ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป

    ลำดับตอนที่ #165 : อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์ ดัชเชสแห่งปาร์มา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 593
      1
      29 มิ.ย. 52

    อาร์คดัชเชสมารี หลุยส์แห่งออสเตรีย (เยอรมัน: Erzherzogin Maria Lucia von Österreich, อังกฤษ: Archduchess Maria Lucia of Austria, ฝรั่งเศส: Marie Louise d'Autriche, อิตาลี: Maria Luisa d'Austria) (พระนามเต็ม: มาเรีย ลูโดวิก้า ลีโอโพลดีน่า ฟรานซิสก้า เธเรเซีย โจเซฟ่า ลูเซีย, (ฝรั่งเศส: Maria Ludovika Leopoldina Francisca Theresia Josepha Lucia von Habsburg-Lorraine (Bonaparte)) ทรงเป็นอาร์คดัชเชสแห่งออสเตรีย ก่อนที่จะทรงอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส เพื่อกระชับความสัมพันธ์ระหว่างประเทศของจักรวรรดิฝรั่งเศส และจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์[ต้องการแหล่งอ้างอิง] พระองค์ทรงเป็นพระมเหสีองค์ที่ 2 ของนโปเลียน จึงทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส (ฝรั่งเศส: impératrice Marie Louise des Français) และเมื่อปีพ.ศ. 2360 พระองค์ทรงเป็น ดัชเชสแห่งปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า (อิตาลี: Maria Luigia, Duchessa di Parma, Piacenza, e Guastalla) นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงเป็นพระราชปนัดดาในสมเด็จพระราชินีมารี อังตัวเนตแห่งฝรั่งเศสอีกด้วย

    เนื้อหา

    [ซ่อน]

    [แก้] พระราชประวัติ

    อาร์คดัชเชสมาเรีย ลูเซียทรงประสูติเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2334กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย ทรงเป็นพระราชธิดาองค์โตในสมเด็จพระจักรพรรดิฟรานซ์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์ (พระราชโอรสในสมเด็จพระจักรพรรดิลีโอโพลด์ที่ 2 แห่งโรมันอันศักดิ์สิทธิ์) และพระมเหสีองค์ที่ 2 ของพระองค์ เจ้าหญิงมาเรีย เทเรซ่าแห่งทู ซิชิลีส์ เมื่อทรงพระเยาว์ พระองค์ทรงได้รับการศึกษาด้านภาษาจากครูผู้สอนชาวเยอรมัน ตามพระบัญชาของสมเด็จพระราชชนกและสมเด็จพระราชชนนี ดังนั้น พระองค์จึงทรงสามารถตรัสและทรงอักษรเป็นภาษาอังกฤษ ภาษาฝรั่งเศส ภาษาอิตาลี ภาษาละติน และภาษาสเปน เป็นต้น

    [แก้] สมเด็จพระจักรพรรดินีแห่งฝรั่งเศส

    เมื่อวันที่11 มีนาคม พ.ศ. 2353 อาร์คดัชเชสมาเรีย ลูเซีย ซึ่งขณะนั้นทรงมีพระชันษา 18 ชันษา ทรงเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนที่ 1 แห่งฝรั่งเศส โดยพระองค์ทรงเป็นตัวแทนของการสร้างสัมพันธไมตรีระหว่างจักรวรรดิออสเตรีย และจักรวรรดิฝรั่งเศส พระราชพิธีอภิเษกสมรสถูกจัดขึ้น ณ มหาวิหารพระราชวังลูฟว์ กรุงปารีส โดยสมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนทรงให้เหตุผลในการอภิเษกสมรสกับอาร์คดัชเชสแห่งราชวงศ์ฮับส์บูร์ก ซึ่งเป็นราชวงศ์ที่เก่าแก่ที่สุดราชวงศ์หนึ่ง เพื่อในการเพิ่มศักยภาพและความยิ่งใหญ่ทัดเทียมราชวงศ์ต่างๆในยุโรป โดยก่อนหน้านี้ นโปเลียนเคยทรงทูลขออภิเษกสมรสกับแกรนด์ดัชเชสแอนนา พาฟลอฟนา ซึ่งเป็นพระขนิษฐาในสมเด็จพระเจ้าซาร์อเล็กซานเดอร์ที่ 1 แห่งรัสเซีย โดยพระองค์ทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับนโปเลียน

    หลังจากทั้ง 2 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสแล้ว อาร์คดัชเชสมารี ลูเซียก็ทรงได้รับการสถาปนาเป็นสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์แห่งฝรั่งเศส (The Empress Marie Louise of the French) และเมื่อวันที่20 มีนาคม พ.ศ. 2354 พระองค์ทรงให้ประสูติกาลพระราชโอรส 1 พระองค์ สมเด็จพระจักรพรรดินโปเลียนทรงพระราชทานพระนามพระราชโอรสองค์เดียวของพระองค์ว่า นโปเลียน ฟรองซัวส์ โจเซฟ ชาร์ลส์ โบนาปาร์ต


    สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ทรงดำรงตำแหน่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ตั้งแต่เดือนเมษายน ถึง เดือนธันวาคม พ.ศ. 2355 ขณะที่พระราชสวามีของพระองค์ทรงนำกองทัพไปรบกับจักรวรรดิรัสเซีย และทรงดำรงตำแหน่งผ้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีกครั้งเมื่อพระราชสวามีทรงนำกองทัพไปรบกับปรัสเซีย รวมทั้งกลุ่มในประเทศเยอรมัน เมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2356 ถึง เดือนมกราคม พ.ศ. 2357 หลังจากสงครามเสร็จสิ้นแล้ว ผลปรากฏว่าฝรั่งเศสพ่ายแพ้สงครามทั้งหมด นโปเลียนจึงทรงสละราชสมบัติเมื่อวันที่6 เมษายน พ.ศ. 2357 และทรงอพยพไปที่เกาะเอลบา ประเทศอิตาลี ส่วนสมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็ทรงเสด็จกลับประเทศออสเตรีย แล้วก็ไม่ทรงเห็นพระราชสวามีของพระองค์อีกเลย

    [แก้] ดัชเชสแห่งปาร์มา

    หลังจากที่นโปเลียนสละราชสมับติเมื่อเดือนเมษายน พ.ศ. 2357แล้ว สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์และพระราชโอรสองค์เดียวก็ทรงอพยพจากกรุงปารีสไปยังเมืองบลอยส์ จากนั้นก็อพยพต่อไปยังกรุงเวียนนา ในการประชุมสนธิสัญญาฟอนเท็นเนอโบลว์ เมื่อวันที่11 เมษายน พ.ศ. 2357 ได้ลงมติเป็นเอกฉันท์ว่า อนุญาตให้พระองค์ใช้พระราชอิสริยยศสมเด็จพระจักรพรรดินีได้ และยังให้พระองค์เป็นองค์พระประมุขแห่งแคว้นปาร์มา ปิอาเซนซ่า และกูแอสตาลล่า และให้พระราชโอรสของพระองค์เป็นองค์รัชทายาทอีกด้วย อย่างไรก็ตาม เมื่อปีพ.ศ. 2358 การประชุมที่เวียนนา ได้นำพระราชอิสริยยศของดัชเชสแห่งปาร์มามาเป็นหัวข้อในการประชุม ในการประชุมมีมติเป็นเอกฉันท์ว่า หลังจากที่พระองค์ทรงสิ้นพระชนม์แล้ว จะทำการคัดเลือกพระบรมวงศษนุวงศ์ที่เหมาะสมแก่การสืบราชบัลลงก์ต่อ โดยเมื่อปีพ.ศ. 2360 มีการทำสนธิสัญญาว่า จะยกแคว้นทั้งหมดให้กับพระบรมวงศานุวงศ์แห่งราชวงศ์บูร์บอง อย่างในปีพ.ศ. 2387 แคว้นกูแอสตาลล่าได้ถูกผนวกเข้ากับแค้วนโมเดน่า

    [แก้] อภิเษกสมรสครั้งใหม่

    เมื่อปีพ.ศ. 2364 ซึ่งหลังจากที่นโปเลียนสิ้นพระชนม์ 4 เดือน สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ก็ทรงอภิเษกสสรสอีกครั้งกับ เค้านท์อดัม อัลเบิร์ตแห่งไนปเปร์ก โดยทั้ง 2 ทรงมีพระโอรส 1 พระองค์ และพระธิดา 2 พระองค์ ซึ่งพระบุตร 2 พระองค์แรกได้ประสูติก่อนที่ ทั้ง 2 พระองค์จะทรงอภิเษกสมรสกัน

    • เค้านท์เตสอัลเบอร์ไทน์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2330พ.ศ. 2410) สมรสกับเค้านท์ลุยกิ ซานวิเทลแห่งฟอนทาเนลลาโต
    • เค้านท์วิลเฮล์ม อัลเบรชท์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2362พ.ศ. 2438) ภายหลังได้รับเลื่อนพระอิสริยยศเป็นเจ้าชายแห่งมอยเตนูโว (The Prince of Montenuovo) สมรสกับเค้านท์เตสจูเลียนา บัธเธียนาแห่งเนเมทูยาร์
    • เค้านท์เตสมาธิลด์แห่งมอนเตนูโว (พ.ศ. 2365พ.ศ. 2443) ไม่ทรงอภิเษกสมรส

    และเมื่อปีพ.ศ. 2377 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสอีกครั้งกับมาร์ควิสมาร์ค มารีแห่งบอมแบลล์ โดยทั้ง 2 ทรงไม่มีพระบุตรด้วยกัน...

    [แก้] สิ้นพระชนม์

    สมเด็จพระจักรพรรดินีมารี หลุยส์ทรงสิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 17 ธันวาคม พ.ศ. 2390 ณ แคว้นปาร์มา สิริพระชนมพรรษาได้ 56 พรรษา พระศพของพระองค์ถูกย้ายจากปาร์มามายังเวียนนา เพื่อทำการฝังพระศพไว้ที่วิหารฮับส์บูร์ก ซึ่งเป็นที่ฝังพระศพพระบรมวงศานุวงศ์ออสเตรียมาช้านาน





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×