ดาวจรัสฟ้า - ดาวจรัสฟ้า นิยาย ดาวจรัสฟ้า : Dek-D.com - Writer

    ดาวจรัสฟ้า

    คุณจะรู้บ้างมั้ย? ว่ามีใครสักหนึ่ง คอยจับตาดูคุณจากบนฟ้า คนที่รักและหวังดีต่อคุณไม่เคยเปลี่ยน

    ผู้เข้าชมรวม

    650

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    1

    ผู้เข้าชมรวม


    650

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    1
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  30 มี.ค. 51 / 21:40 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้


    เรื่องราวของเด็กสาวตัวน้อย

    ที่อยู่ในวัยเรียนรู้

    ในสิ่งที่ถูกต้องและผิด

    และเธอก็พร้อมแล้วที่จะเติบโตขึ้น


    ....



    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ





      ซ่า...  ฝนตกอีกแล้ว

       

                  ทั้งที่เป็นฤดูร้อน  แต่สายฝนกลับกระหน่ำรุนแรง  รอบข้างมีแต่ความมืดมิดถึงแม้ว่าจะเป็นยามเย็น  เนินโล่งที่อยู่ด้านข้างซึ่งตามปกติแล้ว  จะได้ยินเสียงเด็กๆ หยอกล้อเล่นกันอย่างสนุกสนาน  แต่ทว่าฝนที่กระหน่ำอยู่นี้  อย่าว่าแต่เงาคนเลย  เงาของสัตว์สี่เท้าทั้งหลายก็ไม่มีให้เห็น     

                  แสงสว่างวาบคล้ายแฟลช  แล่นตัดท้องฟ้าที่ห่างออกไป  เผยให้เห็นแผ่นหินสีขาวบริสุทธิ์เกลื่อนกลาดเรียงรายอยู่เบื้องหน้า

                  เปรี้ยง...เปรี้ยง...ง ง        เสียงสนั่นหวั่นไหวของท้องฟ้า  ทำเอาร่างกายเล็กๆของเด็กหญิงสั่นสะท้าน  แต่เธอยังคงย่างก้าวเดิน  เดินต่อไป  จนมาถึง

                  กึก

                  สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแผ่นหินสีขาว

                  เด็กหญิงในเสื้อกันฝนสีชมพูอ่อน  ทอดสายตาผ่านหมวกคลุมฝนไปยังแผ่นหิน  ไหล่เล็กๆ ที่แสนจะบอบบางเริ่มสั่นไหว ยากที่จะควบคุม  ร่างของเด็กหญิงทรุดลงกับพื้น  น้ำตาไหลรินราวกับสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย  เสียงดังของท้องฟ้าไม่สามารถรบกวนเสียงคร่ำครวญภายในใจของเธอลดน้อยลงไปได้เลย  เมฆครึ้มที่เบื้องบนเคลื่อนมาอีกระลอกหนึ่ง  บทบังแสงสว่างของพระอาทิตย์ยามเย็น

                  ขอโทษค่ะ แก้วขอโทษ เสียงคร่ำครวญแรกของเธอที่เปร่งออกมาอย่างไม่เต็มเสียงนัก

                  แก้วผิดเอง กลับมาเถอะนะคะ อย่าทิ้งแก้วไปเลย นะคะ ขอร้องล่ะคะ

                  ร่างบอบบางของเด็กหญิงสั่นไม่เป็นจังหวะ  ด้วยความรู้สึกผิดต่อบาปที่กำลังโถมทับบ่าน้อยๆ ของเธอ  ทั้งๆที่เธอเคยตัดสินใจแน่แล้วว่าจะเก็บความรู้สึกเหล่านี้ไว้  แต่บัดนี้  ณ สถานที่แห่งนี้  เธอ เธอนั่นแหละ  ที่ทำให้ความรู้สึกนั้นกลับมาตอกย้ำซ้ำเติมเธออีกครั้ง  รอยแผลนี้จะขยายใหญ่เพื่อกลืนกินหัวใจเธอให้ทุกข์ทรมาณไปด้วยความเจ็บปวด  เฉจเช่นตราบาปที่ไม่มีวันลบเลือน     

                  ถ้าตอนนี้  คนคนนั้น ยังอยู่ก็คงจะดีสินะ

                  เค้าจะพูดยังไงบ้างนะ 

                  คนที่มีน้ำเสียงที่อ่อนโยน  คนที่มีแววตาที่โอบอ้อมอารี  คนที่มีอ้อมกอดที่อบอุ่น

                  คนที่ไม่อยู่อีกแล้ว

                  ใช่แล้ว...ใช่แล้วล่ะ

                  ไม่อยู่...ไม่อยู่แล้ว  คนคนนั้น  ไม่มีอีกแล้ว  จะไม่ได้ยินเสียงนั้นอีกแล้ว...  ไม่เรียกฉันอีกแล้ว

                  หายไปไหน...  ทำไม...  ทำไมกัน

                  ทำไมล่ะ  ทำไมต้องทิ้งฉันให้อยู่คนเดียว

       

                 

                  ตอนนั้น 

                  ตอนที่เรายังอยู่ด้วยกัน

                  กับข้าววันนี้อร่อยจังเลยค่ะ  คุณยาย เด็กหญิงตัวน้อยวัย 9 ขวบพูดกับคุณยายเสียงเจื้อยแจ้ว  ก่อนจะเดินไปเก็บจานในครัว  เธอมีดวงตาสีดำขลับ  เช่นเดียวกับสีผมทรงบ็อบ  ทำให้ดูแก่นแก้วสมกับชื่อ แก้วของเธอ  ชอบเหรอจ๊ะ  เดี๋ยววันหลังยายทำให้ใหม่นะ  หญิงชราที่กำลังปักผ้า  ทอดสายตาฝ้าฟางผ่านกรอบแว่นมองเด็กหญิงน้อยด้วยสายตาอ่อนโยน  ถึงแม้ว่าการมองเห็นของเธอจะเลือนรางไป  ผมสีเทาซึ่งเกิดจากเส้นผมดำกับเส้นผมสีขาวถูกรวบไว้เป็นมวยบนศีรษะอย่างประณีต  ผู้คนบริเวณนี้รู้จักเธอในนามของ  คุณยายกรรณิกา

       

                  แก้วมองดูผ้าที่คุณยายกำลังปัก  มันมีสีขาวบริสุทธิ์  ลวดลายดูงดงามและประณีต  เธอไม่สนใจว่ามันจะเป็นลายอะไรหรอก  แค่มองไปเธอก็รู้สึกอึดอัดจะแย่แล้ว  ให้มานั่งปักผ้าเนี่ยะนะ  ยอมตายดีกว่า เด็กหญิงคิดพลางทำท่าขนลุกพอง  กรรณิกาเห็นท่าทางของหลานสาวก็พอจะเดาสาเหตุออกได้ เธอจึงหัวเราะออกมาเบาๆ อย่างเอ็นดู

                  ขำอะไรคะ  คุณยาย  แก้วถามเสียงแข็ง

                  เปล่านี่จ๊ะ ไม่มีอะไรซักหน่อย  วันนี้ไม่ออกไปเล่นเหรอ เราน่ะ  คุณยายขำน้อยๆ  พลางเปลี่ยนเรื่องพูด  เด็กหญิงที่นั่งอยู่หันมาค้อนวงโต  ก่อนจะตอบออกไปว่า

                  ไม่หรอกค่ะ  วันนี้ไม่อยากไปเล่น  ทำขนมอยู่บ้านดีกว่า  พอพ่อกับแม่กลับมา  แก้วจะได้โชว์ฝีมือลูกศิษย์คุณยายกรรณกาให้พ่อกับแม่ดูไงคะพอพูดถึงเรื่องขนมนี่  เธอก็อารมณ์ดีขึ้น  เพราะนั่นเป็นสิ่งที่เธอชอบ  และทำได้ดีที่สุดแล้ว

                  ถึงจะพูดเรื่องทำขนมก็เถอะ  แต่กรรณิกาก็ไม่ได้สายตาฝ้าฟางจนกระทั่งมองไม่ออกว่าแก้วเป็นห่วงเธอ  และพยายามหาข้ออ้างต่างต่างนานาที่จะได้อยู่กับเธอ  ได้ดูแลเธอโดยตลอด  ยิ่งเมื่อ 2 วันก่อนที่คุณยายอาการกำเริบต้องเข้าโรงพยาบาลกะทันหัน  ทำให้แก้วเป็นห่วงและอยากอยู่ดูแลเธอมากขึ้นเป็นทวีคูณ

                  งั้น ไปทำขนมกันเถอะ  คุณยายพูดพร้อมแย้มรอยยิ้มที่เหี่ยวย่นไปตามกาลเวลาแต่กระนั้นก็  อบอุ่น

                  ฉันจะต้องดูแลคุณยายให้ดีที่สุด แก้วคิดในใจอย่างหมายมั่น

       

       

                  กริ๊ง..กริ๊ง

                  สวัสดีค่ะ  ต้องการเรียนสายกับใครคะ  แก้วพูดออกไปตามที่แม่ของเธอเคยสอนไว้

                  นั่นแก้วเหรอลูก  นี่แม่เองนะจ๊ะ  เสียงตามสายตอบกลับมา

                  แม่เหรอคะ  แม่จริงๆเหรอคะ  สบายดีกันรึเปล่าคะ  วันนี้จะกลับบ้านรึเปล่า  และพ่อกับแม่อยู่ที่ไหนเหรอคะ  แก้วถามรัวอย่างดีใจพลางยิ้มแก้มปริ

                  ทีละคำถามสิจ๊ะ  แม่ตอบไม่ทัน  เอาล่ะฟังแม่นะจ๊ะ  พ่อกับแม่น่ะ สบายดี  กำลังจะกลับบ้าน  และตอนเนี๊ยะกำลังเดินทาง คาดว่าคงจะถึงบ้านราวๆ 4 โมงเย็นนะจ๊ะ แม่ของแก้วหรือคุณเรณู ตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นไม่แพ้ลูกสาว

      จริงๆ หรอคะ

      จ้า แถมคราวนี้นะ แม่คงได้อยูกับหนูนานเลยล่ะ กว่าจะทำโปรเจ็กเสร็จนะเหนื่อยแทบตายแน่ะ เอ๋ แม่กลับมาคราวนี้แก้วจะทำขนมอะไรให้แม่กินแก้เหนื่อยน้า เรณูแกล้งพูดอ้อนลูกสาวเล่น ทำให้แก้วหัวเราะคิกคัก แม้เธอจะไม่ค่อยเข้าใจการทำงานของแม่สักเท่าไรแต่ก็ตอบกลับไปว่า คราวนี้ แก้วจะทำขนมบัวลอยให้พ่อกับแม่กินค่ะ

      แหมชักอยากจะกลับไปกินเร็วๆซะแล้วซิ แบบนี้ต้องหายเหนื่อยเป็นปลิดทิ้งแน่ๆเลย แต่ เอ งั้นก็ต้องรบกวนคุณยายน่ะสิ ไม่ดี ไม่ดี เอางี้นะ เดี๋ยวแม่กลับไปช่วยแก้วทำดีกว่า ตกลงไหม

      ตกลงค่ะ เอาตามที่แม่ว่าเลยค่ะ

      จ้ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะจ๊ะ

      ค่า บ๊ายบายค่ะ

      ........ตื้ด...ตื้ด...ตื้ด.........

      คุณยายค้า เย็นนี้พ่อกับแม่จะกลับค่า แก้วตะโกนบอกกรรณิกาด้วยความดีใจ

      จ้า ยายได้ยินแล้วไม่เห็นจะต้องตะโกนเลย บ้านเราก็มีอยู่แค่นี้เอง ตะโกนซะเสียงดังเชียว กรรณิกาพูดพลางแย้มรอยยิ้มอบอุ่น

       

       

      ปิ๊ง ป่อง

      เอ ทำไมพ่อกับแม่กลับมาเร็วจง พึ่ง 3 โมงครึ่งเองนี่นา แก้วพึมพำกับตัวเองระหว่างเดินไปเปิดประตู

      สวัส ดะ ดี ดาเองเหรอ แก้วพูดตะกุกตะกักด้วยน้ำเสียงผิดหวังเล็กน้อยที่ไม่ใช่พ่อกับแม่ แต่ก็ยิ้มขึ้นอย่าวรวดเร็วด้วยความดีใจที่ได้เจอเพื่อนสนิท เข้ามาในบ้านบ้านก่อนซิ

      ดาในชุดวันพีชสีชมพูอ่อน มองหน้าเพื่อนด้วยความงุนงงเล็กน้อย ก่อนจะปัดผมที่ยาวสลวยไปด้านหลังแล้วเดินตามเพื่อนซี้ตัวแสบที่คบกันมาตั้งเด็กเข้าไปข้างใน

      สวัสดีค่ะ คุณยาย ดาพูดพร้อมกับยกมือไหว้อย่างอ่อนน้อม

      จ้ะ สวัสดีจ้ะ นั่งลงกันก่อนซิจ๊ะเด็กๆ

      มีอะไรหรอดา แก้วถาม

      ก็ไม่มีอะไรมากหรอก คือดาจะมาชวนแก้วไปเล่นด้วยที่บ้านน่ะ ดาพึ่งได้เกมส์ใหม่มาก็เลยจะชวนแก้วไปเล่นด้วยกัน ดาพูดด้ยเสียงร่าเริง พร้อมร้อยยิ้มสดใส

      อยากไปเล่นจังเลย แต่จะทำไงดีละเนี่ย พ่อกับแม่ก็ยังไม่กลับมาเลย จะทิ้งคุณยายไว้คนเดียวก็ไม่ได้ด้วย

      ถ้า ถ้าเกิด คุณยายอาการกำเริบอย่างคราวที่แล้วอีก แล้วเธอจะทำยังไง

      ไม่เอา ไม่เอานะ ยังไงยายก็สำคัญที่สุดอยู่แล้ว เพราะงั้นแล้วไม่ไปหรอก

      .........ก็ตัดสินใจไปแล้วนี่ ว่าจะดูแลคุณยายให็ถึงที่สุด

      เมื่อกรรณิกาเห็นสีหน้าลำบากใจของหลานสาวคนสำคัญจึงพูดออกไปว่า

      นานๆทีไปเล่นกับดามั่งก็ได้นะจ๊ะ ดาเค้าอุตส่าห์มาชวน

      ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ค่อยไปเล่นวันหลังก็ได้ จริงไหมดา แก้วพูดพลางยิ้มเล็กน้อย

      จ้ะ

      เห็นได้ ชัดๆ เลยว่าปากไม่ตรงกับใจแม้ทำเป็นไม่สนใจ แต่ดวงตาของแก้วกลับหม่นลง เหมือนยามฟ้าครึ้ม

      ไปเล่นเถอะจ้ะ ยายอยู่คนเดียวได้กรรณิกาบอกแก้วด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

      แต่ ว่า...

      ยายไม่เป็นไรหรอก ประเดี๋ยวพ่อกับแม่ของหลานก็กลับมาแล้วกรรณิกาบอกให้แก้วสบายใจ พอดีกับที่ดาถามขึ้นอีกครั้งอย่างมีความหวัง ตกลงแก้วจะไปกับดาไหมจ๊ะ

      แค่นิดเดียว... แค่นิดเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง ความคิดเช่นนั้นแวบเข้ามา

      แค่วันนี้วันเดียวคงไม่เป็นไรมั้ง เราไปแปปเดียวเอง เดี๋ยวพ่อกับแม่ก็กลับมาแล้ว  ใช่แล้วล่ะ แค่วันเดียวคงไม่เป็นไรหรอก

      ไม่เป็นไรหรอกน่า

      อื้ม ตกลง แก้วตอบเสียงใส

      ในตอนนี้ความรู้สึกที่ต้องรับผิดชอบในฐานะผู้ดูแลได้หายไปเสียแล้ว มีเพียงเด็กหญิงวัย 9 ปี คนหนึ่งเท่านั้น

      งั้นไปกันเลย ดาพูดด้วยท่าทางกระฉับกระเฉง พลางลุกขึ้นบอกลาคุณยาย แล้วเดินไปรอแก้วที่หน้าบ้าน

      ยายคะ แก้วไปก่อนนะ แก้วพุดอย่างร่าเริงที่จะได้ไปเล่นกับเพื่อน

      จ้ะ เล่นให้สนุกนะ เมื่อได้เห็นน้ำเสียงและรอยริ้ยอับอบอุ่นของยาย แก้วก็นึกหน้าที่ขึ้นมาทันที

      แก้วจะไปหรือยังจ๊ะ เสียงดาเรียกแก้ว

      งั้นหนูไปแล้วนะคะ

      แก้วหันหลังให้ยายที่กำลังโบกมือให้แล้ววิ่งตามดาไป รอยยิ้มของยายในตอนนั้นยังคงติดตา ทั้งที่ยายยิ้ม...แต่ช่างดูเศร้าเหลือเกิน

      เธอรู้สึกแน่นในอกจนเหมือนกับหายใจไม่ออกไปแวบหนึ่ง

      เธออาจคิดไปเองก็ได้ ...

      แต่เมื่อถึงบ้านดาเธอก็ลืมความรู้สึกนั้นไปโดยสิ้นเชิง

      เธอสนุกเต็มที่ ที่ได้เล่นกับเพื่อน หลังจากเว้นว่างมานาน

       

       

      กรรณิกาหยิบ  ่ผ้าผืนสีขาวที่ปักเสร็จแล้ว ่ มาสำเรวจความเรียบร้อย

      ก่อนที่จะมอบให้กับ...

      ตอนนั้นเองที่เธอรู้ถึงความผิดปกติ

      เธอเริ่มเอามือกุมหน้าอก จากนั้นก็เริ่มเจ็บปวดทรมาน ทุกอย่างเริ่มมืดลงไปทุกที พร้อมกับท้องฟ้าที่เคยกระจ่างใสนั้น ก็พลันมีเมฆสีเทามาทาบทับราวกับโกหก เรี่ยวแรงที่เคยมีก็เหมือนถูกความมืดดูดออกไปจนหมด

       

       

      อ๊าย ฝนบ้า มาตกอะไรเอาตอนนี้เนี่ย แก้วบ่นพึมพำอย่างช่วยไม่ได้ ในเมื่อจู่ฝนก็เทลงมา

      เธอกำลังเดินกลับบ้าน หลังจากที่เล่นกับดาเสร็จ พลางเตรียมใจรับมะเหงกของแม่ที่ป่านนี้คงมาถึงบ้านแล้ว ถึงปกติแม่จะใจดีก็เถอะ แต่สภาพของเธอในตอนนี้ดูเหมือนไปตกน้ำที่ไหนมาสักแห่ง

      แต่ท้ายที่สุดเธอกลับไม่ได้รับการลงโทษจากความพิโรธของแม่

      ความเป็นจริงนั้นช่างโหดร้าย อำมหิด และแสนเจ็บปวด

      ไฟสีแดงส่องอยู่หน้าบ้านของเธอสีแดงวิ่งวนเป็วง แสงไฟถูกสายฝนดีดกระจายไปทั่ว

      เหล่าร่มกางอยู่เป็นแห่งๆ คล้ายดอกไม้บาน ดูราวกับกำลังทัศนาแสงไฟนั้น

      ... แก้วทำได้เพียงมองภาพด้านหลังของสิ่งที่วิ่งออกไปอย่างเลื่อนลอย

      รถสีขาว ดวงไฟสีแดง

      สิ่งที่วิ่งห่างออกไปคือรถพยาบาลอย่างไม่ต้องสงสัย

      ...มันกำลังพายายไป

      มันรวดเร็วเกินไป ราวกับเวลาผ่านเลยไปในชั่วพริบตา

      และ...ยายก็จากไป

      กรรณิกา  พฤกษาพันธุ์ ได้จบชีวิตของเธอลงแล้ว

       

       

      ...ซ่า...

      แม้จะมองไม่เห็นในความมืด... แม้จะไม่สามารถรับรู้ได้เพราะหลับตาอยู่ แต่เธอรู้สึกได้ว่า สายฝนกำลังร่ำไห้ให้กับความเศร้าเสียใจของเธอ

      สิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือแผ่นหินสีขาว  ที่สลักด้วยอักษรสีทองอย่างบรรจง ว่า

                              นางกรรณิกา    พฤกษาพันธุ์

                              ชาตะ   13/09/2476

                  มรณะ  28/03/2549

      แก้วเสียใจกับทุกสื่งในวันนั้น และปราถนาอยากให้มันย้อนกับคืนมาอีกครั้ง ทั้งที่ปราถนาอย่างแรงกล้าถึงเพียงนี้ ถึงขนาดนี้ แต่กลับไม่มีใครรับฟัง โลกเมินเฉยราวกับเหยียบย่ำความรู้สึกของเธอ

      แก้วขบริมฝีปากแน่น ทุกอย่างสายเกินไป ทั้งยังดำเนินไปด้วยความเร็วที่ไม่อาจไล่ล่าได้ทัน

      คุณยาย...ตายแล้ว...

      ได้ยินว่าสาเหตุจากโรคหัวใจวายเฉียบพลัน บวกกับอายุที่มากแล้ว

      ยายตายด้วนสาเหตุนั้น

      ตาย...           ความตายคืออะไร

      ความเศร้า...     ความทรมาน...

      ความมืดมน...     ความเจ็บปวด...

      การที่ใครสักคนต้องจากโลกนี้ไปอย่างถาวร

      ไม่เห็นเข้าใจเลยสักนิด แต่

      ทำไมน้ำตาถึงได้ไหลรินออกมาไม่รู้จักหยุด

      มันกระทันหันเกินไป จนเหมือนเรื่องโกหก

      แก้วยังเด็กเกินไปจึงไม่อาจยอมรับความตายของยายได้

          บรื้น...   บรื้น...

      เสียงรถยนต์ดังมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่แก้วไม่สนใจมัน ความโศกเศร้าทำให้เธอไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น แม้กระทั่งฝนที่ตกหนักเมื่อครู่ ในตอนนี้ได้หยุดตกแล้ว เผยให้เห็นท้องฟ้ากระจ่างใสไร้เมฆบดบังดวงดาวที่แข่งกันทอแสงระริบระยับ

      แก้ว นั่นเสียงของพ่อนี่นา

      มาที่นี่อีกแล้วหรอลูก พ่อถามแก้วด้วยน้ำเสียงอันอบอุ่น

      คุณพ่อ...  คุณแม่...

      ยังโทษตัวเองอยู่อีกเหรอ แม่พูดกับแก้วด้วยน้ำเสียงที่นุ่มนวลพลางเดินเข้ามากอดแก้วไว้ พร้อมกับพ่อ

      ฮือ ฮือ พะ เพราะหนู คุณ ยะ ยาย ถะ ถึงต้องตาย เพราะหนู เพราะหนู คนเดียว

      เพราะวันนั้น กะ แก้ว ทิ้งยายไปใช่ไหม ยายถึงได้ลงโทษแก้วด้วยการทิ้งแก้ว เพราะแก้วเป็นเด็กไม่ดีใช่ไหมคะ คุณพ่อ คุณแม่ ถะ ถ้า แก้ว... ฮือ  แก้วปล่อยโฮในอ้อมแขนของผู้ให้กำเนิดทั้งสอง

      แก้ว คุณยายเค้าไม่ได้ทิ้งหนูไปไหนหรอกนะลูก เพียงแต่ขึ้นไปอยู่บนฟ้าเท่านั้นเอง คอยมองลูกจากบนนั้นแม้จะเป็นดาวดวงเล็กๆ แต่ก็เป็นดวงดาวแห่งความรัก เป็นดวงดาวที่ทอประกายคอยนำทางลูกในยามที่ลูกหลงทาง คอยส่องประกายระยิบระยับเป็นกำลังใจให้ลูกในยามที่ลูกท้อแท้และต้องการกำลังใจ ถ้าลูกยังโทษตัวเองอยู่อย่างนี้ คุณยายคงไม่มีความสุขหรอกนะที่ต้องเห็นหนูทุกข์ใจ แม้พ่อจะมีเวลาให้ลูกน้อยไป ที่แล้วมาพ่ออาจงานยุ่งจนลืมเวลา แต่ต่อไปนี้พ่อจะทำหน้าพ่อให้ดีที่สุด พ่อกับแม่จะดูแลลูกแทนยายเอง จำไว้นะลูกไม่ว่าจะยังไง แม้ว่าลูกจะไม่มีใคร แต่ลูกยังมีพ่อกับแม่เสมอ ต่อไปนี้พ่อกับแม่จะเป็นคนดูแลหนูเอง พ่อปลอบแก้วด้วยเสียงที่นุ่มทุ้มและอบอุ่น แม้จะเงยหน้าขึ้นเหมือนจะดูดาวแต่แก้วเห็น ประกายน้ำตาในดวงตาคู่นั้น

      ในขณะนี้เธอได้รู้แล้วว่าตัวเองอยู่ทามกลางความรักลึกซึ้งเพียงใด

      คุณพ่อ... คุณแม่...ขอบคุณค่ะแก้วพูดพร้อมร้อยยิ้มที่ไม่มีให้เห็นมานาน

      แก้วแม่มีอะไรบ้างอย่างจะให้ อ่ะนี่จ้ะ

      สิ่งที่แม่ยื่นให้ ทำให้แก้วถึงกับลืมหายใจ แน่นในอกจนรู้สึกเจ็บปวด

      มันเป็น ่ผ้าสีขาวบริสุทธิ์  ่ ที่คุณยายเป็นคนปัก

      ก่อนที่คุณยายจากไป ท่านขอร้องให้นำมันมามอบให้ลูก เพื่อเป็นการอวยพรลูกในการเริ่มต้นชีวิตใหม่โดยปราศจากคุณยาย และพื่อหลงเหลืออะไรเป็นชิ้นเป็นอันแก่ลูก แม่พูดอย่างอ่อนโยน

      หยาดน้ำตาไหลร่วงลงอาบแก้ม หยาดหยดลงบนผ้า หยดน้ำกลิ้งไปมาบนผืนผ้าก่อนจะซึมหายลงไป

      ขอบคุณค่ะ...  คุณยาย...

      อบอุ่น... ใช่... แก้วสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นอย่างบอกไม่ถูก

      ทั้งที่คิดมาตลอดว่า คงไม่มีวันรู้สึกแบบนี้ได้อีกแล้ว ตั้งแต่ยายจากไป

      อ้อใช่แล้ว...นี่คือความอบอุ่นของหัวใจนั่นเอง ความอบอุ่นที่ทุกคนในครอบครัวมีให้แก่กัน

      ภายใต้ดวงดาวที่ทอแสงระยิบระยับจับตา ได้ก่อเกิดความรักและความเข้าใจกันขึ้น ในครอบครัวที่กำลังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่อย่างเป็นสุข โดยมีแสงดาวคอยนำทาง...



                 

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×