ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Twins number [Yaoi]

    ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ ๙

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.92K
      29
      12 มี.ค. 58





                    [Card: เล่นห่าอะไรของมึงครับ?]

     

                    ผมนั่งค้างอยู่เกือบๆสิบวิ ก่อนจะกดๆพิมพ์ๆกลับมันไป...แล้ววางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ

     

    ก็แค่เมอร์รี่คริสต์มาส... ซ้ำยังจากเด็กผู้ชายอีกตางหาก …

     

    ผมค่อยๆหายใจเข้า หายใจออกช้าๆ แล้วเปลี่ยนความสนใจตัวเองจากหน้าจอไอโฟนมาเป็นบรรดาขนมสองสามจานข้างหน้า

     

    ตึ๊ง~

     

    เสียงแจ้งเตือนดังเข้ามาพร้อมหน้าจอไอโฟนที่สว่างวาบหลังจากดับมืดสนิทไปไม่นาน

     

    [Fu*k!! : อยากลองดูเฉยๆ ยังไม่เคยส่งข้อความเสียง]

     

    มันมาแบบไม่ทันตั้งตัวอีกแล้ว... ความคิดจิตอ่อนๆของไอ้เหี้ยนี่ แล้วทำไมต้องมาลองกับกูวะ เพื่อนเพิ่นมึงไม่มีให้คบให้ส่งรึไงครับ?! ฟัคยู๊ว!!

     

    [Fu*k!!: พี่เป็นคนแรกเลยนะ]

     

    [Card: คนแรกอะไร?]

     

    [Fu*k!!: ที่ลองส่งข้อความเสียงไง]

     

    ไอ้เหี้ยมึงบอกว่ามึงเพิ่งลองกับกู กูก็ต้องคนแรกอยู่แล้วป่ะ?

     

    นึกว่ามันจะบอกผมคนแรกอะไรงี้.... บอกเมอร์รี่คริสต์มาส

     

    ดะ...เดี๋ยว เดี๋ยวนะ...

    ผมเป็นญาติสนิทมัน?  คำตอบคือ ไม่

    ผมเป็นเพื่อนสนิทมัน? คำตอบก็คือ ไม่

    ผมเป็นพ่อแม่ผู้ปกครองมัน? และแน่นอน คำตอบก็คือ ไม่

     

    แล้วมันจะบอกมึงคนแรกทำซากสันขวานไรวะไอ้การ์ดเอ๊ย!!!

     

    [Fu*k!!: ไม่มีมารยาทอีกแล้วนะไอ้ข้อความส่งมาอีกครั้งเรียกผมกลับมากภวังค์... อะไรของมัน?

     

    [Card: อะไร? กูยังไม่ได้ทำไรเลยนะครับไอ้เหี้ยนี่อยู่ๆก็มาด่า

     

    แต่... อีกแล้ว?

     

    ผมนึกว่าพี่จะรู้จักมารยาทน่ะ

     

    อยู่ๆคำพูดกวนเบื้องล่างของมันตั้งแต่วันแรกก็ดังขึ้นในหัว... อ๋อ...โดนเด็กสอนมารยาทสังคมให้เข้าแล้วไหมล่ะกู...

     

    ผมกดเปิดไอค่อนข้อความเสียง ก่อนจะกลอกเสียงลงไปที่ไมโครโฟนตรงตูดโทรศัพท์ มะ เมอร์รี่คริสต์มาส

     

    ฉิบหาย!!! ทำไมเสียงสั่น? ดันส่งไปแล้วด้วย ไม่สนแล้วเว้ย!

     

    รอนานรึเปล่าา

     

    อ๊ะ... อ๋อ ไม่นานๆ ฮ่าๆผมเงยหน้ากจอโทรศัพท์ขึ้นไปยิ้มให้ผู้หญิงตรงหน้า ก่อนจะปิดเสียงโทรศัพท์ แล้วยัดใส่กระเป๋า

     

    บทสนทนาของผมและแกรนด์ก็ดำเนินต่อไปอีกประมาณ 20 นาที ถึงตอนนี้ก็เป็นเวลาสองทุ่มครึ่งแล้ว แกรนด์ขอตัวกลับหอด้วยความที่เป็นผู้หญิง กรุงเทพการจราจรมันติดขัดเสียยิ่งกว่าอะไรดี กว่าจะถึงหอก็คงจะยิ่งดึกเข้าไปใหญ่ อืม เธอเอารถมาเอง เล่นเอาแผนจะไปส่งของผมมันเป็นหมันไปซะแล้ว

     

    -------------------------------------------

      

    ผมมองหน้าจอโทรศัพท์ระหว่างขับรถ สองทุ่มสี่สิบห้า... ก็ยังไม่ดึก... ไปหาไอ้พวกนั้นต่อเลยดีไหมนะ...?

     

    มือมันไปไวกว่าความคิด ผมตัดสินใจเปลี่ยนเลนจากที่กะว่าจะตรงกลับคอนโดไปเลนซ้ายเพื่อเลี้ยวเข้าข้างสรรพสินค้าข้างหน้า ที่ที่ทีแรกตกลงกันไว้ว่าจะมาเฮฮากันแถวนี้

     

    และผลก็ไม่ต่างไปจากที่คาด... คนเยอะฉิบหาย... หาที่จอดอยู่ครู่ใหญ่ๆ ก่อนผมก้าวท้าวเข้าใกล้ลานหน้าเซนทัรลเวิร์ด มือก็กดโทรศัพท์โทรหาไอ้สามตัวนั่นด้วย เท่าที่นัดกันไว้เมื่อวาน มันน่าจะอยู่ลานเบียร์นะ

     

    แล้วโชคก็ไม่เข้าข้างผม มันไม่รับสายกันซักตัว พอมาอยู่กลางคนเยอะๆแบบนี้ ไอ้สเวตเตอร์ไหมพรมนี่ก็ร้อนใช่เล่น ....อะไรนะ? จะให้กลับ? โห.....กว่าจะหาที่จอดได้ แต่จะให้ลุยฝ่าฝูงชนไปทั้งร้อนๆอย่างนี้... มันก็ไม่ไหวนะครับ...

     

    เฮ้อ...ผมถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะตัดสินใจเข้าไปตากแอร์แก้ร้อนประชดชีวิตข้างในซักเดี๋ยว อย่างน้อยก็จนกว่าจะโทรหาพวกนั้นติด

     

    แต่พยายามอยู่นานก็ไม่มีผล....

     

    เอาวะ ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำแล้ว ไปดูพวกอุปกรณ์การเรียนหน่อยดีกว่า ของเก่ามันก็เริ่มเสื่อมสภาพเต็มที มีเวลาว่างทีก็ไม่ค่อยจะสนใจมันเท่าไร นอนมันลูกเดียว

     

    ว่าแต่ไอ้ร้าน B2S นี่มันอยู่ชั้นไหนวะ ไม่ได้มาเซนเวิร์ลนานเลยนะเนี่ย ผมเดินทอดน่องไปเรื่อยๆมองดูร้านรวงตกแต่งรับคริสต์มาสแล้วก็เพลินตาดี...... เดี๋ยวนะ.... เดี๋ยวก่อน ไอ้เด็กผู้ชายที่นั่งเล่นตู้เกมส์กดอยู่ในคิดดี้แลนด์นั่น... ไม่ต้องแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงสังเกตเห็น ก็ใครใช้ให้ไอ้คนที่สูง 180 กว่าแบบมันเข้าไปเล่นในที่ของเด็กไม่เกิน 150 วะ

     

    ไอ้เด็กเจ้าของข้อความเสียงเมอร์รี่คริสต์มาส...

     

    บังเอิญเจอกันบ่อยจริงวุ๊ย... หรือกรุงเทพมันไม่มีที่เที่ยวอื่นแล้ววะ?

     

    ผมสาวท้าวเข้าไปยืนมองไอโฟล์คที่ดูท่าจะไม่สนใจคนรอบข้างเท่าไรเพราะมัวแต่สนอกสนใจอยู่กับไอ้เกมส์จับภาพผิดในตู้...ไอ้เหี้ยนี่มันอินดี้อีกแล้วครับ!

     

    ติ๊ด...

     

    พอผมยื่นมือเข้าไปจิ้มจุดแตกต่างสุดท้ายในภาพจนเริ่มภาพใหม่ มันถึงหันมามองหน้าผมแล้วทำหน้าตกใจเหมือนเพิ่งสำเนียกได้ว่าผมยืนอยู่ตรงนี้

     

    “...ไงเป็นผมที่เอ่ยทักก่อน

     

    “....อยากเล่นเหรอ?” มันเงียบไปพักนึงแล้วว่าพลางทำหน้าเอ๋อๆ มือก็ชี้ไปที่เกมส์ในจอสี่เหลี่ยมๆ

     

    ผมยู่หน้าเล็กน้อย เอาวะ ไหนๆก็ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว ก่อนจะโบกมือปัดๆสองสามทีเป็นสัญญาณว่าให้มันเขยิบไปหน่อย จะนั่ง มันก็เข้าใจ เขยิบตูดไปนั่งริมเก้าอี้ โดยมีผมทิ้งตัวลงข้างๆแล้วจิ้มไอ้จอสี่เหลี่ยมๆ

     

    ติ๊ด... ติ๊ด......

     

    ติ๊ด...

     

    ผมกับมันไม่ได้พูดอะไร มีแต่เสียงเอฟเฟคจากนิ้วที่จิ้มลงไปในจอแก้วดังขึ้นมาเป็นระยะๆ มึนๆกับสถานการณ์ไหมครับ? อืม ผมก็มึน

     

    แต่ก็ร่วมใจกันฝ่าฟัน(?) ไอ้เกมส์จับภาพผิดสิบบาทนี่ไปเรื่อยๆ จนตอนนี้ ไม่มีทั้งเสียงพูดคุย ไม่มีแม้แต่เสียงเอฟเฟคจากตู้...

     

    นั่นหมายความว่า...หาไม่เจอ.... ให้ตายสิ ไอ้ตู้เกมส์นี่มันอัพเลเวลยากขึ้นขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อไหรวะ!

     

    ผมก้มหัวแทบติดกับจอ สายตาก็พิจารณารูปสองรูปอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็นานจนมีความรู้สึกว่า ไอ้แสงจากจอนี่มันทำพิษเข้าให้ ผมหลับตาสองสามวิก่อนจะเหลือบตาไปทางอื่น แล้วเจอกับ...

     

    หนะ หนะ หน้าไอ้โฟล์ค...อยู่ห่างจากผมแค่ไม่กี่คืบ มันทำให้ผมเพิ่งรู้สึกถึงสัมผัสเบาๆที่สีข้างจากหัวผมที่ติดกับมัน ด้วยเพราะเกมส์มันพาไปหรืออะไรไม่รู้ หน้าใสๆ จมูกโด่งๆ ตาคมๆ หน้าไอ้นี่แม่งมีทุกอย่างที่ผู้ชายส่วนใหญ่อยากได้จริงๆ

     

    อยู่ๆตาสีดำสนิทของมันที่จ้องไปที่จอก็เหมือนอยากจะพักสายตาเหมือนกัน แต่ดันเหลือบขึ้นมาสบกับผมที่นั่งจ้องพิจารณาว่ามันไปทำหน้ามาบ้างรึป่าวพอดี...  อืม...หน้ากูกับมึงนี่ขยันมาอยู่ใกล้กันจังนะ แต่....ทำไมละสายตาออกไม่ได้เลยวะ...

     

    ตี๊ด.... ตี๊ด.... ตี๊ด.....

     

    ไม่รู้ว่านานแค่ไหนเหมือนกัน แต่พอรู้สึกตัวอีกทีไอ้เกมส์ข้างหน้านี่มันก็ร้องขึ้นมาเตือนเป็นอันบอกว่าไอ้เกมส์สิบบาทมันกำลังเดินทางมาถึงจุดจบ และยังทำให้ผมกับมันสะดุ้งเบาๆแล้วหันไปมอง

     

    ไอ้โฟล์คยกมือขึ้นเกาหัวเบาๆ หันหน้ามามองผมก่อนจะยิ้มแฮ่ๆ แล้วเอ่ยคำพูดแรกหลังจากที่นั่งเล่นเกมส์กันมา ตายแล้วแฮะ

     

    อะ...อือผมครางตอบแล้วลุกขึ้นยืนหมุนคอแก้เมื่อย ไอ้เปรตข้างๆนี่มันก็ลุกขึ้นมาบิดตาม

     

    พี่เคยเป็นนักบาสป่ะ?” อยู่ๆมันก็ถาม

     

    รู้ได้ไงวะ?”

     

    ตอนนั้นเจอเสื้อธีมในตู้คืนที่เมากันหัวทิ่มนั่นน่ะนะ

     

    อ๋อ ก็เคยเล่นตอนมัธยมอ่ะ นี่พอเข้ามหาลัยก็ไม่ได้แตะเลย งานเยอะเชี่ยผมว่าอย่างไม่ยี่หระก่อนจะยกแขนขึ้นก้มหน้าดูนาฬิกาข้อมือ

     

    ลองเล่นกันดีกว่ามันว่าก่อนจะชี้ไปที่ตู้ชูตบาสที่อยู่ถัดไปไม่ไกล

     

    ไม่ว่าง

     

    งั้นแข่งกัน

     

    จะซื้อของ

     

    ถ้าชนะเดี๋ยวจ่ายให้มันว่าหน้าทะเล้น

     

    พอดีรวย

     

    “...กลัวแพ้?” มันเอียงคอ 45 องศามองหน้าผม ถ้าเป็นในการ์ตูนหน้ามันก็คงมีแต่เครื่องหมายเควสชั่นมาร์กเต็มไปหมด

     

    แต่ไอ้คำพูด 2 พยางค์ กลับท่าทางกวนตีนนั่น... แม่ง ขึ้นเลยครับ...

     

    เตรียมตังรอเลยไอ้น้อง วันนี้พี่จะช็อปแหลกผมว่าก่อนจะเดินนำลิ้วไปที่ตู้ชูต แล้วล้วงกระเป๋าตังหาเหรียญสิบ แล้วหันหน้าไปมองไอ้โฟล์คที่เดินมายืนเครื่องข้างๆ ก่อนจะหยอดเหรียญสิบลงไปพร้อมกัน

     

    สงครามขนาดย่อมๆเกิดขึ้นใจกลางเซนทรัลเวิร์ดอยู่พักใหญ่ ก่อนที่ผมจะมายืนยิ้มกริ่มดูผลคะแนนที่ต่างกัน 8 แต้มโดยมีผมเป็นผู้มีคะแนนมากกว่า แล้วหันไปยักคิ้วให้น้องโฟล์คที่ยืนล้วงกระเป๋าอยู่ข้างๆ

     

    ไปกันเถอะครับน้องโฟล์คแถมด้วยรอยยิ้มหวานตบท้าย

     

    -------------------------------------------

     

    ตอนนี้ผมกับมัน น้องโฟล์ค...กับเงินในกระเป๋าที่(กำลังจะ)หายไป ก็มาอยู่ในร้านหนังสือ เครื่องมือเครื่องเขียนแบบครบวงจร

     

    เอาเข้าจริงก็ไม่กล้าให้มันจ่ายจริงๆหรอกครับ

     

    ผมยืนหยิบนู้นหยิบนี่มาดูๆไปเรื่อย ก็ไม่รู้จะดูไปทำไมเหมือนกันทั้งๆที่ก็ตั้งใจจะใช้ยี่ห้อเก่า ข้างๆตัวผมก็มีไอ้โฟล์คเดินตามติดเป็นเหาฉลามอยู่ไม่ห่าง                                                                          

     

    เอามือมาดิ๊ผมว่าก่อนจะดึงฝาปากกาตัดเส้นสีดำออกมา เห็นพี่แทนบอกว่าใช้ดี แหนะ จำพี่แทนไม่ได้ล่ะสิ พี่รหัสผมไง

     

    “?” แต่ไอ้คนข้างๆผมก็ได้แค่ย่นคิ้วมองแบบสงสัย ผมเลยถือสิทธิ์ผู้ชนะไปยกมือมันขึ้นมา ก่อนจะขีดเส้นลงไป ก็แหม เขียนไว้ว่าลองได้ แต่ไม่มีกระดาษนี่หว่า

     

    เอาอันนี่อ่ะผมปิดฝาปากกาก่อนจะเงยหน้าบอกมัน

     

    แค่นี้?” มันว่าด้วยสีหน้าไม่เชื่อ และสายตาพี่ผมตีความได้ว่า ‘กูคิดว่ามึงจะเหมาหมดร้านซะอีก’ อะไรแบบนี้

     

    เออ เห็นกูเป็นคนยังไงวะ?” ความจริงปากกานั่นก็แพงใช่เล่นนะ ชนิดที่ว่าไม่มีคนซื้อให้นี่จะใช้ยี่ห้อเดิมนั่นแหละ

     

    มันเงินอยู่ไม่นานก็ถือถุงพลาสติกใบเล็กๆออกมาแล้วยื่นให้ผมที่ออกมายืนรอหน้าร้าน ผมล้วงมือหยิบปากกาในถุงก่อนจะใช้ปากงับฝาไว้ ดึงด้ามมันออกเพื่อเปิด แล้วหยิบมือมันที่มีเส้นยาวๆขีดอยู่

     

    หืม?” มันร้องสงสัยเบาๆ

     

    ยังไม่เสร็จ เดี๋ยวไม่สวย

     

    เกรงใจ

     

    แต่กูเต็มใจ

     

    มะเร็ง

     

    ไม่เป็นไรแขนมึงไม่ใช่กู...

     

    เหมือนมันจะรู้ว่าเถียงผมไปก็ไร้ประโยชน์ เลยปล่อยให้ผมก้มหน้าก้มตาโชว์ฝีมือศิลป์ไปเกือบนาที

     

    เสร็จผมเงยหน้ายิ้มภูมิใจในฝีมือ

     

    รถ.......โฟล์ค?” มันว่าหลังจากยกมือขึ้นดู

     

    สวยอ่ะดิมันตอบรับด้วยการพยักรับหน้าน้อยๆ

     

    เดี๋ยววาดให้บ้างมันจับข้อมือผมที่กำลังจะยัดปากกาลงเป้าขึ้นมา ก่อนที่อีกข้างจะฉกปากกาไปถือ

     

    เกรงใจครับ

     

    เต็มใจครับ

     

    ก๊อบกูนิ

     

    ก็อบผมเหมือนกันนิมันอาศัยแรงลากผมไปนั่งม้านั่งแถวนั้น แล้วจัดการก้มหน้าก้มตาละเลงปากกาลงมือผม

     

    เสร็จ

     

    อุบาทชิบ...ไพ่?” ผมว่าหลังจากที่นั่งดูไอ้ลายเส้นอนุบาลในมืออยู่นาน

     

    อือมันตอบหน้าอึน

     

    ต้องการจะสื่ออะไรครับ?”

     

    การ์ดแปลว่าไพ่ไง หรือพี่อยากได้รูปการ์ดของขวัญ รูปบัตรเครดิตดูท่าอย่างหลังน่าจะออกมาอุบาทกว่า

     

    อ๋อ... นี่ ถามหน่อยเหอะ มึงมีเพื่อนฝูงกับเขาบ้างป่าววะ?” ผมถามคำถามที่เพิ่งนึกสงสัยขณะที่ก้มมองไอ้ลายเส้นทู่ๆแบบเด็กประถม เจอมันที่ไรจะอยู่ตัวคนเดียวตลอด

     

    มีดิ แต่มันอยู่ข้างนอกกันอ่ะ คนเยอะ ร้อน ข้างในดีกว่า

     

    อือๆผมพยักหน้าเข้าใจ เพราะไม่นานมานี้ก็เพิ่งได้ประสบการตรงมาหมาดๆว่าแม่งร้อนขนาดไหน แล้ว... เมเปิ้ล?”

     

    ติดงานโรงเรียน

     

    อืม... นี่ ถามอีกเรื่องดิ อย่าหาว่าเสือกนะ แต่สงสัยว่ะ มึงเป็นพวกตายด้านป่ะ? แฟนสวยขนาดนั้นเสือกไม่ค่อยสนใจเขาเลยนี่ก็อีกคำถามหนึ่งที่ผมนึกสงสัยตั้งแต่วันนั้น

     

    “...” มันนิ่งไปพัก รึว่ามันมีความหลัง แล้วคำถามมันแทงใจป่าววะ...

     

    อ่า...ไม่ต้องตอบ...

     

    ความจริงผมก็ไม่ได้คิดอะไรกับเปิ้ลหรอกแต่ก่อนจะพูดจบมันก็แทรกขึ้นมาก่อน

     

    เอ๋?” สวยขนาดนั้นอ่ะนะ... แล้วจะคบไปทำเพื่อ? เช็คเรตติ้ง?

     

    ผมเคยชอบผู้หญิงคนนึงมาก แต่พอคิด พอกล้าจะลองไปบอก กลับโดนพูดก่อน ว่าเปิ้ล เพื่อนสนิทเธอชอบผมซะงั้นคิดไปเองรึเปล่าวะ ว่าแววตามันดูเจ็บๆยังไงไม่รู้... ก็เลยได้แต่ยิ้มๆไป แล้วพอเจอกันก็เอาแต่เรื่องเปิ้ลมาคุย  เหมือนเธออยากให้เราสองคนคบกันมาก ก็เลย... ตามใจเธอน่ะ เพราะดูเหมือนว่าจะทำอะไรเธอก็ไม่สนใจผมซักที คุยกันแต่เรื่องเปิ้ล อย่างน้อยคบกัน แล้วพอเจอเธอก็เข้ามาแซว เข้ามาสนใจยังดีกว่าโดนคนที่ชอบมาคุยแต่เรื่องขอให้ไปคบกับคนอื่นทุกครั้งที่เจอนะ ฮ่าๆๆมันฝืนหัวเราะแห้งๆ …เล่นซะผมพูดอะไรไม่ออกเลยว่ะ ไม่น่าถามเลยแฮะ

     

    อ่า..ผมมองไปรอบๆเหมือนจะหาเรื่องใหม่คุย

     

    รู้สึกผิดหรอ?” ยังมีหน้ามาถาม

     

    ก็เออดิวะ นี่ในสายตามึงกูเหี้ยมากใช่มะ?”

     

    ฮ่าๆ งั้นล้างผิดเลย อยากกินไอติมอ่ะเหมือนมันหัวเราะกลบเกลื่อนยังไงไม่รู้  ผมก็รู้สึกผิดจริงๆนั่นแหละ เลยเดินนำมันไปจนถึงหน้าเคเอฟซี แล้วซื้อไอศกรีมโคน 10 บาทมาสองโคน แน่นอนว่ารสวนิลา

     

    อ่ะผมยื่นให้มันแล้วยัดตังลงเป้ มันรับแล้วก็เดินนำไปเรื่อย ตอนนี้ก็สามทุ่มกว่า ไม่ถึงชั่วโมงห้างก็จะปิด กลับเลยดีไหมนะ อุส่าไม่มีงาน ได้กลับไปนอนเร็วๆก็ดีเหมือนกัน

     

    ไอติมติดปากระหว่างที่กำลังวางแผนชีวิต ไอ้เด็กสูงๆข้างหน้าผมมันก็หันมาบอกแล้วเอามือจิ้มๆแก้มตัวเอง

     

    หือ?” ผมร้องแล้วเอามือลูบๆแก้มดู

     

    หึๆมันกำมือป้องปากหัวเราะ ทำให้ผมรู้ว่าตัวเองกลายเป็นควายที่โดนมันแก้แค้นคืนวันนั้นแล้วไงล่ะ...

     

    ผมรีบเอาลิ้นออกมาเลียรอบริมฝีปากด้วยแอบกลัวเบาๆว่าเรื่องมันจะซ้ำรอยเดิมอึ๋ย... ไม่คิดถึงดิ

     

    แค้นนี้ต้องชำระว่ะผมว่าหน้ามุ่ยๆ “…….กูกลับก่อนนะ

     

    อืมมันพยักหน้ารับ

     

    จะกลับยัง?”

     

    ก็คิดว่างั้น

     

    กลับไงล่ะ?”

     

    พูดเหมือนจะไปส่งจริงหรอวะ...?

     

    ไปป่าวล่ะ?” คุณการ์ด มึงพูดอะไรออกไปครับ

     

    หืม? ...ไปก็ได้ไอ้นี่ก็ตกลงง่ายๆไม่มีเกรงใจเลย...

     

    ผมได้แต่คิดโทษปากตัวเองก่อนจะเดินกินไอศกรีมนำมันไปที่จอดรถ ระหว่างทางก็ไม่มีใครพูดอะไร มันก็เดินตามผมมาเงียบๆ แต่เหมือนผมรู้สึกได้นะ วันนี้มันดูจะคุยกับผมเยอะขึ้นแฮะ ต่างจากเมื่อก่อนที่มึนๆ อึนๆ เงียบๆ แถมพอคุย พอรู้จักกับมันนานๆก็ดูเหมือนเป็นคนละคนกับไอ้โรคจิตนั่นเลย หรือว่าบางที่ ผมจะเลื่อนขั้นมันจากลูกหนี้ไถ่บาป มาเป็นมิตรสหายดีนะ...?

     

    เดี๋ยวดิ ถ้ามันเป็นเพื่อน ไอ้ 5 คะแนนผมก็เสียไปฟรีๆดิวะ ไม่ได้ๆ เลื่อนต่ำแหน่งขึ้นมาเป็นแค่ลูกหนี้เฉยๆแล้วกัน...

     

    -------------------------------------------

    #แก้คำผิดบวกรีไรท์ค่า รอบที่สองแล้วว

    cactus

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×