คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : Level_21
กว่าผมจะมาถึงมหาลัยก็ปาเข้าไปบ่ายสองเกือบบ่ายสามแล้วผมรีบลงจากรถพี่มาร์คที่ขับมาส่งหน้าคณะและตรงไปยังห้องเรียนทันทีผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปยังชั้นสองของตึกกลางใช้เวลาไม่นานนักก็มาถึงหน้าห้องเรียนจนได้ผมเปิดประตูเข้าไปก็พบว่าคลาสเลิกแล้วจึงยื่นหน้าเข้าไปดูว่าเพื่อนผมยังอยู่กันรึเปล่าพอมองไปยังที่ประจำเวลานั่งเรียนก็พบกับกลุ่มคนกำลังนั่งคุยกันอยู่
“เสด็จแล้วเหรอมึงไม่มาพรุ่งนี้เลยล่ะ”
เสียงค่อนแคะดังขึ้นทันทีที่ผมก้าวเข้าไปในห้องเรียนผมเดินตรงไปหลังห้องที่มีพวกเพื่อนๆผมนั่งรวมตัวกันอยู่
“แกจะไปแซะมันทำไมว่ะข้าวใหม่ปลามันก็งี้แหละจริงมั้ยแบมแบม”
เสียงหวานดังมาจากหญิงสาวหนึ่งในสองของกลุ่ม
“แหม..อีแจน มึงก็พูดไปท่านมาร์คของกูนี่ไม่น่าจะต่ำกว่าสามน้ำ กูไม่อยากจะเม้าส์นะเค้าลือกันให้แซดว่าลีลาฮีเด็ดจริงอะไรจริงนี่กูก็รออยู่ว่าเมื่อไหร่ฮีจะหันมาเล่นของแปลกบ้าง”
อีแมนนี่กระเทยควายพูดอย่างออกรสออกชาติ
“ยังกล้าหวังนะอีแมน มันต้องร่างบางๆหน้าจิกๆแบบไอแบมเว้ยเค้าถึงจะสนตัวถึกๆแบบแกเค้าไม่เอาหรอก”
“อีแจน..กูชื่อแมนนี่ค่ะ กรุณาเรียกให้ครบถ้วนด้วย”
มันสองคนเริ่มหันไปเถียงกันเองโดนไม่สนใจผมที่ยืนมองอยู่
“เราว่าเลิกแหย่แบมแบมเถอะดูสิทำหน้าดุใหญ่แล้ว”
ส่วนนี้คือเสียงนางฟ้าประจำกลุ่ม
ฮานะ คนงามดาวคณะคนปัจจุบันเธอช่างงามทั้งกายและใจจริงๆผิดกับอิพวกเวรนี่ผมหันไปยิ้มให้ฮานะเล็กน้อยก่อนหันไปมองมันสองตัวอีกครั้ง
“มาๆๆ นั่งลงก่อนท่าทางมึงไม่ค่อยมีแรง”
ไอเจแปนชายหนุ่มลูกครึ่งไทยญี่ปุ่นที่นั่งอยู่ข้างๆไอคยอมกวักมือเรียกผม
“เดินไหวมั้ย ให้กูช่วยมั้ย”
ไอคยอมเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะก่อนทำท่าจะลุกมาช่วยประคองผม
“สัส..พวกมึงจะพอได้รึยัง”
ผมเริ่มโวยใส่พวกมันอย่างเหลืออด
“นั้นสิ..พวกมึงนี่ไม่ไหวเลยนะชอบเอาความจริงมาพูดเล่น”
“มึงนั้นแหละตัวดีเลยอีแมนนี่ไม่ต้องมาทำเป็นพูดดี”
“อะไร..กูคนเดียวที่ไหนอีแจนอะตัวเปิดเลย”
“อ้าว..ไหงโยนขี้มาแบบนี้ล่ะ”
แจน หรือ แจนยูเอรี่ หญิงสาวผู้มีดวงหน้าจิ้มลิ้มขัดกับนิสัยดิบเถื่อนของเธออย่างชัดเจนเริ่มเถียงขึ้นบ้าง
“พวกมึงก็พอๆกันนั้นแหละจะเถียงกันทำไม”
ผมเอ่ยขึ้นขณะที่เดินไปนั่งที่ว่างข้างๆไอเจแปน
“ว่าแต่โดนไปกี่ยกว่ะ..”
ไอเจแปนหันมาถามผม พลั่ก..เสียงผมตบกระบาลมันดังก้องไปทั้งห้องคนในห้องเริ่มหันมามอง ผมจึงรีบโบกไม้โบกมือเป็นเชิงว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นทำให้คนอื่นหันกลับไป
“เชี่ยแบม..ตบทำไมกูเจ็บนะ”
“กูไม่กระทืบปากมึงก็บุญแล้ว กูขอบอกไว้ตรงนี้เลยนะว่ากูกับไอพี่มาร์คไม่ได้มีอะไรกันการที่กูยอมย้ายไปอยู่กับมันเพราะกูแพ้พนันอีกอย่างมันก็เป็นปู่รหัสกูด้วยดังนั้นพวกมึงเลิกคิดอะไรต่ำๆได้แล้วกูแมนเต็มร้อย
เข้าใจตรงกันนะ”
“แล้วกูจะค่อยดูว่าจะแมนได้สักกี่น้ำ”
“ใช่ๆ ร้อยทั้งร้อยไม่เคยมีใครต้านทานเสน่ห์ของท่านมาร์คได้หรอกรวมถึงมึงด้วยอีแบม”
“อย่ามั่นใจขนาดนั้นเลยว่ะ คนอย่างมึงเอาแน่เอานอนได้ที่ไหน”
ไอคยอมหันมาพูดกับผม ผมหันไปมองมันก่อนยักไหล่ส่งๆกลับไป ใช่..คนอย่างผมเอาแน่เอานอนไม่ได้หรอกคิดอยากจะทำอะไรก็ทำเบื่อไม่อยากทำอะไรก็เลิกทำมันเสียดื้อๆ
ผมเป็นคนแบบนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วและแน่นอนไอคยอมรู้เรื่องนี้ดี
“เราเชื่อแบมแบมนะ เราว่าแบมแบมไม่ได้มีอะไรกับพี่มาร์คหรอกเลิกพูดเรื่องนี้แล้วไปหาอะไรกินกันดีกว่าเราชักหิวแล้วหละ”
ฮานะพูดขึ้น ทุกคนพยักหน้ารับอย่างว่าง่ายมันมักจะเป็นแบบนี้เสมอทุกครั้งที่มีเรื่องโต้เถียงกันในกลุ่มฮานะจะเป็นคนสรุปและยุติเรื่องทั้งหมด
“พวกมึงดูฮานะไว้เป็นตัวอย่างรู้จักคิดซะบ้างไม่ใช่มีสมองไว้กั้นหู”
ผมพูดขึ้นลอยๆแต่เรียกสายตาจิ๊กกัดจากคนในกลุ่มได้เป็นอย่างดี
“เธอจะไปเข้าข้างมันทำไมฮานะดูสิมันได้ใจใหญ่แล้ว”
แจนหันไปทำเสียงกระเง้ากระงอนใส่เพื่อนสาวที่นั่งยิ้มหวานอยู่ข้างๆ
“ไม่เอาน่าแจนเราว่าไปกินสเต็กกันดีมั้ยหรือใครว่ายังไง”
ฮานะหันไปยิ้มให้แจนก่อนเสนอความคิดว่าจะไปกินอะไรกันดี
“เอาสิ..กำลังอยากกินอยู่พอดี”
เจแปนเอ่ยสมทบ
“งั้นพวกมึงไปกันเลยนะพอดีกูต้องไปประชุมสายรหัสว่ะ”
ผมพูดขึ้นเพราะไอหัวเทาย้ำมาตลอดทางว่าตอนเย็นให้ไปที่ห้องสโมด้วยมันจะเรียกประชุมสายรหัส
“อย่ามาอ้างเลยอีแบมมึงจะไปหาท่านมาร์คของกูล่ะสิ”
อีแมนนี่หันมาเบ้ปากใส่ผม
“เอาที่มึงสบายใจเลยอีแมนนี่ กูขี้เกียจเถียงกับมึงแล้ว”
ผมสายหัวไปมาอย่างเอื้อมระอา
“ผัวขาดูมันสิคะมันสบัดบ๊อบใส่แมนนี่ แมนนี่ไม่ยอม”
อีแมนนี่พุงตัวไปกอดแขนไอคยอมอย่างรวดเร็วก่อนจะเอาหัวถูกไถไหล่มันไปมา
“มึงอย่าเยอะ เดี๋ยวกูถีบเข้าให้”
ไอคยอมใช้มือยันหัวอีแมนนี่ออกไปก่อนเอ่ยข่มขู่
“ใช่สิ..อีพวกได้หน้าแล้วลืมหลัง”
มันยื่นหน้ายื่นตาพูดอย่างหน้าหมั่นไส้
“เดี๋ยวนะ..ได้หน้านี่อะไรยังไง อย่าบอกนะไอคยอมว่ามึงกำลังจีบใครอยู่”
ผมหรี่ตามองมันเพื่อจับผิด
“ไม่มีอะไรหรอกอีแมนนี่ก็พูดไปเลื่อนมึงอย่าไปสนใจเลย”
มันพูดออกมาส่งๆเหมือนไม่มีอะไรในก่อไผ่แต่ผมรู้จักมันดีท่าทางนิ่งๆเนี่ยแหละโคตรน่าสงสัย
“เอาล่ะๆเราว่าไปกันเลยเถอะ แบมแบมต้องไปประชุมใช่มั้ย”
ฮานะหันมาถามผม
“อืม..พอดีเค้าเรียกประชุมน่ะเอาไว้โอกาสหน้าแล้วกัน”
ผมตอบกลับไปด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม ฮานะเป็นผู้หญิงสวยฐานะทางบ้านก็จัดว่าดีถึงขั้นดีมากแถมยังนิสัยดีไม่ง้องแง้งเหมือนผู้หญิงส่วนใหญ่
นี่ท่าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนในกลุ่มเดียวกันผมคงจีบเธอไปนานแล้วคนแบบนี้แหละสเป็คผมเลย
“โอเค..งั้นคราวหน้าแบมแบมเลี้ยงนะเราจะรอกินของฟรี”
ฮานะเอ่ยขำๆ
“ได้สิ..คราวหน้าเราเลี้ยงเอง”
ผมเอ่ยตอบพร้อมรอยยิ้ม
“เลี้ยงพวกกูด้วยดิ อย่าลำเอียง”
ไอเจแปนโพล่งขึ้นมาทำให้ผมหันไปมองมัน
“ปากอย่างพวกมึงอย่าหวังว่าจะได้แดกเงินกูเลยโดยเฉพาะมึงอีแมน”
ผมชี้ไปที่กระเทยควายประจำกลุ่ม
“เอ๊ะ..อีนี่ กูบอกว่าชื่อแมนนี่ๆเรียกแมนอยู่ได้ เดี๋ยวกูจับทำเมียแม่งเลย”
“มึงหยุดคิดเลยนะกูขนลุก..”
ผมลูบแขนตัวเองด้วยท่าทางสยดสยองก่อนที่พวกผมจะทะยอยกันลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องเรียน ผมเดินมากับพวกมันจนถึงลานหน้าคณะก่อนขอแยกไปยังห้องสโมที่อยู่อีกฟากของตึก
“กูไปก่อนนะ “
“เชิญเถอะย่ะ แล้วก็อย่ายั่วท่านมาร์คให้มันมากนักนะอีแบมกูหวง”
“ระดับกูไม่ต้องยั่วแล้ว”
ผมกระตุกยิ้มมุมปากเยาะเย้ย
“มั่นหน้าไปอีกกูล่ะยอมใจมึงจริงๆ”
“แน่นอน..ก็ท่านมาร์คของมึงหลงกูจะตาย"
ผมยื่นหน้ายื่นตาเอ่ยออกไปด้วยน้ำเสียงล้อเรียนอีแมนนี่
ก็ผมหมั่นไส้มันอ่ะแซะผมอยู่ได้
“พี่มาร์คสวัสดีค่ะ / ครับ”
แล้วอยู่ดีๆพวกมันก็พร้อมใจกันมองไปข้างหลังผมก่อนเอ่ยทักทาย
“อย่ามาอำกู เนียนนะพวกมึงอ่ะ”
“มารับแบมแบมเหรอค่ะ”
แจนพูดขึ้นด้วยท่าทางสุภาพ
ผมหรี่ตามองมันเล็กน้อยก่อนสตั้นไปเมื่อรู้สึกถึงลมหายใจอุ่นที่รดลงมาบนต้นคอ
“พอดีเดินผ่านมานะ แล้วนี่จะไปไหนกัน”
ผมค่อยๆหันไปมองคนที่ยืนซ้อนหลังช้าๆ
ชิบหายแล้วมาตั้งแต่เมื่อไหร่ว่ะ
“พวกเรากำลังจะไปกินสเต็กกันพี่จะมาด้วยก็ได้นะคะหรือถ้าพี่มาร์คไม่ชอบกินสเต็กจะกินแมนนี่แทนก็ได้ค่ะ รับรองว่าแซ่บ”
อีแมนนี่รีบเสนอหน้าเข้ามาด้วยความเร็วแสงมันเผยอปากพร้อมทำท่ายั่วยวนส่งไปให้ไอหัวเทาที่ยืนยิ้มหวานอยู่ข้างหลังผม
“ไม่เป็นไรดีกว่าพอดีเมื่อคืนพี่กับแบมแบมกินกันจนอิ่มแล้ว ขอบใจที่ชวน”
แขนแกร่งถูกยกขึ้นมาคล้องคอผมเอาไว้อย่างถือวิสาสะ ส่วนผมก็ได้แต่ยืนกำมือแน่นหายใจติดขัดเพราะอารมณ์ที่กำลังพุงสูงขึ้น
“คุณพระ...ไหนมึงบอกไม่โดนกินไงอีแบมตอแหลพวกกูเหรอ”
อีแมนนี่ยกมือทาบอกก่อนหันมายื่นหน้ายื่นตาพูดกับผม
“อีแมน..มึงหุบปากไปเลยก่อนที่กูจะใช้ตีนหุบให้“
ผมชี้หน้าขาดโทษอีกระเทยทางช้างเผือกจนมันยอมหุบปากไป ก่อนจะหันไปจ้องคนข้างๆเขม่งมันกระตุกยิ้มมุมปากก่อนเอ่ยแก้ตัว
“พอดีเมื่อวานฉลองที่แบมแบมย้ายมาน่ะเลยกินกันเยอะไปหน่อยใช่มั้ย แบมแบม..”
รอยยิ้มร้ายปรากฎบนใบหน้าได้รูปนั่น
ผมถลึงตาใส่มันอย่างเหลืออดดูก็รู้ว่าต้องการยั่วโมโหกันชัดๆ
“ถ้างั้นพวกผมขอตัวก่อนดีกว่าครับเดี๋ยวคนจะเยอะ”
ไอคยอมรีบเอ่ยขัดขึ้นก่อนจะมีสงครามย่อมๆทำให้ผมกับไอหัวเทาหันไปมองมัน
“ยังไงขอยึดตัวแบมแบมไว้แล้วกัน”
ใบหน้าเปื้อนยิ้มเอ่ยออกมาอย่างสุภาพ
ผมหรี่ตามองคนพูดทันทีเพราะไม่อยากเชื่อหูว่าไอคนกวนประสาท ปากหมา
ด่าเจ็บอย่างมาร์ค ต้วนก็พูดดีๆกับเค้าเป็นด้วย
“พวกกูไปก่อนนะไอแบมแล้วพรุ่งนี้เจอกัน“
ไอคยอมหันมาบอกผมก่อนหันไปลาพี่มาร์คที่ยืนอยู่ข้างๆพวกมันโบกมือลาผมกับพี่มาร์คแล้วเดินจากไป ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับโจทย์เก่ายืนนิ่งอยู่
“เอาแขนออกไปได้แล้ว หายใจไม่ออก”
“........”
“จ้องทำไมว่ะ”
ผมพูดขึ้นทันทีเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของอีกฝ่ายไอหัวเทาไม่พูดอะไรมันแค่ยืนจ้องหน้าผมนิ่งๆผมที่โดนจ้องก็ทำได้แค่จ้องกลับไปอย่างไม่ยอมกัน ก่อนไอคนข้างๆจะยกยิ้มจนเห็นเขี้ยว
“จริงด้วยว่ะ”
มาร์คโพลงออกมาพร้อมใบหน้ากวนๆ
“จริงอะไร”
“กูหลงมึงจริงๆด้วย มึงนี่รู้ใจกูดีจัง”
ฉ่า..ไอร้อนพุงออกมาจากหน้าของผม
ผมรีบหลบตาแทบไม่ทันก็มันดันได้ยินที่ผมคุยกับอีแมนนี่นะสิ แม่งเอ้ยย..โคตรน่าอายเลยและตอนพูดช่วยขยับหน้าออกไปก่อนได้มั้ยจะมาพ้นลมใส่หูทำไม ห๊ะ !!!
“พี่พูดบ้าอะไรไม่เห็นรู้เรื่อง และก็ปล่อยได้แล้วจะไปห้องสโมไม่ไช่รึไง”
“หึๆ”
รอยยิ้มร้ายปรากฎอีกครั้งแต่ก็ยอมเอามือออกไปแต่โดยดี
เราสองคนเดินอ้อมไปอีกฟากของตึกโดยมีไอหัวเทาเดินนำส่วนผมก็เดินตามไปเงียบๆ
เดินเลี้ยวเข้าไปข้างตึกไม่นานก็เจอกับห้องเล็กๆที่บานประตูเป็นกระจกติดฟิมล์ดำพร้อมป้ายหน้าห้องที่เขียนว่า ห้องส่วนบุคคลห้ามบุคคลภายนอกเข้าโดยเด็ดขาด ( ถ้าเข้ามามึงตาย
) ผมมองที่ป้ายขำๆเพราะมีคนเอาเมจิกมาเขียนต่อท้ายเอาไว้ ประตูกระจกถูกมาร์คผลักเข้าไปเผยให้เห็นคนสองคนนั่งอยู่ด้านใน
ผมค่อยๆก้าวตามพี่มาร์คเข้าไปช้าๆ ด้านในห้องไม่ได้กว้างขวางอะไรมากแต่ก็ดูน่ามานั่งเล่นนอนเล่นอยู่ไม่น้อย เพราะในห้องมีอุปกรณ์ให้ความบันเทิงอย่างครบคันไหนจะโซฟาตัวยาวที่กะจากสายตาน่าจะนุ่นสบายเอาเรื่อง
“มาแล้วเหรอเฮีย พวกผมมารอจนรากงอกถึงแกนโลกแล้วเนี่ย”
“มึงอย่าเว่อร์ไอฮันบิน”
พี่มาร์คเดินไปนั่งบนโซฟาส่วนผมก็ได้แต่ยืนเกๆกังๆไม่รู้ว่าต้องทำยังไงเพราะนอกจากไอหัวเทาก็ไม่สนิทกับคนอื่นเท่าไหร่
“แบมแบม..มานั่งนี่มา”
พี่บ๊อบบี้พูดขึ้นก่อนตบหน้าตักตัวเองเรียกให้ผมไปนั่ง พลั่ก..
“โอ๊ย..เฮียตบผมทำไม ดูดิเนี่ยตบบ่อยจนฟันผมยื่นหมดแล้ว”
พี่บ็อบบี้โอดครวญทันทีที่โดนพี่มาร์คตบหัวอย่างแรงส่วนพี่มาร์คก็ไม่ได้พูดอะไรต่อเค้าแค่ตบเบาะที่ว่างข้างๆพร้อมมองมาที่ผม
“มานั่งข้างๆกูนี่ยืนบื้ออยู่ได้”
ผมถลึงตากลับไปทำให้มันกระตุกยิ้มส่งกลับมา ผมเดินฮึดฮัดไปนั่งลงข้างๆมันอย่างช่วยไม่ได้
“ไม่ต้องเกร็งหรอกคนกันเองทั้งนั้น”
พี่ฮันบินพูดขึ้นผมพยักหน้ารับก่อนส่งยิ้มกลับไป
“แล้วนี่ไอกรีนไปไหน”
พี่มาร์คถามขึ้นเมื่อไม่เห็นพี่รหัสของผม
“เห็นว่าไอประธานเรียกไปพบ”
“มันมีเรื่องอะไรทำไมต้องให้ไอกรีนไปหาด้วย”
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ผมว่าแม่งก็ไม่พ้นเรื่องเดิมๆนั้นแหละ”
“.....”
ไอหัวเทาพันลงหายในออกมาแรงๆก่อนลุกขึ้นพรวดพราดจนผมสะดุ้งโหยง
“เฮียจะไปไหน”
“ไปเอาตัวไอกรีนกลับ“
พี่มาร์คทำท่าจะเดินออกไปจากห้องแต่ก็ต้องหยุดเท้าก่อนหันกลับมาหาผม
“มึงนั่งรอกับไอพวกนี้ไปก่อนเดี๋ยวกูมา”
พูดจบก็เดินออกจากห้องไปทันทีผมที่ไม่ค่อยเข้าใจสถานะการณ์ตอนนี้หันไปมองพี่ฮันบินกับพี่บ็อบบี้สลับกันไปมา พี่ทั้งสองคนมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
“มีอะไรกันเหรอพี่”
พวกเค้าหันมามองผมก่อนถอนหายใจออกมา
“มึงพึ่งเข้ามาเลยไม่รู้เรื่องสินะ”
พี่บ็อบบี้เอ่ยขึ้นผมพยักหน้ารับก่อนถามออกไปอีกครั้ง
“ผมถามได้มั้ยว่าทำไมพี่มาร์คกับพี่เซฮุนถึงไม่ถูกกัน”
พวกเค้าหันไปมองหน้ากันก่อนพยักเพยินหน้าให้อีกฝ่ายเป็นคนพูด
“เล่ามาเถอะผมอยากรู้”
“เอางั้นเหรอ”
พี่ฮันบินมองผมก่อนพยักหน้านิดๆ
“ก็ได้..งั้นเดี๋ยวกูเล่าให้ฟังเอง”
พี่ฮันบินเริ่มเล่าเรื่องราวที่เกินขึ้นเมื่อสองปีก่อนให้ผมฟัง
ผมนั่งฟังนิ่งๆไม่ได้แสดงออกอะไรมากนักเท่าที่จับใจความได้เมื่อก่อนพี่มาร์คกับพี่เซฮุนเป็นเพื่อนรักกันแต่ต้องมาบาดหมางกันเพราะเรื่องผู้หญิงที่ชื่อแอชลี่อะไรเนี่ยแหละสุดท้ายเลยกลายเป็นศัตรูกัน
“จนทุกวันนี้กูยังไม่เข้าใจเลยว่าไอประธานมันจะแค้นเหี้ยอะไรเฮียนักหนาทั้งๆที่มันก็ได้ผู้หญิงไป”
“และมึงรู้มั้ย ทุกวันนี้แม่งหาเรื่องแกล้งเฮียสารพัดพูดแล้วกูขึ้น”
พี่บ็อบบี้หันมาบอกผมด้วยท่าทีหงุดหงิด
แก๊ก...เสียงประตูถูกผลักเข้ามาพร้อมร่างของพี่มาร์คที่มีพี่กรีนเดินตามหลังมาติดๆทั้งสองคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก
พวกเค้าเดินมาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทางเหนื่อยๆ
“เป็นไงบ้าง”
พี่ฮันบินถามขึ้นทันทีที่เห็นคนที่เปิดประตูเข้ามา
“เรื่องเดิมๆนั้นแหละพี่ แม่งไม่เบื่อบ้างรึไงก็ไม่รู้กรีนยังเบื่อเลย”
พี่กรีนพูดขึ้นอย่างหัวเสีย
“มันตัดงบอีกแล้วเหรอว่ะ เฮ้ย..นี่ตัดจนจะไม่เหลือแล้วนะ”
พี่บ็อบบี้โวยขึ้นทันที
“ช่างมัน..อยากตัดให้แม่งตัดไปกูไม่เดือดร้อนอยู่แล้วกูก็อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะหน้าด้านทำแบบนี้ไปได้อีกนานแค่ไหน”
พี่มาร์คพูดหน้านิ่ง ผมที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่รอบมองใบหน้าได้รูปที่ตอนนี้ดูเคร่งเครียดอยู่ไม่น้อย
“ว่าแต่พวกมึงรู้จักแบมแบมแล้วใช่มั้ย”
อยู่ดีๆพี่มาร์คก็เปลี่ยนเรื่องเสียดื้อๆทำให้พี่คนอื่นๆพยักหน้ารับ
“ดีงั้นวันนี้ไปแดกเหล้าตอนรับน้องใหม่กัน เดี๋ยวกูเลี้ยงเอง”
“เหยดด..เฮียแม่งรู้ใจว่ะนั่งเปรี้ยวปากอยากแดกอยู่พอดี”
พี่บ็อบบี้ยกมือขึ้นลูบปากทันที
“อยากแดกตีนกู???”
พี่มาร์คสวนขึ้นมาขำๆ
“เหล้าก็พอเถอะ แหม..กับน้องกับนุ่งนี่โหดร้ายตลอด”
“น้องนุ่งกูไม่สนกูสนแต่น้องไม่นุ่งเว้ย”
พูดจบก็หันมายักคิ้วกวนๆให้ผม
“เป็นอะไรสันนิบาตแดกตาเหรอไง”
ผมพูดออกไปทำให้คนทั้งห้องปล่อยก๊ากออกมา พวกเค้าคงไม่คิดว่าผมจะกล้าพูดจาแบบนี้กับปู่รหัสของตัวเอง
“เจ๋งวะ ฮ่าๆๆๆ มึงนี่สุดยอดเลยแบมแบม ฮ่าๆๆๆ”
พี่ฮันบินขำจนลงไปกลิ้งอยู่ที่พื้นในสภาพไม่ต่างกับพี่บ็อบบี้เท่าไหร่นัก
“นายแน่มากที่กล้าพูดกับเฮียแบบนี้พี่ตบมือให้เลย ฮ่าๆๆ”
พี่กรีนหัวเราะออกมาดังลั่นพร้อมยกมือขึ้นตบเสียงดังดูจะชอบอกชอบใจอยู่ไม่น้อยในสิ่งที่ผมทำ
“ขำมาก งั้นพวกมึงจ่ายเองแล้วกัน”
“ไม่เอาน่าเฮียมาร์คสุดหล่อ พวกผมขำนิดเดียวเองใช่มั้ยพวกมึง”
พี่ฮันบินรีบยันตัวขึ้นจากพื้นแล้วตรงไปบีบแข้งบีบขาพี่มาร์คที่นั่งกอดอกอยู่ที่โซฟาพี่คนอื่นๆรีบพยักหน้ารับก่อนเข้ามาบีบนวดพี่มาร์คกันยกใหญ่
“พอๆไม่ต้องมาตบหัวแล้วลูบหลังกู ส่วนมึงคืนนี้เจอดีแน่”
ไอหัวเทาชี้หน้าคาดโทษผมแต่มีเหรอคนอย่างผมจะกลัว
ผมมองมันก่อนยักไหล่กวนๆส่งกลับไป
“ถ้าทำได้ก็เอาสิผมไม่กลัวพี่อยู่แล้ว”
“ปากดีนักนะ ระวังตัวเอาไว้ก็แล้วกัน”
ไอหัวเทาจ้องผมก่อนยกยิ้มเจ้าเล่ห์ ส่วนผมก็จ้องกลับไปอย่างไม่มีใครยอมใคร
“เอาๆๆจ้องกันจนจะท้องแล้วนั้น”
พี่ฮันบินเอ่ยเสียงกลั้วหัวเราะ
“กรีนว่าเราไปกันเลยมั้ย อยากกินของฟรีเต็มแก่แล้ว”
“เออ..งั้นเจอกันร้านเดิม”
พี่มาร์คหันไปมองพี่กรีนพร้อมขานรับ ก่อนหันมาดึงแขนผมให้ลุกขึ้นและลากให้เดินตามตนเองออกไปจากห้อง
“ไม่อยากเชื่อเลยว่าเฮียจะเปลี่ยนแนวจริงๆ”
ฮันบินหันไปพูดกับกรีนและบ็อบบี้ที่นั่งอยู่ข้างๆ
“นั้นดิ..ตอนแรกกูนึกว่าเฮียแค่เล่นๆ”
“แต่กรีนลองสังเกตุมาสักพักแล้วนะ กรีนว่าคนนี้เฮียจริงจัง”
สองหนุ่มพยักหน้าเห็นด้วยกับสิ่งที่กรีนพูด
“เอาเถอะจะผู้หญิงหรือผู้ชายกูก็รับได้อยู่แล้ว แต่ขออย่างเดียวอย่ามาทำให้เฮียเจ็บอีกก็แล้วกัน”
ฮันบินเอ่ยเสียงเรียบทำให้ทั้งสามคนหันมองหน้ากันเล็กน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องตามหลังมาร์คกับแบมแบมไป
+++++++++++++++++++++++++++++++
>>> TBC <<<
และแล้วแบมแบมก็ได้รับรู้เรื่องราวในอดีตของพี่มาร์ค
การที่แบมแบมรับรู้เรื่องราวทั้งหมดอาจกลายเป็นจุดเปลี่ยนของเรื่องก็เป็นได้
ถ้าอยากรู้ว่าเปลี่ยนยังไง ต้องติดตามกันต่อนะจ๊ะ... #ฟิคลองของ
ความคิดเห็น