คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #194 : เจ้าหญิงลิเลียน ดัชเชสแห่งฮัลลันด์
เจ้าหญิงลิเลียน ดัชเชสแห่งฮัลลันด์ (อังกฤษ: Princess Lilian, Duchess of Halland; ประสูติ: 30 สิงหาคม ค.ศ. 1915 — สิ้นพระชนม์: 10 มีนาคม ค.ศ. 2013) พระชายาในเจ้าชายเบอร์ติล ดยุกแห่งฮัลลันด์ พระองค์เป็นพระปิตุลานี (ป้าสะใภ้) ในสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน พระมหากษัตริย์แห่งสวีเดนองค์ปัจจุบัน และเป็นพระมาตุลานีของสมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก
เจ้าหญิงลิเลียนถือเป็นพระบรมวงศานุวงศ์สวีเดนที่มีพระชันษายืนที่สุดในรัชกาล[2] พระองค์สิ้นพระชนม์ลงในปี ค.ศ. 2013 สิริพระชนมายุ 97 พรรษา[1]
พระประวัติ[แก้]
เจ้าหญิงลิเลียนแห่งสวีเดน ประสูติเมื่อวันที่ 30 สิงหาคม ค.ศ. 1915 ณ เมืองสวอนซี แคว้นเวลส์ สหราชอาณาจักร เป็นธิดาของวิลเลียม จอห์น เดวีส์ และกลาดีส์ แมรี คูร์รัน มีพระขนิษฐาบุญธรรมอีกสองท่านในสวอนซี[2] บิดาและมารดาของพระองค์เริ่มมีปัญหาระหองระแหงและแยกกันอยู่ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1920 จนกระทั่งหย่าร้างกันในปี ค.ศ. 1939
พระองค์มีพระนามเมื่อแรกประสูติว่า ลิลเลียน เมย์ เดวีส์ (อังกฤษ: Lillian May Davies)[3] ต่อมาพระองค์ได้เปลี่ยนพระนามใหม่ โดยตัดตัว L ไปหนึ่งตัว เป็น ลิเลียน(อังกฤษ: Lilian) เมื่อพระองค์เริ่มเข้าวงการนางแบบ
การสมรส[แก้]
การสมรสครั้งแรก[แก้]
ในปี ค.ศ. 1940 ลิเลียน เดวีส์ ได้สมรสกับอิวาน เคร็ก นักแสดงที่เมืองฮอร์เชม เวสต์ซัสเซ็กซ์[4] จนเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 สามีของเธอได้ออกไปพำนักในแอฟริกา[4] นางลิเลียน เคร็ก ได้ทำงานในโรงงานเพื่อผลิตวิทยุสร้างความบันเทิงสำหรับราชนาวีของสหราชอาณาจักร รวมไปถึงทีโรงพยาบาลสำหรับทหารที่เจ็บป่วยและพักรักษาตัว
การอภิเษกสมรส[แก้]
ในปี ค.ศ. 1943 เธอได้มีปฏิสันถารครั้งแรกกับเจ้าชายเบอร์ติล ดยุกแห่งฮัลลันด์ ในกรุงลอนดอนที่งานเลี้ยงค็อกเทลที่เสด็จมาเพื่อเป็นเกียรติในวาระวันเกิดของเธอที่เธอมีอายุ 28 ปี หลังจากการพบกันครั้งนั้นทั้งสองก็รักกัน ตอนนั้นเธอยังมิได้หย่าขาดจากอดีตสามีจนสองปีให้หลังจึงมีการหย่าร้างกับอดีตสามีในปี ค.ศ. 1945[4]
ต่อมาเจ้าชายเบอร์ติลก็ได้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แทนพระเชษฐาที่สิ้นพระชนม์ในปี ค.ศ. 1947 และทำหน้าที่เป็นผู้สำเร็จราชการให้แก่พระโอรสของพระเชษฐา นั้นคือ สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน ซึ่งขณะนั้นมีทรงพระเยาว์ ทั้งนี้เนื่องจากต้องทำตามกฎมนเทียรบาลว่าด้วยการสืบสันตติวงศ์ (เนื่องจากการอภิเษกสมรสของเจ้าเบอร์ติลจะไม่ได้รับการยอมรับ) เจ้าชายเบอร์ติลจึงไม่อภิเษกสมรสกับลิเลียนเนื่องจากเขาจะไม่มีสิทธิในการสืบราชบัลลังก์ แต่อย่างไรก็ตามทั้งสองก็ใช้ชีวิตอยู่ด้วยกันอย่างง่าย ๆ และดำรงพระชนม์อย่างรอบคอบร่วมกันโดยไม่อภิเษกสมรสกว่า 30 ปี
ในปี ค.ศ. 1946 เจ้าชายเบอร์ติลได้ประทับส่วนพระองค์อยู่ในแซงต์มาซีม (ฝรั่งเศส: Sainte-Maxime) ประเทศฝรั่งเศส ซึ่งขณะนั้นสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน เจริญพระชันษาสามารถปกครองประเทศได้โดยพระองค์เองแล้ว และได้มีพระบรมราชานุญาตให้เจ้าชายเบอร์ติลสามารถอภิเษกสมรสกับลิเลียนผู้เป็นสตรีสามัญชนได้ โดยทั้งคู่ได้อภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 7 ธันวาคม ค.ศ. 1976 ณ โบสถ์ภายในพระราชวังดรอตต์นิงโฮล์ม
พระสวามีสิ้นพระชนม์[แก้]
เจ้าชายเบอร์ติล สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 5 มกราคม ค.ศ. 1997 ณ พระตำหนักส่วนพระองค์ ซึ่งเจ้าหญิงลิเลียนประทับอยู่ที่นั้นด้วย หลังจากการสิ้นพระชนม์ของสวามีพระองค์ก็ปฏิบัติพระกรณียกิจเป็นตัวแทนของพระบรมวงศานุวงศ์ตลอดมา พระองค์ได้อุปถัมภ์องค์กรต่าง ๆ จำนวนมาก และเป็นสมาชิกกิตติมศักดิ์กลุ่มองค์กรและสมาคมต่าง ๆ
ปลายพระชนม์และการสิ้นพระชนม์[แก้]
ในปี ค.ศ. 2000 เจ้าหญิงลิเลียนทรงนิพนธ์อัตชีวประวัติระหว่างพระองค์กับเจ้าชายเบอร์ติล และในปัจจุบันเจ้าหญิงลิเลียนถือเป็นพระบรมวงศานุวงศ์ที่มีพระชนมายุสูงที่สุด
จนในเดือนสิงหาคม ค.ศ. 2008 พระองค์ทรงลื่นล้มจนกระดูกพระโสภี (สะโพก) แตกภายในอพาร์ตเมนต์ของพระองค์[5] และในเดือนกุมภาพันธ์ ค.ศ. 2009 ได้มีการประกาศเกี่ยวกับการประชวรของพระองค์ จนท้ายที่สุดในวันที่ 3 มิถุนายน ค.ศ. 2010 ได้มีการประกาศว่าพระองค์ประชวรด้วยโรคอัลไซเมอร์ ทำให้ไม่สามารถปรากฏพระองค์ต่อสาธารณชนอีกต่อไป[6] พระองค์ได้ใช้ชีวิตในบั้นปลายพระชนม์ในวิลลาโซลบักเคิน พระตำหนักเดิมของเจ้าชายเบอร์ติลที่ยูการ์เดนโดยมีนางพยาบาลคอยถวายการดูแล 3 คน[4]
เจ้าหญิงลิเลียน ดัชเชสแห่งฮัลลันด์ สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 10 มีนาคม ค.ศ. 2013 ที่กรุงสตอกโฮล์ม ประเทศสวีเดน สิริพระชนมายุ 97 พรรษา การนี้ทางสำนักพระราชวังของสวีเดนมิได้ประกาศถึงสาเหตุของการสิ้นพระชนม์ ซึ่งก่อนหน้านี้เจ้าหญิงลิเลียนทรงทนทุกข์ทรมานจากอัลไซเมอร์และพระพลานามัยที่ย่ำแย่มานาน[1][4][7]
พระราชพิธีปลงพระศพถูกจัดขึ้นเมื่อวันที่ 16 มีนาคมปีเดียวกันนั้น และได้มีการถ่ายทอดสดผ่านช่อง SVT ของสวีเดน การนี้สมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ล กุสตาฟที่ 16 และสมเด็จพระราชินีซิลเวีย พร้อมด้วยพระบรมวงศานุวงศ์สวีเดน ได้แก่ เจ้าหญิงมาร์กาเรธา, เจ้าหญิงบิร์กิตตา, เจ้าหญิงเดซีเร, เจ้าหญิงคริสตินา, มกุฎราชกุมารีวิกตอเรีย, เจ้าชายคาร์ล ฟิลิป, เจ้าหญิงมาเดอลีน และเจ้าชายดาเนียล[8] ในการนี้เจ้าหญิงอัสตริด เชื้อพระวงศ์นอร์เวย์ได้เสด็จมาร่วมในพระราชพิธีดังกล่าวด้วย[9]
พระเกียรติยศ[แก้]
พระอิสริยยศ[แก้]
- นางสาวลิลเลียน เมย์ เดวีส์ (30 สิงหาคม ค.ศ. 1915 — ไม่มีข้อมูล )
- นางสาวลิเลียน เมย์ เดวีส์ (ไม่มีข้อมูล — ค.ศ. 1940)
- นางอีวาน เคร็ก (ค.ศ. 1940 — ค.ศ. 1945)
- นางลิเลียน เมย์ เคร็ก (ค.ศ. 1945 — 7 ธันวาคม ค.ศ. 1976)
- เจ้าหญิงลิเลียนแห่งสวีเดน ดัชเชสแห่งฮัลลันด์ (7 ธันวาคม ค.ศ. 1976 — 10 มีนาคม ค.ศ. 2013)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]
- เดนมาร์ก : Knight of the Order of the Elephant
- ไอซ์แลนด์ : Knight Grand Cross of the Order of the Falcon (26 ตุลาคม ค.ศ. 1981) [10]
- สวีเดน : Commander Grand Cross of the Order of the Polar Star (1976)[11]
- สวีเดน : Knight of the Order of the Seraphim [11]
- สวีเดน : Royal Family Order of King Carl XVI Gustaf of Sweden (1976)
- สวีเดน : HM King Carl XVI Gustaf 50th Anniversary Medal (30 เมษายน ค.ศ. 1996)
- เยอรมัน : Grand Cross of the Order of Merit of the Federal Republic of Germany[12]
- นอร์เวย์ : Grand Cross of the Royal Norwegian Order of St. Olav (1992)
- ลัตเวีย : Recipient 2nd Class of the Order of the Three Stars
- ลิทัวเนีย : Commander's Grand Cross of the Order of the Lithuanian Grand Duke Gediminas (21 พฤศจิกายน 1995)[13]
- จอร์แดน : Grand Cordon of the Order of the Star of Jordan (2003) [14]
- ญี่ปุ่น : Grand Cordon of the Order of the Precious Crown (2000) [15]
- โปรตุเกส : Dame Grand Cross of the Order of Christ
- สเปน : Dame Grand Cross of the Order of Isabella the Catholic (15ตุลาคม ค.ศ. 1979) [16]
- เอสโตเนีย : First Class of the Order of the Cross of Terra Mariana (11 กันยายน ค.ศ. 1995) [17]
ความคิดเห็น