ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #277 : มาเรียนา วิกตอเรียแห่งสเปน สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 270
      0
      2 มิ.ย. 55

     

    เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียแห่งสเปน (31 มีนาคมพ.ศ. 2261 - 15 มกราคมพ.ศ. 2324) ทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปนเมื่อครั้งประสูติและหลังจากนั้นทรงเป็นสมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส ซึ่งทรงเป็นพระมเหสีในสมเด็จพระเจ้าโจเซที่ 1 แห่งโปรตุเกส เมื่อทรงมีพระชนมายุ 7 พรรษา ทรงหมั้นกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส[1] แต่ต่อมาการเตรียมการอภิเษกสมรสถูกยกเลิกและพระนางถูกส่งตัวกลับสเปน ในปีพ.ศ. 2272 ทรงอภิเษกสมรสกับพระราชโอรสในสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกสซึ่งก็คือ เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล[2] ทำให้พระนางทรงเป็นพระราชชนนีในสมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส ตลอดพระชนม์ชีพของพระนางทรงเป็นที่ปรึกษาคู่พระทัยพระราชสวามีและพระราชธิดา จนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปีพ.ศ. 2324

    เนื้อหา

    ประสูติและภูมิหลัง

    เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียประสูติ ณ พระราชวังรอยัล อัลคาซาแห่งมาดริด กรุงมาดริดประเทศสเปน ทรงเป็นพระราชธิดาพระองค์ใหญ่ใน พระเจ้าเฟลีเปที่ 5 แห่งสเปนกับดัสเชสเอลิซาเบธ ฟาร์เนเซแห่งปาร์มา[3] พระนาม "มาเรียนา วิกตอเรีย" ของพระนามนั้งมีที่มาจากพระนามของพระอัยยิกาฝ่ายพระราชบิดาคือ ดัสเชสมาเรีย แอนนา วิกตอเรียแห่งบาวาเรีย ผู้ซึ่งเป็นพระมเหสีในเจ้าชายหลุยส์ แกรนด์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปนโดยกำเนิด พระราชบิดาของพระนางทรงเป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศส และทรงได้รับสืยทอดการครองราชบัลลังก์สเปนในปีพ.ศ. 2243 ในช่วงที่เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียประสูติ ทรงอยู่ในลำดับที่ 5 ของการสืบราชบัลลังก์สเปน โดยทรงอยู่ถัดจาก พระเชษฐาต่างพระมารดา 3 พระองค์ ได้แก่ เจ้าชายหลุยส์แห่งอัสตูเรียส,เจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งสเปนและเจ้าชายเปโดรแห่งสเปน ลำดัยที่ 4 คือ พระเชษฐาร่วมพระมารดาคือ เจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน ในระหว่างทรงดำรงเป็นเจ้าหญิงแห่งสเปน ทรงได้รับพระอิศริยยศชั้น "เจ้าฟ้าหญิง"

    การหมั้นกับพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส

    พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และพระคู่หมั้น เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียแห่งสเปน ภาพวาดโดย ฟรังซัวส์ เดอ ทรอย

    หลังจากสงครามสี่สัมพันธมิตรฝรั่งเศสและสเปนตัดสินใจปรองดองกัน โดยการหมั้นเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียกับพระญาติของพระนางคือ ยุวกษัตริย์พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 แห่งฝรั่งเศส ซึ่งได้รับการจัดตั้งแผนโดยฟิลิปป์ที่ 2 ดยุคแห่งออร์เลอองส์ ผู้เป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์แห่งฝรั่งเศสในขณะนั้น[4] ซึ่งพระเจ้าหลุยส์ทรงมีพระชนมายุเพียง 10 พรรษา และแผนการหมั้นในครั้งนี้รวมถึงพิธีหมั้นของพระราชโอรสพระองค์โตในพระเจ้า เฟลีเปที่ 5 แห่งสเปนคือ เจ้าชายหลุยส์แห่งสเปนกับเจ้าหญิงหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง มาดาม เดอ มองเปสิเออร์ และรวมทั้งพิธีหมั้นระหว่างเจ้าหญิงฟิลิปพินส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง มาดาม เดอ โบโจลาอิสกับเจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน[5]

    หลุยส์ เดอ ลูฟว์รอย,ดุ๊ก เดอ แซงค์-ซิมอน ราชทูตจากฝรั่งเศส รับเสด็จพระนางในวันที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2264 เป็นการแลกเปลี่ยนเจ้าหญิงมาเรียนนา วิกตอเรียกับมาดาม เดอ มองเปซิเออร์ที่เกาะพลีเซนต์ ซึ่งเคยเป็นสถานที่ที่พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 แห่งฝรั่งเศสทรงพบกับว่าที่พระมเหสีเจ้าหญิงมาเรีย เทเรสแห่งสเปนในปีพ.ศ. 2203 เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียเสด็จถึงกรุงปารีสในวันที่ 2 มีนาคม พ.ศ. 2265 การจัดพิธีและเฉลิมฉลองจัดขึ้นในพระราชวังลูฟว์ซึ่งเป็นที่ประทับ เจ้าหญิงทรงได้รับพระนามลำลองว่า "l'infante Reine" แปลว่า เจ้าหญิงราชินี[5] เนื่องจากไม่ได้อภิเษกสมรสกันนับตั้งแต่เสด็จถึงฝรั่งเศสจนกระทั่งทรงเจริญ พระชันษาสูงขึ้น เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงตกอยู่ภายใต้ความเกรงขามของพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 และทรงเป็นที่นิยมในราชสำนักนอกเหนือจากพรเจ้าหลุยส์ทรงปฏิเสธให้พระนางเข้า เฝ้า[6]

    ตามที่เจ้าหญิงเอลิซาเบธ ชาร์ล็อตแห่งพาเลนทีน ผู้เป็นพระราชมารดาในผู้สำเร็จราชการทรงกล่าวถึงเจ้าหญิงมาเรียนาว่าเป็น "สิ่งเล็กๆที่หอมหวานและน่ารักที่สุด" และมีสติปัญญามากสำหรับพระชนมายุของเจ้าหญิง เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงได้รับการศึกษาจากมารี แอนน์ เดอ บูร์บง ผู้เป็นธิดานอกสมรสของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 กับหลุยส์ เดอ ลา วาลิแยร์ ผู้เป็นพระสนม ในเดือนกุมภาพันธ์ พ.ศ. 2266 พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ทรงบรรลุนิติภาวะและสามารถปกครองประเทศได้ด้วยพระองค์เอง[7]

    การประทับในฝรั่งเศสของเจ้าหญิงนั้นไม่ค่อยดี ภายใต้อิทธิพลของหลุยส์ อองรี ดยุคแห่งบูร์บง ผู้เป็นนายกรัฐมนตรีในขณะนั้นกับมาดาม เดอ ปรี ผู้เป็นสนมของเขา ได้ตัดสินใจส่งเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียซึ่งมีพระชนมายุ 7 พรรษากลับสเปนในวันที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2268 เนื่องจากพวกเขาต้องการที่จะรักษาอำนาจและอิทธิพลเหนือยุวกษัตริย์และได้ เสนอให้พระเจ้าหลุยส์อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงเฮนเรียต หลุยส์ เดอ บูร์บง ผู้เป็นพระขนิษฐาของดยุคเองซึ่งไม่เหมือนกับเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียตรงที่เจ้าหญิงเฮนเรียตทรงเจริญพระชันษาในช่วงที่สามารถทรงครรภ์ ได้ เหตุการณ์ในครั้งนี้ทำให้ทางสเปนไม่พอใจและปฏิเสธการสนับสนุนสถานะของเจ้าหญิงหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง สมเด็จพระราชินีแห่งสเปน ซึ่งอภิเษกสมรสกับพระเจ้าหลุยส์แห่งสเปน และพระเจ้าหลุยส์แห่งสเปนได้เสด็จสวรรคตโดยปราศจากรัชทายาทหลังจากทรงครองราชย์ได้เพียง 7 เดือน[5] ในฐานะที่อภิเษกสมรสแต่ก็ไม่ได้รับอะไรมากมาย ทางการสเปนปฏิเสธที่จะช่วยเหลือพระราชินีหลุยส์ เอลิซาเบธและมีพระราชโองการให้พระราชินีเสด็จกลับฝรั่งเศส พร้อมกับพระขนิษฐาของพระนาง เจ้าหญิงฟิลิปพินส์ เอลิซาเบธแห่งออร์เลออง ซึ่งเตรียมอภิเษกสมรสกับเจ้าชายชาร์ลส์แห่งสเปน การกระทำเช่นนี้เพื่อตอบโต้ฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียเสด็จออกจากพระราชวังแวร์ซายใน วันที่ 5 เมษายน พ.ศ. 2268 และเดินทางไปยังชายแดนเพื่อแลกเปลี่ยนเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรีย กับสองเจ้าหญิงแห่งออรฺเลอองคือ อดีตพระราชินีหลุยส์ เอลิซาเบธแห่งสเปนและเจ้าหญิงฟิลิปพินส์ ต่อมาพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมารี เลสไซน์สกาแห่งโปแลนด์ในเดือนกันยายน พ.ศ. 2268 และเจ้าหญิงมาเรีย เทเรซา ราฟาเอลาแห่งสเปน พระขนิษฐาในเจ้าหญิงมาเรียนาได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส พระราชโอรสในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ในปีพ.ศ. 2288 เพื่อกระชับความสัมพันธ์กับสเปนอีกครั้ง

    การหมั้นกับพระเจ้าโจเซที่ 1

    การมาถึงสเปนของเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียเป็นเรื่องที่น่าละอายอย่างมาก ทำให้เกิดความแตกแยกระหว่างสเปนและฝรั่งเศส จากเหตุการณ์ครั้งนี้ทางสเปนได้ร่วมมือกับออสเตรีย และทำสนธิสัญญาเวียนนา(1725)ใน ปีพ.ศ. 2268 ในขณะที่อังกฤษได้รับการสนับสนุนจากฝรั่งเศส เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงประทับอยู่ที่สเปนโดยยังมิได้อภิเษกสมรสและยังคงมีสิทธิ์ในราช บัลลังก์สเปนแต่ลำดับของเจ้าหญิงได้ถูกแทนที่โดยดยุคฟิลิปแห่งปาร์มาผู้เป็นพระอนุชาซึ่งประสูติในปีพ.ศ. 2263 ได้มีการติดต่อกับราชอาณาจักรโปรตุเกสในปีพ.ศ. 2270 ได้มีการเจรจาเรื่องการอภิเษกสมรสโดยมาควิสแห่งแอบรานเตส ราชทูตจากโปรตุเกส และเคยมีข่าวลือว่าเจ้าหญิงจะได้เข้าพิธีอภิเษกสมรสกับซาร์ปีเตอร์ที่ 2 แห่งรัสเซีย พระราชนัดดาในซาร์ปีเตอร์ที่ 1 มหาราช[8] การอภิเษกสมรสสองคู่ได้มีการวางแผนโดยเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียจะต้องอภิเษกสมรสกับเจ้าชายโจเซแห่งบราซิล พระราชโอรสและรัชทายาทในสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกส และเจ้าชายเฟอร์ดินานด์แห่งอัสตูเรียส พระเชษฐาต่างมารดาของเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียจะต้องเข้าพิธีอภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบาร์บาราแห่งโปรตุเกส ซึ่งเป็นพระเชษฐภคินีในเจ้าชายโจเซ[9] เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียอภิเษกสมรสกับเจ้าชายแห่งบราซิล(ตำแหน่งรัชทายาทแห่งโปรตุเกส)ในวันที่ 19 มกราคม พ.ศ. 2272 พระราชพิธีจัดขึ้นที่แคว้นอัลวาสในโปรตุเกส[3]เจ้าชายแห่งอัสตูเรียส(ตำแหน่งรัชทายาทแห่งสเปน)ได้อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงบาร์บาราในวันถัดมาที่แคว้นบาดาจอสของสเปน ตั้งแต่อภิเษกสมรสจนกระทั่งพระสวามีขึ้นครองราชย์สมบัติในปีพ.ศ. 2293 ทรงดำรงพระอิศริยยศ "เจ้าหญิงแห่งบราซิล"

    ทั้งสองพระองค์ทรงมีความสัมพันธ์อย่างใกล้ชิด ทั้งสองพระองค์โปรดการล่าลัตว์และดนตรี โดยเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงมีความสามารถในการร้องเพลง ทรงสนับสนุนนักร้องโอเปราอิตาเลียนและการละคร ทั้งสองพระองค์ทรงเค่งครัดในศาสนามาก ถึงอย่างไรก็ตามพระสวามีของเจ้าหญิงยังคงมีสนมหลายคนซึ่งทำให้พระมเหสีที่ แข็งแกร่งไม่ทรงโปรด เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียทรงมีพระประสูติกาลพระโอรสธิดารวม 8 พระองค์แต่มีเพียงพระธิดา 4 พระองค์เท่านั้นที่ทรงดำรงพระชนม์ชีพจวบจนเจริญพระชันษา[3] พระราชธิดาพระองค์แรกคือเจ้าหญิงมาเรีย ทรงได้รับพระอิศริยยศ "เจ้าหญิงแห่งเบย์รา" และเป็นรัชทายาทในพระราชบิดาของพระนาง พระราชธิดาสองพระองค์ของพระนางมาเรียนา วิกตอเรีย สิ้นพระชนม์โดยมิได้อภิเษกสมรส ได้แก่ เจ้าหญิงมาเรียนา ฟรานซิสกาได้เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส แต่พระนางมาเรียนา วิกตอเรีย พระมารดาของพระนางปฏิเสธแผนการนี้อาจเนื่องมาจากความคับแค้นพระทัยที่ทรงเคย ได้รับเมื่อเป็นพระคู่หมั้นในพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 พระธิดาองค์ต่อมาคือ เจ้าหญิงโดโรเธเอียได้เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับหลุยส์ ฟิลิปป์ที่ 2 ดยุคแห่งออร์เลอองส์ และเป็นอีกคั้งที่พระนางปฏิเสธแผนการนี้ พระราชธิดาองค์สุดท้องคือ เจ้าหญิงเบเนดิกตาได้อภิเษกสมรสกับเจ้าชายโจเซแห่งบราซิลผู้เป็นพระนัดดา ซึ่งการอภิเษกสมรสคั้งนี้ถูกจัดขึ้นหลังการสวรรคตของพระเจ้าโจเซ[10]

    สมเด็จพระราชินีแห่งโปรตุเกส, สมเด็จพระราชินีนาถและสมเด็จพระราชชนนีแห่งโปรตุเกส

    สมเด็จพระราชินีมาเรียนา วิกตอเรียแห่งโปรตุเกส วาดโดย มิเกล อันโตนิโอ โด อมาราล
    สมเด็จพระเจ้าโจเซฟและพระนางมาเรียนา วิกตอเรียในวันขึ้นครองราชสมบัติ

    หลังจากการเสด็จสวรรคตของสมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 5 แห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระสัสสุระในปีพ.ศ. 2293 พระสวามีจึงขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์แห่งจักรวรรดิโปรตุเกส ที่ซึ่งครอบคลุมอาณาเขตถึงทวีปอเมริกาใต้ ในรัชสมัยของพระสวามีทรงตกอยู่ภายใต้อิทธิพลของมาควิสแห่งพอมบาล ผู้ซึ่งเป็นที่ได้รับความไว้วางใจจากสมเด็จพระราชชนนีมาเรีย แอนนา พระเจ้าโจเซฟทรงมอบพระราชอำนาจในการปกครองแก่มาควิสแห่งพอมบาล และเขาได้ใช้อำนาจนี้กำจัดศัตรูทางการเมือง พระนางมาเรียนา วิกตอเรียและพระราชธิดาไม่ทรงนิยมชมชอบในพฤติกรรมและอำนาจของมาควิสแห่งพอ มบาลที่มีเหนือพระเจ้าโจเซฟ ในรัชสมัยของพระสวามีได้เกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่ที่ร้ายแรงคือ แผ่นดินไหวในลิสบอน พ.ศ. 2298 ในวันที่ 1 พฤศจิกายน พ.ศ. 2298 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 100,000 คน ผลจากมหันตภัยครั้งนี้ส่งผลให้พระเจ้าโจเซฟทรงพระประชวรด้วยโรคกลัวที่ปิดทึบ ซึ่งพระองึ์ไม่สามารถประทับในที่ที่ติดกับผนังได้ ทำให้พระราชวงศ์ต้องย้่ายไปประทับที่เมืองอาจูดาโดยประทับในกระโจมบนเนินเขา มาควิสแห่งพอมบาลได้จัดการบูรณะกรุงลิสบอนใหม่

    ในปีพ.ศ. 2302 ได้เกิดเหตุการณ์ "เรื่องอื้อฉาวทาวอรา" ซึ่งเป็นเหตุการณ์ลอบปลงพระชนม์สมเด็จพระเจ้าโจเซฟระหว่างเสด็จตามถนนในกรุง ลิสบอน พระองค์ทรงถูกยิงที่พระพาหาและผู้บังคับพาหนะได้รับบาดเจ็บ แต่พระองค์ก็ทรงรอดพระชนม์ชีพมาได้ มาควิสแห่งพอมบาลได้สั่งจับกุมคนตระกูลทาวอราซึ่งมีอิทธิพลทางการเมืองที่ เป็นปริปักษ์กับรัฐบาลของมาควิสในตอนนั้นและตกเป็นผู้ต้องสงสัย และเขาได้สั่งขับไล่บาทหลวงคณะเยซูอิต ที่ต้องสงสัยว่ารู้เห็นกับการลอบปลงพระชนม์ในเดือนพ.ศ. 2302 ซึ่งทั้งตระกูลทาวอราและคณะเยซูอิตล้วนยเป็นปริปักษ์กับมาควิสทั้งสิ้น มาควิสแห่งพอมบาลได้สั่งประหารตระกูลทาวอราทั้งตระกูล แต่ด้วยการแทรกแซงของพระนางมาเรียนา วิกตอเรียและเจ้าหญิงแห่งบราซิล พระธิดา ทำให้สามารถช่วยชีวิตผู้หญิงและเด็กในตระกูลนี้ได้จำนวนหนึ่ง ทำให้มาควิสไร้ซึ่งผู้ต่อต้านและเขาได้ควบคุมองค์กรสาธารณะต่างๆ และองค์การทางศาสนาและเขาได้กลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดในประเทศ ส่วนพระเจ้าโจเซฟและพระนางมาเรียนา วิกตอเรียทรงไม่มีอำนาจในการบริหาร

    ต่อมาพระสวามีทรงพระประชวรด้วยโรคเส้นพระโลหิตเลี้ยงสมองอุดตัน พระองค์ทรงแต่งตั้งพระนางมาเรียนา วิกตอเรียเป็นผูสำเร็จราชการแผ่นดินแทนพระองค์ในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2319[11] และพระนางทรงดำรงพระอิศริยยศ"สมเด็จพระราชินีนาถ" เรื่อยมาจนกระทั่งพระสวามีสวรรคตในวันที่ 24 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320[11] หลังจากพระสวามีสวรรคต พระราชธิดาองค์โตได้ครองราชบัลลังก์เป็นสมเด็จพระราชินีนาถพระองค์แรกในประวัติศาสตร์โปรตุเกสคือ สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส พระนางทรงให้คำปรึกษาแก่่พระราชธิดาทุกเรื่องโดยเฉพาะการปกครอง ช่วงต้นของรัชกาลพระนางมาเรียได้เนรเทศมาควิสแห่งพอมบาลออกจากประเทศ[11]

    เมื่อพระราชธิดาครองราชสมบัติ พระนางมาเรียนา วิกตอเรียทรงพัฒนาความสัมพันธ์กับสเปนซึ่งพระมหากษัตริย์สเปนในครั้งนั้น เป็นพระเชษฐาของพระนางคือ พระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 แห่งสเปน สองประเทศได้ลงนามทางการค้าร่วมกันประเทศอาณานิคมแถบอเมริกา พระนางทรงเสด็จออกจากโปรตุเกสในวันที่ 28 ตุลาคม พ.ศ. 2320 โดยเสด็จประพาสสเปนและประทับที่มาดริดในพระราชวังหลวงอลันฮูเลสเป็นเวลาปีกว่า[12] พระนางทรงกระชับความสัมพันธ์กับสเปนโดยให้พระราชนัดดาอภิเษกสมรสกับราชวงศ์สเปน โดยเจ้าชายกาเบรียลแห่งสเปน พระราชโอรสในพระเจ้าชาร์ลส์ที่ 3 อภิเษกสมรสกับเจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียแห่งโปรตุเกส พระราชนัดดา และเจ้าหญิงคาร์ลอตา โจวควินาแห่งสเปน อภิเษกสมรสกับเจ้าชายจอห์นแห่งโปรตุเกส พระนางมาเรียนา วิกตอเรียทรงพระประชวรด้วยโรคไขข้ออักเสบโดยต้องทรงประทับรถเข็นบางครั้งใน เดือนสิงหาคม พ.ศ. 2321 พระนางเสด็จกลับโปรตุเกสในเดือนพฤศจิกายน ปีเดียวกัน พระนางทรงพระประชวรด้วยโรคพระหทัยวาย[13]และเสด็จสวรรคต ณ พระราชวังหลวงอาจูดา กรุงลิสบอนประเทศโปรตุเกส สิริพระชนมายุ 62 พรรษา พระศพฝังที่มหาวิหารเซา วิเซนเต

    รัชทายาท

      พระนาม ประสูติ สิ้นพระชนม์ คู่สมรส และพระโอรส-ธิดา
    Jcarvalho-dmariaI-mhn.jpg สมเด็จพระราชินีนาถมาเรียที่ 1 แห่งโปรตุเกส 17 ธันวาคม
    พ.ศ. 2277
    20 มีนาคม
    พ.ศ. 2359
    อภิเษกสมรส 6 มิถุนายน พ.ศ. 2303
    เจ้าชายเปโดรแห่งโปรตุเกส ผู้เป็นพระปิตุลา
    มีรัชทายาท 6 พระองค์ ได้แก่
    เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล
    เจ้าชายโจอาว ฟรานซิสโกแห่งโปรตุเกส
    เจ้าหญิงมาเรีย อิซาเบลแห่งโปรตุเกส
    สมเด็จพระเจ้าจอห์นที่ 6 แห่งโปรตุเกส
    เจ้าหญิงมาเรียนา วิกตอเรียแห่งโปรตุเกส
    เจ้าหญิงมาเรีย คลีเมนทีนาแห่งโปรตุเกส
    Coat of arms of the Kingdom of Portugal (Enciclopedie Diderot).svg เจ้าหญิงมาเรียนา ฟรานซิสกาแห่งโปรตุเกส 7 ตุลาคม
    พ.ศ. 2279
    6 พฤษภาคม
    พ.ศ. 2356
    เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับเจ้าชายหลุยส์ ดอแฟงแห่งฝรั่งเศส แต่พระนางมาเรียนา วิกตอเรีย พระมารดาของพระนางปฏิเสธแผนการนี้
    สิ้นพระชนม์โดยไม่ได้อภิเษกสมรส
    Coat of arms of the Kingdom of Portugal (Enciclopedie Diderot).svg เจ้าหญิงโดโรเธเอียแห่งโปรตุเกส 21 กันยายน
    พ.ศ. 2282
    14 มกราคม
    พ.ศ. 2314
    เตรียมเพื่ออภิเษกสมรสกับหลุยส์ ฟิลิปป์ที่ 2 ดยุคแห่งออร์เลอองส์ แต่พระนางทรงปฏิเสธที่จะอภิเษกสมรสกับดยุค
    สิ้นพระชนม์โดยไม่ได้อภิเษกสมรส
    Princesa do Brazil D.jpg เจ้าหญิงเบเนดิกตาแห่งโปรตุเกส 25 กรกฎาคม
    พ.ศ. 2289
    18 สิงหาคม
    พ.ศ. 2372
    อภิเษกสมรส 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2320
    เจ้าชายโจเซแห่งบราซิล ผู้เป็นพระนัดดา
    ไม่มีรัชทายาท

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×