ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฤทธิ์รักคนเถื่อน ผ่านพิจารนาสำนักพิมพ์ แสนรัก (ไลต์ออฟเลิฟ)

    ลำดับตอนที่ #36 : ตอนที่ 36 RENEW

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.05K
      5
      17 พ.ค. 59



    SQWEEZ

     


                                  




             




    ไร่สิรดนัย ชายร่างสูงก้มงุดๆ อยู่กับสวนดอกไม้อย่างตั้งอกตั้งใจ โดยขณะนั้นเขาลงมือพรวนดินอย่างขะมักเขม้น กลิ่นดินชื้นๆ ผสมกลิ่นดอกไม้นานาพรรณอบอวลชื่นใจนัก หลังจากที่พรวนดินจนทั่วชายหนุ่มจึงวางพลั่วลงเมื่อเสร็จงานก่อนยืนกอดอกชื่นชมผลงานของตัวเอง กิจกรรมยามว่างเขามักขลุกอยู่กับแปลงดอกไม้แห่งนี้ ช่วยให้จิตใจผ่องใสได้ดีนัก ตอนนั้นเองเสียงย่ำเท้าเดินเข้ามาใกล้ ทำให้เขาต้องเงยหน้าขึ้นมอง

                “คุณดนัยอยู่นี่เอง...วันนี้ดิฉันแวะไปที่ตลาด เลยได้ต้นแก้วมาฝากค่ะ” หญิงสาววัยสามสิบเศษเอ่ยบอก

                “งั้นเหรอครับ พอดีเลย สวนของผมยังขาดต้นแก้ว กำลังอยากได้มันอยู่พอดี”

                “คุณนี่ชอบปลูกต้นไม้จังเลยนะคะ” หญิงผู้เป็นแม่บ้านคอยประจำอยู่ที่นี่ชวนคุย มองเจ้านายหนุ่มที่ดูความสุขเหลือเกินที่ขลุกอยู่กับดิน ใบหน้าอันเกลี้ยงเกลาเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน มอมแมม แต่เจ้าตัวกลับไม่นำพาต่อมัน

                “สนุกดีออกครับช่วยให้สงบ และผ่อนคลาย”

                “นี่ถ้าไม่บอกไม่รู้เลยนะเนี่ยว่าโตอยู่เมืองนอก...เออนี่ เมื่อกี้พี่ผ่านไร่คุณอำพล เห็นว่าลูกสาวกลับมาเยี่ยมบ้านด้วยล่ะค่ะ หน้าตาสะสวยเชียวล่ะ”

                “น้องเอมนะเหรอ”

                “คุณดนัยรู้จักด้วยเหรอค่ะ” แม่บ้านสาวย้อนถามพร้อมนิ่วหน้า

                “ก็..เคยรู้จักกันตอนเด็กน่ะ นานแล้ว” ชายหนุ่มว่าพลางนึกถึงเด็กหญิงตัวเล็กๆ ที่เคยวิ่งเล่นด้วยกันเมื่อนานมาแล้ว ป่านนี้คงโตเป็นสาวแล้วสินะ หลายปีที่เขาไปใช้ชีวิตอยู่ต่างแดนกับบิดามารดา จนกระทั่งทั้งคู่เสียชีวิตลงด้วยอุบัติเหตุเขาจึงได้กลับมาใช้ชีวิตที่เรียบง่ายที่นี่ นึกถึงเพื่อนต่างวัยสมัยเด็ก คงต้องหาเวลาไปทักทายหน่อยท่าจะดี

     

                เอมมาลินเดินเลาะไปตามริมห้วยในยามสายของอีกวัน สายธารไหลเอื่อยย้อนขึ้นไปในวนอุทยานที่อยู่ห่างออกไป มีกลุ่มควันลอยกรุ่นอยู่เหนือผิวน้ำ อุณหภูมิน้ำค่อนข้างร้อนจัดเนื่องจากมีบ่อร้อนอยู่ใกล้ๆ โดยที่หญิงสาวเพลินใจกับการเดินสำรวจผืนป่าเป็นอย่างมาก ซึ่งอาจเพราะเธอไม่ค่อยได้กลับมาเท่าไหร่นักจึงทำให้สับสนกับเส้นทาง หากแต่เธอเดินไปได้ไม่ไกลนักก็พบกับชายคนหนึ่งเข้าพอเอ่ยถามทางถึงได้รู้ว่าตนเดินหลงเข้าไปเขตไร่ชาของคนอื่นไปโดยไม่ตั้งใจ

                “ขอโทษค่ะ คือฉันไม่รู้ว่าที่ตรงนี้เป็นที่ของคุณ” หญิงสาวรีบบอกด้วยเกรงว่าเขาจะหาว่าเธอบุกรุก

                “ ไม่เป็นไรครับ “ ชายหนุ่มเอ่ยบอกอย่างไม่ถือสา แย้มยิ้มบางๆ พลันเอียงหน้าเล็กน้อยเหมือนครุ่นคิด แม้เวลาผ่านไปหลายปี แต่เค้าหน้าโครงเดิมยังคงอยู่ ทำให้เขาคุ้นหน้าหญิงสาว “น้องเอมใช่ไหม”

                “เอ่อ..เรารู้จักกันด้วยเหรอคะ” เจ้าของร่างบางย้อนถามกลับไปอย่างสงสัย เพราะเธอจำอะไรไม่ได้เลยว่าไปรู้จักกันตอนไหน

                “พี่ดนัยไง แต่เธอคงจำไม่ได้ สมัยเด็กเราเคยมาวิ่งเล่นแถวนี้บ่อยๆ” ชายหนุ่มว่า

                “อ๋อ...จำได้แล้ว พี่นี่เอง” เพราะห่างหายกันไปนานทำให้เธอรู้สึกเก้อเขินไปบ้างเวลาที่พูดคุยกัน

                “ใช่พี่เอง ได้ยินว่าเธอเพิ่งกลับมากำลังคิดว่าจะไปหาอยู่พอดีเลย เมื่อก่อนเธอชอบข้ามมาหาพี่ที่นี่ เราชอบเดินไปเล่นที่น้ำตกฝั่งโน้นบ่อยๆ ขาไปไม่เท่าไหร่ แต่ขากลับนี่สิ เธอชอบบ่นว่ามันไกล สุดท้ายพี่เลยต้องให้เธอขี่หลังกลับมาประจำ” พูดพลางกลั้วหัวเราะเมื่อนึกถึงคืนวันเก่าๆ ภาพความทรงจำอันลางเลือนลอยวนอยู่ในหัว

                “จริงเหรอคะ ฉันจำไม่ค่อยได้เลยนะเนี่ย”

    “ไม่น่าเชื่อเลยนะว่าเวลามันจะผ่านไปเร็วแบบนี้เผลอแป๊บเดียวตอนนี้เธอกลายเป็นสาวสวยไปเสียแล้ว” เอ่ยแซวพร้อมยิ้มกริ่ม ใบหน้าสวยที่แต่งแต้มไปด้วนสีชมพูจางอยู่บนพวงแก้มมันน่ามองนัก

                “ไร่พี่ดนัยสวยจังเลยนะคะ อากาศก็ดี”

                “อยากเข้าไปดูไหม เดี๋ยวพี่จะพาทัวร์” เอ่ยชวนอย่างกระตือรื้อร้น เมื่อเห็นว่าหญิงสาวทำท่าสนใจ

                “ก็ดีค่ะ ขอบคุณ” เธอยิ้มรับไมตรีอย่างยินดี

                ภายในเขตไร่ พื้นที่ครึ่งหนึ่งถูกสร้างเป็นโฮมสเตย์ อีกครึ่งเป็นไร่ชากินพื้นที่กว้างไกล บ้านพักแต่ล่ะหลังตั้งอยู่บนเนินเป็นบ้านไม้ชั้นเดียวตกแต่งอย่างสวยงาม ใกล้ๆ กันนั้นมีสวนดอกไม้ขนาดย่อม สีสันสดใสของดอกไม้นานาพรรณชวนให้เจริญตาเป็นอย่างยิ่ง

                “สวนนี้พี่ทำเองกับมือเลยนะ อากาศที่นี่กำลังดีเหมาะจะเพาะพันธุ์ไม้ดอกไม้ประดับ” เสียงทุ้มใหญ่เนิบนาบเมื่อมองผลงานของตนอย่างภาคภูมิใจ “พี่ชอบปลูกต้นไม้น่ะ ชอบอยู่กับธรรมชาติ”

                “เอมก็ชอบนะ แต่ส่วนใหญ่เอมจะอยู่กับทะเลมากกว่า” ว่าพลางก็นึกถึงท้องทะเลสีครามที่เธอชื่นชอบเป็นนักหนา แม้ว่าบางครั้งมันอาจจะแปรปรวนเอาแน่เอานอนไม่ได้ แต่เธอก็ยังชอบมันอยู่ดี คล้ายดังคนที่แม้จะไม่สามารถทำให้หยุดนิ่งได้ แต่ก็ยังร่ำร้องเรียกหา ห้ามอะไรห้ามได้ แต่ห้ามใจนี่สิมันช่างยากเย็นเข็ญใจเสียเหลือเกิน

     

                อีกด้านหนึ่ง ชายหนุ่มเอาแต่นั่งมองเอกสาร เขายังอยู่บนเรือแสนรักที่เวลานี้มันท่องไปทั่วหล้าตามใจปรารถนาเหมือนดังเช่นที่เคยเป็นมา ซึ่งมันคือสิ่งที่เขาต้องการมาตลอด หากแต่ไม่รู้ทำไมจิตใจมันกลับห่อเหี่ยวอย่างบอกไม่ถูก ชีวิตเหมือนขาดอะไรไปซักอย่าง มันไม่มีความสนุกเหมือนแต่ก่อนแล้ว มันหมดไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้เลย รู้เพียงตอนนี้เขาอยากหยุดพักไม่อยากทำอะไรทั้งนั้น ไม่นานนักเสียงเคาะประตูเบาๆ พร้อมกับน้องชายสุดแสบเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย ทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้ก่อนเท้าแขนลงบนโต๊ะอย่างหงุดหงิดใจ

                “จะนั่งอยู่แบบนี้ไปอีกนานเท่าไหร่” เสียงห้าวเอ่ยถามอย่างไม่สบอารมณ์ที่พี่ชายตัวดีดูไม่ทุกข์ร้อนอะไรเลย ยังคงใช้ชีวิตเป็นปรกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “แล้วแกจะให้ฉันไปไหน” อีกฝ่ายย้อนเสียงเย็นโดยที่ไม่เงยหน้าขึ้นมอง

                “ก็ไปตามคุณเอมสิ” เสนอแนะอย่างหวังดี แต่ได้เสียงหัวเราะแบบค่อนแคะตอบกลับมา

                “ตามทำไม ทำไมต้องตาม คนอย่างฉันไม่เคยต้องวิ่งตามใคร มีแต่คนอื่นเท่านั้นแหล่ะที่วิ่งตามฉัน เธอเลือกจะไปเอง...ฉันกับเธอไม่เกี่ยวอะไรกันแล้ว เพราะฉะนั้นก็ไม่มีเหตุผลที่ฉันจำเป็นที่จะต้องสนใจ เธออยากจะไปไหนกับใครมันก็เรื่องของเธอ ถ้าไม่มีอะไรก็ออกไปซะ ฉันจะทำงาน” บอกอย่างไม่แยแสจนคนฟังพ่นลมหายใจอย่างระอา

                “เจมส์..ไม่จำเป็นต้องเป็นแบบนี้ก็ได้นี่ พี่ก็แค่...”

                “มันจำเป็นที่สุด ฉันเสียเวลากับเรื่องไร้สาระมามากแล้ว ฉันว่าฉันกลับมาเป็นคนเดิมมันดีที่สุดแล้ว”

                “ไร้สาระเหรอ ก็แค่ทำตามใจตัวเองนี่เรียกว่าไร้สาระเหรอ”

                “แล้วแกจะให้ฉันทำยังไง” เสียงดังอย่างลืมตัว เมื่อนึกถึงคำพูดของเธอมันทำอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่แล้วปะทุขึ้นมาอีกระลอก มันปวดปลาบ “เธอมีคนอื่น และยังบอกฉันว่าจะกลับไปหาเขา” เบือนหน้าไปทางอื่นเพื่อผ่อนอารมณ์

                “พี่ก็เลยจะปล่อยเธอแบบง่ายๆ อย่างนี้นี่นะ”

                “ฉันจะทำอะไรได้”

                “ทำได้สิ ถ้าพี่คิดจะทำ แต่ปัญหาก็คือพี่ไม่ทำอะไรเลย”

                “แกจะไปไหนก็ไปไป อย่ายุ่งเรื่องของฉัน” บอกอย่างคนหัวรั้น คนฟังได้แต่อ่อนใจอย่างจนปัญญา มือยีผมยุ่งอย่างหงุดหงิดเหลือเกินเพราะไม่รู้จะพูดยังไงดีให้เขาเลิกงี่เง่าเสียที ปรกติเจมส์เป็นคนมีเหตุผลเสมอ แต่เวลานี้เขากลายเป็นน่าหมั่นไส้เข้าไปทุกที เดือดร้อนน้องชายผู้แสนดีอย่างเขาอีกแล้ว

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×