คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : Omega Queen | 1
KOOKV | Omega Queen - 1
♛
กาลเวลาที่หมุนผ่านมาจนเข้าสู่ฤดูใบไม้ร่วง
ทำให้อากาศภายในอาณาจักรที่ขึ้นชื่อว่าเต็มไปด้วยเพชรพลอยอย่างเวสฮาร์ทลดต่ำจากลงเดิม
ดวงอาทิตย์ที่ลาลับแสงไวกว่าเดิมทำให้ช่วงเวลาทิวากาลสุขสันตสั้นลงและถูกแทนที่ด้วยรัตติกาลอันหนาวเหน็บที่ยาวนานขึ้น
ต้นไม้ใบหญ้าที่เคยเขียวชอุ่มพากันพลัดสีและร่วงล้นอย่างไร้ค่า
ภูเขาสูงใหญ่มากมายหลายลูกถูกแต่งแต้มไปด้วยสีทอง
สายลมแล่นฉิวที่พัดผ่านมากระทบผิวกายนำพาความเหน็บหนาวมาสัมผัส
จนทำให้ร่างบางให้ชุดขนสัตว์ตัวหนาสั่นเทาเล็กน้อย
ปลายจมูกและพวงแก้มทั้งสองแดงก่ำอากาศที่หนาวเหน็บ จนมือเรียวต้องกระชับผ้าคลุมไหล่สีขาวพิสุทธิ์ที่สวมอยู่ให้ปกคลุมร่างกายมากขึ้นเพื่อสร้างความอบอุ่น
นัยน์ตาสีโกเมนจ้องมองไปยังจุดหมายปลายทาง
ขณะที่เรียวขาก็ก้าวเท้าไปตามพื้นหญ้าอย่างใจเย็น
เนินเขาที่ตั้งอยู่ตรงหน้าคือจุดมุ่งหมายที่ราชินีแห่งเวสฮาร์ทจะไปเยือนในวันนี้
ป้ายหินอ่อนเนื้อดีถูกสลักไปด้วยถ้อยคำแห่งความปรารถนาดี
นัยน์ตาสีโกเมนสั่นไหวเพียงชั่ววินาทีก่อนจะถูกเก็บซ่อนเอาไว้ในก้นเหวลึกภายในหัวใจของผู้เป็นราชินีแห่งอาณาจักรเวสฮาร์ท
ตัวตนที่เปราะบาง อ่อนแอเสียยิ่งกว่าเครื่องแก้วหลิวหลีของพวกตะวันออกคือสิ่งที่วาเนสซ่าไม่อาจเผยมันออกมาให้ใครรับรู้ได้
ด้วยเพราะรู้ดีอยู่แก่ใจว่ามันจะนำพาให้ชีวิตของตัวเองต้องแขวนอยู่บนเส้นดาย ดังนั้นจึงได้แต่เพียงสร้างหน้ากากและเกาะจอมปลอมเพื่อใช้ปกป้องชีวิตที่เหลืออยู่ตัวคนเดียวของตนเองเอาไว้
มือเรียวหยิบเอาช่อดอกกุหลาบสีขาวออกมาจากตะกล้าหวายที่ถือมา
ก่อนจะวางลงที่หน้าหลุมศพของบุคคลที่วาเนสซ่าคะนึงหาสุดหัวใจ
กายบางทรุดตัวลงบนพื้นหญ้าสองมือประสานกันเพื่อหวนระลึกถึงผู้ล่วงลับ
“นานเท่าไหร่กันแล้วที่ข้าทำได้เพียงพบเจอพวกท่านในความฝัน
ทั้งๆที่ในคืนนั้นพวกท่านยังเล่านิทานและส่งข้าเข้านอนอยู่เลย”
หยาดน้ำตาเอ่อล้นที่ครอบตาคู่สวย จนริมฝีปากบางต้องขบเม้มเข้าหากันแน่นอนเพื่ออดกลั้นความรู้สึกเศร้าหมองที่กลับมาท่วมท้นในหัวใจ
“จากลูกหมาในวานวันต้องกลายเป็นราชินีหมาป่าในวันนี้
... ข้าเหนื่อยเหลือเกินเสด็จพ่อเสด็จแม่ – เพราะข้าเป็นลูกของพวกท่านหรือ
ผู้คนถึงได้พยายามเอาชีวิตข้า ... พวกท่านรู้หรือไม่ว่ามันไม่มีคืนไหนเลยที่ข้าจะสามารถข่มตานอนได้อย่างสนิท”
วาเนสซ่ากลั้นก้อนสะอึก
พลางลูบมือลงบนหลุมศพของอดีตราชาและราชินีแห่งเวสฮาร์ท
“เหตุใดคนพวกนั้นถึงได้จิตใจโหดร้ายนัก พรากพวกท่านไปจากข้ายังไม่พอ
ยังพรากเสด็จพี่ไปอีกคน – ข้าเจ็บปวด ข้าอยากร้องไห้
อยากคร่ำครวญเสียใจเหมือนคนๆที่ต้องสูญเสียครอบครัวของตัวเองไป
แต่ข้ากลับทำเช่นนั้นไม่ได้เพราะมงกุฎที่ข้าสวมอยู่”
โอเมก้าคนงามยกยิ้มอย่างขมขื่น
พลางปัดเศษใบหน้าที่ปลิวมาปกคลุมหลุมศพออก
“บัลลังก์นี้มันช่างอ้างว้างเหลือเกิน
ปราสาทที่เคยอบอุ่นเพราะมีพวกท่านอยู่บัดนี้มันช่างเงียบเหงายิ่งกว่าอะไร ข้ารู้สึกเดี่ยวดายยิ่งนัก
... ถึงแม้ว่าข้าจะต้องเจ็บปวดมากเพียงใดแต่ข้าจะรักษาบัลลังก์นี้เอาไว้อย่างที่เคยสัญญาจนกว่าเสด็จพี่จะกลับมา
ข้าจะไม่ยอมใครให้มาเอามันไปอย่างแน่นอนพะยะค่ะ”
แม้จะเอ่ยคำพูดตัดพ้อแต่ทว่าน้ำเสียงกลับเต็มไปด้วยความเจ็บปวดที่โอเมก้าตัวน้อยไม่เคยแสดงมันให้ใครเห็น
เรื่องราวมากมายที่วาเนสซ่าได้พบเจอมาตลอดหนึ่งเดือนที่เขาไม่ได้มาที่นี่ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าให้คนที่เขารักสุดหัวใจฟัง
ถึงแม้ว่าจะรู้อยู่แก่ใจว่าพูดไปแล้วจะไม่มีใครได้ยิน
ทว่ามันกลับช่วยเยี่ยวยาหัวใจที่ชอบช้ำของราชินีแห่งเวสฮาร์ทได้ไม่น้อยเลยทีเดียว วาเนสซ่ายกยิ้มเจือนก่อนจะต้องเอ่ยคำบอกลาบุพการีทั้งสอง
ผ้าคลุมสีขาวที่กษัตริย์แห่งคาร์โรซินเวียส่งมาให้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดล่วงหน้าเนื่องในโอกาสที่เขาอายุครบสิบแปดปี
โอเมก้าตัวน้อยเพิ่งได้รับมันเมื่อวานก่อนและไม่คิดเลยว่ามันจะเป็นสิ่งที่ช่วยอำพลางตัวตนและสถานะของเขาได้เป็นอย่างดีแบบนี้
เพราะที่จริงแล้วเวสฮาร์ทไม่ได้มีวัฒนธรรมและธรรมเนียมการใส่ผ้าคลุมตามสีหรือยศถาบรรดาศักดิ์เหมือนอาณาจักรคาร์โรซินเวียร์ผู้เคร่งครัด
ดังนั้นการใส่ผ้าคลุมผืนนี้จึงช่วยให้วาเนสซ่าสามารถเดินเตร็ดเตร่อยู่ท่ามกลางผู้คนมากมายในเขตชุมชนได้อย่างที่ไม่มีใครรู้ตัวตนที่แท้จริงของเขา
การใส่ผ้าคลุมเช่นนี้
แม้ว่าจะดูโดดเด่นท่ามกลางฝูงชนชาวเวสฮาร์ท แต่ทว่าพวกเขาเหล่านั้นกลับมองผ่านไปเพียงเท่านั้นไม่ให้ความสนใจกับเจ้าของร่างบางที่เดินอยู่บนถนนเพียงคนเดียว
เพราะคิดว่าเขาคือชาวคาร์โรซินเวีย คนจากอาณาจักรเพื่อนบ้านที่เดินทางผ่านมาเท่านั้น
– ซึ่งนั่นอดที่จะทำให้รอยยิ้มของวาเนสซ่าปรากฏขึ้นบนใบหน้าอย่างห้ามไม่ได้
เพราะนับตั้งแต่ที่โอเมก้าตัวน้อยต้องสูญเสียครอบครัวไป
เขาก็ไม่เคยสัมผัสความอิสระ เสรีแบบนี้อีกเลย
“เร่เข้ามาๆ
พี่น้องชาวเวสฮาร์ททั้งหลาย วันนี้ข้ามีข่าวดีมาบอกพวกเจ้า! เพราะตอนนี้คนที่พวกเจ้ารอคอยมาตลอดได้มาเยือนอาณาจักรของพวกเราแล้ว
– เอาล่ะพ่อแม่พี่น้อง ใครที่จ่ายมากที่สุดจะได้พบกับพ่อมดแห่งไดทานอฟที่จะทำนายอนาคตให้เจ้าเป็นคนแรก
...”
สิ้นเสียงของเบต้าวัยหนุ่มที่ตะโกนป่าวประกาศอยู่บนโต๊ะไม้
ก็เรียกความสนใจของผู้คนให้พากันเดินไปยังบริเวณนั้น
รวมถึงวาเนสซ่าที่เดินมาผ่านได้ยินด้วย ผู้คนต่างพากันเสนอราคามากมายเพื่อซื้อคำทำนายของพ่อมดเป็นคนแรกที่ตอนนี้ราคาพุ่งสูงไปพอๆกับทองหนึ่งชั่งเลยทีเดียว
แต่ทว่าเสียงที่ตะโกนโหวกเหวกพากันเสนอราคากลับต้องเงียบสงบลง
เมื่อริมฝีปากอิ่มภายใต้ผ้าคลุมสีขาวเอ่ยขึ้น
“ทองสองชั่งเพียงพอที่จะทำให้ข้าได้พบกับพ่อมดหรือไม่”
ด้วยราคาค่างวดที่สูงจนไม่ว่าใครที่ได้ยินสร้างความดาลดื้นตกใจให้กับผู้คนที่อยู่โดยรอบ
ทำให้คำทำนายแรกของพ่อมดแห่งไดทานอฟตกเป็นของคนที่กำลังยืนอยู่ในมุมมืดของเงาบ้านเรือนทันที
อันนี้ที่จริงวาเนสซ่าไม่ได้เชื่องมงายเกี่ยวกับคำทำนาย หรือคำพยากรณ์พวกนี้หรอก
ทว่าความสงสัยที่ก่อตัวขึ้นกลับทำให้ราชินีแห่งเวสฮาร์ทในคราบของคนต่างถิ่นยอมที่ควักกระเป๋ามากเป็นพิเศษ
นั่นเป็นเพราะพ่อมดที่จะสามารถร่ำเรียนศาสตร์พยากรณ์ได้
จะต้องเป็นผู้ที่ถือครองสายเลือดของพ่อมดขาวแห่งอาณาจักรไดทานอฟเท่านั้น
แต่สงครามภายในของอาณาจักรไดทานอฟที่เกิดขึ้นเมื่อหลายสิบปีก่อน
ก็ทำให้พ่อมดขาวถูกฆ่าไปจนแทบจะสิ้นแผ่นดิน
เหลือไว้แต่เพียงเด็กชายผู้น่าสงสารที่ถูกอดีตกษัตริย์แห่งคาร์โรซินเวียช่วยชีวิตเอาไว้
ซึ่งบัดนี้คนผู้นั้นก็ได้หวนคืนสู่บัลลังก์ของตัวเองแล้ว แน่นอนว่าราชาแห่งพ่อมดไม่มีทางจะอยู่ภายใต้กระโจมที่อยู่ตรงหน้าเขาแน่
ดังนั้นวาเนสซ่าจึงเพียงแค่อยากรู้ว่าคนที่อยู่ภายใต้กระโจมนั่นจะเป็นพ่อมดขาวที่หลงเหลืออยู่จริง
หรือเป็นเพียงนักต้มตุ๋นที่หลอกขาวเมืองของเขากันแน่
ร่างบางเดินตามเบต้าหนุ่มเข้ามาในกระโจมหลังใหญ่
กลิ่นธูปเทียนรวมไปถึงสมุนไพรและเครื่องหอมลอยอบอวลไปทั่วบริเวณ ก่อนที่วาเนสซ่าจะถูกเชิญให้นั่งลงตรงโต๊ะน้ำชาที่ตั้งอยู่กลางห้อง
พลางเอ่ยขอบคุณเบต้าหนุ่มที่รินน้ำชาให้แต่ทว่าโอเมก้าตัวน้อยกลับเลือกที่จะไม่แตะต้องมันแม้แต่ปลายเล็บ
มิใช่ว่าเขารังเกียจชาราคาถูกแต่ประสบการณ์ที่ถูกลอบฆ่ามานับครั้งไม่ถ้วนมันทำให้ราชินีแห่งเวสฮาร์ทคนนี้จำเป็นต้องระมัดระวังตัวอยู่ตลอดเวลา
นัยน์ตาสีโกเมนจ้องมองลูกแก้วที่ตั้งอยู่ตรงหน้าด้วยความสงสัย
ก่อนที่คนที่เดินเข้ามาใหม่จะเรียกความสนใจขององค์ราชินีไป
“เป็นเกียรติยิ่งนักที่พบกับท่าน ... เรดควีนที่รัก”
!!!
ประโยคที่เอื้อนเอ่ยออกมาจากปากของพ่อมดพยากรณ์ตนนั้นทำเอาราชินีแห่งเวสฮาร์ทตัวชาวาบ
นัยน์ตาสีโกเมนเบิกกว้างด้วยความตกใจก่อนที่มันจะกลับมาเป็นสายตาหยิ่งสยองในเสี้ยววินาที
เช่นเดียวกับความหวาดกลัวที่ถูกเก็บซ่อนได้อย่างมิดชิด
ใบหน้างมภายในผ้าคลุมที่ขาวเชิดขึ้นอย่างหยิ่งทะนง
คนที่รู้ว่าเขาเป็นใครย่อมไม่ใช่พ่อมดธรรมดาอย่างแน่นอน
“ท่านคงจำผิดแล้ว ข้าไม่ใช่คนที่ท่านคิดหรอก”
คนตัวเล็กเอ่ยเสียงเรียบ ขณะที่มือเรียวก็กำด้ามมีดพกที่ถูกซ่อนอยู่เอาไว้แน่น
“หึ ดวงตาและเส้นผมสีแดงไม่ใช่ว่าใครจะมีได้ง่ายๆ
ไหนจะกลิ่นกายดั่งดอกกุหลาบเช่นนี้อีก”
“สาวห้าว!”
ลมหายใจอุ่นร้อนที่จรดลงตรงจุดอ่อนไหวของโอเมก้าอย่างหลังคอ
สร้างความรู้สึกขนลุกขนชังให้กับโอเมก้าตัวน้อยไม่น้อย
มือเรียวตวัดปลายมือไปทางผู้ที่อาจหาญกระทำกับเขาเช่นนี้แต่ทว่ากลับเป็นอีกครั้งที่มือเรียวถูกคนที่แข็งแกร่งกว่าจับเอาไว้
พลันผ้าคลุมที่ปกหน้าของพ่อมดสามห้าวคนนั้นอยู่ก็หล่นออกจนเผยให้เห็นใบหน้าที่วาเนสซ่าคุ้นเคยเป็นอย่างดี
“ฮิวโก้? – เล่นบ้าอะไรของเจ้ากัน!”
วาเนสซ่าเอ่ยขุ่น
ก่อนที่ใบหน้าตุ๊กตากระเบื้องจะปรากฏรอยยิ้มกว้างเมื่อท่อนแขนที่โผล่พ้นออกมาจากเสื้อคลุมสีดำ
เผยให้เห็นตราสัญลักษณ์แห่งสัญญาเลือดที่บ่งบอกถึงการปฏิญาณตนเพื่อรับใช้และจงรักภักดีต่อผู้ที่มีสายเลือดของกษัตริย์แห่งเวสฮาร์ท
“นี่พระองค์กะจะฆ่าหม่อมฉันให้ตายเลยหรือพะยะค่ะองค์ราชินี
หม่อมฉันก็แค่หยอกเล่นเอง”
พ่อมดหนุ่มเอ่ยด้วยน้ำเสียงขบขันพลางปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระจากการกรอบกุม
ก่อนจะคุกเข่าแสดงความเคารพต่อผู้ครอบครองบัลลังก์ของอาณาจักรเวสฮาร์ท
ครั้งหนึ่งอาณาจักรไดทานอฟเคยเป็นถูกตราหน้าว่าเป็นอาณาจักรที่ล่มสลายเพราะสงครามระหว่างเผ่าพันธุ์ที่พรากเอาชีวิตของเหล่าพ่อมดขาวไปจนหมด
แต่ใครเล่าจะคาดคิดว่าแท้จริงแล้วกษัตริย์แห่งไดทานอฟคนปัจจุบันไม่ใช่พ่อมดขาวที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียว
เพราะยังเหลือครอบครัวพ่อมดขาวอีกตระกูลหนึ่งที่ย้ายเข้ามาขอหลีภัยและตั้งถิ่นฐานในอาณาจักรเวสฮาร์ทก่อนที่การไล่ล่าพ่อมดขาวจะเริ่มต้นขึ้น
และได้ถวายการรับใช้เสด็จพ่อของเขามาตลอด ซึ่ง ฮิวโก้ เมอฮิวอุส คือทายาทของพ่อมดขาวตระกูลนั้น
“เจ้ามันน่าตายนักฮิวโก้”
“ฮ่าๆ โทษของหม่อมไม่อาจให้อภัย
โปรดองค์ราชินีประหารหม่อมฉันด้วยพะยะค่ะ”
“หายหน้าไปเกือบสองปี
เจ้ายังมีหน้ามาขอโทษประหารอีกเหรอ – เจ้ารู้ไหมว่าสองปีมานี้อะไรเกิดขึ้นกับเวสฮาร์ทบ้าง!”
“นั่นคือเหตุผลที่หม่อมฉันรีบกลับมาพะยะค่ะ”
การหวนคืนสู่บัลลังก์ของกษัตริน์แห่งไดทานอฟผู้ครอบครองสายเลือดพ่อขาว
ทำให้ตระกูลพ่อมดขาวที่หลบซ่อนอยู่ภายใต้บารมีของอดีตกษัตริย์แห่งเวสฮาร์ด
จำเป็นต้องเดินทางกลับไปยังไดทานอฟเพื่อเป็นกำลังสำคัญในการกอบกู้บ้านเกิด
แม้ว่าตระกูลเมอฮิวอุสจะทำสัญญาเลือดรับใช้สายเลือดผู้ครองบัลลังก์เวสฮาร์ดแต่ทว่าพวกเขาไม่อาจนิ่งดูดายอกตัญญูต่อบ้านเกิดได้
เหล่าคนหนุ่มสาวจึงจำต้องเดินทางกลับบ้านเกิดชั่วคราวเหลือไว้แต่เพียงผู้อาวุโสในตระกูลไม่กี่คนเท่านั้น
ทว่าใครเล่าจะคาดคิดว่าเหล่าผู้อาวุโสจะคิดคดทรยศต่อผู้เป็นเจ้าของบัลลังก์เวสฮาร์ท
สัญญาเลือดที่เคยปฏิญาณตนในอดีตจึงคร่าเอาชีวิตของคนเหล่านั้นไปอย่างน่าอดสู
เมื่อไม่มีพ่อมดใดหลงเหลืออยู่ในเวสฮาร์ทการติดต่อสื่อสารผ่านเวทมนตร์จึงถูกตัดขาด
ทำให้เหล่าเมอฮิวอุสที่เหลือไม่อาจรับรู้ความเป็นไปของอาณาจักรเวสฮาร์ทได้เลย
จนกระทั่งฮิวโก้ตัดสินใจร่ำเรียนศาสตร์แห่งการพยากรณ์
จึงทำให้รู้ว่าพวกเขาได้รับรู้เรื่องราวที่เกิดขึ้น แต่ทว่าทุกอย่างมันกลับสายเกินไปแล้ว
พวกเขาทำผิดมหันต์ต่อราชีนีแห่งเวสฮาร์ทอย่างไม่น่าให้อภัย
ฮิวโก้เดินทางกลับมายังเวสฮาร์ททันที่ทีนิมิตไขความกระจ่างของเรื่องราวให้เขาทั้งหมด
ไม่ว่าจะเป็นเหตุการณ์ในอดีตหรืออนาคตที่กำลังจะเกิดขึ้น
แต่ทว่าการกลับมาครั้งนี้ฮิวโก้ เมอฮิวอุสไม่อาจกลับไปในฐานะข้ารับใช้ผู้จงรักภักดิ์ได้อีกต่อไปแล้ว
เพียงเพราะการกระทำอันโง่เขล่าของผู้อาวุโสในตระกูลที่ตายจาก
ทำให้ปราสาทหลังงามที่ขึ้นชื่อว่าเป็นปราสาทแห่งเพชรพลอยที่ในอดีตเคยเปิดประตูกว้างต้อนรับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร
ต้องปิดตายลงและยกระดับความคุ้มกันอย่างแน่นหนาภายใต้การนำของหัวหน้าองครักษ์คนใหม่ของราชินีวาเนสซ่า
ฮิวโก้จึงทำได้เพียงตั้งหลักอยู่ในเมือง และเฝ้ารอการมาเยือนของราชินีคนงามแห่งเวสฮาร์ทตามที่เขาเห็นในนิมิต
“หม่อมฉันรู้ว่าสิ่งที่ผู้อาวุโสในตระกูลของหม่อมฉันทำ
เป็นสิ่งไม่อาจให้อภัย – แต่เมอฮิวอุสที่เหลือไม่เคยคิดคดทรยศต่อบัลลังก์เวสฮาร์ท”
“ข้ารู้ฮิวโก้ ข้ารู้ ...
สัญญาเลือดยังคงอยู่ ข้าดีใจที่ไม่ต้องเสียเจ้าไปเพราะมัน”
รอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้างดงามของราชินีแห่งเวสฮาร์ท
ทว่าคำพูดกลับย้ำให้พ่อมดขาวตรงหน้ารู้ถึงพันธะที่ผูกมัดเหล่าเมอฮิวอุสไว้กับบัลลังก์แห่งเวสฮาร์ท
“หม่อมฉันก็ดีใจที่ท่านยังเป็นวาเนสซ่าคนเดิม”
ครั้งนี้ฮิวโก้ไม่ได้พูดในฐานะข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ แต่พูดในฐานะสหายที่เป็นเพื่อนเล่นกันตั้งแต่แบเบาะ
“หึ เจ้าคิดแบบนั้นเหรอฮิวโก้
เวลาเปลี่ยน คนก็ย่อมเปลี่ยนเช่นกัน”
“เป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ
แต่หม่อมฉันรู้จักสหายของหม่อมฉันดี”
ไม่ว่าเส้นทางที่เต็มได้วยขวางหนามจะทลายความอ่อนโยนของโอเมก้าผู้เป็นดั่งคอแก้วตาดวงใจของเวสฮาร์ทให้เหลือเพียงแต่กำแพงความเด็ดเดี่ยวที่ปกป้องตัวเองเอาไว้ในฐานะราชินีผู้ครองบัลลังก์
ใบหน้างดงามที่เคยปรากฏรอยยิ้มอันงดงามเหลือหายไปและถูกแทนที่ด้วยรอยยิ้มจากหน้ากากเสแสร้งจอมปลอมที่ถูกทาบทับใบหน้า
ไม่อาจปิดบังตัวตนที่แท้จริงของวาเนสซ่าได้
วาเนสซ่ายังเป็นวาเนสซ่าคนเดิม
“ช่างเถอะ ข้าเสียทองให้เจ้ามากถึงสองชั่ง
เจ้าควรทำหน้าที่ของตัวเองได้แล้วฮิวโก้ เมอฮิวอุส”
โอเมก้าคนงามบอกปัดพลางนั่งลงบนเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้
พลางหันมาสนใจลูกแก้วที่วางอยู่ตรงหน้าอีกครั้ง นัยน์ตาสีโกเมนสำรวจมันด้วยความสนใจอกสนใจอย่างไม่คิดปิดบัง
การกระทำที่เผยตัวตนในอดีตที่ซุกซ่อนเอาไว้เรียกรอยยิ้มจากพ่อมดขาวได้เป็นอย่างดี
“ก่อนจะถึงตอนนั้น หม่อมฉันอยากรู้เรื่องของเจ้าชายมิเกล”
คำพูดของพ่อมดขาวทำให้โอเมก้าตัวน้อยที่กำลังสำรวจลูกแก้วพยากรณ์อยู่ชะงักไปเล็กน้อย
นัยน์ตาสีโกเมนเผยความสั่นไหวออกมา ก่อนที่ในเสี้ยววินาทีมันจะเลือนหายไป
แต่ทว่ามันกลับไม่อาจรอดพ้นสายตาคนที่จ้องมองโอเมก้าตัวน้อยตรงหน้าอยู่ตั้งแต่แรกไปได้
วาเนสซ่าขบเม้มริมฝีปากอย่างชั่งใจ
ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ “ ... ข้าคิดว่าเจ้าคงรู้อยู่แล้วเสียอีก”
“ข้าเพียงอยากได้ยินจากปากของท่านเท่านั้น
... เล่าให้หม่อมฉันฟังได้หรือไม่ ... ในฐานะสหาย”
“ข้า ...”
กำแพงแห่งความเข้มแข็งที่วาเนสซ่าสร้างขึ้นมาปกป้องตัวเองนับตั้งแต่ต้องแบกรับหน้าที่เอาไว้บนบ่า
ทำให้โอเมก้าตัวน้อยลังเลที่จะพูดมันออกมาเพราะกลัวว่าตนเองจะเผลอแสดงความอ่อนแอออกมา
ใช้เวลาคิดเพียงชั่วครู่วาเนสซ่าก็ยอมเลือกที่จะเชื่อใจผู้ที่เป็นสหายเพียงหนึ่งเดียว
“มิเกลหายตัวไปทันทีที่เสร็จสิ้นงานศพของเสด็จแม่
– ข้าไม่รู้เลยฮิวโก้ ไม่รู้เลยว่ามิเกลหายไปไหน ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาข้าพยายามตามหาพี่ชายของข้า
แต่มันกลับล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่า”
เรดควีนระบายความอัดอั้นที่อัดแน่นอยู่ในหัวใจออกมาผ่านคำพูด
ความพยายามที่ล้มเหลวซ้ำแล้วซ้ำเล่าคือสิ่งที่บั่นทอนจิตใจของราชินีโอเมก้าไม่น้อย
– เจ้าชายมิเกล อัลฟ่าผู้งดงามที่ถือครองตำแหน่งองค์รัชทายาทของเวสฮาร์ท
บุตรชายคนโตของพระราชาและราชินีองค์ก่อน และเป็นพี่ชายของเขา
การหายใจตัวไปอย่างไร้ร่องรอยขององค์รัชทายาทในช่วงที่เวสฮาร์ทกำลังเผชิญอยู่ในภาวะสูญเสีย
เป็นเรื่องที่ทำให้ความมั่นคงของบัลลงก์และอาณาจักรสั่นคลอนไม่น้อย ด้วยบัลลังก์ที่ไม่อาจเว้นว่าง
จึงตกเป็นของทายาทที่เหลืออยู่เพียงหนึ่งเดียวอย่างวาเนสซ่าโดยชอบธรรม
แม้นจะเป็นโอเมก้าแต่ทว่าสายเลือดสีน้ำเงินที่ไหลเวียนอยู่ในตัวของวาเนสซ่าก็ไม่อาจทำให้ผู้ที่ไม่อาจยอมรับให้โอเมก้าเหนือกว่า
จำใจยอมรับบุตรชายคนเล็กของพระราชาและราชินีองค์ก่อนขึ้นครองบัลลังก์แทนพี่ชาย
... ก่อนจะตั้งตัวเป็นกบฏจ้องหาโอกาสปริชีพเจ้าของบัลลังก์ที่แสนอ่อนแอให้สมความปรารถนา
วาเนสซ่ารู้ดีว่าบัลลังก์ของเวสฮาร์ทเป็นของอัลฟ่าอย่างมิเกลมากกว่าโอเมก้าที่แสนอ่อนแออย่างเขา
แต่การหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยของเจ้าชายมิเกลเป็นเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิด ทำให้เจ้าชายโอเมก้าผู้เป็นน้องที่ถูกเก็บซ่อนเอาไว้แต่เพียงในปราสาท
ต้องขึ้นมารับตำแหน่งแทน และได้กลายเป็นราชินีแห่งเวสฮาร์ททันทีที่เสด็จพ่อจากไป
และความงดงามของโอเมก้าตัวน้อยก็เป็นฉนวนกระตุ้นความโลภให้คนทรยศคิดอยากครอบครอง
อนึ่งความคิดของพวกมันที่ทำให้ราชินีแห่งเวสฮาร์ทไม่อาจขบตาหลับได้สนิทคือ
หากแผนการอันหยาบช้าของมันสำเร็จ นั่นไม่ต่างอะไรจากการยิงปืนเพียงนัดเดียว
แต่กลับได้นกถึงสองตัว ได้ครอบครองทั้งตัวเขา และบังลังก์แห่งเวสฮาร์ท
วาเนสซ่าเผลอยกมือขึ้นจับปลอกคออันงดงามสมกับฐานะของผู้ใส่ที่ตนเองสวมเอาไว้แน่น
หลังจากห้วงความคิดของตนเตลิดไปไกล ก่อนที่เสียงของฮิวโก้จะเรียกสติของโอเมก้าตัวน้อยให้จดจ่อกับปัจจุบัน
“หม่อมฉันเสียใจกับเรื่องนี้
แต่ในฐานะพ่อมดพยากรณ์ ... หม่อมฉันคงได้แต่เพียงพูดสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นโชคชะตาที่มิเกลต้องเผชิญ”
“เจ้ารู้ชะตาของมิเกลงั้นเหรอฮิวโก้”
“เป็นเช่นนั้นพะยะค่ะ ทั้งมิเกลและท่านต่างมีโชคชะตาของตัวเองที่ต้องเผชิญ
แต่ถึงอย่างไรสิ่งที่ข้าเห็นและรับรู้ก็เป็นเพียงการพยากรณ์เท่านั้น ไม่อาจบอกได้ว่ามันจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่
เพราะอนาคตสามารถเปลี่ยนแปลงได้ หากเราเลือกที่จะเปลี่ยนมัน”
ทว่าสิ่งที่หลายคนไม่รู้คือสิ่งที่พ่อมดพยากรณ์ล่วงรู้มักเป็นจริงอยู่เสมอ
แต่ก็ใช่ว่ามันจะเปลี่ยนแปลงไม่ได้
“ในค่ำคืนที่ดวงดาราเต็มท้องฟ้า หม่อมฉันกับเขาออกไปร่ำสุราในสวนเอเดนด้วยกันที่ท้ายปราสาทของท่าน
แต่ใครจะคิดเล่าว่าสหายเช่นหม่อมฉันจะได้ยินอะไรที่ไม่ควรได้ยินเข้า มิเกลพูดออกมาว่าตัวเองไม่คู่ควรกับบัลลังก์เวสฮาร์ท
– ตอนนั้นหม่อมฉันคิดว่ามิเกลคงจะพูดออกมาเพราะขาดสติ แต่ไม่คิดเลยว่านั่นจะเป็นสัญญาณที่มิเกลบอกให้เรารับรู้”
ฮิวโก้เอ่ยถึงความหลังที่มีต่อสหายที่หายตัวไป
ตอนนั้นเขายังเป็นเพียงพ่อมดขาวที่ยังไม่แข็งแกร่งพอจะศึกษาศาสตร์ชั้นสูงอย่างศาสตร์การพยากรณ์จึงไม่ได้ล่วงรู้เลยว่าสิ่งที่ออกจากปากรัชทายาทแห่งเวสฮาร์ทในวันนั้น
จะเป็นโชคชะตาที่เจ้าตัวกำลังเผชิญอยู่ในตอนนี้
“...”
ไม่มีคำพูดใดเอ่ยออกจากปากของราชินีแห่งเวสฮาร์ท
มีแต่เพียงริมฝีปากที่ขบเม้มเข้ากันแน่นเพราะไม่ใช่เพียงฮิวโก้หรอกที่เคยได้ยินคำพูดทำนองนั้นจากมิเกล
แต่โอเมก้าตัวน้อยก็เคยได้ยินเช่นกัน หลายครั้งที่วาเนสซ่าเคยได้ยินเสียงมิเกลร้องไห้ตอนกลางดึก
แต่ถึงอย่างนั้นพี่ชายของเขาก็เป็นพวกเก็บซ่อนความรู้สึกเก่งเกินกว่าที่เขาจะไปละลาบละล้วงได้
วาเนสซ่าถึงไม่เคยรับรู้เลยว่ามิเกลกำลังคิดหรือเผชิญปัญหาอะไรอยู่
เพราะทุกครั้งที่เจ้าตัวก้าวเท้าออกจากห้องนอนอันเป็นสถานที่ต้องห้ามที่ไม่ให้ใครเข้าไป
รอยยิ้มและสีหน้าเป็นมิตรจะถูกฉาบบนใบหน้าเพื่อบดบังความรู้สึกที่แท้จริงอยู่เสมอ
แล้วมันก็ถ่ายทอดมาถึงเขาตอนนี้ด้วยเช่นกัน
เพราะหน้ากากแห่งรอยยิ้มคือสิ่งเดียวที่จะปกป้องชีวิตเราจากความอ่อนแอ และตำแหน่งที่เขากับมิเกลต่างครอบครองอยู่มันหนักหนาเกินกว่าจะปล่อยให้ความอ่อนแอปรากฏให้คนอื่นสามารถพบเห็นได้
เพียงไม่นานศาสตร์แห่งการพยากรณ์ที่ฮิวโก้ได้ร่ำเรียนมาตลอดระยะเวลาที่กลับไปอยู่ไดทานอฟก็ให้เผยให้ราชินีแห่งเวสฮาร์ทได้ยลโฉม
เข็มเย็บผ้าเล่มยาวถูกส่งไปให้เจ้าของเรือนผมสีแดงเงางาม หยาดโลหิตไหลรินออกมาทันทีที่ปลายเข็มจิ้มลงบนปลายนิ้ว
ก่อนที่แรงโน้มถ่วงจะทำให้มันหยดลงบนลูกแก้วที่ตั้งอยู่บนโต๊ะ
พลันลูกแก้วก็เปลี่ยนเป็นสีแดงฉานเช่นเดียวกับนัยน์ตาและสีผมของผู้เป็นเจ้าของเลือด
นัยน์ตาของพ่อมดหนุ่มจ้องมองที่ลูกแก้วอย่างไม่วางตา
ริมฝีปากเอ่ยร่ายคาถาก่อนจะเบิกตากว้างด้วยความตกใจ
“พระเจ้า ...”
“อะไร มีอะไรเหรอ”
“โชคชะตาของท่านได้เริ่มต้นขึ้นแล้วเรดควีน
... อีกไม่ช้าท่านจะได้พบกับเขา – คนที่ฟ้าลิขิตมาให้เคียงคู่กับท่านตราบลมหายใจสุดท้าย”
ดวงตาเฉียวคมดุจพญาอินทร์แต่ทว่าแฝงไปด้วยความเจ้าเล่ห์และเสน่ห์ตามชนชาติกำเนิดอย่างหมาป่า
กำลังจับจองไปเป้าหมายที่ตั้งอยู่ห่างออกไปราวๆสามสิบหลา มือหนากระชับคันธนูในมือแน่นก่อนที่ศรธนูสีทองจะพุ่งไปตามแรงที่ถูกส่ง
เพียงชั่วพริบตาเท่านั้นมันก็พุ่งไปปักอยู่ตรงกลางแท่นที่ถูกใช้เป็นเป้าสำหรับการยิ่งธนูเสียแล้ว
อัลฟ่าหนุ่มวัยสิบเจ็ดยกยิ้มออกมาอย่างภาคภูมิใจในทักษะการยิงธนูของตัวเองที่ไม่เคยเป็นสองรองใครในอาณาจักรคาร์โรซินเวียแห่งนี้
คันธนูถูกง้างขึ้นอีกครั้งช่วยส่งแรงให้ศรธนูดอกที่สองและสามพุ่งไปปักที่เป้าได้ตามเป้าหมาย
พลันเสียงปรบมือที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังเป็นสิ่งที่เรียกความสนใจให้อัลฟ่าหนุ่มหันไปมอง
ก่อนจะโค้งคำนับให้ผู้ที่เป็นกษัตริย์ของอาณาจักรแห่งนี้
“เจ้านี่ชักจะเก่งกาจเกินไปแล้วนะจัสติน
พ่อว่าฝีมือการยิงธนูของเจ้าที่ต้องทำให้เหล่าแม่ทัพร้อนๆหนาวๆกันแน่หากได้เห็นเข้า”
ราชาแห่งอาณาจักรคาร์โรซินเวียพูดขึ้น
พลางยกยิ้มอย่างภาคภูมิใจที่ลูกชายของเขานั้นเชื้อไม่ทิ้งแถวจากปู่และตัวเขาแม้แต่น้อย แม้ว่าจะอายุยังน้อยแต่ทว่าความเก่งกาจของจัสตินก็ฉายแววออกมาเกินกว่าเด็กทั่วไปในรุ่นราวคราวเดียวกัน
จนเขายังอดไม่ได้ที่จะเอ่ยคำยกยอองค์รัชทายาทหรือเจ้าชายจัสตินให้เหล่าขุนนางฟังอยู่บ่อยๆ
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับเสด็จพ่อ ชายยังต้องฝึกอีกมาก”
“ช่างถ่อมตัวเสียจริงนะลูกชายข้า แล้วน้องเจ้าไปไหนเสียล่ะ
– ปกติโจชัวน่ะติดเจ้าเสียยิ่งกว่าอะไร” องค์ราชาถามถึงลูกชายคนเล็กด้วยความสงสัยที่ไม่เห็นเจ้าตัวอยู่แถวนี้อย่างที่เคย
เพราะปกติแล้วเจ้าคนเล็กมักจะเกาะติดผู้เป็นพี่อย่างจัสตินไปไหนมาไหนอยู่เสมอ
ก่อนที่นัยน์สีเงินที่กำลังมองไปรอบๆพื้นที่จะสังเกตเห็นว่าบริเวณโดยรอบไม่มีข้าราชบริพาที่ค่อยประจำอยู่ตามตำแหน่งต่างๆตามที่ควรจะเป็นเลยแม้แต่คนเดียว
“ชายสั่งให้คนพวกนั้นพาน้องออกไปเองพะยะค่ะเสด็จพ่อ
วันนี้ตรานี่ดูแปลกไปกว่าที่เคย – ชายไม่อยากให้มีใครเห็น หากว่ามันมีอะไรเกิดขึ้นอย่างที่เฮเลล
วีเคยบอก มันคงไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ”
อัลฟ่าหนุ่มพูดขึ้นพลางเลิกแขนเสื้อของตัวเองขึ้นจนเผยให้เห็นตราสัญลักษณ์บางอย่างที่ปรากฏอยู่บนต้นแขนข้างซ้าย
มันมีลักษณะคล้ายกับปานดำทว่ากลับแตกต่างกันก็ตรงที่ยิ่งนานวันเข้าเท่าไหร่ สีและลวดลายของมันกลับยิ่งเด่นชัดขึ้นมากเท่านั้น
จัสตินจำได้ว่าเมื่อตอนที่เขายังเป็นเด็ก สีของตราสัญลักษณ์นี่ยังเป็นสีจางๆ
อีกทั้งยังดูไม่เป็นรูปเป็นร่างเท่าไหร่นัก แต่พอมาตอนนี้ –
ที่นับวันเข้าใกล้วันที่เขาจะอายุสิบแปดมากเท่าไหร่ มันก็ยิ่งปรากฏชัดมากยิ่งขึ้นราวกับว่าพลังที่คนๆนั้นเก็บซ่อนไว้ในตัวเขาตั้งแต่เกิดกำลังจะประทุออกมา
เฮเลล วี บุตรแห่งลูซิเฟอร์
หลานรักของพระเจ้าที่ถูกสั่งให้มาทำหน้าที่เป็นผู้ปกครองเหล่าเทวทูตตกสวรรค์และปีศาจทั้งหลายที่เป็นผู้สร้างแม่ของเขาให้เกิดขึ้นมา
ได้บอกกับเขาว่าตราสัญลักษณ์ที่อยู่ตรงต้นแขนของเขา
มันเป็นสัญลักษณ์ของผู้ที่ทำให้วีเกิดมา – สัญลักษณ์แห่งลูซิเฟอร์
“หากเป็นแบบนั้นลูกต้องควบคุมมันให้ได้รู้ใช่ไหมจัสติน
– ครั้งหนึ่งพ่อก็เคยเผชิญกับบางสิ่งที่คล้ายคลึงกับเจ้า
มันไม่ใช่เรื่องที่ดีหากเจ้าเผลอยินยอมให้มันมีอำนาจเหนือเจ้าได้”
“ชายรู้ครับเสด็จพ่อ
แต่ชายกำลังกังวลว่ามันจะเกิดขึ้นก่อนที่วีจะกลับมา”
“อย่าได้กังวลไปเลยลูกพ่อ
เจ้าก็รู้ว่าพวกเราได้เตรียมรับมือไว้แล้ว และเจ้าจะผ่านมันไปได้อย่างแน่นอน”
อัลฟ่าหนุ่มยกยิ้มให้กับผู้เป็นพ่อแม้ว่าภายในใจจะยังคงกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับตัวเขาในอนาคตอยู่ไม่น้อย
จัสตินไม่อาจคาดเดาได้เลยว่าถ้าเวลานั้นมาถึง
อะไรจะเกิดขึ้นและมันจะโหดร้ายขนาดไหน
แต่ทว่าสิ่งหนึ่งที่ท่านลุงผู้ครอบครองบัลลังก์แห่งไดทานอฟได้ทำนายเกี่ยวกับตัวเขาไว้
เมื่อตอนที่เขาอายุได้ห้าขวบคือ ...
คนที่ฟ้าส่งมาให้เป็นคู่ชีวิตของเขาจะเป็นที่ช่วยปลดปล่อยพันธนาการแห่งความเลวร้ายทั้งปวง
ดังนั้นสิ่งที่จัสตินทำได้ตอนนี้คือการตามหาคู่ชีวิตของตนเองให้เจอก่อนที่เวลานั้นจะมาถึง
แต่หมาป่าจะสามารถรับรู้ว่าใครคือคู่ชีวิตของตนเองก็ต่อเมื่อมีอายุสิบแปดปีบริบูรณ์เท่านั้น
นั่นเป็นเรื่องที่ทำให้อัลฟ่าหนุ่มรู้สึกว่าตนเองน่าอดสูเป็นอย่างมาก เพราะรู้ดีว่าทำคำนายของพ่อมดขาวไม่เคยผิดพลาด
หากเวลานั้นมาถึงก่อนที่เขาจะตามหาคู่ชีวิตของตัวเองเจอ เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าชีวิตนี้จะต้องเผชิญกับความเลวร้ายมากมายขนาดไหน
To be continue
Talk
ฉบับรีไรท์ใหม่บอกได้คำว่าเลยค่ะว่าเนื้อเรื่องจะเข้มข้นกว่าเดิมมากๆ ปมหนักทั้งของพระเอกและนายเอกเลย
เรื่องนี้จะเป็น Omegaverse พรีเรียดที่ค่อนข้างบวกความแฟนตาซีเข้าไปเยอะมากๆเลยนะคะ
ใครสายนี้ขออนุญาตกวักมือมาทางนี้เลยค่ะ
หวังว่าจะสนุกกับเรื่องราวที่เราสร้างขึ้นนะคะ แล้วพบกันใหม่ในตอนถัดไปค่ะ
ความคิดเห็น