คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ล่ารัก 2
อีกด้านของคนล่ะซีกโลก ภายในเพ้นเฮาส์สุดหรูหราย่านใจกลางเมือง ชายหนุ่มยืนพิงกระจกใสทอดสายคมเข้มมองแสงอาทิตย์ที่กำลังโผล่พ้นน้ำอย่างช้าๆ มันสาดส่องไปทั่วผืนน้ำมหาสมุทรอันกว้างไกล อรุณรุ่งทอแสงฉาบไล้ที่ปลายขอบฟ้า มุมปากเรียวหยักรูปกระจับนั้นยิ้มพรายรับวันใหม่ เรือนกายกำยำที่มีเพียงกางเกงยีนส์ตัวโปรดประดับกาย อกแกร่งกระเพื่อมช้าๆ เมื่อเขาสูดเอาอากาศยามเช้าเข้าปอด คิ้วหนาเป็นแพยาวพาดเฉียงรับกับใบหน้าเข้มมักขมวดเข้าหากันเสมอ แต่นั่นกลับเป็นเสน่ห์ที่ดึงดูดเพศตรงข้ามได้ดีนัก เส้นผมสีน้ำตาลอ่อนนั้นถูกปาดไปด้านหลังอย่างลวกๆ วงหน้าดกครึ้มไปด้วยหนวดเคราแต่ทรงเสน่ห์แสนเย้ายวนใจให้สาวลุ่มหลงจนยอมทอดกายโดยที่เขาไม่ต้องร้องขอ ไหล่แกร่งนั้นยืดผายประดุจราชสีห์หนุ่มรูปงาม
แอนเดรส พรอสเพโร ชายหนุ่มสายเลือดบราซิลวัยสามสิบ เจ้าของธุรกิจอุตสาหกรรมมอเตอร์ และชิ้นส่วนยานยนต์พาหนะ ถือเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ไฟแรงในยุคที่มีการแข่งขันกันทางธุรกิจ ด้วยชั้นเชิงและประสบการณ์ที่สั่งสมมาหลายปีจนสามารถพาบริษัทเล็กๆเติบโตจนมาอยู่แถวหน้าได้ เป็นที่รู้กันดีว่าผู้ทรงอิทธิพลนั้นนิยมสร้างอานาเขตครอบคลุมถิ่น จึงตั้งตนเป็นมาเฟียแตกเหล่าออกเป็นกลุ่มๆ หากแต่เขาไม่ขึ้นตรงอยู่ฝ่ายใด ตั้งตัวเป็นกลาง แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่อิทธิพลของเขาก็ยังเป็นที่เกรงกลัวอยู่จึงไม่มีใครกล้าต่อกรด้วย ชายหนุ่มถือคติรักสงบแต่ไม่อ่อนแอ มีหลายกลุ่มที่อยากได้เขาไปเป็นหัวเรือใหญ่ หากแต่ชายหนุ่มเลือกที่จะปฏิเสธจึงเป็นที่ไม่พอใจกับใครหลายคน แต่กระนั้นเขาก็เลือกที่จะไม่ใส่ใจ เพราะคนเหล่านั้นต้องการนายทุนคอยออกหน้าเพื่อทำสิ่งผิดกฎหมาย เขาปฏิเสธที่จะให้ความร่วมมือ หากแต่เพราะเป็นคนเด็ดขาด และเยือกเย็นจึงเป็นที่เกรงขาม เมื่อทำผิดจะไม่มีคำว่าประนีประนอมจากเขาทั้งสิ้น กิตติศัพท์นี้ใครๆ ต่างก็รู้ดี
ในขณะที่ชายหนุ่มกำลังชื่นชมกับแสงรุ่มอรุณอยู่นั้น เรือนร่างเสลาขยับลุกจากเตียงนุ่มมือรวบเอาผ้าห่มคลุมกายที่เปล่าเปลือยตรงไปหาชายหนุ่ม ประทับใบหน้าสวยบนแผ่นหลังอันแข็งแรงของเขา
“ตื่นแล้วหรือ” คนเสียงใหญ่เอ่ยถาม
“ค่ะ” ตอบแบบนุ่มนวลพร้อมฝ่ามือบางนั้นลูบแผ่นอกอย่างหลงใหล
“ฉันจะให้บารอนไปส่ง” เขาบอกโดยไม่หันมามองเธอ มันทำให้หญิงสาวแสดงอาการไม่พอใจอย่างเงียบๆ ก็เป็นเช่นนี้ทุกครั้ง เขาไม่เคยให้เธออยู่นาน
“ฉันยังไม่อยากกลับ ขอฉันอยู่ต่ออีกหน่อยได้ไหมคะ” ใช้เสียงหวานออดอ้อนพรหมจูบบนแผ่นหลังอันแข็งแกร่งมือนุ่มลูบไล้แผงอกของเขา แต่เจ้าของร่างกลับดึงมือเธอออก
“เลน่า..กลับไปเถอะ ฉันต้องทำงานต่อ” น้ำเสียงนั้นเย็นชาแบบเดิมที่เคยเป็น
แม้รู้ว่าเขาไม่คิดอะไรกับเธอมากไปกว่าคู่นอน แต่ก็อดรู้สึกไม่ได้ เขาไม่ได้ดูยินดีที่อยากให้เธออยู่ แต่เป็นเธอเองที่ร้องขอที่จะมา เมื่อสบตาอันคมกล้าคู่นั้นมันเฉียบขาดและมาดมั่นเธอจึงไม่กล้าเซ้าซี้
“ก็ได้ค่ะ” จำยอมทำตามคำสั่งอย่างว่าง่าย
สองอาทิตย์ต่อมา
นพิษฐาเงยมองอพาร์ตเม้นต์เก่าๆ โทรมๆ สลับกับแผ่นกระดาษที่อยู่ที่เธอจดมา เพื่อตรวจเช็คให้แน่ใจว่าเธอมาถูกที่แล้ว ตึกหลังนี้มีขนาดหกชั้น เธอสืบจนได้ความว่าตอนที่กังสดาลอยู่บราซิลกังสดาลพักอยู่ที่นี่กับรูมเมตคนหนึ่ง หญิงสาวได้แจ้งเธอไว้แล้วว่าจะมา รออยู่ไม่นักหญิงนางหนึ่งเดินอ้าปากหาวลงมาหน้าตาดูอิดโรย ผมเผ้าฟูฟ่องแบบคนเพิ่งตื่นนอน นพิษฐาดูรูปถ่ายที่ได้มาเทียบกับตัวจริง ในรูปแต่งหน้าสีจัดจ้านฉูดฉาด แต่ตัวจริงกับโทรมซีดพอๆ กับอพาร์ตเม้นต์ เมื่อดูจนแน่ใจแล้วว่าเป็นคนๆ เดียวกันเธอจึงเดินไปทัก
“สวัสดีค่ะ แคลร์ใช่ไหม” เธอทักทายเป็นภาษาอังกฤษ ก่อนมาก็ได้สืบประวัติเธอคนนี้มาเรียบร้อยแล้ว แคลร์เป็นสาวชาวฟิลิปินแต่มาทำงานที่นี่พร้อมกับกังสดาล ทั้งคู่เป็นบาเทนดี้อยู่ในไนต์คลับแห่งหนึ่ง เจ้าตัวพยักหน้าแบบมึนราวกับคนที่ยังไม่ตื่นดี “ฉันนพิษฐานะ เรียกนพิษเฉยๆ ก็ได้” หยิบยื่นมิตรไมตรีให้อย่างยินดี อีกฝ่ายแค่พยักหน้ารับ
“ขึ้นมาสิ”
นพิษฐาตามเธอขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นที่สี่ ชั้นทั้งชั้นเงียบกริบและดูอึมครึม เพราะแสงสว่างที่เข้ามาไม่ถึงทางเดินบรรยากาศจึงดูสลัว แคลร์พาเธอมาหยุดอยู่ห้องด้านในสุด เมื่อไขประตูเข้าไป ตัวห้องแม้ไม่ใหญ่มาก แต่ก็ไม่คับแคบจนเกินไป บริเวณกลางห้องมีชุดโซฟาเก่าๆ มีห้องนอนแยกเป็นสัดส่วนอยู่สองห้อง
“นั่นห้องกังสดาล ฉันยังไม่ได้เอาของเธอออก เผื่อเธออาจะกลับมาเอา ตามสบายนะ เดี๋ยวตอนเย็นฉันพาไปสมัครงาน” แคลร์ว่าจากนั้นจึงเดินกลับเข้าห้องตัวเองไป
นพิษฐาไม่ได้บอกเธอว่ามาที่นี่เพื่ออะไร บอกเพียงแต่ว่าเป็นเพื่อนกังสดาลและจะมาหางานทำ ยังดีที่แคลร์ไม่ได้เป็นคนอยากรู้อยากหรือขี้สงสัยจึงไม่ได้ถามซอกแซกอะไรมากมาย
หญิงสาวนำของเข้าไปเก็บ ก่อนจะเริ่มสำรวจห้องพัก ที่ดูจากสภาพแล้วคงมีการมาตรวจค้นหลายครั้ง อาจจะเป็นคนของสถานทูตเพื่อหาหลักฐาน แต่คิดว่าคงไม่เจออะไร บนโต๊ะเครื่องแป้งเครื่องสำอางที่วางเรียงอย่างไม่เป็นระเบียบ มีรูปถ่ายสามสาวเพื่อนสนิท เธอหยิบมันขึ้นมาอดยิ้มอย่างเศร้าๆ ไม่ได้ ทั้งสามสาวที่ต่างบุคลิกต่างฉายยิ้มผ่านเลนส์กล้องอย่างสดใส นันภัทรนั้นออกจะหัวโบราณหน่อย ขี้บ่นและเรียบร้อยจนบางทีเธอกับกังสดาลมักล้ออยู่บ่อยๆ ว่าเป็นป้า ส่วนกังสดาลนั้นเป็นคนรักสวยรักงาม วงหน้าโฉบเฉี่ยวเชิดรั้นนิดๆ ผิดจากเธอที่ออกไปทางทโมนแก่นแก้ว เมื่อคิดถึงวันเวลาเก่าๆ แล้วอดสะท้อนใจไม่ได้
กั้งเธอไปอยู่ไหนนะ เป็นตายร้ายดีอย่างไร ปลอดภัยดีไหม เธอจะรู้ไหมว่าฉับกับพี่นันเป็นห่วงแค่ไหน ทำไมเธอไม่ฟังเราแต่แรก ไม่เช่นนั้นเธอก็คงไม่ประสบเรื่องร้ายแบบนี้หรอก ฉันสัญญานะ ฉันจะหาเธอให้เจอ ฉันจะไม่กลับเมืองไทยเด็ดขาดหากไม่มีเธอกลับไปด้วย
คิดไปพลางหยดน้ำใสๆ ก็ไหลรินออกมาเธอใช้หลังมือปาดมันออกก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างยื่นออกมาจากซอกเล็กๆ ข้างหลังโต๊ะเครื่องแป้ง หากไม่เพราะสายตาปะทะเข้ากับมันพอดีเธอก็คงไม่เห็นเพราะโต๊ะเครื่องแป้งทับมันอยู่ เธอเอานิ้วสอดเข้าไปเขี่ยมันออกมา เป็นแผ่นกระดาษแผ่นเล็ก มันคือนามบัตร
“แอนเดรส พรอสเพโร” อ่านเสียงเบาๆ พร้อมนิ่วหน้าอย่างครุ่นคิด เธอไม่เคยได้ยินชื่อคนๆ นี้มาก่อน แต่กลับมีลางสังหรณ์ยังไงไม่รู้บอกไม่ถูก ต่อมความอยากรู้อยากเห็นเริ่มทำงานอีกครั้งไม่ว่าจะเป็นใครแต่มันคือเบาะแสที่อาจจะนำเธอไปหากังสดาลก็เป็นได้
................................................................................................................
เรื่องนี้ไรต์เขียนจบแล้วนะคะ เอามาลงให้อ่านใหม่ คาดว่าจะลงเป็นอีบุกประมาณปลายเดือน ฝากติดตาม เม้น โหวต แอดแฟน ให้กำลังใจกันด้วยนะคะ ขอบคุณมากค่ะ
ความคิดเห็น