ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์รักคนเถื่อน ผ่านพิจารนาสำนักพิมพ์ แสนรัก (ไลต์ออฟเลิฟ)

    ลำดับตอนที่ #33 : ตอนที่ 33 RENEW

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.17K
      7
      7 พ.ค. 59






    SQWEEZ

     


                                  








    แจ้งข่าวนะคะ ตอนนี้ ฤทธิ์รักคนเถื่อนขึ้นสถานะรอตีพิมพ์ที่หน้าเวปแล้ว อีกไม่นานเกินรอ พฤษาคมนี้เจอกันแน่นอนค่ะ ฝากด้วยนะคะ ขอบคุณค่ะ


    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





     

                ยามสายของอีกวัน ภายในห้องอาหารเอมมาลินมองฝ่ากระจกใสออกไปยังด้านนอก ละอองฝนกำลังฟุ้งกระจายหลังพายุเพิ่งสงบลง ท้องฟ้ามืดครึ้มชวนหดหู่ใจยิ่งนัก เธอทอดสายตามองท้องทะเลที่กำลังแปรปรวน แต่มันคงจะทำอะไรเรือลำยักษ์นี่ได้ เพราะความหนักแน่นและใหญ่โตของมันมั่นคงพอจะพร้อมรับกับคลื่นลมที่โหมกระหน่ำคอยปกป้องผู้โดยสารบนลำเรือให้ปลอดภัย หากใจคนหนักแน่นได้เพียงครึ่งของมันคงจะดีไม่น้อย เธอรอญารินดาอยู่ไม่นานอีกฝ่ายก็ตามมาสมทบ ทรุดกายลงนั่งเก้าอี้ตัวที่ว่างพร้อมส่งยิ้มสดใส

                “ขอโทษที พอดีตื่นสายไปหน่อย หลับเพลินไปนิด” ญารินดาอธิบายเหตุผลที่มาช้าให้หญิงสาวฟัง เอมมาลินส่งยิ้มเบาๆ อย่างเข้าใจและไม่ได้มีสีหน้าโกรธเคืองแต่อย่างใดด้วย

                “ไม่เป็นไร พี่ยังไม่ได้สั่งอะไรเลย” บอกเสียเนือยๆ ลดสายตาคู่ล้าลงมองเมนูอาหาร มันดูบวมช้ำอย่างคนนอนไม่เต็มอิ่ม มันแสบร้อนอยู่ตลอดเวลา

                “พี่...ดูไม่ค่อยดีเลย ไม่สบายรึเปล่า” เสียงเล็กเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง

                “ก็โรคเก่ากำเริบนั่นแหล่ะ โรคนอนไม่หลับ” บอกพลางมือก็เปิดเมนูอาหารไปพลาง แต่อ่านมันไม่ค่อยจะรู้เรื่อง ตอนนั้นเองณารินดานั่งหันหน้าออกไปตรงทางเข้าจึงเห็นคนที่เพิ่งเข้ามาใหม่ ภาพหนุ่มสาวคลอเคลียกันอย่างสนิทแนบแน่นสร้างความประหลาดใจให้เธอไม่น้อย ก่อนจะเบนสายตากลับมาที่เอมมาลิน จากนั้นจึงตัดสินใจถามขึ้น

                “ทะเลาะกันเหรอ” ถามพลางดวงตาก็ยังจับจ้องอยู่ที่เจมส์กับมาธาวีที่ดูเหมือนคู่รักสวีตหวานจนมดแทบจะรุมตอม เอมมาลินเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอี่ยวหน้ามองตามจากนั้นจึงหันกลับมาทำเหมือนไม่เห็นอะไร

                “เปล่า”

                “งั้นทำไมบอสกับ...”

                “มันแปลกตรงไหนงั้นหรือ เขามีสิทธิ์จะทำอะไรก็ได้” เธอย้อนเหมือนมันเป็นเรื่องธรรมดาที่ไม่สลักสำคัญอะไร ญารินดาลอบถอนใจกับท่าทีเมินเฉยของเธอ

                “ฉันรู้แล้วว่าปัญหามันอยู่ตรงไหน มันไม่ได้อยู่มือที่สามอย่างพี่เมย์หรอก มันอยู่ที่พี่เองต่างหาก รักกันทำไม่พูดออกไปตรงๆ จะเก็บเอาไว้ให้อึดอัดใจตายรึไง”

                “ฉันไม่ได้รักเขา เราไม่ได้รักกัน เธอเลิกพูดเรื่องนี้ทีได้ไหม” บอกเสียงขุ่นแข็ง

                “โกหกคนอื่นได้ แต่โกหกตัวเองไม่ได้หรอก ยอมรับความจริงเถอะพี่เอม มันไม่ใช่เรื่องน่าอาย”

                “ฉันอยู่กับโลกของความเป็นจริง และสิ่งที่ฉันรู้...มันคือเรื่องของผลประโยชน์ล้วนๆ เธอเอาแต่พูดเรื่องความรัก แล้วรู้อะไรเกี่ยวกับมันบ้าง เคยรักใครงั้นเหรอถึงได้รู้ลึกรู้จริงดีจัง มันไม่ได้ง่ายอย่างที่เธอคิดหรอกนะ”

                “แล้วทำไมต้องทำให้มันยุ่งยาก แค่เอ่ยปากมันจะยากแค่ไหนกัน”

                “พอเถอะ เลิกพูด...เธอสั่งอาหารไปก็แล้วกัน พี่จะออกไปเดินเล่นข้างหน่อย” บอกปัดตัดบทสนทนาแบบรวบรัด ก่อนจะเดินออกไปจากห้องอาหารโดยพยายามไม่สนใจเจมส์ ญารินดาแอบกลอกตาอย่างเหนื่อยใจแทน ระอากับคนปากแข็งทั้งคู่ โดยมาธาวีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้เท้าแขนของเจมส์นั้นมองตามหลัง กระตุกยิ้มพราวระยับอย่างทีเลศนัย

                “เดี๋ยวฉันมานะคะ” เอ่ยบอกเจมส์ ซึ่งชายหนุ่มก็พยักหน้ารับรู้ จากนั้นมาธาวีจึงได้ตามเอมมาลินออกไป พอคล้อยหลังมาธาวี เลียมก็ถือโอกาสมานั่งลงฝั่งตรงข้าม ปรายตามองพี่ชายอย่างเบื่อๆ กับพฤติกรรมที่ไม่เข้าท่า

                “ทำอะไรอยู่เหรอ”

                “สั่งอาหารอยู่ไง” เจมส์ลอยหน้าตอบ ทำไม่รู้ไม่ชี้ ทั้งรู้อยู่ว่าเลียมไม่ได้ถามเรื่องนี้

                “พี่รู้ว่าผมหมายถึงอะไร”

                “อะไรคืออะไร ไม่เข้าใจ” ย้อนถามแบบหน้ากวนๆ พลางกลั้วหัวเราะที่ดูเฝื่อมเต็มที

                “เจมส์”

                “แกก็บ่นอยู่บ่อยๆ ว่าพักหลังฉันเปลี่ยนไปเยอะ ก็นี่ไง ฉันกลับมาเป็นคนเดิมแล้ว ไม่ดีรึไง อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องสนใจใคร นี่แหล่ะแบบที่ฉันอยากจะเป็น สนุกออกจะตายไป  ไม่ต้องหยุดอยู่ที่ใคร ล่องไปเรื่อยตามใจปรารถนาอย่างอิสระไร้ข้อผูกมัด”

                “แล้วมันมีความสุขไหม ไม่ต้องตอบผมตอบตัวเองให้ได้ก่อน” เลียมรีบพูด เมื่อเจมส์อ้าปากจะเถียง “พี่ต้องการอะไร พอใจจะให้มันเป็นแบบนี้จริงๆ นะหรือ”

                เจมส์นิ่งเงียบกับคำพูดเหล่านี้ นั่นสิ...เขาเองก็ยังไม่รู้ว่าความรู้สึกที่เกิดกับตนตอนนี้เรียกว่าอะไร มันเป็นอะไรที่คนอย่างเขายากจะรับมือ หากเป็นธุรกิจเมื่อให้ไปมันก็ต้องได้ผลตอบแทนที่คุ้มค่ากับการลงทุน แต่สิ่งที่เขาลงทุนไปนี้กลับได้ผลตอบแทนที่เหนือความคาดหมาย ผลที่ได้คือความสับสนและว้าวุ่นในใจ เขาอยากได้อะไรจากเธอ หรือจริงๆ แล้วเขาเองต่างหากปฏิเสธตัวเองมาตลอดว่าแท้ที่จริงแล้วสิ่งที่เขาอย่างได้ไม่ใช่ความสนุกที่หาจากใครก็ได้ แต่เป็นเพราะเขาต้องการที่จะหยุด

                บริเวณกาบเรือด้านนอก นหยุดตกแล้วเหลือเพียงละอองจางๆ ที่คละคลุ้งอยู่ในมวลอากาศ ไอเย็นแผ่่านไปโดยรอบ พร้อมแสงอาทิตย์ส่องผ่านม่านเมฆลงมายังพื้นผิวน้ำทอประกายระยิบระยับ เอมมาลินยืนเกาะขอบเรือ ในขณะที่ดวงตาทอดต่ำลงไปยังผืนน้ำที่นิ่งสนิทหลังคลื่นลมแปรปรวนหยุดลง เธอรับเอาไอนที่ยังคงเหลือคั่งค้างอยู่ในอากาศ พลันทอดถอนใจ เหลืออีกไม่กี่วันทริปนี้ก็จะสิ้นสุดลง เสียงย่ำเท้าบนพื้นแฉะดังมาแต่ไกล กระทั่งเธอหันไปเจอร่างระหงของคู่ปรับตัวฉกาจและเป็นคนสุดท้ายที่เธออยากพบในเวลานี้ ความเกลียดชังที่มีต่อผู้หญิงคนนี้เพิ่มพูนมากขึ้นทุกวัน

                “มายืนชมวิวอยู่นี่เอง ทำไมอยู่ข้างในมันอึดอัดเหรอ”

                “ต้องการอะไร” เอมมาลินย้อนเสียงห้วน

                “ก็แค่อยากจะขอบคุณ...ที่ช่วยหลีกทางให้ ฉันมีความสุขมาก” ลากเสียงยาวแบบเย้ยหยัน เอมมาลินหมุนตัวกลับเพราะไม่อยากต่อความ แต่เสียงหัวเราะแหลมบาดแก้วพร้อมกับคำดูถูกมันทำเธอฟิวส์ขาด “ยอมรับเถอะเอม ฉันชนะ เธอไม่เคยสู้อะไรฉันได้ ไม่ว่าจะเป็นยชญ์ หรือเจมส์ต่างก็มาสยบแทบเท้าฉัน”

                เอมมาลินยืนนิ่งอยู่อึดใจ จากนั้นมือเรียวก็คว้าเอาแก้วที่พนักงานเก็บไม่หมดและมันก็เต็มปริบไปด้วยน้ำน หมุนตัวกลับไปสาดใส่หน้าอย่างควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้อีกต่อไป ่ามือบางถูกัดออกไปกระทบผิวหน้าแบบเต็มแรงดังเผียะตามด้วยหลังมืออีกหนึ่งทีจนเจ้าตัวเถลาไปตามแรงปะทะ มาธาวีหันกลับมาตั้งใจจะตอบโต้แต่เกิดเปลี่ยนใจ ปล่อยให้เอมมาลินกระชากแขนตนเข้าไปหา

                “ฉันอดทนอดกลั้นกับเธอมามากพอแล้วเมย์ ยัยเพื่อนทรยศ สนุกมากใช่ไหมกับการแย่งของๆ คนอื่น คนอย่างเธอวันๆ ไม่คิดอะไรนอกจากทอดสะพานให้ผู้ชายไม่เลือกหน้า สกปรกโสมมเป็นที่สุด จิตใจต่ำติดดิน ไม่รู้จักคำว่าผิดชอบชั่วดี สิ่งเดียวที่ฉันเสียใจที่สุดคือการที่ฉันเคยนับคนอย่างเธอเป็นเพื่อน วันนี้ฉันจะเรียกคืนทุกอย่าง เธอบอกว่าเธอชนะ นั่นเป็นเพราะฉันไม่เคยลงไปแข่งกับเธอต่างหาก ผู้หญิงหน้าหนาอย่างเธอแค่ฝ่ามือมันยังน้อยไป ไม่ระคายผิวอันหยาบกระด้าง” ว่าจบก็จับหน้าหล่อนกดลงไปบนโต๊ะแบบเน้นหนัก

                “เอมอย่า..พอแล้วเอม ฉันเจ็บ” มาธาวีร้องโอดโอย สองมือปัดป่ายทว่าน่าแปลกที่หล่อนกลับไม่สู้เลย แต่แล้วจู่ๆ ร่างเอมมาลินก็ถูกแยกออกไป

                “เอม...พอได้แล้ว” เจมส์ปรามเสียงดุโดยที่เจ้าตัวยังไม่ยอมหยุด

                “ปล่อยฉันนะ อย่ามายุ่ง” เธอกระชากเสียงเขียวพร้อมโวยวายด้วยความโมโห อะไรเธอก็ไม่สนแล้ว เจมส์จึงจำเป็นต้องพาเธอออกมาจากตรงนั้นก่อนที่สถานการณ์จะบานปลายไปกันใหญ่ ญารินดากับเลียมตามออกมาทีหลังมองตามเอมมาลินถูกหิ้วกลับเข้าไป จากนั้นทั้งคู่จึงหันกลับมามองมาธาวี พวงแก้มพาดยาวไปด้วยรอย่ามือทั้งสองข้าง ผมเผ้ากระเอะกระเซิงยุ่งเหยิงแต่เจ้าตักลับยืนหัเราะร่วนไม่ยีหระต่อความเจ็บปวด

                “ล่อะปากแตกเลย เฮอะ!” แลบลิ้นเลียริมฝีปาก ปรายตามองญารินดาก่อนจะเดินนวยนาดกลับเข้าไปอย่างอารมณ์ดี ญารินดาเห็นกิริยาของอีกฝ่ายแล้วทนมองไม่ไหวปราดจะเข้าไปหมายซ้ำแต่ถูกเลียมห้ามไว้

                “อย่ามีเรื่องเลย”

                “อย่ามาจับ...ไปไกลๆ เลยคนนิสัยไม่ดี” พาลโมโหใส่

                “อ้าว..เป็นงั้นไป” เลียมส่ายหน้าตามหลังที่โดนหางเลขไปด้วยโดยไม่รู้เรื่องรู้ราว

                ทางด้านเอมมาลินเธอถูกเจมส์ลากไปตามทางเดิน โดยขณะเดียวกันเธอก็ยังใช้มือน้อยตีไปที่ไหล่เพื่อให้เขาปล่อยตนแต่มันติดแน่นราวกับคีมคีบเหล็ก ตอนนี้อารมณ์ของเธอไม่ต่างจากลูกระเบิด ที่สุดเธอก็สะบัดหลุดจนได้และดวงตานั้นขุ่นขวางแบบคนสติแตก

                “เกิดบ้าอะไรขึ้นมาเนี่ย”

                “มันเรื่องของฉันคุณไม่เกี่ยว”

                “คุณเป็นแบบนี้เพราะหึงผมใช่ไหม” มองหญิงสาวที่ตอนนี้ไม่ต่างจากคนบ้าเที่ยวอาละวาดคนไปทั่ว

                “ฉันไม่ได้หึง” รีบปฏิเสธทันควัน

                “งั้นคุณเป็นอะไร ไปตบตีคนอื่นทำไม ทำตัวเหมือนพวกผู้หญิงข้างถนน คุณควรจะรู้ว่าตัวเองเป็นใคร ไปมีเรื่องกับพนักงานแบบนั้นมันถูกแล้วเหรอ ทำแบบนี้ใครเขาจะนับถือ” คำตำหนิของเขามันทำเธอเจ็บแปลบ แน่นอนว่าเธอรู้ว่าตัวเองเป็นใคร

                “คุณมันเป็นผู้ชายทุเรศที่สุดเท่าที่ฉันเคยเจอมา”

                “ผมทำอะไร” เมื่อโดนเขาย้อนเธอถึงกับเถียงไม่ออกอยู่พักหนึ่ง “ผมมีสิทธิ์ที่จะยุ่งกับใครก็ได้ ในเมื่อตัวคุณเองก็เที่ยวป่าวประกาศไปทั่วว่าไม่สนใจ คุณเองไม่ใช่เหรอที่เป็นคนยกผมให้เธอแล้วจะมาโกรธผมได้ยังไง คุณเป็นอะไรกับผม...อย่าทำตัวงี่เง่าไปหน่อยเลยน่าเอม เรื่องระหว่างเรามันก็แค่ชั่วครั้งชั่วคราว ผมไม่ได้บอกนี่ว่าผมจะมีคุณคนเดียว” เมื่อพลั้งปากพูดออกไปแล้วกลับรู้สึกแย่เสียเอง แต่ในเมื่อเธอปากแข็งมันก็ช่วยไม่ได้

                “คุณมันคนเห็นแก่ตัว เอาแต่อยากได้จากคนอื่น คำว่าพอมันคงไม่อยู่ในพจนานุกรมของจิตสำนึกคุณใช่ไหม คุณเห็นฉันเป็นอะไร ของเล่นฆ่าเวลาเหรอ ฉันมีค่าแค่นั้นใช่ไหม คุณได้ไปจากฉันมากมาย แล้วคุณเคยให้อะไรฉันบ้าง” ความอัดอั้นตันใจที่มันสั่งสมมานานพรั่งพรูออกมาพร้อมกับหยาดน้ำตาที่ไหลอาบแก้มนวล ความปวดร้าวเกาะกินใจจากคำพูดร้ายกาจที่ไร้เยื่อใยจากอีก่ายมันทำให้เธอทนเก็บมันไม่ไหว

                “แล้วคุณอยากได้อะไร ก็บอกมาสิ”

                “ทะเบียนสมรส...แต่งงานกับฉันสิ” ไม่รู้ว่าคำพูดเหล่านี้ออกมาจากปากเธอได้ยัง เพราะมันออกมาจากใจจึงไม่ได้รับการไตร่ตรองถึงผลที่ตามมามันแค่พลั้งปากและเมื่ออีก่ายนิ่งเงียบมันทำให้เธอได้รู้ว่าคำตอบมันคืออะไร เจมส์ยืนอึ้งกับคำขอของเธอ ใช่ว่าเขาจะไม่อยากอยู่กับเธอ แต่มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อนเลยทำให้อึ้งจนพูดอะไรไม่ออก และเธอก็ไม่อยู่รอฟังคำตอบให้ปวดใจ หมุนกายหนีมา

                “เอม...” ชายหนุ่มเอ่ยเรียกเสียงแผ่ว

                “อย่าตามมานะ ฉันไม่อยากคุยอะไรกับคุณตอนนี้ ขอฉันอยู่เงียบๆ คนเดียว”

                ที่ด้านท้ายเรือ เอมมาลินนั่งเหม่ออยู่ตรงนี้นานนับชั่วโมงแล้ว ใคร่ครวญถึงเรื่องต่างๆ ที่ผ่านมา คงเป็นเธอเองที่จริงจังกับมันมากไป ทั้งที่อีกฝ่ายไม่ได้รู้สึกอะไรกับมัน พลางคิดว่าตัวเองช่างโง่เหลือใจที่พูดอะไรโง่เง่าออกไปโดยไม่คิด น่าอายเหลือเกินที่ออกปากขอในสิ่งที่รู้ดีแก่ใจว่าเขาให้ไม่ได้ ตอนนี้แม้กระทั่งศักดิ์ศรีก็ยังไม่เหลือ ก็เพราะเธอยอมเขาง่ายเองก็สมควรแล้วล่ะที่จะต้องมานั่งช้ำใจอยู่แบบนี้ คิดจะเรียกร้องในสิ่งที่เขาให้ไม่ได้ ถึงเวลาแล้วล่ะที่เธอควรจะรักตัวเองเสียที เมื่อเขาไม่เห็นค่าก็ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะต้องทนอีกต่อไป เธอเลือกเองได้ว่าควรจะดำเนินไปในทิศทางใดหมดเวลายื้อให้เปล่าประโยชน์แล้ว ทางเดินที่เธอจะต้องไปต่อแต่เพียงลำพัง

     











    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×