ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ RE-Write ] Try..!!! { MarkBam } // THE END

    ลำดับตอนที่ #37 : Level_36

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.18K
      167
      19 ก.พ. 59



    แก๊ก...เสียงบานประตูเปิดออกพร้อมร่างบางที่ก้าวเข้ามาภายในห้อง แบมแบมค่อยๆปิดประตูลงอย่างเบามือก่อนขาเรียวจะก้าวผ่านความมืดเข้าไปจนถึงหน้าห้องนอน



    “มันจะนอนรึยังว่ะ” 

    เสียงหวานหลุดออกมาเบาๆ เขายืนนิ่งอยู่หน้าประตูห้องนอนโดยไม่กล้าเปิดเข้าไปภายใน



    พรึ่บ..



    “เชี่ย..” 

    เสียงอุทานหลุดออกมาทันทีเมื่อไฟทุกดวงถูกเปิดจนสว่างไสวไปทั่วทั้งห้อง มาร์คที่ยืนค้างอยู่ตรงสวิตท์ไฟด้านหลังร่างบางมองมาด้วยสายตาแข็งกร้าว



    “ทำบ้าอะไรว่ะ กูตกใจหมด”



    “กี่โมงแล้ว” 

    มาร์คยังคงยืนนิ่งอยู่กับที่ด้วยสีหน้าถมึงทึง และนั้นทำให้ร่างบางต้องหันไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายอย่างช่วยไม่ได้



    “ตีสอง” 

    แบมแบมยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูก่อนเอ่ยตอบด้วยท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเท่าไหร่นัก



    “ถ้ามึงจะกลับดึกขนาดนี้  ทีหลังไม่ต้องกลับ” 

    มาร์คประกาศกร้าว และนั้นทำให้ร่างบางเดินเข้าไปหาอีกฝ่ายทันที



    “กูจะทำอะไร กลับเมื่อไหร่ มึงสนใจด้วยรึไง” 

    ร่างบางเอ่ยขึ้นเมื่อความอดทนที่มีขาดสบั่นลง มาร์คมองกลับไปด้วยแววตาดุดันแต่ก็ไม่ยอมพูดอะไรออกมา



    “หึ..นั้นสินะ มึงจะมาสนใจกูทำไม” 

    ร่างบางเหยียดยิ้มมุมปากด้วยใบหน้าเย้ยหยัน



    “และไอท่าทางเหมือนหมาบ้าวันนี้คืออะไร ไหนบอกกูมาดิ” 

    แบมแบมกดเสียงต่ำอย่างเหลืออดเพราะวันนี้เขาโดนมาร์คตะคอกใส่หลายรอบแล้ว และเขาควรจะได้รู้ว่าทำไม



    “ทำไม..แค่มึงคบกับฮานะนี่มึงต้องถีบหัวกูส่งเลยใช่มั้ย ห๊ะ” 

    มือเรียวยกขึ้นไปกระชากคอเสื้อมาร์คเข้าหาตัวอย่างแรง ในขณะที่มาร์คมองหน้าแดงก่ำนั้นด้วยสายตาเรียบนิ่ง เขาไม่ได้โต้ตอบอะไรมือหนาเลื่อนขึ้นมาจับมือเรียวออกไปจากคอเสื้อก่อนจะพูดทิ้งท้ายไว้ด้วยน้ำเสียงเย็นเหยียบแล้วเดินเข้าห้องนอนไป



    “คนที่ถีบหัวคนอื่นส่งนั้นมันมึง ไม่ใช่กู” 

    สิ้นเสียงมาร์คก็เดินผละไปทันที ร่างบางได้แต่ยืนนิ่งค้างตัวเนื้อสั่นเทาด้วยความโกรธ มันเป็นความโกรธที่เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าโกรธใครกันแน่ระหว่างมันหรือตัวเขาเอง



    “โถ่เว้ยย..” 

    เสียงโครมครามดังขึ้นเมื่อร่างบางกวาดของที่อยู่บนชั้นตรงหน้าลงพื้นอย่างไม่กลัวว่ามันจะแตกหัก เขาหงุดหงิดเกินกว่าจะมานั่งสนใจเรื่องพวกนี้  และเมื่อได้ระบายออกไปบ้างความบ้าคลั่งที่มีก็ค่อยๆลดลง แบมแบมเดินไปนั่งบริเวณห้องนั่งเล่นด้วยท่าทีเหนื่อยๆเขาไม่เคยคิดเลยว่าท่าทางเย็นชาของอีกฝ่ายจะมีผลกับเขามากถึงขนาดนี้



    “นี่กูเป็นเหี้ยอะไรวะเนี่ย ทำไมต้องมานั่งหงุดหงิดกับเรื่องแบบนี้ด้วยวะ” 

    แบมแบมเอนตัวลงนอนไปบนโซฟาเพราะไม่อยากเข้าไปเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายตอนนี้ เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนเผลอหลับไปบนโซฟาตัวยาว

     



    BamBam Part



    เช้าวันต่อมา...



    ปัง..เสียงปิดประตูปลุกให้ร่างบางที่นอนขดอยู่บนโซฟาสะดุ้งตื่น แบมแบมยันตัวลุกขึ้นนั่งด้วยท่าทีงัวเงีย มือเรียวขยี้ตาไล่ความง่วงงุ้นก่อนมองไปรอบๆตัว



    “หลับไปตอนไหนว่ะ” 

    ผมบิดขี้เกียจไปมาพร้อมกับเริ่มมองหาใครอีกคน



    “ออกไปแล้วสินะ” 

    เมื่อคิดได้ดังนั้นผมก็ลุกขึ้นและเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่ออาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าและทันทีที่ก้าวเข้าไปในห้องนอนสิ่งแรกที่ผมสัมผัสได้คือกลิ่นสบู่จางๆที่ลอยอบอวลไปทั่วทั้งห้อง และนั้นทำให้ผมได้แต่ยืนนิ่งค้างอยุ่หน้าประตูเพราะทุกครั้งที่ผมได้กลิ่นนี้คือตอนที่มันกอดผม



    “หยุดฟุ้งซ่านสักที ไปอาบน้ำแต่งตัวได้แล้วไอแบม” 

    ผมพูดกับตัวเองก่อนจะเดินเข้าไปจัดการกับเนื้อตัวที่หมักหมมมาตั้งแต่เมื่อวาน ผมใช้เวลาอาบน้ำแต่งตัวไม่นานก็เดินออกไปหาอะไรลองท้องในครัว



    “มีอะไรกินบ้างวะ” 

    ผมเปิดตู้เย็นออกดูก่อนจะต้องประหลาดใจเมื่อของกินที่เคยอยู่ในตู้เย็นอันตธานหายไปจนหมด



    “เล่นแบบนี้เลยเหรอเนี่ย เออ..กูไม่แดกของมึงก็ได้ ไองกเอ้ย” 

    ผมกระแทกประตูตู้เย็นปิดอย่างแรงก่อนจะเดินไปหยิบกระเป๋าแล้วออกมาจากห้องทันที



    “แม่งเป็นเด็กรึไงวะ” 

    ผมเดินบ่นมาตลอดทางจนถึงริมฟุตบาทหน้าคอนโดเพื่อเรียกแท็กซี่



    “ห่าเอ้ย..รถแม่งหายไปไหนหมดวะเนี่ย” 

    ผมยืนรอเรียกรถอยู่ตรงนี้มาสักพักแล้วแต่ก็ไม่มีรถคันผ่านมาเลยและนั้นทำให้ผมชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว ผมเลยตัดสินใจหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออกอย่างหัวเสีย



    “ไอคยอม..” 

    ผมกรอกเสียงลงไปทันทีที่มันกดรับสาย



    ( ว่าไง..เป็นเหี้ยอะไรเสียงเข้มมาเลย )



    “ที่หอยังมีห้องว่างอยู่มั้ย”



    ( ถามทำไม )



    กูจะย้ายไปอยู่ มึงถามให้กูหน่อย”



    ( ทำไม..ทนอยู่กับพี่เขาไม่ได้รึไง )



    “........”



    ( เงียบ แสดงว่าใช่สินะ )



    “ไม่ใช่เว้ย..กูเดินทางลำบากเลยจะย้าย”



    ( อ้าวเหรอ..กูนึกว่าทนเห็นหน้าพี่เขาไม่ได้ )



    “พ่องมึงดิ..อย่ามาละเมอ ตกลงจะถามให้กูมั้ย”



    ( เออ..เดี๋ยวกูลงไปถามให้ โทรมาแค่นี้ใช่มั้ย )



    “เดี๋ยว..”



    ( มีอะไรอีก )



    “มึงมารับกูหน่อยดิ”



    ( ทำไมมึงไม่มาพร้อมพี่มาร์คว่ะ )



    “มันออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว นี่กูยืนรอแท๊กซี่มาครึ่งชั่วโมงแล้วเนี่ย”



    ( เรื่องเยอะจริงเว้ย..เออๆเดี๋ยวกูไปรับ )



    “มึงออกมาเลยนะ กูหิวอ่ะยังไม่ได้แดกอะไรตั้งแต่เช้า”



    ( คร้าบคุณเพื่อน  มึงรอกูแปปนึงนะครับ กูจะรีบซิ่งไปรับมาหาอะไรแดก )



    มันพูดจบก็กดวางสายไป ผมเลยเดินไปนั่งรอมันตรงป้ายรถเมย์หน้าคอนโดสักพักมันก็มาพร้อมบิ๊กไบค์คู่ใจที่มันภูมิใจนักหนา



    “ขึ้นมา” 

    มันเปิดหมวกกันน๊อคเรียกผม ทำให้ผมที่นั่งเล่นโทรศัพท์อยู่รีบวิ่งไปซ้อนท้ายมันทันที



    “กูว่ากูขอตังค์ม้าซื้อรถบ้างดีกว่าว่ะ ไม่มีใช้แม่งโครตลำบาก” 

    มันหันมามองผมพร้อมส่ายหัวนิดๆก่อนจะปิดหมวกกันน็อคแล้วขับรถออกไป พวกผมมาถึงมหาลัยภายในเวลาไม่นานก่อนที่ไอคยอมจะส่งผมลงหน้าโรงอาหารเพราะมันต้องเอารถไปเก็บที่หอพัก ผมเลยเดินเข้าไปในโรงอาหารที่มีผู้คนมากมายเพียงลำพัง



    “เห้ย..ไอแบม” 

    ผมหันไปตามเสียงเรียกก็เห็นพี่เตอร์กำลังโบกมือเรียกผมอยู่



    “อ้าว..พี่เตอร์ หวัดดีครับพี่” 

    ผมรีบเดินเข้าไปทักทายรุ่นพี่ร่วมคณะทันที พี่เตอร์เป็นรุ่นพี่ที่คุ้มการรับน้องหรือเรียกสั้นๆก็พี่ว๊ากนั้นแหละครับ



    “ไงมึง..ได้ข่าวว่าเป็นเด็กเฮียมาร์คเหรอว่ะ” 

    พี่เตอร์พุดออกมาขำๆ แต่มันไม่ได้ทำให้ผมขำไปด้วยเลย



    “โห้ยย..พี่ไปเอามาจากไหนว่ะ ข่าวโคตรมั่ว”



    “อ้าว..ก็กูเห็นไอฮันบินมันพูดๆอยู่” 

    พี่เตอร์เริ่มเอ่ยพาดพิงถึงเพื่อนร่วมแก๊งอย่างพี่ฮันบินทันที และที่ผมสนิทกับพี่เขาได้ก็เป็นเพราะพี่ฮันบินนั้นแหละครับ พวกพี่แกชอบชวนไปกินเหล้าหลังมอ เอะอะหาเรื่องกินได้ตลอด



    “ว่าแต่วันนี้มึงว่างมั้ย ไปแดกเหล้ากัน” 

    นั้นไง ยังไม่ทันขาดคำพี่แกก็เริ่มชวนอีกแล้ว



    “ขอดูก่อนได้มั้ยพี่ ยังไงเดี๋ยวผมตามไป”



    “เออๆ ตามใจมึง ยังไงพวกกูก็นั่งอยู่ร้านเดิมนั้นแหละตามมาแล้วกัน”



    “ได้ครับพี่..” 

    ผมเอ่ยรับยิ้มๆ ก่อนจะมีเสียงหญิงสาวดังแทรกขึ้นมาทางด้านหลังพี่เตอร์



    “เตอร์ไปกันรึยัง มิวจะสายแล้วนะ” 

    หญิงสาวหน้าตาสะสวยเดินเข้ามาจับไหล่พี่เตอร์ก่อนที่เธอจะมองมาที่ผม



    “ไปสิ เดี๋ยวมิวรอแปปนึงนะเตอร์เอาจานไปเก็บก่อน” 

    พี่เตอร์หันไปพูดกับหญิงสาวซึ่งถ้าผมดูไม่ผิดเธอน่าจะเป็นแฟนของพี่เขา



    “งั้นกูไปก่อนนะไอแบม ถ้าว่างก็แวะไปหากูแล้วกัน” 

    พี่เตอร์พุดจบก็หยิบจานข้าวบนโต๊ะไปเก็บ ผมยืนมองพี่เตอร์ก่อนจะหันกลับมามองพี่ที่ชื่อมิวอีกครั้ง ผมไม่รุ่ว่าผมรู้สึกไปเองรึเปล่าแต่ผมว่าพี่เขามองผมแปลกๆ



    “นายเป็นรุ่นน้องเตอร์เหรอ” 

    พี่ที่ชื่อมิวถามขึ้นพร้อมรอยยิ้ม



    “ครับ..”

    ผมตอบออกไปสั้นๆพร้อมกับมองท่าทีของอีกฝ่ายไปด้วย ผมไม่ได้อ่อนต่อโลกจนดูไม่ออกว่าพี่เขากำลังอ่อยผมอยู่ ท่าทางพี่มิวคนสวยจะไม่ได้ใสเหมือนรูปลักษณ์ซะแล้ว



    “นายชื่ออะไร พี่ชื่อมิวนะ”



    “ผม แบมแบม ครับ”



    “แบมแบม ใช่...แบมแบมที่เรียนอยู่ปีหนึ่งวิทย์กีฬารึเปล่า” 

    พี่เขาทำท่าคิดนิดนึงก่อนโพลงออกมา



    “ใช่ครับ..พี่มิวรุ้จักผมด้วยเหรอ”



    “ทำไมจะไม่รู้จักล่ะ ชื่อเสียงนายออกจะดัง” 

    พี่มิวเดินเขามาใกล้ผมมากขึ้น เธอมองมาที่ผมด้วยสายตาแพรวพราวคือถ้าไม่ติดว่าพี่เขาเป็นแฟนพี่เตอร์ผมคงสานต่อไปแล้ว



    “ดังเรื่องอะไรล่ะครับ” 

    ผมเอ่ยออกไปทีเล่นทีจริง



    “ก็ดังเรื่อง..” 

    พี่มิวกำลังจะยื่นหน้าเข้ามากระซิบข้างหูผม แต่เสียงพี่เตอร์ขัดขึ้นซะก่อน



    “มิว” 

    พี่เตอร์เดินเข้ามายืนข้างๆหญิงสาวทำให้เธอหันไปยิ้มให้อีกฝ่ายทันที



    “มาขัดตอนกำลังนินทาได้ไงเตอร์ นิสัยไม่ดี” 

    พี่มิวหันไปพูดกับพี่เตอร์พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้ม พี่เตอร์เลยหันมามองผมเป็นเชิงถามผมเองก็ไม่อยากมีปัญหาเลยได้แต่ส่งยิ้มกลับไป



    “งั้นผมขอตัวนะครับ พี่เตอร์ พี่มิว” 

    ผมรีบชิ่งออกมาทันทีจังหวะเดียวกับที่ไอคยอมเดินมาพอดีพวกผมเลยเดินไปหาที่นั่งกินข้าวกัน



    “ไอแบม กูไปถามเจ้าหน้าที่ให้แล้วนะ เขาบอกว่าไม่มีห้องว่างเลยว่ะ” 

    ไอคยอมเอ่ยขึ้นขณะตักข้าวเข้าปาก



    “ไม่มีว่างสักห้องเลยเหรอวะ”



    “เออ..เต็มหมดแล้ว”



    “แล้วกูจะทำยังไงว่ะ”



    “ก็ไม่เห็นต้องทำไงเลย มึงก็อยุ่คอนโดพี่มาร์คต่อไปดิ ยากตรงไหน”



    “ห่า..กูขี้เกียจยืนรอรถ”



    “งั้นมึงก็ขอยืมบิ๊กไบค์ของพี่แจ็คสันมาขับดิว่ะ”



    “เออวะ..กูลืมนึกไปได้ไงว่ะ” 

    หลังจากได้ข้อสรุปผมก็ต่อสายหาพี่แจ็คสันทันที ตอนแรกพี่แกก็ยืนการว่ายังไงก็ไม่ให้แต่พอผมออดอ้อนเข้าหน่อยพี่แกเลยยอมใจอ่อนโดยมีข้อแม้ว่าห้ามเอารถไปแข่งและห้ามให้มีรอยขีดข่วนเด็ดขาด ซึ่งผมก็รีบตกปากรับคำอย่างง่ายดาย




    50%



    ในช่วงเย็นของวัน...



    ผมมาซ้อมบาสเหมือนปกติแต่ดูเหมือนวันนี้ไอหัวเทาจะเบี้ยวซ้อมเพราะตั้งแต่ที่ผมก้าวเข้ามาในโรงยิมผมยังไม่เห็นแม้แต่เงาของมันเลย



    “ไอแบม เฮียไม่ได้มาพร้อมมึงเหรอ” 

    รุ่นพี่คนนึงในทีมเดินเข้ามาถามผม



    “ป่าวนะพี่”



    “อ้าว..แล้วหายไปไหนว่ะโทรไปก็ไม่รับ กูก็นึกว่าอยู่กับมึง”



    “ไม่อยู่พี่ ผมไม่เจอตั้งแต่เช้าแล้ว” 

    ผมตอบออกไปตามจริง เพราะผมไม่รู้จริงๆว่าตอนนี้มันอยู่ที่ไหน



    “พี่มีอะไรด่วนรึเปล่า”



    “อาจารย์เรียกประชุมกัปตันทีมทุกประเภทกีฬาอ่ะดิ นี่กูก็หาเฮียมาร์คอยู่”



    “งั้นให้ผมลองโทรไปมั้ย”



    “เออๆ มึงลองโทรไปดิ” 

    สิ้นเสียงพี่เขาผมก็ล่วงโทรศัพท์ออกมากดโทรออกทันที ตู๊ดๆๆ ผมรอสายอยู่ไม่นานก็มีคนกดรับ



    “ฮัลโหล..” 

    สียงปลายสายไม่ใช่เสียงทุ้มต่ำอย่างที่ควรจะเป็นแต่กลับเป็นเสียงหวานหูของหญิงสาว ซึ่งผมจำได้ดีว่าเป็นเสียงของใคร และนั้นทำให้ผมชะงักไปนิดก่อนจะเอ่ยโต้ตอบกลับไป



    “ฮัลโหล..ฮานะ นี่เราเองแบมแบม”



    “ว่าไงแบม พอดีพี่มาร์คขับรถอยุ่น่ะ”



    “เหรอ..งั้นเราฝากบอกพี่มาร์คหน่อยได้มั้ยว่าอาจารย์เรียกประชุมด่วน” 

    ผมพูดออกไปขณะที่มือไม้เริ่มเย็นเฉียบไปหมด ผมไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่ที่รู้ๆมันรู้สึกไม่ดีเอาซะเลย



    “แปปนึงนะ..พี่มาร์คคะแบมบอกว่าอาจารย์เรียกประชุมด่วนค่ะ” 

    ฮานะบอกให้ผมรอสายก่อนจะพูดกับไอหัวเทาตามที่ผมบอก



    “บอกไปว่ากำลังกลับเข้าไป” 

    เสียงทุ้มต่ำดังลอดเข้ามาให้ได้ยินทำให้ผมรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออกก้อนเนื้อในอกบีบเข้าหากันจนผมเจ็บไปหมด



    “แบม..พี่มาร์คบอกว่ากำลังกลับไป”



    “โอเค..งั้นเราไม่กวนแล้วแค่นี้นะ” 

    ผมตอบกลับไปด้วยน้ำเสียงสั่นเล็กน้อย ผมไม่สามารถควบคุมตัวเองได้เลยในตอนนี้



    “เดี๋ยว..” 

    ฮานะเรียกผมเอาไว้ก่อนที่ผมจะกดตัดสายไป



    “ว่าไงฮานะ มีอะไรรึเปล่า” 

    ผมพยายามปรับเสียงให้ดูปกติที่สุด



    “เราว่าเสียงแบมแปลกๆ เป็นอะไรรึเปล่า



    “เราไม่เป็นอะไรสงสัยสัญญาณโทรศัพท์ไม่ดีมั้ง ถ้าไม่มีอะไรแล้วงั้นแค่นี้นะ” 

    ผมรีบกดตัดสายทันทีเพราะไม่อย่างงั้นอีกฝ่ายคงจับพิรุธจากเสียงของผมได้แน่ๆ



    “เฮียว่าไงบ้าง” 

    รุ่นพี่ที่ยืนรอฟังอยู่ข้างๆผมเอ่ยถามขึ้น



    “เดี๋ยวเขากลับเข้ามา”



    “โอเค..งั้นมึงไปซ้อมได้แล้วไป”



    “วันนี้ผมขอกลับก่อนได้มั้ยพี่ รู้สึกไม่ค่อยสบายว่ะ” 

    ผมเอ่ยออกไปพร้อมกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่ ตอนนี้ผมไม่มีอารมณ์ซ้อมจริงๆอย่างน้อยก็ขอออกไปให้พ้นๆจากตรงนี้ก่อนก็แล้วกัน



    “เออๆ แล้วเป็นอะไรมากรึเปล่า”



    “แค่ปวดหัวนิดหน่อย ยังไงผมฝากบอกคนอื่นๆด้วยนะพี่ ขอบคุณมากครับ” 

    พูดจบผมก็เดินผละออกมาทันที ผมรีบเดินออกไปจากโรงยิมก่อนที่ใครอีกคนจะกลับเข้ามา ผมเดินเรื่อยๆไปตามทางเดินโดยไม่รู้ว่าจะไปไหนดีก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าพี่เตอร์ชวนไปกินเหล้าหลังมอผมจึงตัดสินใจเดินออกไปทางประตูหลังเพื่อไปเจอพวกพี่เขา ผมเดินเลาะไปตามซอยซึ่งมีร้านเหล้าตั้งอยู่สองฟากฝั่งไม่นานก็มาถึงร้านประจำที่มานั่งกินกันจนคุ้นเคยกับเจ้าของร้าน



    “พี่อาร์ตหวัดดีครับ” 

    ผมเอ่ยทักทายเจ้าของร้านด้วยความคุ้นชิน



    “อ้าว..มากับเขาด้วยเหรอ พวกไอเตอร์นั่งอยู่ข้างในเข้าไปสิ” 

    พี่อาร์ตเจ้าของร้านหันมาทักทายผมเล็กน้อยก่อนจะชี้เข้าไปในร้านบริเวณที่พวกพี่เตอร์นั่งอยู่



    “อ่อ..ครับ ขอบคุณมากครับพี่” 

    ผมยิ้มให้พี่เขาก่อนจะเดินเข้าไปภายในร้านที่ตอนนี้ยังมีคนไม่มากนัก ผมเดินตรงไปยังโต๊ะที่พวกพี่เตอร์นั่งกันอยู่



    “มาแล้วเหรอไอแบม..มาๆๆ นั่งลงก่อน” 

    พี่เตอร์ที่หันมาเห็นผมเข้าพอดีกวักมือเรียกให้ผมเข้าไปนั่งร่วมวงทันที



    “มึงมาเร็วกว่าที่กูคิดนะเนี่ย วันนี้ไม่มีซ้อมเหรอว่ะ”



    “มีครับ แต่ผมโดด” 

    ผมเอ่ยตอบขณะเดินเข้าไปนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆพี่มิวแฟนพี่เตอร์ ซึ่งพี่มิวเองก็หันมาส่งยิ้มให้ผม



    “โดดมากๆระวังโดนเฮียมาร์คแหกอกนะมึง” 

    พี่เตอร์พูดขึ้นขำๆ ผมได้แค่ส่งยิ้มกลับไปเพราะไม่อยากพูดถึงใครอีกคนสักเท่าไหร่



    “แต่เอาเถอะไหนๆมึงก็โดดมาแล้ว งั้นก็มากินเหล้ากันดีกว่า น้องๆเดี๋ยวขอแก้วเพิ่มอีกใบ” 

    พี่เตอร์หันไปสั่งบริกรที่ยืนอยู่ใกล้ๆก่อนจะหันมาพูดคุยกับเพื่อนๆต่อ พวกผมนั่งกินเหล้ากันไปพูดคุยกันไปจนเวลาร่วงเลยมาพอสมควรพี่เตอร์เลยขอตัวไปเข้าห้องน้ำโดยมีเพื่อนๆในกลุ่มพี่เขาไปเป็นเพื่อนเพราะดูเหมือนพี่เขาจะเมาได้ที่แล้ว



    “มึงอย่าพึ่งกลับนะไอแบม กูไปห้องน้ำแปปนึงเดี๋ยวกลับมาชนกันต่อ” 

    พี่เขาลุกขึ้นพร้อมกับหันมาชี้ทางผมด้วยอาการมึนๆ



    “ได้เลยพี่ รีบไปรีบมาล่ะ ผมรอชนอยู่” 

    ผมเอ่ยออกไปขำๆก่อนที่พี่เตอร์กับเพื่อนจะเดินไปเข้าห้องน้ำกัน ทำให้ตอนนี้เหลือแค่ผมกับพี่มิวแค่สองคน



    “มานั่งกินเหล้ากลับดึกๆแบบนี้แฟนไม่ว่าเหรอแบมแบม” 

    พี่มิวที่ยกแก้วค๊อกเทลสีหวานขึ้นจิบหันมาถามผม



    “ผมไม่มีแฟนหรอกครับ” 

    ผมหันไปตอบพร้อมกับหยิบแก้วที่ใส่น้ำสีอำพันขึ้นมาจิบเช่นกัน



    “จริงเหรอ..ไม่น่าเชื่อว่าคนอย่างแบมแบมยังไม่มีเจ้าของ” 

    พี่มิวเริ่มเขยิบเข้ามาหาผมทีละนิด



    หึ...นี่คิดจะอ่อยกันสินะ 

    ผมได้แต่คิดในใจก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อมือเรียววางลงบนขาของผม



    “แล้วไม่เหงาเหรอ อยู่คนเดียวแบบนี้” 

    มือเรียวบนขาของผมเริ่มลูบไล้ไปมาพร้อมกับใบหน้าสวยที่เริ่มยกยิ้มอย่างยั่วยวน



    “ถ้าผมเหงาพี่จะช่วยผมมั้ยล่ะครับ” 

    ผมมองมือที่ลูบขาผมไปมาก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปมองดวงตาคู่สวยที่ดูเชื้อเชิญเสียจนออกนอกหน้า



    “ได้สิ..พี่เก่งนะเรื่องปลอบใจคนน่ะ” 

    พี่มิวยกยิ้มก่อนจะผละออกไปและทำอะไรบางอย่างกับกระดาษทิชชู่บนโต๊ะ



    “ถ้าแบมแบมอยากระบายก็มาหาพี่ได้นะ พี่ยินดีช่วย” 

    เธอยื่นกระดาษทิชชู่ที่จดอะไรบางอย่างเอาไว้มาให้ผม ผมรับมาดูก็พบกับที่อยู่พร้อมเบอร์ห้องและยังมีเบอร์โทรแถมมาอีกด้วยซึ่งไม่ต้องเดาก็รู้ว่าเป็นของใคร



    “พี่มิวใจดีจังเลยนะครับ” 

    ผมเก็บกระดาษนั้นลงไปในกระเป๋ากางเกงจังหวะเดียวกับที่พี่เตอร์เดินกลับมาที่โต๊ะพอดีพวกผมเลยนั่งกินเหล้ากันต่อจนเวลาล่วงเลยมาเกือบห้าทุ่ม ผมจึงขอตัวกลับก่อนเพราะไม่อยากกลับไปเถียงเรื่องนี้กับใครบางคนอีก



    “ผมขอตัวกลับก่อนนะครับ” 

    ผมเอ่ยลาพี่เตอร์กับเพื่อนๆก่อนจะหันไปยิ้มให้พี่มิวที่นั่งมองมาที่ผมเช่นกัน



    “เออๆ กลับดีๆ อย่าไปฉุดใครเขาล่ะ”



    “โหยย..มีให้ฉุดก็ดีดิพี่ นี่แม่งหาไม่ได้สักคน” 

    ผมเอ่ยตอบออกไปขำๆ



    “ผมกลับก่อนนะครับพี่มิว” 

    ผมหันไปลาหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอมองหน้าผมพร้อมกับยกยิ้มหวานส่งมาให้ผมเลยยิ้มกลับไปเช่นกันก่อนจะลุกออกมาเพื่อไปเรียกแท็กซี่หน้าร้าน



    “แฟนพี่เตอร์แม่งแรงใช้ได้เลยเว้ย” 

    ผมพูดกับตัวเองระหว่างยืนรอรถอยู่หน้าร้านไม่นานผมก็เรียกรถกลับจนได้ผมนั่งมองออกไปนอกรถเงียบๆเพราะตอนนี้ในหัวของผมกลับมาคิดเรื่องเกี่ยวกับไอหัวเทาอีกแล้ว ผมไม่รู้ว่ากลับไปแล้วจะต้องทำตัวยังไง ไม่รู้ว่าจะเถียงอะไรกันอีก ผมว่าผมเริ่มเป็นเอามากแล้วหล่ะกะอีแค่ไม่มีมันอยู่ใกล้ๆสองสามวันทำไมผมถึงหงุดหงิดได้มากมายขนาดนี้ ใช้เวลาไม่นานรถแท็กซี่ก็จอดเทียบฟุตบาทหน้าคอนโดหรูผมหันไปจากตังค์ก่อนลงไปจากรถจังหวะเดียวกับที่รถแลมโบกีนี่สีแดงสดเลี้ยวเข้าไปพอดีผมมองตามเข้าไปก็ทำให้รู้ว่าเป็นรถของมันจริงๆ



    “พามาด้วยงั้นเหรอ” 

    ที่ผมพูดแบบนี้เพราะในรถมีหญิงสาวนั่งมาด้วย ใช่..มันพาฮานะมาที่ห้อง ผมยืนมองรถทีกำลังจอดด้วยอารมณ์ขุ่นมัวเต็มที่ เอาจริงๆผมอยากเดินเข้าไปทักสองคนนั้นแต่มาคิดอีกทีผมว่าผมยืนรอให้พวกเขาขึ้นไปก่อนดีกว่า ผมยืนรอสักพักให้พวกนั้นเดินขึ้นไปก่อนที่ผมจะเดินตามขึ้นไปเช่นกัน ผมกดลิฟต์ขึ้นไปจนถึงชั้นที่พักอยู่และเมื่อประตูลิฟต์เปิดออกผมก็ก้าวออกไปก่อนจะเห็นอะไรบางอย่างเข้า บางอย่างที่ทำให้ผมยืนแข็งที่อตัวชาวาบไปหมด ก็ตอนนี้ไอหัวเทากำลังยืนจูบกับฮานะอยู่บริเวณหน้าห้องอย่างไม่อายฟ้าอายดินเลยนะสิ



    “สัส..” 

    ผมสบถออกมาก่อนจะเดินกลับไปที่ลิฟต์ ผมรัวกดปุ่มเปิดลิฟต์ด้วยท่าทีร้อนรนและเมื่อเข้าไปในลิฟต์แล้วผมก็กดปิดประตูทันที ผมยืนกำมือแน่อยู่ในนั้นจนลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่าง



    “ฮัลโหล..ผมแบมแบมนะครับ พี่ยังอยากช่วยผมอยู่มั้ย” 

    เมื่อเดินออกมาจากลิฟต์ผมก็กดโทรศัพท์ต่อสายหาใครบางคน



    “งั้นเดี๋ยวเจอกันนะครับ” 

    เมื่อคนปลายสายตอบกลับมาผมก็เดินออกไปเรียกแท็กซี่หน้าคอนโดทันที ในเมื่อผมตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปใช้ชีวิตเหมือนเดิม มันจะแปลกอะไรล่ะถ้าผมต้องการหาคนมาช่วยปลดปล่อยเหมือนเมื่อก่อน....



    +++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    >>> TBC <<<


    แบมแบมยังไงก็คือแบมแบมค่ะ ใครที่คิดว่าน้องต้องโศกเศร้านั่งกอดเข่าร้องไห้ล่ะก็คุณกำลังคิดผิด

    น้องเคยทำตัวยังไงก็จะกลับไปทำแบบนั้น คิดจะแรงต้องแรงให้สุด จัดหนักจัดเต็มตามสไตล์คนแมน

    และแน่นอนว่าผลที่ตามมาก็จะแรงตามไปด้วยเช่นกัน บอกเลยว่างานนี้เจ็บไปตามๆกัน

    มารอดูเลเวลหน้าดีกว่าว่าคนแมนจะได้รับผลของการกระทำนี้ยังไง... ????


    #ฟิคลองของ


    ♡  Happy Valentines Day  ♡


    ?THE ORA


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×