ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชวงศ์อังกฤษและยุโรป 2

    ลำดับตอนที่ #62 : เจ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 506
      1
      25 พ.ค. 57



    เจ้าฟ้าชายโจอาคิมแห่งเดนมาร์ก, เคานท์แห่งมงเปอซา (เดนมาร์ก : Prins Joachim Holger Waldemar Christian til Danmark, greve af Monpezat ; 7 มิถุนายนพ.ศ. 2512, โคเปนเฮเกนประเทศเดนมาร์ก) ทรงเป็นหนึ่งในพระราชวงศ์เดนมาร์ก พระองค์ทรงเป็นพระโอรสองค์เล็กใน สมเด็จพระราชินีนาถมาร์เกรเธอที่ 2 แห่งเดนมาร์ก กับ เจ้าฟ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก พระราชสวามีฯ พระองค์ทรงอยู่ในลำดับสี่ของการสืบราชบัลลังก์เดนมาร์ก

    เนื้อหา

    พระประวัติ

    มกุฎราชกุมารเฟรเดริค พระเชษฐา (ซ้าย) และเจ้าฟ้าชายโจอาคิมในปี พ.ศ. 2529

    พระบิดามารดาอุปถัมภ์ของเจ้าชายโจอาคิมได้แก่ เคานท์ฌ็องแห่งลาบอร์ด เดอ มงเปอซา, เจ้าฟ้าหญิงเบเนดิกเทอแห่งเดนมาร์ก และเจ้าหญิงคริสตินาแห่งสวีเดน เจ้าชายโจอาคิมทรงใช้ภาษาเดนมาร์กเป็นภาษาแม่ ทั้งยังสามรถรับสั่งภาษาฝรั่งเศส, อังกฤษ และเยอรมัน ปัจจุบันพระองค์ทรงพำนักอยู่ที่ปราสาทซเฮคเคินบอร์ก ในจัตแลนด์

    เจ้าฟ้าชายโจอาคิมทรงเข้าศึกษาโรงเรียนประจำตั้งแต่ พ.ศ. 2517 จนกระทั่ง พ.ศ. 2519 ที่พระราชวังอามาเลียนเบิร์กและจากนั้นตั้งแต่ พ.ศ. 2519-2525 ที่เครปสโครว์ ในกรุงโคเปนเฮเกน ในช่วง พ.ศ. 2525-2526 ทรงเป็นนักเรียนแลกเปลี่ยนที่ เอโกลเดส์โรกส์, แคว้นนอร์มังดี, ประเทศฝรั่งเศส ในปี พ.ศ. 2529 ทรงเข้าศึกษาต่อที่โอเรการ์ด จิมเนเซียม ใน พ.ศ. 2534-2536 ทรงสำเร็จการศึกษาเกี่ยวกับเศรษฐกิจการเกษตรที่ Den Classenske Agerbrugskole Næsgaard

    พระราชกรณียกิจด้านการทหาร

    เจ้าฟ้าชายโจอาคิมทรงเริ่มศึกษาด้านการทหารในปี พ.ศ. 2530 เมื่อทรงได้เข้ากองทหารในพระราชินี ในปี พ.ศ. 2531 พระองค์ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นนายสิบและปีต่อมาทรงเป็นร้อยโทของกองกำลังสำรอง พระองค์ทรงได้เป็นผู้บัญชาการกองทหารรถถังตั้งแต่ พ.ศ. 2532-2533 จนในปี พ.ศ. 2533 ทรงได้รับการแต่งตั้งเป็นร้อยโทของกองกำลังสำรองในกองทัพสหรัฐอเมริกา และในปี พ.ศ. 2535 ทรงเป็นร้อยเอกของกองกำลังสำรอง หลังจากนั้นได้รับแต่งตั้งเป็นพันตรีของกองกำลังสำรองปี พ.ศ. 2548 และยังคงปฏิบัติงานด้านป้องกันประเทศ

    ชีวิตส่วนพระองค์

    เจ้าฟ้าชายโจอาคิมกับเคานท์เตสอเล็กซันดรา
    เจ้าฟ้าชายโจอาคิมกับเจ้าฟ้าหญิงมารี

    อภิเษกสมรสครั้งแรก

    ในวันที่ 18 พฤศจิกายนพ.ศ. 2538 เจ้าฟ้าชายโจอาคิมทรงอภิเษกสมรสกับนางสาวอเล็กซานดรา คริสตินา มันลีย์ ชาวฮ่องกง อดีตพนักงานขายและหัวหน้าตัวแทนฝ่ายบริหารด้านการตลาด และมีเชื้อสาย อังกฤษ, จีน, เช็ก และออสเตรีย พิธีจัดที่พระราชวังเฟรเดริคสบอร์ก โดยทั้งคู่ทรงมีพระโอรส 2 พระองค์ได้แก่

    ในวันที่ 16 กันยายนพ.ศ. 2547 ได้มีการรายงานว่าทั้ง 2 พระองค์ทรงแยกกันอยู่และทรงหย่าในวันที่ 8 เมษายนพ.ศ. 2548 ตามด้วยเคานท์เตสอเล็กซันดราทรงอภิเษกสมรสใหม่ทำให้ทรงสูญเสียพระอิสริยยศ ชั้นเจ้าฟ้าหญิง เคานท์เตสทรงพำนักและทรงงานในเดนมาร์กต่อไปและทั้งคู่ร่วมกันใช้สิทธิในการ ดูแลพระโอรสทั้งสอง

    อภิเษกสมรสครั้งที่สอง

    ในวันที่ 3 ตุลาคมพ.ศ. 2550 ราชสำนักได้ประกาศว่า เจ้าฟ้าชายโจอาคิมทรงหมั้นกับนางสาวมารี กาวัลลีเย ทรงอภิเษกสมรสในวันที่ 24 พฤษภาคมพ.ศ. 2551[1] ที่โบสถ์โมเกลทอนเดอร์ ซึ่งเป็นโบสถ์เดียวกนกับพิธีศีลจุ่มเจ้าฟ้าชายเฟลิกซ์แห่งเดนมาร์ก พิธีอภิเษกสมรสจัดขึ้นตรงกับวันครบรอบ 73 ปีการอภิเษกสมรสของพระอัยกาสมเด็จพระราชาธิบดีเฟรเดริคที่ 9 แห่งเดนมาร์ก กับพระอัยยิกาเจ้าหญิงอิงกริดแห่งสวีเดน[2]

     

    โดยภายในงานพิธีอภิเษกที่จัดภายในโบสถ์ยุคกลาง ใกล้กับพระตำหนักที่ประทับของเจ้าชายโจอาคิม ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศ ซึ่งงานอภิเษกสมรสครั้งนี้มีแขกรับเชิญเพียง 300 คน รวมทั้งพระสหาย กับราชนิกูลเดนมาร์ก และตัวแทนราชวงศ์ในแถบสแกนดิเนเวีย รวมทั้งองค์

    มกุฏราชกุมารีวิคตอเรียของสวีเดน และมกุฏราชกุมารโฮกุนของนอร์เวย์ งานจัดอย่างเรียบง่าย ซึ่งแตกต่างกันมากกับความหรูหราของพิธีอภิเษกสมรสในกรุงโคเปนเฮเกน เมื่อปี พ.ศ. 2538 กับอดีตพระชายา[3]

    ในวันที่ 10 ตุลาคมพ.ศ. 2551 ราชสำนักเดนมาร์กได้ประกาศว่าทั้งสองพระองค์ทรงมีพระบุตรองค์แรก[4] เจ้าฟ้าหญิงมารีทรงให้กำเนิดพระโอรสในเวลา 4 นาฬิกา 57 นาที ณ โรงพยาบาลริทฮอสพิทอเล็ทในวันที่ 4 พฤษภาคมพ.ศ. 2552[5] พระโอรสได้รับศีลจุ่มในวันที่ 26 กรกฎาคมพ.ศ. 2552 ที่โบสถ์โมเกลทอนเดอร์ ได้รับพระนามว่า เจ้าชายเฮนริกแห่งเดนมาร์ก

    พระอิสริยยศ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×