คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #33 : Special YunJae #3
เสียงฝีเท้าที่เดินเข้ามาเรียกให้ร่างบางที่กำลังยืนเช็ดผมอยู่หน้ากระจกในห้องน้ำให้หันไปมอง ก่อนจะทำหน้างงเมื่อรูมเมทของตนเองยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูมาให้พร้อมกับใบหน้ามุ่ยๆของคนที่โดนรบกวนเวลานอน
“ ฉันได้ยินมันดังหลายรอบแล้วก็เลยเอามาให้นายน่ะ ” ชายร่างสูงที่ชื่อว่าท็อปบอกพร้อมกับยื่นโทรศัพท์เครื่องหรูให้กับเจ้าของ
ตอนแรกก็ว่าจะทำเป็นไม่ได้ยินแต่เพราะมันดังบ่อยซะจนทำให้เขาไม่สามารถนอนต่อได้ร่างสูงเลยต้องรีบเอามาให้เจ้าของเพราะคิดว่าบางทีคนโทรมาอาจจะมีธุระสำคัญ แต่ในใจก็นึกด่าคนที่โทรมาไปเยอะพอสมควรที่ทำให้เวลานอนของเขาถูกรบกวน
“ ขอบใจนะ ” ร่างบางส่งยิ้มขอบคุณให้กับเพื่อนชาติเดียวกันเพราะท็อปเองก็เป็นนักเรียนทุนเช่นเดียวกับแจจุง
“ ไม่เป็นไรอ่ะ ฉันไปนอนต่อล่ะน่ะ ” ร่างโปร่งยักไหล่เบาๆก่อนจะขอตัวกลับไปนอนต่อ
แจจุงมองดูโทรศัพท์สีดำในมือที่ตอนนี้เงียบเสียงลงแล้ว ร่างบางตั้งใจว่าจะแต่งตัวให้เสร็จก่อนแล้วค่อยโทรกลับแต่ยังไม่ทันที่จะได้วางเก็บไว้มือถือเครื่องหรูก็ส่งเสียงขึ้นมาซะก่อนนิ้วเรียวจึงต้องกดรับสายอย่างช่วยไม่ได้
“ ฮัลโหล ” เสียงหวานกรอกลงไปตามสาย
“ แจจุงทำอะไรอยู่ครับทำไมไม่รับโทรศัพท์ ” เสียงทุ้มที่ติดจะตัดพ้ออยู่สักหน่อยเอ่ยถาม กว่าจะรับได้เล่นเอาเขากดเบอร์นิ้วแทบหักเลยนะคนสวย
“ ยุนโฮเหรอ ” เอ่ยถามด้วยความไม่แน่ใจ
แต่พอนึกขึ้นได้ร่างบางก็แทบอยากจะเอามือตบปากตัวเองที่เอ่ยถามอะไรสิ้นคิดแบบนั้นออกไป ก็ต้องเป็นยุนโฮสิเพราะมีแค่ยุนโฮคนเดียวนี่นาที่รู้ว่าโทรศัพท์เครื่องนี้อยู่กับเขา
“ ครับ ผมเองแจจุงคิดว่าใครเหรอ ”
“ เปล่า ยุนโฮโทรมามีอะไรหรือเปล่า ” คุยไปก็หยิบชุดนอนขึ้นมาใส่ไปถึงแม้ว่ามันจะไม่ค่อยถนัดเท่าไหร่นัก
“ ผมจะโทรมาบอกว่านี่เบอร์ห้องผมนะ พรุ่งนี้เวลาแจจุงจะโทรมาปลุกผมก็ให้โทรเข้าเบอร์ นี้ ”
“ อ่อ เข้าใจแล้ว ” ร่างบางตอบพร้อมกับพยักหน้าไปด้วยเมื่อนึกขึ้นได้ว่าตอนก่อนกลับยุนโฮบอกว่าจะโทรมาบอกเบอร์ห้องนี่นา
“ แล้วแจจุงทำอะไรอยู่เหรอครับทำไมรับโทรศัพท์ช้าจัง ” เพราะอีกคนเงียบยุนโฮก็เลยต้องเป็นฝ่ายชวนคุย ซึ่งเรื่องนี้มันก็ไม่ได้หนักหนาเลยสำหรับยุนโฮ
แจจุงจัดการปิดตู้เสื้อผ้าให้เรียบร้อยหลังจากที่แต่งตัวเสร็จแล้ว ตอนแรกกก็คิดว่าจะเดินไปที่เตียงแต่ก็คิดได้ว่าเพื่อนร่วมห้องหลับไปแล้วร่างบางจึงเปลี่ยนใจเดินออกไปที่ระเบียงแทนเพราะเกรงใจกลัวว่าเสียงของตัวเองจะทำให้เพื่อนรำคาญ
“ เราพึ่งอาบน้ำเสร็จน่ะ ” สายลมเย็นๆในยามค่ำคืนนั้นสามารถทำให้แจจุงผ่อนคลายได้มากทีเดียว ร่างบางสูดเอาอากาศบริสุทธิ์ในยามราตรีเข้าไปเต็มปอด
“ เหรอครับ แต่ผมยังไม่ได้อาบเลยอ่ะ ”
คิ้วเรียวขมวดน้อยๆ อย่าบอกนะว่ายุนโฮพึ่งถึงห้องนี่มันจะเที่ยงคืนแล้วนะ“ ทำไมล่ะ อย่าบอกนะว่าคุณพึ่งถึงห้อง ”
“ เปล่าครับ ผมถึงนานแล้วแต่ว่าขี้เกียจอาบ ”
อันที่จริงยุนโฮอยากจะบอกว่าที่เขายังไม่อาบน้ำก็เพราะพอมาถึงก็โทรหาร่างบางทันทีเลยแต่เพราะเจ้าตัวไม่ยอมรับสายซะทีก็เลยนั่งกดจนนิ้วแทบหักอย่าว่าแต่อาบน้ำเลยถุงเท้าเขาก็ยังไม่ได้ถอนด้วยซ้ำ
“ งั้นเราว่าคุณไปอาบน้ำเถอะ วันนี้อยู่ข้างนอกทั้งวันคุณไม่เหนียวตัวเหรอ” แจจุงบอกออกไปตามที่คิดสาบานได้ว่าไม่ได้ตั้งใจจะไล่ยุนโฮแต่เพราะเห็นว่านี่มันก็ดึกมากแล้วก็แค่นั้นเอง
แต่ดูเหมือนว่ายุนโฮจะไม่ได้เข้าใจเหมือนอย่างที่แจจุงคิดหรือว่าเข้าใจแต่แต่แกล้งทำเป็นไม่เข้าใจก็ไม่รู้ เพราะเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมานั้นราวกับว่าน้อยใจจนร่างบางต้องรีบปฏิเสธไม่ให้เข้าใจผิดไปมากกว่านี้
“ แจจุงไม่อยากคุยกับผมเหรอครับ ”
“ ปะเปล่านะ เราไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น ” เสียงหวานรีบแก้ตัวเป็นพัลวัล ไม่รู้ทำไมเหมือนกันถึงได้กลัวยุนโฮเข้าใจผิด
“ แล้วแจจุงหมายความว่าแบบไหนล่ะครับ ” เสียงทุ้มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงซึมๆ
แต่น่าเสียดายที่แจจุงไม่สามารถมองเห็นหน้าของเจ้าของน้ำเสียงซึมๆนั่น เพราะหน้าตากับเสียงช่างแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงใบหน้าหล่อกำลังยกยิ้มมีความสุขมือหนาข้างที่ว่างก็หมุนแก้วน้ำเล่นไปมา อยากรู้จริงๆเลยว่าแจจุงจะแก้ตัวว่าอย่างไร
“ เอ่อ..คือ เราหมายความว่านี่มันก็ดึกมากแล้วคุณควรจะรีบไปอาบน้ำแล้วก็พักผ่อนได้แล้ว พรุ่งนี้เรามีเรียนเช้านะ”
“ เหรอครับ ” ถามออกไปเรียบๆ
“ อืม...แต่ถ้าคุณยังไม่อยากอาบตอนนี้ก็ได้นะ เราไม่ได้บังคับ ” บอกเสียงเบาทำไมแจจุงถึงได้รู้สึกว่าเหมือนยุนโฮกำลังโกรธที่เขาวุ่นวายมากเกินไป
“ ตอนแรกผมก็คิดว่าจะคุยกับแจจุงก่อนแล้วค่อยไปอาบน้ำแต่ถ้าแจจุงไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ แค่นี้นะครับ ”
“ ปะ เปล่า เราคุยได้ ” ยุนโฮยิ้มกว้างทันทีที่ได้ยินเสียงหวานปฏิเสธกลับมาก่อนจะปรับน้ำเสียงให้ดูน่าสงสารเหมือนเดิม
“ ไม่เป็นไรครับ ผมเข้าใจ ”
ปลายสายเงียบไปสักพักจนยุนโฮคิดว่าแจจุงไม่ได้อยู่ในสายแล้ว มือหนาขยี้ผมตัวเองแรงๆเมื่อคิดได้ว่าหรือว่าเขาจะแกล้งแจจุงแรงเกินไป ถ้าเกิดว่าแจจุงไม่พอใจแล้วไม่คุยกับเขาตลอดไปแล้วทีนี้จะทำยังไงล่ะ ชองยุนโฮนะชองยุนโฮทำอะไรไม่คิดอีกแล้ว แต่เสียงหวานที่ดังขึ้นอีกครั้งกลับทำให้คนที่กำลังนึกโทษตัวเองอยู่ยิ้มหน้าบานอีกครั้ง
“ คุณโกรธเราเหรอ? ”
“ แจจุงว่ายังไงนะครับ ”
“ คุณโกรธที่เราบอกให้คุณไปอาบน้ำเหรอ เราไม่ได้ตั้งใจไล่คุณนะเราแค่คิดว่าคุณคงจะเหนื่อยแค่นั้นเองแต่ถ้ามันทำให้คุณไม่พอใจเราก็ขอโทษนะ ”
นี่เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าที่ยุนโฮได้ยินประโยคยาวๆแบบนี้ออกมาจากปากของแจจุง และที่ร่างบางเงียบไปนั้นก็เพราะรู้สึกผิดและกำลังคิดว่าจะอธิบายให้ยุนโฮเข้าใจได้อย่างไรว่าเขาไม่ได้หมายความอย่างที่ยุนโฮคิด
โดยพื้นฐานนิสัยที่แท้จริงของแจจุงแล้วนั้นร่างบางไม่ได้เป็นคนเย็นชาอย่างที่หลายคนเข้าใจ แต่ตรงกันข้ามร่างบางกลับเป็นคนที่เกรงใจและมักจะห่วงใยผู้อื่นอยู่เสมอและในบางครั้งก็มีมุมอ่อนโยนที่น้อยคนนักจะได้เห็นเพราะแจจุงไม่ค่อยแสดงมันออกมาเท่าไหร่ และเพราะเรื่องราวต่างๆที่เข้ามาในชีวิตมันเลยค่อยๆเปลี่ยนคิมแจจุงคนเดิมให้กลายมาเป็นคนเย็นชาเพื่อที่จะเป็นเกาะป้องกันตัวเองจากสิ่งอันตรายรอบตัว
แต่ใครจะรู้บ้างว่าภายใต้หน้ากากเย็นชาที่ร่างบางสวมอยู่นั้นจะซ่อนความอ่อนแอเอาไว้มากมาย ภายในใจลึกๆแล้วคิมแจจุงคนนี้ก็ต้องการใครสักคนที่สามารถปกป้องเขาได้และพาเขาออกไปจากโลกของความอ้างว้างนี่สักที
“ ผมทำให้แจจุงคิดแบบนั้นเหรอครับ ” คิ้วหนาเลิกขึ้นในขณะที่ถาม
“ ก็เสียงของคุณมันบอกว่าคุณรู้สึกอย่างนั้น ” หลังจากที่วันนี้เกือบทั้งวันที่เขาใช้ชีวิตอยู่กับยุนโฮนั้นร่างบางก็พอจะสังเกตได้ว่าปกติน้ำเสียงของยุนโฮไม่ได้เรียบเฉยขนาดนี้ “ ถ้าคุณอยากคุยเดี๋ยวเราคุยเป็นเพื่อนก็ได้นะ ”
“ ไม่ดีกว่าครับ ดึกแล้วแจจุงไปนอนเถอะ ” ปากหยักระบายยิ้มอ่อนๆ ตกลงคุณเป็นคนยังไงกันแน่นะคิมแจจุงคุณดูเย็นชาแต่ก็ใส่ใจความรู้สึกของคนอื่น ผมชักอยากจะรู้จักคุณให้มากขึ้นแล้วสิ
“ ไม่เป็นไรเราคุยได้จริงๆ ”
“ แต่ผมคุยไม่ได้แล้วครับ ”
“ ทำไมล่ะ ”
ร่างบางหน้าเสียเพราะคิดว่ายุนโฮคงจะโกรธจริงๆ ว่าแต่ทำไมเขาต้องรู้สึกไม่ดีด้วยล่ะหรืออาจจะเป็นเพราะวันนี้ยุนโฮช่วยเขาในหลายๆเรื่องเลยทำให้เขารู้สึกผิด
“ เพราะผมต้องรีบไปอาบน้ำไงครับ แจจุงก็รีบเข้านอนได้แล้วนะพรุ่งนี้จะได้โทรมาปลุกผมไง ” และดูเหมือนยุนโฮจะเดาใจแจจุงออก ชายหนุ่มเลิกแกล้งร่างบางด้วยการปรับโทนเสียงให้กลับมาเป็นปกติอีกครั้งก่อนจะบอกเหตุผลว่าทำไมเขาถึงอยู่คุยด้วยไม่ได้
ร่างบางพยักหน้าเข้าใจ รู้สึกดีขึ้นมาหน่อยที่น้ำเสียงเดิมของยุนโฮกลับมาแล้ว“ อืม...พรุ่งนี้เราจะโทรปลุกตอนเจ็ดโมงนะเช้าไปไหม ” ร่างบางเอ่ยถามพร้อมกับเดินกลับเข้ามาในห้องเพราะด้านนอกลมเริ่มแรงแล้ว
“ เจ็ดโมงเลยเหรอครับ เจ็ดโมงครึ่งไม่ได้เหรอ ” ร่างสูงต่อรอง โหย เจ็ดโมงเช้าเลยเหรอมันเช้าไปไหมอ่ะเรามีเรียนตอนเก้าโมงไม่ใช่เหรอ ขอผมนอนต่ออีกครึ่งชั่วโมงนะ
ร่างบางคำนวนเวลาในใจก่อนจะยอมตกลง“ เจ็ดโมงครึ่ง?......โอเคเจ็ดโมงครึ่งก็ได้ ”
“ ขอบคุณครับ....แจจุงไปนอนเถอะ ฝันดีนะครับ ”
“ อืม... ”
“ อะไรอ่ะแค่อืมเหรอ แจจุงจะไม่บอกฝันดีผมกลับหน่อยเหรอครับ ” เสียงทุ้มโวยวายมาตามสายอะไรอ่ะเขาบอกฝันดีแจจุงก็ต้องบอกเขากลับสิ
ร่างบางอึกอักไม่รู้ว่าจะควรพูดดีหรือเปล่าแต่มันก็ไม่มีอะไรเสียหายนี่นาแค่บอกฝันดี“ เอ่อ...ฝันดีนะ ”
ยุนโฮแทบจะกระโดดตัวลอยที่ร่างบางยอมทำตามคำขอก่อนจะตัดใจวางสายไปจริงๆถึงแม้จะอยากคุยด้วยมากแค่ไหนก็ตามเพราะนี่ก็ดึกมากแล้วไม่อยากให้แจจุงนอนดึกเดี๋ยวไม่สวย
แจจุงวางโทรศัพท์ไว้บนหัวเตียงก่อนจะเอื้อมมือไปปิดโครมไฟแต่ตากลมก็เหลือบไปเห็นเพื่อนร่วมห้องที่ตอนนี้นอนขดจนตัวงอเพราะเจ้าตัวนอนดิ้นจนผ้าห่มลงไปกองอยู่ข้างเตียง ร่างบางส่ายหัวเล็กน้อยก่อนจะเดินไปหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมให้คนที่นอนหนาวอยู่แล้วเดินกลับมาที่เตียงของตัวเอง
แต่ยังไม่ทันที่จะได้ล้มตัวลงนอนเลยด้วยซ้ำเสียงโทรศัพท์เครื่องเดิมก็ดังขึ้นอีกครั้ง นิ้วเรียวกดรับโดยไม่ได้ดูที่หน้าจอว่าชื่อคนโทรเข้าเป็นใครเพราะคิดว่าคงจะเป็นยุนโฮ
“ ว่าไงฮะยุนโฮ”
ปลายสายนิ่งไปสักครู่เมื่อได้ยินเสียงที่ไม่คุ้นเคยก่อนจะดึงโทรศัพท์ออกมาดูว่าตัวเองไม่ได้โทรผิด“เอ่อ...ขอโทษนะครับไม่ทราบว่าใช่เบอร์ของยุนโฮหรือเปล่าครับ ”
แจจุงเองก็ชะงักไปเหมือนกันก่อนจะพบว่าชื่อของคนที่โทรเข้ามานั้นคือยูชอน“ อ่อ...ใช่ฮะ ”
“ แล้วทำไมคุณ.......... ” คิ้วหนาขมวดมุ่นถ้าใช่โทรศัพท์ของเพื่อนรักเขาแล้วทำไมถึงเป็นเสียงของคนอื่นล่ะหรือว่าจะเป็นเพื่อนใหม่ของไอ้หมี
“ พอดียุนโฮฝากโทรศัพท์ไว้กับผมน่ะฮะ ถ้าคุณจะติดต่อคุณยุนโฮต้องโทรเข้าเบอร์ห้องนะฮะ ” ร่างบางรีบบอกก่อนที่อีกคนจะสงสัยไปมากกว่านี้พร้อมทั้งบอกช่องทางที่สามารถติดต่อยุนโฮได้เพราะคิดว่าอีกคนคงจะมีธุระสำคัญ
“ อ่อ เข้าใจแล้วครับ ขอบคุณมากครับ ” ยูชอนตอบรับถึงแม้จะยังคาใจว่าทำไมโทรศัพท์ของยุนโฮถึงได้ไปอยู่กับคนอื่น แล้วยุนโฮสนิทกับคนคนนี้ถึงขนาดไว้ใจฝากโทรศัพท์ไว้ด้วยเชียวหรือ โอ๊ย ทำไมตอนนี้ในหัวของปาร์คถึงเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถามล่ะเนี่ย ชองยุนโฮแกอยูไหนรีบมาไขข้อข้องใจให้ชายปาร์คด่วนๆเลย
...................................................
ร่างสูงที่นอนเหยียดยาวอยู่บนเตียงพลิกตัวไปมาเพื่อพยายามหนีให้ห่างจากเสียงโทรศัพท์ที่ดังลั่น แต่ก็ดูเหมือนว่าจะไม่ได้ผลมือหนาคว้าหมอนอีกใบมาปิดหูทั้งสองข้าง แต่เพราะมันยังดังอย่างต่อเนื่องก็เลยต้องฝืนสังขารตะเกียกตะกายไปคว้าโทรศัพท์เจ้าปัญหาก่อนจะดึงสายโทรศัพท์ออกแล้วนอนต่อ
แต่เหมือนว่าจะมีอะไรดลใจให้นึกขึ้นมาได้ตาเรียวเบิกโพรงพร้อมกับเจ้าตัวที่ดีดตัวลุกขึ้นจากที่นอนทันทีไม่มีอาการงัวเงียเหมือนเมื่อสักครู่เลยสักนิดก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่วางอยู่บนโต๊ะข้างเตียงเจ็ดโมงสี่สิบห้า ! เสียงทุ้มอุทานออกมาด้วยความตกใจ เอาแล้วไงชองยุนโฮแจจุงบอกจะโทรมาปลุกตอนเจ็ดโมงครึ่งนี่หว่าและไม่ต้องเสียเวลาคิดให้ยากว่าเมื่อกี๊ใครโทรมาต้องเป็นแจ จุงแน่นอน
คิดได้แค่นั้นก็รีบคว้าสายโทรศัพท์ขึ้นมาเสียบแล้วกดโทรออกไปยังเบอร์ที่คุ้นเคยทันทีพร้อมกับเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวเดินเข้าห้องน้ำตายๆๆสายแบบนี้แล้วจะไปรับแจจุงทันไหมเนี่ย ถือสายรอไม่นานปลายสายก็กดรับ
“ ฮัลโหล ” เสียงหวานที่ดังมาตามสายเรียกรอยยิ้มต้อนรับยามเช้าจากปากหยักได้ไม่ยาก
“ เมื่อกี้แจจุงโทรมาใช่ไหมครับ ” ถามไปก็ถอดเสื้อผ้าไป ยุนโฮเอียงคอเพื่อใช้หน้าหนีบโทรศัพท์เอาไว้ ส่วนมือก็ถอดกางเกงไปด้วย
“ อืม ...แต่อยู่ดีๆก็เงียบไปคุณตื่นหรือยัง ”
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จแล้วแจจุงก็โทรไปปลุกยุนโฮทันทีแต่โทรไปตั้งหลายครั้งก็ไม่มีวี่แววว่าอีกคนจะรับ แต่พอจะโทรไปอีกครั้งก็ไม่สามารถติดต่อได้แล้วซึ่งแจจุงเองก็สงสัยอยู่เหมือนกัน
“ ครับ เพิ่งตื่นเมื่อกี้เอง ขอโทษทีนะครับที่ไม่ได้รับ” คงจะเป็นเพราะติดนิสัยที่ไม่ชอบให้ใครมารบกวนเวลานอนก็เลยทำให้ร่างกายมันมีปฏิกิริยาอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ เพราะทุกครั้งที่มีคนโทรมาเวลาที่กำลังพักผ่อนอยู่ร่างสูงก็จะจัดการดึงสายโทรศัพท์ทิ้งทันที ดีนะที่ยังนึกขึ้นมาได้ว่าวันนี้แจจุงจะโทรมาปลุก
“ ไม่เป็นไร งั้นคุณไปอาบน้ำเถอะเดี๋ยวสาย ”
“ แล้วนี่แจจุงแต่งตัวเสร็จหรือยังครับ ” เอ่ยถามไปในใจก็ภาวนาขอให้แจจุงยังไม่ได้อาบน้ำแต่งตัวเขาจะได้ยังพอมีเวลาเหลือที่จะไปรับแจจุงทัน
“ เรียบร้อยแล้วเรากำลังจะออกไปมหาวิทยาลัยแล้ว ” ร่างบางบอกพร้อมกับสะกิดร่างสูงอีกคนที่ยังนอนคลุมโปรงอยู่บนเตียง “ ท็อป ตื่นได้แล้ว”
“ อืม...วันนี้ฉันมีเรียนบ่ายขอนอนต่ออีกสักนิดนะ ” สูงอู้อี้ตอบกลับมาเพราะอยู่ในผ้าห่มก่อนที่ก้อนกลมๆบนที่นอนจะขยับยุกยิกเพราะคนที่อยู่ด้านล่างพลิกตัว
“ ไหนบอกว่าวันนี้จะไปเดินดูตึกไง ”
“ อืม....เดี๋ยวค่อยไป ”
แจจุงส่ายหน้าให้กับความขี้เซาของรูมเมทก่อนจะเดินไปเช็คกระเป๋าสะพายของตนเองที่วางอยู่บนเตียงว่าไม่ได้ลืมอะไร
แต่อีกคนที่อยู่ในสายนี่สิกำลังหน้านิ่วคิ้วขมวดสุดๆเพราะกำลังสงสัยว่าเมื่อกี้แจจุงคุยกับใคร นี่แจจุงต้องปลุกคนอื่นนอกจากเขาด้วยเหรอแถมปลุกถึงเตียงด้วย โอ๊ย ชองยุนโฮอิจฉาอยากให้แจ จุงมาปลุกถึงเตียงบ้างอ่ะ
“ เมื่อกี๊แจจุงคุยกับใครเหรอครับ ” ถึงแม้จะรู้ว่าถามออกไปแบบนั้นมันเสียมารยาทแต่ยุนโฮก็จะถามก็คนมันอยากรู้นี่นา
“ อ่อ ท็อปน่ะเขาเป็นรูมเมทเรา ” ร่างบางบอกตามจริง
แต่คนที่ได้ฟังนั้นกำลังกรีดร้องในใจด้วยความอิจฉา อ๊าก เป็นรูมเมทก็ต้องได้นอนห้องเดียวกันกับแจจุงน่ะสิอิจฉาๆยุนโฮอยากนอนห้องเดียวกันกับแจจุงบ้างอะไรบ้างย้ายเข้าไปอยู่หอในตอนนี้ทันไหมครับท่านผู้ชม
“ เหรอครับ.... ” เสียงทุ้มเอ่ยเรียบๆถึงแม้ว่าตอนนี้จะหน้าบึ้งนิดๆด้วยความอิจฉาก็เถอะ
“ อืม...ยุนโฮถามทำไมเหรอ ”
“ เปล่าครับผมแค่สงสัยเฉยๆนึกว่าแจจุงนอนคนเดียวซะอีก ”
“ อ่อ ”
“ เดี๋ยวผมไปอาบน้ำก่อนนะจุงอย่าพึ่งออกจากหอนะครับ ” ตาเรียวหันไปมองนาฬิกาก็พบว่าตอนนี้มันใกล้จะแปดโมงแล้วร่างสูงจำใจต้องวางสายเพราะถ้าขืนคุยนานกว่านี้มีหวังแจจุงไปเรียนก่อนแน่เลย
“ ทำไมเหรอ ” คิ้วเรียวเลิกขึ้นขณะถาม ด้วยความไม่เข้าใจ
“ เดี๋ยวผมจะไปรับแจจุงไงครับ ”
“ ไม่เป็นไรเราไปเองได้ ยุนโฮรีบไปอาบเถอะเดี๋ยวสายนะ ” ตากลมก้มมองดูเวลาที่ข้อมือก่อนจะปฏิเสธออกไป
คงไม่ทันแล้วล่ะเพราะกว่ายุนโฮจะมาถึงก็คงจะใกล้เวลาเข้าเรียนแล้วและอีกอย่างแจจุงก็เกรงใจยุนโฮด้วยเพราะหอพักของยุนโฮกับของแจจุงนั้นอยู่คนละทิศละทางเลย
“ แต่ว่า... ”
“ เอาเป็นว่าเจอกันที่ห้องเลยนะ ” ร่างบางรีบสรุปเมื่ออีกคนกำลังจะแย้ง
ได้ยินอย่างนั้นร่างสูงก็ไม่กล้าเอ่ยปากแย้งเพราะเกรงว่าถ้าหากเอาแต่ใจเกินไปมันอาจจะทำให้ร่างบางรำคาญ
“ โอเคครับ งั้นเจอกันที่มหาวิทยาลัยนะ ”
“ อืม ” ร่างบางตอบรับในลำคอขณะกำลังปิดประตูห้องแต่ก็ฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้เสียงหวานเอ่ยเรียกก่อนที่อีกคนจะวางสายไป “ จริงสิยุนโฮ ”
“ ครับ ” จากที่กำลังเซ็งเพราะคนสวยไม่ยอมให้ไปรับก็กลับยิ้มกว้างขึ้นมาทันทีเพราะคิดว่าร่างบางยอมเปลี่ยนใจ “ แจจุงเปลี่ยนใจให้ผมไปรับแล้วเหรอ ”
“ เปล่า เราจะบอกว่าเมื่อคืนคนชื่อยูชอนโทรมาน่ะ ”
ร่างสูงคอตกทันทีที่รู้ว่าที่จริงแล้วร่างบางจะบอกอะไร โธ่ แจจุงผมก็หลงดีใจนึกว่าแจจุงจะเปลี่ยนใจแล้วซะอีกที่แท้ก็เรื่องไอ้ปาร์คนี่เอง
“ ครับ เมื่อคืนมันโทรหาผมแล้ว ” บอกด้วยน้ำเสียงเซ็งๆก่อนปากหน้าจะยกยิ้มขึ้นมานิดหน่อยเมื่อนึกถึงเพื่อนรัก
เมื่อคืนยูชอนโทรมาหาเขาตอนดึกๆพอรับสายยังไม่ทันจะได้พูดอะไรเลยคุณชายปาร์คก็รัวคำถามใส่เป็นชุดว่าแจจุงเป็นใคร ทำไมโทรศัพท์เขาถึงไปอยู่กับแจจุงได้แต่พอเจอคำตอบที่ยุนโฮสวนกลับไปเพียงประโยคเดียวเท่านั้นแหละยูชอนถึงกับเงียบเสียงเลยทีเดียว ก่อนจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา
“ แจจุงก็ว่าที่แฟนฉันไง”
“แกชอบผู้ชายเหรอ? ”
“ อืม...แต่เป็นผู้ชายที่สวยยิ่งกว่าผู้หญิง แกรับได้ใช่ไหมปาร์ค ”
ยูชอนระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอีกรอบเมื่อได้ยินคำถามที่เต็มไปด้วยน้ำเสียงกังวลของเพื่อนรัก เป็นเพื่อนกันมากี่ปีทำไมเรื่องแค่นี้เขาจะรับไม่ได้แล้วอีกอย่างเขาก็กำลังตกอยู่ในอาการเดียวกับยุนโฮเหมือนกัน
“ ทำไมจะรับไม่ได้วะ ตอนนี้ฉันก็ไม่ต่างอะไรกับแกหรอชองเพื่อนรัก ”
__________________________________________
ช้าง ช้าง ช้าง น้องเคยเห็นช้างหรือเปล่า อร๊าย ย ย วันนี้เพ้อร้องเพลงช้างทั้งวันเลย ไม่ไหว
แล้วกับผู้ชายคนนี้คิมแจจุงจะน่ารักไปไหนค่ะ ยิ้มแต่ละทีแทบจะลงไปนอนกองกับพื้น อันตรายจริงๆ
ค่ะรอยยิ้มของคิมแจจุง อันที่จริงก็อันตรายหมดทุกคนแหละค่ะรอยยิ้มแต่ละคนแทบฆ่ากันตายได้
เลย แต่ก็ชอบนะเวลาเห็นพี่ๆยิ้มดีกว่าเวลาพี่เศร้าเป็นไหนๆ
เมื่อวานเป็นอะไรที่ประทับใจมากค่ะสามหนุ่มเยี่ยมแคสเองก็เยี่ยมเช่นกัน ทะเลเพลิงยังคงงด
งามเสมอ โปรเจ็คสวยมากๆค่ะดีใจที่ตัวเองได้เป็นส่วหนึ่งในนั้น ตั้งแต่วินาทีแรกที่เห็นพี่ชายทั้ง
สามคนบนเวที น้ำตาไหลค่ะกว่าหนึ่งปีที่ไม่ได้เจอกันมันคิดถึงมากจริงๆ น้ำตาไหลตั้งแต่เพลงแรก
จนถึงเพลงสุดท้าย แต่ไม่ได้ถึงขนาดกับสะอึกสะอื้นพยายามมองและเก็บรายละเอียดให้ได้เยอะที่
สุดไม่ได้ถ่ายรูปไม่ได้อะไรแต่ใช้ความรู้สึกเก็บภาพความประทับใจเหล่านั้นเอาไว้(อีกอย่างกลัวพี่
การ์ดด้วยT_T)
สนุกมากจริงๆค่ะ แต่ในความสนุกนั้นมันก็มีภาพของอีกสองคนเข้ามาในสมอง แล้วก็รู้สึกว่าเมื่อ
วานจะมีการโบ้ยให้อีกคนตอบคำถามบ่อยมาก มันก็เลยอดที่จะคิดไม่ได้ว่าถ้ายุนโฮอยู่ด้วยก็คงจะดี
เพราะยุนโฮคงจะเป็นคนตอบคำถามเองหรือไม่ก็จะเป็นคนปูทางเอาไว้แล้วให้น้องๆช่วยเสริม ถ้ามี
ชางมินอยู่ด้วยก็คงจะดีเวทีมันคงจะไม่กว้างขนาดนี้ เพราะถ้าเป็นแบบนั้นการแสดงในวันนี้บนเวทีคง
จะยอดเยี่ยมมากๆ ไม่ใช่ว่าพี่ทั้งสามคนทำได้ไม่ดีนะค่ะพี่ทั้งสามทำได้ดีมากๆแต่ไรเตอร์รู้สึกว่าการ
แสดงของทงบังชินกิจะยอดเยี่ยมที่สุดเมื่อบนเวทีนั้นมีอยู่ห้าคน
เมื่อวานได้ความรู้สึกหลากหลายจริงๆค่ะ ยิ่งตอนงานเลิกคำถามแรกเลยที่ผุดขึ้นมาในหัว " เรา
จะได้เจอกันอีกเมื่อไหร่ " แต่ไรเตอร์เชื่อว่ามันต้องมีสักวันที่เราจะได้เจอกันอีกเพราะแจจุงสัญญา
แล้วนี่นาว่าจะกลับมาร้องเพลงช้างจนจบเพลงให้พวกเราฟัง แล้วจะรอวันนั้นนะค่ะ
สุดท้ายมีสามอย่างที่อยากจะบอก
ดีใจ ที่หลังจากรอคอยมากว่าหนึ่งปีเราก็ได้เจอกันอีกครั้ง ถึงมันจะเป็นการรอคอยที่นานไป
หน่อยแต่ก็เป็นการรอคอยที่คุ้มค่า
เสียใจ ที่เราได้เจอกันมันน้อยเกินไป ใครจะว่าโลภก็ได้แต่ถ้าเป็นไปได้อยากให้มีเวลาที่เราได้
ใช้ร่วมกันกับพี่ๆนานกว่านี้อีกหน่อย
เสียดาย ที่บนเวทีวันนั้นไม่มี ชอง ยุนโฮและชิมชางมิน ยืนอยู่บนนั้นด้วยบอกตามตรงมันไม่คุ้น
ตาเอาเสียเลยที่เห็นบนเวทีมีแค่สามคน
แต่ไม่ว่าอย่างไรก็จะสนับสนุนพี่ๆตลอดไปไม่ว่าอนาคตข้างหน้าจะเป็นอย่างไรเพราะในความ
ทรงจำของผู้หญิงคนนี้ ชองยุนโฮ คิมแจจุง ปาร์คยูชอน คิมจุนซู ชิมชางมิน ก็คือสมาชิกของวง
ทงบังชินกิตลอดไป
ป.ล.1 ขอบ่นนิดๆ เมื่อวานป้ายุ่นเยอะมาก ก ก ก
ไรเตอร์นั่งบัตร4500 ซึ่งรายล้อมไปด้วยป้ายุ่นทุกด้านไม่ว่าจะเป็นด้านหน้าด้านข้างด้านหลังมี
หมดสงสัยว่าจะมีแค่มีไรเตอร์กับพี่ชายแล้วก็น้องผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งข้างไรเตอร์เป็นคนไทยหรือถ้า
จะมีก็น่าจะถัดไปเยอะพอสมควรถึงจะเจอคนไทยด้วยกัน ป้ายุ่นแกเยอะจนขนาดที่ว่าพี่ชายไรเตอร์
บอกว่า " ถ้าเมื่อเช้าไม่เห็นหน้าแม่คงคิดว่าตัวเองยังไม่กลับจากยุ่น "
ป.ล. 2 เมื่อวานได้น้องสาวกลับมาด้วย อิอิ
เป็นน้องที่นั่งข้างๆกันน้องเขามาคนเดียวและเป็นการเจอพี่ๆครั้งแรกไม่รู้จักใครเลย น้องเขาน้อง
ไห้หนักมากๆไรเตอร์ไรเตอร์ก็เลยกอดปลอบ น้องเขาบอกว่าน้องเขาพึ่งเคยเจอพี่ๆตัวเป็นๆครั้งแรก
ความรู้สึกเดียวกันเลยอ่ะตอนที่เจอเทพครั้งแรกไรเตอร์ก็งี้แหละ 555
พอแล้วดีกว่าเพราะรู้สึกว่ามันจะเยอะเกินไปแล้วเดี๋ยวมันจะเยอะกว่าเนื้อหา สำหรับคนที่ไม่ได้ไป
เอาไว้โอกาสหน้าเราไปสนุกด้วยกันนะค่ะ ^^
ความคิดเห็น