คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #96 : ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและโกทา
เจ้าฟ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (Charles Edward, Duke of Saxe-Coburg and Gotha พระนามแบบเต็ม เลโอโพลด์ ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด จอร์จ อัลเบิร์ต; ภาษาเยอรมัน Carl Eduard, Herzog von Sachsen-Coburg und Gotha; 19 กรกฎาคมพ.ศ. 2427 - 6 มีนาคมพ.ศ. 2497) ทรงเป็นดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ในประเทศเยอรมนี พระองค์ที่สี่และสุดท้าย (30 กรกฎาคมพ.ศ. 2443 - 14 พฤศจิกายนพ.ศ. 2461) และในฐานะพระราชนัดดาในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ผ่านทางสายพระราชโอรส พระองค์ทรงเป็นเจ้าชายแห่งสหราชอาณาจักรบริเตนใหญ่และไอร์แลนด์ และยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นดยุคแห่งอัลบานีอีกด้วย
เจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดทรงเป็นบุคคลที่ก่อให้เกิดความขัดแย้งในประเทศอังกฤษ เนื่องจากการมีสถานภาพเป็นศัตรูในฐานะที่ทรงเป็นดยุคครองรัฐแห่งแซ็กซ์-โค บูร์กและก็อตธา อันเป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิเยอรมันในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 พระองค์ทรงถูกถอดถอนบรรดาศักดิ์ขุนนางและเครื่องราชอิสริยาภรณ์ต่างๆ ของอังกฤษเมื่อปี พ.ศ. 2462[1] ในปี พ.ศ. 2461 พระองค์ทรงถูกบังคับให้สละราชสมบัติ และต่อมาได้ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีเยอรมัน ยังความเสื่อมเสียที่ใหญ่หลวงมาให้แก่เจ้าหญิงอลิซ เค้านท์เตสแห่งแอธโลน ซึ่งทรงเป็นพระภคินีเพียงพระองค์เดียว สมเด็จพระราชินีแมรี่ พระภคินีในพระเชษฐภรรดา รวมถึงสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ซึ่งเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งด้วย
เนื้อหา |
พระชนม์ชีพในวัยเยาว์
เจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดประสูติในวันที่ 19 กรกฎาคมพ.ศ. 2427 ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ใกล้กับเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ พระชนกของพระองค์คือ เจ้าชายเลโอโพลด์ ดยุคแห่งออลบานี พระราชโอรสองค์ที่สี่ในสมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย และ เจ้าฟ้าชายอัลเบิร์ต เจ้าชายพระราชสวามี ส่วนพระชนนีคือ ดัชเชสแห่งออลบานี (พระอิสริยยศเดิม เจ้าหญิงเฮเลนาแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์) พระองค์ทรงมีพระนามเรียกเล่นในหมู่พระประยูรญาติว่า "ชาร์ลี"
เนื่องจากว่าพระชนกสิ้นพระชนม์ไปก่อนการประสูติ เจ้าชายจึงทรงสืบพระอิสริยยศทั้งหมดของพระชนกทันทีที่ประสูติและทรงดำรงพระอิสริยยศ สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งออลบานี (His Royal Highness The Duke of Albany)
หลังจากการประชวร พระองค์ทรงเข้ารับศีลล้างบาปเป็นส่วนตัวเมื่อวันที่ 4 สิงหาคมพ.ศ. 2427 ณ ตำหนักแคลร์มอนต์ ภายหลังการประสูติได้สองสัปดาห์ และอีกสี่เดือนต่อมาจึงเข้ารับศีลล้างบาปต่อสาธารณชนในวันที่ 4 ธันวาคมพ.ศ. 2427 ณ โบสถ์ประจำเมืองเอสเชอร์ มณฑลเซอร์เรย์ โดยมีพ่อและแม่ทูนหัวคือ สมเด็จพระบรมราชินีนาถวิกตอเรีย เจ้าชายแห่งเวลส์ (ในภายหลังคือ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7) เจ้าหญิงคริสเตียนแห่งชเลสวิก-โฮลชไตน์มาร์ชเนสแห่งลอร์นเจ้าหญิงเฟรเดริกาแห่งฮันโนเวอร์ และเจ้าชายจอร์จ วิกเตอร์ เจ้าชายครองรัฐแห่งวัลเด็คและไพร์มอนต์ สมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 7 พระราชปิตุลาได้พระราชทานเครื่องราชอิสรยาภรณ์การ์เตอร์ชั้นอัศวินให้แก่ เจ้าชายในปี พ.ศ. 2445
ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา
ในปี พ.ศ. 2443 ดยุคแห่งออลบานี ที่มีพระชนมายุ 14 พรรษาได้เสวยราชสมบัติในรัฐดยุคครองนครแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาสืบต่อเจ้าชายอัลเฟรด ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา พระปิตุลาซึ่งทรงเป็นพระราชโอรสพระองค์ที่สองในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ส่วนเจ้าชายอัลเฟรดแห่งเอดินเบอระ (ซึ่งมีพระนามเรียกเล่น "แอฟฟี่หนุ่ม") พระโอรสองค์เดียวในดยุคแห่งเอดินเบอระสิ้นพระชนม์ในปี พ.ศ. 2442 และดยุคแห่งคอนน็อต พระราชโอรสพระองค์ที่สามในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย ทรงสละราชสิทธิ์การสืบราชสมบัติก่อนแล้ว เจ้าชายอาร์เธอร์แห่งคอนน็อต พระโอรสในเจ้าชายอาร์เธอร์ กำลังทรงศึกษาเล่าเรียนอยู่ที่วิทยาลัยอีตันกับเจ้าชายชาร์ลส์ และทรงขู่ที่จะทำร้ายเจ้าชายชาร์ลส์หากไม่ทรงยอมรับการสืบราชสมบัติ เจ้าชายทรงปกครองภายใต้ระบอบผู้สำเร็จราชการโดยเจ้าชายแห่งโฮเฮ็นโลเฮ-แล็ง เก็นบูร์กอยู่เป็นเวลาห้าปี เมื่อพระชนมายุครบกำหนดในวันที่ 19 กรกฎาคมพ.ศ. 2448 ดยุคแห่งออลบานีก็ทรงเถลิงอำนาจตามรัฐธรรมนูญอย่างเต็มที่ทรงมีพระราชสถานะ เป็นดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ในฐานะที่ทรงเป็นพระราชนัดดาพระองค์หนึ่งในสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย พระองค์ทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งของแกรนด์ดยุคแอร์นส์ ลุดวิกแห่งเฮสส์และไรน์ เจ้าชายแห่งเวลส์ (ต่อมาคือ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5) สมเด็จพระจักรพรรดินี อเล็กซานดรา เฟโอโดรอฟนาแห่งรัสเซียสมเด็จพระราชินีมารีแห่งโรมาเนียสมเด็จพระราชินีม็อดแห่งนอร์เวย์สมเด็จพระราชินีวิกตอเรีย ยูจีเนียแห่งสเปน และสมเด็จพระราชินีนาถวิลเฮลมินาแห่งเนเธอร์แลนด์ นอกจากนี้แล้วยังทรงเป็นพระญาติชั้นที่หนึ่งในสมเด็จพระจักรพรรดิวิลเฮล์มที่ 2 แห่งเยอรมนี แต่จากการดูแลพระญาติหนุ่มพระองค์นี้ของพระจักรพรรดิแสดงให้เห็นว่าเจ้าชาย ชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดทรงเป็นรู้จักในฐานะพระราชโอรสองค์เจ็ดของพระองค์มากกว่า[2]
อภิเษกสมรส
เจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ด ซึ่งในขณะนี้คือ ดยุคคาร์ล เอ็ดวาร์ดทรงอภิเษกสมรสเมื่อวันที่ 11 ตุลาคมพ.ศ. 2448 ณ ปราสาทกลึกซ์บูร์ก มณฑลโฮลชไตน์ กับ เจ้าหญิงวิกตอเรีย อเดลไฮด์แห่งชเลสวิก-โฮลชไตน์ (วิกตอเรีย อเดลไฮด์ เฮเลนา หลุยซา มารี ฟรีเดริเคอ; 31 ธันวาคมพ.ศ. 2428 - 3 ตุลาคมพ.ศ. 2513) พระธิดาในดยุคฟรีดริช เฟอร์ดินานด์แห่งชเลสวิก-โฮลชไตน์-ซอนเดอร์บูร์ก-กลึกซ์บูร์ก ทั้งสองพระองค์ทรงมีพระโอรสและธิดา 5 พระองค์ดังนี้
-
เจ้าชายโยฮันน์ เลโอโพลด์ รัชทายาทแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา ดยุคแห่งแซ็กโซนี (โยฮันน์ เลโอโพลด์ วิลเฮล์ม อัลแบร์ต เฟอร์ดินานด์ วิกเตอร์; 2 สิงหาคมพ.ศ. 2449 - 4 พฤษภาคมพ.ศ. 2515)
- ทรงดำรงพระอิสริยยศเป็น เจ้าชายรัชทายาทแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เมื่อแรกประสูติ จนถึงการสละฐานันดรศักดิ์เนื่องมาจากการอภิเษกสมรสกับสามัญชนในวันที่ 14 มีนาคมพ.ศ. 2475
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 มีนาคมพ.ศ. 2475 ณ เมืองเดรสเดิน และทรงหย่าร้างในวันที่ 27 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2505 กับ บารอนเนส ฟีโอดอรา มารี อัลมา มาร์กาเรเท ฟอน แดร์ ออร์สต์ (7 กรกฎาคมพ.ศ. 2448 - 23 ตุลาคมพ.ศ. 2534)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สองเมื่อวันที่ 5 พฤษภาคมพ.ศ. 2506 ณ เมืองบาดไรเชินฮัลล์ กับ มาเรีย เทเรเซีย เอลิซาเบธ ไรน์เดิล (13 มีนาคมพ.ศ. 2451 - 7 เมษายนพ.ศ. 2539)
-
เจ้าหญิงซิบิลลาแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (ซิบิลลา คัลมา มารี อลิซ บาธิลดิส ฟีโอดอรา; 18 มกราคมพ.ศ. 2451 - 28 พฤศจิกายนพ.ศ. 2515)
- ทรงอภิเษกสมรสวันที่ 20 ตุลาคมพ.ศ. 2475 ณ เมืองโคบูร์ก รัฐบาวาเรีย กับ เจ้าชายกุสตาฟ อดอล์ฟ ออสการ์ เฟรเดริค อาร์เธอร์ เอ็ดมุนด์แห่งสวีเดน ดยุคแห่งวาสเตอร์บ็อตเต็น (22 เมษายนพ.ศ. 2449 - 26 มกราคมพ.ศ. 2490)
- พระชนนีในสมเด็จพระราชาธิบดีคาร์ลที่ 16 กุสตาฟแห่งสวีเดน
- เจ้าชายฮิวเบอร์ตัสแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (ฮิวเบอร์ตัส ฟรีดริช วิลเฮล์ม ฟิลิปป์; 24 สิงหาคมพ.ศ. 2452 - 26 พฤศจิกายนพ.ศ. 2486)
-
เจ้าหญิงแคโรลีน มาธิลด์แห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (พระนามรูปเต็ม แคโรลีน มาธิลด์ เฮเลนา ลุดวิกา ออกัสตา เบียทริซ; 22 มิถุนายนพ.ศ. 2455 - 5 กันยายนพ.ศ. 2526)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 14 ธันวาคมพ.ศ. 2474 ณ เมืองโคบูร์ก แต่ทรงหย่าร้างในวันที่ 2 พฤษภาคมพ.ศ. 2481 กับ เค้านท์ ฟรีดริช วอล์ฟกัง อ็อตโตแห่งคาสเทล-รือเด็นเฮาเซิน (27 มิถุนายนพ.ศ. 2449 - 11 มิถุนายนพ.ศ. 2483)
- ทรงอภิเษกสมรสเป็นครั้งที่สองเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนพ.ศ. 2481 ณ กรุงเบอร์ลิน กับ แม็กซ์ อ็อตโต ชเนียร์ริง (20 พฤษภาคมพ.ศ. 2438 - 7 กรกฎาคมพ.ศ. 2487)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สามเมื่อวันที่ 21 ธันวาคมพ.ศ. 2489 ณ เมืองโคบูร์ก แต่ทรงหย่าร้างเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมพ.ศ. 2490 กับ คาร์ล อ็อตโต อ็องเดร (12 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2455 - 16 พฤศจิกายนพ.ศ. 2527)
-
เจ้าชายฟรีดริช โยซิอัสแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (ฟรีดริช โยซิอัส คาร์ล เอ็ดวาร์ด แอร์นส์ คิริล ฮารัลด์; 29 พฤศจิกายนพ.ศ. 2461 - 23 มกราคมพ.ศ. 2541)
- ทรงดำรงพระอิสริยยศ เจ้าชายรัชทายาทแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เมื่อวันที่ 14 มีนาคมพ.ศ. 2475 หลังการสละฐานันดรศักดิ์ของพระเชษฐา
- ทรงดำรงตำแหน่ง ประมุขแห่งราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา เมื่อวันที่ 6 มีนาคมพ.ศ. 2497 หลังจากการสิ้นพระชนม์ของพระชนก
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งแรกเมื่อวันที่ 25 มกราคมพ.ศ. 2485 ณ เมืองคาเซิล แต่ทรงหย่าร้างวันที่ 19 กันยายนพ.ศ. 2489 กับ เค้านท์เตส วิกตอเรีย-หลุยส์ ฟรีเดริเค แคโรลีน มาธิลด์แห่งโซล์มส์-บารูธ (13 มีนาคมพ.ศ. 2464 - 1 มีนาคมพ.ศ. 2546)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สองเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2491 ณ เมืองซานฟรานซิสโกมลรัฐแคลิฟอร์เนีย แต่ทรงหย่าร้างวันที่ 17 กันยายนพ.ศ. 2507 กับ เดนีส เฮนเรียตตา ฟอน มูราลต์ (23 ธันวาคมพ.ศ. 2466 - 25 เมษายนพ.ศ. 2548)
- ทรงอภิเษกสมรสครั้งที่สามเมื่อวันที่ 30 ตุลาคมพ.ศ. 2507 ณ เมืองฮัมบูร์ก กับ แคทริน แอนนา โดโรเธีย เบรมเมอ (เกิด 22 เมษายนพ.ศ. 2483)
สงครามโลกครั้งที่ 1
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 เจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดทรงสนับสนุนประเทศเยอรมนีและ ทรงปฏิบัติราชการเป็นนายพลในกองทัพบกเยอรมัน (แม้ว่าจะมิเคยทรงดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการใหญ่) ดังนั้นสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงมีพระราชโองการให้ถอดถอนพระนามของเจ้าชายออกจากทะเบียนอัศวินแห่งกา ร์เตอร์ในปี พ.ศ. 2458 ต่อมาในเดือนกรกฎาคมพ.ศ. 2460 เพื่อที่จะออกจากพื้นเพที่เป็นเยอรมันของราชวงศ์ สมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ทรงเปลี่ยนชื่อพระราชวงศ์อังกฤษจากราชวงศ์แซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาเป็นราชวงศ์วินด์เซอร์ ในปีนั้นรัฐสภาอังกฤษได้ผ่านพระราชบัญญัติการถอดถอนฐานันดรศักดิ์ซึ่งให้ อำนาจสภาองคมนตรีที่จะสืบสวน "บุคคลใดก็ตามอันมีศักดิ์เป็นขุนนางหรือเจ้าชายอังกฤษ ซึ่งได้ถืออาวุธต่อต้านพระเจ้าอยู่หัวหรือพันธมิตรของพระองค์ หรือซึ่งร่วมเป็นภาคีกับศัตรูของพระเจ้าอยู่หัว" ภายใต้เงื่อนไขในพระราชบัญญัติฉบับดังกล่าว พระบรมราชโองการตามคำแนะนำของคณะองคมนตรีลงวันที่ 28 มีนาคมพ.ศ. 2462 ได้ถอดถอนบรรดาศักดิ์ขุนนางอังกฤษ ดยุคแห่งออลบานี เอิร์ลแห่งคลาเรนซ์ และบารอนแห่งอาร์คโลว์ของเจ้าชายชาร์ลส์ เอ็ดเวิร์ดออกอย่างเป็นทางการ นอกจากนี้พระองค์และพระโอรสธิดายังทรงสูญเสียฐานันดรศักดิ์เจ้าชายและเจ้า หญิงแห่งสหราชอาณาจักร รวมทั้งพระอิสริยยศในชั้นเจ้าฟ้า (Royal Highness) อีกด้วย[3]
พลเรือนสามัญ
ในวันที่ 18 พฤศจิกายนพ.ศ. 2461 สภาทหารและแรงงานแห่งเมืองก็อตธาได้ปลดดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาออก จากราชบัลลังก์ อีกห้าวันต่อมา พระองค์ได้ทรงลงนามในประกาศการสละราชสิทธิในการสืบราชสมบัติ เมื่อทรงกลายเป็นพลเรือนสามัญในขณะนี้ ดยุคคาร์ล เอ็ดวาร์ดซึ่งได้ทรงถูกปลดออกจากราชบัลลังก์ทรงเกี่ยวข้ององค์การทางการ เมืองและลักษณะแบบทหารฝ่ายขวามากมาย[4] เมื่อปี พ.ศ. 2475 พระองค์ทรงมีส่วนร่วมในการก่อตั้งแนวร่วมฮาร์ซบูร์ก ซึ่งพรรค Deutschnationale Partei (พรรคแห่งชาติเยอรมัน) ได้เข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องกับพรรคนาซีโดย ผ่านทางแนวร่วม พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีและเป็นสมาชิกของ Sturmabteilung (ซึ่งแปลว่า หน่วยพายุ หรือ พวกเสื้อน้ำตาล) โดยขึ้นถึงตำแหน่งของหัวหน้ากลุ่มอาวุโส (Obergruppenführer) นอกจากนี้พระองค์ยังทรงเป็นสมาชิกในรัฐสภาจักรวรรดิตั้งแต่ปี พ.ศ. 2480 ถึงปี พ.ศ. 2486 และประธานสภากาชาดเยอรมันตั้งแต่ปี พ.ศ. 2476 ถึงปี พ.ศ. 2488 อีกด้วย พระองค์ทรงเข้าร่วมพรรคนาซีอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2477
ในปี พ.ศ. 2479อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ได้ ส่งดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาไปยังประเทศอังกฤษในฐานะประธานสมาคม มิตรภาพอังกฤษ-เยอรมัน ภารกิจของพระองค์คือ การพัฒนาสัมพันธภาพระหว่างอังกฤษและเยอรมนีและสืบหาความเป็นไปได้ในการทำ สัญญาระหว่างทั้งสองประเทศ ดยุคซึ่งทรงเข้าร่วมพระราชพิธีศพของสมเด็จพระเจ้าจอร์จที่ 5 ในชุดเครื่องแบบของหน่วยพายุ ทรงยื่นข้อเสนอเกี่ยวกับความเป็นไปได้ในการทำสัญญาตกลงกับสมเด็จพระเจ้าเอ็ดเวิร์ดที่ 8 พระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ แต่ไม่มีสิ่งใดเกิดขึ้นจากการเจรจาครั้งนี้ แต่กระนั้นพระองค์ยังทรงส่งรายงานให้กำลังใจฮิตเลอร์เกี่ยวกับความฝักใฝ่ ฝ่ายเยอรมันอันแข็งแกร่งในหมู่ชนชั้นสูงของอังกฤษ ในภายหลังจากวิกฤติการณ์การสละราชสมบัติ พระองค์ทรงทำหน้าที่เป็นเจ้าภาพต้อนรับอดีตพระมหากษัตริย์และพระชายา ซึ่งในขณะนี้ทรงเป็นดยุคและดัชเชสแห่งวินด์เซอร์ ในระหว่างการเสด็จเยือนประเทศเยอรมนีอย่างเป็นทางการในปี พ.ศ. 2481
เมื่อสงครามโลกครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง รัฐบาลทางการทหารอเมริกันในรัฐบาวาเรีย ภายใต้การบังคับบัญชาของนายพลจอร์จ สมิธ แพ็ตตันได้ทำการกักบริเวณดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาอยู่ภายในพระ ตำหนักที่ประทับอันเนื่องมาจากการสนับสนุนฝ่ายนาซีเยอรมัน ในปี พ.ศ. 2489 พระองค์ทรงถูกพิพากษาคดีในศาลการกำจัดระบอบนาซีและทรงถูกปรับอย่างหนัก ทรัพย์สมบัติจำนวนมากในเมืองแซ็กโซนีและโคบูร์กถูกยึดโดยกองทัพโซเวียต
ดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธาทรงดำรงพระชนม์ชีพบั้นปลายด้วยความโดดเดี่ยว พระองค์สิ้นพระชนม์เมื่อวันที่ 6 มีนาคมพ.ศ. 2497 ณ เมืองโคบูร์ก โดยทรงเป็นพระราชนัดดาผู้ชายพระองค์ที่ทรงมีอาวุโสมากกว่าในสองพระองค์ที่ ยังทรงมีพระชนม์ชีพอยู่ของสมเด็จพระราชินีนาถวิกตอเรีย โดยพระราชนัดดาอีกพระองค์หนึ่ง คือ อเล็กซานเดอร์ เมานท์แบ็ตเต็น มาร์ควิสแห่งคาริสบรูค อดีตเจ้าชายแห่งแบ็ตเต็นเบิร์ก ซึ่งสิ้นพระชนม์ในวันที่ 23 กุมภาพันธ์พ.ศ. 2503
พระอิสริยยศ และ เครื่องราชอิสริยาภรณ์
พระอิสริยยศ
- พ.ศ. 2427 - พ.ศ. 2443: สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งออลบานี (His Royal Highness The Duke of Albany)
- พ.ศ. 2443 - พ.ศ. 2462: สมเด็จเจ้าฟ้าชายดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (His Royal Highness The Duke of Saxe-Coburg and Gotha)
- พ.ศ. 2462 - พ.ศ. 2497: สมเด็จพระองค์เจ้าชายดยุคแห่งแซ็กซ์-โคบูร์กและก็อตธา (His Highness The Duke of Saxe-Coburg and Gotha)
เครื่องราชอิสริยาภรณ์
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์อัศวินแห่งการ์เตอร์ (Knight of the Most Noble Order of the Garter)
- เครื่องราชอิสริยาภรณ์ราชวิกตอเรีย ชั้นที่ 1 (Knight Grand Cross of the Royal Victorian Order)
ความคิดเห็น