ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #45 : ชาร์ลีน เจ้่าหญิงแห่งโมนาโก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 375
      0
      24 พ.ค. 57



    เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก (พระนามเดิม ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก, ประสูติ 25 มกราคม พ.ศ. 2521) อดีตนักกีฬาว่ายน้ำทีมชาติแอฟริกาใต้[1] และได้ดำรงอิสริยยศเป็น เจ้าหญิงแห่งโมนาโก ในฐานะพระชายาในเจ้าชายอัลแบร์ที่ 2 องค์อธิปัตย์แห่งโมนาโก หลังจากที่ตำแหน่งดังกล่าวได้ว่างลงหลังการสิ้นพระชนม์ของเจ้าหญิงเกรซ พระมารดาของสวามี[2]

    พระประวัติ[แก้]

    เจ้าหญิงชาร์ลีนแห่งโมนาโก มีพระนามเดิมว่า ชาร์ลีน ไลเนตต์ วิตต์สท็อก เกิดเมื่อวันที่ 25 มกราคม พ.ศ. 2521 ที่เมืองบูลาวาโย ประเทศโรดิเซีย (ปัจจุบันคือประเทศซิมบับเว)[3] เป็นธิดาของไมเคิล เคนเนต วิตต์สท็อก กับไลเนตต์ วิตต์สท็อก (สกุลเดิม ฮัมเบอร์สโตน) บิดาของเธอมีอาชีพเป็นพนักงานขาย[4] ส่วนมารดาเป็นอดีตผู้ฝึกสอนนักว่ายน้ำและนักดำน้ำ[5][6] ชาร์ลีนมีน้องชายด้วยกันสองคน ได้แก่ กาเรธ (เกิดปี พ.ศ. 2523) นักเทคนิคคอมพิวเตอร์ และฌอน (เกิดปี พ.ศ. 2526) ทำงานพนักงานขาย[5]

    ครอบครัวของชาร์ลีนอพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ในช่วงปี พ.ศ. 2532 ขณะนั้นพระองค์มีพระชันษาเพียง 11 ปี[3] และเข้ารับการศึกษาระดับประถมศึกษาที่โรงเรียนประถมทอมนิวบีในเมืองเบโนนี ใกล้กับเมืองโยฮันเนสเบิร์ก ช่วงปี พ.ศ. 2531-2534[7]

    บรรพบุรุษของพระองค์คือ มาร์ทิน ก็อตต์ลีบ วิตต์สท็อก และลุยเซอ วิตต์สท็อก ซึ่งมีพื้นเพเดิมมาจากหมู่บ้านแซร์เรินซิน แถบพอเมอเรเนีย ซึ่งอยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศเยอรมัน ได้อพยพเข้าสู่ประเทศแอฟริกาใต้ในปี พ.ศ. 2404 เพื่อหลบหนีความยากลำบากเพื่อมาขุดเพชร แต่กลับไม่ประสบผลสำเร็จ[8]

    เฮนริก คาร์ล วิตต์สท็อก บุตรชายของมาร์ทิน ก็อตต์ลีบได้สมรสกับโอลีฟ ฟลอเรนซ์ คอล์ดเวลล์ สตรีเชื้อสายอังกฤษ และบุตรชายของพวกเขาคือ ดัดลีย์ เคนเน็ต วิตต์สท็อก (ปู่ของชาร์ลีน) ได้สมรสกับซิลเวีย ฟากัน นิโคลสัน ซึ่งมีเชื้อสายอังกฤษเช่นกัน[9]

    นักกีฬาว่ายน้ำ[แก้]

    อภิเษกสมรส[แก้]

    Dual Cypher of Prince Albert and Princess Charlene of Monaco.svg

    ชาร์ลีนได้พบกับเจ้าชายอัลแบร์ครั้งแรกในปี พ.ศ. 2543 ในการแข่งขันว่ายน้ำที่จัดขึ้นในโมนาโก[5][10] และทั้งสองได้ออกงานร่วมกันครั้งแรกในพิธีเปิดงานโอลิมปิกฤดูหนาวในปี พ.ศ. 2549[3] ภายหลังชาร์ลีนได้เข้าไปอาศัยร่วมกันกับเจ้าชายอัลแบร์ในปีเดียวกันนั้นเอง[10] ชาร์ลีนและเจ้าชายอัลแบร์ได้ออกงานร่วมกันอีกในงานอภิเษกสมรสของเจ้าหญิงวิกตอเรีย มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน ปี พ.ศ. 2553 และงานอภิเษกสมรสของเจ้าชายวิลเลียมแห่งเวลส์ ในปี พ.ศ. 2554

    เจ้าชายอัลแบร์ทรงหมั้นกับชาร์ลีนเมื่อวันที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2554[11][12][13][14] เธอต้องละจากการนับถือนิกายโปรเตสแตนต์ แล้วเปลี่ยนไปนับถือนิกายโรมันคาทอลิก ตามกฎมนเทียรบาลของโมนาโก[15] หลังจากนั้นว่าที่เจ้าหญิงแห่งโมนาโกจะต้องหัดรับสั่งภาษาฝรั่งเศสและภาษาโมนาโก

    เดิมการอภิเษกสมรสจะถูกจัดขึ้นภายในวันที่ 8-9 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 แต่กลับถูกเลื่อนไปเนื่องจากงานอภิเษกสมรสอาจซ้อนกับงานประชุมของคณะกรรมการโอลิมปิกสากล (IOC) ซึ่งงานประชุมดังกล่าวจะถูกจัดขึ้นในวันที่ 5-9 กรกฎาคม ทั้งสองได้เชิญสมาชิกของ IOC รวมไปถึงนายฌาคส์ รอคเคอ (Jacques Rogge) ประธาน IOC เพื่อมาร่วมงานอภิเษกสมรส[16] ทั้งสองวางแผนการประชุม IOC ซึ่งจะเป็นครั้งแรกของเจ้าหญิงแห่งโมนาโกที่จะได้เสด็จไปยังบ้านเดิมของพระองค์เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์ที่ประเทศแอฟริกาใต้[16]

    เจ้าชายและเจ้าหญิงขณะเสด็จประพาสเมืองกรากูฟ

    หนึ่งสัปดาห์ก่อนงานอภิเษก สำนักพระราชวังปฏิเสธรายงานข่าวเกี่ยวกับชาร์ลีนว่าเธอไม่กล้าเข้าร่วมพิธีอภิเษกสมรส[3][17] มีรายงานจาก L'Express หนังสือพิมพ์รายสัปดาห์ของฝรั่งเศส ได้รายงานข่าวว่า ชาร์ลีนได้พยายามหนีออกจากพระราชวังในวันที่ 28 มิถุนายน หลังจากข่าวลือว่าเจ้าชายอัลแบร์มีพระบุตรนอกสมรสคนที่สาม[18] ซึ่งรายงานดังกล่าวได้อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจของโมนาโกได้พยายามขัดขวางชาร์ลีนในสนามบินนีซโกตดาซูร์ (Nice Côte d'Azur) และยึดหนังสือเดินทางของเธอ[19] มีการโน้มน้าวเธอจากเจ้าชายอัลแบร์และเจ้าหน้าที่ของพระราชวังให้เธอกลับไปยังที่พัก[20] ขณะเดียวกันสำนักพระราชวังของโมนาโกได้กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า "ข่าวลือที่ขี้เหร่" อันเกิดจากความริษยา[18]

    วันที่ 1 กรกฎาคม พ.ศ. 2554 ทั้งคู่ได้สมรสกันตามกฎหมายที่จัดภายในพระราชวังเจ้าชายแห่งโมนาโก[3] และพิธีสมรสทางศาสนาในวันที่ 2 กรกฎาคม ที่จัดอย่างหรูหรา[3]หลังการฮันนีมูนของทั้งสองที่ประเทศแอฟริกาใต้ หนังสือพิมพ์ของสเปน, สหราชอาณาจักร และรายงานอื่นๆ ต่างลงข่าวว่าทั้งสองไม่ได้พักอยู่ในโรงแรมเดียวกัน[21] แต่แท้จริงแล้วทั้งสองจองโรงแรมหลายแห่งที่ห่างกันหลายไมล์ ซึ่งรายงานดังกล่าวเปรียบเสมือนการกระตุ้นความไม่ลงรอยในชีวิตส่วนพระองค์ซึ่งมีตั้งแต่ก่อนการอภิเษกสมรสของทั้งสอง[22][23][24]

    พระเกียรติยศ[แก้]

    พระอิสริยยศ[แก้]

    เครื่องราชอิสริยาภรณ์[แก้]

    • โมนาโก โมนาโก: Grand Cross of the Order of Saint-Charles (17 พฤศจิกายน 2555)
    • โปแลนด์ โปแลนด์: (1st class) Order of Merit of the Republic of Poland (18 ตุลาคม 2555)

    พงศาวลี[แก้]


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×