ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เซวานเนญ่า โรงเรียนแห่งเวทมนต์

    ลำดับตอนที่ #14 : ภาค 1)นักเวทย์มือใหม่ : 14.หน้าที่ของผู้ถูกเลือก

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 694
      1
      30 เม.ย. 56

     

    หน้าที่ของผู้ถูกเลือก

     

                   เวลาเย็นของสวนในโรงเรียนเซวานเนญ่านั้นเป็นช่วงเวลาที่น่าอภิรมย์ยิ่งนัก ลมพัดเอื่อยๆ ต้นไม้เขียวขจี เวลานี้จึงมีนักเรียนนั่งอยู่เต็มไปหมด ณ มุมหนึ่งของสวนมีนักเรียนอยู่สีคนกำลังนั่งมุงหนังสือกันอย่างหน้าดำคร่ำเครียด

                   “อย่างที่เราเห็นกัน ว่าวันนี้มีเรื่องที่เหมือนเป็นการบอกใบ้ให้เราเริ่มทำภารกิจเกิดขึ้น” เสียงเอลพูดขึ้นเป็นคนแรก

                   “อย่างเช่นละอองสีฟ้าที่ลอยไปทางร้านหนังสือนั่น” ฟรานซ์พูดต่อ  

                   “และนกที่แสนจะบังเอิญบินชนหนังสือตกแล้วเปิดหน้านี้” นอเอลมองหนังสือที่ว่านี้อย่างสงสัย

                   “ทุกอย่างดูบังเอิญเกินไปจนเหมือนจงใจ...ใครสักคนกำลังพยายามบอกเราเริ่มเสียที” เอวี่พูดสรุปเป็นคนสุดท้าย ซึ่งยิ่งทำให้ทุกคนขมวดคิ้วกันเข้าไปใหญ่

                   “อืม...หนังสือนี่ตกลงมาเปิดหน้าที่เกี่ยวกับมงกุฎซึ่งก็คือหน้านี้ ก็แปลว่าเราควรเริ่มจากการหามงกุฎใช้มั้ยล่ะ จากที่หนังสือบอกว่า...มงกุฎจะอยู่ในที่ที่มีพลังธาตุน้ำสูง ก็แปลว่าเราควรลองหาในที่ที่มีพลังธาตุน้ำสูงก่อนสินะ” เอวี่วิเคราะห์จากที่หนังสือบอก

                    “ฉันว่าเราควรจะเริ่มหาในโรงเรียนเราก่อนนะ อย่างเช่น...ที่สวนน้ำเป็นไง” นอเอลเสนอขึ้นมาก่อนที่เอลจะพูดต่อ

                   “เอาสิ พวกเธอไปที่สวนน้ำแล้วกัน เดี๋ยวพวกฉันจะไปดูที่วิหารน้ำ โอเคมั้ย?” เมื่อเอลพูดจบ ทุกคนจึงพยักหน้าตกลง ก่อนจะออกความเห็นกันว่าไปดูลาดเลาเฉยๆก่อนเพราะตอนนี้ก็เย็นแล้ว พรุ่งนี้ค่อยเอาจริง

                 

                   “เอวี่ เธอว่าเราจะเจอมั้ยอ่ะ” นเอเอลถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ ตอนนี้ขอบเขตการหามันกว้างมาก แถมยังไม่มีในหนังสือนอกจากบอกว่าอยู่ที่เย็นแล้วที่เหลือก็เป็นเพียงประวัติสมัยโบราณเท่านั้นไม่มีเบาะแสอะไรเพิ่มเติม

                   “เจอสิ ยังไงก็ต้องเจอ ก็แค่จะเจอตอนไหนเท่านั้นแหละ” เอวี่ตอบอย่างมั่นใจในขณะที่พวกเธอเดินอยู่ข้างสระบัวขนาดใหญ่ในสวนน้ำ นอกจากบัวแล้วในสระยังมีพืชน้ำอีกหลายชนิด ทั้งสองพยายามมองหาสิ่งผิดปกติ แต่ทุกอย่างก็ดูปกติดีจนกระทั่งมีปลาฝูงหนึ่งกระโดดขึ้นมาจากสระ

                   พวกมันมีขนาดเล็กประมาณฝ่ามือ เกล็ดเป็นสีเงินยวงแวววาว มีครีบขนาดใหญ่คู่หนึ่งที่ดูเหมือนปีกสีรุ้งแผ่สยายอยู่ข้างลำตัว จู่ๆฝูงของพวกมันที่มีอยู่ประมาณสิบตัวก็กระโดดขึ้นมาพร้อมกันเป็นสาย พร้อมกับแสงแดดที่ส่องกระทบระยิบระยับ ภาพที่มองเห็นนั้นดูราวกับสายรุ้งที่โผล่พ้นขึ้นมาจากผิวน้ำ...สายรุ้ง

                   "ว้าว...เอวี่ดูปลาพวกนั้นสิ สวยจังเลยนะ..."เธอครางขึ้นพร้อมกับดวงตาเป็นประกาย แต่เด็กสาวเจ้าของดวงตาสีอเมทิสต์กลับก้มหน้าลงขมวดคิ้วมุ่น 
                 
                   เธอรู้สึกมีบางอย่างผิดปกติแต่คิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกเสียที...อะไรกันนะ

     

                   ทั้งสองเดินเลียบสระบัวไปเรื่อยๆจนกระทั่งนอเอลหยุดเดินแล้วร้องขึ้นมา

                   “เอวี่ สระบัวนั่นมันไม่มีสัตว์ไม่ใช่เหรอ ที่เราเคยอ่านด้วยกันในคู่มือแนะนำโรงเรียนไง” นอเอลหันไปหาเอวี่ที่ยืนนิ่งทำหน้านิ่วคิ้วขมวด นอเอลเงียบไปเพราะรู้ว่าเอวี่กำลังใช้ความคิดจนเมื่อเอวี่เบิกตากว้างแล้วเงยหน้าขึ้นมานั่นแหละ

                   “ฉันนึกออกแล้ว! ปลาพวกนั้นคือปลากลอริฟา สัตว์ประจำน่านน้ำของแดนเผ่ากริฟเฟน! เธอบอกว่าสระนั่นไม่มีสัตว์อยู่ใช่มั้ย ยิ่งเป็นสัตว์ประจำน่านน้ำอย่างนี้ยิ่งไม่ควรมี มันต้องแอบเข้ามากันแน่เลย” เอวี่พูดรัวแบบไม่พักหายใจ เมื่อพูดจบจึงสูดหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ท่ามกลางดวงตาที่เบิกกว้างของนอเอล

                   “สัตว์ประจำน่านน้ำงั้นเหรอ ฉีนว่าในสระนี่ต้องมีช่องทางลับเชื่อมต่อกับน่านน้ำกริฟเฟนแน่ๆเลย บางทีอาจจะเพิ่งมี เพราะถ้ามีมานานพวกมาสเตอร์ก็น่าจะเห็นปลาพวกนี้แล้ว”

                    “ฉันว่าเรารีบไปหาพวกนั้นกันดีกว่า เผื่อพวกนั้นจะเจออะไรบ้าง” เอวี่เสนอขึ้นมา ทั้งสองจึงพากันวิ่งออกจากสวนน้ำมุ่งตรงไปหาวิหารซึ่งอยู่ใกล้ๆกันทันที

                   เมื่อทั้งสองมาถึงหน้าลานของวิหารน้ำก็เห็นหลังของชายสองคนอยู่ไวๆทางด้านข้างวิหารน้ำพวกเธอจึงเดินเข้าไปหา

                   “เจออะไรบ้างมั้ย?” เมื่อเอวี่เดินเข้าไปถาม ทั้งสองคนที่ก้มๆเงยๆอยู่ริมกำแพงวิหารก็เงยหน้าขึ้นมา

                   “เจอ ฉันสัมผัสได้ถึงไอเวทน้ำที่ลอยวนอยู่ มันแปลกๆ ไม่เหมือนกับเวทน้ำธรรมดา” เอลเอ่ยขึ้นตามด้วยฟรานซ์

                    “แล้วเราก็เจอคริสตัลวางเป็นจุดๆรอบกำแพงวิหารด้วย ฉันลองเลียบๆเคียงๆถามมาสเตอร์คนนั้นดูเขาบอกว่าไม่มีแหละ” ฟรานซ์ว่าพร้อมกับชี้ไปทางมาสเตอร์ที่ดูแก่แล้วท่านหนึ่งที่กำลังเดินไปทางสวน

                   “แล้วพวกเธอล่ะ เจออะไรมั้ย?” เมื่อเอลถามกลับเอวี่ก็พยักหน้าไปทางนอเอลเป็นเชิงบอกว่าให้นอเอลตอบแทน

                   “เราเจอปลากลอริฟา ปลาประจำน่านน้ำเผ่ากริฟเฟนในสระบัว ปกติแล้วมันไม่ควรจะมีสัตว์อยู่ในสระ” นอเอลว่าพลางเหลือบมองไปทางเอวี่เผื่อว่าเธอจะพูดชื่อผิด

                   “ใช่ สัตว์ประจำน่านน้ำกริฟเฟนน่ะไม่ได้มีอยู่พร่ำเพรื่อหรอกนะ” เมื่อเอวี่พูดจบทั้งหมดก็มองหน้ากันอย่างเคร่งเครียดก่อนที่เอวี่จะเอ่ยอะไรขึ้นมาอีกครั้ง

                    “ที่นี่มีไอเวทน้ำแปลกๆจริงด้วย รุนแรงมากเลยด้วย บางทีมันอาจจะเพิ่งมี...ฉันว่าเราต้องค้นวิหารกันแล้วล่ะ มันผิดปกติเกินไป ต้องมีอะไรอยู่ข้างในแน่ๆ” เอวี่ว่าก่อนที่นอเอลจะแย้งขึ้น

                    “แต่วิหารนี่ไม่อนุญาตให้เข้านะเอวี่ จะเข้าได้ก็ต่อเมื่อมีมาสเตอร์เปิดให้เท่านั้น”

                   “แต่เราจะบอกมาสเตอร์หรือคนอื่นไม่ได้ เรื่องนี้ต้องเป็นความลับนี่ ยิ่งจะค้นวิหารเขายิ่งแล้วใหญ่” ฟรานซ์พูดต่อพลางเอามือหมุนขมับแก้เครียด

                   “มันต้องมีทางสิน่า” เอวี่พูดอย่างมีความหวัง จากนั้นเอลที่เงียบมานานก็เอ่ยขึ้น

                   “...มีทางลับอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของวิหาร”

                   “นายรู้ได้ไงน่ะ?” ฟรานซ์เลิกคิ้วถามอย่างแปลกใจ

                   “หืม? เมื่อกี้เหรอ...ฉันรู้สึกเหมือนมีคนกระซิบน่ะ ไม่รู้สิ” เอลว่าพร้อมกับส่ายหน้าเหมือนไม่เข้าใจตัวเอง

                    “ต้องมีใครพยายามช่วยเราอยู่แน่เลย” นอเอลพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงตื่นเต้น

                    “นั่นสินะ ฉันว่านะ คืนนี้เราลองค้นหากันดูดีกว่า” น้ำเสียงเหมือนจะได้เล่นสนุกของเอวี่ทำให้ทุกคนคลายเครียดได้ จากนั้นทั้งหมดจึงนัดแนะกันว่าเจอกันที่กลุ่มต้นไม้ใหญ่หน้าวิหารตอนเที่ยงคืน และเตรียม...เตรียมใจมาด้วยแล้วกัน!

     

                   กลางดึกอันเงียบสงัดของโรงเรียนเซวานเนญ่า นักเรียนทุกคนต่างเข้านอนไปนานแล้ว แต่บริเวณหน้าวิหารน้ำกลับมีเงาอยู่สี่เงากำลังด้อมๆมองๆอยู่แถวๆกลุ่มต้นไม้ใหญ่ แสงจันทร์ที่ส่องผ่านในบางช่วงเผยให้เห็นนักเรียนสี่คนในชุดรัดกุมสีดำ

                   “ตามที่เอลบอกว่าทางลับอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ ในเมื่อเรารู้ทิศแล้วก็ไปด้วยกันเลยดีกว่า แล้วค่อยกระจายกันหา” ฟรานซ์เอ่ยขึ้นก่อนที่ทุกคนจะพยักหน้าแล้วก็เคลื่อนตัวอย่างเงียบๆไปตามแนวเงาต้นไม้เลาะขอบกำแพงวิหารไป

                    เมื่อทุกคนมาถึงส่วนทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ก็แยกย้ายกันหา จนกระทั่งนอเอลส่งสัญญาณเรียกทุกคน

                   “เจอแล้วเหรอ” เอวี่เอ่ยถามเสียงกระซิบเมื่อทุกคนมารวมกัน นอเอลจึงพยักหน้ารับแล้วชี้ไปตรงจุดหนึ่งของกำแพงที่ดูเหมือนว่าจะมีรอยสลักเป็นคำพูดและร่องกรอบสี่เหลี่ยมขนาดคนมุดได้สบาย

                  “หืม...เล เซวาส พรอเท?” เอลลองเอ่ยตามรอยที่สลักไว้ ทันใดนั้นช่องสี่เหลี่ยมนั้นก็หายไป กลายเป็นช่องทางเข้าไป...

                   “โอ้ว ดูเหมือนเอลจะแย่งซีนเธอนะ เอวี่” นอเอลพูดติดตลกเอวี่จึงทำท่าแยกเขี้ยวใส่ก่อนที่ทั้งสี่จะพากันคลานเข้าไป

                  ฟรานซ์ที่เข้ามาถึงคนแรกเงยหน้ามองก็พบว่าช่องทางลับนี่นำมายังโถงส่วนกลางของวิหาร ความมืดทำให้มองเห็นแสงเรืองหลายสายโยงมาจากจุดต่างๆข้างกำแพงมาบรรจบกันตรงกลาง

                  เมื่อทุกคนเข้ามากันหมดแล้วกำแพงด้านหลังที่เป็นรูก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นกำแพงธรรมดา...มายา

                   “นั่นอะไรน่ะ?” ในขณะที่ฟรานซ์ขมวดคิ้วอยู่นั้นเอลก็เอ่ยถามขึ้นมา

                   “ฉันว่า...หนึ่งในความเปนไปได้คือคริสตัลพวกนั้น...” เมื่อฟรานซ์เอ่ยขึ้นมาทุกคนก็พากันคิดตาม เท่าที่พวกเขาจำได้ ตำปหน่งของหินคริสตัลก็ประมาณแสงพวกนี้ ด้านนอกกำแพง คริสตัลแต่ละชิ้นวางห่างกันประมาณสามเมตร...

                   “ดูจากลักษณะแล้ว...เหมือจุดส่งพลังนะ” เอวี่วิเคราะห์ตามที่อ่านมา ซึ่งทุกคนก็พอดาออกว่าคงเป็นศาตร์กริฟเฟนเล่มนั้นแน่ๆ

                  “ให้เดานะ คงเอาไว้ปกป้องอะไรสักอย่าง สายพลังพวกนี้มันสายป้องกันชัดๆ...แต่ฉันว่าตอนนี้เราคงทำอะไรมันไม่ได้ ลองค้นห้องกันดูก่อนมั้ย?” นอเอลเสนอขึ้นมา เมื่อทุกคนพยักหน้าทั้งหมดจึงแยกกันหาเบาะแสตามห้องต่างๆ

                  จากโถงกลางจะแยกเป็นทางเดินไปอีกสี่ทางตามสี่ทิศ แต่ละทางจะมีสี่ห้องทั้งหมดจึงตกลงว่าจะกลับมาเจอกันในอีกครึ่งชั่วโมงเพราะตอนนี้ก็เกือบจะตีหนึ่งแล้ว ถ้ามีอะไรเกิดขึ้นก็เกรงว่าจะไม่ทันเวลา

                  เอวี่ที่เดินไปตามเส้นทางทิศเหนือมองซ้ายมองขวาไปตามกำแพง ลูบๆคลำๆบ้างก็ไม่เจออะไรผิดปกติ เมื่อเดินมาถึงห้องแรกก็ลองบิดลูกบิดประตูไม้ดู

                  “เอ๊ะ...ไม่ได้ล็อคนี่นา” เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าเป็นห้องนอนห้องหนึ่ง ดูหรูหราใช้ได้ แต่เหมือนว่าจะไม่มีคนนอนในห้องนี้มานานแล้ว เธอลองก้มๆเงยๆสำรวจทั่วทุกมุมห้องก็ยังไม่พบอะไร

                    ความจริงแล้วเอวี่ก็ลองพยายามจับไอเวทดู ถึงจะยังรุรแรงอยู่ แต่ไอเวทนั่นกระจายไปทั่ววิหารจนจับไม่ได้ อันที่จริงมันไม่ควรจะเป็นแบบนั้น แต่ก็อย่างว่า...เคสนี้มันแปลกออกไป...

                    เอวี่สำรวจห้องไปเรื่อยๆจนถึงห้องที่สาม เธอเจอผงเพชรตามทางตั้งแต่เกือบถึงประตูห้องที่สอง ดังนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่า สิ่งนั้นอาจจะอยู่ในห้องที่สี่ที่เธอกำลังจะเปิดเข้าไปนี้...

                   “กรี๊ดดดดดด!!” เสียงกรีดร้องของนอเอลที่ดังขึ้นทำใก้เอวี่ต้องละจากประตูแล้วออกวิ่งไปทางทิศตะวันออกทันทีแบบไม่ต้องคิด

                  เมื่อเธอวิ่งมาถึงโถงก็เจอเอลและฟรานซ์ที่กำลังวิ่งไปเช่นเดียวกัน ทั้งหมดวิ่งตามทางเส้นตะวันออกและเปิดประตูมาเรื่อยๆจนถึงประตูห้องที่สี่ก็เห็นนอเอลยืนปิดตาตัวสั่นอยู่ข้างประตูด้านใน

                  “นอเอล! เป็นอะไรรึเปล่า??” เอวี่เดินเข้าไปหานอเอลทันที นอเอลค่อยๆยกมือสั่นๆชี้ไปทางมุมหนึ่งของห้อง เมื่อทุกคนมองตามก็ต้องสะดุ้งสุดตัว

                   มีคน...หรืออะไรสักอย่างยืนอยู่ตรงมุมห้อง มันสวมชุดคลุมยาวสีขาว ก้มหน้าอยู่กับฝ่ามือที่มีของเหลวสีแดงคล้ำย้อยออกมา

                   “เฮ้ย!!! ผ...ผี!!” เอวี่อ้าปากหวอร้องขึ้นอย่างตกใจ แต่ก่อนที่ทุกคนจะทันโกยอ้าว ผีที่ว่าก็ร้องเนียกเอาไว้ซะก่อน

                   “นี่!! เดี๋ยวสิพวกเธอ! ฉันไม่ใช่ผี ฉันคือเมอร์เดนไงโว้ย!!” สิ้นเสียงนั้น ขาที่กำลังจะก้าวออกของทุกคนก็ชะงัก เมื่อหันมามองดีๆก็พบว่าเป็นเมอร์เดนจริงๆ วิหารนี้จะสะท้อนแสงจันทร์เข้ามาเสมอแม้จะไม่สว่างมากแต่ก็สามารถมองเห็นได้ ตอนนี้นอเอลเลยกลืนน้ำลายเอื๊อกแล้วแย้มยิ้มแห้งๆ

                    อ่า...ท่าทางเธอจะเข้าใจผิดแฮะ...

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×