คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #28 : ตอนที่ 25 : เผยใจ (100%)
My Love My Slave
ตอนที่ 25 : เผยใจ
เตียงผู้ป่วยถูกเข็นเข้าไปยังห้องฉุกเฉินอย่างเร่งรีบ คนที่นอนอยู่บนเตียงไร้ซึ่งสติสัมปชัญญะมีเพียงลมหายใจเข้าออกที่แผ่วเบาเท่านั้นที่บอกให้รู้ว่าหัวใจของเขายังทำงานอยู่
เพียงแต่ว่า...มันเต้นอย่างอ่อนแรงเหลือเกิน
หญิงสาวร่างบางในสุดเดรสสีดำรัดรูปวิ่งประกบด้านข้างไม่ห่างแม้บุรุษพยาบาลจะพยายามกันเธอออกแล้วก็ตาม แต่มือของเธอยังพยายามกุมมือของคนบนเตียงไว้ไม่ยอมปล่อย
ใบหน้าของจองดาจองอาบไปด้วยน้ำตา เธอไม่เคยกลัวขนาดนี้มาก่อน หัวใจของเธอราวกับจะแหลกสลายเสียให้ได้เมื่อคนที่นอนอยู่บนเตียงไม่ส่งเสียงตอบรับเธอเป็นเวลาเกือบชั่วโมงแล้ว ความกลัวเกาะกุมจิตใจที่อ่อนแอของดาจอง มันเป็นความกลัวที่จะสูญเสียคนตรงหน้าไป กลัวว่าจะไม่ได้เห็นหน้า ไม่ได้ยินเสียงของเขาอีก เธอพยายามร้องเรียกชื่อของอีกฝ่าย เผื่อว่าเขาจะตอบสนองเธอบ้าง แต่สิ่งที่เธอหวังไม่เคยเกิดขึ้น และนั่นทำให้ดาจองยิ่งกระชับมือกุมอีกฝ่ายไว้แน่น
แต่เมื่อประตูห้องฉุกเฉินเปิดออกหญิงสาวจำต้องปล่อยมือที่เคยกุมไว้
ไม่นานนักยุนฮยองและมิโนก็มาถึงยังโรงพยาบาล สภาพของหญิงสาวช่างน่าเวทนายิ่งนัก ดาจองร้องไห้จนตัวโยน ปากพร่ำบอกขอโทษคนที่นอนไม่ได้สติอยู่ในห้องฉุกเฉิน มิโนเห็นดังนั้นจึงสละเสื้อตัวนอกของเขาให้หญิงสาวเพื่อห่อหุ้มร่างกายอีกชั้น
ดาจองรับเสื้อมาสวมโดยไม่ได้พูดอะไร แต่น้ำตายังคงไหลรินไม่หยุด ช่วงเวลาแห่งการรอคอยมันช่างทรมานเหลือเกิน
ผ่านไปเกือบสองชั่วโมงแล้วแต่ยังไม่มีวี่แววของคนในห้อง ยุนฮยองเริ่มเดินวนไปวนมาหน้าประตูห้องฉุกเฉิน ดูก็รู้ว่าเขาคงร้อนใจไม่น้อย ต่างกับมิโนที่ยังสงบนิ่งไว้ได้
“ดาจอง" เสียงหนึ่งดังขึ้นเรียกความสนใจของคนทั้งสามหน้าห้องฉุกเฉิน
“จีฮเย"
“เธอเป็นอะไรรึเปล่า" หญิงสาวที่มาใหม่รีบปรี่เข้ามาตรวจเช็คร่างกายของเพื่อนสนิททันที
เมื่อชั่วโมงก่อนอยู่ดีๆกูจุนฮเวก็มาหาเธอที่บ้านแล้วถามหาดาจอง เธอตอบไปตามความจริงว่าเพื่อนสนิทไม่ได้มาที่นี่ หลังจากนั้นโทรศัพท์สายหนึ่งดังขึ้น ทันที่ที่กูจุนฮเวรับสายสีหน้าของเขาก็เปลี่ยนไปทันที ชายหนุ่มหันมองคิมจีฮเยก่อนจะเอ่ยเบาๆว่าดาจองและคิมจีวอนประสบอุบัติเหตุ คิมจีฮเยจึงไม่รอช้ารีบกระโดดขึ้นขี่มอเตอร์ไซต์ดูคาติคันงามของกูจุนฮเวทันทีทั้งๆที่อีกฝ่ายไม่ได้เชื้อเชิญเธอเลยแม้แต่น้อย จะให้ทำไงได้ในเมื่อผู้หญิงที่กูจุนฮเวเอ่ยชื่อคือเพื่อนสนิทของเธอ
คิมจีฮเยจึงไม่สนอะไรทั้งนั้น
"ฉันไม่เป็นไรจีฮเย แต่คิมจีวอน..” น้ำตาที่เพิ่งจะหยุดลงได้ไม่นานกลับนองหน้าขึ้นอีกครั้ง คิมจีฮเยเข้าใจดีว่าเพื่อเป็นห่วงคนในห้องฉุกเฉินมากแค่ไหน เธอจึงไม่ได้ซักไซร้อะไรเพิ่มเพียงแค่กอดดาจองไว้อย่างนั้น เพื่อนให้เธอได้ระบายความเสียใจออกมา
ในที่สุดแพทย์ที่ทำการรักษาก็ออกมาจากห้องฉุกเฉินและแจ้งอาการเบื้องต้นของคิมจีวอน หลังจากนั้นไม่นานร่างที่ไร้สติของเขาถูกพาไปยังรพ.อีกแห่งหนึ่งที่สร้างขึ้นเพื่อคนของตระกูลคิมโดยเฉพาะโดยมียุนฮยองเป็นคนจัดการทุกอย่าง
สายน้ำเกลือห้อยระยางอยู่บริเวณแขนซ้าย รอยถลอกบริเวณแขนมีผ้าก็อซปิดไว้หลังจากทำแผลเรียบร้อยแล้ว แต่ที่ดาจองเป็นกังวลคือแผลบริเวณศีรษะที่ตอนนี้มีผ้าพันแผลพันอยู่ ถึงจะเข้าเครื่องแสกนสมองแล้วไม่พบความผิดปกติ แต่หมอบอกว่าจะต้องรอให้ชายหนุ่มฟื้นขึ้นมาก่อนถึงจะรู้ว่ามีความผิดปกติอื่นใดหรือไม่
“คุณดาจองกลับไปพักผ่อนทที่บ้านเถอะครับ ทางนี้มีพยาบาลพิเศษคอยดูแล 24 ชม. อยู่แล้ว" ยุนฮยองเอ่ยเมื่อเห็นท่าทางเหนื่อยล้าของหญิงสาวที่นั่งมองเพื่อนสนิทของเขาที่ข้างเตียง
ดาจองส่ายหน้าน้อยๆแทนคำตอบ เธอรู้ดีว่าคงไม่สามารถหลับสนิทบนเตียงนุ่มได้ถ้ายังไม่รู้ว่าอีกคนที่นอนอยู่ตรงนี้ปลอดภัยดีไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง
ยุนฮยองถอดหายใจแต่ก็ไม่ได้ขัดอะไร เขาโทรศัพท์สั่งให้แม่บ้านจัดการนำเสื้อผ้ามาให้ดาจองเปลี่ยน
เมื่อเห็นว่าไม่มีอะไรต้องเป็นห่วงมิโนจึงแบกหน้าฟกช้ำดำเขียวของตนเองกลับร้าน ด้วยกลัวว่าจะมีปัญหาที่เกิดความสามารถของผู้ช่วยที่ร้านจะจัดการได้ และไม่ต้องการทำให้จองดาจองที่เขาวางไว้ในฐานะน้องสะใภ้ต้องอึดอัด
มิโนรู้ดีว่าดาจองยังโกรธเคืองเขาอยู่ แม้เจ้าตัวจะไม่ได้แสดงอาการแต่เขาสังเกตได้จากจากแววตาที่มองมิโน ตอนนี้คงต้องปล่อยให้เธอโกรธไปก่อนแต่สักวันเขาจะอธิบายเรื่องทุกอย่างให้หญิงสาวเข้าใจ
ยุนฮยองเองก็ขอตัวกลับไปจัดการเรื่องต่างๆ นอกจากจะต้องโทรแจ้งอาการทายาทคนเดียวของชินกิกรุ๊ปให้ท่านประธานทราบ เขายังต้องจัดการเรื่องอื่นๆที่บริษัทด้วยเพราะคนที่จะต้องเข้าประชุมพรุ่งนี้คงไม่สามารถลุกขึ้นทำหน้าที่ได้
ตอนนี้ภายใน้องพักสุดหรูของรพ.จึงเหลือเพียงแค่ดาจอง จีฮเย จุนฮเวและคนป่วยเท่านั้น
"ดาจอง อยากทานอะไรมั๊ย เดี๋ยวฉันไปซื้อให้" เมื่อเห็นท่าทางอ่อนล้าของเพื่อนสนิทจีฮเยจึงอดเป็นห่วงไม่ได้
ดาจองส่ายหน้า ตอนนี้เธอไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น สิ่งที่เธอต้องการคือเพียงคนที่นอนสลบอยู่ฟื้นขึ้นมาและปลอดภัยดี
"ทานอะไรหน่อยเถอะ เดี๋ยวเธอจะไม่สบายไปอีกคนนะ"
"ขอบใจนะจีฮเย แต่ฉันไม่อยากทานอะไรจริงๆ"
จีฮเยมุ่ยหน้า
"เธอกับคุณจุนฮเวกลับไปพักผ่อนเถอะ"
"ดาจองอ่า~" ก่อนที่จีฮเยะได้เอ่ยอะไรไปมากกว่านี้มือหนาของกูจุนฮเวจัดการลากร่างบางอย่างไร้การทะนุถนอมออกไปจากห้องเพื่อปล่อยให้คนที่สมควรพักผ่อนจริงๆได้พักผ่อนเสียที
"ปะ..ปล่อยนะ กูจุนฮเว" คิมจีฮเยโวยวายทันทีที่กูจุนฮเวลากเธอออกมาจากห้องได้สำเร็จ มือบางพยายามจะเปิดประตูเพื่อกลับเข้าไปในห้องนั้นอีกครั้งแต่กูจุนฮเวไวกว่า
ชายหนุ่มคว้าขอมือกลมกลึงแล้วจัดการลากหล่อนไปตามทิศทางที่เขาต้องการ คนที่ถูกลากใช่ว่าจะยอมง่ายๆ เธอดิ้นและพยายามทำทุกวิถีทางเพื่อให้กูจุนฮเวปล่อยมือของเขา แต่จนแล้วจนรอดมือหนาที่เหนียวหนึบเป็นกาวตราช้างก็ลากคิมจีฮเยมาถึงลิฟท์โดยสารจนได้
“นี่คุณจะลากฉันออกมาทำไม" จีฮเยถามขึ้นหลังจากทั้งสองลงลิฟท์มาด้วยกัน
กูจุนฮเวไม่ได้ตอบ เขานึกสงสัยในใจว่าคุณดาจองคบเพื่อนอย่างนี้ได้อย่างไร ทำไมคนหนึ่งดูสุภาพ อ่อนโยน ฉลาดและมีมารยาท ผิดกับอีกคนที่...
กูจุนฮเวเหลือบมองร่างเล็กที่ยืนข้างๆเขาในลิฟท์ก่อนจะถอนหายใจ ทำไมช่างต่างกันมากขนาดนี้นะ นอกจากจะไม่สวย ขี้แย แถมลืมสมองไว้ในท้องแม่แล้วยังเข้าใจอะไรอยากอีกต่างหาก เธอไม่รู้เลยหรือไงว่าเพื่อนตัวเองเอ่ยปากไล่อย่างสุภาพ
“นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว ไม่คิดจะกลับบ้านรึไง"
“แต่ดาจอง...”
“คุณดาจองเขาไม่เป็นอะไรแล้ว คนที่ควรจะเป็นห่วงคือคิมจีวอน และมันก็ไม่ใช่หน้าที่เธอที่จะต้องเป็นห่วงหมอนั่น เข้าใจ๊?” พูดเสร็จร่างสูงก็เดินออกจากลิฟท์ไปทันที คิมจีฮเยรีบเดินตามออกไป
จริงอย่างที่กูจุนฮเวพูด คนที่ประสบอุบัติเหตุคือคิมจีวอน เพื่อนของเธอจองดาจองปกติดีทุกอย่างไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง ดังนั้นการกลับบ้านจึงถูกว่าเป็นเรื่องที่ควรทำ และอีกอย่างเธอออกจากบ้านมาโดยที่ไม่ได้บอกใคร ถ้าแม่เธอรู้เข้ามีหวังโดนบ่นจนหูชาแน่ๆ
ขาสั้นรีบก้าวยาวๆตามร่างสูงไปยังลานจอดรถก่อนที่วัตถุบางอย่างจะถูกสวมลงบนหัวเธอ มันคือหมวกกันน็อคของกูจุนฮเวที่เขามักจะให้เธอสวมเป็นประจำทั้งที่คนขับอย่างเขาควรจะเป็นคนสวมมันมากกว่า
“ไม่เป็นไร คุณสวมเถอะ" จีฮเยพยายามจะถอดหมวกออกแต่กูจุนฮเวกดหมวกกันน็อคเอาไว้
“สวมไปเถอะน่า สมองยิ่งมีน้อยอยู่ เกิดปลิวไปกับสายลมหมดขึ้นมาจะทำไง" พูดเสร็จก็จัดการสตาร์ทรถคันโปรดของตัวเอง
“กูจุนฮเว นายนี่มัน!!!” คิมจีฮเยได้แต่กระทืบเท้าแสดงอาการไม่พอใจก่อนจะก้าวขึ้นรถตามไป
การได้แกล้งเย้าอีกฝ่ายให้มีโทสะกลายเป็นความเคยชินของกูจุนฮเว และการได้เห็นโทสะของอีกฝ่ายทำให้ใบหน้าเรียบเฉยของเขากระตุกยิ้มได้ทุกครั้ง
ครั้งนี้ก็เช่นกัน...
รถมอเตอร์ไซต์ราคาหลายล้านวอนขับด้วยความเร็วไม่สมราคา ถ้ากูจุนฮเวขี่มันมาคนเดียวเขาคงทำความเร็วมากกว่านี้ แต่เพราะมีคนนั่งซ้อนท้ายมาด้วยเขาจึงเพิ่มความระมัดระวังมากขึ้น ในที่สุดรถมอเตอร์ไซต์หยุดลงที่หน้าร้านโจ๊กชื่อดังแห่งหนึ่งที่เปิด 24 ชม. คิมจีฮเยสงสัยเล็กน้อยแต่ก้เดินตามเขาเข้าไปในร้านอย่างว่าง่าย
ลูกค้าทั้งสองถูกเช่นให้นั่งที่โต๊ะด้านในของร้าน ก่อนที่กูจุนฮเวจะเอ่ยถาม
“กินอะไร" เขาถามเสียงห้วน
จีฮเยถอนหายใจ จะมีซักครั้งมั๊ยที่เขาจะพูดจาไพเราะเสนาะหูกับเธอ
“ไม่ ฉันไม่หิว" แต่ท้องเจ้ากรรมดันไม่เป็นใจ มันส่งเสียงประท้วงตั้งแต่ได้กลิ่นหอมของโจ๊กที่อยู่ในหม้อหน้าร้านแล้ว
“เนี่ยนะ ไม่หิว" กูจุนฮเวย้ำหนักตรงคำว่าไม่หิว จีฮเยจึงตีหน้ายักษ์ใส่เขา
โจ๊กร้อนสองชามถูกเสิร์ฟหลังจากนั้นไม่นาน กูจุนฮเวไม่รอช้าจัดการอาหารตรงหน้า เช่นเดียวกับคิมจีฮเยที่เอร็ดอร่อยไปกับโจ๊กรสชาติดี ทั้งสองคนทานอาหารจนหมดก่อนที่จีฮเยจะนึกอะไรดีๆขึ้นได้
“ฉันอยากซื้อโจ๊กนี่ไปให้ดาจองจัง" เธอเปรยกับคนตรงหน้าซึ่งเขาไม่ได้ขัดอะไร จีฮเยจึงเรียกพนักงานเพื่อสั่งโจ๊กฝากเพื่อนสนิท
ไม่นานนักพนักงานนำโจ๊กที่จีฮเยสั่งมาส่งให้ที่โต๊ะ ทั้งสองเตรียมตัวจากไปแต่ดูเหมือนว่ากูจุนฮเวจะเจอกับคนรู้จัก หรือจะเรียกว่าศัตรูก็ได้
“สวัสดีครับคุณชายกู" เสียงหนึ่งร้องทัก ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใครคือคนที่เอ่ยทักเขาเพราะเขาคุ้นเคยกับเสียงน่าเกลียดนั้นดี
จุนฮเวไม่ได้ทักทายกลับ เขาเหลือบตามองคนมาใหม่อย่างไม่ใส่ใจและพยายามจะจากไปโดยไม่สร้างความเสียหายให้ร้านโจ๊กแห่งนี้ถ้าไม่จำเป็น
“เดี๋ยวสิ" มือหนาดันอกแกร่งของกูจุนฮเวไว้พร้อมกับลูกน้องร่างกำยำสองคนยืนบดบังทางเดิน "จะไม่แนะนำสาวสวยของแกให้ฉันรู้จักหน่อยเหรอ" ยางฮกซอกแสยะยิ้มและส่งสายตาไปทางคิมจีฮเยที่ยืนอยู่ด้านหลัง
กูจุนฮเวเหลือบตามองคนข้างหลังก่อนจะกระตุกยิ้ม
“ฉันว่าแกคงต้องไปตัดแว่นแล้วแหละ ยัยอัปลักษณ์ข้างหลังเนี่ยไม่ใช่ผู้หญิงของฉัน เป็นยัยบ้าสติไม่ดีที่ไหนก็ไม่รู้ ฉันเห็นนั่งหิวอยู่ข้างทางเลยพามาเลี้ยงโจ๊กเอาบุญ ถ้าแกอยากรู้จักก็เข้าไปคุยกับเธอเองละกัน ฉันไปหล่ะ" ไหล่แกร่งกระแทกคนที่ขวางทางให้หลบไปโดยไม่สนใจผู้หญิงที่ยืนทำหน้ายักษ์อยู่ด้านหลัง
“กูจุนฮเว!! กลับมาเดี๋ยวนี้เลยนะ ฉันจะฉีกอกนายให้ได้คอยดู" จีฮเยระเบิดออกมาทันทีที่กูจุนฮเวเดินจากไป เธอไม่ทนให้เขาเห็นเธอเป็นตัวตลกและพูดจาแย่ๆใส่เธออยู่ฝ่ายเดียว
ยางฮกซอกหรี่ตามองดูการกระทำของคนทั้งสอง คนหนึ่งดูเหมือนพยายามจะหนีให้ห่าง ส่วนอีกคนเขาไม่รู้จะเรียกว่าตามติดหรือตามอาฆาตรแค้นกันแน่
“แกคิดว่าไงวะ" ยางฮงซอกถามลูกน้องคนสนิท
"ผมว่าผู้หญิงคนนั้นคงไม่ใช่ผู้หญิงของมันหรอกครับ"
“งั้นเหรอ" ยางฮงซอกลูบคางอย่างคนใช้ความคิด ยิ่งมองก็ยิ่งสงสัย ยิ่งสงสัยก็ยิ่งต้องสืบ เผื่อว่าเขาจะค้นพบจุดอ่อนของกูจุนฮเว
“ตามดูผู้หญิงคนนั้นไว้ ตามสืบให้ได้ว่าเธอคือใคร" ยางฮงซอกสั่งการลูกน้อง ชายร่างกำยำสองคนโค้งศีรษะรับคำสั่ง
งานนี้รับรองว่าสนุกแน่...กูจุนฮเว
ร่างสูงของกูจุนฮเวหยุดนิ่งที่รถมอเตอร์ไซต์ราคาแพงลิบ คนที่เดินตามหลังมาด้วยความเร็วหมายจะฉีกอกเขากระแทกเข้ากับหลังแกร่งอย่างจัง
จะหยุดทำไมไม่บอก
“นี่นายจะหยุดทำไมไม่บอก" จีฮเยเริ่มเปิดฉากสงครามขึ้นก่อน "แล้วที่นายด่าว่าฉันเป็นยัยอัปลักษณ์ เป็นยัยบ้าสติไม่ดี ขอทานข้างถนนที่นายเก็บมาเลี้ยงข้าวเอาบุญเนี่ยหมายความว่าไง ฉันไม่ได้เป็นแบบนั้นซะหน่อย ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วก็ไปอธิบายใครเพื่อนนายเข้าใจฉันใหม่ด้วย!!"
“เงียบ!” จุนฮเวกระแทกเสียง “มันไม่ใช่เพื่อนฉัน"
“นั่นแหละ จะอะไรก็ชั่ง แต่นายต้องกลับไปอธิบายให้เขาเข้าใจใหม่ ฉันเสียหายนะ" จีฮเยพูดอย่างจริงจัง
“เธออยากให้มันเข้าใจผิดแล้วมีชีวิตรอดหรืออยากให้มันเข้าใจถูกแล้วหมดลมหายใจ เลือกเอา" สีหน้าและแววตาของกูจุนฮเวบอกเธอว่าเขาไม่ได้ล่อเล่น จีฮเยหยุดคิดก่อนจะเอ่ยปากพูดต่อ
“หมายความว่ายังไง" เธอสงสัย ทำไมการอธิบายเรื่องของเธอถึงต้องทำให้เธอหมดลมหายใจด้วย แค่บอกไปว่าเธอเป็นคนปกติธรรมดา ไม่ได้เป็นบ้าหรือปัญญาอ่อนหรืออะไรทั้งนั้น
“ไม่ต้องรู้สักเรื่องได้มั๊ย"
“แต่..” ยังไม่ทันที่จีฮเยจะกล่าวจบกูจุนฮเวก็โบกแท็กซี่ให้จอดตรงหน้าก่อนจะเปิดประตูและดันจีฮเยขึ้นไปนั่ง ส่วนเขาบอกจุดหมายปลายทางให้แท็กซี่คันนั้นแล้วปิดประตู
“อิตาบ้า คอยดูนะเจอกันคราวหน้าฉันจะจับนายฆ่าหมกส้วมเลยคอยดู" จีฮเยบ่นพึมพำกับตัวเองในขณะที่แท็กซี่เคลื่อนออกไป
กูจุนฮเวได้แต่มองตามรถคันนั้นสลับกับมองเข้าไปในร้านอาหารเมื่อครู่ เมื่อเห็นยางฮกซอกไม่ได้สนใจอะไรเกี่ยวกับเขาแล้วขาคู่ยาวจึงก้าวขึ้นมอเตอร์ไซต์คู่ใจและบิดเร่งความเร้วตามรถแท็กซี่คันนั้นไปห่างๆ
ใช้เวลาไม่นานรถแท็กซี่หยุดลงหน้าโรงพยาบาลยางพิลที่คิมจีวอนพักรักษาตัวอยู่ คิมจีฮเยถือโจ๊กร้อนในมือและนำขึ้นไปยังชั้นบนสุดส่วนที่เป็นที่พัก VIP ที่สร้างขึ้นเพื่อคนตระกูลคิมแห่งชินกิกรุ๊ปเท่านั้น
ประตูห้องถูกเปิดออกอีกครั้งทำให้พยาบาลสาวจำเป็นที่นั่งเฝ้าไข้คนป่วยไม่ยอมห่างไปไหนประหลาดใจไม่น้อย เสียงฝีเท้าหนึ่งก้าวเข้ามาและเมื่อรู้ว่าผู้มาเยือนคือใครเธอจึงอดประหลาดใจไม่ได้ ดาจองคิดว่าจีฮเยกลับบ้านไปแล้วแต่เธอย้อนกลับมาพร้อมกับเสบียงอาหารในมือ
“จีฮเย"
“ฉันรู้ว่าเธอไม่หิว แต่ฉันอดเป็นห่วงไม่ได้ ถ้าเธอหิวแล้วก็อุ่นโจ๊กพวกนี้กินนะ ฉันไม่กวนแล้ว" คิมจีฮเยวางเสบียงในมือลงบนโต๊ะที่เข้าชุดกับโซฟารับแขกก่อนจะเดินจากไป
“จีฮเย เดี๋ยวก่อน" ดาจองรีบรั้งเพื่อนสนิทไว้เมื่อเห็นเธอกำลังจะเดินจากไป
“แล้วเธอจะกลับยังไง คุณจุนฮเวรอเธออยู่ข้างนอกเหรอ" ดึกดื่นค่อนคืนแล้วถ้ารู้ว่ามีคนที่ไว้ใจได้ไปส่งเพื่อนสาวถึงบ้านเธอคงหายห่วง
เมื่อพูดถึงกูจุนฮเว คิมจีฮเยทำหน้าบอกบุญไม่รับทันที
“อีตานั่นหน่ะเหรอ เปิดตูดกลับบ้านไปตั้งนานแล้ว" หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เธอรู้มั๊ยว่าหมอนั่นจับฉันโยนใส่แท็กซี่เพื่อมาส่งเสบียงให้เธอที่นี่ เป็นคนลากฉันไปไหนมาไหนด้วยแท้ๆแต่กลับไม่รับผิดชอบ แถมยังว่าฉันเป็นยัยปัญญาอ่อนอีก คราวหน้าเจอกันฉันจะจับหมอนั่นแหกอก เธอคอยดูนะ" จีฮเยชูกำปั้นพร้อมกับทำหน้ามุ่งมั่นอย่างสุดกำลัง
ดาจองอดยิ้มให้กับพฤติกรรมน่ารักของเพื่อนสนิทตัวเองไม่ได้ พักนี้เธอไม่เห็นจีฮเยเศร้าเรื่องดงฮยอกแล้ว เรียกได้ว่าเธอแทบจะไม่ได้เอ่ยถึงชายที่เคยมอบหัวใจให้เลยซักครั้งถ้าดาจองไม่เอ่ยถาม ผิดกับเมื่อก่อนที่เธอมักจะเอ่ยถึงดงฮยอกเสมอ ดาจองเดาว่ากูจุนฮเวคงทำให้เพื่อนสนิทของเธอไม่มีว่างนึกถึงคิมดงฮยอกเป็นแน่น
“ยิ้มอะไร"
“เปล่า ฉันเพียงแต่คิดว่าเธอกับคุณจุนฮเวดูเข้ากันได้ดีนะ"
“เข้ากันได้ดี เธอไม่เห็นตอนที่เข้าลากฉันออกไปนอกห้องเหรอดาจอง แล้วไหนจะหน้าตายียวนและคำพูดกวนประสาทระดับสิบนั่นอีก ให้ตายเถอะ ฉันกับหมอนั่นเข้ากันได้ตรงไหน ฆ่ากันได้หล่ะสิไม่ว่า" จีฮเยรีบสาธยายก่อนที่เพื่อนสนิทจะเข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“โอเคๆๆ ฉันไม่ล้อเธอแล้วก็ได้ ว่าแต่แล้วเธอจะกลับยังไง"
"ตอนแรกว่าจะโทรให้จินฮวานโอปป้ามารับ แต่มันดึกแล้วฉันว่าโอปป้าคงเข้านอนแล้วเลยคิดว่ากลับแท็กซี่ดีกว่า" คิมจีฮเยพูดไปตามความเคยชินโดยลืมนึกถึงคนที่ยืนอยู่ตรงหน้า
ชื่อของคนที่คุ้นเคยสะกิดหัวใจของหญิงสาว ถ้าเป็นเมื่อก่อนเธอคงแอบดีใจที่จะได้เจอกับคิมจินฮวานแต่ตอนนี้เธอไม่กล้าพบหน้าเขาอีกแล้ว ดาจองทำผิดกับคิมจินฮวานไว้หลายอย่าง มิหนำซ้ำเธอยังเป็นสาเหตุให้ชายหนุ่มต้องโดนทำร้ายจากทั้งคิมจีวอนและคิมดงฮยอก
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของเพื่อนสนิทจีฮเยจึงนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพลั้งปากพูดถึงคนที่ไม่สมควรจะเอ่ยถึง เธอนี่มันปัญญาอ่อนอย่างที่กูจุนฮเวพูดไว้จริงๆ
“ดาจอง เธอโอเคมั๊ย"
“โอเคสิ ทำไมเหรอ"
“เรื่องที่เธอคิดว่าตัวเองเป็นต้นเหตุที่ทำให้จินฮวานโอปป้าต้องโดนดงฮยอกทำร้าย ฉันรู้นะว่าเธอรู้สึกผิด แต่คนที่ผิดที่สุดคือฉัน ฉันเป็นคนบอกให้ดงฮยอกไปหาเธอกับจินฮวานโอปป้าเองแหละ ถึงฉันจะอยากให้เธอกับจินฮวานโอปป้าคบกัน แต่ฉันก็อยากเห็นผู้ชายที่ฉันรักมีความสุขเหมือนกัน ขอโทษนะดาจอง เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับเรื่องนั้นอีกแล้วนะ คนที่ผิดคือฉันเอง" คิมจีฮเยสารภาพความจริงทุกอย่าง เธอไม่อยากให้เพื่อนสนิทต้องเข้าใจผิดและรู้สึกผิดเกี่ยวกับเรื่องนั้นอีกต่อไปแล้ว น้ำตาแห่งความเสียใจค่อยๆร่วงหล่นใจใบหน้าของสองสาวสวย
ดาจองใช้มือเรียวของตัวเองเช็ดน้ำตาให้เพื่อนสนิท จีฮเยเองก็ทำไม่ต่างกัน ทั้งสองยิ้มให้กันด้วยความจริงใจ ความเป็นเพื่อนของทั้งสองคนช่างสวยงามและไม่มีสิ่งไหนทำลายได้เลย
“ว่าแต่เธอจะเอายังไงต่อเรื่องคุณจีวอน"
ดาจองส่ายหน้าแทนคำตอบ ตอนนี้ขอเพียงแค่เขาปลอดภัยดีเท่านั้นคือสิ่งที่เธอต้องการ ส่วนเรื่องอื่นค่อยว่ากันที่หลัง
“ฉันถามเธอจริงๆนะดาจอง เธอรักคุณจีวอนใช่มั๊ย" คิมจีฮเยตัดสินใจถามออกไปตรงๆ เพราะดูท่าแล้วเพื่อนสนิทของเธอคงกำลังสับสน
“ฉันก็ไม่รู้เหมือนกัน ฉันควรจะเกลียดเขา ควรจะดีใจที่เห็นเขาเป็นแบบนี้ ควรจะยินดีถ้าเขาตายไปจริงๆฉันจะได้หลุดพ้นจากสัญญาบ้าบอนั่นซะที แต่ไม่รู้ทำไมพอคิดแบบนั้นแล้วฉันรู้สึกหายใจไม่ออก ฉันเจ็บเหมือนกำลังจะตายเลยจีฮเย" ดาจองพรั่งพรูความรู้สึกลึกๆของตัวเองออกมาพร้อมกับน้ำตาที่รินไหล
“ดาจอง" จีฮเยคว้าตัวเพื่อนสนิทเข้ามาในอ้อมกอด
“ฉันจะทำยังไงดีจีฮเย ฉันไม่ควรรู้สึกแบบนี้กับเขา ไม่ใช่เพราะเขาคือเด็กผู้ชายเมื่อสิบกว่าปีก่อน ไม่ใช่เพราะเขาคือคนที่อยู่ในความทรงจำของฉันมาตลอด แต่เพราะเขาคือคิมจีวอน คนที่ทำร้ายฉัน คนที่ทำให้ฉันเจ็บปวด แต่ฉันกลับไม่อยากเห็นเขาเป็นแบบนั้น จีฮเย ฮื้อๆๆๆ ฉันจะทำยังไงดี"
จีฮเยทำได้เพียงแค่กอดปลอบเพื่อนสาวเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นคงต้องให้ดาจองตัดสินใจเองว่าจะทำเช่นไร แต่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอก็พร้อมยืนอยู่ข้างเพื่อนสนิทของเธอเสมอ
ร่างเพียวบางก้าวออกจากโรงพยาบาลในเวลาเกือบตีสาม หลังจากปลอบเพื่อนสนิทอยู่นานจนคนถูกปลอบต้องออกปากไล่ให้เธอกลับบ้าน จีฮเยมองซ้ายมองขวาก่อนจะโบกแท็กซี่คันหนึ่งกลับบ้านโดยไม่ได้สังเกตเลยว่ามีมอเตอร์ไซต์ราคาแพงจอดอยู่ไม่ไกลจากหน้าโรงพยาบาลเท่าไหร่นัก
เมื่อเห็นหญิงสาวก้าวขึ้นรถแท็กซี่เพื่อมุ่งหน้ากลับบ้าน คนที่จอดมอเตอร์ไซต์รออยู่จึงสตาร์ทเครื่องและบิดคันเร่งตามไปทันที จนในที่สุดก็มาถึงหน้าบ้านของคิมจีฮเย
ไฟส่องสว่างในห้องนอนของคิมจีฮเยดับมืดลงหลังจากเธอกลับถึงบ้านได้ประมาณครึ่งชั่วโมง หญิงสาวให้เวลาอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนจะปิดไฟนอน เมื่อเห็นดังนั้นชายร่างสูงในชุดหนังสือดำสวมหมวกกันน็อคใบใหญ่จึงพึมพำกับตัวเองเบาๆ
“ฝันดีนะ ยัยอัปลักษณ์"
50%
.
.
.
.
.
ทันทีที่เท้าของกูจุนฮเวเหยียบย่างบนพื้นหินอ่อนสีขาวพ่อบ้านยูรีบปรี่เข้ามาหาเขาทันที
“นายน้อย ไปไหนมาครับ" คนอาวุโสกว่าพูดกับคนที่เพิ่งกลับมาอย่างนอบน้อม
“มีอะไร" แค่ปรายตามองก็รู้แล้วว่าต้องมีเรื่อง ไม่อย่างนั้นพ่อบ้านยูคงไม่มากวนใจเขาตั้งแต่ก้าวเข้าบ้านแบบนี้
“นายท่านไม่สบายครับ"
กูจุนฮเวมองไปยังห้องนอนใหญ่ชั้นล่าง ห้องนอนที่พ่อของเขาใช้หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้น
“ไม่สบายก็พาไปหาหมอสิ มาบอกฉันทำไม ฉันไม่ใช่หมอซะหน่อย" พูดจบก็เตรียมจะก้าวเท้าขึ้นชั้นสองของบ้านเพื่อพักผ่อนแต่คำตอบของพ่อบ้านยูรั้งเขาไว้
“นายท่านไม่ยอมไปครับ"
“แก่แล้วยังจะดื้ออีก อาการเป็นไงบ้างหล่ะ"
“ไข้สูงมากเลยครับ ช่วงนี้ได้ข่าวว่าไข้หวัดใหญ่กำลังระบาด ไม่แน่อาจเป็น..”
ไม่รอให้พ่อบ้านยูพูดจบ คนเป็นนายน้อยของบ้านเปลี่ยนจุดหมายปลายทางจากห้องนอนของตัวเองและก้าวเดินไปยังห้องนอนของผู้เป็นประมุขของบ้านทันที
มือหนาสัมผัสบริเวณศีรษะของผู้เป็นพ่อที่กำลังหลับสนิท ความรู้สึกอุ่นร้อนส่งผ่านมาทำให้รู้ว่าไข้ของกูจุนวูยังสูงอยู่ พ่อบ้านยูที่เดินตามารายงานอย่างละเอียดว่าประมุขของบ้านไม่ยอมไปหาหมอหรือแม้แต่ทานยาบรรเทาอาการแม้แต่น้อย กูจุนฮเวกลอกตามองบน
“ฉัน..ขอโทษนะ ฉันขอโทษ"
เสียงแหบพร่าดังมาจากคนที่นอนไข้ขึ้นอยู่บนเตียง ดูเหมือนกูจุนวูจะเพ้อเพราะพิษไข้
“มินจองอ่า ฉันขอโทษ" ชื่อที่คุ้นเคยหลุดออกมาจากปากผู้เป็นพ่อและนั่นทำให้หัวใจของคนเป็นลูกสั่นไหว
กูจุนฮเวกำหมัดแน่นเพื่อข่มความโกรธเคือง ขอโทษตอนนี้จะมีประโยชน์อะไรในเมื่อแม่ตายไปแล้ว พ่อของเขาไม่มีสิทธิ์ที่จะเอ่ยชื่อแม่ด้วยซ้ำ ถ้าไม่เป็นเพราะพ่อ แม่ของเขาคงไม่ต้องจบชีวิตลงแบบนั้น ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้นใจ ถ้าเขาเลือกเกิดได้เขาอยากเกิดในครอบครัวอื่นที่ไม่ใช่ครอบครัวนี้ ครอบครัวที่สามารถอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาพ่อแม่ลูก ใช้ชีวิตปกติสุขธรรมดา
และไม่ต้องมาคอยหวาดกลัวว่าจะเสียคนที่ตัวเองรักไป
เมื่อสงบอารมณ์ที่ครุกกรุ่นในใจได้แล้วเขาให้พ่อบ้านยูนำแผ่นแปะลดไข้มาแปะบนหน้าผากของผู้เป็นพ่อ ตอนนี้ดึกแล้วเขาไม่อยากปลุกพ่อของเขาขึ้นมา ถ้าตาแก่หัวดื้อโดนปลุกขึ้นมากลางดึกเพื่อไปโรงพยาบาลมีหวังอาละวาดโวยวายและจบด้วยสงครามเย็นระหว่างเขากับคนป่วยแน่นอน รอดูอาการพรุ่งนี้เช้าค่อยพาไปโรงพยาบาลยังไม่สาย
“พรุ่งนี้เช้าถ้ายังไม่ดีขึ้นก็พาไปโรงพยาบาลได้เลย" ออกคำสั่งเสร็จจุนฮเวจึงก้าวขึ้นชั้นสองอย่างไม่รั้งรอ ก่อนเข้าจะนึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้
“ตอนนี้ยัยนั่นมีคนคอยตามกี่คน" กูจุนฮเวเอ่ยถาม เขาไม่แน่ใจว่าตอนนี้คนที่เขาให้ตามเฝ้าคิมจีฮเยอยู่ห่างๆมีกี่คน
“คนเดียวครับ นายน้อยมีอะไรรึเปล่าครับ"
“เปล่า แต่เพิ่มคนหน่อยก็ดี ช่วงนี้พวกฮงซอกมันเคลื่อนไหว ฉันกลัวว่าคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่ด้วยจะเดือดร้อน"
“นายน้อยดูจะให้ความสำคัญกับคุณหนูคนนั้นจังเลยนะครับ" พ่อบ้านยูเอ่ยขึ้น คนมากประสบการณ์และทำงานรับใช้ตระกูลกูมานานมีหรือจะไม่รู้ว่าพฤติกรรมและคำสั่งแปลกๆเหล่านี้เกิดขึ้นเพราะอะไร
“ไม่ได้ให้ความสำคัญซักหน่อย ยัยนั่นเป็นเพื่อนกับคุณดาจองของคิมจีวอน ถ้ายัยนั่นเป็นอะไรไปเพราะฉัน คิมจีวอนได้กระทืบนายน้อยของคุณพ่อบ้านตายกันพอดี"
คนมากประสบการณ์ไม่ได้ตอบกลับ เขาเพียงแค่ยิ้มรับค้อมศีรษะเล็กน้อยและปล่อยให้คนปากแข็งได้ขึ้นไปพักผ่อน พ่อบ้านยูมองตามแผ่นหลังกว้างก่อนจะพึมพำกับตัวเอง
“ปากแข็งเหมือนกันทั้งพ่อทั้งลูก"
พ่อบ้านยูทำงานให้กับตระกูลกูตั้งแต่จำความได้ พ่อของเขาเป็นพ่อบ้านและเป็นมือขวาให้กับพ่อของนายท่านคนปัจจุบัน เขาอายุน้อยกว่ากูจุนวูพ่อของจุนฮเวไม่กี่ปี เมื่อก่อนตอนที่กูจุนวูเริ่มสนใจนายหญิงก็ได้เขานี่แหละไปคอยตามเฝ้าดูความเคลื่อนไหว หรือจะเรียกให้ถูกคือคอยคุ้มครองความปลอดภัยให้จากพวกที่มันต้องการจะโค่นล้มอำนาจของตระกูลกูต่างหาก แม้กูจุนวูจะปฏิเสธมาตลอดว่าไม่ได้สนใจอะไรในตัวนายหญิงก็แค่คนที่พ่อแม่หมั้นหมายไว้ให้เท่านั้น เพราะถ้าเกิดหญิงสาวต้องเป็นอะไรไปพ่อกับแม่ของเขารวมถึงพ่อแม่หล่อนต้องหักคอเขาแน่
แต่ทุกอย่างก็แค่ข้ออ้าง ถ้ากูจุนวูไม่ให้ความสำคัญผู้หญิงคนนั้นคงไม่สั่งให้เขาทำแบบนั้น กูจุนฮเวก็เช่นกัน ถ้าคิมจีฮเยไม่ได้มีความสำคัญกับเขา เขาคงไม่ต้องสั่งให้คนคอยติดตามคุ้มครองเธอแบบนี้
พ่อบ้านยูมองตาแผ่นหลังกว้างที่กำลังเดินขึ้นบันไดด้วยสายตากังวล ความจริงการที่กูจุนฮเวมีความรักนับเป็นเรื่องที่น่ายินดี และเขาหวังว่าสักวันหนึ่งกูจุนฮเวจะยอมรับความรู้สึกของตัวเอง สิ่งที่คนอยู่มานานเป็นกังวลคือหลังจากนั้นต่างหาก
หวังว่าประวัติศาสตร์คงจะไม่ซ้ำรอย
.
.
.
.
.
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านม่านสีขาวสะอาด เปลือกตาที่ปิดสนิทค่อยๆกระพือเพื่อปรับรูม่านตารับแสง มือเรียวละจากมือหนาที่กุมไว้ตลอดคืนก่อนใช้มันยุงตัวขึ้นนั่งหลังตรง เธอฟุบหลับไปข้างเตียงของชายหนุ่มตั้งแต่เมื่อใดไม่ทราบได้ มือเรียวยกขึ้นลูบหน้าเบาๆบริเวณที่นอนทับเพราะรู้สึกชาเล็กน้อย ตาคู่สวยเหลือบมองนาฬิกาติดผนังที่อยู่ไม่ไกล เข็มสั้นชี้อยู่ระหว่างเลข 7 และ 8 ทำให้เธอกระตือรือร้นลุกขึ้นบิดขี้เกียจน้อยๆก่อนจะพาร่างบางระหงเข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระส่วนตัว
หลังจากจัดการตัวเองเรียบร้อยแล้วหญิงสาวกลับมานั่งเก้าอี้ข้างเตียงคนป่วยเช่นเดิม ดวงตาที่ผ่านการร้องไห้จนปูดบวมจับจ้องที่ไปยังคนที่กำลังนอนอยู่บนเตียง เธอถอนหายใจครั้งที่เท่าไหร่ของวันแล้วก็มิอาจรู้ได้ ถึงจะเกลียดที่เขาทำร้าย ทำให้เธอเจ็บปวด ไม่ว่าจะด้วยคำพูดหรือการกระทำก็ตาม แต่เมื่อเห็นเขานอนนิ่งอยู่แบบนี้หัวใจของเธอไม่ได้ยินดีเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามมันกลับยิ่งร้อนรุ่มราวกับจะระเบิดออกมาเพราะความเป็นห่วงคนตรงหน้าแทบขาดใจ
หวังเพียงแค่เขาฟื้นขึ้นมาและปลอดภัยดี...เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
ก่อนจะคิดฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้แพทย์เจ้าของไข้เข้ามาถามไถ่และตรวจอาการตามปกติ ดาจองได้โอกาสจึงสอบถามอาการของคนบนเตียงทันที
“ที่คนไข้ยังไม่ฟื้นอาจจะเพราะยานอนหลับที่หมอให้ด้วยครับ คุณผู้หญิงไม่ต้องเป็นห่วงนะครับ คิดว่าวันนี้คนไข้คนฟื้นแล้วเพราะน่าจะหมดฤทธิ์ยาแล้ว" แพทย์วัยกลางคนค่อนไปทางสูงอายุกล่าวเพื่อคลายความกังวลของหญิงสาว
“ถ้าคุณจีวอนฟื้นขึ้นมาแล้วเขาจะไม่เป็นอะไรใช่มั๊ยคะ" เธออดเป็นห่วงไม่ได้เพราะศีรษะเขากระแทกพื้นเข้าอย่างแรงแถมเลือดไหลออกมาขนาดนั้น ถ้ามีความผิดปกติเกิดขึ้นจะทำอย่างไร
“อย่าเพิ่งตกใจหรือกังวลใจเกินไปนะครับ ต้องรอคนไข้ฟื้นก่อนถึงจะรู้"
“ค่ะ" หญิงสาวตอบรับเสียงอ่อย
.
.
.
.
.
แค่ก แค่ก
เสียงไอเบาๆทำให้คนที่นั่งเหม่อลอยอยู่ข้างเตียงสะดุ้ง หัวใจของเธอเต้นแรงเมื่อเห็นว่าคนที่นอนไม่ได้สติมาตั้งแต่เมื่อวานเริ่มมีปฏิกิริยาตอบสนอง ดาจองรีบกุมมือหนาของอีกฝ่ายโดยไม่รอช้า
"คุณจีวอน คุณจีวอน คุณได้ยินฉันรึเปล่าคะ" หญิงสาวพูดออกไปด้วยความดีใจ
"นะ...น้ำ"
"น้ำ คุณหิวน้ำเหรอคะ รอสักครู่นะคะ"
หมอแจ้งไว้แล้วว่าถ้าเขาฟื้นขึ้นมาสามารถรับประทานอาหารหรือน้ำได้ตามปกติ ดังนั้นดาจองจึงไม่ลังเลใจที่จะรีบจัดแจงรินน้ำใส่แก้วโดยไม่ลืมใส่หลอดเพื่ออำนวยความสะดวกแก่คนป่วยทันที
"ค่อยๆจิบนะคะ" เธอพูดพร้อมกับจับหลอดดูดไว้ที่ปากของชายหนุ่มเพื่อให้เขาดื่มน้ำดับกระหายได้สะดวกขึ้น
น้ำพร่องจากแก้วเพียงเล็กน้อย
"ทำไมมืดจัง ตอนนี้กี่โมงแล้ว" คนป่วยบนเตียงพูดขึ้น
สิ้นประโยคนั้นแก้วน้ำที่พยายาลร่างบางถืออยู่ร่วงหล่นลงสู่พื้นโดยเร็ว
"คุณจีวอน คุณมองเห็นฉันมั๊ยคะ" หญิงสาวพูดพร้อมกับยื่นหน้าเข้าไปใกล้คนตาคมที่ลืมตานิ่ง
"นั่นเธอเหรอดาจอง" ถึงจะมองไม่เห็นแต่เขาจำเสียงที่คุ้นเคยได้เป็นอย่างดี
"คุณจีวอน" น้ำเสียงสั่นเครือของหญิงสาวทำให้ทายาทชินกิกรุ๊ปเริ่มสงสัย
"ฉันจะตามหมอ คุณจีวอนรออยู่นี่ก่อนนะ อย่างเพิ่งขยับไปไหนนะคะ" ร่างบางระหงรีบวิ่งออกไปด้วยความเร็วสูงสุดที่ขาเรียวของเธอจะทำได้ ก่อนจะกลับมาพร้อมกับแพทย์และพยาบาลอีกสองคน
ม่านสีขาวถูกกั้นทำให้คนที่รออยู่ด้านนอกร้อนใจ ดาจองเดินวนไปวนมาระหว่างที่หมอและพยายาลกำลังตรวจคิมจีวอน ในที่สุดม่านสีขาวถูกเปิดออกก่อนที่หมอจะอธิบายอาการของชายหนุ่มคร่าวๆ
"แล้วคุณจีวอนจะกลับมามองเห็นเป็นปกติมั๊ยคะ"
"เรื่องนี้หมอตอบไม่ได้เหมือนกันครับ ต้องขอตรวจอย่างละเอียดอีกที คุณผู้หญิงรอที่ห้องนี้ก่อนนะครับ หมออาจจะต้องใช้เวลาตรวจนานหน่อย" พูดเสร็จคนที่อาวุกว่าโค้งให้หญิงร่างบางตรงหน้าเป็นครั้งที่สองของวัน ก่อนจะตามบุรุษพยาบาลที่เข็นเตียงคนป่วยออกไปเพื่อตรวจอย่างละเอียด
"คุณต้องไม่เป็นอะไรนะคะ" หญิงสาวพึมพำกับตัวเอง
ผ่านไปเกือบสองชม.แล้วที่ดาจองเดินวนเวียนอยู่ในห้อง ถึงแม้ตอนนี้ยุนฮยองกับมิโนจะนั่งอยู่ด้วยแต่ความกังวลของหญิงสาวไม่ได้ลดน้อยลงเลย ไม่นานหลังจากนั้นเตียงคนป่วยที่ถูกเข็นออกไปเมื่อสองชม.ที่แล้วพาร่างของชายหนุ่มกลับมาที่ห้อง เห็นดังนั้นดาจองไม่รอช้ารีบปรี่เข้าไปหาเขาทันที
"คุณจีวอน เป็นอย่างไรบ้างคะ" ชายหนุ่มไม่ได้ตอบรับ แววตานิ่งเฉยของเขาทำให้หญิงสาวเริ่มหวั่นใจ
"คุณมองเห็นฉันใช่มั๊ยคะ" ดาจองถามเสียงสั่น
คำตอบที่เธอกลัวที่สุดไม่ได้เอ่ยออกมาจากปากชายหนุ่ม แต่เขาตอบคำถามเธอด้วยความเงียบงัน เพียงเท่านี้ก็ทำให้ตาของหญิงสาวรื้นไปด้วยน้ำตา
"ฉันอยากพักผ่อน" จีวอนเบือนหน้าหนีก่อนจะหลับตาลง
ดาจองพูดอะไรไม่ออกเธอเดินกลับไปนั่งที่โซฟาช้าๆ ยุนฮยองและมิโนส่งสายตาเป็นกำลังใจให้เธอ ดาจองฝืนยิ้มตอบทั้งที่ในใจของเธอนั้นเจ็บปวด
ความรู้สึกผิดมากมายถาโถมทับหัวใจดวงน้อย ดาจองเป็นคนจิตใจดีและขี้สงสารเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ยิ่งคิมจีวอนต้องตาบอดมองไม่เห็นเพราะช่วยเธอ มันทำให้หญิงสาวต้องทุกข์ทรมานเพราะความรู้สึกผิดที่เป็นต้นเหตุของเรื่องทุกอย่าง น้ำตาที่รื้นอยู่เริ่มไหลริน ยุนฮยองกับมิโนไม่รู้จะทำอย่างไร ถึงจะช่วยปลอบแต่ใช่ความคนี่กำลังมีน้ำตาจะหายเศร้าเพราะพวกเขาไม่ใช่ต้นเหตุของน้ำตานี้
"คุณดาจองกลับไปพักผ่อนที่บ้านก่อนเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมดูแลเอง" ยุนฮยองหลังจากเห็นหญิงสาวปาดน้ำตาป่อยๆ
“แต่ว่า...” ยังไม่ทันทีหญิงสาวจะทันได้ปฏิเสธซงยุนฮยองก็ดึงเธอให้ลุกขึ้นจากโซฟา ก่อนจะยักคิ้วลิ่วตาให้มิโน
“เดี๋ยวผมไปส่งเองครับ คุณดาจองกลับไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าซักสามสี่ชั่วโมง เสร็จแล้วเดี๋ยวผมจะพาคุณมาส่งที่โรงพยาบาลเอง" มิโนยื่นข้อเสนอ
“ไปเถอะนะครับ"
เมื่อชายหนุ่มทั้งสองช่วยกันขอร้องเธอทำห้ไม่สามารถปฏิเสธได้อีก เธอจึงเดินตามมิโนออกไป
44 seconds ago
.
.
.
.
.
เพราะความเหนื่อยล้าจากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อสี่สิบแปดชั่วโมงที่แล้วทำให้หญิงสาวหลับสนิทไปนานกว่าหกชั่วโมง เมื่อรู้สึกตัวอีกทีพระจันทร์ดวงโตสุกสว่างอยู่เหนือท้องฟ้าสีดำแทนที่ดวงอาทิตย์ที่ลาลับขอบฟ้าไปเรียบร้อยแล้ว จองดาจองรีบอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและเตรียมข้าวของอีกเล็กน้อย เธอตั้งใจไว้แล้วว่าจะอยู่ดูแลคิมจีวอนจนกว่าเขาจะหายดี
มิโนทำหน้าที่ขับรถมาส่งหญิงสาวตามสัญญา บรรยายกาศในรถค่อนข้างอึดอัดและมิโนรู้ดีว่าเพราะอะไร เขาจึงอยากใช้โอกาสนี้ปรับความเข้าใจกับหญิงสาว
“เมื่อเดือนก่อนจีวอนให้ผมตามหาเด็กผู้หญิงคนหนึ่ง หรือจะเรียกให้ถูกตอนนี้คงจะเป็นผู้หญิงคนหนึ่ง" มิโนเปิดบทสนทนา ถึงแม้ว่าหญิงสาวจะไม่ได้ตอบรับแต่เขารู้สึกว่าเธอกำลังฟังเขาอยู่ ชายหนุ่มผิวเข้มจึงพูดต่อ
“ผมหาเธอจนเจอ ผมให้ที่อยู่เธอกับจีวอนและให้จีวอนไปพบผู้หญิงคนนั้นในวันที่ผมไปรับคุณดาจองมาจากบ้าน ที่ผมเรียกคุณว่าค่าตอบแทนผมไม่ได้คิดว่าคุณเป็นสิ่งของหรอกนะครับ ผมแค่อยากให้น้องชายที่ผมรักรู้ตัวซักทีว่าใครกันแน่ที่มีค่ากับมันระหว่างเด็กผู้หญิงในความทรงจำเมื่อสิบปีก่อน กับคุณที่อยู่ตรงหน้ามัน เผื่อว่าอะไรๆระหว่างคุณกับจีวอนจะดีขึ้น คุณจะได้ไม่ต้องทนทุกข์เพราะน้องชายโง่ๆของผม"
ดาจองเหลือบมองคนขับรถอย่างใช้ความคิด คิมจีวอนจะตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้นไปทำไม แล้วเขารู้รึยังว่าเด็กผู้หญิงคนนั้นคือเธอ
“ฉันขอถามอะไรหน่อยได้มั๊ยคะ ทำไมคิมจีวอนต้องตามหาเด็กผู้หญิงคนนั้น แล้วทำไมถึงเอาฉันกับเด็กคนนั้นไปเปรียบเทียบกัน แล้วตกลงคุณรู้มั๊ยคะว่าเธอเป็นใคร"
“ความจริงจะเรียกว่าเจอก็ไม่ถูกเสียทีเดียว ผมยังไม่รู้ว่าเธอชื่ออะไร รู้แค่ว่าเธออยู่ที่ไหน ส่วนเรื่องอื่นผมไม่ค่อยรู้รายละเอียดมากเท่าไหร่ จีวอนมันไม่เคยเล่าให้ใครฟัง รู้แค่ว่าเด็กคนนั้นคือคนที่อยู่ในความทรงจำของคิมจีวอนมาเป็นสิบปี คนที่ทำให้จีวอนไม่ยอมเปิดใจให้ผู้หญิงคนไหนเลย"
“แต่เขาก็มีสัมพันธ์ เอ่อ กับผู้หญิง...”
“ใช่ครับ เขานอนกับผู้หญิงไปทั่ว" มิโนเหลือบมองสีหน้าของหญิงสาว เขาคิดว่าเธอตั้งใจจะพูดว่าคิมจีวอนนอนกับผู้หญิงไปทั่วแบบนั้นมันหมายความว่าอย่างไรที่เขาไม่เปิดใจให้ผู้หญิงคนไหนเลย
“ผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกันหรอกนะครับ ผู้ชายนอนกับผู้หญิงที่ตัวเองไม่ได้รักได้ มันเป็นแค่ความต้องการทางกาย" คนมีประสบการณ์เหยียดยิ้ม
“แต่ว่า...”
“คิมจีวอนไม่เคยนอนกับผู้หญิงคนไหนเกินหนึ่งครั้ง" ชายหนุ่มกล่าวได้เพียงเท่านี้ถึงแม้มิโนอยากจะพูดต่อว่าดาจองเป็นผู้หญิงคนแรกและคนเดียวที่น้องชายของเขามีสัมพันธ์มากกว่าหนึ่งครั้งก็ตาม
คนได้ยินหน้าแดง เธอไม่รู้ว่าตัวเองควรจะรู้สึกอย่างใจกับเรื่องที่เพิ่งได้ยิน ดีใจ ภูมิใจ หรืออับอายกันแน่ ถึงแม้ความความสัมพันธ์ระหว่างเขากับเธอจะเกิดขึ้นเพราะสัญญาและความไม่เต็มใจ แต่หญิงสาวปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกครั้งที่เขาครอบครองเธอนั้นนำมาซึ่งความสุข ถึงจะเอาแต่ใจและเจ้าอารมณ์ในบางครั้งก็ตาม
ยิ่งคิดยิ่งหน้าแดงจนดาจองต้องเบี่ยงหน้ามองออกไปนอกหน้าต่าง
“ผมรู้ครับว่าแผนของผมมันอาจจะดูงี่เง่าไปหน่อย และทำให้เกิดเรื่องต่างๆขึ้นมา ผมขอโทษคุณดาจองอีกครั้งนะครับ" มิโนรีบเปลี่ยนเรื่องเมื่อหญิงดาจองดูอึดอัด
ดาจองรู้สึกได้ถึงความจริงใจของชายหนุ่ม ความจริงเธอรู้ดีว่าทั้งมิโนและยุนฮยองหวังดีกับเธอแต่ ณ ตอนนั้นเพราะความโกรธจึงทำให้เธอไม่มีสติไตร่ตรองและฟังคำอธิบายใดๆจากมิโน เธอเองก็มีส่วนผิดกับเรื่องที่เกิดขึ้น ถ้าเธอใจเย็นกว่านั้นและฟังเขาอธิบายบางทีอาจจะไม่ต้องเกิดเรื่องร้ายๆขึ้น
“ฉันเข้าใจค่ะ ขอบคุณคุณมิโนที่หวังดีนะคะ ความจริงฉันเองก็มีส่วนผิดที่ไม่ยอมฟังคุณอธิบาย วิ่งหนีออกมาอย่างนั้นจนเกิดเรื่องขึ้น ทำให้คิมจีวอนต้อง..." ปากบางเม้มเข้าหากันแน่นเพื่อข่มน้ำตาเมื่อคิดถึงคนที่รวบเธอไว้ในอ้อมกอดไม่ให้ถูกรถชนจนตัวเองต้องบาดเจ็บถึงขั้นตาบอด
“คุณดาจองจะให้อภัยกับความโง่เขลาของผมได้มั๊ยครับ"
“ฉันไม่ได้โกรธคุณแล้วค่ะ ฉันเข้าใจว่าคุณหวังดี"
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลยุนฮยองบอกดาจองว่าคิมจีวอนอาละวาดใหญ่โตและตอนนี้ไม่มีใครเข้าหน้าเขาติด จนหมอต้องฉีดยานอนหลับให้เขาหลับไปอย่างที่เห็น อาจจะต้องใช้เวลาซักระยะกว่าชายหนุ่มจะทำใจได้ว่าตัวเองตาบอด ดาจองพยักหน้าเป็นเชิงรับรู้ก่อนจะถอนหายใจยาวๆ สายตาห่วงใยจับจ้องที่เตียงผู้ป่วยอย่างไม่ปิดบัง
เมื่อสมควรแก่เวลาเพื่อนสนิทพวงตำแหน่งเลขาและพี่ชายคนสนิทจึงลากลับ ปล่อยให้ดาจองได้ดูแลจีวอนอย่างเต็มที่
คนป่วยนอนหลับสนิทอยู่บนเตียง ดาจองนั่งลงบนเก้าอี้ข้างเตียงพร้อมกับมองสำรวจร่างกายของเขา ใบหน้าหล่อดูซูบลงไปเล็กน้อย ตาคมที่เคยจ้องเธอด้วยความดุดันบัดนี้ปิดสนิท มือนุ่มเลื่อนมาเกาะกุมมือหนาก่อนจะจับให้มือนั้นสัมผัสที่พวงแก้มของเธอ
“ฉันขอโทษ ฉันขอโทษที่ทำให้คุณต้องเจอเรื่องร้ายๆแบบนี้ ทุกอย่างเป็นเพราะฉัน คนที่ควรจะนอนอยู่ตรงนั้นก็คือฉัน ฉันขอโทษนะคะ ฉันขอโทษ" น้ำตาที่แห้งไปนานรื้นขึ้นมาอีกครั้ง หญิงสาวพรั่งพรูคำขอโทษครั้งแล้วครั้งเล่า
“ฉันสัญญาว่าฉันจะไม่ทิ้งคุณไปไหน จะอยู่กับคุณจนกว่าคุณจะมองเห็น หรือถ้ามันไม่มีวันนั้น ฉันก็จะอยู่กับคุณไปจนวันสุดท้าย ฉันสัญญา"
100%
มาแล้วๆๆ ตอนนี้สั้นไปหน่อยต้องขออภัย
งื้อคุณจีวอนของเรามองไม่เห็นเสียแล้ววว สะใจ ร้ายไว้เยอะดีนัก 555 (ไม่แต่งให้รถชนตายก็ดีเท่าไหร่แล้ว)
มาลุ้นกันดีกว่าว่าคุณจีวอนจะเป็นยังไง จะฟาดงวงฟาดงาหรือกลายเป็นหมาหง่อย
ตอนหน้ามีความ.... >////< ไม่เอา ไม่สปอยด์ดีกว่า ครุคริ
ปล. ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านนะคะ รบกวนคอมเม้นต์เป็นกำลังใจไรท์ด้วยนะคะ พลีสสสสสสสส
ปล. ปล. หวีดและพูดคุยกับไรท์ได้ที่ @badtzlady หรือ #ทาสจีวอน
ฝากฟิคเรื่องนี้และเรื่องใหม่ Promise พันธะรักสัญญาหัวใจ ด้วยค่ะ (ดราม่าหนักมากกกกกก) ^^
อัพครั้งหน้า 18/3/60 ค่ะ
ความคิดเห็น