คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #128 : ~ Happy Family 2 ~ # 26
ปัง !!!
ไม่อาจทนนั่งดูได้อีกต่อไปกำปั้นเล็กทุบลงบนโต๊ะก่อนจะเดินตรงเข้าไปหาคนทั้งสองที่นั่งอิงแอบแนบชิดกันจนร่างเพรียวของหญิงสาวแทบจะเกยขึ้นไปนั่งบนตักหนาอยู่แล้ว แค่เห็นการกระทำของคนทั้งคู่จุนซูก็พอจะเข้าใจเกี่ยวกับสถานะของคนทั้งคู่แล้วท่าทางแบบนี้คงเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้นอกจากชู้รัก !!
“ นี่เหรอธุระสำคัญที่นายบอกฉัน ”
สองร่างที่นั่งคลอเคลียกันอยู่สะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงเย็นยะเยือกดังมาจากด้านหลัง ยูชอนรีบพลิกตัวกลับมาดูก่อนหัวใจจะหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่มเมื่อเห็นจุนซูยืนกอดอกทำหน้านิ่งอยู่ด้านหลังและถึงแม้ว่าแสงสว่างภายในผับจะมีน้อยนิดหากแต่ยูชอนก็ยังสามารถเห็นแววตาตัดพ้อของคนที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของตัวเอง
“ จะ จุนซู ” ยูชอนตกใจจนแทบพูดไม่เป็นภาษา
“ ใช่....ฉันเองทำไมตกใจมากเลยเหรอที่เห็นฉัน ” ปากบางกระตุกยิ้มก่อนที่เสียงหวานแหบจะเอ่ยถามเสียงเย็นเสียจนคนถูกถามขนลุก
“ ปะ เปล่า ...ฉันแค่แปลกใจว่าจุนซูมาทำอะไรที่นี่ ” ส่ายหัวรัวๆก่อนจะถามตอบเสียงตระกุกตะกัก
“ ฉันต้องเป็นคนถามไม่ใช่เหรอว่านายกับคุณกาฮีมาทำอะไรที่นี่”
“ เอ่อ...คือว่า ” ยูชอนรีบขยับตัวออกห่างเมื่อเห็นสายตาของจุนซูจ้องอยู่ที่ช่องว่างที่มันมีน้อยจนเกินไประหว่างเขากับกาฮี
“ เราสองคนมาฟังเพลงกันค่ะ ” ในขณะที่ยูชอนกำลังคิดหาคำแก้ตัวเสียงหวานดัดของหญิงสาวก็ดังแทรกขึ้นมาซะก่อน
“ กาฮี !! ” ยูชอนเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ
กาฮีหลุดหัวเราะออกมาเบาๆให้กับสีหน้าตกใจของยูชอนเธอยังคงทำตัวปกติไม่ได้มีอาการตกใจที่โดนจับได้ว่ามาเที่ยวกับสามีของคนอื่นเลยแม้แต่นิด
“ ทำไมยูชอนต้องทำหน้าตกใจขนาดนั้นด้วยล่ะก็คุณจุนซูถามฉันก็แค่ตอบตามความจริง ” เธอบอกกลั้วเสียงหัวเราะคล้ายกับว่ากำลังล้อร่างสูงเล่นมากกว่า
จุนซูได้แต่ยืนกำหมัดแน่นข่มอารมณ์ไม่พอใจที่ทั้งคู่ทำอะไรไม่เกรงใจเขาเลยถ้าหากว่ามีคนอื่นผ่านมาเห็นแล้วเขาจะคิดกันยังไง
“ ขอบคุณคุณกาฮีมากนะฮะที่พูดความจริง ” มองคนรักของตัวเองด้วยสายตาผิดหวังก่อนจะแสร้งหันไปปั้นยิ้มให้กับหญิงสาว
“ ไหนๆก็ไหนๆแล้ววันนี้มีความจริงอีกเรื่องที่ผมอยากรู้ ”
“ เรื่องอะไรเหรอค่ะ....ถ้าตอบได้ฉันก็ยินดีตอบ ”
จุนซูตวัดสายตาไปมองยูชอนที่นั่งหน้าซีดอยู่ก่อนจะตัดสินใจถามออกไปตรงๆเป็นไงเป็นกันวันนี้เขาต้องรู้ความจริงให้ได้ถึงแม้มันอาจจะสร้างความเจ็บปวดให้กับตัวเองก็ตาม
“ คุณกับยูชอนมีความสัมพันธ์กันแบบไหนกันแน่”
กาฮีนิ่งคิดสักพักในขณะที่ยูชอนเริ่มรู้สึกร้อนๆหนาวๆหญิงสาวยกยิ้มร้ายให้จุนซูเห็นแค่คนเดียวก่อนที่จะแกล้งตีสีหน้าลำบากใจ
“ คุณจุนซูแน่ใจเหรอค่ะว่าอยากฟังความจริง ”
“ กาฮี!! ” ยูชอนเรียกชื่อหญิงสาวเสียงดังก็ไหนเธอบอกว่าจะอยู่เงียบๆไงแต่สิ่งที่เธอกำลังทำในตอนนี้มันตรงข้ามกับสิ่งที่เธอเคยพูดเอาไว้เลยนะ
“ ฮะ...ผมแน่ใจ ” บอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
กาฮีหันไปมองยูชอนที่กำลังห้ามไม่ให้เธอพูดผ่านทางสายตาแต่คิดเหรอว่าเธอจะยอมทำตามในเมื่อโอกาสมาถึงซะขนาดนี้เธอไม่คิดจะเป็นรองคนอื่นไปตลอดชีวิตหรอกนะ
“ ฉันรู้ค่ะว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องละเอียดอ่อนแต่ในเมื่อคุณจุนซูอยากรู้ความจริง ” หญิงสาวแกล้งถอนหายใจราวกับว่าการพูดเรื่องนี้สร้างความหนักใจให้เธอเป็นอย่างมาก
“ แต่ถ้าคุณจุนซูอยากรู้ฉันก็คงต้องบอกว่าเราสองคนรักกันค่ะ”
เราสองคนรักกัน
เราสองคนรักกัน
เราสองคนรักกัน
เหมือนมีใครเอาค้อนหนักๆมาทุบลงกลางหัวมันทั้งเจ็บและจุกหากแต่จุนซูกลับไม่ยอมปล่อยให้น้ำตามันไหลออกมามือบางกำหมัดเข้าหากันแน่นสะกดคำว่าเสียใจเอาไว้ข้างใจสายตาผิดหวังถูกส่งไปให้คนที่ถูกเรียกว่าคู่ชีวิต อันที่จริงจุนซูอยากจะอาละวาดให้ร้านพังซะด้วยซ้ำ หากแต่รอยยิ้มเยาะเย้ยของหญิงสาวมันทำให้จุนซูบังคับสติของตัวเองเอาไว้ได้เพราะถ้าหากขำแบบนั้นก็เท่ากับว่าเขายอมเดินเข้าไปในเกมส์ที่หญิงสาววางเอาไว้และท้ายที่สุดคนที่แพ้ก็คงเป็นเขาคนนี้ เพราะฉะนั้นจุนซูจึงต้องแกล้งทำเป็นเข้มแข็งไม่รู้สึกอะไรทั้งๆที่ในใจเจ็บเจียนตาย
“ งั้นเหรอฮะ ” เสียงหวานถามรอดไรฟัน
“ มันไม่ใช่อย่างนั้นนะจุนซู...ฉันอธิบายได้ ” ยูชอนกำลังจะลุกขึ้นไปอธิบายหากแต่ก็ต้องชะงักเมื่อจุนซูขยับตัวออกห่างท่าทางที่แสดงออกชัดเจนว่าร่างบางไม่ต้องการฟังคำอธิบายอะไรทั้งนั้น
“ ไม่ใช่อย่างนั้นแล้วมันอย่างไหนล่ะ ”ถึงแม้น้ำเสียงจะไม่ได้เกรี้ยวกราดหากแต่ยูชอนรู้ดีว่าภายใต้ดวงตาคู่สวยที่เอ่อไปด้วยน้ำตานั้นซ่อนความรู้สึกมากมายเอาไว้
“ ฉันต้องขอโทษคุณจุนซูด้วยนะค่ะ ฉันรู้ว่ามันเป็นเรื่องที่ผิดแต่ความรู้สึกของคนเราไม่สามารถห้ามได้.... ”
“ พอซะทีกาฮี !!” ยูชอนตะคอกเสียงดังเมื่อกาฮีเริ่มทำให้ทุกอย่างแย่ลงไปอีกดวงตาแข็งกร้าวถูกส่งไปให้หญิงสาวที่ไม่ยอมอยู่เฉยๆในที่ของตัวเองเหมือนที่พูดเอาไว้
“ แต่ฉันอยากขอโทษคุณจุนซูจริงๆนะ ฉันรู้ว่าสิ่งที่ฉันทำ... ”
“ ผมบอกให้พอไงปาร์คกาฮี !! ”
“ ไม่ต้องขอโทษหรอกฮะ ผมเองก็มีเรื่องจะบอกเหมือนกัน ” เสียงหวานแทรกขึ้นกลางบทสนทนาของคนทั้งคู่คำถ้าคำขอโทษมันไม่ได้มาจากใจเขาก็ไม่อยากฟัง จุนซูสบตากับสายตาท้าทายของหญิงสาวก่อนจะเรียกเด็กเสิร์ฟเอาไว้แล้วหยิบเครื่องดื่มมาหนึ่งแก้วแล้วสาดไปที่ยูชอนกับกาฮี
“ หน้าไม่อาย !! ”
........................................
“ ยุนว่าเราสร้างห้องอัดเอาไว้ที่บ้านด้วยดีมั๊ย ”
“ แจว่าไม่ต้องหรอกสิ้นเปลืองเปล่าๆและอีกอย่างถ้าสร้างแล้วจะสร้างที่ไหน ”
“ ก็ตรงที่ว่างข้างๆสนามหญ้าหน้าบ้านไง ”
ยุนโฮกับแจจุงกำลังช่วยกันวางแผนเกี่ยวกับอนาคตของมุนบิน หลังจากกลับมาจากงานออดิชั่นและส่งเด็กๆเข้านอนเรียบร้อยแล้วสองสามีภรรยาก็ลงมานั่งคุยกันเงียบๆที่ห้องนั่งเล่น แน่นอนว่าการที่ทั้งสองคนพูดถึงเรื่องห้องอัดมันก็หมายความว่ามุนบินผ่านการออดิชั่นเข้าไปเป็นเด็กฝึกหัดเรียบร้อยแล้วและไม่ใช่แค่มุนบินคนเดียวนะที่ผ่านจงฮยอนกับมินโฮก็ผ่านด้วยเช่นกัน และคนที่ดีใจที่สุดคงหนีไม่พ้นมุนบินที่ยืนลุ้นจนแทบลืมหายใจตอนที่ประกาศผลแต่อย่าว่าแต่มุนบินเลยที่ลุ้นจนลืมหายใจกองเชียร์ที่อยู่ด้านล่างก็ลุ้นจนตัวโก่งไม่แพ้กัน
“ ยุนว่ายุนเรียกให้ช่างมาดูพรุ่งนี้เลยดีกว่า ”
“ เร็วไปมั๊ย ” เสียงหวานเอ่ยเย้าคนรักขำๆก่อนที่ตากลมจะเหลือบไปเห็นร่างอวบๆของจุนซูเดินเข้ามา “ อ้าว....มาแล้วเหรอจุนซู ”
จุนซูยกมือขึ้นเช็ดคราบน้ำตาออกจากหน้าพร้อมกับพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติก่อนจะเดินเข้าไปหาแจจุงกับยุนโฮในห้องนั่งเล่น
“ ขอโทษทีนะที่มาช้า....พอดีว่าพึ่งทำธุระเสร็จน่ะ ” พูดออกไปด้วยน้ำเสียงที่คิดว่าปกติที่สุด
จุนซูรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทิ้งให้แจจุงกับยุนโฮดูแลชานฮีแทนจนดึกขนาดนี้แต่ตอนนั้นเขายังไม่พร้อมที่จะเจอใครจริงๆ หลังจากที่สาดน้ำใส่หน้ายูชอนกับผู้หญิงคนนั้นแล้วจุนซูก็ออกมาจากผับร่างบางขับรถไปเรื่อยๆเพื่อหาที่สงบๆระบายอารมณ์จุนซูปล่อยให้ตัวเองร้องไห้จนพอใจความเจ็บปวด ผิดหวังต่างๆถูกระบายออกมาจนหมดก่อนจะถูกทิ้งเอาไว้ที่นั่นจุนซูนั่งร้องไห้และสงบสติอารมณ์อยู่นานจนกระทั่งเรียกความเข้มแข็งของตัวเองกลับมาได้อีกครั้ง
“ แล้วยูชอนล่ะไม่ได้มาด้วยกันเหรอ ” ยุนโฮเลิกคิ้วด้วยความแปลกใจที่เห็นจุนซูมารับชานฮีคนเดียวก็ปกติปาร์คยูชอนมันเคยปล่อยให้เมียมันไปไหนมาไหนดึกๆคนเดียวซะที่ไหนล่ะ
ทันทีที่ได้ยินชื่อของใครบางคนจุนซูก็มีสีหน้าสลดลงอย่างเห็นได้ชัดแต่มันก็เกิดขึ้นเพียงเสี้ยวนาทีก่อนที่จุนซูจะปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติเหมือนเดิม
“ ยูชอนยังทำธุระไม่เสร็จน่ะ ” บอกเสียงเรียบก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่อง “ แล้วมุนบินเป็นยังไงบ้าง ”
“ มุนบินออดิชั่นผ่านแล้วล่ะ ” แจจุงบอกยิ้มๆตากลมหรี่ลงเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับจุนซูเสียงหวานเอ่ยถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นตาคู่สวยแดงกร่ำ
“ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าจุนซู ”
รอยยิ้มบางๆที่มีให้เพื่อนทั้งสองชะงักค้างเขาไม่เคยปิดยุนโฮกับแจจุงได้เลยจริงๆ ดวงตาคู่สวยคลอไปด้วยน้ำตาก่อนจะระบายความอัดอั้นภายในจิตใจออกมาให้ยุนโฮกับแจจุงฟังเมื่อทั้งคู่มองด้วยสายตาเป็นห่วง
“ ฉันไม่รู้ว่าเรื่องมันเกิดขึ้นได้ยังไง....ยูชอน ยูชอน เขานอกใจฉัน” ท้ายประโยคเสียงหวานแหบสั่นอย่างช่วยไม่ได้
แจจุงกับยุนโฮมองหน้ากันอย่างกับคนที่ไม่เชื่อหูตัวเองทั้งไม่เชื่อหูและก็ทั้งตกใจ ยูชอนเนี่ยนะจะนอกใจจุนซูมันเป็นเรื่องที่น่าเหลือเชื่อมากเพราะทุกคนต่างรู้ดีว่ายูชอนนั้นรักลูกรักเมียมากแค่ไหน
“ ยูชอนเนี่ยนะ ” ยุนโฮพึมพำอยู่คนเดียว
“ บางทีมันอาจเป็นเรื่องเข้าใจผิดก็ได้นะจุนซู ” แจจุงพยายามคิดในแง่ดี เพราะเคยมีประสบการณ์มาก่อนแจจุงจึงคิดว่าบางทีมันอาจจะเป็นเรื่องเข้าใจผิดเหมือนเรื่องของเขากับยุนโฮเมื่อสิบปีที่แล้วก็ได้
“ มันไม่ใช่เรื่องเข้าใจผิดหรอกแจจุง....คุณกาฮีเป็นคนบอกฉันเองว่าพวกเขาสองคนรักกัน ”
“ เดี๋ยวก่อนนะ....เมื่อกี๊จุนซูบอกว่าใครเป็นคนบอกนะ ” ทันทีที่ได้ยินชื่อบุคคลที่สามยุนโฮก็เด้งตัวลุกขึ้นนนั่งตัวตรงก่อนจะถามเสียงเครียดอย่าบอกนะว่าสิ่งที่เขากลัวเกิดขึ้นแล้ว
“ คุณกาฮี...ปาร์คกาฮี ”
“ กาฮี....เธอกลับมาเพื่อสิ่งนี้น่ะเหรอ ” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆ
ยุนโฮรู้สึกแปลกๆตั้งแต่วันที่รู้ว่ายูชอนให้กาฮีมาเป็นครูสอนเปียโนให้ชานฮีแล้ว ตอนนั้นยุนโฮมั่นใจมากๆว่ามันไม่ใช่เรื่องบังเอิญแน่ๆคนที่ขาดการติดต่อกันไปเป็นสิบกว่าปีอยู่ดีๆก็กลับมามันต้องมีอะไรแน่ๆและก็มีจริงๆด้วยสิ
“ เมื่อกี๊ยุนว่าอะไรนะ ” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อได้ยินไม่ชัดเมื่อกี๊แจจุงได้ยินยุนโฮเหมือนกับรู้เรื่องอะไรบางอย่าง
“ เปล่าหรอก... ” ยุนโฮหันยิ้มเจื่อนบอกตาคมแสร้งหันหนีสายตาจับผิดของแจจุงกับจุนซูจะให้เขาบอกได้ยังไงว่ากาฮีคือรักแรกของยูชอนขืนบอกไปมีหวังจุนซูเสียใจแย่นะสิ
เสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นช่วยชีวิตยุนโฮให้หลุดพ้นจากสายตาคาดคั้นของแจจุงกับจุนซูแต่ไม่รู้ว่าจะช่วยให้ดีขึ้นหรือแย่ลงเพราะเมื่อหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูปรากฏว่าคนที่โทรมาเป็นยูชอน
“ ยูชอนโทรมาน่ะ ” ยุนโฮโชว์โทรศัพท์ให้ดูเพื่อถามความเห็นว่าเขาควรรับดีมั๊ยลองโทรมากลางดึกแบบนี้คงไม่พ้นโทรมาถามเรื่องจุนซูแน่ๆ
จุนซูพยักหน้าบอกให้รับเพราะถ้าหากยุนโฮไม่รับสายยูชอนต้องสงสัยแล้วก็ตามมาที่นี่แน่ๆ
“ ถ้ายูชอนถามก็บอกว่าฉันมารับชานฮีกลับไปตั้งนานแล้ว ” บอกเสียงเรียบ
ปากบางยกยิ้มสมเพชให้กับตัวเองเขาคงหมดความสำคัญกับยูชอนแล้วจริงๆเพราะเขาออกจากผับมาตั้งนานแต่ร่างสูงพึ่งจะโทรตามเอาตอนนี้
ยุนโฮพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะกดรับสาย “ว่าไงยูชอน ”
“ จุนซูอยู่ที่บ้านแกหรือเปล่ายุนโฮ ” เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงร้อนรนทันทีที่อีกฝ่ายกดรับ
ยุนโฮดึงโทรศัพท์ออกห่างก่อนจะทำปากขมุบขมิบบอกว่ายูชอนถามว่าจุนซูอยู่ที่นี่หรือเปล่า
“ ไม่นะ....จุนซูมารับชานฮีกลับไปตั้งนานแล้ว ” เสียงทุ้มตอบเพื่อนรักกลับไปเมื่อจุนซูส่ายหน้าบอกว่าอย่าบอกยูชอนนะว่าเขาอยู่ที่นี่
“ จริงเหรอ....แล้วทำไมป่านนี้ยังไม่ถึงบ้านอีก ” ท้ายประโยคคล้ายกับจะบ่นพึมพำกับตัวเองมากกว่า
“ จุนซูแวะไปทำธุระที่ไหนหรือเปล่า....แล้วทำไมนายไม่โทรเข้าเบอร์จุนซูล่ะ ” พูดไปก็มองหน้าจุนซูสลับกับแจจุงไป
“ โทรแล้วแต่โทรไม่ติด ”
“ งั้นเหรอ...นายกับจุนซูมีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ”
“ พอดีว่ามีเรามีเรื่องเข้าใจผิดกันนิดหน่อยน่ะ....งั้นแค่นี้ก่อนนะยุนโฮ ”
“ อืม...ยังไงก็ใจเย็นหน่อยก็แล้วกัน ”
ยุนโฮกดวางสายจากยูชอนก่อนจะหันไปมองจุนซูที่นั่งทำหน้าเศร้าอยู่ใกล้ๆ ยอมรับว่าตอนนี้จุนซูคือคนที่น่าสงสารที่สุดแต่ในใจลึกๆแล้วยุนโฮก็ยังอยากให้ยูชอนกับจุนซูได้พูดคุยกันมากกว่าที่จะหลบหน้ากันแบบนี้
“ นายจะไม่เปิดโอกาสให้ยูชอนได้อธิบายหน่อยเหรอจุนซูหมอนั่นเป็นห่วงนายมากเลยนะ ” ยุนโฮไม่ได้พูดเพื่อช่วยเพื่อนของตัวเองแต่ร่างสูงพูดความจริง จากที่คุยกันเมื่อสักครู่ยุนโฮสามารถรับรู้ได้ถึงความห่วง ใยและเป็นห่วงของยูชอนที่เจือมากับกระแสเสียง
“ ขอเวลาฉันหน่อยนะ...ตอนนี้ฉันยังไม่พร้อมจริงๆ ” จุนซูส่ายหน้าบอกด้วยสีหน้าอ่อนล้าวันนี้เขาล้ามากจริงๆล้าทั้งใจและกายถ้าให้เผชิญหน้ากับยูชอนตอนนี้เขาคงไม่มีแม้กระทั่งแรงที่จะยืน
“ แล้วนายจะทำยังไงต่อไป ”
“ ฉันยังไม่รู้เลย ”
“ แล้ว... ” ยุนโฮชะงักค้างเอาไว้แค่นั้นเมื่อแจจุงกระตุกเบาๆที่แขนพร้อมกับส่ายหน้าบอกว่าพอได้แล้วเลิกเซ้าซี้จุนซูได้แล้ว
“ ฉันว่านายขึ้นไปพักผ่อนก่อนดีกว่า...คืนนี้ค้างที่นี่แหละดึกแล้วขับรถกลับมันอันตราย ” แจจุงเสนอแกมบังคับ สภาพจิตใจของจุนซูย่ำแย่ขนาดนี้แจจุงไม่ไว้ใจให้จุนซูขับรถกลับเองหรอก
“ ขอบคุณนะ...ฉันก็ตั้งใจว่าคืนนี้จะขอรบกวนนายสองคนอยู่เหมือนกัน ” ยิ้มบางๆขอบคุณจากใจจริง จุนซูยังไม่อยากกลับบ้านตอนนี้เพราะรู้ว่าถ้ากลับไปแล้วจะมีใครรออยู่
“ งั้นเดี๋ยวฉันให้แม่บ้านจัดห้องให้...รอแป๊บนึงนะ ” แจจุงยิ้มบอกว่าไม่เป็นไรก่อนจะเรียกแม่บ้านให้ขึ้นไปดูความเรียบร้อยที่ห้องรับแขก
“ อืม... ” จุนซูพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะถามถึงลูกชายหัวแก้วหัวแหวน “ ชานฮีหลับแล้วเหรอ ”
“ อืมหลับแล้ว....หลับอยู่ในห้องมุนบินน่ะ ” ยุนโฮบอกยิ้มๆ หลังจากกลับจากข้างนอกได้ไม่นานเด็กๆก็หมดฤทธิ์สลบกันอยู่หน้าห้องของมุนบินก่อนจะลงมาที่นี่เขาก็พึ่งเยอึนกลับไปนอนที่ห้อง
“ งั้นฉันขอขึ้นไปดูลูกหน่อยนะ ”
“ ตามสบายเลย....อย่าคิดมากนะจุนซูทุกเรื่องมีทางออกเสมอ ” ยุนโฮผายมือออกบอกว่าทำตัวตามสบายเลยท้ายประโยคก็ยังไม่ลืมที่จะปลอบใจ
“ ขอบใจนะแจจุง ยุนโฮ ” ยิ้มบางๆแทนคำขอบคุณก่อนจะเดินขึ้นไปหาชานฮีที่ชั้นบนอย่างน้อยการที่ได้เห็นหน้าลูชายมันก็ช่วยทำให้หัวใจที่กำลังอ่อนล้าดวงนี้มีพลังขึ้นมาบ้าง
.
.
.
.
.
ขาเรียวเดินเข้ามาภายในห้องนอนที่เงียบสงัดเบาๆจุนซูค่อยๆทรุดตัวลงนั่งข้างเตียงฝั่งที่มีร่างของลูกชายนอนหลับสนิทอยู่ข้างๆมุนบิน น้ำตาไหลอีกครั้งเมื่อเห็นใบหน้าที่ถอดแบบออกไปจากผู้เป็นพ่อของชานฮีมือบางลูบลงเบาๆที่หน้าผากเล็กอย่างสุดรักสิ่งเดียวที่ทำให้จุนซูเข้มแข็งและอดทนได้จนถึงตอนนี้ก็คือชานฮีลูกคือสิ่งเดียวที่ทำให้จุนซูบอกตัวเองให้ลุกขึ้นสู้เพื่อคำว่าครอบครัว
“ แม่รักชานฮีนะลูก ” ปากบางประทับลงบนหน้าผากของลูกชายเบาๆ “ แม่สัญญาว่าจะไม่ยอมให้ใครมาทำลายครอบครัวของเราเด็ดขาด ”
***** วันนี้ว่างเดี๋ยวจะปั่นเรื่องเจ้าสาวจำเป็นมาลงให้นะค่ะ ^^
ความคิดเห็น