ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ RE-Write ] Try..!!! { MarkBam } // THE END

    ลำดับตอนที่ #45 : Level_43

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 12.12K
      161
      2 เม.ย. 59




    “พวกมึงงงงง...” 

    เสียงทุ้มแหลมของแมนนี่ดังมาแต่ไกลทำให้เพื่อนๆในกลุ่มหันไปมองยังร่างบึกบึนที่กำลังวิ่งหน้าตาตื่นมาทางพวกเขา



    “เอ้าๆๆ ใจเย็นๆมึง” 

    แจนเอ่ยขึ้นเมื่อแมนนี่วิ่งมากระแทกตัวนั่งลงข้างๆเธอ



    “แฮ่กๆ..อีห่า กูวิ่งมาจากโรงอาหารเหนื่อยมาก” 

    แมนนี่ที่กำลังหอบหายใจอย่างหนักหันไปพูดกับเพื่อนที่นั่งกันอยู่เกือบครบทีมยกเว้นใครบางคนที่หายหัวไปตั้งแต่เมื่อวานซืน



    “แล้วมึงจะวิ่งทำไม” 

    ยูคยอมที่นั่งเล่นโทรศัพท์เงยหน้าขึ้นมาถาม



    “ไม่วิ่งไม่ได้ เรื่องใหญ่ขนาดนี้ต้องรีบมาขยาย”



    “เรื่องใหญ่ ????” 

    เป็นเจแปนที่โผลงออกมา



    “ใช่..กูบังเอิญได้ยินชะนีนิเทศเม้ากันน่ะสิ”



    “บังเอิญ หรือ เสือก”



    “อีแปน..รู้แล้วยังถามนะมึง” 

    แมนนี่หันไปถลึงตาใส่เพื่อนก่อนจะกลับเข้าเรื่องอีกครั้ง



    “คือกูไปหาขนมแดกใช่มั้ย แล้วทีนี้ก็บังเอิญไปยืนต่อแถวหลังพวกนางไง หูขี้เสือกของกูเลยได้ยินเรื่องช๊อกวงการมา”



    “ถึงขั้นช๊อกวงการเชียว กูว่ามึงเว่อร์ไปและอีแมน” 

    ยูคยอมวางโทรศัพท์ลงกับโต๊ะเอ่ยขึ้น



    “ถ้ามึงรู้รับรองว่าช๊อกแน่นอน”



    “งั้นมึงก็รีบๆบอกมาสักที กูนั่งเกร็งไปหมดแล้วเนี่ย” 

    แจนที่นั่งอยู่ข้างๆเอ่ยขึ้นด้วยความอยากรู้



    “กูก็กำลังจะพูดอยู่นี่ไง มึงจะขัดทำไมอีแจน”



    “ตกลงมีเรื่องอะไรเหรอแมนนี่” 

    ฮานะที่นั่งเงียบอยู่นานพูดแทรกขึ้นก่อนจะเกิดสงครามย่อยๆบนโต๊ะ



    “คืออย่างงี้ กูได้ยินพวกนางเม้ากันว่าพี่มาร์คมีแฟนแล้ว ที่สำคัญเรียนอยู่คณะเราด้วย” 

    แมนนี่พูดออกมาอย่างออกรสออกชาติโดยมีปฏิกิริยาของเพื่อนๆแต่ล่ะคนแตกต่างกันออกไป แจนกับเจแปนกูจะตกใจกับสิ่งที่ได้ยินผิดกับฮานะและยูคยอมที่นั่งยิ้มขำกับเรื่องที่เพื่อนพูด



    “กูล่ะอยากรู้จริงๆว่ามันเป็นใครถึงกล้าคาบท่านมาร์คของกูไปแดกแบบนี่”



    “อ้าว..แล้วมึงไม่รู้เหรอว่าใคร” 

    เจแปนถามขึ้น



    “ก็กูตกใจเลยรีบวิ่งมาหาพวกมึง แม่ง..รู้งี้กูอยู่เสือกให้สุดก่อนดีกว่าพูดแล้วเสียดาย”



    “โถ่..อีง้าว ดูดิเนี่ยทำพวกกูอยากรู้ไปด้วย มึงนี่ไม่ได้เรื่องเลยอีแมน” 

    แจนหันไปโวยเมื่อความอยากรู้เริ่มมีมากขึ้น



    “อ้าวอินี่ กูเสือกมาได้เท่านี้ก็ถือว่าดีแล้วมั้ย”



    “พอๆๆไม่ต้องเถียงกัน กูว่าเรามาช่วยกันคิดดีกว่าว่าแฟนพี่มาร์คเป็นใคร” 

    เจแปน เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด ทำให้แมนนี่และแจนเลิกเถียงกันและหันมาช่วยกันคิดแทน



    “กูถามจริง เรื่องเรียนพวกมึงเคยจริงจังขนาดนี้มั้ย” 

    ยูคยอมแซวออกมาขำๆไม่ต่างจากฮานะที่นั่งมองเพื่อนๆด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม



    “มึงอย่าพึ่งขัดอียูคพวกกูเครียดอยู่เห็นมั้ย” 

    แมนนี่หันไปแควะเพื่อนที่นั่งฝั่งตรงข้ามก่อนจะหันกลับไปสุ่มหัวกับแจนและเจแปนอีกครั้ง



    “มึงว่าแฟนพี่มาร์คเป็นใครว่ะ” 

    แจนพูดขึ้นด้วยสีหน้าครุ่นคิด



    “หรือว่าจะเป็นพี่เมเปิ้ลปีสอง ที่สวยๆหุ้นเอ็กๆว่ะ”

    เจแปนเสนอขึ้น



    “กูว่าไม่น่าใช่นะ น่าจะเป็นพี่แพรวปีสามมากกว่าคนนี้เรียบร้อยน่ารัก พี่มาร์คน่าจะชอบ” 

    แจนเองก็ลองเสนอความคิดเห็นออกมาบ้างเช่นกัน



    “เป็นไปไม่ได้ พี่แพรวมีแฟนแล้วแถมหล่อมากด้วยงานนี้ไม่ใช่พี่เขาแน่นอน” 

    แมนนี่เอ่ยขัดขึ้น



    “งั้นจะใครล่ะ” 

    แจนที่เริ่มหงุดหงิดเอ่ยออกมาด้วยท่าทีเซ็งๆ



    “พวกมึงลืมอะไรไปรึเปล่า” 

    อยู่ๆยูคยอมก็เอ่ยแทรกขึ้นทำให้ทั้งสามคนหันมามองที่เขา



    “อะไร ???” 

    แมนนี่ถามกลับ



    “มึงลืมใครรึเปล่า”



    “ใครว่ะ”



    “เฮ้ย..จริงด้วย ทำไมพวกเราไม่ถามแบมแบมล่ะ” 

    แจนโพลงขึ้นทำให้ทุกคนหันไปมองที่เธอ



    “เออว่ะ...นี่กูลืมมันไปได้ไงเนี่ย ว่าแต่มันหายหัวไหนตั้งสองวันแล้วว่ะ” 

    เจแปนพูดขึ้นบ้างเมื่อนึกถึงเพื่อนที่หายตัวไปสองวันเต็มๆ



    “อยากรู้ก็ถามมันดิ” 

    ยูคยอมบอกพร้อมกับพยักเพยินหน้าไปด้านหลัง ทำให้ทุกคนหันไปมองทำให้เห็นว่าแบมแบมกำลังเดินตรงมาทางพวกเขา



    “ตายยากชิบหาย” 

    เจแปนอุทานออกมาเบาๆ



    “ไงคะคุณชาย หายหัวไปไหนมาสองวัน นี่ถ้าวันนี้มึงยังไม่โผล่หัวมากูว่าจะไปแจ้งความแล้วนะ” 

    แมนนี่เอ่ยแซะออกไปทันทีที่ร่างบางเดินมาถึงบริเวณที่พวกเขานั่งอยู่



    “ที่ถามนี่เป็นห่วงกูว่างั้น” 

    แบมแบมเอ่ยขึ้นพร้อมกับเดินอ้อมไปนั่งที่ว่างข้างๆฮานะ



    “อย่ากวนตีนคะ กรุณาตอบให้ตรงคำถามด้วย” 

    แมนนี่ยื่นหน้ายืนตาโต้ตอบกลับไป



    “ไปที่ไหนไม่สำคัญเท่าไปกับใครล่ะมั้ง” 

    ยูคยอมหรี่ตามองเพื่อนสนิทพร้อมกับเอ่ยเหน็บแนมออกไปอย่างนึกขำ



    “อียูคมึงพูดได้ตรงจุดมาก...ตกลงมึงหายไปไหนและไปกับใครมาอีแบม”  

    แมนนี่เอ่ยถามขึ้นมาอีก



    “ไม่เสือกสักเรื่องจะตายมั้ย” 

    แบมแบมเอ่ยโต้ตอบไม่จริงจังนักทำให้ฮานะที่นั่งอยู่ข้างๆหลุดขำออกมา



    “ตาย..เพราะพวกกูดำรงชีวิตด้วยการเสือกมึงไม่รู้รึไง”



    “ยังมีหน้ามาพูด ภูมิใจในความขี้เสือกของตัวเองมากว่างั้นเหอะ”



    “แน่นอน..มึงอย่ามาทำเป็นเปลี่ยนเรื่องหน่อยเลย ตกลงหายหัวไปไหนมา” 

    แมนนี่ยังคงคาดคั้นไม่เลิกทำให้ร่างบางส่ายหัวไปมาก่อนยอมเอ่ยตอบ



    “กูไปต่างจังหวัดมา”



    “ไปกับใคร”



    “ไปกับ...”



    “แบมแบม” 

    ยังไม่ทันที่ร่างบางจะพูดจบเสียงทุ้มต่ำก็ดังขัดขึ้นเรียกสายตาทุกคู่ให้หันไปมอง



    “พี่มาร์คสวัสดีค่ะ / ครับ” 

    ทุกคนในโต๊ะรีบเอ่ยทักทายรุ่นพี่ที่เดินเข้ามายังโต๊ะที่พวกเขานั่งอยู่ และเมื่อเห็นรุ่นน้องเอ่ยทักทายมาร์คก็พยักหน้ารับก่อนจะเดินตรงไปหาร่างบางที่นั่งมองมาที่เขาเช่นกัน



    “มึงลืมหนังสือไว้บนรถ” 

    หนังสือเล่มหนาถูกยื่นไปให้ร่างบาง



    “เออ..ลืมเลย” 

    แบมแบมเอื้อมมือไปรับเอาไว้



    “แล้วลืมอะไรอีกรึเปล่า จะได้กลับไปเอา”



    “ไม่น่านะ..” 

    ร่างบางเริ่มตรวจเช็คกระเป๋าก่อนจะเงยหน้าขึ้นไปตอบอีกฝ่าย



    “โอเค..ถ้าไม่ลืมอะไรแล้วงั้นกูไปก่อน ตั้งใจเรียนด้วยล่ะ” 

    มาร์คเอ่ยเสียงนุ่มพร้อมกับยกมือขึ้นไปขยี้หัวทุ้ยเบาๆ เรียกความสนใจจากผู้รวมโต๊ะได้ไม่น้อยทีเดียวโดยเฉพาะฮานะที่ยกยิ้มสูงอย่างเห็นได้ชัด



    “พอแล้วหัวยุ่งหมดแล้ว” 

    แบมแบมเอ่ยออกมาเบาๆก่อนจะปัดมือมาร์คออก



    “งั้นกูไปนะ แล้วเจอกันตอนเย็น” 

    มาร์คพูดทิ้งท้ายเอาไว้ด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้มก่อนจะเดินผละออกไปอีกทาง



    “ตายแล้วววว...นี่มันเกิดอะไรขึ้นรายงานพวกกูมาเดี๋ยวนี้นะอีแบม” 

    เมื่อมาร์คเดินจากไปไม่นานแมนนี่ที่เก็บอาการอยู่ก็โพลงออกมาแทบจะทันที



    “จริงด้วย..อะไรยังไงเล่าด่วน” 

    แจนก็ไม่น้อยหน้ารีบถามออกมาเช่นกัน



    “ก็ไม่มีอะไรนิ” 

    แบมแบมยักไหล่ส่งๆเหมือนไม่ได้ใส่ใจเรื่องที่เพื่อนถามเท่าไหร่นัก



    “จะไม่มีได้ไง ก็เห็นอยู่ว่ามีอย่ามาแอ๊บใสใส่พวกกูนะอีแบม” 

    แมนนี่เอ่ยออกมาอย่างไม่ยอมเช่นเคย



    “ไอแบมก่อนที่มึงจะตอบอีแมนกูขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย” 

    เจแปนที่นั่งเงียบมาได้สักพักเอ่ยถามออกมา




    “อะไร..”



    “มึงรู้เรื่องที่พี่มาร์คมีแฟนรึเปล่า”




    “รู้” 

    แบมแบมตอบออกมาด้วยท่าทีสบายๆ



    “งั้นแฟนพี่มาร์คเป็นใคร เห็นอีแมนบอกว่าเรียนอยู่คณะเดียวกับพวกเรา” 

    เจแปนถามถามออกมาอีก




    “พวกมึงแน่ใจนะว่าอยากรู้จริงๆ” 

    แบมแบมเอ่ยหยั่งเชิงขำๆ




    “อีห่า..อย่าลีลาได้มั้ยกูยิ่งๆอยากรู้อยู่” 

    แมนนี่หลุดด่าออกมาด้วยความอยากรู้ที่มีมากขึ้นกว่าเดิม



    “แฟนพี่มาร์คก็คือ” 

    แบมแบมยื่นหน้าเข้าไปกลางโต๊ะทำให้เพื่อนๆยื่นหน้าตามเข้าไปเช่นกัน



    “คือใคร” 

    แจนถามออกมาเบาๆ



    “คือ..” 

    แบมแบมยังคงกวนเพื่อนๆตามสไตล์ของตน และนั้นทำให้เพื่อนๆเหล่ตามองมาทางเขาอย่างคาดโทษ



    “คืออะไร..มึงรีบๆพูดสิ” 

    แมนนี่เร่งอีกฝ่ายให้รีบพูด



    “กูว่าพวกมึงอย่ารู้ดีกว่า” 

    แบมแบมแกล้งเอนตัวกลับไปนั่งด้วยท่าทีปกติเรียกเสียงหัวเราะจากฮานะและยูคยอมได้ทันที



    “อีเหี้ย...มึงจะมาทำให้พวกกูอยากแล้วจากไปแบบนี้ไม่ได้นะรีบๆบอกมาเร็วๆ” 

    แมนนี่โวยออกมาในที่สุด



    “ใช่..มึงอย่ามาทำเป็นมีลับลมคมในกับพวกกูนะ พวกกูเป็นเพื่อนมึงนะอีแบม” 

    แจนเอ่ยเสริมทัพเช่นกัน



    “ที่ไม่บอกเพราะจริงๆแล้วมึงก็ไม่รู้ใช่มั้ย” 

    เจแปนเองก็ดูเหมือนจะหัวเสียไม่น้อย



    “พวกมึงจะอยากรู้ไปทำไม เรื่องไม่เป็นเรื่อง” 

    ร่างบางยกแขนขึ้นกอดอกพร้อมกับเอ่ยออกไป



    “ก็พวกกูข้องใจนิ”



    “เราว่าแบมบอกไปเถอะ ยังไงพวกนี้ก็ไม่ยอมเลิกตื้อง่ายๆแน่” 

    ฮานะที่มองเหตุการณ์อยู่สักพักยืนหน้าเข้าไปกระซิบข้างหูเล็กทำให้แบมแบมหันไปมองเธอพร้อมกับถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่



    “เอางั้นเหรอ” 

    ร่างบางหันไปถามฮานะทำให้เธอพยักหน้าแทนคำตอบ



    “กระซิบอะไรกัน..บอกมาเดี๋ยวนี่นะ ฮานะเดี๋ยวนี้แอบมีความลับกับเราใช่มั้ย” 

    แจนหันไปกระเง้ากระงอดใส่เพื่อนสาวทำให้ฮานะหลุดยิ้มออกมา



    “ตกลงพวกมึงอยากรู้จริงๆใช่มั้ยว่าแฟนพี่มาร์คคือใคร” 

    แบมแบมพูดออกมาด้วยท่าทีจริงจังผิดกับตอนแรก



    “ใช่” 

    ทั้งสามผสานเสียงกันราวกับนัดกันมา



    “เฮ้อ..งั้นกูจะบอกก็ได้ แต่ถ้ารู้แล้วห้ามโวยวายตกลงมั้ย”



    “ทำไมพวกกูต้องโวยวายด้วย” 

    เจแปนถามออกมาด้วยท่าทีไม่เข้าใจ



    “กูถามว่าตกลงมั้ย”



    “เออๆๆ ตกลงก็ได้” 

    แมนนี่เอ่ยตอบขณะที่คนอื่นๆพยักหน้ารับ



    “กูเอง”



    “ห๊ะ !! มึงว่าไงนะ” 

    แมนนี่ถามออกมาด้วยความไม่เข้าใจ เช่นเดียวกับแจนและเจแปนที่หันมองหน้ากันด้วยความสงสัย



    “กูบอกว่าแฟนพี่มาร์คคือ กูเอง...” 

    สิ้นเสียงทั้งสามคนก็ได้แต่มองมาที่เขาพร้อมกับอ้าปากค้างผิดกันยูคยอมที่หันมาหัวเราะใส่เขาเสียยกใหญ่



    “จนได้นะมึง...” 

    ยูคยอมหันมาพูดกับเพื่อนขำๆ



    “เดี๋ยวๆๆ มึงกำลังบอกพวกกูว่า มึงเป็นแฟนพี่มาร์คงั้นเหรออีแบม” 

    แมนนี่ถามซ้ำออกมาอีกครั้งอย่างไม่อยากเชื้อหูตนเอง



    “เออ..กูเนี่ยแหละแฟนพี่มาร์ค” 

    แบมแบมหันไปยักคิ้วให้เพื่อนด้วยท่าทางกวนๆ



    “แหกกก...ไปไงมาไงวะเนี่ย ไหนมึงบอกพวกกูว่ามึงแมนเต็มร้อยไง”



    “ก็ใช่ไง..ทำไมแมนแล้วมีแฟนเป็นผู้ชายไม่ได้รึไง” 

    แบมแบมยังคงเถียงออกไปอย่างนึกสนุก เพราะตั้งแต่ที่มาร์คพาเขาไปทะเลคราวนี้มุมมองในการใช้ชีวิตของเขาก็ดูจะเปลี่ยนไปเยอะโดนเฉพาะเวลาถูกมองว่าเป็นเพศที่สาม



    “กบฏแรงมาก มึงกำลังทำลายสถาบันชาวเกย์รู้ตัวมั้ย”



    “อย่าเว่อร์..กูแค่มีแฟนเป็นผู้ชายแต่ไม่ได้เป็นเกย์เว้ย”



    “แล้วมันต่างกันยังไง ที่สำคัญมึงกล้างาบท่านมาร์คตัดหน้ากูได้ไง อีเลวว”



    “ถามกูมั้ยว่าใครงาบใคร”



    “อี๋..พอเลยกูไม่อยากฟัง” 

    แจนเอ่ยขัดขึ้นทำให้ร่างบางหันไปมองขำๆ



    “สรุปที่อีแมนได้ยินเด็กนิเทศษ์เม้ากันคือมึงสินะ”



    “เด็กนิเทศที่ไหน” 

    แบมแบมถามออกมาด้วยท่าทีงงๆ



    “ก็กูไปได้ยินชะนีนิเทศเม้ากันว่าพี่มาร์คมีแฟนแล้วน่ะสิ” 

    แมนนี่เลือกที่จะตอบออกมาแทน



    “แล้วเขารู้ได้ไง”



    “กูจะไปรู้เหรอ..มึงได้ไปทำบัดสีบัดเถลิงเอาไว้ที่ไหนรึเปล่าล่ะ”



    “....” 

    สิ้นคำพูดของเพื่อนร่างบางก็ทำท่าครุ่นคิดจนคิ้วทั้งสองขมวดเข้าหากัน



    “อย่าบอกนะว่าไปทำไว้จริงๆ โอ๊ยยย..อีแบม” 

    แมนนี่โพลงออกมาเมื่อเห็นท่าทีครุ่นคิดของเพื่อน



    “ก็มีบ้าง..แต่กูนึกไม่ออกวะว่าตอนไหน”



    “พอๆๆ ไม่ต้องนึกแล้วกูล่ะปวดหัวกับมึงจริงๆ”



    “ฮ่าๆๆ..มึงนี่ไม่ได้มีความอายเลยใช่มั้ย” 

    ยูคยอมเอ่ยขึ้นขำๆ



    “อายทำเหี้ยไร เรื่องธรรมชาติ” 

    แบมแบมตอบออกมาเหมือนเรื่องที่เขากำลังพูดดูธรรมดาเสียเหลือเกิน



    “โถ่ไม่น่าเลย..ท่านมาร์คของกูหลงผิดมาเอามึงได้ไงเนี่ย หมดกัน...” 

    แมนนี่ยกมือขึ้นกุมขมับก่อนจะตามมาด้วยเสียงหัวเราะของเพื่อนๆรวมโต๊ะ




          ช่วงเย็นของวัน...



    “จะกลับรึยัง” 

    มาร์คเดินเข้ามาหาร่างบางที่ยืนชู้ตบาสอยู่ในสนาม



    “ขออีกแปปนึง” 

    แบมแบมหันมามองอีกฝ่ายนิดๆก่อนหันกลับไปสนใจแป้นบาสตรงหน้าอีกครั้ง



    “เก็บแรงไว้ให้กูบ้างนะ” 

    มาร์คเอ่ยออกมาขำๆทำให้ร่างบางหันไปถลึงตาใส่ทันที



    “ฮ่าๆๆ กลับเหอะกูหิวแล้ว ไปหาข้าวกินกัน” 

    มาร์คหลุดหัวเราะกับท่าทีของอีกฝ่ายก่อนจะออกปากชวนร่างบางไปหาอะไรกิน



    “เออๆ งั้นไปกินพิซซ่ากันกูอยากกิน”



    “โอเค..งั้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไปเดียวกูรอข้างนอก”



    “อืม..” 

    สิ้นเสียงร่างบางก็เดินตรงเข้าไปในห้องพักนักกีฬา ส่วนมาร์คก็เดินไปนั่งรออีกฝ่ายที่สแตนภายในโรงยิม กริ๊งง..เสียงโทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงของมาร์คดังขึ้นเขาจึงหยิบออกมากดรับสาย



    “ฮัลโหล”



    ( ฮัลโหล..ใช่มาร์ครึเปล่าจ๊ะ นี่แม่ของแบมแบมเองนะ)



    “ครับคุณน้า ผมมาร์คเองครับ”



    ( แม่จะโทรมาบอกเราว่า วันมะรืนแม่จะบินไปแล้วนะ)



    “ทำไมเร็วขึ้นล่ะครับ ไหนคุณน้าบอกว่าจะมาอาทิตย์หน้า”



    ( พอดีได้หยุดเพิ่มแม่เลยเลื่อนไฟล์ทน่ะ อีกอย่างแม่ก็คิดถึงแบมแบมด้วย )



    “งั้นคุณน้าจะให้ผมไปรับกี่โมงดีครับ”



    ( จะมารับทำไม แม่นั่งแท็กซี่ไปก็ได้เราบอกที่อยู่มาก็พอ )



    “ผมไปรับดีกว่าครับ”



    ( ถ้างั้นมารับแม่ตอนแปดโมงเช้าไหวมั้ย )



    “ได้ครับ..แล้วยังไงผมจะโทรหาอีกทีนะครับ เดินทางปลอดภัยนะครับคุณน้า”



    ( ขอบใจมาร์คมากนะลูก งั้นแค่นี้นะจ๊ะ)



    “ครับ..สวัสดีครับ” 

    ตู๊ดดด...สายถูกตัดไปจังหวะเดียวกับที่ร่างบางเดินออกมาจากห้องพักนักกีฬา เมื่อเห็นดังนั้นมาร์คจึงเก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋าแล้วเดินไปหาอีกฝ่าย พวกเขาแวะกินพิซซ่าตามที่ร่างบางต้องการพร้อมกับสั่งกลับมากินที่บ้านด้วยทั้งสองคนใช้ชีวิตเป็นแฟนกันอย่างเปิดเผยโดยไม่แคร์สายตาผู้คนที่มองทางพวกเขาอีกและแน่นอนว่าทั้งคู่รู้สึกดีกับสิ่งที่กำลังทำอยู่

     




           สองวันต่อมา ณ สนามบิน



    “กูออกมาทำธุระเดี๋ยวก็กลับแล้วอย่างอแงสิ กูทำโจ๊กไว้ให้แล้วถ้าหิวก็เอามาอุ่นกินก่อน” 

    มาร์คกรอกเสียงผ่านโทรศัพท์เครื่องหรูในมือและแน่นอนว่าปลายสายก็คงหนีไม่พ้นร่างบางที่นอนอยู่ที่ห้อง



    “โอเคๆ..กูอนุญาติให้กินพุดดิ้งได้สองถ้วยแต่ต้องกินข้าวก่อนนะ รู้แล้ว..อืม งั้นแค่นี้นะ”

    มาร์คกดวางสายพร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มก็ตั้งแต่เริ่มคบกันมาจนถึงวันนี้ร่างบางรู้จักที่จะอ้อนเขามากขึ้น ผิดจากเมื่อก่อนที่เอาแต่ด่าทอกันอยู่ตลอดเวลา มาร์คก้าวลงจากรถมายืนด้านนอกพร้อมกับยกโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออก ตู๊ดด...



    ( ฮัลโหลมาร์คเหรอจ๊ะ )



    “ครับ..คุณน้ารับกระเป๋าเรียบร้อยแล้วใช่มั้ยครับ”



    ( ใช่จ๊ะ...มาร์คมาถึงแล้วเหรอ )



    “ครับ..คุณน้าจะให้ผมไปรอตรงไหนดีครับ”



    ( งั้นมารอตรงเกรท 3 ก็ได้จ๊ะเดี๋ยวแม่เดินไป )



    “ได้ครับ..ผมใส่เสื้อเชิ้ตสีดำนะครับ”



    ( โอเคจ๊ะ..แล้วเจอกันนะ)



    “ครับ..” 

    มือหนากดวางสายก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอด



    “เอาว่ะ..สู้ๆเว้ยไอมาร์ค” 

    พูดจบเขาก็ก้าวเดินตรงไปยังเกรท 3 ทันทีโดยที่ไม่รู้เลยว่าอะไรบางอย่างกำลังจะเริ่มต้นขึ้นต่อจากนี้....





    ++++++++++++++++++++++++++++++++++++++



    >>> TBC <<<


    กลับมาแล้วค่ะหลังจากที่หายไปเคลียร์งานมหาโหดช่วงสิ้นเดือนมา TT ^ TT

    ตอนนี้ดูเหมือนทุกคนจะรู้เรื่องความสัมพันธ์ของทั้งคู่แล้วและก็ยอมรับกันได้ แต่อย่าพึ่งชะล่าใจไปนะคะ

    งานช้างกำลังรอพี่มาร์คอยู่และงานนี้หินแน่นอน มาดูกันดีกว่าว่าลูกเขยกับแม่ยายจะลงเอยยังไง

    หวังว่าทุกอย่างจะผ่านพ้นไปได้ด้วยดี พี่มาร์คสุ้ๆนะ...  ^ ^




     

    ?THE ORA


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×