ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic Exo] พ่ายรัก [ChanBaek] [NC 18+]

    ลำดับตอนที่ #16 : เที่ยว

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 7.18K
      23
      9 เม.ย. 57




                “ก๊อกๆ”

     

     

    เสียงเคาะประตูดังขึ้นสองสามครั้ง จุนกิที่กอดแบคฮยอนไว้แน่นๆ ก็คลายตัวออกเบาๆ ก่อนจะผินหน้าไปมองต้นเสียง

     

     

    พลันสายตาของเด็กชายก็เห็นชายหนุ่มร่างสูงเกินคนทั่วไป ค่อยๆเดินเข้ามายังห้องนอน หลังจากที่ไขประตูเข้ามาแล้ว ซึ่งก็เป็นอาชานยอลนั่นเอง

     

     

    เด็กชายรู้ดีว่าเขาเข้ามาเพราะจุดประสงค์อะไร จึงโพล่งขึ้น

     

     

    “คุณอาจะเข้ามาไล่ผมอีกใช่ไหมครับ... ผมไปแน่ คุณอาไม่ต้องห่วงหรอก” จุนกิแน่ใจว่าอาชานยอลคงคิดแบบนั้นอยู่ เด็กชายจึงเดินไปหยิบเสื้อผ้ายัดใส่กระเป๋าทันที

     

     

    “ไม่ใช่สักหน่อย”

     

     

    เขาตอบ จุนกิจึงชะงักมือ แล้วหันหน้าไปหาอาชานยอลแทน

     

     

    “ไม่ใช่ แล้วคุณอาเข้ามาทำไมครับ คุณอาคิดว่าผมเป็นคนเอากบเข้ามาบ้านไม่ใช่เหรอ”

     

     

    “เรื่องทั้งหมด อาเข้าใจผิด อาต้องขอโทษเราด้วยนะ” เขาพูดออกมาในที่สุด

     

     

    “แปลว่า เรื่องทั้งหมดคุณรู้เหรอครับ ว่ากบมันมาได้ยังไง”  แบคฮยอนเป็นคนถามขึ้นต่อ 

     

     

    “ครับ... ผมลองไปถามคนในบ้านหมดทุกคนแล้วครับ แล้วก็ได้คำตอบทั้งหมด”

     

     

    “ยังไงหรอครับ”

     

     

    “คือ บ๊อกชิลซื้อกบมาทำเป็นอาหารกิน แต่ว่ากบมันกระโดดหนีออกมาก่อน” เขาอธิบายสาเหตุที่แท้จริง ก่อนจะพูดต่อ “นี่ไม่รู้กินเข้าไปได้ยังไง น่าขยะแขยงจะตาย ผมไม่นึกเลยว่าคนใช้ในบ้านจะกินกบเป็นอาหาร”

     

     

    เขาทำหน้าสะอิดสะเอียนเต็มทน  แบคฮยอนก็เผลอหลุดขันออกมาเบาๆ เขาแพ้ภัยตัวเองแท้ๆ เป็นถึงนักธุรกิจใหญ่ ก็น่าจะคิดให้ดีๆและรอบคอบ ไม่ควรจะตัดสินใจใครก่อน เขาควรจะหาเหตุผลที่แท้จริงแล้วจึงตัดสินว่าใครผิด

     

     

    ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าว ชานยอลก็ดุคนใช้อย่างหัวเสียอยู่นานพอสมควร บ้านเขาก็ถือว่ารวย มีฐานะ และมีเงินให้ซื้อของสดๆ ราคาแพงๆมาทำอาหารทานทุกวัน แต่นี่ คนใช้พวกนั้นกลับซื้อกบมาทำเป็นอาหารมื้อเย็นกินแทน

     

     

    “นี่คุณ คนเคยอยู่ต่างจังหวัด หรือตามท้องไร่ท้องนา เขาก็ทำกินเป็นเรื่องธรรมดาแหละคุณ... อะไรที่คุณคิดว่ากินไม่ได้ แต่ว่าบางที มันอาจจะเป็นอาหารจานเด็ดของพวกเขาก็ได้นะครับ” แบคฮยอนชี้แจง

     

     

    “แต่นี้ก็เกินไป ทั้งๆที่ก็รู้ว่าผมกลัวกบ ก็ยังจะเอาเข้าบ้านอีก... เฮ้อ~~.... จุนกิ ยังไงอาก็ต้องขอโทษเราอีกทีนะ ที่ไม่ยอมเชื่อเราเลย” เขาหันไปพูดกับหลานชายด้วยเสียงที่อ่อนลง

     

     

    จุนกิจึงค่อยๆยิ้มที่มุมปากบางๆ ก่อนจะเอ่ยออกไป

     

     

    “ไม่เป็นไรครับ ใครๆเขาก็คงจะคิดกันแบบนั้นแหละ เพราะผมเคยเอามันเข้ามาแกล้งพี่แบคฮยอนก่อนนี่ครับ... แต่เห็นคุณอาเชื่อผม ผมก็ดีใจแล้ว”

     

     

    จุนกิกล่าว ไม่คิดจะโกรธอาตัวเองเลยสักครั้ง ชานยอลก้มตัวลงไปกอดหลานชายไว้ พร้อมกับยกมือขึ้นลูบศรีษะอย่างรักใคร่

     

     

    แบคฮยอนเห็นภาพดังกล่าว ก็อดยิ้มร่วมด้วยไม่ได้ ความรักของพวกเขา มันช่างอบอุ่นเหลือเกิน

     

     

    ซึ่งขณะเดียวกัน พลันดวงตาของชานยอลก็เหลือบไปมองเห็นผ้าพันแผลตรงนิ้วมือเรียวเล็กของเด็กชาย.. เลยทำให้คิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันอย่างสงสัย

     

     

    “มือไปโดนอะไรมา จุนกิ” เขาถามด้วยความเป็นห่วง

     

     

    “แผลเนี่ยนะเหรอครับ พอดี ผมทุบกระปุก แล้วมันบาดมือเข้าให้”

     

     

    “เจ็บหรือเปล่า” 

     

     

    “ไม่ครับ เพราะมีพี่แบคฮยอนช่วยทำแผลให้ ผมไม่เจ็บแล้ว”

     

     

    “อานี่ ไม่ได้เรื่องจริงๆเลย ปล่อยให้เราต้องเจ็บตัว ทีหลังอาจะรับฟังเราให้มากๆ ไม่เอาอารมณ์ของอาเองมาตัดสินปัญหา”

     

     

    “ครับ”

     

     

    “เอางี้ไหม วันอาทิตย์นี้อาว่าง อาจะพาเราไปเที่ยว” ชานยอลเสนอขึ้น

     

     

    “จริงเหรอครับ” จุนกิตาลุกวาว เพราะไม่มีโอกาสได้ไปเที่ยวกับอาชานยอลมานานแล้ว เพราะเขามัวแต่วุ่นอยู่กับงานทุกวัน เห็นเขาชวนแบบนี้ ก็ดีใจสุดขีด

     

     

    “จริงสิ แล้วเราอยากไปไหนล่ะ เดี๋ยวอาจะพาไปทุกที่เลย” เขาเสนอต่อ และอยากให้หลานชายตัดสินใจกับเรื่องนี้เอง

     

     

    “ผมอยากไปสวนสัตว์ครับ พี่แบคฮยอนครับ ไปกับพวกผมนะครับ” จุนกิหันไปชวน ทว่าแบคฮยอนกลับทำหน้านิ่ง ก่อนจะส่ายหน้าเป็นเชิงการปฏิเสธ

     

     

    “ไม่จ้า พี่ไม่ชอบสวนสัตว์ ไปเที่ยวเล่นกับอาของจุนกิเถอะ”

     

     

    พอเห็นว่าแบคฮยอนไม่ไปด้วย ชานยอลก็ทำหน้าสงสัย

     

     

    “ทำไมหรอครับ”

     

     

    “ผมตอบคำถามไปแล้วนะครับ ผมไม่ชอบที่นั่น และไม่อยากจะไปอีก”

     

    “ได้ไงครับ” จุนกิถึงกับถลาเข้ามากอดแบคฮยอนไว้แทน เหมือนจะเป็นการอ้อน ในเมื่อแบคฮยอนปฏิเสธเสียงแข็ง และดูเหมือนจะไม่ยอมไปง่ายๆ

     

     

    “ไปกับผมไม่ได้เหรอครับ พี่รู้ไหม ตั้งแต่เกิดมา ผมไม่เคยไปเที่ยวสวนสัตว์เลยสักครั้ง ผมอยากไปมาก มันเหมือนความฝันของผมเลย” จุนกิว่าต่อ พลางตีสีหน้าอ้อนวอน

     

     

    “จริงครับ จุนกิไม่เคยไปเลยสักครั้ง ผมเองก็ไม่ค่อยมีเวลาด้วย พอผมมีเวลาว่าง คุณกลับไม่ไป... ไปกับพวกผมนะครับ” ร่างสูงต่อเสียงขอร้องด้วยคน

     

     

    “นะๆๆ พี่แบคฮยอนไปด้วยกันนะครับ”

     

     

    พอเจอหลายๆคำพูดถาโถมเข้ามาทีเดียว แบคฮยอนถึงกับถอนหายใจออกมาเหนื่อยๆ จนในที่สุด ก็ต้องยอมพยักหน้ารับอย่างจำใจยอม

     

     

    “ก็ได้จ้า ไปก็ไป”

     

     

    “เย่” จุนกิเผลอร้องเฮเสียงดังเพราะความดีใจ

     

     

    แต่ใครจะรู้ว่าที่นั่น เคยมีคือความทรงจำอันปวดร้าวฝังลึก ของแบคฮยอน

     

    .

    .

     

                พอถึงวันหยุด

     

     

    ทั้งสามคนก็อยู่ในชุดสบายๆ แต่ก็เลือกใส่เสื้อแจ็คเก็ตหนาๆ เพราะอากาศเริ่มหนาวบ้างแล้ว แต่ก็ยังดีที่มีแสงแดดสอดส่องลงมา

     

     

                ชานยอลทำหน้าที่เป็นสารถี โดยที่มีแบคฮยอนนั่งอยู่ข้างๆ พร้อมทั้งอุ้มจุนกิไว้บนตัก มือเล็กๆของเด็กชายกำลังหยิบกล่องถ่ายรูปราคาแพงขึ้นถ่ายวีดีโอบรรยากาศรอบๆตัว

     

     

    “ถ่ายอะไรอยูเหรอจุนกิ” แบคฮยอนถาม

     

     

    “โลกของเราไงครับ ผมอยากจะเก็บภาพวันนี้ที่เราออกมาเที่ยวด้วยกันไว้ พี่ก็น่าจะลองถ่ายนะครับ เป็นการเรียนรู้ของโลกเราด้วยไงครับ ลองไหมครับ” จุนกิชวน

     

     

    “เอ่อ เดี๋ยวพี่ใช้มือถือพี่ดีกว่า”

     

     

    “ครับ งั้นก็ได้เหมือนกัน”

     

     

    แบคฮยอนหยิบมือถือของตัวเองขึ้นถ่ายเช่นกัน

     

     

    นานเท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้ ที่ไม่มีโอกาสได้ออกมาเที่ยวเช่นอย่างวันนี้ อากาศช่วงเช้าก็เป็นใจให้ด้วย แบคฮยอนจึงค่อยๆฉีกยิ้มตอนรับกับวันสบายๆ ที่ได้ร่วมใช้ไปกับพวกเขา

     

     

    ผ่านไปไม่นาน ชานยอลก็ขับรถมาถึงสวนสัตว์ ถึงแม้จะเป็นในช่วงเช้า แต่ว่ามีหลายครอบครัวกำลังเดินเข้าออกที่นี่เป็นว่าเล่น แบคฮยอนทำหน้านิ่งราบเรียบ เดินมองไปรอบๆ อย่างกับคนไม่เคยมาเที่ยวเลยสักครั้ง

     

     

    “คุณเนี่ย เหมือนเด็กประถมมาเที่ยวสวนสัตว์เลย ผมจะพาคุณไปดูอะไรบางอย่าง ไปเถอะ แบคฮยอนน้อย”

     

     

    ชานยอลพูดขึ้น เมื่อเห็นท่าทางเงอะงะๆของคนร่างเล็ก เขาจึงใช้มือด้านขวาจูงแบคฮยอนให้เดินเข้าไปพร้อมๆกัน ส่วนอีกด้านก็จูงหลานชายของเขา

     

     

    ชานยอลพาพวกเขามาที่กรงสัตว์หมีขั้วโลก ข้างในเต็มไปด้วยน้ำแข็ง และลูกๆของมันกำลังเล่นอย่างมีความสุข เขายกมือชี้นิ้วไปยังสัตว์พวกนั้นให้หลานชายเขาดู

     

     

    “จุนกิรู้ไหม เจ้าพวกเนี่ย ไม่ชอบขึ้นบกช่วงหน้าร้อน มันจะอยู่ในน้ำ เพราะอุณภูมิ ต่ำกว่า มันชอบนอนติดกับน้ำแข็ง ถ้าใครมาดูมันหน้าร้อนก็จะไม่ค่อยเห็นตัวตนที่แทนจริงของมัน มันขี้เล่นจะตายไป มันคงดีใจมากที่เห็นพวกเราในวันนี้”

     

     

    “ผมก็ว่าอย่งงั้นแหละ”

     

     

    “ลองทักทายพวกมันซิ” เขาชวน

     

     

    “หวัดดี”  จุนกิจึงโบกมือไปมา ขณะที่มันกำลังกลิ้งอยู่บนพื้นน้ำแข็ง

     

     

    “เราไปดูสัตว์ตัวอื่นกันเถอะ มีเยอะแยะมากมายเลย”

     

     

    ชานยอลจูงหลานชายเดินไปดูนู้นนั้นนี้ ตามที่เด็กชายต้องการ

     

     

    จุนกิมีท่าทางตื่นเต้นและดีใจที่สุด เมื่อออกมาดูโลกกว้างของสัตว์นาๆชนิด พร้อมทั้งถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก แต่ด้วยความที่สวนสัตว์นี้ใหญ่กว้าง เดินชมทั้งวันคงไม่หมดแน่ และทำเจ้าตัวน้อยรู้สึกเริ่มเหนื่อย ก่อนจะเผลอหลับไปในที่สุด

     

     

    เลยเป็นภาระให้ผู้เป็นอา ต้องอุ้มหลานชายซึ่งกำลังหลับผิงซบเขาอย่างไม่รู้สึกตัว แถมยังหลับลึกยาว...

     

     

    ชานยอลแอบสังเกตมองแบคฮยอนตลอดเวลา ที่เที่ยวชมด้วยกัน แต่รู้สึกว่า ร่างเล็กจะไม่ค่อยมีความสุขเท่าไหร่ พลางทำหน้าเหนื่อยๆเกือบทั้งวัน เขาจึงอดไม่ได้ที่จะโพล่งถาม

     

     

    “ผมคิดว่า คุณดูไม่ค่อยสนุกเอาซะเลยเมื่อมาเที่ยวที่สวนสัตว์กับพวกผม”

     

     

    “ก็ เปล่านี่” ร่างบางหันไปตอบขณะเดินไปพร้อมๆกับเขา

     

     

    “ผมว่าคุณต้องมีเรื่องฝังใจเกี่ยวกับสวนสัตว์แน่ๆเลย ผมเองก็มีเหมือนกันนะ”

     

     

    “ยังไงเหรอครับ” ร่างบางถามกลับด้วยความอยากรู้

     

     

    “คือ ผมยังจำวันนั้นได้เป็นอย่างดี พ่อแม่ผมพาผมมาเที่ยวสวนสัตว์ที่อาเมริกาอย่างมีความสุข แต่อยู่ดีๆก็มีคุณตาคนหนึ่งมาพูดกับพ่อแม่ผมว่า แกกลับประเทศไปเลยนะ ไอ้ลิงบ้า น่าแปลกจังผมฟังเข้าใจที่ตาคนนั้นพูดภาษาอังกฤษ ทั้งๆที่ผมยังเด็กอยู่ ขณะที่แม่ของผม ปกติเธอจะพูดเก่งมากเลย แต่ตอนนั้นน่ะ เธอกลับไม่พูดอะไรเลย พอเวลาผ่านไป เธอก็บอกว่า ชานยอลจ้า ลูกจำคุณตาวันนั้นที่พูดไว้ไหม เหมือนว่าแม่ผมจะอธิบายบางอย่าง แล้วเธอก็บอกว่า คุณตา แกสติไม่ดีน่ะ ผมรู้ว่าแม่ผมแก้ตัวไปอย่างงั้นเอง ตั้งแต่วันนั้น ผมกับแม่ก็ไม่ได้พูดถึงเรื่องวันนั้นอีกเลย แต่หลังจากนั้น เรื่องแบบนี้ก็ขึ้นกับผมเรื่อยๆ ที่โรงเรียนบ้าง ร้านอาหารบ้าง เช่น ใครเขาอนุญาติให้นายมาที่นี่ ไปให้พ้นเดี๋ยวนี้นะเจ้าเด็กบ้า แล้วอยู่ๆคนพวกนี้ก็ชอบหาเรื่องผม”

     

     

    เขาอธิบายเสียยืดยาว เห็นเขาอยู่ในโหมดแบบนี้ แบคฮยอนก็รู้สึกไม่สบายใจด้วยเลยทุกครั้ง ร่างบางต้องการรอยยิ้มอันสดใสของเขาเสียมากกว่า

     

     

    “ความจริงแล้ว ที่คุณมาที่นี่ก็เพราะนึกถึงตอนเด็กๆใช่ไหมล่ะครับ” แบคฮยอนลองเดา

     

     

    ซึ่งความจริงก็เป็นอย่างที่ร่างบางคิดไว้ เพราะเขาพยักหน้ารับ

     

     

    “ใช่แล้ว เป็นครั้งแรกเลยนะครับ ที่ผมพูดเรื่องนี้ มันเป็นความทรงจำที่ผมไม่มีวันลืมเลย แต่หลังจากนั้นผมก็พยายามสู้คน ไม่ยอมให้ใครมารังแกตัวเองง่ายๆ จนผมกลายเป็นคนที่คอยปกป้องคนอื่นแทน ตอนที่เป็นวัยรุ่นนะ เพื่อนๆติดผมแจเลย เพราะเวลาที่มีเรื่องที่ไร ต้องเรียกผมไปช่วยพวกมันตลอด แล้วถ้าคุณเกิดสนใจ ต้องการให้อยู่คอยปกป้องคุณน่ะ ผมก็ยินดีเต็มใจยอมรับทำนะครับ”

     

     

    “ผมว่า คงไม่จำเป็นหรอกมั้งครับ คุณก็รู้นี่ว่าผมแข็งแกร็งขนาดไหน”

     

     

    “ก็ไม่เสมอไปหรอก เช่นเวลาที่คุณอ่อนแอหรือร้องไห้ไง ผมเห็นมุมนี้ของคุณแล้วนะ อย่าลืมซิ บ่าของผมอบอุ่นพอจะให้คุณซบได้ เหมือนอย่างหลานผมตอนนี้ไง”

     

     

    แบคฮยอนยิ้มกับคำพูดของเขา คงอบอุ่นจริงๆแหละ จุนกิถึงได้หลับสนิทซะขนาดนั้น

     

     

    “ผมน่ะ เล่าเรื่องของผมให้ฟังแล้ว คุณลองเล่าเรื่องของคุณให้ผมฟังบ้างซิ มีเรื่องอดีตอะไรเกี่ยวกับสวนสัตว์บ้าง”

     

     

    “ก็มีครับ เป็นเรื่องที่หนักหนามากเลยแหละ จนผมคิดว่า ผมคงจะไม่มาเหยียบที่สวนสัตว์อีกแล้ว คือ ตอนเด็กๆ ผมก็เคยขอร้องให้พ่อแม่พามาเที่ยวที่นี่ เหมือนอย่างจุนกิเลย แต่พวกเขาไม่มีเวลา เพราะต้องทำงาน.. ผมก็เลย เอาแต่ร้องไห้ ไม่ยอมทานข้าว งอนพวกเขาสุดขีด จนในที่สุดพ่อผมก็ทนไม่ไหว รีบๆเคลียร์งานให้เสร็จ แล้วก็พาผมมา.. ตอนนั้นผมจำได้ว่า มีความสุขและก็ตื่นเต้นมากที่สุดเลย ได้มีโอกานมาดูสัตว์หลายชนิดที่ไม่เคยเห็นมาก่อน แต่พอถึงเวลากลับ เรื่องไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น มีรถแท็กซี่ขับรถตัดหน้าพวกผม จนทำให้เกิดอุบัติเหตุอย่างรุนแรง...ผมกับแม่ผมบาดเจ็บสาหัส แต่ว่าพ่อผม พ่อผมเสียชีวิต หลังจากที่ส่งโรงพยาบาลได้ไม่นาน เพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว”

     

     

                สีหน้าแววตาของแบคฮยอน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งเมื่อระบายมันออกมา ชานยอลปรับสีหน้าและอารมณ์ไปพร้อมๆกับแบคฮยอน เพราะเขาเข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียนั้นดี

     

     

    “มิหน้าล่ะ คุณถึงไม่อยากจะมา เพราะมีเรื่องนี้ฝังใจคุณนั่นเอง ยังไงผมก็เสียใจด้วยนะครับ” เขากล่าวจากความรู้สึกข้างใน

     

     

    “เรื่องมันผ่านมาตั้งนานแล้ว ตอนนี้ผมทำใจได้แล้ว”

     

     

    “คุณนี่ แข็งแกร็งอย่างพูดไว้จริงๆ” เขาอดชื่นชมแบคฮยอนไม่ได้

     

     

    “ชิวิตคนเรา มันก็อย่างเงี่ยแหละ ไม่ได้มีความสุขเสมอไป อะไรที่มันหนักหนา แล้วสามารถผ่านมันมาได้ ต่อให้เจออะไรร้ายๆในวันข้างหน้า ผมเชื่อว่า ผมต้องรับมันไหวแน่นอน”

     

     

    “ผมก็เชื่ออย่างั้นเหมือนกันนะ... เอ่อผมว่า ตอนนี้เราไปเดินดูข้างหน้าดีกว่านะครับ ยังมีสัตว์อีกมากมายที่เรายังไม่ได้ดู พอดูเสร็จแล้วก็กลับเลย จะได้เอาเจ้าตัวเล็กไปนอนสักที อุ้นไว้นานๆก็เมื่อยตัวเหมือนกันนะเนี่ย”

     

     

    “ครับ”

     

     

    แบคฮยอนยิ้มให้เขา ก่อนจะเดินตามเขาไป

     

     

    ยิ่งอยู่ใกล้ ก็ยิ่งรู้จักตัวตนเขามากขึ้น เขาอบอุ่นจริงๆ จนอยากจะให้เขามาคอยเป็นกำแพง ปกป้องในยามที่แบคฮยอน่ออนแอและเศร้าใจ และถ้าเป็นไปได้ ก็ขอให้เขาอยู่ด้วยกันอย่างนี้ไปนานๆ

     

     

    แต่แล้ว ความรู้สึกนั้นก็ถูกคลอบงำ และเลือนลางหายไป เพราะแบคฮยอนรู้ดีว่า เขาก็คือคนที่มีพระคุณ เขาคงไม่ทางต้องการปกป้องจริงๆหรอก ร่างบางก็เป็นได้แค่คนที่คอยเติ่มเต็มความรู้สึกให้ครอบครัวของเขา

     

     

    พอเวลาหนึ่งปีผ่านไป สุดท้ายแล้ว ก็คงจะเป็นได้แค่

     

     

    ทางใครทางมัน

     

     

     

     

     ...........

     

    ตอนนี้คิดอะไรไม่ออก เขียนอะไรที่เราเพิ่งเคยไปมา

    ก็เลยอยากเอามาระบายเป็นตัวหนังสือ

    หวังว่าคงชอบกันนะ

    กะว่าจะเอาแนวๆ สบายๆ แต่ก็เพิ่มดราม่าตอนท้ายๆให้แบคฮยอนคิดเล็กน้อย

    เพราะเขาไม่เคยทำให้มั่นใจได้ว่า เขาจะคอยอยู่เป็นคนที่คอยปกป้องกันได้หรือเปล่า

     

     

     

     

      

     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×