ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พ่ายรัก [ChanBaek] [NC 18+]

    ลำดับตอนที่ #12 : ปัญหาใหญ่

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.78K
      40
      5 เม.ย. 57

     




                เมื่อทานข้าวเสร็จ ชานยอลก็พาเจ้าเด็กจอมยุ่งไปอาบน้ำ เล่านิทานให้ฟัง ก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด.. ตอนที่พวกเขาทานข้าว ชานยอลก็ทานอย่างไม่สบอารมณ์ เพราะต้องทนฟังการถกเถียงประชดประชันระหว่างเด็กกับผู้ใหญ่เป็นระยะๆ.. เห็นแล้ว เขาก็เหนื่อยแทน เมื่อไม่มีใครยอมใครเลย... ห้ามปรามเท่าไหร่ก็ไม่มีใครฟัง

     

     

    จุนกิก็เหลือเกิน ไม่ยอมก้มหัวเคารพแบคฮยอนง่ายๆ ส่วนแบคฮยอนก็ใช่ย่อย พูดจาถากถางกลับได้อย่างเจ็บแสบ เอาจนหลานชายของเขากำมือแน่นเพราะความโกรธ

     

     

                แต่ก็ยังดีที่จุนกิไม่ขว้างของ โวยวายใส่เหมือนพี่เลี้ยงหลายคนก่อนๆ.... ดูแล้วเป็นคู่หมวยที่เหมาะสมกันดี... บ๊อกชิลที่ยืนรับใช้อยู่ข้างๆ ก็พลอยเหนื่อยใจไปด้วย แต่เธอก็แอบเข้าข้างแบคฮยอน เพราะเห็นว่าแบคฮยอนพูดจาตอกกลับแบบที่จุนกิตั้งตัวรับไม่ทัน เลยทำให้เธอหัวเราะเบาๆอย่างสะใจ

     

     

                ให้มันได้อย่างงี้สิ!!... จากที่มีปัญหาในบ้านอยู่แล้ว พอแบคฮยอนมาอาศัยร่วมด้วย ก็เหมือนจะเป็นการเพิ่มปัญหาหนักชึ้นกว่าเก่า... ยิ่งทำให้ชานยอลต้องรียแก้ไขด่วน

     

     

    ที่ยุนอารับห่างกับเขาไปสักพัก ก็เพราะจุนกิเป็นต้นเหตุหลัก... เมื่อเธอมาหาเขาที่บ้านแค่ไม่กี่ก้าว ก็ถูกจุนกิแกล้ง เอากบตัวสีเขียวๆมาโยนใส่ จนเธอต้องวิ่งหนีตื่นเเบบไม่คิดชีวิตพราะความกลัว และไม่กล้ามาเหยียบบ้านหลังนี้อีกเลย

     

     

     

     

                “ก๊อกๆ”  เสียงเคาะประตูดังขึ้น ทำให้ร่างบางขยับตัวเดินมาเปิดประตูให้กับเขา

     

     

                “คุณมีอะไรกับผมหรือเปล่าครับ”  แบคฮยอนถาม

     

     

                “ก็มีธุระกับคุณนิดหน่อย...ขอเข้าไปหน่อยได้ไหม”

     

     

                “ได้สิครับ นี่มันบ้านคุณ...” แบคฮยอนพูดแล้วเดินเข้ามาที่ห้อง ก่อนจะเอ่ยถามเขากลับ “มีธุระอะไรเหรอครับ”

     

     

                “ผมจะพูดถึงหลานชายผมนะครับ... คือผมต้องขอโทษแทนหลานผมที่ทำกิริยาท่าทางไม่ดีกับคุณ”

     

     

                “คุณไม่ต้องขอโทษหรอก ผมไม่ถือสา... แกยังเด็ก... แต่ถ้าเราสอนแกดีๆ แกก็จะซึมซับความดีจากเรา เพราะเด็กก็เหมือนผ้าขาวอย่างที่เขาพูดกันไว้ ถ้าเราป้ายสีอะไรใส่ ก็จะเป็นแบบนั้น”

     

     

                “นี่แหละครับธุระของผม... คือผมอยากให้คุณลองสอนหลานผมให้เป็นเด็กดี เหมือนกับเด็กคนอื่นๆบ้าง..  ตอนนี้จุนกิปิดเทอม ผมอยากให้คุณสอนภาษาเกาหลี สอนเลข อะไรแบบนี้ครับ”

     

     

                “เรื่องสอนก็สอนได้นะครับ... แต่ว่าหลานคุณเกลียดขี้หน้าผมมาก... กลัวว่าบางทีไม่ผมก็หลานคุณ จะอดทนกันไม่ไหว” แบคฮยอนมีสีหน้าที่หนักใจ

     

               

    “ผมรู้.. แต่ผมเชื่อว่าสักวันคุณต้องทำให้จุนกิเชื่อฟังคุณได้... หลานผมน่ะ ชอบทะเลาะเก็บเด็กนักเรียนในห้องเดียวกันเกือบทุกวัน... แล้วคุณครูที่โรงเรียนก็เรียกผู้ปกครองไปพบแทบจะทุกวันเหมือนกัน... จุนกิถูกย้ายโรงเรียนจนผมนับไม่ได้แล้ว... ซึ่งก็เป็นปัญหาสำคัญของผมมากตอนนี้.. ผมเองไม่ค่อยมีเวลาให้เขาด้วย งานล้นมือเลย”

     

     

    “ใช่ คุณไม่มีเวลาให้กับหลานคุณจริงๆ... เพราะเมื่อก่อนก็เห็นไปเที่ยวแต่บาร์ของเพื่อนคุณทุกวัน ผมไม่แปลกใจเลย ทำไมจุนกิถึงเป็นเด็กมีปัญหา”

     

     

    แบคฮยอนประชด เมื่อเขาใช้เวลากับการเที่ยวมากจนเกินไปจริงๆ

     

     

    “ผมออกไปเที่ยวก็ตอนที่หลานผมหลับไปแล้ว... วันว่างๆ ผมเองก็ให้เวลากับจุนกิเหมือนกันนะ”

     

     

    “แต่เพราะสาเหตุอะไรล่ะ ที่ทำให้หลานคุณเป็นแบบนั้น คุณช่วยอธิบายให้ผมฟังได้ไหม”... แบคฮยอนถามด้วยความอยากรู้

     

     

    “คือจุนกิป็นเด็กขาดความอบอุ่นจากครอบครัวครับ... พ่อแม่ของริวจิ ซึ่งเป็นพี่ชายและก็พี่สะไภ้ของผมเอง พวกเขาเสียชิวิตจากอุบัติเหตุตั้งแต่ตอนที่ผมยังเรียนอยู่ต่างประเทศ... พอผมกลับมาก็ไม่ค่อยมีเวลาให้เขาอีก เพราะต้องทำงานหลังจากพ่อแม่ พี่ชาย พี่สาว ของผมเสียไปจนหมด.. มันเลยทำให้จุนกิป็นคนขาดความอุ่น.. งานวันพ่อ หรืองานวันแม่ จะมีแต่เพื่อนๆล้อจุนกิว่าเป็นเด็กกำพร้า มันเลยกลายเป็นปมด้อยของเขา...  เขาโกรธมาก เวลาที่เพื่อนๆล้อแบบนั้น แล้วก็มีเรื่องตามมาหลังจากนั้นด้วยทุกครั้ง” เขาเล่าทุกอย่างที่เกิดขึ้น แบคฮยอนนิ่งฟังน้ำเสียงๆเศร้าอย่างเห็นใจ เขาเองก็เข้มแข็งเหมือนกัน ที่ผ่านเวลานั้นมาได้

     

    “ผมเข้าใจแล้ว.. เอาเป็นว่าผมจะช่วยคุณก็แล้วกัน... ถ้าหลานคุณดื้อมากจนทำให้ผมตี คงไม่ว่ากันนะครับ”

     

     

    “ก็แล้วแต่คุณเถอะครับ...  ถ้าคุณตีจุนกิ ก็หมายความว่าจุนกินั้นทำผิดจริงๆ.. ผมเชื่อว่าหลานผมต้องเชื่อฟังคุณแน่นอน”

     

    .

    .

     

     

    เช้าของวันต่อมา

     

     

    ชานยอลแต่งตัวอยู่ชุดสูทราคาแพงหลักล้าน เดินลงมาทานข้าวที่ห้องทานข้าว โดยที่บ๊อกชิลกำลังจัดแจงโต๊ะ และวางอาหารหลากหลายเมนู น่าทานทั้งนั้น

     

     

    แบคฮยอนและจุนกิตื่นมานั่งรอทานข้าวแล้ว ชานยอลรู้สึกแปลกใจอยู่ไม่น้อย ที่เห็นหลานชายตื่นตั้งแต่เช้า ปกติในช่วงท้ายอาทิตย์ หรือในช่วงปิดเทอม จุนกิมักจะตื่นสายตลอด เพราะเล่นเกมจนดึก

     

     

    แต่วันนี้มาแปลก... จุนกิมานั่งรอทานข้าวกับสมาชิกคนใหม่ของบ้าน... หากเมื่อสังเกตดูนัยย์ตาของจุนกิดีๆแล้ว เหมือนว่าเจ้าตัวกำลังมีแผนการอะไรร้ายๆบางอย่าง จนชานยอลชักหวั่นๆขึ้นมา... ไม่รู้แบคฮยอนจะรับมือเจ้าหลานชายตัวแสบได้หรือเปล่า รวมทั้งตัวเขาด้วย

     

     

                “เป็นเด็กดีนะเรา ตื่นแต่เช้าเชียว”

     

     

                “ครับ แค่อยากตื่นมาต้อนรับสมาชิกคนใหม่ในบ้านครับ”

     

     

                จุนกิตอบอย่างมีเลศนัย แบคฮยอนลอบมองเจ้าตัวเล็กเป็นระยะๆ รู้สึกได้ว่าคงต้องโดนแกล้งอย่างแน่นอน แต่ยังไงแบคฮยอนก็เตรียมตัวตั้งท่ารับแผนการกลั่นแกล้งของเจ้าตัวไว้ก่อนหน้านี้

     

     

                “มาทานข้าวกันดีกว่านะ ตอนนี้อาเริ่มหิวแล้วล่ะ”

     

     

                ชานยอลชักชวน ขณะที่เขากำลังหย่อนกายลงนั่งเก้าอี้บนหัวโต๊ะ.... แต่พอเขานั่งลงไม่กี่อึดใจ

     

     

                “ตุบ”

     

     

                กบตัวสีเขียวๆก็กระโดดออกจากมือเล็กๆของจุนกิ คนที่เหลือถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ ก่อนจะมีเสียงอุทานดังขึ้น

     

     

                “เฮ้ย!!

     

     

          ชานยอลถึงกับกระโดดออกจากเก้าอี้ทันที เมื่อเห็นว่ากบตัวนั้นกำลังกระโดดมาทางเขา... เขากลัวมันยิ่งกับอะไรดี

     

     

                “จุนกิ ใครใช้ให้กบเอาเข้ามาบ้านเนี่ย เอาออกไปเดี๋ยวนี้เลยนะ!!!” เขาตวาดด้วยเสียงกลัวๆ ขยะแขยงสัตว์พวกนั้นที่สุด

               

     

    แบคฮยอนที่พอตั้งสติก็เลื่อนมือไปจับกบเจ้าปัญหาตัวนั้น ไม่ปล่อยให้มันกระโดดไปไหนได้ จุนกิถึงกับทำหน้าเออ เมื่อเห็นว่าแผนของตนไม่สำเร็จ

     

     

                “เก่งนักใช่ไหม ได้ เตรียมเจอไม้ตายได้เลย!!

     

     

                จุนกิหยิบขวดน้ำที่ขังแมลงสาปไว้เป็นสิบๆตัว กำลังดิ้นชักเพราะขาดอากาศหายใจ โยนมันลงต่อหน้าแบคฮยอนหลังจากที่ประกาศเสียงดัง... ทว่าเจ้าของร่างบางกลับนิ่งเฉย ก่อนจะใช้มือที่เหลืออีกข้างเลื่อนไปหยิบขวดน้ำขึ้นมา แล้วหันหน้าไปจ้องมองจุนกิเขม่ง

     


                “รู้ไหม ทำแบบนี้มันบาปมากเลยนะ ถ้ามีคนเอาเธอมาขังไว้แบบนี้ เธอจะชอบเหรอ เธอน่ะ เป็นเด็กที่ใจร้ายที่สุดเลย....” แบคฮยอนต่อว่าเสียงเขียว จุนกิถึงกับอึ้งพูดไม่ออก

     

     

                “แบคฮยอน คุณเอามันไปปล่อยไกลๆได้ไหม” ชานยอลสั่งด้วยสีหน้าขอร้อง ในขณะที่เขาถ่อยห่างออกจากโต๊ะไปหลายเมตร

     

     

                “ครับ ผมจะเอาไปปล่อยเดี๋ยวนี้แหละ”

     

     

    แบคฮยอนถือขวดที่ขังแมลงสาปไว้ข้างใน พร้อมทั้งจับกบอีกตัว เดินออกไปปล่อยข้างนอกบ้านตามที่ร่างสูงสั่ง สร้างความตะลึงให้กับคนที่เหลือเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกับจุนกิ

     


    ชานยอลหันหน้ากลับไปตำหนิหลานชายหลังจากที่แบคฮยอนหายออกไป เป็นเชิงการบอกว่า ไม่พอใจกับการกระทำนั้น ก่อนจะเดินผละออกจากตรงบริเวณนั้นไป ชานยอลไม่มีอารมณ์จะนั่งทานอะไรลงหรอก เพราะเห็นภาพกบกับแมลงสาปไต่ยั่วเยี้ยในขวด เขาก็นึกขยะแขยงเต็มทน

     

     


    แบคฮยอนเดินออกไปปล่อยสัตว์พวกนั้นที่ไกลๆจากในรั้วบ้านพอสมควร แล้วเดินกลับเข้ามาข้างในที่เดิม ซึ่งเป็นจังหวะที่ชานยอลกำลังจะเดินไปโรงรถอยู่พอดี

     

     

    “คุณเอาพวกมันไปพ้นๆบ้านผมแล้วใช่ไหม”  เขาถามเพื่อความแน่ใจ ยังรู้สึกกลัวสัตว์พวกนั้นไม่หาย

     

     

    “ครับ  ผมเอาไปปล่อยไว้ที่ไกลๆแล้ว มันคงไม่เข้ามาบ้านของคุณแล้วล่ะ ถ้าหลานคุณไม่พิเรนไปจับมันมาอีก” ร่างบางตอบ  ชานยอลโล่งอกขึ้นเป็นกอง

     

     

    “คุณรู้ไหม คุณน่าทึ่งมากเลยนะ ไม่กลัวสัตว์พวกนั้นเลย แถมยังเอาหลานผมซะอยู่หมัด” เขากล่าวอย่างชื่นชม

     

     “ก็ผมเคยขายของที่ตลาดมาก่อน ผมเห็นสัตว์พวกนั้นจนชินตา ก็เลยไม่รู้สึกกลัวอะไร”

     

     

    “หลานผมนี่ นับวันก็ยิ่งก้าวร้าวกับคุณมากขึ้นเรื่อยๆ  รู้สึกว่าเขาจะตั้งแง่กับคุณอยู่ตลอดเวลา  ผมเห็นแล้วก็เหนื่อยแทน ไม่รู้จะทำไงดี”  ชานยอลถอนใจเหนื่อยๆ

     

     

    “ผมเข้าใจหลานคุณนะครับ  จุนกิคงกลัวว่าผมจะแย่งความรักไปจากคุณ แกก็เลยคิดหาวิธีแกล้งผมเป็นธรรมดา”  แบคฮยอนชี้แจง

     

     

    “ครับ... แล้ว.. คุณไม่ลองคิดจะแย่งความรักของผมไปจากจุนกิบ้างเหรอ” เขาเปลี่ยนประเด็นใหม่ถาม พลางตีหน้ายิ้มๆ เหมือนจะล้อ

     

     

    แบคฮยอนกลับทำสีหน้าบึ้งตึงใส่

     

     

    “ไม่หรอกครับ ผมไม่ใช่คนใจร้ายอย่างนั้นสักหน่อย... คุณรีบๆ ไปทำงานเถอะ เดี๋ยวจะไปสาย รถยิ่งติดด้วย”

     

     

    แบคฮยอนออกปากไล่ ไม่อยากทนดูสายตาเจ้าเล่ห์ของเขาที่จ้องมองมา

     

     

    ชานยอลยิ้มที่มุมปาก เมื่อฟังคำพูดเขินอายของคนตัวเล็ก

     

     

    “ครับ ผมไปก่อนนะ บาย”

     

     

     

    ....



    คอมเม้นท์แล้วแต่กรุณาเถอะครับ ฝากด้วย

     

     

      

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×