คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #130 : ~ Happy Family 2 ~ # 28
จุนซูแล้ว
“ จุนซูกลับไปแล้วเหรอ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามพร้อมกับกายหนาที่ทรุดลงนั่งบนโซฟาอย่างหมดแรง วันนี้มีประชุมทั้งวันสมองเขาล้าไปหมดแล้ว
“ อืม...กลับไปช่วงสายๆน่ะ ”
“ แล้วปรับความเข้าใจกับยูชอนเรียบร้อยหรือยัง ”
“ เหมือนจะเรียบร้อยนะ ” แจจุงบอกด้วยน้ำเสียงไม่แน่ใจ
เมื่อเช้าหลังจากใช้เวลาพูดคุยกันสักพักแจจุงก็เห็นจุนซูกับยูชอนเดินลงมาพร้อมกันถึงแม้จะไม่มีรอยยิ้มบนใบหน้าของคนทั้งคู่แต่อย่างน้อยสีหน้าของทั้งสองก็ดีขึ้นกว่าช่วงแรก พอเขาถามว่าเข้าใจกันดีแล้วใช่ไหมจุนซูก็ยิ้มบางๆให้แล้วตอบกลับมาว่า
“ ยังหรอก...ขอสะสางเรื่องบางเรื่องก่อน ”
แจจุงอยากจะถามใจจะขาดว่าที่ว่าจะสะสางน่ะจะสะสางเรื่องอะไรแต่ก็กลัวว่าถ้าถามออกไปอาจจะเป็นการเสียมารยาทก็เลยเก็บเอาไว้ในใจคุยกันได้สักพักจุนซูกับยูชอนก็ขอตัวกลับโดยที่ทั้งคู่ขับรถกลับคนละคัน
“ หวังว่าสองคนนั้นจะปรับความเข้าใจกันได้เร็วๆนี้นะ ” ยุนโฮทำได้แค่เพียงหวังเห็นจุนซูกับยูชอนเศร้าแล้วมันก็พาลทำให้บรรยากาศรอบตัวมันเศร้าไปด้วย
“ แจก็หวังเอาไว้แบบนั้นเหมือนกัน ” หน้าสวยพยักเห็นด้วยเบาๆก่อนจะชวนเปลี่ยนเรื่องเมื่อตากลมเหลือบไปเห็นซองอะไรบางอย่างที่ยุนโฮถือติดมือเข้ามาด้วยวางอยู่บนโต๊ะ
“ ซองอะไรน่ะ ”
“ รายละเอียดเกี่ยวกับการสัมภาษณ์น่ะ ” ตาคมเหลือบมองซองที่แจจุงว่าก่อนจะบอกด้วยน้ำเสียงเบื่อๆ
“ สัมภาษณ์อะไรเหรอ? แจเปิดดูได้ไหม ? ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นก่อนจะหยิบซองขึ้นมาดูตาคู่สวยเหล่มองร่างสูงเป็นเชิงถามว่าเขาเปิดดูได้หรือเปล่าก่อนที่ยุนโฮจะพยักหน้าบอกว่าเปิดได้
“ สัมภาษณ์เราสองคนเกี่ยวกับชีวิตคู่แล้วเราก็ต้องถ่ายรูปลงนิตยาสารประกอบด้วย ” เสียงทุ้มอธิบายให้ฟัง
“ สัมภาษณ์อย่างเดียวไม่ได้เหรอ ” แจจุงต่อรองร่างบางไม่ค่อยชอบเห็นรูปตัวเองในหน้าหนังสือพิมพ์หรือนิตยาสารเท่าไหร่นัก
“ ไม่ได้...เห็นเขาบอกว่าจะสัมภาษณ์เกี่ยวกับชีวิตครอบครัว ” ยุนโฮส่ายหน้าปฏิเสธเบาๆ “ มุนบินกับเยอึนก็ต้องถ่ายกับเราด้วย ”
อันที่จริงยุนโฮก็ไม่ค่อยชอบอะไรแบบนี้เท่าไหร่แต่เพราะอยู่ในวงการธุรกิจบางครั้งมันจึงจำเป็นที่จะต้องออกสื่อบ้างเพื่อที่จะได้เป็นที่รู้จักของคนทั่วไปและเขาเองก็รับปากกับเจ้าของสำนักพิมพ์เอาไว้ตั้งนานแล้วว่าถ้ามีโอกาสจะให้ทางสำนักพิมพ์สัมภาษณ์และตอนนี้ทางนั้นก็ทวงสัญญามาแล้ว
“ ลูกด้วยเหรอ? ” คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่น
“ ใช่....การแสดงของมุนบินในคืนนั้นทำให้ลูกเราได้รับความสนใจจากสังคมเป็นอย่างมากทางนั้นก็เลยอยากให้เราถ่ายรูปครอบครัวซะเลย ”
ภาพข่าวที่ลงหลังจากการแสดงในงานเลี้ยงของบริษัทในวันนั้นทำให้มุนบินได้รับความสนใจเป็นอย่างมากส่วนหนึ่งอาจจะเป็นเพราะมุนบินเป็นทายาทสายตรงของชองกรุ๊ปแต่ส่วนสำคัญที่ทำให้มุนบินได้รับความสนใจมากขนาดนี้ก็คือเสน่ห์เหลือร้ายที่เจ้าหมีทิ้งไว้บนเวที
" แล้วเขาจะมาสัมภาษณ์เมื่อไหร่อ่ะ ”
“ วันเสาร์นี้ที่บ้านเรา ค่าตัวทั้งหมดมอบให้สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าเหมือนเดิม ” ยุนโฮบอกยิ้มๆก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง “ แจอ่านรายละเอียดไปก่อนนะเดี๋ยวยุนขึ้นไปอาบน้ำก่อนแล้วเราค่อยออกไปรับลูกพร้อมกัน ”
“ อืม....วันนี้ทานข้าวนอกบ้านดีมั๊ย? ” หน้าสวยพยักรับเบาๆก่อนที่เสียงหวานจะขอความเห็น
“ มุนบินเลิกดึกเหรอ? ” คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะถาม
เพราะปกติถ้าไม่ใช่โอกาสพิเศษแจจุงไม่ค่อยชอบออกไปทานข้าวนอกบ้านเท่าไหร่ร่างบางบอกว่าทานร้านไหนก็ไม่ถูกปากเท่ากับทำเอง และอีกเหตุผลที่แจจุงจะชวนไปทานข้าวก็ต่อเมื่อวันนั้นไปทำธุระข้างนอกแล้วกลับดึกเพื่อไม่ให้เป็นการรบกวนแม่บ้านจึงทานมาจากข้างนอก
“อืม... เลิกสองทุ่มน่ะ ” แจจุงพยักหน้ารับเบาๆ เมื่อสักครู่มุนบินโทรมาบอกว่าเลิกเรียนแล้วและกำลังจะเข้าไปซ้อมที่บริษัทให้เขากับยุนโฮไปรับประมาณสองทุ่ม
“ โอเค...วันนี้เราทานข้าวนอกบ้านกัน ”
ยุนโฮพยักหน้าเห็นด้วยก่อนจะบิดขี้เกียจสองสามทีแล้วเดินขึ้นไปบนห้อง วันนี้เป็นวันแรกที่มุนบินเริ่มเข้าไปฝึกที่บริษัทซึ่งจะต้องเข้าไปฝึกแบบนี้ทุกวันจนกว่าจะได้เดบิวต์ไม่รู้ว่าเจ้าลูกหมีจะไหวหรือเปล่าส่วนเยอึนก็ไปเรียนพิเศษตามปกติโชคดีที่ที่เรียนพิเศษอยู่หน้าโรงเรียนแจจุงกับยุนโฮจึงไม่ค่อยเป็นกังวลเท่าไหร่นัก
แจจุงเก็บเอกสารในมือลงในซองตามเดิมก่อนจะเดินไปบอกแม่บ้านว่าเย็นนี้ไม่ต้องเตรียมอาหารเย็นเพราะไม่มีใครอยู่ และถ้าจะถามถึงคุณปู่คุณย่าของเจ้าลูกหมีทั้งสองแล้วล่ะก็ตอนนี้คงสนุกอยู่กับการเที่ยวรอบโลกอยู่ที่ไหนสักที
........................................
ภายในร้านอาหารที่คนไม่พลุกพล่านมากนักในมุมที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัวมีร่างสองร่างนั่งเงียบอยู่นานจนกระทั่งหญิงสาวเป็นคนเปิดปากพูดก่อนเมื่อรู้สึกว่าบรรยากาศมันน่าอึดอัดเกินไป
“ ยูชอนโทรนัดฉันออกมากะทันหันแบบนี้มีอะไรหรือเปล่าค่ะ ” คิ้วเรียวขมวดด้วยความไม่เข้าใจยูชอนโทรนัดให้เธอออกมาเจอที่นี่แต่พอมาถึงกลับนั่งเงียบไม่ยอมพูดอะไร
ยูชอนสบตาคนที่เป็นรักแรกของตัวเองก่อนจะตัดสินใจพูดถ้อยคำที่อาจทำร้ายความรู้สึกของหญิงสาวแต่ในเมื่อจุนซูยื่นคำขาดว่าเขาต้องเลือกแน่นอนว่าคนที่เขาเลือกต้องเป็นครอบครัวของเขาอยู่แล้ว
“ เราเลิกติดต่อกันเถอะนะกาฮี ” เสียงทุ้มพยายามบอกด้วยน้ำเสียงสุภาพที่สุด
“ เลิกติดต่อ? หมายความว่ายูชอนจะเลิกกับฉันงั้นเหรอ ” เสียงหวานดัดเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจที่เรียกเธอออกมานี่เพื่อจะบอกเลิกใช่ไหม
“ ใช่...ผมคิดว่าเราทำผิดมามากพอแล้วถึงเวลาที่เราควรจะหยุดได้แล้ว ” ยูชอนเงยหน้าขึ้นสบตากับหญิงสาว
“ มันไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกนะ...ฉันไม่ใช่ผู้หญิงที่คุณจะมาเล่นๆด้วยหรอกนะ ” น้ำเสียงเริ่มเกรี้ยวกราดขึ้นมากทุกทีคิดจะเลิกกับเธอมันไม่ง่ายอย่างที่คิดหรอกนะ
“ ผมขอโทษ... ” บอกเสียงแผ่วถ้าเขาห้ามใจตัวเองได้ตั้งแต่แรกคงไม่ต้องมีใครเจ็บปวดแบบนี้ “ แต่ผมเลือกครอบครัวของผม ”
“ แล้วฉันล่ะ ” หญิงสาวถามกลับแทบจะเป็นเสียงตะคอกยูชอนบอกว่าเลือกครอบครัวแล้วเธอล่ะ? ยูชอนจะทำเหมือนเธอเป็นผู้หญิงของไร้ค่าแบบนี้ไม่ได้
“ คุณยังสาว ยังสวย คุณยังมีโอกาสได้เจอคนที่ดีกว่าผม ” ยังมีผู้ชายอีกมากที่ต้องการเป็นเจ้าของหัวใจของเธอเพราะฉะนั้นเธอควรจะได้เจอคนที่ดีกว่านี้ดีกว่าเขา
ดีกว่าคนเลวที่ทรยศได้แม้กระทั่งครอบครัวของตัวเอง
“ มันง่ายเกินไปมั๊ย ไหนคุณบอกว่าคุณรักฉันไงค่ะฉันเป็นรักแรกของคุณคุณจำไม่ได้แล้วเหรอ ” เธอพยายามเตือนความจำของร่างสูง
เธอจะไม่ยอมให้มันจบง่ายๆแน่นอนเพราะเธอรู้มาตลอดตั้งเรียนสมัยที่เรียนด้วยกันว่ายูชอนแอบชอบเธอแต่เพราะตอนนั้นยูชอนเป็นเพียงผู้ชายไม่ได้เรื่องคนหนึ่งเธอจึงไม่คิดที่จะสนใจ แต่หลังจากที่เธอกลับมาจากอเมริกาแล้วเห็นรูปของยูชอนตามนิตยาสารต่างๆความรู้สึกเสียดายก็วิ่งเข้ามาในหัวเธอจึงกลับเข้ามาในชีวิตของยูชอนอีกครั้งโดยไม่สนว่าชายหนุ่มจะมีครอบครัวอยู่แล้วสิ่งที่เธอต้องการคือทำทุกอย่างเพื่อให้ได้ขึ้นไปยืนอยู่เคียงข้างยูชอนและถ้าเธอทำได้ชื่อเสียงเงินทองทุกอย่างก็จะเป็นของเธอทั้งหมด
“ ใช่..คุณคือรักแรกของผม ” เสียงทุ้มทิ้งช่วงไว้สักพักให้หญิงสาวได้ยกยิ้มชอบใจก่อนจะเอ่ยต่อด้วยน้ำเสียงหนักแน่น “ แต่จุนซูคือรักครั้งสุดท้ายของผมรักสุดท้ายที่ผมไม่สามารถปล่อยให้หลุดมือไปได้ ”
“ บ้า บ้าที่สุด แล้วเราจะได้เห็นดีกันปาร์คยูชอน ” สิ้นประโยคของยูชอนรอยยิ้มพอใจที่หน้าหายไปพร้อมกับที่หญิงสาวตะโกนให้หน้าร่างสูงก่อนจะคว้ากระเป๋าถือแล้วเดินกระฟัดกระเฟียดออกจากร้านไปส่วนยูชอนก็ทำได้เพียงมองตามไปเท่านั้น
“ ฉันมันเป็นผู้ชายที่แย่มากเลยใช่ไหมจุนซู ” ลับตาร่างเพรียวของหญิงสาวเสียงทุ้มก็เอ่ยถามร่างบางที่นั่งหลบอยู่ที่โต๊ะใกล้ๆ
จุนซูลดนิตยาสารที่ใช้บังหน้าเอาไว้ลงก่อนจะบอกออกมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบแน่นอนว่าระยะห่างของโต๊ะที่ไม่มากนักมันทำให้จุนซูสามารถได้ยินทุกคำพูดที่ยูชอนพูดกับกาฮี
“ มันก็แย่ด้วยกันทั้งสองคนนั่นแหละ ”
จุนซูไม่ได้พูดเข้าข้างหรือให้กำลังใจยูชอนแต่เรื่องนี้มันก็ไม่ใช่ความผิดของยูชอนฝ่ายเดียวปาร์คกาฮีเธอเองก็มีส่วนผิดเช่นกัน เธอรู้ทั้งรู้ว่าผู้ชายคนนี้มีลูกมีเมียแล้วเธอก็ยังเข้ามายุ่งรู้ทั้งรู้ว่าการทำแบบนั้นมันจะสร้างความแตกแยกให้กับครอบครัวของคนอื่นแต่เธอก็ยังทำ
“ ขอบคุณนะจุนซู....ขอบคุณที่ให้โอกาสฉัน ”
“ โอกาสมีให้แค่ครั้งเดียว ทำมันให้ได้ก็แล้วกัน ” ตากลมสบมองกับสายตาสำนึกผิดชั่วครู่ก่อนจะลุกออกจากโต๊ะบอกตรงๆว่าเขาทำไม่ได้ถ้าหากว่าจะให้กลับไปพูดกันดีๆเหมือนเดิม
“ ฉันจะทำมันให้ได้...ฉันสัญญา ” ตอบกลับออกไปด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
เมื่อเช้าหลังจากที่ปรับความเข้าใจกันได้ในระดับหนึ่งจุนซูก็ยื่นคำขาดให้ยูชอนเลือกระหว่างจุนซูและลูกกับปาร์คกาฮีซึ่งแน่นอนว่ายูชอนต้องเลือกครอบครัวของตัวเองแน่นอน พอเลือกได้แล้วจุนซูก็บอกให้ยูชอนมาบอกเลิกกาฮีอย่างเด็ดขาดซึ่งยูชอนก็ทำตามอย่างเต็มใจและเพื่อความสบายใจยูชอนจึงพาจุนซูมาที่นี่ด้วย ซึ่งหลังจากเคลียร์ตัวเองเสร็จเรียบร้อยแล้วสิ่งที่ยูชอนต้องทำต่อจากนี้คือทำให้จุนซูกลับมาเชื่อใจเขาอีกครั้ง
“ ฉันจะเป็นสามีและพ่อที่ดีเหมือนเดิมให้ได้ ”
.........................
ร่างของลูกชายที่เดินออกมาจากตึกของบริษัทในสภาพที่เหมือนคนแบตใกล้จะหมดเต็มทีทำให้แจจุงกับยุนโฮอดที่จะเป็นห่วงลูกชายไม่ได้นี่ขนาดวันนี้เป็นวันแรกนะเนี่ยยังหมดสภาพได้ขนาดนี้
“ ทานโอวัลตินรองท้องก่อนนะลูกแล้วเดี๋ยวคุณแม่จะพาไปทานข้าว ” แจจุงยื่นแก้วโอวัลตินเย็นให้ลูกชายทานรองท้อง
เมื่อสิบห้านาทีก่อนตอนที่เพิ่งมาถึงที่นี่แจจุงโทรไปถามมุนบินว่าใกล้ซ้อมเสร็จหรือยังแต่ก่อนที่จะวางสายแจจุงแอบได้ยินมุนบินบ่นว่าหิวก็เลยเดินไปซื้อโอวัลตินเย็นแถวนี้มาให้
“ ขอบคุณครับ ” รับแก้วมาดื่มก่อนจะทิ้งตัวลงนอนบนตักของน้องสาวที่นั่งมองตาแป๋ว
“ ซ้อมหนักมากเลยเหรอลูก ” ยุนโฮเอ่ยถามลูกชายด้วยน้ำเสียงเป็นห่วงเขายังไม่เคยเห็นมุนบินเหนื่อยจนหมดสภาพแบบนี้เลย
“ นิดหน่อยครับ...พอดีว่าทางบริษัทเขาจะให้เปิดตัวอีกหกเดือนข้างหน้า ” บอกพร้อมกับส่งรอยยิ้มอ่อนให้กับน้องสาวที่รีบหยิบพัดในกระเป๋าขึ้นมาพัดให้
“ ทำไมมันเร็วจังล่ะลูก ” แจจุงเอ่ยถามด้วยความสงสัยเท่าที่เขารู้มากว่าจะได้เป็นนักร้องต้องเป็นเด็กฝึกก่อนอย่างน้อยหนึ่งปีไม่ใช่เหรอแต่นี่มุนบินพึ่งเข้ามาฝึกวันแรกขอมีกำหนดเดบิวต์ซะแล้ว
“ พอดีมันเป็นโปรเจคที่ทางบริษัทวางไว้นะครับ ”
มุนบินพึ่งรู้โครงการออดิชั่นที่เขาผ่านเข้ามานั้นเป็นโครงการสำหรับค้นหาคนที่มีความสามารถและพรสวรรค์ซึ่งจะนำคนที่ผ่านเข้ารอบมารวมตัวกันเป็นบอยแบรนด์กลุ่มใหม่ของบริษัท หลังจากที่ได้รู้รายละเอียดเกี่ยวกับโปรเจคนี้ยอมรับเลยว่ามันสร้างความกดดันให้มุนบินไม่น้อยเพราะแต่ละคนที่ผ่านเข้ามาล้วนแล้วแต่มีความสามารถกันทั้งนั้น
“ งั้นแสดงว่าอีกหกเดือนพี่ชายก็จะได้เป็นนักร้องแล้วเหรอค่ะ ” เยอึนถามด้วยความตื่นเต้นนี่เธอกำลังจะมีพี่ชายเป็นนักร้องจริงเหรอเนี่ย อ๊าย...เยอึนตื่นเต้นที่สุดเลย
“ ใช่แล้ว....ช่วงนี้ก็เลยต้องซ้อมหนักหน่อย ” รอยยิ้มแห่งความสุขปรากฏอยู่บนใบหน้าในที่สุดความฝันของเขาก็ใกล้จะเป็นจริงแล้ว
“ ความฝันอยู่ใกล้แค่เอื้อมพยายามเข้านะลูกชาย ” ยุนโฮบอกกลั้วรอยยิ้ม
“ แน่นอนครับ ” มุนบินตอบรับผู้เป็นพ่อก่อนจะยกมือขึ้นลูบหน้าท้องไปมาเรื่องความฝันเก็บไว้ก่อนเพราะตอนนี้เรื่องความหิวสำคัญที่สุด
“ ความฝันอยู่ใกล้แค่เอื้อมแล้วร้านอาหารอยู่ใกล้แค่ไหนเหรอครับกระเพาะน้อยๆของผมมันหิวจะแย่แล้ว ”
โครก ~ ~
เสียงหัวเราะดังลั่นรถเมื่อมุนบินพูดยังไม่ทันจะขาดคำดีด้วยซ้ำกระเพาะน้อยๆของมุนบินก็ส่งเสียงร้องช่วยยืนยันอีกแรงว่าหิวแล้วจริงๆ
“ วันนี้ทานอาหารญี่ปุ่นก็แล้วกันเนอะ ” แจจุงชี้บอกให้ยุนโฮเลี้ยวเข้าไปในร้านอาหารญี่ปุ่นร้านประจำเมื่อลูกหมีทั้งสองพยักหน้าหงึกๆเห็นด้วย
“ ทานเสร็จแล้วเราไปดูหนังกันต่อได้ไหมค่ะคุณแม่ ” เยอึนร้องขอหลังจากเดินเข้าไปในร้านเรียบร้อยแล้ว
“ เอาไว้วันหลังนะลูกพรุ่งนี้เราต้องตื่นแต่เช้า ”
“ ตื่นแต่เช้า? ตื่นไปทำไมเหรอค่ะ ” คิ้วเล็กๆขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจทำไมต้องตื่นเช้าด้วยล่ะก็ในเมื่อพรุ่งนี้เป็นวันเสาร์
“ เพราะพรุ่งนี้จะมีหนังสือมาถ่ายที่บ้านเราไงค่ะ ”
“ หนังสืออะไรเหรอฮะ ” มุนบินส่งเมนูคืนให้พนักงานก่อนจะหันมาถามด้วยความสนใจ
“ นิตยาสารทั่วไปน่ะ....เขามาขอสัมภาษณ์คุณพ่อแล้วก็ขอถ่ายรูปครอบครัวของเราด้วย ”
“ ถ่ายทั้งวันหรือเปล่าครับ...เพราะพรุ่งนี้ผมต้องเข้าไปซ้อมที่บริษัทตอนบ่าย ”
“ เปล่าลูกแค่ตอนเช้า ” ยุนโฮเป็นคนตอบคำถามของลูกชาย
เพราะรู้ว่าวันเสาร์อาทิตย์มุนบินต้องเข้าไปซ้อมที่บริษัทและเยอึนเองก็ต้องไปเรียนพิเศษยุนโฮจึงแจ้งทางทีมงานไปว่าพวกเขาสะดวกแค่ช่วงเช้าเท่านั้น เสียงทุ้มพูดต่อเมื่อนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้มองอีกเรื่องให้มุนบินกับเยอึนรู้
“ ยังไงพรุ่งนี้ลูกก็เตรียมตัวให้พร้อมก็แล้วกันเพราะทางทีมงานเขาขอสัมภาษณ์ลูกสองคนด้วย ”
“ สัมภาษณ์ !! / อะไรนะค่ะ !! ”
***** เรื่องนี้อีกสองตอนก็จะจบแล้วน๊า
***** ขอขายของนิดนึง เปิดจองฟิคเรื่องคู่กัดจ้า
http://waridz.exteen.com/fic
ความคิดเห็น