาบาลมีไว้บริการคนของตระกูลคิมโดยเฉพาะต่างหาก ระหว่างทางกลับบ้านดาจองมีคำถามมากมายที่อยากจะถามเกี่ยวกับซารังแต่ก็ต้องกลืนมันลงไปเพราะเธอไม่ได้อยู่ในฐานะที่จำเป็นต้องรู้ แค่พี่เลี้ยงเด็ก แค่ทาสของคิมจีวอน แค่รอวันที่เขาจะปล่อยเธอให้เป็นอิสระ ไม่มีความจำเป็นใดๆที่เธอจะต้องเข้าไปวุ่นวายกับเรื่องราวของคนในครอบครัวนี้
ยังไม่ทันที่ดาจองจะได้ล้มตัวลงนอนในห้องของเธอเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นขัดเสียก่อน ดาจองเหลือบมองนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงบอกเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว ในยามวิกาลเช่นนี้คงมีเพียงคนเดียวที่ต้องการพบเธอ
'คิมจีวอน'
ตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้ในฐานะพี่เลี้ยงของซารัง ดาจองพยายามเลี่ยงจีวอนตลอดเวลา เธอพูดคุยกับเขานับครั้งได้ เวลาส่วนใหญ่ของเธอมักจะอยู่กับซารังไม่ก็ในห้องครัว และถึงแม้จีวอนจะจัดห้องนอนของเธอให้อยู่ติดกับห้องนอนใหญ่ของเขาแต่หญิงสาวกลับไม่เคยนอนในห้องของตัวเองเลยแม้แต่วันเดียว เธอพาตัวเองไปนอนห้องของซารังทุกคืนตั้งแต่วันแรกที่เข้ามาอยู่ที่นี่ อย่างน้อยก็เพื่อความปลอดภัยของเธอเอง เพื่อที่ว่าคิมจีวอนจะได้ไม่สามารถทำอะไรเธอได้
ก็อก ก็อก ก็อก
เสียงเคาะประตูยังคงดังไม่หยุดและดูท่าว่าถ้าเธอไม่เปิดประตูมันคงจะดังเช่นนี้ไปเรื่อยๆ ดาจองหยุดยืนตรงหน้าประตูชั่งใจอยู่ชั่วครู่ว่าจะเปิดประตูดีหรือไม่
ก็อก ก็อก ก็อก
“คุณดาจองหลับแล้วเหรอคะ" เสียงหนึ่งดังจากด้านนอก
ไม่ใช่คิมจีวอนแต่เป็นเสียงพี่เลี้ยงของซารังที่จีวอนจ้างไว้ดูแลเด็กน้อยก่อนหน้าที่จะจ้างเธอ ดาจองจึงรีบเปิดประตูต้อนรับเธอในทันที
“คุณดาจองหลับรึยังคะ" เธอถามอย่างสุภาพ
“ยังคะ มีอะไรรึเปล่าคะ"
“ท่านประธานอยากพบคุณค่ะ ท่านรออยู่ที่ห้องทำงาน"
ดาจองไม่รู้ว่าประธานใหญ่แห่งชินกิกรุ๊ปต้องการพบเธอด้วยเหตุผลประการใด แต่เธอมั่นใจว่าต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับคิมซารังลูกสาวของท่านที่เธอเข้าใจผิดคิดว่าเป็นลูกสาวของคิมจีวอนมาโดยตลอด
ห้องทำงานห้องใหญ่ถูกประดับตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ราคาแพง โต๊ะทำงานไม้สีน้ำตาลตัวใหญ่ถูกวางไว้ใกล้หน้าต่างบานโต ผ้าม่านราคาแพงแขวนเรียงรายตามหน้าต่างทุกบาน ตู้หนังสือที่มีหนังสือมากมายหลายชนิด ทั้งภาษาเกาหลี ภาษาอังกฤษ ภาษาจีน หรือแม้แต่ภาษาญี่ปุ่นถูกจัดวางไว้อย่างเป็นระเบียบ กลิ่นหอมอ่อนๆของชาชั้นดีที่อยู่ในแก้วเซรามิกสีขาวบนโต๊ะทำงานลอยคละคลุ้งไปทั่วทั้งห้อง ดาจองเดินเข้าไปหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงาน
“นั่งสิ" ประธานชินกิกรุ๊ปเชิญให้เธอนั่งตรงหน้าเขา ก่อนจะวางแฟ้มบางสีฟ้าลงบนโต๊ะพร้อมกับมองหน้าหญิงสาว
“ท่านประธานมีอะไรจะคุยกับดิฉันเหรอคะ"
“เธอชื่ออะไร" เขาถามทั้งๆที่รู้ประวัติของเธอดีอยู่แล้ว ก่อนหน้านี้เขาสั่งให้ลูกน้องไปสืบประวัติของผู้หญิงคนนี้มาโดยละเอียดและเขากำลังอ่านมันก่อนที่เธอจะมาถึง เขาอยากจะรู้จากปากเธอมากกว่าและอยากรู้เรื่องอื่นที่คนของเขาสืบมาไม่ได้ด้วย
“จองดาจองค่ะ" หญิงสาวตอบไปตามจริง ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะต้องปิดบัง
“อายุ"
“23 ปีค่ะ"
“การศึกษา"
“คณะบริหารค่ะ" ดาจองรู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อยที่ต้องตอบคำถามเหล่านี้และมันผิดจากที่เธอคาดการไว้มากทีเดียว การที่ถูกอีกฝ่ายซักประวัติอย่างละเอียดทำให้เธอรู้สึกไม่ต่างจากการเป็นนักโทษ เป็นทาสของลูกชายเขาคนเดียวไม่พอ ยังต้องมาเป็นนักโทษของคนเป็นพ่ออีก
คำถามเกี่ยวกับตัวดาจองยังคงพรั่งพลูออกมาจากปากของชายสูงวัย จนในที่สุดเขาก็ถามเกี่ยวกับซารัง ถามเธอว่ามาเป็นพี่เลี้ยงของซารังได้อย่างไรซึ่งเธอก็ตอบไปตามความจริงเพียงแต่ไม่หมดทุกอย่างเท่านั้นเอง เธอไม่ได้บอกเรื่องสัญญาและความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับทายาทแห่งชินกิกรุ๊ป
“เธอเป็นคนบอกให้ซารังเรียกเธอว่า หม่ามี้ รึเปล่า" ชายสูงวัยถามขึ้น เขาอยากรู้ว่าทำไมลูกสาวของเขาถึงเรียกเธออย่างนั้น
“เปล่าค่ะ" ดาจองตอบไปตามจริง ครั้งแรกที่เจอกันซารังเรียกเธอว่าออนนี่ แต่หลังจากจีวอนพาซารังมาที่บ้านของเธอ สรรพนามที่ซารังใช้เรียกเธอก็เปลี่ยนไป ถ้าให้หญิงสาวเดาคงเป็นคิมจีวอนที่บอกให้ซารังเรียกเธอเช่นนั้น
ชายสูงวัยพยักหน้ารับรู้
“ซารังเป็นลูกสาวคนเล็กของฉัน" จีวอนไม่ใช่พ่อของซารังอย่างที่เธอเข้าใจแต่กลับเป็นน้องสาวของเขา หญิงสาวไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ชายคนนั้นถึงไม่แก้ความเข้าใจผิดของเธอ
“ซารังกำพร้าแม่ตั้งแต่อายุ 6 เดือน" เขาพูดพร้อมกับมองกรอบรูปที่วางอยู่บนโต๊ะ ถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นรูปแม่ของซารังเป็นแน่
สายตาห่วงหาอาทรไม่สามารถปิดบังไว้ได้มิด ถึงแม้เธอจะเสียชีวิตไปหายปีแล้วและเขาก็แต่งงานใหม่กับภรรยาชาวฮ่องกงแต่ผู้หญิงคนนั้นคือผู้หญิงคนที่เขารักมากที่สุดและมากกว่าแม่ของจีวอน
“ฉันอยากให้เธอช่วยดูแลซารัง แล้วก็จีวอนลูกชายของฉันด้วย" เขาเอ่ยพร้อมกับละสายตาจากกรอบรูป
ดาจองพอจะเข้าใจเรื่องที่บอกให้เธอดูแลซารังเพราะนั่นเป็นหน้าที่ของเธอในฐานะพี่เลี้ยง แต่เรื่องดูแลจีวอนนั้นเห็นจะไม่ใช่หน้าที่ของเธอ และเธอก็ไม่อยากดูแลคนอย่างเขาด้วย บาดแผลมากมายที่อีกฝ่ายสร้างไว้ให้ทำให้เธอไม่อยากแม้แต่จะอยู่ร่วมชายคาเดียวกับเขา แต่เพราะสัญญาและคำขู่ที่จะบอกแม่ของเธอเรื่องระหว่างเธอกับเขาทำให้เธอจำใจต้องอยู่ที่นี่
.
.
.
.
.
“คิดจะเอาเด็กนั่นไว้ต่อรองเอาทรัพย์สมบัติจากพ่อฉันรึไง" เสียงหนึ่งดังขึ้น
หลี่กวงในชุดนอนบางเบามองหาต้นกำเนิดของเสียง เธอจำเสียงที่เกือบจะคุ้นเคยนี้ได้ ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นทายาทของชินกิกรุ๊ป
คิมจีวอน
60%
หลี่กวงเพียงแต่ต้องการหาไวน์ดื่มก่อนนอนแก้เครียด เธอจึงย่องลงบันไดมายังชั้นล่างเงียบๆเพื่อไม่ให้สามีคราวพ่อของเธอรู้ การได้เจอคิมจีวอนที่กำลังนั่งดื่มอยู่ทำให้เธอดีใจไม่น้อยแต่ก็ต้องพยายามเก็บอาการไว้
เธอยกยิ้มก่อนจะเดินเยื้องย่างเข้าไปหาต้นกำเนิดเสียงที่กำลังยกบรั่นดีชั้นเลิศขึ้นจิบอย่างสบายอารมณ์ อยู่ที่ปลายบาร์ ผมที่เพิ่งผ่านการสระมายังไม่ทันแห้งสนิทดีทำให้เขาดูเซ็กซี่ไม่น้อยในความคิดของคนมอง ชายหนุ่มที่อยู่ในชุดนอนเปลือยท่อนบนเผยแผงอกกำยำ ยิ่งมีเพียงเสื้อคลุมอาบน้ำสีเทาคลุมไว้อย่างหลวมๆยิ่งทำให้เธอต้องการครอบครองเขามากขึ้นไปอีก
“คุณเห็นฉันเป็นคนแบบนั้นเหรอคะ?" เธอพูดกับอีกฝ่ายเป็นภาษาสากล
“หึ!” จีวอนเค้นหัวเราะในลำคอ
“ฉันรู้ว่าคุณเกลียดเด็กนั่น ใช่มั๊ยหล่ะ" บัดนี้หญิงสาวเดินเข้ามาประชิดตัวจีวอนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ไม้ราคาแพง
“ฉันจะช่วยกล่อมเด็กนั้นให้เชื่อง และเมื่อถึงวันที่พ่อคุณไม่อยู่แล้ว" หลี่กวงขยับเข้าใกล้ชายหนุ่มจนได้กลิ่นแชมพูของเขา มือเรียวสอดเข้าใต้เสื้อคลุมลูบไล้สัมผัสแผงอกกำยำ
“เด็กนั่นจะได้ไม่กล้าหื้อกับคุณ แล้วก็...ฉัน" หลี่กวงกระซิบข้างหูของจีวอน ร่างสูงที่ถูกลูบไล้ยกยิ้มมุมปาก คิดว่าเขาโง่รึยังไงที่อ่านผู้หญิงคนนี้ไม่ออก
“แบบนี้ดีมั๊ยคะ?” คราวนี้ไม่ใช่แค่มือเรียวที่ลูบไล้แผงอก แต่เป็นริมฝีปากบางที่สัมผัสเข้าที่แก้มซ้ายของชายหนุ่มอย่างแผ่วเบา
หลี่กวงหญิงสาวสวยดีกรีนางแบบดังชาวฮ่องกง อายุแค่ยี่สิบปลายๆ เธอสวยสง่า ถ้าจะหาผู้ชายฐานะดีที่อายุไล่เลี่ยกันซักคนแต่งงานด้วยคงไม่ใช่เรื่องยากเย็นอะไร แต่หล่อนเลือกแต่งงานกับผู้ชายที่อายุห่างกันจนแทบจะเป็นพ่อลูกกันได้ ถึงจะมีกระแสสังคมคัดค้านแต่เมื่อทั้งคู่แสดงความรักที่มีต่อกันออกสื่ออยู่บ่อยครั้ง จึงทำให้หลายคนคิดว่านี่เป็นรักแท้ จะมีซักกี่คนที่ล่วงรู้เหตุผลที่แท้จริงของเธอ
ทรัพย์สมบัติมากมายของชายชราวัยใกล้ฝั่ง มีเพียงลูกชายคนเดียวเท่านั้นที่เป็นตัวหาร และหล่อนก็เป็นผู้หญิงสวย มันไม่ใช่เรื่องยากอะไรที่จะยั่วทั้ง พ่อ และ ลูก
ความจริงที่เธอได้รับรู้หลังแต่งงานกับพ่อของเขาทำให้เธอแทบกระอัก สามีวัยใกล้ฝั่งไม่ได้มีลูกชายแค่คนเดียวแต่ยังมีลูกสาววัยแบเบาะที่ถือกำเนิดจากภรรยาคนก่อนด้วย งานนี้มีตัวหารเพิ่มขึ้นส่วนแบ่งในทรัพย์สมบัติของเธอคงจะลดน้อยลง
“แล้วถ้าตอนนี้ ผมไม่ได้เกลียดเด็กคนั้นแล้วหล่ะ"
หญิงสาวเลิกคิ้วทำหน้าสงสัยราวกับว่าเธอหูฝาดไปที่ได้ยินเขาพูดเช่นนั้น ผู้ชายตรงหน้าจะไม่เกลียดเด็กคนนั้นได้อย่างไร ในเมื่อเธอได้ยินมาว่าเขาเกลียดเด็กคนนี้มาก เขาแทบจะไม่สนใจใยดีเด็กซารังนั่นเลยด้วยซ้ำตั้งแต่เกิดมา และอีกอย่างเขาก็เกลียดผู้หญิงที่เป็นภรรยาคนก่อนของพ่อเขาอย่างกับอะไรดี
ผู้หญิงที่ทำให้พ่อเขาผิดสัญญาที่ให้ไว้กับแม่ของเขา
“อย่าเสียเวลาคิดเรื่องจะเอาซารังไปอยู่ด้วยเลยนะ เพราะมันไม่ได้ทำให้คุณได้สิ่งที่เธอต้องการเลยแม้แต่น้อย"
จีวอนรู้ดีว่าหลี่กวงต้องการอะไร จุดประสงค์ที่เธอแต่งงานกับชายที่แก่คราวพ่อนั้นก็เพราะทรัพย์สมบัติจำนวนมหาศาลที่ชาตินี้ทั้งชาติก็ใช้ไม่หมดและอาจจะใช้ไม่หมดยันชาติหน้าและชาติต่อๆไป เธอจะสบายไปทั้งชีวิตและอีกไม่นานไม้ใกล้ฝั่งอย่างพ่อเขาก็คงสิ้นลม เมื่อถึงเวลานั้นเธอก็จะเป็นอิสระ นั่นคือสิ่งที่จีวอนเข้าใจในตอนแรก
“คุณรู้เหรอคะ...ว่าจริงๆแล้ว ฉันต้องการอะไร" เธอพูดด้วยน้ำเสียงแหบพร่าพร้อมกับส่งสายตายั่วยวน
หลังจากพ่อเขาแต่งงานกับหญิงสาวได้ไม่นานเขาก็รู้ว่าเธอไม่ได้ต้องการเป็นอิสระจากผู้ชายตระกูลคิม ถ้าไม่มีพ่อเขาอยู่หล่อนก็พร้อมจะทอดกายบนเตียงให้เขาได้เชยชมโดยไม่สนกระแสสังคมเลยแม้แต่น้อย
“หึ!” จีวอนเค้นหัวเราะอีกครั้งก่อนจะแกะมือปลาหมึกของอีกฝ่ายให้พ้นตัวแล้วเดินกลับขึ้นไปยังชั้นสอง
“ผู้หญิงหิวเงินอย่างคุณ ทำไมผมจะมองไม่ออก"
หลี่กวงไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธ เธอเพียงแค่คลี่ยิ้มบางๆ
“และอีกเรื่องที่คุณยังไม่รู้ ถึงแม้พ่อของผมจะเป็นพ่อของซารัง แต่ในทางกฏหมายผมต่างหากที่เป็นพ่อของซารัง" ชายหนุ่มยกยิ้มก่อนจะเดินจากไป ทิ้งให้หญิงสาวอึ้งกับประโยคเมื่อครู่
หลี่กวงได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังของอีกฝ่าย เธอไม่เข้าใจในสิ่งที่อีกฝ่ายพูด จะเป็นไปได้อย่างไรกันที่คิมจีวอนจะเป็นพ่อตามกฏหมายของซารัง ในเมื่อเขาเป็นพี่ชายแท้ๆของเธอ ตกลงครอบครัวนี้เล่นตลกอะไรกันอยู่ ตกลงใครเป็นพ่อของซารังกันแน่
แล้วทรัพย์สมบัติที่เธอหวังจะได้หล่ะ?
ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม เด็กคนนั้นจะเป็นลูกใครก็ช่าง ผู้หญิงอย่างหลี่กวงตั้งใจไว้แล้วว่าจะต้องจับผู้ชายที่ชื่อ คิมจีวอน ให้ได้ โดยไม่สนว่าสามีของเธอจะยังมีชีวิตอยู่หรือตายไปแล้วก็ตาม
.
.
.
.
.
ยังไม่ทันที่พระอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้า ตาโตๆของดาจองก็ลืมขึ้นคล้ายกับว่าจริงๆแล้วเมื่อคืนเธอไม่ได้ข่มตาหลับซักเท่าไหร่ ใจหนึ่งก็เป็นห่วงร่างเล็กที่นอนอยู่ที่โรงพยาบาล อีกใจหนึ่งก็หวั่นกลัวคนที่อยู่ข้างห้องแม้เธอจะล็อกประตูแน่นหนาก่อนจะล้มตัวลงนอนแล้วก็ตาม ร่างบางระหงเยื้องย่างลงบันไดช้าๆเพราะเกรงว่าจะส่งเสียงรบกวนคนที่กำลังพักผ่อนอยู่ด้านบน ดาจองเข้าครัวทำโจ๊กหมูเตรียมไว้ให้ซารังก่อนจะกลับขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัวเตรียมตัวไปโรงพยาบาลแต่เช้าตรู่
เนื่องจากยังไม่มีใครในบ้านตื่นนอนและดาจองไม่อยากจะรบกวนคนขับรถของบ้านหลังนี้เธอจึงตัดสินใจไปโรงพยาบาลด้วยตัวเองถึงแม้ฟ้าจะยังไม่สางก็ตาม เธอนั่งรถประจำทางและไม่นานก็ถึงโรงพยาบาลที่ซารังพักรักษาตัวอยู่ ดาจองเปิดประตูห้องและก้าวเดินอย่างแผ่วเบา เด็กน้อยยังคงหลับสนิทอยู่บนเตียง หญิงสาวไม่ต้องการรบกวนทำให้เธอตื่น ดวงตากลมโตทอดมองร่างเล็กบนเตียงด้วยความรักอยู่นานสองนานก่อนจะกระชับผ้าห่มห่มให้ความอบอุ่นแก่อีกฝ่าย
เวลาเช้าเช่นนี้แต่ไม่เห็นร่างบางอยู่ในครัวเขาคิดว่าบางทีเธออาจจะยังไม่ตื่นจึงลองเคาะประตูเรียกดู ร่างสูงเคาะประตูไม้บานใหญ่อยู่นานแต่กลับไม่มีเสียงตอบกลับ เขาจึงตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปดูให้แน่ใจ ห้องนอนว่างเปล่าทำให้เขารู้ว่าคนที่ตามหาไม่ได้อยู่ที่ห้องนี้และบางทีเธออาจจะไม่ได้อยู่ที่บ้านหลังน้ีแล้ว ชายหนุ่มกัดฟันกรอด
จองดาจอง เธอหายไปโดยไม่บอกฉันได้ยังไง!!
จีวอนไม่รอช้าสั่งให้พ่อบ้านของเขาเช็คกล้องวงจรปิดรอบๆบริเวณบ้าน พ่อของจีวอนที่เพิ่งตื่นสังเกตเห็นความผิดปกติของลูกชายก็ยกยิ้มอย่างรู้ทัน พลางนึกถึงประโยคที่พูดกับหญิงสาวเมื่อคืน
“เธออาจจะไม่รู้ แต่จีวอนไม่เคยปกป้องผู้หญิงคนไหนนอกจากแม่ของเขา และเมื่อตอนเย็นที่เขาปกป้องเธอ แสดงว่าเธอสำคัญกับเขา"
“ดิฉันคิดว่าท่านประธานคงเข้าใจอะไรผิดแล้วหล่ะคะ"
"ถ้าท่านทำร้ายดิฉันในที่สาธารณะแบบนั้นคนอื่นจะมองท่านไม่ดี ดิฉันคิดว่าคุณจีวอนคงต้องการจะปกป้องชื่อเสียงของท่านประธานมากกว่า " หญิงสาวตอบไปตามที่คิด คนอย่างคิมจีวอนหรือจะปกป้องเธอ การกระทำของเขาไม่ได้ใกล้เคียงกับคำนั้นเลยด้วยซ้ำ เขามีแต่จะทำร้ายเธอให้เจ็บช้ำเสียมากกว่า
คนแก่ประสบการณ์กว่าหรี่ตามองอย่างพิจารณา เขาคิดว่าคงมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นระหว่างทั้งสองคนเป็นแน่จึงทำให้หญิงสาวพูดเช่นนั้น และเขามั่นใจว่าลูกชายตัวดีของเขาคงจะเป็นฝ่ายทำให้เธอเจ็บช้ำน้ำใจ ชายแก่ถอนหายใจ
“แล้วสักวันเธอจะรู้เอง"
หลังจากรู้ว่าหญิงสาวออกไปจากบ้านตั้งแต่ตะวันยังไม่โผล่พ้นขอบฟ้าโดยที่ไม่มีใครในบ้านรู้เลยว่าเธอหายไปไหน จีวอนสั่งทำโทษพนักงานรักษาความปลอดภัยยกชุด ก่อนจะหันมาเล่นงานพ่อบ้านและเหล่าบรรดาคนรับใช้ในบ้าน ทุกคนต่างหน้าเสียเพราะเมื่อไม่กี่วันก่อนเขายังดูอารมณ์ดีแต่พอวันนี้แต่วันนี้กลับเปลี่ยนเป็นคนละคน
เมื่อเห็นว่าจีวอนกำลังจะทำให้เรื่องเล็กกลายเป็นเรื่องใหญ่พ่อของเขาจึงเอ่ยปากห้ามไว้ ก่อนจะให้ลูกน้องไปดูที่โรงพยาบาลที่ซารังรักษาตัวอยู่ คนแก่มากประสบการณ์เชื่อว่าหญิงสาวไม่ได้หนีลูกชายเขาไปแน่ เธอแทบจะไม่มีความคิดนั้นอยู่ในหัวเลยแม้แต่น้อย ดาจองดูเป็นห่วงเป็นใยซารังมากกว่าคิดที่จะจากไป
ไม่นานคนที่เขาส่งไปก็กลับมารายงานว่าหญิงสาวเฝ้าไข้คุณหนูของบ้านอยู่ที่โรงพยาบาลไม่ได้หนีหายไปอย่างที่จีวอนเข้าใจ ชายหนุ่มไม่รอช้ารีบขับรถออกไปโรงพยาบาลทันที
รถสปอร์ตคันหรูมาถึงยังโรงพยาบาล ร่างสูงไม่รอช้ารีบตรงไปยังห้องคนไข้ VVIP ทันที เสียงหัวเราะร่วนดังลอดประตูออกมา คิมจีวอนลอบมองหญิงสาวและลูกตามกฏหมายของเขาผ่านกระจกหน้าประตูห้องก่อนจะเผยยิ้มบางๆประดับบนใบหน้าคม มีเหตุผล 2 ข้อที่ทำให้ชายหนุ่มยิ้มยากระบายยิ้มบนใบหน้าของตัวเอง หนึ่งเพราะลูกตามกฏหมายของเขาปลอดภัยดีแถมยังกลับมาเจื้อยแจ้วได้เหมือนเดิม สองคือหญิงสาวที่เขากลัวว่าจะหนีไปกำลังนั่งป้อนข้าวคิมซารังอยู่ในห้อง จีวอนยืนมองอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะเปิดประตูเข้าไป
เมื่อเห็นว่าใครเปิดประตูเข้ามาเด็กน้อยที่อยู่บนเตียงก็ร้องเรียกเสียงดัง
“จีวอน~"
เขายิ้มให้คนบนเตียงแต่ทำหน้าบึ้งใส่อีกคนที่นั่งอยู่ข้างเตียง
“ทำไมออกมาไม่บอก รู้มั๊ยคนทั้งบ้านเค้าเดือดร้อนตามหากันให้วุ่นวาย"
ดาจองหน้าถอดสี ใบหน้าหวานที่เคยระบายยิ้มบัดนี้เจือนลงอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่คิดว่าการที่เธอออกมาเยี่ยมซารังแต่เช้าจะทำให้ให้คนอื่นเดือดร้อนและวุ่นวายขนาดนี้ แต่ถ้าดาจองได้รู้ความจริงว่าคนที่ทำให้คนทั้งบ้านวุ่นวายตามหาตัวหล่อนเป็นคิมจีวอนคงจะไม่หน้าเจื่อนแบบนี้ ตรงกันข้ามคงจะเชิดใส่และไม่สนใจคนตรงหน้าด้วยซ้ำ
“ฉันขอโทษค่ะ"
“วันหลังอย่าทำแบบนี้อีก อย่าให้ฉันหมดความอดทนจนเผลอส่งสัญญานั้นไปให้แม่เธอดูละกัน" จีวอนขู่
“ค่ะ ทราบแล้วค่ะ" ดาจองตอบเสียงเรียบ เธอพยายามซ้อนความไม่พอใจไว้ในสีหน้าเรียบเฉย ถ้าวันไหนที่เธอหาเงินได้ครบพอที่จะชดใช้หนี้อีกฝ่าย วันไหนที่เธอได้รับอิสรภาพ เธอสัญญากับตัวเองว่าจะไปให้พ้นจากผู้ชายคนนี้แน่นอน
.
.
.
.
.
ถึงแม้ว่าหลี่กวงจะพยายามเข้าหาคิมซารังมากขนาดไหนแต่ซารังยังคงติดหม่ามี้ของเธอแจตั้งแต่ออกจากโรงพยาบาล ดาจองรู้ดีว่าเรื่องนี้สร้างความไม่พอใจให้กับ 'หลี่กวง' ซึ่งมีศักดิ์เป็นแม่เลี้ยงของซารังอยู่ไม่น้อย เพราะเธออยากสนิทกับซารังและรับเธอไปอยู่ที่ฮ่องกงด้วยกัน แต่ดาจองคงไม่รู้ว่าหลี่กวงยังมีเรื่องอื่นที่ไม่พอใจดาจองอีกเช่นกัน
และเรื่องนี้สำคัญกว่าเรื่องของซารังเสียอีก
กลิ่นซุปหอมอบอวลไปทั่วห้องครัว ผมสีน้ำตาลอ่อนเมื่อยามต้องแสงถูกมัดรวมเป็นหางม้าไว้อย่างดี ชุดเดรสสีขาวยาวคลุมเข่าพอดีตัวช่วยเผยรูปร่างสมส่วน ถึงแม้จะสวมผ้ากันเปื้อนสีชมพูแต่ก็ไม่ได้ทำให้ความสวยของเธอลดลงเลยแม้แต่น้อย ดาจองกำลังขะมักเขม้นเตรียมอาหารในห้องครัวใหญ่ ทุกคนรู้ดีว่าคุณหนูซารังชอบรับประทานอาหารฝีมือของคุณพี่เลี้ยงดาจองมากแค่ไหน และตั้งแต่เข้ามาอยู่ในบ้านหลังนี้เธอก็ทำอาหารให้เด็กน้อยทุกวัน เช้านี้ก็เช่นกัน
“ขอเห็ดหน่อยจ๊ะ" หญิงสาวร้องบอกลูกมือสองสามคนที่มักจะช่วยเธอเตรียมอาหารทุกเช้า
“ขอบใจจ๊ะ" เธอกล่าวโดยไม่ได้มองว่าแท้จริงแล้วใครเป็นคนส่งเห็ดเหล่านั้นให้เธอ ถ้าหญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองซักนิดเธออาจจะกลืนคำขอบคุณนั้นลงคอก็เป็นได้ เพราะตอนนี้ผู้ช่วยของเธอถูกไล่ให้ไปทำอย่างอื่นเรียบร้อยแล้ว
คางมนวางลงบนไหล่ลาดของคนที่วุ่นวายทำซุปเห็ดพร้อมกับสองแขนที่โอบรัดรอบเอวโดยไม่ทันได้ตั้งตัว กลิ่นน้ำหอมอ่อนๆของผู้มาใหม่ทำให้ดาจองไม่ต้องเดาให้เสียเวลาว่าใครที่วางคางลงบนบ่าของเธอ หญิงสาวยืนนิ่งด้วยความตกใจก่อนจะแกะแขนแกร่งที่พันธนาการรวบเอวคอดของเธอไว้
เมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายไม่ต้องการอยู่ในอ้อมกอดของเขา ชายหนุ่มก็ไม่ฝืนใจ เขายอมคลายมือออกโดยดี
“ต้องการอะไรคะ" หน้าสวยหันมาสบตากับเขาก่อนจะเอ่ยถาม
“ไม่ได้ต้องการอะไร"
“งั้นช่วยออกไปรอด้านนอกด้วยค่ะ เกะกะ" ดาจองพูดเน้นเสียงโดยไม่สนใจว่าอีกฝ่ายจะรู้สึกอย่างไร
“แล้วเธอจะทำอาหารคนเดียวได้ยังไง มา..เดี๋ยวฉันช่วย" จีวอนยังไม่ยอมง่ายๆ
“กรุณาออกไปรอด้านนอกด้วยค่ะ ฉันจะทำอาหารเช้าคนเดียว"
“ตามใจ" คนถูกไล่ไหวไล่ก่อนจะเดินออกไป
จีวอนยกยิ้มมุมปากให้ความถือดีและอวดเก่งของอีกฝ่าย เขาสั่งให้คนรับใช้ในบ้านทุกคนห้ามช่วยดาจองเตรียมอาหารเช้าในวันนี้ ชายหนุ่มอยากรู้ว่าคนในห้องครัวจะอวดเก่งไปได้ซักกี่น้ำ
เมื่อชายหนุ่มตัวปัญหาออกไป หญิงสาวจึงลอบถอนหายใจออกมา เธอนึกว่าอีกฝ่ายจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆเสียอีก คนอวดดีไม่รู้เลยว่ากำลังถูกคนที่เพิ่งไล่ไปนั้นดัดหลังให้เสียแล้ว
“ทำอาหารเช้าอยู่เหรอ" เสียงหนึ่งเอ่ยถามเป็นภาษาสากลและดาจองรู้ดีว่าใครเป็นเจ้าของเสียงนี้
“ค่ะ คุณหลี่กวงต้องการอะไรเป็นพิเศษรึเปล่าคะ?"
“นอกจากจะเป็นพี่เลี้ยงแล้วเนี่ยยังเป็นแม่ครัวด้วยเหรอจ๊ะ แหม..ทำหลายงานจริงๆนะ ไม่่รู้ว่าจะทำอย่างอื่นด้วยรึเปล่า"
คนถูกถามตอบไม่ตรงคำถามแต่กลับพูดจาคำสอดเสียดเชิงประชดประชันซึ่งนั่นทำให้ดาจองอดโมโหไม่ได้ ดาจองสูดหายใจเข้าลึกๆก่อนจะก้มหน้าก้มตาทำอาหารต่อไป ไม่ได้สนใจร่างระหงที่เดินวนไปวนมาในครัวของเธอ
หลี่กวงเหยียดยิ้มเย้ยหยัน
“คุณจีวอนเค้าจ้างเธอท่าไหนหล่ะ ถึงได้ยอมทำขนาดนี้" คำพูดสองแงสามง่ามทำให้ดาจองหยุดชะงัก
“อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าเธอหวังอะไร"
หน้าสวยขมวดคิ้วเป็นปมสงสัยในประโยคเมื่อครู่ ดาจองไม่แน่ใจนักว่าหลี่กวงรู้หรือไม่ว่าจริงๆแล้วเธอต้องการอะไร บางทีเธออาจจะเข้าใจผิดแต่ดาจองไม่อยากสนใจเธอมากนัก หญิงสาวพยายามควบคุมอารมณ์และบอกกับตัวเองว่าไม่มีความจำเป็นต้องต่อล้อต่อเถียงกับหลี่กวงให้เสียเวลา
“เธอไม่มีวันสมหวังหรอกนะ เพราะว่าคนระดับ คิมจีวอน ทายาทแห่งชินกิกรุ๊ปเนี่ย...เขาไม่ชายตามองผู้หญิงระดับเธอหรอก"
“ผู้หญิงอย่างเธอมันก็แค่ของเล่นชั่วครั้งชั่วคราวของเขา เขาไม่ได้คิดจริงจังกับเธอหรอกนะฉันจะบอกให้" หลี่กวงยกยิ้มเมื่อนึกถึงภาพชายหนุ่มที่เธอเองก็แอบหมายปองสวมกอดหญิงสาวจากด้านหลัง หล่อนมั่นใจว่าการกระทำของชายหนุ่มเมื่อครู่ทำให้หัวใจสั่นไหวได้ไม่ยาก และถึงแม้ว่าจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนอยู่ในระดับไหนแต่เธอจะไม่ปล่อยให้มันพัฒนาให้มันมากกว่าที่เป็นอยู่แน่นอน
100%
มาแล้วจ้าาา า
มาตามสัญญาอัพฟิคทุกวันเสาร์หลังจากหายไปนานและแอบหนีไปเที่ยวมาสองอาทิตย์ ^^
ตอนนี้แอบมีตัวอิจฉามาสร้างความร้าวฉาน(?) ให้ดาจองกะจีวอนด้วย ฮี่ๆๆ
แต่ขอบอกว่าคนนี้ร้ายคือร้ายให้เห็นเลย แต่อีกคนจะร้ายแบบไม่เปิดเผย รอดูไปละกันว่าใคร >///<
คือหลายคนคงรู้ว่าไรท์แอบหนีไปเที่ยวมา ไรท์ก็แอบรู้สึกผิดที่ไม่ได้อัพฟิคตามสัญญาเลยซื้อของมาฝากงี้ แต่ว่าเหมือนเพิ่งจะแจกของที่ไม่ได้ใช้ไปเมื่อเร็วๆนี้เลยคิดว่าอาจจะเก็บไว้แจกตอนที่แอบหยุดยาวกว่านี้ดีกว่า TT_TT (รอดูแล้วกันว่าจะหยุดยาวอีกทีเมื่อไหร่ ขอบอกว่าเร็วๆนี้แหละ 55555) แจกบ่อยเดี๋ยวคนหาว่าเรียกเรตติ้ง เรียกเม้นต์ ไม่อยากให้คนมองแบบนั้น 5555
ปล. ตอนนี้จะตั้งใจแต่เรื่องนี้ให้จบก่อน คนที่รออ่านเรื่องฮันบินรอก่อนนะ ตอนแรกคิดว่า 2 เรื่องพร้อมกันจะไหว ปรากฏว่าไม่รอดจ้าา
ปล.ปล. เม้นต์ด้วยนะคะ หรือจะทักทายไรท์ได้ที่ @badtzlady แท็ก #ทาสจีวอน (คุยได้ไรท์ไม่กัด ฉีดยากันบ้าแล้ว 555)
ความคิดเห็น