ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ RE-Write ] Try..!!! { MarkBam } // THE END

    ลำดับตอนที่ #22 : Level_21

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 14.36K
      205
      11 ต.ค. 58


     



    กว่าผมจะมาถึงมหาลัยก็ปาเข้าไปบ่ายสองเกือบบ่ายสามแล้วผมรีบลงจากรถพี่มาร์คที่ขับมาส่งหน้าคณะและตรงไปยังห้องเรียนทันทีผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังชั้นสองของตึกกลางใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหน้าห้องเรียนจนได้ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าคลาสเลิกแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปดูว่าเพื่อนผมยังอยู่กันรึเปล่าพอมองไปยังที่ประจำเวลานั่งเรียนก็พบกับกลุ่มคนกำลังนั่งคุยกันอยู่



    “เสด็จแล้วเหรอมึงไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ” 

    เสียงค่อนแคะดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องเรียนผมเดินตรงไปหลังห้องที่มีพวกเพื่อนๆผมนั่งรวมตัวกันอยู่



    “แกจะไปแซะมันทำไมว่ะข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละจริงมั้ยแบมแบม” 

    เสียงหวานดังมาจากหญิงสาวหนึ่งในสองของกลุ่ม



    “แหม..อีแจน มึงก็พูดไปท่านมาร์คของกูนี่ไม่น่าจะต่ำกว่าสามน้ำ กูไม่อยากจะเม้าส์นะเค้าลือกันให้แซดว่าลีลาฮีเด็ดจริงอะไรจริงนี่กูก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ฮีจะหันมาเล่นของแปลกบ้าง” 

    อีแมนนี่กระเทยควายพูดอย่างออกรสออกชาติ



    “ยังกล้าหวังนะอีแมน มันต้องร่างบางๆหน้าจิกๆแบบไอแบมเว้ยเค้าถึงจะสนตัวถึกๆแบบแกเค้าไม่เอาหรอก”



    “อีแจน..กูชื่อแมนนี่ค่ะ กรุณาเรียกให้ครบถ้วนด้วย” 

    มันสองคนเริ่มหันไปเถียงกันเองโดนไม่สนใจผมที่ยืนมองอยู่



    “เราว่าเลิกแหย่แบมแบมเถอะดูสิทำหน้าดุใหญ่แล้ว” 

    ส่วนนี้คือเสียงนางฟ้าประจำกลุ่ม ฮานะ คนงามดาวคณะคนปัจจุบันเธอช่างงามทั้งกายและใจจริงๆผิดกับอิพวกเวรนี่ผมหันไปยิ้มให้ฮานะเล็กน้อยก่อนหันไปมองมันสองตัวอีกครั้ง



    “มาๆๆ นั่งลงก่อนท่าทางมึงไม่ค่อยมีแรง” 

    ไอเจแปนชายหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆไอคยอมกวักมือเรียกผม



    “เดินไหวมั้ย ให้กูช่วยมั้ย” 

    ไอคยอมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนทำท่าจะลุกมาช่วยประคองผม



    “สัส..พวกมึงจะพอได้รึยัง” 

    ผมเริ่มโวยใส่พวกมันอย่างเหลืออด



    “นั้นสิ..พวกมึงนี่ไม่ไหวเลยนะชอบเอาความจริงมาพูดเล่น”



    “มึงนั้นแหละตัวดีเลยอีแมนนี่ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี”



    “อะไร..กูคนเดียวที่ไหนอีแจนอะตัวเปิดเลย”



    “อ้าว..ไหงโยนขี้มาแบบนี้ล่ะ” 

    แจน หรือ แจนยูเอรี่ หญิงสาวผู้มีดวงหน้าจิ้มลิ้มขัดกับนิสัยดิบเถื่อนของเธออย่างชัดเจนเริ่มเถียงขึ้นบ้าง



    “พวกมึงก็พอๆกันนั้นแหละจะเถียงกันทำไม” 

    ผมเอ่ยขึ้นขณะที่เดินไปนั่งที่ว่างข้างๆไอเจแปน



    “ว่าแต่โดนไปกี่ยกว่ะ..” 

    ไอเจแปนหันมาถามผม พลั่ก..เสียงผมตบกระบาลมันดังก้องไปทั้งห้องคนในห้องเริ่มหันมามอง ผมจึงรีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้คนอื่นหันกลับไป



    “เชี่ยแบม..ตบทำไมกูเจ็บนะ”



    “กูไม่กระทืบปากมึงก็บุญแล้ว กูขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่ากูกับไอพี่มาร์คไม่ได้มีอะไรกันการที่กูยอมย้ายไปอยู่กับมันเพราะกูแพ้พนันอีกอย่างมันก็เป็นปู่รหัสกูด้วยดังนั้นพวกมึงเลิกคิดอะไรต่ำๆได้แล้วกูแมนเต็มร้อย เข้าใจตรงกันนะ”



    “แล้วกูจะค่อยดูว่าจะแมนได้สักกี่น้ำ”



    “ใช่ๆ ร้อยทั้งร้อยไม่เคยมีใครต้านทานเสน่ห์ของท่านมาร์คได้หรอกรวมถึงมึงด้วยอีแบม”



    “อย่ามั่นใจขนาดนั้นเลยว่ะ คนอย่างมึงเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน” 

    ไอคยอมหันมาพูดกับผม ผมหันไปมองมันก่อนยักไหล่ส่งๆกลับไป ใช่..คนอย่างผมเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกคิดอยากจะทำอะไรก็ทำเบื่อไม่อยากทำอะไรก็เลิกทำมันเสียดื้อๆ ผมเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและแน่นอนไอคยอมรู้เรื่องนี้ดี



    “เราเชื่อแบมแบมนะ เราว่าแบมแบมไม่ได้มีอะไรกับพี่มาร์คหรอกเลิกพูดเรื่องนี้แล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่าเราชักหิวแล้วหละ” ฮานะพูดขึ้น ทุกคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่มีเรื่องโต้เถียงกันในกลุ่มฮานะจะเป็นคนสรุปและยุติเรื่องทั้งหมด



    “พวกมึงดูฮานะไว้เป็นตัวอย่างรู้จักคิดซะบ้างไม่ใช่มีสมองไว้กั้นหู” 

    ผมพูดขึ้นลอยๆแต่เรียกสายตาจิ๊กกัดจากคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี



    “เธอจะไปเข้าข้างมันทำไมฮานะดูสิมันได้ใจใหญ่แล้ว” 

    แจนหันไปทำเสียงกระเง้ากระงอนใส่เพื่อนสาวที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆ



    “ไม่เอาน่าแจนเราว่าไปกินสเต็กกันดีมั้ยหรือใครว่ายังไง” 

    ฮานะหันไปยิ้มให้แจนก่อนเสนอความคิดว่าจะไปกินอะไรกันดี



    “เอาสิ..กำลังอยากกินอยู่พอดี”

    เจแปนเอ่ยสมทบ



    “งั้นพวกมึงไปกันเลยนะพอดีกูต้องไปประชุมสายรหัสว่ะ” 

    ผมพูดขึ้นเพราะไอหัวเทาย้ำมาตลอดทางว่าตอนเย็นให้ไปที่ห้องสโมด้วยมันจะเรียกประชุมสายรหัส



    “อย่ามาอ้างเลยอีแบมมึงจะไปหาท่านมาร์คของกูล่ะสิ” 

    อีแมนนี่หันมาเบ้ปากใส่ผม



    “เอาที่มึงสบายใจเลยอีแมนนี่ กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว” 

    ผมสายหัวไปมาอย่างเอื้อมระอา



    “ผัวขาดูมันสิคะมันสบัดบ๊อบใส่แมนนี่ แมนนี่ไม่ยอม” 

    อีแมนนี่พุงตัวไปกอดแขนไอคยอมอย่างรวดเร็วก่อนจะเอาหัวถูกไถไหล่มันไปมา



    “มึงอย่าเยอะ เดี๋ยวกูถีบเข้าให้” 

    ไอคยอมใช้มือยันหัวอีแมนนี่ออกไปก่อนเอ่ยข่มขู่



    “ใช่สิ..อีพวกได้หน้าแล้วลืมหลัง” 

    มันยื่นหน้ายื่นตาพูดอย่างหน้าหมั่นไส้



    “เดี๋ยวนะ..ได้หน้านี่อะไรยังไง อย่าบอกนะไอคยอมว่ามึงกำลังจีบใครอยู่” 

    ผมหรี่ตามองมันเพื่อจับผิด



    “ไม่มีอะไรหรอกอีแมนนี่ก็พูดไปเลื่อนมึงอย่าไปสนใจเลย”  

    มันพูดออกมาส่งๆเหมือนไม่มีอะไรในก่อไผ่แต่ผมรู้จักมันดีท่าทางนิ่งๆเนี่ยแหละโคตรน่าสงสัย



    “เอาล่ะๆเราว่าไปกันเลยเถอะ แบมแบมต้องไปประชุมใช่มั้ย” 

    ฮานะหันมาถามผม



    “อืม..พอดีเค้าเรียกประชุมน่ะเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน” 

    ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฮานะเป็นผู้หญิงสวยฐานะทางบ้านก็จัดว่าดีถึงขั้นดีมากแถมยังนิสัยดีไม่ง้องแง้งเหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่ นี่ท่าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันผมคงจีบเธอไปนานแล้วคนแบบนี้แหละสเป็คผมเลย


    “โอเค..งั้นคราวหน้าแบมแบมเลี้ยงนะเราจะรอกินของฟรี” 

    ฮานะเอ่ยขำๆ



    “ได้สิ..คราวหน้าเราเลี้ยงเอง” 

    ผมเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม



    “เลี้ยงพวกกูด้วยดิ อย่าลำเอียง” 

    ไอเจแปนโพล่งขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองมัน



    “ปากอย่างพวกมึงอย่าหวังว่าจะได้แดกเงินกูเลยโดยเฉพาะมึงอีแมน” 

    ผมชี้ไปที่กระเทยควายประจำกลุ่ม


    “เอ๊ะ..อีนี่ กูบอกว่าชื่อแมนนี่ๆเรียกแมนอยู่ได้ เดี๋ยวกูจับทำเมียแม่งเลย”



    “มึงหยุดคิดเลยนะกูขนลุก..” 

    ผมลูบแขนตัวเองด้วยท่าทางสยดสยองก่อนที่พวกผมจะทะยอยกันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน ผมเดินมากับพวกมันจนถึงลานหน้าคณะก่อนขอแยกไปยังห้องสโมที่อยู่อีกฟากของตึก



    “กูไปก่อนนะ “



    “เชิญเถอะย่ะ แล้วก็อย่ายั่วท่านมาร์คให้มันมากนักนะอีแบมกูหวง”



    “ระดับกูไม่ต้องยั่วแล้ว” 

    ผมกระตุกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย



    “มั่นหน้าไปอีกกูล่ะยอมใจมึงจริงๆ”



    “แน่นอน..ก็ท่านมาร์คของมึงหลงกูจะตาย" 

    ผมยื่นหน้ายื่นตาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงล้อเรียนอีแมนนี่ ก็ผมหมั่นไส้มันอ่ะแซะผมอยู่ได้



    “พี่มาร์คสวัสดีค่ะ / ครับ” 

    แล้วอยู่ดีๆพวกมันก็พร้อมใจกันมองไปข้างหลังผมก่อนเอ่ยทักทาย



    “อย่ามาอำกู เนียนนะพวกมึงอ่ะ”



    “มารับแบมแบมเหรอค่ะ” 

    แจนพูดขึ้นด้วยท่าทางสุภาพ ผมหรี่ตามองมันเล็กน้อยก่อนสตั้นไปเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดลงมาบนต้นคอ



    “พอดีเดินผ่านมานะ แล้วนี่จะไปไหนกัน” 

    ผมค่อยๆหันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังช้าๆ ชิบหายแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ



    “พวกเรากำลังจะไปกินสเต็กกันพี่จะมาด้วยก็ได้นะคะหรือถ้าพี่มาร์คไม่ชอบกินสเต็กจะกินแมนนี่แทนก็ได้ค่ะ รับรองว่าแซ่บ”

    อีแมนนี่รีบเสนอหน้าเข้ามาด้วยความเร็วแสงมันเผยอปากพร้อมทำท่ายั่วยวนส่งไปให้ไอหัวเทาที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างหลังผม



    “ไม่เป็นไรดีกว่าพอดีเมื่อคืนพี่กับแบมแบมกินกันจนอิ่มแล้ว ขอบใจที่ชวน” 

    แขนแกร่งถูกยกขึ้นมาคล้องคอผมเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนกำมือแน่นหายใจติดขัดเพราะอารมณ์ที่กำลังพุงสูงขึ้น



    “คุณพระ...ไหนมึงบอกไม่โดนกินไงอีแบมตอแหลพวกกูเหรอ” 

    อีแมนนี่ยกมือทาบอกก่อนหันมายื่นหน้ายื่นตาพูดกับผม



    “อีแมน..มึงหุบปากไปเลยก่อนที่กูจะใช้ตีนหุบให้“ 

    ผมชี้หน้าขาดโทษอีกระเทยทางช้างเผือกจนมันยอมหุบปากไป ก่อนจะหันไปจ้องคนข้างๆเขม่งมันกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยแก้ตัว



    “พอดีเมื่อวานฉลองที่แบมแบมย้ายมาน่ะเลยกินกันเยอะไปหน่อยใช่มั้ย แบมแบม..”

    รอยยิ้มร้ายปรากฎบนใบหน้าได้รูปนั่น ผมถลึงตาใส่มันอย่างเหลืออดดูก็รู้ว่าต้องการยั่วโมโหกันชัดๆ



    “ถ้างั้นพวกผมขอตัวก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวคนจะเยอะ” 

    ไอคยอมรีบเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะมีสงครามย่อมๆทำให้ผมกับไอหัวเทาหันไปมองมัน



    “ยังไงขอยึดตัวแบมแบมไว้แล้วกัน” 

    ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยออกมาอย่างสุภาพ ผมหรี่ตามองคนพูดทันทีเพราะไม่อยากเชื่อหูว่าไอคนกวนประสาท ปากหมา ด่าเจ็บอย่างมาร์ค ต้วนก็พูดดีๆกับเค้าเป็นด้วย



    “พวกกูไปก่อนนะไอแบมแล้วพรุ่งนี้เจอกัน“

    ไอคยอมหันมาบอกผมก่อนหันไปลาพี่มาร์คที่ยืนอยู่ข้างๆพวกมันโบกมือลาผมกับพี่มาร์คแล้วเดินจากไป ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับโจทย์เก่ายืนนิ่งอยู่



    “เอาแขนออกไปได้แล้ว หายใจไม่ออก”



    “........”



    “จ้องทำไมว่ะ” 

    ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายไอหัวเทาไม่พูดอะไรมันแค่ยืนจ้องหน้าผมนิ่งๆผมที่โดนจ้องก็ทำได้แค่จ้องกลับไปอย่างไม่ยอมกัน ก่อนไอคนข้างๆจะยกยิ้มจนเห็นเขี้ยว



    “จริงด้วยว่ะ” 

    มาร์คโพลงออกมาพร้อมใบหน้ากวนๆ



    “จริงอะไร”



    “กูหลงมึงจริงๆด้วย มึงนี่รู้ใจกูดีจัง” 

    ฉ่า..ไอร้อนพุงออกมาจากหน้าของผม ผมรีบหลบตาแทบไม่ทันก็มันดันได้ยินที่ผมคุยกับอีแมนนี่นะสิ แม่งเอ้ยย..โคตรน่าอายเลยและตอนพูดช่วยขยับหน้าออกไปก่อนได้มั้ยจะมาพ้นลมใส่หูทำไม ห๊ะ !!!



    “พี่พูดบ้าอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง และก็ปล่อยได้แล้วจะไปห้องสโมไม่ไช่รึไง”



    “หึๆ” 

    รอยยิ้มร้ายปรากฎอีกครั้งแต่ก็ยอมเอามือออกไปแต่โดยดี เราสองคนเดินอ้อมไปอีกฟากของตึกโดยมีไอหัวเทาเดินนำส่วนผมก็เดินตามไปเงียบๆ เดินเลี้ยวเข้าไปข้างตึกไม่นานก็เจอกับห้องเล็กๆที่บานประตูเป็นกระจกติดฟิมล์ดำพร้อมป้ายหน้าห้องที่เขียนว่า ห้องส่วนบุคคลห้ามบุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด ( ถ้าเข้ามามึงตาย ) ผมมองที่ป้ายขำๆเพราะมีคนเอาเมจิกมาเขียนต่อท้ายเอาไว้ ประตูกระจกถูกมาร์คผลักเข้าไปเผยให้เห็นคนสองคนนั่งอยู่ด้านใน ผมค่อยๆก้าวตามพี่มาร์คเข้าไปช้าๆ ด้านในห้องไม่ได้กว้างขวางอะไรมากแต่ก็ดูน่ามานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ไม่น้อย เพราะในห้องมีอุปกรณ์ให้ความบันเทิงอย่างครบคันไหนจะโซฟาตัวยาวที่กะจากสายตาน่าจะนุ่นสบายเอาเรื่อง



    “มาแล้วเหรอเฮีย พวกผมมารอจนรากงอกถึงแกนโลกแล้วเนี่ย”



    “มึงอย่าเว่อร์ไอฮันบิน” 

    พี่มาร์คเดินไปนั่งบนโซฟาส่วนผมก็ได้แต่ยืนเกๆกังๆไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเพราะนอกจากไอหัวเทาก็ไม่สนิทกับคนอื่นเท่าไหร่



    “แบมแบม..มานั่งนี่มา” 

    พี่บ๊อบบี้พูดขึ้นก่อนตบหน้าตักตัวเองเรียกให้ผมไปนั่ง พลั่ก..



    “โอ๊ย..เฮียตบผมทำไม ดูดิเนี่ยตบบ่อยจนฟันผมยื่นหมดแล้ว” 

    พี่บ็อบบี้โอดครวญทันทีที่โดนพี่มาร์คตบหัวอย่างแรงส่วนพี่มาร์คก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเค้าแค่ตบเบาะที่ว่างข้างๆพร้อมมองมาที่ผม



    “มานั่งข้างๆกูนี่ยืนบื้ออยู่ได้” 

    ผมถลึงตากลับไปทำให้มันกระตุกยิ้มส่งกลับมา ผมเดินฮึดฮัดไปนั่งลงข้างๆมันอย่างช่วยไม่ได้



    “ไม่ต้องเกร็งหรอกคนกันเองทั้งนั้น” 

    พี่ฮันบินพูดขึ้นผมพยักหน้ารับก่อนส่งยิ้มกลับไป



    “แล้วนี่ไอกรีนไปไหน” 

    พี่มาร์คถามขึ้นเมื่อไม่เห็นพี่รหัสของผม



    “เห็นว่าไอประธานเรียกไปพบ”



    “มันมีเรื่องอะไรทำไมต้องให้ไอกรีนไปหาด้วย”



    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าแม่งก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆนั้นแหละ”



    “.....” 

    ไอหัวเทาพันลงหายในออกมาแรงๆก่อนลุกขึ้นพรวดพราดจนผมสะดุ้งโหยง



    “เฮียจะไปไหน”



    “ไปเอาตัวไอกรีนกลับ“ 

    พี่มาร์คทำท่าจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องหยุดเท้าก่อนหันกลับมาหาผม



    “มึงนั่งรอกับไอพวกนี้ไปก่อนเดี๋ยวกูมา”  

    พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีผมที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้หันไปมองพี่ฮันบินกับพี่บ็อบบี้สลับกันไปมา พี่ทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด



    “มีอะไรกันเหรอพี่” 

    พวกเค้าหันมามองผมก่อนถอนหายใจออกมา



    “มึงพึ่งเข้ามาเลยไม่รู้เรื่องสินะ” 

    พี่บ็อบบี้เอ่ยขึ้นผมพยักหน้ารับก่อนถามออกไปอีกครั้ง




    “ผมถามได้มั้ยว่าทำไมพี่มาร์คกับพี่เซฮุนถึงไม่ถูกกัน” 

    พวกเค้าหันไปมองหน้ากันก่อนพยักเพยินหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคนพูด



    “เล่ามาเถอะผมอยากรู้”



    “เอางั้นเหรอ” 

    พี่ฮันบินมองผมก่อนพยักหน้านิดๆ



    “ก็ได้..งั้นเดี๋ยวกูเล่าให้ฟังเอง” 

    พี่ฮันบินเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นเมื่อสองปีก่อนให้ผมฟัง ผมนั่งฟังนิ่งๆไม่ได้แสดงออกอะไรมากนักเท่าที่จับใจความได้เมื่อก่อนพี่มาร์คกับพี่เซฮุนเป็นเพื่อนรักกันแต่ต้องมาบาดหมางกันเพราะเรื่องผู้หญิงที่ชื่อแอชลี่อะไรเนี่ยแหละสุดท้ายเลยกลายเป็นศัตรูกัน



    “จนทุกวันนี้กูยังไม่เข้าใจเลยว่าไอประธานมันจะแค้นเหี้ยอะไรเฮียนักหนาทั้งๆที่มันก็ได้ผู้หญิงไป”



    “และมึงรู้มั้ย ทุกวันนี้แม่งหาเรื่องแกล้งเฮียสารพัดพูดแล้วกูขึ้น” 

    พี่บ็อบบี้หันมาบอกผมด้วยท่าทีหงุดหงิด



    แก๊ก...เสียงประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมร่างของพี่มาร์คที่มีพี่กรีนเดินตามหลังมาติดๆทั้งสองคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก พวกเค้าเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ



    “เป็นไงบ้าง” 

    พี่ฮันบินถามขึ้นทันทีที่เห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา



    “เรื่องเดิมๆนั้นแหละพี่ แม่งไม่เบื่อบ้างรึไงก็ไม่รู้กรีนยังเบื่อเลย” 

    พี่กรีนพูดขึ้นอย่างหัวเสีย



    “มันตัดงบอีกแล้วเหรอว่ะ เฮ้ย..นี่ตัดจนจะไม่เหลือแล้วนะ” 

    พี่บ็อบบี้โวยขึ้นทันที



    “ช่างมัน..อยากตัดให้แม่งตัดไปกูไม่เดือดร้อนอยู่แล้วกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะหน้าด้านทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน”

    พี่มาร์คพูดหน้านิ่ง ผมที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่รอบมองใบหน้าได้รูปที่ตอนนี้ดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย



    “ว่าแต่พวกมึงรู้จักแบมแบมแล้วใช่มั้ย” 

    อยู่ดีๆพี่มาร์คก็เปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆทำให้พี่คนอื่นๆพยักหน้ารับ



    “ดีงั้นวันนี้ไปแดกเหล้าตอนรับน้องใหม่กัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”



    “เหยดด..เฮียแม่งรู้ใจว่ะนั่งเปรี้ยวปากอยากแดกอยู่พอดี” 

    พี่บ็อบบี้ยกมือขึ้นลูบปากทันที



    “อยากแดกตีนกู???” 

    พี่มาร์คสวนขึ้นมาขำๆ



    “เหล้าก็พอเถอะ แหม..กับน้องกับนุ่งนี่โหดร้ายตลอด”



    “น้องนุ่งกูไม่สนกูสนแต่น้องไม่นุ่งเว้ย” 

    พูดจบก็หันมายักคิ้วกวนๆให้ผม



    “เป็นอะไรสันนิบาตแดกตาเหรอไง” 

    ผมพูดออกไปทำให้คนทั้งห้องปล่อยก๊ากออกมา พวกเค้าคงไม่คิดว่าผมจะกล้าพูดจาแบบนี้กับปู่รหัสของตัวเอง



    “เจ๋งวะ ฮ่าๆๆๆ มึงนี่สุดยอดเลยแบมแบม ฮ่าๆๆๆ” 

    พี่ฮันบินขำจนลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นในสภาพไม่ต่างกับพี่บ็อบบี้เท่าไหร่นัก



    “นายแน่มากที่กล้าพูดกับเฮียแบบนี้พี่ตบมือให้เลย ฮ่าๆๆ” 

    พี่กรีนหัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมยกมือขึ้นตบเสียงดังดูจะชอบอกชอบใจอยู่ไม่น้อยในสิ่งที่ผมทำ



    “ขำมาก งั้นพวกมึงจ่ายเองแล้วกัน”



    “ไม่เอาน่าเฮียมาร์คสุดหล่อ พวกผมขำนิดเดียวเองใช่มั้ยพวกมึง” 

    พี่ฮันบินรีบยันตัวขึ้นจากพื้นแล้วตรงไปบีบแข้งบีบขาพี่มาร์คที่นั่งกอดอกอยู่ที่โซฟาพี่คนอื่นๆรีบพยักหน้ารับก่อนเข้ามาบีบนวดพี่มาร์คกันยกใหญ่



    “พอๆไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังกู ส่วนมึงคืนนี้เจอดีแน่” 

    ไอหัวเทาชี้หน้าคาดโทษผมแต่มีเหรอคนอย่างผมจะกลัว ผมมองมันก่อนยักไหล่กวนๆส่งกลับไป



    “ถ้าทำได้ก็เอาสิผมไม่กลัวพี่อยู่แล้ว”



    “ปากดีนักนะ ระวังตัวเอาไว้ก็แล้วกัน” 

    ไอหัวเทาจ้องผมก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมก็จ้องกลับไปอย่างไม่มีใครยอมใคร



    “เอาๆๆจ้องกันจนจะท้องแล้วนั้น”

    พี่ฮันบินเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ



    “กรีนว่าเราไปกันเลยมั้ย อยากกินของฟรีเต็มแก่แล้ว”



    “เออ..งั้นเจอกันร้านเดิม” 

    พี่มาร์คหันไปมองพี่กรีนพร้อมขานรับ ก่อนหันมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นและลากให้เดินตามตนเองออกไปจากห้อง



    “ไม่อยากเชื่อเลยว่าเฮียจะเปลี่ยนแนวจริงๆ” 

    ฮันบินหันไปพูดกับกรีนและบ็อบบี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ



    “นั้นดิ..ตอนแรกกูนึกว่าเฮียแค่เล่นๆ”



    “แต่กรีนลองสังเกตุมาสักพักแล้วนะ กรีนว่าคนนี้เฮียจริงจัง” 

    สองหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่กรีนพูด



    “เอาเถอะจะผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็รับได้อยู่แล้ว แต่ขออย่างเดียวอย่ามาทำให้เฮียเจ็บอีกก็แล้วกัน” 

    ฮันบินเอ่ยเสียงเรียบทำให้ทั้งสามคนหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องตามหลังมาร์คกับแบมแบมไป





    +++++++++++++++++++++++++++++++




    >>> TBC <<<


    และแล้วแบมแบมก็ได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของพี่มาร์ค 

    การที่แบมแบมรับรู้เรื่องราวทั้งหมดอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องก็เป็นได้

    ถ้าอยากรู้ว่าเปลี่ยนยังไง ต้องติดตามกันต่อนะจ๊ะ...  #ฟิคลองของ




    ?THE ORA


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×