คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : ภาค 1)นักเวทย์มือใหม่ : 10.อาหารจานหลัก
อาหารจานหลัก
“คุณหมายความว่ายังไง? ช่วยอธิบายทีเถอะ พวกเรางงไปหมดแล้วนะ” คนที่ตั้งสติได้คนแรกคือฟรานซ์ จากนั้นก็เริ่มโวยทันที
หญิงสาวบนบัลลังก์แสยะยิ้มเย็นเล็กน้อยอย่างที่คนมองเห็นแล้วเสียวสันหลังวูบวาบ ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงเย็นๆทว่าไพเราะกังวานดั่งเสียงระฆังแก้ว
“ฮึ ได้สิ ก่อนอื่นคงต้องบอกว่าฉันรู้จักพวกเธอหมดทุกคนแล้ว แต่พวกเธอยังไม่รู้จักฉัน...ฉันคือหัวหน้าเผ่ากริฟเฟนคนปัจจุบัน...เกลฟีน่า...ตอนนี้พวกเธออยู่ในอาณาเขตหวงห้ามของเผ่ากริฟเฟน และที่พวกเธอเข้ามาได้ เป็นเพราะฉันเป็นคนทิ้งเบาะแสให้เอวี่จับได้แล้วเข้ามาถึงที่นี่เอง” เมื่อฟังจบเกลฟีน่าก็ต้องกลั้นยิ้ม เมื่อเห็นสีหน้าอึ้งๆของทุกคน...กะแล้วว่าต้องเป็นแบบนี้ เกลฟีน่าเสกเก้าอี้แก้วตัวใหญ่อลังการให้ทุกคนนั่งโดยที่ทุกคนก็นั่งลงโดยอัตโนมัติ
อย่างที่ว่า ทกคนออกจะอึ้ง โดยเฉพาะคำนั้น...หัวหน้าเผ่ากริฟเฟน หัวหน้าเผ่าโบราณไม่ใช่จะเจอได้ง่ายๆตามตลาดนะ! ขนาดคนในเผ่าเองยังไม่ค่อยได้เจอเลย นับประสาอะไรกับคนที่ไม่มีอะไรเกี่ยวข้องอย่างพวกเขา?
“ฮึ...พวกเธอคงสงสัยสินะว่าฉันเรียกพวกเธอมาทำไม...พวกเธอคือผู้ถูกเลือก...พวกเธอได้รับมอบหมายภารกิจสำคัญที่ต้องการองค์ประกอบที่ถูกต้อง ซึ่งองค์ประกอบนั้น...คือพวกเธอ มันไม่ได้เลือกคนกันง่ายๆหรอกนะ...” ฟังแล้วยิ่งอึ้งเข้าไปใหญ่เลยท่านผู้อ่าน...ภารกิจอะไร?
“ภารกิจที่ว่ามีอยู่สองอย่าง แต่ก่อนที่ฉันจะบอกฉันคงต้องอธิบายบางอย่างก่อน...ปัจจุบัน หนึ่งในสามเผ่าที่ดูสมบูรณ์ที่สุดคือเผ่ากริฟเฟนใช่มั้ย...” ปัจจุบันเผ่าอื่นนั้นไม่คนเหลือน้อย ก็สาบสูญหรือกลายเป็นเพียงตำนานทั้งนั้น แต่เผ่ากริฟเฟนยังคงความเจริญและสามารถพัฒนาต่อไปได้จึงถือว่าเป็นหนึ่งในสามเผ่าโบราณที่เจริญที่สุด
เมื่อเห็นทุกคนยกเว้นเอวี่ซึ่งยังคงสลบอยู่ในอ้อมแขนของเอลพยักหน้าเธอจึงเอ่ยต่อ
“แต่แท้จริงแล้ว พวกเรากำลังประสบปัญหาใหญ่ ซึ่งยังแก้ไม่ได้มากว่าสองร้อยปีแล้ว ปัญหาที่ว่าก็คือ ชิ้นส่วนของมงกุฎแห่งนักรบและคทาแห่งมนตราซึ่งเป็นอุปกรณ์บรรจุพลังมหาศาลและเป็นของแสดงตำแหน่งของผู้ถือครองถูกแยกออกโดยหัวหน้าเผ่ากริฟเฟนรุ่นที่แล้ว*เพราะต้องการกระจายอำนาจเพื่อบดบังพลังที่แท้จริงให้น้อยลงเพื่อทำให้ศัตรูไม่สนใจเผ่า แต่ปัจจุบัน...ไม่สิ เมื่อสองร้อยกว่าปีก่อนหัวหน้าเผ่าตายจากการรบเพื่อปกป้องพวกเรา...” พูดถึงตรงนี้แววตาของเธอก็สะท้อนความเศร้าเสียจาออกมาแต่เพียงชั่วขณะแววตานั้นก็หายไปกลับมาเป็นปกติ
“เมื่อเขาตายไปชิ้นส่วนพวกนั้นก็เคลื่อนที่ได้ด้วยกลไกการป้องกันตัวเอง ฉันได้ขึ้นรับตำแหน่งต่อจากเขา เพราะฉันเป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของเขา...ฉันและทุกคนที่รู้เรื่องช่วยกันตามหาชิ้นส่วนพวกนั้นจนครบ ยกเว้นอัญมณีที่มีชิ้นเดียวในโลกซึ่งสร้างขึ้นมาจากพลังขอพ่อฉัน...หัวหน้าเผ่าคนก่อน เราหามันไม่เจอ...ส่วนคทานั้นเมื่อเราประกอบมันขึ้นใหม่ก็ส่งมอบมันให้เชื้อสายของนักเวทวาโยผู้สร้างของทั้งสองสิ่งนี้ดูแล ความจริงแล้ว หากไม่มีผู้ปองร้ายเรา เรื่องมันก็คงไม่ยุ่งยากวุ่นวายถึงเพียงนี้ ศัตรูตัวฉกาจของเราเป็นลัทธิมืดนาม’เมิร์ก’ เพิ่งก่อตั้งขึ้นได้เพียงห้าร้อยกว่าปีเท่านั้น แต่กลับสร้างความโกลาหลแต่ชนเผ่าทุกเผ่าอย่างมหาศาล
“พวกมันพยายามช่วงชิงของล้ำค่าของแต่ละเผ่า ตอนนี้มีแค่เผ่ากริฟเฟนและเผ่าโครลาร์เท่านั้นที่ยังรักษาของของตนเอาไว้ได้ แต่นั่นไม่เท่ากับถ้ามันได้ของอีกเพียงชิ้นเดียวไป พลังมาลหาศาลของสิ่งเหล่านั้นที่รวมกันจะทำให้พวกมันได้มาซึ่งทุกสิ่ง และอาจรวมถึง...การพลิกตำนานหน้าใหม่ของชนเผ่าแห่งเมคาอา ดินแดนเหนือนี้ อย่างที่พวกเธอคงรู้กันว่า โลกเซซาร์นี้มีสี่ดินแดนเหนือให้ออกตก...เมเคอา คาร์เด ไมร์นอส เลคลีด์ เป้าหมายแรกของลัทธิมืดนี้คือเมคาอา ซึ่งหากเมิร์กยึดแดนเหนือได้ แดนอื่นคงอยู่ไม่ไกลมือ...
“นี่คือต้นเหตุของภารกิจของพวกเธอ...เพราะต่อมามงกุฎนั้นหายไปพร้อมๆกับที่เราหาอัญมณีเม็ดสุดท้ายนั่นเจอ มันไปปรากฏตัวอยู่กับแม่ทัพเผ่าคนก่อนของกริฟเฟนซึ่งปัจจุบันไม่มีตำแหน่งนี้อีกแล้วเพราะโลกพัฒนาไปเกินกว่าจะก่อสงครามกันง่ายๆเหมือนเมื่อก่อนบวกกับการหาบุคคลที่เหมาะสมช่างยากยิ่งนัก...อดีตแม่ทัพคนนั้นส่งต่อมันให้ลูกหลานของเขาเพื่อรอเวลาของภารกิจซึ่งมีเขาคนเดียวทีรู้เรื่องนี้แต่ไม่สามารถบอกใครได้ และเอวี่...คือเชื้อสายของแม่ทัพคนนั้น และอัญมณีเม็ดนั้น ก็ห้อยอยู่ที่คอของเธอ”
“หาา~!!!” เมื่อทุกคนเงียบฟังมาจนถึงตรงนี้ก็พากันร้องเสียงหลงอย่างตกใจ ทุกคนหันมามองหน้าเอลเป็นเชิงว่าให้เขาหยิบสร้อยเอวี่ขึ้นมาดู เอลจึงต้องทำตามอย่างเสียมิได้
เมื่อเอลดึงสร้อยของเอวี่ออกาก็พบอัญมณีกลมสีฟ้าใสซึ่งดูแล้วไม่เหมือนอัญมณีทั่วไป ข้างหลังสลักคำว่า เซอาห์
“เซอาห์คือชื่อกลางของชื่อที่แท้จริงของเอวี่...เอวานน่าห์ เซอาห์ เอฟเฟต์เนอร์ นามสกุลฝ่ายแม่ของเธอ...มันเป็นการกำหนดตัวผู้ถูกเลือก ส่วนเธอ...เอล คาร์โนเปิล ที่เธอมีส่วนเกี่ยวก็เพราะเธอคือผู้สืบทอดความลับเบาะแสมงกุฎที่หายไปแห่งต้นซีลศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ก็ถือว่าพวกเธอได้รับมอบภารกิจนี้แล้วนะ” เกลฟีน่าเอ่ยอย่างไม่สนใจเอลที่กำลังตะลึงค้างจนไม่มีโอกาสได้โต้แย้งใดๆ
เอลทำหน้าตึงมองเกลฟีน่า กริฟเฟน...ผู้ครอบครองธารสายรุ้ง ช่างอารมณ์เปลี่ยนแปลงง่ายและหลากหลายเหมือนดังสายรุ้งที่มีหลายสีจริงๆ...
“แล้วก็เธอ นอเอลลีน โอเนสซ่า ตระกูลเธอคือผู้สืบเชื้อสายของนักเวทวาโยลึกลับผู้ที่สร้างของทั้งสองอย่างนี้เป็นการตอบแทนที่กริฟเฟนเคยช่วยชีวิตเขาจากการถูกตามล่า และตอนนี้คทาแห่งมนตรานั่นก็อยู่ที่เธอ สักวันเธอจะค้นพบมัน บางทีมันก็ไม่ได้อยู่ในรูปปกติของมันหรอกนะ...” เกลฟีน่าเอ่ยลอยๆแบบแอบทิ้งคำใบ้ในการหาคทา (ที่นอเอลไม่ได้เต็มใจ) ให้นอเอล แล้วจึงหันไปทางฟรานซ์ที่นั่งฟังอย่างเงียบๆจนแทบไม่รู้ว่ามีเขาอยู่
“ดะ...เดี๋ยวค่ะ ฉันเนี่ยนะคะที่เป็นคนถือครองคทา?” เมื่อนอเอลตั้งสติได้จึงเอ่ยปากถามย้ำอีกทีเผื่อว่าเธอจะฟังอะไรผิดเกลฟีน่าจึงหันกลับมาที่นอเอลอีกครั้ง
“ใช่ ไม่ผิดหรอก...ฟรานซ์ เฟรอนซ์ เดเมเนิร์น...เธอต้องคอยดูแลผู้ถือครองคทาแห่งมนตรา เพราะนักเวทวาโยคนนั้นมีศัตรูอยู่รอบตัว พวกนั้นอาจย้อนกลับมาทำร้ายเชื้อสายของเขาก็ได้ถึงแม้ว่าเขาจะจากโลกนี้ไปเมื่อนานมาแล้วก็ตามแล้วก็มีภารกิจอีกอย่างหนึ่งที่ฉันยังบอกเธอตอนนี้ไม่ได้ ถึงเวลาแล้วเธอจะรู้เอง...นี่แหละ ภารกิจของพวกเธอ”
ฟรานซ์พยักหน้ารับเบาๆ ในเมื่อเขาเข้ามาที่นี่ได้ก็แสดงว่าต้องมีภารกิจอะไรให้เขาทำอยู่แล้ว และภารกิจนั้นก็ดูจะไม่ได้หนักหนาอะไร (เหรอ?) ดังนั้นเขาจึงไม่มีปฏิกิริยาอะไรนัก...
ขณะเดียวกันทางงานปาร์ตี้...
“โอ๊ย! เอลหายไปไหนเนี่ย ไม่น่าเดินไปเอาน้ำเลย” เสียงแหลมของเพลล่าดังขึ้นขณะที่กำลังนั่งจิบน้ำอย่างเซ็งๆกับเดวีนซึ่งก็ดูหงุดหงิดไม่แพ้กันหลังจากที่พวกเธอเดินไปเอาน้ำแล้วพอกลับมาสองหนุ่มก็หายไป จนตอนนี้ก็นานแล้วยังไม่กลับมาอีก
“ใช่ หายไปตั้งนานแล้วนะ แล้วยัยสองคนนั่นก็หายไปด้วยอีกต่างหาก อย่าให้รู้นะว่าไปจู๋จี๋กันน่ะ!”เดวีนบ่อต่อจากเพลล่าเพราะพวกเธอสังเกตได้ว่าสองสาวก็หายไปเช่นเดียวกัน
“พูดอะไรน่ะเดวีน เอลของฉันไม่มีทางตาต่ำไปหลงยัยนั่นหรอกย่ะ” เพลล่าได้ยินที่เดวีนพูดก็แหวขึ้นมาทันที ไม่มีทางหรอก!
“แต่มันก็ไม่แน่นะเพลล่า พวกนั้นก็สวยซะด้วยสิ” เดวีนแย้งขึ้นมาเพราะเอวี่กับนอเอลเป็นคนสวย...มาก ไม่แน่ว่าเอลกับฟรานซ์อาจจะไปหลงยัยพวกนั้นก็ได้”
“สวยอะไรยะ! พวกเราสวยกว่าตั้งเยอะ คอยดูนะ ฉันจะต้องกันยัยสองคนนั้นออกไปจากสุดที่รักของเราให้ได้เลย!” เพลล่าขัดขึ้นมาทันที ยังไงเธอก็จะไม่มีวันให้ยัยสองคนนั้นมาแย่งสุดที่รักของพวกเธอไปเด็ดขาด
จากนั้นทั้งสองคนก็เงียบไปเหมือนกำลังคิดอะไรเงียบๆอยู่ ทางเดวีนนั้นก็แค่กังวล เธอแค่ไม่ชอบสองคนนั้นเพราะเห็นว่าอยู่กับฟรานซ์แต่ก็ไม่คิดจะทำร้าย...ถ้าเพลล่าไม่เป็นแกนนำแล้วพาเธอไปด้วยน่ะนะ แต่ทางเพลล่ากลับไม่คิดอย่างนั้น เธอกำลังคิดแผนการที่จะขจัดยัยสองคนนั้นออกไปซะ ยังไงเธอก็ไม่มีวันยอมให้เอลของเธอ(?)ตกไปเป็นของยัยนั้นเด็ดขาด!
“อือ...” เสียงครางเบาๆของคนที่อยู่ในอ้อมแขนของเอลดังขึ้นดึงความสนใจของทุกคนทันที
“เอวี่! ฟื้นแล้วเหรอ เธอเป็นยังไง...!!” นอเอลวิ่งเข้ามาดูอาการของเอวี่ก็ต้องตกใจ เพราะตอนที่เอวี่ลืมตาขึ้นมาสีตาของเธอกลับไม่ใช่สีม่วงตามปกติ แต่มันกลับเป็นสีเงิน...เหมือนตอนที่เอวี่ท่องคาถา
“ไม่ต้องตกใจไป นั่นเป็นสีตาของชนเผ่ากริฟเฟน แต่ในกรณีของเอวี่ มันจะเป็นแบบนี้แค่เฉพาะเวลาที่อ่อนแอเท่านั้น เมื่อกี้นี้เอวี่เสียพลังไปมากเพราะเป็นการท่องคาถาโบราณครั้งแรกน่ะ” เกลฟีน่าอธิบายให้ฟังก่อนที่ทุกคนจะตกใจไปมากกว่านี้
เกลฟีน่าก้าวลงจากบัลลังก์ลงมาหาเอวี่ที่หน้าขึ้นสีเรื่อเมื่อพบว่าตนเองกำลังนั่งอยู่บนตักของเอลและกำลังเขาถูกกอดกลายๆเพื่อกันไม่ให้ร่างของเธอเอนล้ม
เมื่อเกลฟีน่าเดินเข้ามาใกล้เอวี่จึงเงยหน้าขึ้นมองแล้วรีบขยับตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบากเนื่องจากใช้พลังไปมาก เอลเห็นดังนั้นจึงส่ายหน้าน้อยๆกับท่าทางดันทุรังของเธอ จึงค่อยๆลุกขึ้นแล้วช่วยรั้งแขนเธอให้ยืนได้
เมื่อนอเอลเห็นท่าทางนั้นด้วยความเป็นคนช่างฝันก็กัดริมฝีปากล่างเบาๆ พร้อมกับยกมือทั้งสองข้างขึ้นมาแนบแก้ม ตายละ สองคนนี้น่ารักจังเลย~
ฟรานซ์หันมาเห็นท่าทางเพ้อฝันนั้นก็อดยิ้มออกมาไม่ได้ ผู้หญิงอะไรจะช่างฝันขนาดนี้นะ
เมื่อเอวี่ยืนได้ก็มองเกลฟีน่าแบบเต็มๆตา เอวี่รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเกลฟีน่าน่าจะเป็นหัวหน้าเผ่ากริฟเฟน ด้วยความที่เกลฟีน่ามีดวงตาสีเงินซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของชนเผ่ากริฟเฟน บวกกกับบัลลังก์นั่น ทำให้เอวี่เริ่มปะติดปะต่อเรื่องได้ว่าเธอมานอนอยู่ใน...เอ่อ...ช่างมันเถอะ! เอาเป็นว่าเธอพอจะรู้เรื่องก็แล้วกัน
“สวัสดีจ้ะ ฉันเกลฟีน่า หัวหน้าเผ่ากริฟเฟนจ้ะ ฉันจะฟื้นพลังให้หนูนะ แล้วฉันจะรีบส่งพวกเธอกลับไปที่โรงเรียนนะจ๊ะ” เกลฟีน่าเอ่ยกับเอวี่อย่างเอ็นดู ก็เอวี่น่ะ เวลาตากลายเป็นสีนี้นะเหมือนพวกเด็กกริฟเฟนเป๊ะ เธอน่ะชอบเด็กกริฟเฟนหน้าตาน่ารักอย่างนี้อยู่แล้ว ยิ่งเป็นเอวี่ที่มีหน้าตาคล้ายกับแม่ของเธอด้วยความที่ยายของเอวี่เป็นน้องของแม่ของเกลฟีน่าอีกจึงยิ่งเอ็นดูเข้าไปใหญ่ แต่กริฟเฟนที่มีสายเลือดของคนปกติจะมีอายุไม่ยืนยาวเหมือนกริฟเฟนแท้ซึ่งจะมีอายุระหว่างร้อยปีถึงสามร้อยปี
เอวี่รู้สึกคุ้นเคยกับแววตานี้เพราะมันเหมือนกับคุณยายของเธอเลย ว้า เธอคิดถึงคุณยายจังเลย ไม่ได้กลับบ้านเลยนี่นะ... เอวี่ยิ้มให้เกลฟีน่าเล็กน้อย เธอเคยได้ยินชื่อนี้จากคุณยายของเธอ คนคนนี้...คงจะเป็นลูกของพี่ของยายเธอสินะ
เกลฟีน่ายิ้มตอบรอยยิ้มน่ารักนั้นก่อนจะดึงมือทั้งสองข้างของเอวี่มาจับแล้วหลับตาลงเหมือนกำลังตั้งสมาธิ จากนั้นเอวี่ก็รู้สึกได้ถึงกระแสพลังที่กำลังถ่ายเทเข้ามาสู่ตัวเธอ เอวี่รู้สึกสดชื่นเต็มอิ่ม เรี่ยวแรงที่เคยหดหายกลับมาเหมือนท่อประปาแตก เมื่อเธอลืมตาขึ้นมาอีกทีสีตาก็กลับมาเป็นสีม่วงสดใสเหมือนเดิม
เกลฟีน่าลืมตาขึ้นพร้อมๆกับที่สีตาของเอวี่กลับมาเป็นปกติ เอวี่แย้มรอยยิ้มสดใสเหมือนกลีบดอกไม้แรกแย้มให้เกลฟีน่าแล้วเอ่ยว่า
“ขอบคุณมากค่ะเกลฟีน่า หนูรู้สึกดีขึ้นมากเลย” เมื่อเกลฟีน่าได้ยินน้ำเสียงงสดใสนั้นก็เผยรอยยิ้มกว้าง ช่างน่ารักน่าเอ็นดูเสียเหลือเกิน ถ้าเป็นไปได้เธอก็อยากพบกับแม่หนูคนนี้อีก อืม...ถ้าให้สิ่งนั้นไปก็คงไม่เป็นไรสินะ ยังไงก็มีความเกี่ยวพันทางสายเลือดกันอยู่น่ะนะ
“ไม่เป็นไรจ้ะ สีตาหนูกลับมาเป็นปกติแล้วนะ ยังไงสีม่วงสดใสนี่ก็เหมาะกับหนูมากกว่าสีเงินจริงๆนั่นแหละ...แล้วก็นี่ ฉันให้หนูนะจ๊ะ” เกลฟีน่าเอ่ยพร้อมกับส่งดอกไม้แก้วสีม่วงอ่อนให้เอวี่ ความจริงแล้วมันเป็นสิ่งที่สามารถพามาที่นี่ได้ แต่...ปล่อยให้เอวี่ค้นพบความจริงในเวลาที่สมควรดีกว่านะ~
“เอ๋? มันคืออะไรเหรอคะ?” เอวี่เงยหน้าถามด้วยความฉงน
“เมื่อถึงเวลา หนูจะรู้เองจ้ะ” เกลฟีน่าตอบพร้อมรอยยิ้มที่ดูมีเลศนัย
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ผมว่าพวกเราคงต้องไปแล้วล่ะครับ ป่านนี้งานคงใกล้เลิกแล้ว เดี๋ยวจะเป็นที่สงสัยเอา” ฟรานซ์ที่เงียบมานานเริ่มกังวลว่าจะมีคนสงสัยโดยเฉพาะสองสาวแดงเขียวนั่นจึงเอ่ยขึ้นมา
“นั่นสิคะ นี่พวกเราก็หายออกมาจากงานได้นานแล้ว อาจจะมีคนสงสัยก็ได้” เมื่อเห็นฟรานซ์เอ่ยนอเอลจึงพูดตาม ส่วนเอลเพียงแค่พยักหน้าเห็นด้วยเท่านั้น
“อืม นั่นสิ เดี๋ยวฉันจะส่งพวกเธอกลับไป” เกลฟีน่าเอ่นพร้อมกับพึมพำคาถาบางอย่างจากนั้นไอน้ำรอบๆตัวก็เกาะกันเป็นกลุ่มก้อน มันใหญ่ขึ้นเรื่อยๆแล้วค่อยๆแผ่ออกจากกันเกิดเป็นม่านใส ข้างในพวกเขาเห็นเป็นตรงส่วนที่เป็นหน้าห้องน้ำที่ไม่มีคนอยู่
พวกเอวี่หันกลับมาขอบคุณและกล่าวลาเกลฟีน่าเธอจึงยิ้มให้จากนั้นพวกเขาเลยก้าวเข้าไปในม่านนั้น
“หวังว่าเราจะได้พบกันอีกครั้ง...” เกลฟีน่าเอ่ยเสียงเบาราวกับกำลังกระซิบกับสายลมหลังจากที่เธอส่งพวกเด็กๆกลับไปแล้ว จากนั้นจึงเดินไปทั้งตัวลงบนบัลลังก์
หลังจากที่ลุ้นว่าพวกเอวี่จะเจอทางลับมั้ย ตอนนี้ก็ต้องมาลุ้นว่าพวกเอวี่จะทำสำเร็จมั้ย...
“เบเรน ข้าทำหน้าที่ของข้าแล้วนะ ต่อไปก็เป็นหน้าที่ของท่านที่ต้องคอยดูแลเด็กพวกนั้นแล้วล่ะ”เกลฟีน่าเอ่ยขึ้นมาลอยๆกับสายลมอันแสนคุ้นเคยที่วนอยู่รอบๆตัวเธอ
“เกลฟีน่าที่รักของข้า ไม่ว่ายังไงข้าก็ต้องทำหน้าที่นั้นไม่ใช่หรือ ไม่ว่าเจ้าจะมายืนชี้นิ้วสั่งข้าหรือไม่...” เกลฟีน่ายิ้มรับคำพูดหยอกล้อนั้นก่อนจะหายวับไปเหลือเพียงกระแสลมที่วิ่งวนอยู่สักพักก็จางหายไป...
|
****************************************************
คุยกันนิด!
มาแก้ตอนนี้ค่ะ เติมเข้าไปว่าอะไรเป็นอะไร
เข้มข้นขึ้นนะคะ! (มั้ย? 555)
เอนจอยรีดดิ้งนะคะ :D
ความคิดเห็น