เลือกใช้ครีมหน้าขาวอย่างไรไม่ให้เกิดอาการแพ้

                    เรื่องความสวยความงามกับผู้หญิง เป็นของคู่กันอยู่แล้วคะ โดยเฉพาะเครื่องสำอางค์ที่ใช้กับใบหน้าผู้หญิงส่วนใหญ่อยากให้ใบหน้าขาวเพื่อที่จะได้แต่งหน้าได้สวย จึงทำให้หลายๆ บริษัทผลิตเครื่องสำอางค์ที่เกี่ยวกับครีมหน้าขาวเยอะมาก ทำให้ผู้บริโภคเลือกไม่ถูก นอกจากนี้การซื้อครีมที่จะใช้กับใบหน้ามีโอกาสเกิดการแฟ้ได้ง่าย เราจึงต้องรู้ส่วนผสมในครีมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ได้ ในฐานะที่ผู้เขียนเองก็ชอบซื้อครีมที่ทำให้ผิวหน้าขาวมาใช้ จึงได้ลองไปหาข้อมูลในเรื่องส่วนผสมของครีมที่อาจทำให้เราแพ้ได้มาให้ทุกคนได้อ่าน เพื่อป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการแพ้ครีมมาให้ดูกัน

ส่วนผสมในครีมหน้าขาว ที่อาจก่อให้เกิดการเเพ้ !

1.พาราเบน คือ สารกันบูด ที่พบในผลิตภัณฑ์ดูแลผิวตั้งแต่แชมพูสระผม มาส์กหน้า ไปจนถึงครีมบำรุงผิว เพื่อป้องกันแบคทีเรีย เชื้อราและเชื้อโรคอื่น ๆ ไม่ให้เติบโตในผลิตภัณฑ์เหล่านั้นแต่จากการวิจัยในปี 2015 กลับพบว่าพาราเบนเร่งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง มีส่วนทำให้เกิดมะเร็งเต้านมและทำให้ฮอร์โมนขาดความสมดุลนำไปสู่ภาวะการมีบุตรยาก หากคุณมองหาส่วนประกอบบนฉลากแล้วไม่พบคำว่า พาราเบนก็อย่างพึ่งมั่นใจ เพราะบางครั้งพาราเบนอาจมาในชื่ออื่นเช่น เฟนโนซีธานอล phenoxythanol ซึ่งส่งผลกระทบต่อสุขภาพไม่ต่างจากพาราเบนเลย

2.เรตินอยหรืออนุพันธ์วิตามินเอ พบมากให้ผลิตภัณฑ์รักษาสิวและครีมบำรุงผิวหลายแบรนด์และได้รับความนิยมในหมู่สาว ๆ เพราะมีคุณสมบัติช่วยให้ผิวกระจ่างใส แต่ข้อควรระวังในการใช้เรตินอยคือทำให้ผิวบางและไว้ต่อแดด หากใช้ช่วงเวลากลางวันจะทำให้เกิดปัญหาผิวไหม้ได้ ซึ่งอันที่จริงมักพบเรตินอยเป็นส่วนผสมของครีมสำหรับใช้กลางคืนเป็นส่วนมาก และสำหรับหญิงตั้งครรภ์ก็ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของเรตินอยเพราะอาจเข้าไปทำลาย DND และอาจเร่งให้เกิดเนื้อร้ายในชั้นผิวหนังได้เลยทีเดียว

3.ฉลากส่วนประกอบหลังขวดผลิตภัณฑ์อาจไม่มีระบุไว้ว่าของที่คุณเลือกซื้อมีตะกั่วเจือปน เพราะอาจอยู่ในปริมาณที่ปลอดภัยสำหรับการใช้ แต่อย่างไรก็ควรหลีกเลี่ยง เพราะตะกั่วเป็นสารก่อมะเร็งและรบกวนสมดุลของฮอร์โมน และยังเชื่อมโยงกับการเกิดอาการซึมเศร้า ทำให้การตั้งครรภ์มีปัญหาและก่อให้เกิดภาวะพิการโดยกำเนิดต่อทารกในครรภ์ได้ และสารตะกั่วยังพบมากในเครื่องสำอางอย่างอายไลน์เนอร์และลิปสติก

4.อลูมิเนียมพบมากในครีมอาบน้ำและยาระงับกลิ่นกาย เพื่อใช้ในการกำจัดกลิ่นและดูดความชื้นจากเหงื่อ แม้ปริมาณอลูมิเนียมในยาระงับกลิ่นกายจะมีน้อยกว่าโอกาสที่เราจะได้รับอลูมิเนียมผ่านทางอาหารและน้ำใน 1 วัน แต่การพยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสให้มากที่สุดก็จะดีกว่าให้ร่างกายสะสมสารพิษ จนอาจส่งผลร้ายต่อร่างกายในอนาคต หากจำเป็นต้องใช้ระงับกลิ่นกายทุกวัน เเนะนำให้ใช้ผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ จะปลอดภัยมากขึ้น

5.เชียบัตเตอร์ไม่ได้เป็นสารเคมีร้ายแรงทำอันตรายต่อสุขภาพ แต่เพราะคุณสมบัติที่ช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวนี่แหละคือปัญหา เพราะหากคุณเป็นสาวผิวมัน การใช้ครีมบำรุงที่มีส่วนผสมจากเชียบัตเตอร์จะยิ่งทำให้รู้สึกเหนอะหนะไม่สบายผิว และอุดตันรูขุมขนจนผิวผลิตน้ำมันส่วนเกินมาเพิ่มมากขึ้น หน้ายิ่งมันมากขึ้นไปอีก ทางที่ดีสาวผิวมันควรหลีกเลี่ยงครีมบำรุงผิวหน้าที่มีส่วนผสมของเชียบัตเตอร์โดยเฉพาะช่วงหน้าร้อน

6.พูดถึงวิตามินที่ดีสำหรับการดูแลผิวใคร ๆ ก็ต้องคิดถึงวิตามินอีถูกมะ แต่จริง ๆ แล้ววิตามินอีมีคุณสมบัติที่เหมือนเชียบัตเตอร์เกือบทุกประการ หากผิวไม่แห้งพากขาดน้ำแบบสุด ๆ ก็ควรเลี่ยงวิตามินอีไป เพราะอาจทำให้ผิวเกิดการแพ้ ผื่นคัน เกิดรอยแดงได้ง่าย ทางที่ดีควรทำการทดสอบการแพ้ก่อน หรือใช้ครีมบำรุงผิวยี่ห้อไหนแล้วแพ้อย่าลืมดูที่ฉลากว่ามีส่วนประกอบจากวิตามินอีหรือไม่

                คราวนี้เวลาเราไปซื้อครีมหน้าขาวหรือพวกครีมบำรุงผิวสิ่งแรกที่เราควรจะต้องดูคือตรงฉลากก่อนเลยว่าสารพัดเครื่องประทินผิวที่เราใช้อยู่มีส่วนผสมเหล่านี้อยู่หรือไม่ ถ้ามีอยู่ก็พยายามลดปริมาณการใช้ลงและมองหาผลิตภัณฑ์ที่ทำจากธรรมชาติมาใช้แทนก็เป็นทางเลือกที่ดี เพื่อความงามที่ยั่งยืนและสุขภาพที่แข็งแรงในอนาคตนะคะ