ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #144 : พระเจ้าซาร์ซีโมนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 170
      0
      28 พ.ค. 57

     

    ซีโมน แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (ภาษาบัลแกเรีย: Симеон Борисов Сакскобургготски, ซีโมน บอริซอฟ ซัคสโกเบิร์กก็อธสกี้; ภาษาเยอรมัน: Simeon von Sachsen-Coburg und Gotha or Simeon von Wettin) หรือ พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 แห่งบัลแกเรีย (ประสูติ 16 มิถุนายนพ.ศ. 2480) ทรงเป็นบุคคลสำคัญในสังคมการเมืองและราชวงศ์บัลแกเรีย พระองค์ทรงเป็นพระเจ้าซาร์แห่งบัลแกเรียตั้งแต่ พ.ศ. 2486 จนกระทั่ง พ.ศ. 2489 ระบอบกษัตริย์ได้ถูกล้มล้าง หลังจากนั้นพระองค์ได้ดำรงเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งสาธารณรัฐบัลแกเรียตั้งแต่เดือนกรกฎาคมพ.ศ. 2544 ถึงเดือนสิงหาคม พ.ศ. 2548

     

    เนื้อหา

    ประวัติราชวงศ์

    จากซ้าย:พระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 พระบิดา,เจ้าชายซิเมออนแห่งบัลแกเรีย,เจ้าหญิงมารี หลุยส์ พระเชษฐภคินี และเจ้าหญิงจีโอวันนาแห่งซาวอย พระมารดา

    พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงเป็นพระราชโอรสในพระเจ้าซาร์บอริสที่ 3 แห่งบัลแกเรียกับเจ้าหญิงจีโอวันนาแห่งซาวอยและมีความเกี่ยวข้องกับหลายๆราชวงศ์ในยุโรป รวมทั้ง สมเด็จพระราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 แห่งสหราชอาณาจักร,สมเด็จพระราชาธิบดีอัลแบร์ที่ 2 แห่งเบลเยียมและอดีตกษัตริย์แห่งอิตาลีคือสมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลีและสมเด็จพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 2 แห่งอิตาลี เมื่อพระองค์ทรงประสูติพระราชบิดาของพระองค์ได้ส่งเครื่องบินไปที่แม่น้ำจอร์แดนเพื่อ นำน้ำในแม่น้ำมาทำพิธีแบ็ฟติสท์ให้เจ้าชายซิเมออนเพื่อเข้ารีตคริสต์นิกาย ออร์ทอด็อกซ์ เจ้าชายซิเมออนได้ครองราชย์สมบัติเป็นพระเจ้าซาร์เมื่อวันที่ 28 สิงหาคม พ.ศ. 2486 สืบต่อจากพระราชบิดาของพระองค์ซึ่งทรงเสด็จสวรรคตหลังจากทรงเสด็จกลับมาจาก การเข้าพบอดอล์ฟ ฮิตเลอร์ ฟือเรอห์แห่งเยอรมนี เมื่อพระองค์ขึ้นครองราชย์ทรงมีพระชนมายุเพียง 6 พรรษาเท่านั้น เจ้าชายคิริลแห่งบัลแกเรียผู้เป็นพระปิตุลาของพระองค์,นายกรัฐมนตรีบอร์ดาน ฟิลอฟ และพลโทนิโคลา มิเฮย์ลอฟ มิฮอฟแห่งกองทัพบัลแกเรียได้เป็นคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์

    ในวันที่ 5 กันยายน พ.ศ. 2487 สหภาพโซเวียตได้ ประกาศสงครามกับราชอาณาจักรบัลแกเรียอย่างเป็นทางการและกองทัพแดงได้ยกพลบุก เข้าราชอาณาจักร ในวันที่ 9 กันยายน พ.ศ. 2487 เจ้าชายคิริลและคณะผู้สำเร็จราชการได้ถูกผู้นิยมโซเวียตหักหลังทำการรัฐ ประหารและจับกุม เจ้าชายคิริล,คณะผู้สำเร็จราชการทั้งหมด,สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร, วุฒิสมาชิก,ผู้นำเหล่าทัพทั้งหมดและนักข่าวที่มีชื่อเสียงในประเทศถูกสั่ง ประหารทั้งหมดโดยเหล่าคอมมิวนิสต์ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2488

    การลี้ภัย

    พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 เมื่อทรงพระเยาว์

    พระราชวงศ์ที่เหลือได้แก่ สมเด็จพระราชินีจีโอวันนา,พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 ,เจ้าหญิงมารี หลุยส์แห่งบัลแกเรีย พระเชษฐภคินีและเจ้าหญิงยูโดเซียแห่งบัลแกเรีย พระปิตุจฉา ได้รับการอนุญาติให้พำนักที่พระราชวังวรานาใกล้กรุงโซเฟียใน ขณะที่ได้มีการแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการคอมมิวนิสต์ชุดใหม่ ในบันทึกของพระนางจีโอวันนาทรงได้เล่าว่า "ทหารโซเวียตในครั้งนั้นได้มีความสนุกจากไล่ยิงพสกนิกรในทุกๆที่ที่นอกเหนือ จากได้รับคำสั่งจากคณะรัฐบาลซึ่งตอนนั้นฉันกำลังเดินกับลูกๆอยู่ที่ที่นั้น" ในวันที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2489 ได้มีการลงคะแนนเสียงภายในกองทัพโซเวียต ผลออกมาร้อยละ 97 เห็นด้วยในการสถาปนาสาธารณรัฐบัลแกเรียและล้มล้างพระราชวงศ์และระบอบ กษัตริย์ โดยให้พระราชวงศ์เตรียมตัว 1 เดือนเพื่อออกจากประเทศแต่เพียงวันเดียวคือในวันที่ 16 กันยายน พ.ศ. 2489 พระราชวงศ์ได้ถูกบังคับให้ออกจากบัลแกเรีย อย่างไรก็ตามพระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงไม่เคยลงพระนามในเอกสารสละราชบัลลังก์ อย่างเป็นทางการ พระราชวงศ์ทั้งหมดจึงต้องลี้ภัยไปที่อเล็กซานเดรียประเทศอียิปต์ที่ซึ่งพระราชบิดาของพระราชินีจีโอวันนาคือ สมเด็จพระเจ้าวิคเตอร์ เอ็มมานูเอลที่ 3 แห่งอิตาลีพำนัก อยู่หลังจากทรงลี้ภัยจากอิตาลี พระองค์และพระราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่อย่างยากลำบากโดยทรงมีทรัพย์เพียง พระองค์ละ 200 ดอลลาร์สหรัฐฯเท่านั้น ด้วยการอุปถัมภ์จากพระอัยกาทำให้พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงสำเร็จการศึกษาจากวิทยาลัยวิกตอเรีย,อเล็กซานเดรียซึ่งทรงสำเร็จการศึกษาร่วมกับมกุฎราชกุมารเลก้าแห่งแอลเบเนีย ต่อมาพระเจ้าวิกเตอร์ เอ็มมานูเอลผู้เป็นพระอัยกาได้เสด็จสวรรคตลง ทรงมอบมรดกให้แก่พระธิดาซึ่งก็คือ สมเด็จพระราชินีจีโอวันนา ทำให้ราชวงศ์ทรงมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นมาก ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2494 รัฐบาลสเปนนำโดยจอมพลฟรันซิสโก ฟรังโกได้เชิญพระราชวงศ์ลี้ภัยที่สเปน

    ระบอบกษัตริย์ในช่วงลี้ภัย การศึกษาและงานด้านธุรกิจ

    ในกรุงมาดริด พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงศึกษาที่Lycée Français แต่ไม่สำเร็จการศึกษา ในวันที่ 16 มิถุนายน พ.ศ. 2498 เมื่อทรงมีพระชนมายุได้ 18 พรรษา การที่พระองค์ทำให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญทาร์โนโว พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 ทรงประกาศตนเป็นพระเจ้าซาร์แห่งปวงชนชาวบัลแกเรียซึ่งทำให้การดำรงเป็น กษัตริย์แห่งปวงชนชาวบัลแกเรียตามเจตนารมย์ของพระองค์มั่นคงยิ่งขึ้นและ พระองค์ยังทรงประกาศแก่ชาวบัลแกเรียว่า พระองค์ยังทรงเป็นกษัตริย์ของพวกเขาเพราะไม่เคยลงนามในข้อความสละราช บัลลังก์เป็นลายลักษณ์อักษร ในปีพ.ศ. 2501 พระองค์ทรงสมัครเข้าValley Forge Military Academy and College ประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ซึ่งทรงเป็นที่รู้จักกันในนาม"Cadet Rylski No. 6883" และทรงสำเร็จการศึกษาในตำแหน่งร้อยตรี พระองค์ทรงศึกษากฎหมายและการบริหารธุรกิจในสเปนอีกครั้ง

    พระองค์ได้เป็นนักธุรกิจ เป็นเวลา 30 ปีทรงดำรงเป็นประธานบริษัท Thomson SA สเปนซึ่งเป็นบริษัทเกี่ยวกับกลุ่มเครื่องป้องกันและอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ของฝรั่งเศส และทรงเป็นที่ปรึกษาด้านการธนาคาร,การโรงแรม,อิเล็กทรอนิกส์และการจัดหา ข้อมูล พระเจ้าซาร์ซิเมออนได้ประกาศคณะการปกครองระหว่างทรงลี้ภัยผ่านทางตำแหน่งของ พระองค์ในมาดริดซึ่งทรงถูกถอดโดยยุคสมัยคอมมิวนิสต์ในบัลแกเรียและการขับไล่ พระองค์ออกจากประเทศซึ่งเป็นคนชาติเดียวกัน อย่างไรก็ตามทรงพยายามจัดตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นแต่ไม่เป็นผล

    การอภิเษกสมรส

    พระเจ้าซาร์ซิเมออนที่ 2 และมาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลาในวันอภิเษกสมรส

    ในปีพ.ศ. 2505 ทรงอภิเษกสมรสกับชนชั้นสูงในสเปนคือ มาร์การิตา โกเมซ-อเชโบ ยี เซจูลา แต่การอภิเษกสมรสไม่เป็นไปโดยง่ายเนื่องจากพระองค์ทรงเป็นออร์ทอด็อกซ์ ส่วนพระชายาเป็นคาทอลิก พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงเสด็จไปเข้าเฝ้าสมเด็จพระสันตปาปาถึง 3 ครั้ง จนในที่สุดทรงอนุญาตแต่มีข้อแม้ให้จัดพิธีอภิเษกสมรสในโบสถ์ทั้ง 2 ฝ่าย ทั้ง 2 พระองค์ทรงมีพระโอรสและธิดารวม 5 พระองค์ เป็นพระโอรส 4 พระองค์และพระธิดา 1 พระองค์ โดยปัจจุบันทั้ง 5 พระองค์ทรงอภิเษกสมรสกับชาวสเปนทั้งสิ้น

    การกลับคืนสู่การเมือง

    นายกรัฐมนตรี ซิเมออน แซ็กซ์-โคบูร์ก-ก็อตธากับประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิลยู บุช (ภาพจากนิตยสาร LIFE)

    ในปี พ.ศ. 2533 หลังจากการล่มสลายของลัทธิคอมมิวนิสต์ พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงได้รับพาสปอร์ตชาวบัลแกเรียฉบับใหม่ ในปี พ.ศ. 2539 ซึ่งเป็นปีที่ 50 ของการล้มล้างราชบัลลังก์ พระเจ้าซาร์ซิเมออนทรงเสด็จกลับบัลแกเรียและมีพสกนิกรชาวบัลแกเรียมารับ เสด็จมากมายอย่างอบอุ่น โดยฝูงชนได้ตะโกนว่า "เราต้องการกษัตริย์!" (We want our King!) แต่พระองค์ทรงต้องการเข้าสู่การเมือง เมื่อทรงมาถึงพระองค์ได้ยื่นคำร้องต่อศาลให้ยกเลิกคำสั่งยึดทรัพย์สินในสมัย รัฐบาลคอมมิวนิสต์ ทำให้ทรงได้พระราชวังวรานา, พระราชวังซาร์สกา บิสทริตสา และทรัพย์สมบัติมากมายกลับคืนมา แต่ทรงรับทรัพย์สินเพียงบางส่วน ส่วนที่เหลือได้มอบคืนแก่รัฐบาลเพื่อเป็นสมบัติของประชาชน

    ในปี พ.ศ. 2544 ทรงประกาศจัดตั้งพรรคการเมืองชื่อ พรรคขบวนการแห่งชาติเพื่อซิเมออนที่ 2 (NMSII) มีนโยบายคือ"ปฏิรูปและการเมืองมั่นคง" พระองค์ทรงสัญญาว่าภายใน 800 วัน ชาวบัลแกเรียจะเข้าในการปกครองของรัฐบาลอย่างชัดเจนและมีความสุขสมบูรณ์กับ ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น ในการเลือกตั้งวันที่ 17 มิถุนายนพ.ศ. 2544 พรรคของพระองค์ได้ที่นั่งในรัฐสภาถึง 120 ที่นั่งหรือครึ่งหนึ่งของทั้งหมด แต่การมี ส.ส. เพียงครึ่งเดียวไม่สามารถบริหารได้พระองค์จึงทรงดึงพรรคขบวนการเพื่อความถูกต้องและเสรีภาพ (MRF) มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้พระองค์ทรงดำรงเป็นนายกรัฐมนตรีแห่งบัลแกเรียขณะ มีพระชนมายุ 64 พรรษา ทรงบริหารประเทศเพื่อฟื้นฟูความบอบช้ำจากการฉ้อราษฎร์บังหลวงอย่างหนักของ รัฐบาลที่ผ่านๆ มา พระองค์ทรงนำบัลแกเรียเข้าสู่องค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ จนถึงปี พ.ศ. 2548 รัฐบาลของพระองค์ได้หมดวาระ เนื่องจากทรงพ่ายแพ้ในการเลือกตั้งแก่พรรคสังคมนิยมบัลแกเรีย (BSP) ปัจจุบันทรงดำรงเป็นหัวหน้าพรรคและทรงใช้ชีวิตอย่างสงบ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×