STIGMA #ฟิครอยแผลกุกวี [rewrite] - นิยาย STIGMA #ฟิครอยแผลกุกวี [rewrite] : Dek-D.com - Writer
×

    STIGMA #ฟิครอยแผลกุกวี [rewrite]

    โดย cewlixm

    'ความเจ็บปวดที่ทิ่มแทงพร้อมกับปีกที่กางออก จนกว่าความฝันจะบังเกิด เพื่อค้นหาท้องทะเลที่ไม่มีวันพบ'

    ผู้เข้าชมรวม

    14,629

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    32

    ผู้เข้าชมรวม


    14.62K

    ความคิดเห็น


    477

    คนติดตาม


    1.45K
    จำนวนตอน :  14 ตอน
    อัปเดตล่าสุด :  3 พ.ค. 63 / 03:35 น.

    อีบุ๊กจากนิยาย ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

     

            


     

     




            “คิมแทฮยอง




            “คิมแทฮยอง


     

             มือเรียวที่จับปลายผู้กันชะงักกึกเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อเขาแว่วๆ แต่เมื่อใบหน้าเรียวรูปไข่แหงนมองเลยผ้าใบไปรอบๆ แต่ทุกอย่างรอบกายกลับยังคงนิ่งสนิท เขาก็ละความสนใจสิ่งภายนอกและจดจ่อกับผืนผ้าใบอีกครี้ง




            “คิมแทฮยอง”



    ปึ่ก

     

     

              ร่างโปร่งโยนพู่กันลงบนจานสีพลางกวาดตามองไปรอบๆกายที่จู่ๆก็มีเสียงผู้ชายทุ้มหนักเอ่ยเรียกชื่อ คิ้วสวยขมวดผูกกันแทบจะมัดไว้เป็นปม หัวเสียกับการถูกขัดสมาธิแต่ก็ไม่ได้พบอะไรนอกเสียงจากลมเย็นยะเยือกยามค่ำคืนราตรีที่เงียบสงัดของมหาวิทยาลัย แสงสว่างพรางพราวจากดวงจันทร์ลอดเข้ามายังห้องสี่เหลี่ยมที่เต็มไปด้วยผ้าใบหลากผืนหลายขนาดและพื้นผิว  สีนับร้อยที่ถูกผสมไว้บนจานพลาสติกและรอเวลาที่จะมีคนรังสรรค์สร้างผลงานศิลป์เลอะเปรอะเกลื่อนห้อง

     


             คงจะคิดไปเอง

     


              สายตากลับมาจดจ้องที่ผ้าใบผืนเดิม มือเรียวหยิบจานสีขึ้นมาถือไว้ที่มือซ้าย มือขวาก็จรดปลายพู่กันลงบนโครงหน้าของคนบนภาพวาดอีกครั้ง ไล้น้ำหนักสีหนักเบาตามจินตนาการ ปลายปีกกว้างของสิ่งมีชีวิตบนผืนผ้าใบที่มีความพอดีในการคำนวณส่งผลออกมาให้ภาพวาดดูมีชีวิตชีวา ถึงแม้ว่าจะเป็นปีกสีดำก็ตาม

     


             “คิมแทฮยอง

     


        กึก


     

             ร่างโปร่งชะงักกึกค้างอยู่ท่าเดิม เสียงทุ้มที่ดังขึ้นและหาที่มาไม่ได้กำลังทำให้คิมแทฮยองขนลุกเกรียว

         


              นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เขาค้างที่มหาลัยคนเดียว เขาอยู่ทำงานจนดึกจนต้องแอบค้างที่มหาลัยออกบ่อย ห้องศิลปะตั้งอยู่ส่วนในสุดของตึกไม่ค่อยมีผู้คนเพ่นพ่านและสงบทำให้ที่นี่เป็นที่ประจำของเขา ทำจนเคยชินแล้ว แต่นี่เป็นครั้งแรกที่บรรยากาศดูแปลกๆชอบกล ลมหนาวเย็นยะเยือกลอยละล่องมากระทบกายเบาๆหลายต่อหลายครั้งทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิในการวาดสักเท่าไหร่ แถมวันพรุ่งนี้ก็ถึงกำหนดต้องส่งแล้วด้วย


     

               “นั่นใครเสียงแหบพร่าตะโกนออกไปอย่างไร้ทิศทาง ในใจกรุ่นโกธรและมีความกลัวปะปนอยู่ คืนนี้มันน่าขนลุกชอบกลอย่างบอกไม่ถูก แต่ก็ไม่ชอบใจอยู่ดี เขาไม่ชอบให้ใครมาทำลายสมาธิเขาตอนที่เขากำลังตั้งใจมากๆแบบนี้

     


               ร่างบางกลอกตาไปมาพลางกระแทกจานสีลงบนโต๊ะวางสีข้างๆ ความจริงเขาไม่ใช่คนอารมณ์ร้อนสักเท่าไหร่แต่คราวนี้เขากลับรำคาญมากๆกับสิ่งที่เกิดขึ้น


     

               “คิมแทฮยอง”   เสียงทุ้มดังขึ้นอีกครั้ง แต่ครั้งนี้มันไม่ได้ดังขึ้นรอบตัวอีกแล้ว เขาค่อนข้างมั่นใจว่าเสียงนั่นเป็นเสียงที่ดังนั้นมาจากนอกประตูหนา น่าแปลกตรงที่ปกติประตูนี้เป็นประตูที่ค่อนข้างเก็บเสียง จะไม่มีเสียงใดเล็ดลอดเข้ามาหรือออกไปแต่ครั้งนี้กลับหนักแน่นชัดเจนราวกับว่าเสียงนั้นอยู่รอบๆตัว

     

     

              ร่างบางลุกขึ้นจากเก้าอี้อย่างไม่ลังเล มือเรียวออกแรงผลักดันประตูออกแล้วก้าวออกมา ลมเย็นยะเยือกปลิวมากระทบแขนส่งผลให้ขนลุกชันไปทั้งตัว สายตากวาดไปรอบๆ เห็นเหมือนควันฟุ้งๆลอยอยู่เต็มไปหมด ราวกับว่าเป็นฤดูหนาวที่หมอกลงมาปกคลุมไปทั่วอาณาบริเวณ ไม่สามารถรู้ได้เลยว่าสุดสายตานั้นมีอะไรอยู่ ทุกอย่างเลือนรางเต็มที

     

     

              “คิมแทฮยองร่างบางหันขวับไปทางต้นเสียงทันที ขาเรียวออกแรงก้าวมุ่งไปอย่างไม่ลังเล ดวงตาคมจ้องไปยังปลายทางลิบลับที่แทบมองไม่เห็นอะไร


     

              เสียงเรียกยังคงดังขึ้นเรื่อยๆ ไกลลับสายตามีบางอย่างกำลังขยับอยู่ คิมแทฮยองเร่งฝีเท้าก้าวเข้าไปหาสิ่งนั้นทันที   ภาพที่เห็นตรงหน้าคือภาพของผู้ชายตัวบางลักษณะร่างกายคล้ายเขา อาจจะหนาหรือบางกว่าสักหน่อย คงไม่มีใครตัวเท่ากันเป๊ะไปทุกตารางนิ้วหรอกจริงไหม ผู้ชายคนนั้นกำลังนั่งหันหลังอยู่ แผ่นหลังสีแทนเนียนปรากฏแก่สายตา เสื้อคอกว้างแขนยาวลายทางคล้ายชุดคลุมอาบน้ำสีขาวน้ำเงินถูกร่นลงไปกองอยู่ที่ข้อศอก หัวทุยสีบลอนด์ก้มหน้าจนคางชิดคอยังคงนั่งนิ่งอยู่อย่างนั้นหลายวินาที แล้วไม่นานจู่ๆไหล่บางก็เริ่มสั่นสะเทือน

     


                แทฮยองเบิกตากว้างเมื่อจู่ๆคนตรงหน้าก็เริ่มสะอื้นและร้องไห้ออกมา จากขาที่เริ่มก้าวถอยหลังกลับสาวเข้าไปหาคนตรงหน้าอย่างกล้าๆกลัวๆอย่างไม่แน่ใจกับอะไรบางอย่าง  มือบางเอื้อมไปแตะที่ไหล่พร้อมเอ่ยถามเสียงสั่น


     

                “ มะ...มีอะไร ให้ผม...ช่วย หรือเปล่า...ครับ

     


            ทันทีที่มือบางแตะโดนไหล่ คนที่นั่งคุกเข่าอยู่ที่พื้นก็หยุดสะอื้น ใบหน้าเชิดขึ้นมองตรงไปข้างหน้า เสียงหัวเราะพ่นลมหายใจขึ้นจมูกดังขั้น ตามด้วยเสียงหัวเราะราวกับเย้ยหยันกับอะไรบางอย่างที่ดังกึกก้อง

     


           คิมแทฮยองคนโง่ แทฮยองขมวดคิ้วฉับ เสียงนั้นเขาก็ช่างคุ้นเหลือเกิน ทว่าคนที่พื้นก็ไม่ยอมหันหน้ามาเสียที หัวใจเต้นเร็วระรัวด้วยความตื่นเต้นระคนความกลัวที่เกาะกุมจิตใจ แต่ความหงุดหงิดก็พุ่งทะยานแตะเพดานทุกความรู้สึกนึกคิด เหนือสิ่งอื่นใด มันต้องการอะไรจากเขา

     


     ตะ..ต้องการอะไรจากผม

     


            “หึ! มนุษย์...ช่างโง่เขลาสิ้นดี  เสียงทุ้มดังสนั่นกัมปนาททำให้แทฮยองก้าวถอยหลังอัตโนมัติตามสัญชาตญาณการป้องกันตัว ทว่าขาเรียวกลับสะดุดกับอะไรบางอย่างทำให้ล้มลง ซึ่งเขาเองก็ไม่ได้ละสายตาเพื่อไปมองมัน ร่างจ้อยหลับตาปี๋ เสียงฟ้าผ่าดังไปทั่วอาณาบริเวณ สมองสั่งการให้เขาลุกขึ้นและวิ่งหนีจากสิ่งนี้ไปให้ไกล แต่เหมือนว่าความคิดนั้นคงเป็นได้เพียงแค่จินตนาการโง่ๆที่เขาอยากให้เกิดขึ้นเท่านั้น

     


            เมื่อเขาลุกขึ้นหันหลังเตรียมจะวิ่งหนี คนที่นั่งอยู่ที่พื้นเมื่อสักครู่ก็ย้ายร่างมาอยู่เบื้องหน้าเขาอีกครา ราวกับเป็นภาพหลายมิติ


     

             เสี้ยววินาที แผ่นหลังเนียนแยกออกจากกันเป็นเสี่ยง รอยกรีดยาวปรากฏขึ้นหลางแผ่นหลัง แผลใหญ่บากและหนาเกิดขึ้นสองสายราวกับถูกกรีดด้วยของมีคมขนาดใหญ่อย่างน่ากลัว แทฮยองเบิกตากว้างที่สุดในชีวิตกับสิ่งที่เห็น ภาพตรงหน้าสยดสยอง รอยแผลสดปรากฏแก่สายตา บางอย่างถูกแทงทะลุผ่านชั้นเนื้อออกมาจากข้างใน วัตถุที่มีสีดำทะมึนลักษณะคล้ายหนามแหลมยังคงกระเสือกกระสนออกมาไม่มีท่าทีว่าจะหยุด กว่าคิมแทฮยองจะปรับโฟกัสภาพตรงหน้าผ่านดวงตาที่เต็มไปด้วยหยดน้ำใสให้ชัด สิ่งนั้น ก็สิ้นสุดลง

     


              ‘ปีกสีดำขนาดใหญ่กระพือขึ้นอย่างสง่างาม สะบัดไปมาราวกับลูกนกที่พึ่งฟักตัวออกมาจากไข่ จนในที่สุดมันก็กางแผ่สาขาออกสุดปลายขน จนได้เห็นทุกๆอย่าง.. วินาทีนั้นเขาไม่รู้สึกตัว ไม่รู้อะไรเลยจริงๆ เขาลืมแม้กระทั่งวิธีหายใจหรือกลืนน้ำลายลงคอ ทุกอย่างที่เคยอยู่ในสมองตอนนี้พลันมลายหายไปหมดสิ้น สมองขาวโพลนพยายามทำความเข้าใจและหาคำตอบกับภาพตรงหน้า

     


               “ฉันรอวันนี้มานาน และนายเองก็เหมือนกันเขาคนนั้นพูดเสียงกร้าวทั้งๆที่ยังหันหน้าไปทางเดิมอยู่อย่างนั้น คิมแทฮยองถอยกรูดไปจนชิดกำแพงข้างหลัง เสียงที่ฟังดูละม้ายคล้ายคลึงกับเขา ทว่ากลับหนักแน่นและน่าเกรงขามกว่าหลายเท่าตัวนักเปรยขึ้น คิมแทฮยองขนลุกไปทั้งตัว เขาจนปัญญา และจวนตัวที่จะหาทางออกและพยายามหนี

     


       ยี่สิบปีบริบูรณ์ เขาไม่อาจล่วงรู้ได้เลยว่าสิ่งที่คนตรงหน้าเอ่ยพูดหมายถึงอะไร ก้านนิ้วเรียวยาวจิกอยู่ที่ขากางเกงนักศึกษาเนื้อดี ถูกกำแน่นเข้าไปอีก ความกลัวเกาะกุมหัวใจ ร่างบางตัวสั่นเทา ไม่มีแรงแม้แต่จะขยับ ขนบางลุกชันไปทั้งตัวแม้กระทั่งต้นคอ หน้าตาเหยเก ขอบตาร้อนผ่าวน้ำตายังคงไหลไม่หยุด ริมฝีปากบางสั่นอย่างไม่สามารถเอื้อนเอ่ยประโยคใดใดทั้งสิ้น

     

     

      ฉับพลัน คนที่นั่งหันหลังอยู่ก็ยืดตัวขึ้นตรง ทุกอย่างสงบนิ่งไม่มีแม้แต่เสียงลมพัด เขาก็เอี้ยวตัว และหันหน้ามาสบตา..

     


         ดวงตาสีแดงฉานแข็งกร้าวราวกับมีไฟแค้นบางอย่างสุมรวมกันอยู่หลายร้อยล้านรอวันระเบิดเป็นจุน เปลวไฟลุกโชนราวกับขุมนรกฉายขึ้นบนใบหน้าเรียวที่งดงามราวกับรูปปั้นแกะสลัก คิ้วเข้มและริมฝีปากหยุ่นบางที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดี



     

    โครงหน้าเราเหมือนกันทุกกระเบียดนิ้วราวกับเป็นคนเดียวกัน



     

       และภาพสุดท้ายที่เขาได้เห็นคือริมฝีปากที่ยกยิ้มขึ้นข้างหนึ่ง ก่อนที่ทุกอย่างจะดับวูบไป

     

     

     

     

    ผ่านราตรีนี้ไป ทุกอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้น และค่ำคืนแห่งรัตติกาล ทุกอย่างจะไม่มีวันเหมือนเดิม









    ***********************************************************************







     #รอยแผลกุกวี


    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    คำนิยม Top

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    คำนิยมล่าสุด

    ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

    ความคิดเห็น