ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ RE-Write ] Try..!!! { MarkBam } // THE END

    ลำดับตอนที่ #47 : Level_45

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 11.53K
      165
      20 เม.ย. 59




    แลมโบกีนี่คันหรูทะยานไปบนท้องถนนด้วยความเร็วเสียงเครื่องยนตร์หลายร้อยแรงม้าดังกระฮึ่มไปทั่ว ขณะที่คนขับนั่งหน้าเครียดพร้อมกับมือที่กำพวงมาลัยเอาไว้แน่น



    “เชี่ยเอ้ย..เอาไงดีวะ” 

    ร่างหนาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาขับหนูแดงตรงไปยังโรงแรมด้วยความเร็วและไม่นานเขาก็มาถึงที่หมาย มาร์ครีบจอดรถแล้ววิ่งเข้าไปด้านในทันที และระหว่างที่เดินเข้าไปมือหนาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาร่างบางด้วยความกังวล ตู๊ดด...



    ( ฮัลโหล.. ) 

    กลายเป็นเสียงแม่ของร่างบางที่รับสายทำให้มาร์คชะงักไปเล็กน้อย



    “คุณน้าครับ..ผมมาร์คเองนะครับ” 

    มาร์คพยายามข่มอารมณ์และเอ่ยกลับไปด้วยท่าทีสุภาพ



    ( มาร์คมีอะไรรึเปล่า ทำไมโทรมาดึกขนาดนี้ล่ะ)



    “คือ..พอดีผมมีเรื่องอยากคุยกับแบมแบมน่ะครับ”



    ( เรื่องด่วนเหรอ )                           



    “ก็..นิดหน่อยครับ”



    ( ไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ได้มั้ย พอดีแบมแบมนอนแล้วน่ะ ) 

    สิ้นเสียงคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันทันที มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาพึ่งคุยกับมันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนและไม่มีทางที่มันจะนอนเร็วขนาดนี้แน่ๆ มาร์คนั่งนิ่งไปนิดก่อนจะต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งพร้อมกับเอ่ยโต้ตอบกลับไป



    “ถ้างั้นผมขอคุยกับคุณน้าแทนได้มั้ยครับ” 

    มาร์คกลั้นใจถามออกไป



    ( คุยกับน้า ) 

    เมื่อสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองเปลี่ยนไปทำให้มาร์คยิ่งมั่นใจว่าเธอพยายามกันเขาออกจากลูกชายของเธอ



    “ครับ”



    ( คุยเรื่องอะไรล่ะ )



    “ผมอยากคุยกับคุณน้าเรื่องแบมแบมครับ”



    ( มาร์คอยากจะคุยกับน้าเรื่องแบมแบมงั้นเหรอ )



    “ใช่ครับ..ตอนนี้ผมกำลังไปที่โรงแรมคุณน้าสะดวกคุยมั้ยครับ”



    ( ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นล่ะ อีกอย่างวันนี้น้าก็เหนื่อยมากคงไม่สะดวกคุย น้าว่าเราคุยกันพรุ่งนี้ดีมั้ย ) 

    เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้มาร์คเริ่มมั่นใจว่าร่างบางยังไม่นอนแต่โดนห้ามไม่ให้คุยกับเขา และในเมื่อเธอพูดมาขนาดนี้เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก



    “ได้ครับ...งั้นพรุ่งนี้ผมไปหาที่ห้องนะครับ” 

    สิ้นเสียงสายก็ถูกตัดไปและนั้นยิ่งทำให้มาร์คเครียดมากกว่าเดิม เพราะเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ร่างบางเป็นยังไงบ้าง ยังร้องไห้อยู่มั้ยหรือโดนด่าว่าอะไรรึเปล่า มาร์คเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบริเวณล๊อบบี้โรงแรมเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไล่รายชื่อไปเรื่อยๆเพื่อหวังว่าจะเจอชื่อใครสักคนที่พอจะช่วยเขาได้บ้างและเขาก็ต้องหยุดอยู่ที่ชื่อของใครคนหนึ่ง คนที่เขาไม่ได้ติดต่อไปหานานแล้วมาร์คนั่งลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกดโทรออก ตู๊ดด..



    ( ว่าไง..ไอ้เสือ ) 

    สัญญาณดังไม่นานก็มีเสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น



    “ป๋าสบายดีมั้ย” 

    มาร์คเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วโต้ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น คนที่เขาเลือกโทรไปหาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขานั้นแหละ



    ( ก็ดี..พวกแกไม่อยู่ฉันกับม้าแกก็มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น ว่าแต่อะไรดลใจให้โทรมาหาฉันได้ล่ะ)



    “ผมจะคิดถึงป๋าบ้างไม่ได้รึไง”



    ( ถ้าคิดถึงแกคงบินมาหาพวกฉันแล้ว มีเรื่องอะไรว่ามา )

    คนรู้ทันลูกชายเอ่ยขัดขึ้นขำๆ



    “ป๋านี่รู้ทันผมตลอดเลยนะ”



    ( ฉันเป็นพ่อแกเรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็แปลกแล้ว )



    “คือ..ผมมีเรื่องอยากบอกป๋า”



    ( เรื่องอะไร..อย่าบอกนะว่าแกไปทำใครท้องเพราะถ้าใช่ฉันจะบินไปจัดการกับแกเดี๋ยวนี้เลย )



    “ไม่ใช่..โห นี่ป๋าเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”



    ( อย่างแกถ้าไม่ไปทำผู้หญิงท้องก็คงไปมีเรื่องกับชาวบ้านเขา )



    “พูดซะลูกชายดูเลวเลยนะ”



    ( ถ้าไม่ใช่งั้นมีเรื่องอะไร )



    “คือ ผมมีแฟนแล้วนะป๋า”



    ( แล้วไง แกก็มีแฟนมาตั้งหลายคนแล้วไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย )



    “แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น”



    ( ไม่เหมือนยังไง..แฟนแกเป็นเอเลี่ยนหรือไง )



    “ป๋าฟังผมก่อนดิ คือแฟนผมเขาเป็น เออ..เป็น”



    ( เป็นอะไร..แกนี่มีพิรุธนะเจ้ามาร์ค )



    “แฟนผมเป็นผู้ชาย...”



    ( ก็แค่เนี่ย..ห๊ะ!!! แกว่าไงนะ ) 

    เสียงผู้เป็นพ่ออุทานออกมาดังลั่นจนมาร์คต้องเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างจากหู



    “ป๋าได้ยินไม่ผิดหรอก ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”



    ( นี่แกเมายารึเปล่า )



    “ผมไม่ได้เมาอะไรทั้งนั้นแหละ ผมมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ”



    ( แกรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา..นี่ถ้าม้าแกรู้มีหวังลมจับแน่ๆ )



    “ผมรู้..”



    ( แล้วแกคิดยังไงถึงเกิดอยากเปลี่ยนแนวขึ้นมาเมื่อก่อนก็เห็นชอบผู้หญิงอยู่ดีๆ ) 

    ป๋าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆเพราะเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือปิดกั้นเรื่องพวกนี้จากลูกๆอยู่แล้ว



    “เรื่องมันยาวอ่ะป๋า เอาเป็นว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายป๋าโอเคใช่มั้ย”



    ( แล้วฉันเคยห้ามแกได้รึไง ต่อให้แกมีแฟนเป็นหมูเป็นหมาฉันก็ไม่ว่าหรอก ขอแค่ไม่ทิ้งการเรียนนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วฉันอยากให้แกนึกถึงอนาคตด้วย )



    “งั้นผมสัญญาว่าจะเอาเกรดงามๆกลับไปฝาก โอเคมั้ย”



    ( พูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ฉันจะรอดู )



    “ต้องได้สิผมลูกป๋าถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้จะไปทำอะไรกิน”



    ( ทำเป็นพูดดีไปนะเจ้ามาร์ค สรุปแกแค่จะโทรมาบอกฉันว่าแกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่มั้ย )



    “คือ..ก็ยังมีอีกเรื่องอ่ะป๋า”



    ( เรื่องอะไร )



    “ผมมีเรื่องอยากขอให้ป๋าช่วยหน่อย”



    ( เสียงแผ่วแบบนี้ แสดงว่าเรื่องใหญ่ )



    “ก็นิดหน่อย”



    ( มีอะไรก็ว่ามา )



    “คือ..แม่แฟนผมเขาไม่ยอมรับเรื่องระหว่างผมกับลูกชายเขาแถมยังจะเอาตัวแฟนผมกลับเมืองนอกอีก ป๋าช่วยไปเกลี้ยกล่อมเขาให้หน่อยได้มั้ย”



    ( ทำไมแกถึงคิดว่าเขาจะฟังฉันล่ะ ก่อนอื่นแกต้องเข้าใจนะมาร์คว่าลูกเขาเป็นผู้ชายแล้วแกก็เป็นผู้ชายการที่ฉันรับได้ใช่ว่าเขาต้องรับได้แบบฉัน และถ้าให้ฉันเดาแฟนแกเป็นลูกคนเดียวใช่มั้ย )



    “ใช่..ป๋ารู้ได้ไง”



    ( แล้วมันเดายากตรงไหนล่ะ ลูกชายคนเดียวแถมยังเป็นความหวังของครอบครัว การที่แม่เขาจะไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง )



    “งั้นผมควรทำยังไงดีอ่ะป๋า ผมไม่รู้ว่าต้องพูดกับเขายังไงเขาถึงจะยอมรับผม”



    ( ต่อให้แกชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเขาก็ไม่ฟังแกหรอก เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนเกินไปฉันว่าแกยอมถอยออกมาดีมั้ย )



    “ป๋าพูดเหมือนไม่รู้จักผม ป๋าก็รู้ว่าลูกป๋าคนนี้ไม่เคยยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้”



    ( เฮ้อ..สรุปคนนี้แกจริงจัง แล้วแกมั่นใจเหรอมาร์คว่ามันเป็นความรักไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ )



    “คนนี้ผมจริงจังนะป๋าและผมก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่ความหลงชั่วครั้งชั่วคราวแน่ๆ ผมรู้ว่าป๋าอาจจะคิดว่าผมออกตัวเร็วเกินไปแต่ผมอยากบอกว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนจริงๆ ป๋าเชื่อผมเถอะนะ”



    ( ถ้าแกพูดถึงขนาดนี้ ฉันจะลองพูดกับเขาให้ก็ได้แต่ผลออกมาเป็นยังไงแกต้องทำใจยอมรับให้ได้เข้าใจมั้ย )



    “ครับป๋า ขอบคุณมากนะครับที่ยอมช่วยผม”



    ( ไม่ช่วยแกแล้วจะให้ฉันไปช่วยหมาที่ไหนล่ะ อ่อ..แล้วแกจะให้ฉันคุยกับเขาเมื่อไหร่ )



    “ผมนัดเขาไว้พรุ่งนี้ แล้วยังไงผมจะโทรไปหาป๋าอีกที”



    ( โอเค...ฉันจะรอก็แล้วกันและหวังว่าฉันคงไม่โดนถอนหงอกหรอกนะ )



    “โถ่..ป๋ามีหงอกที่ไหนกันผมป๋ายังดกดำดูดีอยู่เลย”



    ( แกไม่ต้องพูดดีไป แล้วเรื่องนี้แกจะให้ฉันเป็นคนบอกม้าแกหรือแกจะบอกเขาเอง )



    “เดี๋ยวผมบอกเอง ป๋าอย่าพึ่งบอกม้านะ”



    ( หึ..งานนี้มีหูชากันบ้างล่ะ งั้นถ้าแกไม่มีอะไรแล้วฉันวางก่อนนะพอดีฉันมีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อน )



    “ครับ..แล้วผมจะโทรไปหาป๋าอีกครั้งนะ”



    ( โอเค..ฉันวางล่ะ)                                                                                                                             



    “บายครับป๋า” 

    ตู๊ดๆๆ สัญญาณถูกตัดไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ มาร์คหลับตาลงช้าๆพร้อมกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น



    “หวังว่าแม่มึงจะยอมฟังที่ป๋าพูดนะ” 

    เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่มาร์คจะลุกแล้วเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเปิดห้องพักเพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับไปยังคอนโดในตอนนี้ และเมื่อได้ห้องมาร์คก็เดินขึ้นไปยังห้องพักทันที เขาเดินเข้าไปในห้องก่อนจะตรงไปยังเตียงนอนพร้อมกับทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงอย่างอ่อนแรง



    “เฮ้ออ..ทำไมเรื่องของกูกับมึงถึงมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้วะแบมแบม” 

    มาร์คเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยๆและผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า...




    50%





    วันรุ่งขึ้น...



    มาร์คที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงค่อยๆขยับตัวช้าๆมือหนาเริ่มควานหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา เขาปรือตามองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่ง



    “เชี่ย..สิบโมงแล้วเหรอเนี่ย” 

    มาร์คสบถออกมาพร้อมกับเด้งตัวลงจากเตียงและรีบวิ่งเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำทันทีใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินกลับออกมาก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณขอบเตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด



    “เฮ้อ..” 

    มาร์คพ่นลมหายใจออกมาหนักๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเจอ เขานั่งทำใจอยุ่สักพักก่อนตัดสินใจเดินออกมาจากห้องและตรงไปยังห้องพักของแม่ร่างบาง มาร์คเดินหน้าเครียดไปตามทางเดินจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องของอีกฝ่ายจนได้



    “เอาวะ” 

    มาร์คยืนลังเลเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดและลงมือเคาะบานประตูตรงหน้า เขายืนรออยู่แบบนั้นไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตานิ่งๆ



    “เข้ามาก่อนสิมาร์ค” 

    เธอเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับเรียกให้เขาเข้าไปด้านใน มาร์คพยักหน้ารับนิดๆแล้วเดินตามเธอเข้าไปดวงตาคมเริ่มมองสำรวจไปรอบๆก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อไร้ซึ่งเงาของร่างบางที่เขาต้องการเจอตัว



    “นั่งตามสบายเลยนะ” 

    หญิงสาวพุดขึ้นขณะที่เดินไปนั่งบริเวณเก้าอี้รับรองภายในห้อง



    “แล้วแบมแบมล่ะครับ” 

    มาร์คถามออกมาทั้งๆที่ยังยืนอยู่แบบนั้น



    “แบมไม่อยู่หรอกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว พอดีน้าให้เขาไปเก็บของที่คอนโดเราน่ะ” 

    เธอตอบกลับมาด้วยท่าทีนิ่งๆเช่นเคย



    “เก็บของ เก็บทำไมครับ” 

    มาร์คโผลงออกมาอย่างลืมตัว



    “แบมยังไม่ได้บอกเหรอ ว่าน้าจะพาเขากลับไปอยู่ที่โน้นด้วยกัน” 

    แม่ของร่างบางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น



    “บอกแล้วครับ แต่ผมไม่เห็นถึงความจำเป็นที่คุณน้าจะทำแบบนี้ อีกอย่างแบมก็พึ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน คุณน้าน่าจะให้โอกาสเขาได้เรียนจนจบก่อนนะครับ”



    “ขอบคุณที่เป็นห่วงเรื่องนี้นะ แต่น้าจัดการเองได้ว่าแต่เรามีเรื่องจะพูดกับน้าไม่ใช่เหรอ”



    “ใช่ครับ..ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณน้า”



    “มีอะไรก็พูดมาเถอะ น้ารอฟังอยู่”



    “คุณน้าทราบเรื่องที่ผมกับแบมแบมคบกันแล้วใช่มั้ยครับ” 

    มาร์คไม่รีรออีกต่อไปเขาเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการพูดทันที



    “ใช่..แบมบอกน้าแล้ว”




    “และเพราะแบบนี้คุณน้าถึงจะพาแบมกลับไปใช่มั้ยครับ” 

    มาร์คกลั้นใจถามออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางไม่มั่นคงนัก



    “มาร์ค น้าเองก็ไม่ได้อยากถูกมองว่าเป็นคนใจร้ายหรอกนะแต่เรื่องนี้น้าขอได้มั้ยน้ามีลูกแค่คนเดียว มาร์คปล่อยแบมไปได้มั้ยถือว่าน้าขอล่ะ”



    “ผมขอโทษนะครับ แต่ผมทำตามที่คุณน้าบอกไม่ได้ ผมปล่อยแบมไปไม่ได้จริงๆ” 

    น้ำเสียงของมาร์คดูไม่ค่อยสู้ดีนักเนื้อตัวของเขาก็เริ่มสั่นเทาแถมมือทั้งสองข้างยังกำเข้าหากันจนแน่น



    “ทำไมถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้ มาร์คอยากเห็นน้าทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ”



    “ไม่ครับ..ผมไม่อยากให้คุณน้าเป็นทุกข์หรือว่าเกลียดผม แต่ก่อนที่คุณน้าจะตัดสินใจเรื่องนี้ ผมอยากให้คุณน้าคุยกับใครคนนึงได้มั้ยครับ”

    ไม่รอช้ามาร์ครีบกดโทรศัพท์ต่อสายหาพ่อของตนเองทันที เขารอสายไม่นานก็มีคนกดรับมาร์คจึงบอกบางอย่างกับป๋าก่อนจะยื่นโทรศัพท์ในมือไปให้แม่ของร่างบางที่นั่งรออยู่ เธอหยิบโทรศัพท์ไปคุยก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียงห้อง โดยมีมาร์คยืนอยู่ด้านในด้วยดวงใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ พวกเขาใช้เวลาคุยกันอยู่สักพักแม่ของร่างบางก็เดินกลับเข้ามาด้านในพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปให้มาร์ค



    “พ่อเราเขาจะคุยด้วย รับไปสิ” 

    มาร์ครีบเดินไปรับโทรศัพท์กลับมาทันที



    “ครับป๋า”



    ( ฉันลองคุยให้แล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมใจอ่อนมั้ยยังไงแกก็ต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ )



    “ผมรู้ครับป๋า ขอบคุณป๋ามากนะครับ” 

    มาร์คเอ่ยตอบขณะที่มือไม้เริ่มเย็นเหยียบไปหมด



    ( มีอะไรก็โทรมา ฉันต้องวางแล้ว)



    “ได้ครับ บายครับป๋า” 

    มาร์คกดวางสายก่อนจะหันกลับไปสนใจแม่ของร่างบางอีกครั้ง



    “มาร์ค มาใกล้ๆน้าหน่อยสิ” 

    ผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกทำให้มาร์คจำต้องเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น



    “น้ารู้สึกถูกชะตากับเรานะ มาร์คเป็นคนดีน้ามั่นใจว่าเราต้องเจอคนที่คู่ควรกับเราแน่ๆ แต่น้ายอมให้เราคบกับแบมไม่ได้จริงๆมาร์คเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างน้าหน่อยนะ” 

    แม่ของร่างบางพูดออกมาด้วยท่าทีที่ดูอ่อนลงแต่นั้นทำให้มาร์คกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป เขาค่อยๆทรุดลงไปคุกเข่าต่อหน้าเธอก่อนจะก้มลงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา



    “ผมขอร้องล่ะครับ จะให้ผมทำอะไรก็ได้แค่คุณน้าบอกผม ผมยอมทำทุกอย่าง” 

    มาร์คเอ่ยออกมาขณะที่ก้มหน้าอยุ่ต่อหน้าเธอ



    “อย่าทำแบบนี้เลยมาร์ค น้าตัดสินใจไปแล้ว”



    “แต่ว่า..”



    “พอเถอะมาร์ค เราก็โตแล้วนะน้าคิดว่าเราจะเข้าใจอะไรง่ายกว่านี้ซะอีก” 

    สิ้นคำพูดมาร์คถึงกับต้องกำมือเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์ ก่อนที่เขาจะกลั้นใจเงยหน้ามามองเธออีกครั้ง



    “ก็ได้ครับ แต่ผมขออะไรคุณน้าอย่างนึงได้มั้ยครับ”



    ???



    “ผมอยากขอให้แบมอยู่ที่นี้ต่อและให้เขาเรียนจนจบเพราะกว่าที่เขาจะเข้าเรียนที่นี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย แล้วผมสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”



    “น้าคงต้องขอคิดดูก่อน แต่ถ้าเราทำตามที่พูดได้ น้าก็อาจจะให้เขาอยู่ต่อ”



    “ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายามทำให้ได้” 

    มาร์คเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไปจากห้อง



    “เดี๋ยว..” 

    ร่างหนาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง



    “มาร์คจะกลับคอนโดเลยรึเปล่า”



    “ครับ คงกลับเลย”



    “งั้นน้าขอติดรถไปด้วยได้มั้ย จะไปรับแบมกลับน่ะ”



    “ได้สิครับ...”

    มาร์คพูดแค่นั้นก็เดินผละออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปอีก เขาเดินออกมาจากห้องพักแล้วตรงไปยังหนูแดงที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงแรมเมื่อถึงรถเขาก็รีบกดปลดล๊อคและเข้าไปนั่งด้านในก่อนจะเริ่มทุบพวงมาลัยตรงหน้าอย่างบ้าคลั่งเพราะเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อแล้วในตอนนี้



    “โถ่เว้ย..” 

    มาร์คตะโกนก้องภายในรถก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับพวงมาลัย เข้านั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงเคาะกระจกจึงเงยหน้าขึ้นมามองก็พบว่าเป็นแม่ของร่างบาง มาร์คจึงเอื้อมไปเปิดประตูให้เธอ



    “ไปกันเลยมั้ย” 

    หญิงสาวที่ก้าวเข้ามานั่งภายในรถเอ่ยถามออกมาเมื่อมาร์คยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง



    “ครับ..” 

    มาร์คขานรับพร้อมกับสตาร์ทหนูแดงและขับออกไป  บรรยากาศภายในรถตอนนี้ดูอึดอัดเป็นอย่างมากเพราะต่างฝ่ายต่างเงียบจนกระทั้งแม่ของร่างบางเอ่ยบางอย่างออกมา



    “มาร์ค น้าถามอะไรหน่อยได้มั้ย” 



    “ครับ”

    มาร์คหันไปมองเธอเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ



    “ทำไมมาร์คถึงชอบแบมแบมล่ะ” 

    มาร์คสตั้นไปนิดเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเขาเรื่องนี้



    “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมรู้แค่ว่าเวลาอยู่กับเขาผมสามารถเป็นตัวของตัวเองและหัวเราะออกมาได้สุดเสียงนั้นทำให้เขาพิเศษกว่าคนอื่น“ มาร์คเลือกที่จะตอบออกไปตามที่ตนเองรู้สึก



    “ทั้งๆที่แบมเป็นผู้ชายงั้นเหรอ”



    “ใช่ครับ...เพราะผมคิดว่าความรู้สึกสำคัญกว่าเรื่องยิบย่อยพวกนั้น” 

    สิ้นเสียงตอบของมาร์คความเงียบก็เริ่มปกคลุมภายในรถอีกครั้ง จนในที่สุดพวกเขามาถึงคอนโดของมาร์ค



    “คุณน้าขึ้นไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอารถไปจอดแล้วจะตามขึ้นไป” 

    มาร์คจอดรถหน้าคอนโดเพื่อส่งเธอลงทำให้แม่ของร่างบางหันมาพยักหน้ารับและลงจากรถไป เมื่ออีกฝ่ายลงไปแล้ว มาร์คจึงขับหนูแดงไปจอดยังที่จอดประจำ



    “ต้องจบแบบนี้จริงๆเหรอวะ นี่กูทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ย” 

    มาร์คนั่งพูดกับตัวเองภายในรถคันหรู เขารู้สึกไม่อยากขึ้นไปเจอร่างบางตอนนี้ แต่ถ้าเขาไม่ขึ้นไปเขาอาจไม่ได้เจอกับมันอีกเลยก็เป็นได้ มาร์คนั่งคิดสักพักก็ตัดสินใจลงจากรถและขึ้นไปบนห้องพัก ร่างหนาเดินไปขึ้นลิฟท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาค่อยๆเดินไปตามทางเดินก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง



    “เฮ้อ” 

    ร่างหนาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อไฟในห้องถูกปิดจนมืดสนิท คิ้วหน้าเริ่มขมวดเข้าหากันพร้อมกับขาที่ค่อยๆก้าวเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง มาร์คเดินฝ่าความมืดเข้าไปจนถึงสวิตซ์ไฟเขากดเปิดไฟแล้วเริ่มมองหาร่างบางกับผู้เป็นแม่แต่ก็ไม่พบ มาร์คเริ่มกระวนกระวายเมื่อไร้ซึ่งวี่แววของคนทั้งคู่



    “หายไปไหนวะ” 

    มาร์คยังคงเดินหาตามห้องต่างๆแต่ก็ไม่พบใครเขาจึงถอดใจและเดินไปนั่งบริเวณห้องนั่งเล่น ร่างหนาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีหมดแรงก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแปะอยู่หน้าทีวีจึงลุกไปหยิบดูและก็พบว่าเป็นข้อความที่ร่างบางทิ้งเอาไว้

     





    ++++++++++++++++++++++++++++++++



    >>> TBC <<<


    คุณแม่พูดออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้วพี่มาร์คจะทำยังไง 

    เฮียจะยอมปล่อยคนรักไปหรือจะลองท้าชนดูอีกสักตั้ง

    แล้วคนอย่างแบมแบมจะยอมให้เรื่องทุกอย่างจบลงแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ 

    ถ้าอยากรู้คำตอบเลเวลหน้าห้ามพลาดนะคะ

     (( แอบกระซิบสักนิดว่างานนี้อาจมีคดีพลิกแต่จะพลิกกี่ตลบต้องติดตาม  ^ ^ ))


    #ฟิคลองของ

     

     



    ?THE ORA


     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×