คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #122 : ~ Happy Family 2 ~ # 21
“ คุณพ่อขา....คุณพ่ออย่าอนุญาตพี่ชายนะค่ะ ” เยอึนเขย่าแขนผู้เป็นพ่อไปมาเพื่อให้พ่อหมียอมทำตามที่ตัวเองต้องการ
ตั้งแต่กลับมาจากโรงเรียนแล้วเยอึนรู้เรื่องที่มุนบินมาขออนุญาตคุณพ่อกับคุณแม่ไปเป็นนักร้องฝึกหัดกับเพื่อนๆเยอึนก็เขย่าแขนพร้อมกับพูดประโยคเดิมๆกับผู้เป็นพ่อนับครั้งไม่ถ้วน เยอึนกำลังกลัวว่าพี่ชายอาจจะให้ความสนใจอย่างอื่นมากกว่าตัวเอง
ยุนโฮจับมือลูกสาวเอาไว้บอกให้ใจเย็นๆขอคุณพ่อกุบคุณแม่คุยกับพี่ชายก่อนแล้วค่อยว่ากันอีกทีนั่นแหละหนูน้อยถึงยอมสงบลง
“ ลูกมั่นใจแล้วเหรอมุนบิน ” แจจุงถามย้ำลูกชายอีกครั้ง
แจจุงรู้ดีว่าลูกชายของตัวเองชอบกีฬาและดนตรีมากแค่ไหนเพราะพวกเขาปลูกฝังสิ่งนี้กับลูกตั้งแต่เด็ก แต่สิ่งที่ร่างบางเป็นกังวลคือกลัวว่ามุนบินจะแยกแยะเวลาไม่ได้แล้วมันจะทำให้เสียการเรียน
“ ครับ....ผมอยากลองดู ” มุนบินตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
หลังจากกลับมาจากโรงเรียนมุนบินก็ตัดสินใจเอ่ยขออนุญาตพอกับแม่ออกไปตรง สาเหตุที่ทำให้มุนบินตัดสินใจที่จะลองไปออดิชั่นดูก็เพราะวันนี้มินโฮเอาใบปลิวที่ค่ายเพลงเปิดออดิชั่นมาให้ดูและพวกเขาก็ตกลงกันว่าจะลองไปออดิชั่นดูสักครั้ง แต่การตัดสินใจของมุนบินในครั้งนี้ไม่ใช่เพราะเจ้าลูกหมีอยากเป็นคนดังหรอกนะแต่เพราะมุนบินอยากทำตามความฝันของตัวเองมากกว่า เพราะเป็นคนที่ชอบดนตรีมาตั้งแต่เด็กทำให้มุนบินฝันอยากจะมีอัลบั้มเป็นของตัวเองสักครั้งและในเมื่อมีโอกาสรออยูตรงหน้ามุนบินจึงอยากลองดูสักครั้ง
“ แล้วเรื่องเรียนของลูกล่ะ ” ยุนโฮอดที่จะเป็นห่วงเรื่องเรียนของลูกชายไม่ได้
“ ถ้าออดิชั่นผ่าน เขาให้เข้าไปฝึกที่บริษัททุกวันตอนเย็นครับ ”
“ แล้วมุนบินจะไหวเหรอลูก.....คุณแม่ว่าเรียนอย่างเดียวมันจะไม่ดีกว่าเหรอลูก ” แจจุงรู้มาว่าการเป็นนักร้องฝึกหัดมันต้องฝึกกันหนักมากร่างบางจึงพยายามพูดให้ลูกชายเปลี่ยนใจ
“ แต่ผมอยากลองดูครับ ” ยืนยันคำเดิมด้วยน้ำเสียงจริงจัง
เมื่อได้ยินลูกชายยืนยันด้วยน้ำเสียงและแววตามุ่งมั่นแจจุงจึงทำได้เพียงถอนหายใจเบาๆ เพราะเลี้ยงมากับมือทำให้แจจุงรู้ดีว่าลูกชายคนนี้นิสัยเป็นยังไง คนอย่างชองมุนบินถ้าคิดอยากจะทำอะไรก็ต้องทำให้ได้นิสัยแบบนี้ถอดแบบยุนโฮออกมาเป๊ะ ! ร่างบางหันไปถามความเห็นสามีก่อนจะพยักหน้าบอกให้ยุนโฮเป็นคนตัดสินใจเพราะถึงแม้ยุนโฮจะมอบเอานาจเด็ดขาดเกี่ยวกับเรื่องลูกให้กับแจจุงแต่ร่างบางก็คิดว่าเรื่องใหญ่แบบนี้หัวหน้าครอบครัวควรจะเป็นคนตัดสินใจมากกว่า
“ ถ้าอยากทำจริงๆงั้นก็ลองดูสักตั้งก็แล้วกัน ” ยุนโฮยอมอนุญาตเรียกรอยยิ้มดีใจจากลูกชายแต่ในขณะเดียวกันก็เรียกหน้ามุ่ยจากลูกสาวเช่นเดียวกัน
สำหรับยุนโฮแล้วอะไรที่ลูกทำแล้วมีความสุขเขาก็พร้อมที่จะสนับสนุนถ้าหากว่าเรื่องนั้นเป็นเรื่องที่ดีไม่ได้ส่งผลเสียให้กับลูกของเขา
“ คุณพ่อ !! ” เยอึนเรียกผู้เป็นพ่อเสียงดังก่อนใบหน้าน่ารักจะมุ่ยลงด้วยความไม่ชอบใจ
ยุนโฮรวบร่างลูกสาวเข้ามากอดก่อนจะอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก “ โตขึ้นรึเปล่า ทำไมหนักๆ ” พ่อหมีพยายามพูดหยอกเย้าให้ลูกสาวอารมณ์ดีแต่สิ่งที่ได้กลับมาคือใบหน้าน่ารักที่มุ่ยสนิท
“ น้องงอนคุณพ่อแล้ว ” ยกนิ้มโป้งขึ้นมาชูให้ผู้เป็นพ่อเพื่อบอกว่าน้องโป้งคุณพ่อแล้ว
“ น้องงอนคุณพ่อเรื่องอะไรลูก ” พ่อหมีพยายามทำใจดีเข้าสู้เมื่อลูกหมีตัวน้อยหันมามองด้วยสายตาตัดพ้อ
“ คุณพ่อให้พี่ชายไปออดิชั่น ! ”
“ แล้วน้องไม่อยากมีพี่ชายเป็นนักร้องเหรอลูก ? ” ถามหยั่งเชิง ในสมองกกำลังคิดหาคำพูดที่ให้ทำให้เยอึนยอมให้พี่ชายไปออดิชั่น
“ ไม่.... ” ตอบกลับทันควัน
เยอึนไม่อยากให้พี่ชายเป็นอะไรทั้งนั้นเพราะถ้าพี่ชายไปเป็นนักร้องพี่ชายก็จะไม่มีเวลาให้เยอึน แล้วเวลาพี่ชายไปทำงานเยอึนจะเล่นกับใครล่ะ
“ พี่ชายแค่ไปออดิชั่นเองนะลูกพี่ชายไม่ได้ไปเป็นนักร้องตอนนี้ซะหน่อย....ถ้าพี่ชายออดิชั่นผ่านพี่ชายถึงได้เป็นนักร้องฝึกหัด ” ยุนโฮอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างใจเย็น
“ คุณพ่อพูดจริงเหรอ... ” เอียงคอถามอย่างมีความหวัง เยอึนจะสวดภาวนาทุกคืนให้พี่ชายออดิชั่นไม่ผ่าน
“ จริงสิครับ ” พยักหน้าบอกว่าคุณพ่อไม่โกหกเยอึนหรอก
“ งั้นน้องจะสวดภาวนาทุกคืนเลย ขอให้พี่ชายออดิชั่นไม่ผ่าน ”
แค่นั้นแหละลูกหมีที่ตั้งท่าจะงอแงก็ยิ้มหน้าบานอย่างมีความหวัง อาการเอาแต่ใจของเยอึนทำให้แจจุงถึงกับส่ายหน้า คุณแม่คนสวยหันไปมองลูกชายที่นั่งทำหน้าผิดหวังอยู่ข้างๆ มุนบินกำลังผิดหวังที่น้องสาวไม่เข้าใจในสิ่งที่เขากำลังทำ
“ เยอึนค่ะ...เข้าไปทำอาหารช่วยคุณแม่ในครัวดีกว่าเนอะเดี๋ยวคุณอาชางมินกับน้องๆก็จะมากันแล้ว ” แจจุงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะกวักมือเรียกลูกสาวให้ลุกจากตักพ่อหมีแจจุงว่าบางทีเขาอาจจะมีเรื่องต้องทำความเข้าใจกับเยอึนซะหน่อย
“ ค่ะ ” กระโดดจากตักแกร่งอยากอารมณ์ดีก่อนจะเดินไปกอดเอวคุณแม่คนสวยเดินเข้าไปในครัว
ยุนโฮมองลูกชายนั่งเงียบอยู่ข้างๆมือหนายกขึ้นตบไหล่ให้กำลังใจลูกชายเบาๆ ยุนโฮรู้ว่ามุนบินตั้งใจกับการออดิชั่นครั้งนี้มากแค่ไหนและยุนโฮก็รู้เช่นกันว่าคำพูดของเยอึนทำให้มุนบินเสียใจมากแค่ไหน
“ อย่าถือสาน้องเลยนะลูก...น้องยังเด็ก ”
“ ครับ ”
“ วันนี้คุณแม่จะทำอะไรเหรอค่ะ ? ” เสียงใสถามอย่างอารมณ์ดีในสมองเยอึนกำลังคิดว่าถ้าสวดมนต์อ้อนวอนทุกวันพระเจ้าคงเห็นใจแล้วดลบันดาลให้พี่ชายออดิชั่นไม่ผ่านแน่ๆ
แจจุงไม่ตอบอะไรร่างบางเดินไปนั่งลงที่เก้าอี้ก่อนจะกวักมือเรียกลูกสาวให้เดินเข้ามาใกล้มือบางจับไหล่เล็กของลูกสาวเบาๆก่อนจะเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนหากแต่แฝงไปด้วยความจริงจัง
“ น้องรักพี่ชายไหมลูก ?”
“ รักสิค่ะ ” ตอบชัดถ้อยชัดคำ ทำไมคุณแม่ถามแบบนี้เยอึนน่ะรักพี่ชายรองลงมาจากคุณพ่อคุณแม่เลยนะ
“ แล้วน้องอยากเห็นพี่ชายมีความสุขไหมลูก? ”
“ อยากค่ะ ” ทำไมเยอึนจะไม่อยากเห็นพี่ชายมีความสุขล่ะก็ในเมื่อเวลาที่พี่ชายมีความสุขเยอึนก็มีความสุขตามไปด้วยเยอึนชอบเวลาที่พี่ชายยิ้มที่สุดในโลกเลย
“ถ้าน้องอยากให้พี่ชายมีความสุข น้องก็ต้องยอมให้พี่ชายทำในสิ่งที่พี่ชายรัก ”
“ สิ่งที่พี่ชายรัก ? ”
“ ใช่ลูก....ดนตรีคือสิ่งที่พี่ชายรักเพราะฉะนั้นการไปออดิชั่นเป็นนักร้องคือการทำตามความฝันของพี่ชาย ในเมื่อพี่ชายเลือกที่จะเดินในเส้นทางที่พี่ชายรักเราในฐานะคนในครอบครัวต้องสนับสนุนถึงจะถูก น้องเข้าใจที่คุณแม่พูดมั๊ยค่ะ ” แจจุงอธิบายให้ลูกสาวฟังอย่างใจเย็น
ที่พูดไปไม่ใช่ว่าแจจุงเห็นด้วยกับสิ่งที่มุนบินตัดสินใจซะทีเดียว เพราะในใจร่างบางก็แอบค้านลึกๆด้วยความเป็นห่วงกลัวว่าลูกชายจะเหนื่อยเกินไป แต่ในเมื่อมุนบินยืนยันที่จะทำและสัญญาว่าจะไม่ทำให้กระทบกับหน้าที่หลักซึ่งก็คือการเรียนแจจุงจึงยอมเชื่อใจลูกชายคนนี้สักครั้งแจจุงเชื่อว่ามุนบินจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวัง
“ พี่ชายเสียใจมากนะลูกที่น้องไม่เห็นด้วยกับสิ่งที่พี่ชายตัดสินใจ”
“ พี่ชายเสียใจมากจริงๆเหรอค่ะ ” หนูน้อยน้ำตาคลอเมื่อคิดว่าพี่ชายจะเสียใจมากแค่ไหนที่เขาคัดค้านไม่ยอมให้พี่ชายทำในสิ่งที่พี่ชายรัก
“ ใช่ลูก....น้องอยากเห็นพี่ชายเสียใจเหรอลูก ”
“ ไม่ค่ะ ” ส่ายหน้ารัวๆเยอึนไม่อยากให้พี่ชายเสียใจ “ แล้วพี่ชายจะโกรธน้องมั๊ยค่ะ ”
“ พี่ชายไม่เคยโกรธน้องหรอกลูก ....แต่พี่ชายคงเสียใจที่น้องสาวคนเดียวไม่เข้าใจ ” แจจุงแกล้งบอกเสียงเศร้า
“ น้องเข้าใจพี่ชายแล้วค่ะ.... ” บอกเสียงรัว เยอึนเข้าใจแล้วถ้าต่อไปนี้พี่ชายทำในสิ่งที่พี่ชายรักเยอึนจะไม่ขัดขวางอีกแล้ว
“ เข้าใจแล้วก็ไปบอกพี่ชายสิลูก...ไม่รู้ป่านนี้ร้องไห้ขี้โป่ง.... ” แจจุงพูดยังไม่ทันจบประโยคดีด้วยซ้ำร่างของลูกสาวก็วิ่งหายออกไปจากห้องครัวซะแล้วปากอิ่มระบายยิ้มอ่อนๆ
คุณแม่ช่วยได้แค่นี้แหละนะมุนบิน ที่เหลือก็อธิบายให้น้องสาวเข้าใจเองก็แล้ว
.................................................................
จุนซูยืนมองร่างสูงโปร่งของคนรักเดินไปเปิดประตูรถให้กับหญิงสาวซึ่งมีตำแหน่งเป็นคุณครูสอนเปียโนของลูกชายผ่านระเบียงห้องนอนก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อเริ่มคุ้นชินกับภาพแบบนี้แล้ว ร่างอวบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนเมื่อเฟอร์รารี่สีแดงเพลิงเคลื่อนออกจากตัวบ้าน จุนซูพยายามบอกกับตัวเองว่าอย่าคิดมากพวกเขาเป็นแค่เพื่อนกันเท่านั้น
ใช่....ปาร์คกาฮีกับยูชอนเป็นแค่เพื่อนสนิทสมัยมัธยมเท่านั้น จุนซูรู้มาจากยูชอนว่ากาฮีพึ่งกลับมาจากอเมริกาและเธอก็ทำงานเป็นครูสอนดนตรีที่สถาบันดนตรีแห่งหนึ่งยูชอนจึงขอให้หญิงสาวมาช่วยสอนเปียโนให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนทุกวันเสาร์ และการที่ยูชอนไปรับไปส่งหญิงสาวก็เป็นแค่การดูแลตามประสาเพื่อนเท่านั้น
“ คุณแม่ครับ....ผมอยากไปบ้านอายุนโฮ ” ชานฮีวิ่งพรวดเข้ามาในห้องนอนของพ่อกับแม่ทั้งๆที่มือยังถือโทรศัพท์อยู่
“ ชานฮีจะไปบ้านอายุนโฮทำไมลูก ”
“ เยอึนโทรมาบอกว่าเย็นนี้อาชางมินจะพาน้องไปที่บ้านฮะ ”
เมื่อกี๊ยัยลูกหมีเยอึนโทรมาอวดว่าวันนี้อาชางมินจะพาน้องแฝดไปเล่นที่บ้านซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าทุกคนไปรวมตัวกันอยู่ที่บ้านเยอึนกันหมดแล้วแบบนี้ชานฮีจะพลาดได้ยังไงล่ะ และอีกอย่างชานฮีอยากไปให้พี่มุนบินสอนกีต้าร์ให้ด้วยชานฮีจะได้เอาไปเล่นโชว์สาวที่โรงเรียน
จุนซูพยักหน้าเข้าใจเบาๆก่อนจะบอกให้ลูกชายไปแต่งตัวให้เรียบร้อย “ โอเค...เดี๋ยวคุณแม่พาไปแต่ชานฮีต้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนนะลูก ”
“ แล้วป๊าล่ะฮะ ” ชานฮีถามถึงผู้เป็นพ่อเพราะทุกครั้งที่ไปบ้านของอายุนโฮป๊าก็จะไปด้วยกันทุกครั้ง
“ ป๊าไปส่งคุณครูลูก ”
“ งั้นเดี๋ยวรอป๊ากลับมาก่อนแล้วเราค่อยไปพร้อมกันก็ได้ฮะ ” บอกด้วยน้ำเสียงไม่รีบร้อนเพราะคิดว่าอีกไม่นานพ่อของตัวเองคงกลับมา
“ คุณแม่ว่าเราไปรอป๊าที่บ้านอายุนโฮดีกว่า....ถ้าป๊ากลับมาเดี๋ยวป๊าก็ตามเอาไปเองแหละ ” ยิ้มอ่อนบอกลูกชาย
ใจจริงจุนซูอยากจะบอกลูกว่า อย่าไปรอเลยป๊าจะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้ แต่เพราะกลัวลูกชายจะสงสัยร่างบางจึงเลือกที่จะบอกออกไปแบบนั้น จุนซูไม่รู้ว่าถ้าพวกเขารอให้ยูชอนกลับมาวันนี้ชานฮีจะได้ไปบ้านยุนโฮหรือเปล่าเพราะแต่ละครั้งที่ยูชอนออกไปส่งคุณครูของลูกชายมักจะใช้เวลาไม่ต่ำกว่าห้าชั่วโมง
“ เอาแบบนั้นก็ได้ฮะ.....งั้นเดี๋ยวผมไปเปลี่ยนชุดก่อนนะ ”
“ คุณแม่ลงไปรอที่ห้องรับแขกนะชานฮี ” เสียงหวานตะโกนบอกไล่หลังก่อนจะส่ายหน้าเบาๆเมื่อได้ยินเสียงปิดประตูห้องดังลั่นบ้านสงสัยว่าคงจะอยากไปมากจริงๆ
ร่างอวบเดินไปหยิบกระเป๋าเงินกับกุญแจรถก่อนจะเดินลงไปรอที่ห้องรับแขกมือบางกำลังจะกดโทรออกเพื่อบอกยูชอนว่าเขาจะพาลูกไปบ้านยุนโฮ แต่กดไปได้สองตัวนิ้วเรียวก็ชะงักค้างเอาไว้ก่อนจะตัดสินใจกดลบแล้วเก็บโทรศัพท์ลงในกระเป๋ากางเกง
“ ป้าฮะ....ถ้ายูชอนกลับมาผมฝากป้าบอกเขาด้วยนะฮะว่าผมพาชานฮีไปบ้านยุนโฮ ” เสียงหวานบอกกับหัวหน้าแม่บ้าน
“ ได้ค่ะ... แล้วจะให้ดิฉันเตรียมอาหารเย็นไหมค่ะ ” หัวหน้าแม่บ้านโค้งรับคำสั่งอย่างสุภาพ ก่อนจะเอ่ยถามเจ้านายเพราะปกติแล้วถ้าไปบ้านคุณยุนโฮเจ้านายมักจะทานอาหารเย็นมาจากที่นั่นเลย
“ เตรียมไว้นิดเดียวก็พอฮะเผื่อยูชอนกลับมาแล้วจะหิว ” บอกทั้งที่ไม่แน่ใจว่ายูชอนจะกลับมาทานข้าวที่บ้านหรือเปล่าแต่จุนซูคิดว่าร่างสูงคงจะทานมาจากข้างนอกเหมือนทุกครั้ง
“ ได้ค่ะ ”
จุนซูยกยิ้มบางๆให้กับหัวหน้าแม่บ้านก่อนจะบอกให้เธอกลับไปทำงานของเธอต่อ เสียงวิ่งตึงตังดังมาจากชั้นบนทำให้ร่างบางรู้ได้ไม่ยากว่าลูกชายตัวแสบลงมาแล้วกลีบปากสวยระบายยิ้มขำเมื่อได้ยินเสียงคุยโทรศัพท์ดังแว่วมาแต่ไกล
ก็เล่นคุยโทรศัพท์กันบ่อยขนาดนี้แล้วจะไม่ให้คนอื่นเขาล้อว่าเป็นแฟนกันได้ไงล่ะ ชานฮี เยอึน
***** มุดออกจากกองหนังสือมาส่งข่าวเรื่อง HF 2 เล่ม 2 ค่ะ ตอนนี้โรงพิมพ์ส่งหนังสือมาให้แล้ว
ค่ะแต่ว่าช่วงนี้ไรเตอร์ติดสอบเลยยังหาเวลาว่างไปส่งให้ไม่ได้ โค้งงามๆให้กับความ
ล่าช้าของตัวเอง ไรเตอร์สอบเสรHจวันที่19 ค่ะ คาดว่าหนังสือคงส่งให้ประมาณวันที่
20-21 แต่ถ้าวันที่ 21 ใครสะดวกช่วงเย็นจะไปรับเองที่สยามก็ได้ค่ะเพราะไรเตอร์นัด
รีดเดอร์คนนึงไปรับที่สยามค่ะ
***** หลังวันที่ 19 สัญญาว่าจะกลับมาลุยเรื่องเจ้าสาวจำเป็นต่อช่วงนี้ขอดองหน่อยนะค๊า 555
***** ไปท่องประมวลต่อแล้ว ว ว ฝันดีทุกคนคร่า ^^
ความคิดเห็น