คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #47 : Level_45
แลมโบกีนี่คันหรูทะยานไปบนท้องถนนด้วยความเร็วเสียงเครื่องยนตร์หลายร้อยแรงม้าดังกระฮึ่มไปทั่ว
ขณะที่คนขับนั่งหน้าเครียดพร้อมกับมือที่กำพวงมาลัยเอาไว้แน่น
“เชี่ยเอ้ย..เอาไงดีวะ”
ร่างหนาสบถออกมาอย่างหัวเสีย เขาขับหนูแดงตรงไปยังโรงแรมด้วยความเร็วและไม่นานเขาก็มาถึงที่หมาย
มาร์ครีบจอดรถแล้ววิ่งเข้าไปด้านในทันที และระหว่างที่เดินเข้าไปมือหนาก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรออกไปหาร่างบางด้วยความกังวล
ตู๊ดด...
( ฮัลโหล.. )
กลายเป็นเสียงแม่ของร่างบางที่รับสายทำให้มาร์คชะงักไปเล็กน้อย
“คุณน้าครับ..ผมมาร์คเองนะครับ”
มาร์คพยายามข่มอารมณ์และเอ่ยกลับไปด้วยท่าทีสุภาพ
( มาร์คมีอะไรรึเปล่า
ทำไมโทรมาดึกขนาดนี้ล่ะ)
“คือ..พอดีผมมีเรื่องอยากคุยกับแบมแบมน่ะครับ”
( เรื่องด่วนเหรอ
)
“ก็..นิดหน่อยครับ”
( ไว้ค่อยคุยพรุ่งนี้ได้มั้ย พอดีแบมแบมนอนแล้วน่ะ )
สิ้นเสียงคิ้วหนาก็ขมวดเข้าหากันทันที
มันจะเป็นไปได้ยังไงในเมื่อเขาพึ่งคุยกับมันเมื่อไม่กี่นาทีก่อนและไม่มีทางที่มันจะนอนเร็วขนาดนี้แน่ๆ
มาร์คนั่งนิ่งไปนิดก่อนจะต้องสลัดความคิดนั้นทิ้งพร้อมกับเอ่ยโต้ตอบกลับไป
“ถ้างั้นผมขอคุยกับคุณน้าแทนได้มั้ยครับ”
มาร์คกลั้นใจถามออกไป
( คุยกับน้า )
เมื่อสรรพนามที่ใช้แทนตัวเองเปลี่ยนไปทำให้มาร์คยิ่งมั่นใจว่าเธอพยายามกันเขาออกจากลูกชายของเธอ
“ครับ”
(
คุยเรื่องอะไรล่ะ )
“ผมอยากคุยกับคุณน้าเรื่องแบมแบมครับ”
( มาร์คอยากจะคุยกับน้าเรื่องแบมแบมงั้นเหรอ
)
“ใช่ครับ..ตอนนี้ผมกำลังไปที่โรงแรมคุณน้าสะดวกคุยมั้ยครับ”
( ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนั้นล่ะ อีกอย่างวันนี้น้าก็เหนื่อยมากคงไม่สะดวกคุย น้าว่าเราคุยกันพรุ่งนี้ดีมั้ย )
เธอตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงราบเรียบทำให้มาร์คเริ่มมั่นใจว่าร่างบางยังไม่นอนแต่โดนห้ามไม่ให้คุยกับเขา
และในเมื่อเธอพูดมาขนาดนี้เขาก็คงทำอะไรไม่ได้นอกจากยอมทำตามที่อีกฝ่ายบอก
“ได้ครับ...งั้นพรุ่งนี้ผมไปหาที่ห้องนะครับ”
สิ้นเสียงสายก็ถูกตัดไปและนั้นยิ่งทำให้มาร์คเครียดมากกว่าเดิม
เพราะเขาไม่รู้เลยว่าตอนนี้ร่างบางเป็นยังไงบ้าง ยังร้องไห้อยู่มั้ยหรือโดนด่าว่าอะไรรึเปล่า
มาร์คเดินไปทิ้งตัวนั่งลงบริเวณล๊อบบี้โรงแรมเขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดไล่รายชื่อไปเรื่อยๆเพื่อหวังว่าจะเจอชื่อใครสักคนที่พอจะช่วยเขาได้บ้างและเขาก็ต้องหยุดอยู่ที่ชื่อของใครคนหนึ่ง
คนที่เขาไม่ได้ติดต่อไปหานานแล้วมาร์คนั่งลังเลอยู่สักพักก่อนจะตัดสินใจกดโทรออก ตู๊ดด..
( ว่าไง..ไอ้เสือ )
สัญญาณดังไม่นานก็มีเสียงชายวัยกลางคนดังขึ้น
“ป๋าสบายดีมั้ย”
มาร์คเอนตัวพิงพนักโซฟาแล้วโต้ตอบกลับไปด้วยท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้น
คนที่เขาเลือกโทรไปหาก็ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นพ่อบังเกิดเกล้าของเขานั้นแหละ
( ก็ดี..พวกแกไม่อยู่ฉันกับม้าแกก็มีเวลาว่างไปทำอย่างอื่น
ว่าแต่อะไรดลใจให้โทรมาหาฉันได้ล่ะ)
“ผมจะคิดถึงป๋าบ้างไม่ได้รึไง”
( ถ้าคิดถึงแกคงบินมาหาพวกฉันแล้ว มีเรื่องอะไรว่ามา )
คนรู้ทันลูกชายเอ่ยขัดขึ้นขำๆ
“ป๋านี่รู้ทันผมตลอดเลยนะ”
( ฉันเป็นพ่อแกเรื่องแค่นี้ไม่รู้ก็แปลกแล้ว )
“คือ..ผมมีเรื่องอยากบอกป๋า”
( เรื่องอะไร..อย่าบอกนะว่าแกไปทำใครท้องเพราะถ้าใช่ฉันจะบินไปจัดการกับแกเดี๋ยวนี้เลย )
“ไม่ใช่..โห
นี่ป๋าเห็นผมเป็นคนยังไงเนี่ย”
( อย่างแกถ้าไม่ไปทำผู้หญิงท้องก็คงไปมีเรื่องกับชาวบ้านเขา )
“พูดซะลูกชายดูเลวเลยนะ”
( ถ้าไม่ใช่งั้นมีเรื่องอะไร )
“คือ ผมมีแฟนแล้วนะป๋า”
( แล้วไง แกก็มีแฟนมาตั้งหลายคนแล้วไม่เห็นจะแปลกตรงไหนเลย )
“แต่คนนี้ไม่เหมือนคนอื่น”
( ไม่เหมือนยังไง..แฟนแกเป็นเอเลี่ยนหรือไง )
“ป๋าฟังผมก่อนดิ คือแฟนผมเขาเป็น
เออ..เป็น”
( เป็นอะไร..แกนี่มีพิรุธนะเจ้ามาร์ค )
“แฟนผมเป็นผู้ชาย...”
( ก็แค่เนี่ย..ห๊ะ!!! แกว่าไงนะ )
เสียงผู้เป็นพ่ออุทานออกมาดังลั่นจนมาร์คต้องเลื่อนโทรศัพท์ออกห่างจากหู
“ป๋าได้ยินไม่ผิดหรอก ผมมีแฟนเป็นผู้ชาย”
( นี่แกเมายารึเปล่า )
“ผมไม่ได้เมาอะไรทั้งนั้นแหละ ผมมีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ”
( แกรู้ตัวมั้ยว่าพูดอะไรออกมา..นี่ถ้าม้าแกรู้มีหวังลมจับแน่ๆ )
“ผมรู้..”
( แล้วแกคิดยังไงถึงเกิดอยากเปลี่ยนแนวขึ้นมาเมื่อก่อนก็เห็นชอบผู้หญิงอยู่ดีๆ )
ป๋าเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆเพราะเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจหรือปิดกั้นเรื่องพวกนี้จากลูกๆอยู่แล้ว
“เรื่องมันยาวอ่ะป๋า
เอาเป็นว่าผมมีแฟนเป็นผู้ชายป๋าโอเคใช่มั้ย”
( แล้วฉันเคยห้ามแกได้รึไง
ต่อให้แกมีแฟนเป็นหมูเป็นหมาฉันก็ไม่ว่าหรอก ขอแค่ไม่ทิ้งการเรียนนี่ก็ปีสุดท้ายแล้วฉันอยากให้แกนึกถึงอนาคตด้วย )
“งั้นผมสัญญาว่าจะเอาเกรดงามๆกลับไปฝาก
โอเคมั้ย”
( พูดแล้วก็ทำให้ได้ด้วย ฉันจะรอดู )
“ต้องได้สิผมลูกป๋าถ้าเรื่องแค่นี้ทำไม่ได้จะไปทำอะไรกิน”
( ทำเป็นพูดดีไปนะเจ้ามาร์ค สรุปแกแค่จะโทรมาบอกฉันว่าแกมีแฟนเป็นผู้ชายใช่มั้ย )
“คือ..ก็ยังมีอีกเรื่องอ่ะป๋า”
( เรื่องอะไร )
“ผมมีเรื่องอยากขอให้ป๋าช่วยหน่อย”
( เสียงแผ่วแบบนี้ แสดงว่าเรื่องใหญ่ )
“ก็นิดหน่อย”
( มีอะไรก็ว่ามา )
“คือ..แม่แฟนผมเขาไม่ยอมรับเรื่องระหว่างผมกับลูกชายเขาแถมยังจะเอาตัวแฟนผมกลับเมืองนอกอีก
ป๋าช่วยไปเกลี้ยกล่อมเขาให้หน่อยได้มั้ย”
( ทำไมแกถึงคิดว่าเขาจะฟังฉันล่ะ ก่อนอื่นแกต้องเข้าใจนะมาร์คว่าลูกเขาเป็นผู้ชายแล้วแกก็เป็นผู้ชายการที่ฉันรับได้ใช่ว่าเขาต้องรับได้แบบฉัน
และถ้าให้ฉันเดาแฟนแกเป็นลูกคนเดียวใช่มั้ย )
“ใช่..ป๋ารู้ได้ไง”
( แล้วมันเดายากตรงไหนล่ะ ลูกชายคนเดียวแถมยังเป็นความหวังของครอบครัว
การที่แม่เขาจะไม่เห็นด้วยก็เป็นเรื่องปกติไม่ใช่รึไง )
“งั้นผมควรทำยังไงดีอ่ะป๋า
ผมไม่รู้ว่าต้องพูดกับเขายังไงเขาถึงจะยอมรับผม”
( ต่อให้แกชักแม่น้ำทั้งห้ามาพูดเขาก็ไม่ฟังแกหรอก
เรื่องแบบนี้มันละเอียดอ่อนเกินไปฉันว่าแกยอมถอยออกมาดีมั้ย )
“ป๋าพูดเหมือนไม่รู้จักผม
ป๋าก็รู้ว่าลูกป๋าคนนี้ไม่เคยยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ได้เริ่มสู้”
( เฮ้อ..สรุปคนนี้แกจริงจัง แล้วแกมั่นใจเหรอมาร์คว่ามันเป็นความรักไม่ใช่แค่อารมณ์ชั่ววูบ )
“คนนี้ผมจริงจังนะป๋าและผมก็มั่นใจว่ามันไม่ใช่แค่ความหลงชั่วครั้งชั่วคราวแน่ๆ
ผมรู้ว่าป๋าอาจจะคิดว่าผมออกตัวเร็วเกินไปแต่ผมอยากบอกว่าผมไม่เคยรู้สึกแบบนี้กับใครมาก่อนจริงๆ
ป๋าเชื่อผมเถอะนะ”
( ถ้าแกพูดถึงขนาดนี้ ฉันจะลองพูดกับเขาให้ก็ได้แต่ผลออกมาเป็นยังไงแกต้องทำใจยอมรับให้ได้เข้าใจมั้ย )
“ครับป๋า ขอบคุณมากนะครับที่ยอมช่วยผม”
( ไม่ช่วยแกแล้วจะให้ฉันไปช่วยหมาที่ไหนล่ะ อ่อ..แล้วแกจะให้ฉันคุยกับเขาเมื่อไหร่ )
“ผมนัดเขาไว้พรุ่งนี้ แล้วยังไงผมจะโทรไปหาป๋าอีกที”
( โอเค...ฉันจะรอก็แล้วกันและหวังว่าฉันคงไม่โดนถอนหงอกหรอกนะ )
“โถ่..ป๋ามีหงอกที่ไหนกันผมป๋ายังดกดำดูดีอยู่เลย”
( แกไม่ต้องพูดดีไป แล้วเรื่องนี้แกจะให้ฉันเป็นคนบอกม้าแกหรือแกจะบอกเขาเอง )
“เดี๋ยวผมบอกเอง ป๋าอย่าพึ่งบอกม้านะ”
( หึ..งานนี้มีหูชากันบ้างล่ะ งั้นถ้าแกไม่มีอะไรแล้วฉันวางก่อนนะพอดีฉันมีนัดตีกอล์ฟกับเพื่อน )
“ครับ..แล้วผมจะโทรไปหาป๋าอีกครั้งนะ”
( โอเค..ฉันวางล่ะ)
“บายครับป๋า”
ตู๊ดๆๆ สัญญาณถูกตัดไปพร้อมกับเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่
มาร์คหลับตาลงช้าๆพร้อมกับมือที่กำโทรศัพท์เอาไว้แน่น
“หวังว่าแม่มึงจะยอมฟังที่ป๋าพูดนะ”
เสียงทุ้มดังขึ้นก่อนที่มาร์คจะลุกแล้วเดินตรงไปยังเคาน์เตอร์เพื่อเปิดห้องพักเพราะเขาเหนื่อยเกินกว่าจะขับรถกลับไปยังคอนโดในตอนนี้
และเมื่อได้ห้องมาร์คก็เดินขึ้นไปยังห้องพักทันที เขาเดินเข้าไปในห้องก่อนจะตรงไปยังเตียงนอนพร้อมกับทิ้งตัวนอนแผ่บนเตียงอย่างอ่อนแรง
“เฮ้ออ..ทำไมเรื่องของกูกับมึงถึงมีอุปสรรคมากมายขนาดนี้วะแบมแบม”
มาร์คเอ่ยออกมาเสียงแผ่ว เขานอนคิดอะไรไปเรื่อยๆและผลอยหลับไปด้วยความเหนื่อยล้า...
50%
วันรุ่งขึ้น...
มาร์คที่นอนคว่ำหน้าอยู่บนเตียงค่อยๆขยับตัวช้าๆมือหนาเริ่มควานหาโทรศัพท์เพื่อดูเวลา
เขาปรือตามองหน้าจอโทรศัพท์ก่อนจะเด้งตัวขึ้นนั่ง
“เชี่ย..สิบโมงแล้วเหรอเนี่ย”
มาร์คสบถออกมาพร้อมกับเด้งตัวลงจากเตียงและรีบวิ่งเข้าไปจัดการกับตัวเองในห้องน้ำทันทีใช้เวลาไม่นานเขาก็เดินกลับออกมาก่อนจะเดินไปนั่งบริเวณขอบเตียงด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
“เฮ้อ..”
มาร์คพ่นลมหายใจออกมาหนักๆเมื่อนึกถึงสิ่งที่กำลังจะเจอ เขานั่งทำใจอยุ่สักพักก่อนตัดสินใจเดินออกมาจากห้องและตรงไปยังห้องพักของแม่ร่างบาง
มาร์คเดินหน้าเครียดไปตามทางเดินจนในที่สุดเขาก็มาถึงหน้าห้องของอีกฝ่ายจนได้
“เอาวะ”
มาร์คยืนลังเลเล็กน้อยก่อนจะสูดลมหายใจเข้าไปจนเต็มปอดและลงมือเคาะบานประตูตรงหน้า
เขายืนรออยู่แบบนั้นไม่นานประตูก็ถูกเปิดออกเผยให้เห็นหญิงสาววัยกลางคนที่มองมาที่เขาด้วยสายตานิ่งๆ
“เข้ามาก่อนสิมาร์ค”
เธอเอ่ยเสียงเรียบพร้อมกับเรียกให้เขาเข้าไปด้านใน มาร์คพยักหน้ารับนิดๆแล้วเดินตามเธอเข้าไปดวงตาคมเริ่มมองสำรวจไปรอบๆก่อนจะต้องแปลกใจเมื่อไร้ซึ่งเงาของร่างบางที่เขาต้องการเจอตัว
“นั่งตามสบายเลยนะ”
หญิงสาวพุดขึ้นขณะที่เดินไปนั่งบริเวณเก้าอี้รับรองภายในห้อง
“แล้วแบมแบมล่ะครับ”
มาร์คถามออกมาทั้งๆที่ยังยืนอยู่แบบนั้น
“แบมไม่อยู่หรอกออกไปตั้งแต่เช้าแล้ว พอดีน้าให้เขาไปเก็บของที่คอนโดเราน่ะ”
เธอตอบกลับมาด้วยท่าทีนิ่งๆเช่นเคย
“เก็บของ เก็บทำไมครับ”
มาร์คโผลงออกมาอย่างลืมตัว
“แบมยังไม่ได้บอกเหรอ ว่าน้าจะพาเขากลับไปอยู่ที่โน้นด้วยกัน”
แม่ของร่างบางพูดออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจังมากขึ้น
“บอกแล้วครับ
แต่ผมไม่เห็นถึงความจำเป็นที่คุณน้าจะทำแบบนี้ อีกอย่างแบมก็พึ่งเข้าเรียนได้ไม่นาน
คุณน้าน่าจะให้โอกาสเขาได้เรียนจนจบก่อนนะครับ”
“ขอบคุณที่เป็นห่วงเรื่องนี้นะ
แต่น้าจัดการเองได้ว่าแต่เรามีเรื่องจะพูดกับน้าไม่ใช่เหรอ”
“ใช่ครับ..ผมมีเรื่องต้องพูดกับคุณน้า”
“มีอะไรก็พูดมาเถอะ น้ารอฟังอยู่”
“คุณน้าทราบเรื่องที่ผมกับแบมแบมคบกันแล้วใช่มั้ยครับ”
มาร์คไม่รีรออีกต่อไปเขาเริ่มเข้าเรื่องที่ต้องการพูดทันที
“ใช่..แบมบอกน้าแล้ว”
“และเพราะแบบนี้คุณน้าถึงจะพาแบมกลับไปใช่มั้ยครับ”
มาร์คกลั้นใจถามออกไปอีกครั้งด้วยท่าทางไม่มั่นคงนัก
“มาร์ค น้าเองก็ไม่ได้อยากถูกมองว่าเป็นคนใจร้ายหรอกนะแต่เรื่องนี้น้าขอได้มั้ยน้ามีลูกแค่คนเดียว
มาร์คปล่อยแบมไปได้มั้ยถือว่าน้าขอล่ะ”
“ผมขอโทษนะครับ แต่ผมทำตามที่คุณน้าบอกไม่ได้ ผมปล่อยแบมไปไม่ได้จริงๆ”
น้ำเสียงของมาร์คดูไม่ค่อยสู้ดีนักเนื้อตัวของเขาก็เริ่มสั่นเทาแถมมือทั้งสองข้างยังกำเข้าหากันจนแน่น
“ทำไมถึงได้ดื้อรั้นแบบนี้
มาร์คอยากเห็นน้าทุกข์ใจเพราะเรื่องนี้งั้นเหรอ”
“ไม่ครับ..ผมไม่อยากให้คุณน้าเป็นทุกข์หรือว่าเกลียดผม แต่ก่อนที่คุณน้าจะตัดสินใจเรื่องนี้ ผมอยากให้คุณน้าคุยกับใครคนนึงได้มั้ยครับ”
ไม่รอช้ามาร์ครีบกดโทรศัพท์ต่อสายหาพ่อของตนเองทันที
เขารอสายไม่นานก็มีคนกดรับมาร์คจึงบอกบางอย่างกับป๋าก่อนจะยื่นโทรศัพท์ในมือไปให้แม่ของร่างบางที่นั่งรออยู่
เธอหยิบโทรศัพท์ไปคุยก่อนจะเดินออกไปนอกระเบียงห้อง
โดยมีมาร์คยืนอยู่ด้านในด้วยดวงใจที่เต้นไม่เป็นส่ำ พวกเขาใช้เวลาคุยกันอยู่สักพักแม่ของร่างบางก็เดินกลับเข้ามาด้านในพร้อมกับยื่นโทรศัพท์ไปให้มาร์ค
“พ่อเราเขาจะคุยด้วย รับไปสิ”
มาร์ครีบเดินไปรับโทรศัพท์กลับมาทันที
“ครับป๋า”
( ฉันลองคุยให้แล้วแต่ไม่รู้ว่าเขาจะยอมใจอ่อนมั้ยยังไงแกก็ต้องเผื่อใจไว้บ้างนะ
)
“ผมรู้ครับป๋า ขอบคุณป๋ามากนะครับ”
มาร์คเอ่ยตอบขณะที่มือไม้เริ่มเย็นเหยียบไปหมด
( มีอะไรก็โทรมา ฉันต้องวางแล้ว)
“ได้ครับ บายครับป๋า”
มาร์คกดวางสายก่อนจะหันกลับไปสนใจแม่ของร่างบางอีกครั้ง
“มาร์ค มาใกล้ๆน้าหน่อยสิ”
ผู้เป็นแม่เอ่ยเรียกทำให้มาร์คจำต้องเดินเข้าไปใกล้เธอมากขึ้น
“น้ารู้สึกถูกชะตากับเรานะ มาร์คเป็นคนดีน้ามั่นใจว่าเราต้องเจอคนที่คู่ควรกับเราแน่ๆ แต่น้ายอมให้เราคบกับแบมไม่ได้จริงๆมาร์คเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่อย่างน้าหน่อยนะ”
แม่ของร่างบางพูดออกมาด้วยท่าทีที่ดูอ่อนลงแต่นั้นทำให้มาร์คกลั้นน้ำตาไม่อยู่อีกต่อไป
เขาค่อยๆทรุดลงไปคุกเข่าต่อหน้าเธอก่อนจะก้มลงด้วยเนื้อตัวที่สั่นเทา
“ผมขอร้องล่ะครับ จะให้ผมทำอะไรก็ได้แค่คุณน้าบอกผม ผมยอมทำทุกอย่าง”
มาร์คเอ่ยออกมาขณะที่ก้มหน้าอยุ่ต่อหน้าเธอ
“อย่าทำแบบนี้เลยมาร์ค น้าตัดสินใจไปแล้ว”
“แต่ว่า..”
“พอเถอะมาร์ค เราก็โตแล้วนะน้าคิดว่าเราจะเข้าใจอะไรง่ายกว่านี้ซะอีก”
สิ้นคำพูดมาร์คถึงกับต้องกำมือเข้าหากันเพื่อข่มอารมณ์
ก่อนที่เขาจะกลั้นใจเงยหน้ามามองเธออีกครั้ง
“ก็ได้ครับ
แต่ผมขออะไรคุณน้าอย่างนึงได้มั้ยครับ”
“???”
“ผมอยากขอให้แบมอยู่ที่นี้ต่อและให้เขาเรียนจนจบเพราะกว่าที่เขาจะเข้าเรียนที่นี้ได้ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
แล้วผมสัญญาว่าจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับเขาอีก”
“น้าคงต้องขอคิดดูก่อน แต่ถ้าเราทำตามที่พูดได้
น้าก็อาจจะให้เขาอยู่ต่อ”
“ขอบคุณมากครับ ผมจะพยายามทำให้ได้”
มาร์คเอ่ยขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉยไร้ซึ่งอารมณ์ใดๆ ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นและเตรียมเดินออกไปจากห้อง
“เดี๋ยว..”
ร่างหนาชะงักเมื่อได้ยินเสียงเรียกจากทางด้านหลัง
“มาร์คจะกลับคอนโดเลยรึเปล่า”
“ครับ คงกลับเลย”
“งั้นน้าขอติดรถไปด้วยได้มั้ย
จะไปรับแบมกลับน่ะ”
“ได้สิครับ...”
มาร์คพูดแค่นั้นก็เดินผละออกมาโดยไม่ได้หันกลับไปอีก
เขาเดินออกมาจากห้องพักแล้วตรงไปยังหนูแดงที่จอดอยู่ด้านหน้าโรงแรมเมื่อถึงรถเขาก็รีบกดปลดล๊อคและเข้าไปนั่งด้านในก่อนจะเริ่มทุบพวงมาลัยตรงหน้าอย่างบ้าคลั่งเพราะเขาไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อแล้วในตอนนี้
“โถ่เว้ย..”
มาร์คตะโกนก้องภายในรถก่อนจะฟุบหน้าลงไปกับพวงมาลัย
เข้านั่งนิ่งอยู่แบบนั้นจนได้ยินเสียงเคาะกระจกจึงเงยหน้าขึ้นมามองก็พบว่าเป็นแม่ของร่างบาง
มาร์คจึงเอื้อมไปเปิดประตูให้เธอ
“ไปกันเลยมั้ย”
หญิงสาวที่ก้าวเข้ามานั่งภายในรถเอ่ยถามออกมาเมื่อมาร์คยังคงนั่งนิ่งไม่ไหวติ่ง
“ครับ..”
มาร์คขานรับพร้อมกับสตาร์ทหนูแดงและขับออกไป
บรรยากาศภายในรถตอนนี้ดูอึดอัดเป็นอย่างมากเพราะต่างฝ่ายต่างเงียบจนกระทั้งแม่ของร่างบางเอ่ยบางอย่างออกมา
“มาร์ค น้าถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ครับ”
มาร์คหันไปมองเธอเล็กน้อยก่อนจะพยักหน้ารับ
“ทำไมมาร์คถึงชอบแบมแบมล่ะ”
มาร์คสตั้นไปนิดเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะถามเขาเรื่องนี้
“ผมก็ไม่รู้เหมือนกันครับ ผมรู้แค่ว่าเวลาอยู่กับเขาผมสามารถเป็นตัวของตัวเองและหัวเราะออกมาได้สุดเสียงนั้นทำให้เขาพิเศษกว่าคนอื่น“ มาร์คเลือกที่จะตอบออกไปตามที่ตนเองรู้สึก
“ทั้งๆที่แบมเป็นผู้ชายงั้นเหรอ”
“ใช่ครับ...เพราะผมคิดว่าความรู้สึกสำคัญกว่าเรื่องยิบย่อยพวกนั้น”
สิ้นเสียงตอบของมาร์คความเงียบก็เริ่มปกคลุมภายในรถอีกครั้ง จนในที่สุดพวกเขามาถึงคอนโดของมาร์ค
“คุณน้าขึ้นไปก่อนก็ได้ครับ เดี๋ยวผมเอารถไปจอดแล้วจะตามขึ้นไป”
มาร์คจอดรถหน้าคอนโดเพื่อส่งเธอลงทำให้แม่ของร่างบางหันมาพยักหน้ารับและลงจากรถไป
เมื่ออีกฝ่ายลงไปแล้ว มาร์คจึงขับหนูแดงไปจอดยังที่จอดประจำ
“ต้องจบแบบนี้จริงๆเหรอวะ นี่กูทำอะไรไม่ได้แล้วใช่มั้ย”
มาร์คนั่งพูดกับตัวเองภายในรถคันหรู
เขารู้สึกไม่อยากขึ้นไปเจอร่างบางตอนนี้
แต่ถ้าเขาไม่ขึ้นไปเขาอาจไม่ได้เจอกับมันอีกเลยก็เป็นได้
มาร์คนั่งคิดสักพักก็ตัดสินใจลงจากรถและขึ้นไปบนห้องพัก ร่างหนาเดินไปขึ้นลิฟท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียดเขาค่อยๆเดินไปตามทางเดินก่อนจะหยุดยืนอยู่หน้าห้องของตัวเอง
“เฮ้อ…”
ร่างหนาถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนจะเอื้อมมือไปเปิดประตู
และเขาก็ต้องแปลกใจเมื่อไฟในห้องถูกปิดจนมืดสนิท คิ้วหน้าเริ่มขมวดเข้าหากันพร้อมกับขาที่ค่อยๆก้าวเข้าไปด้านในอย่างระมัดระวัง
มาร์คเดินฝ่าความมืดเข้าไปจนถึงสวิตซ์ไฟเขากดเปิดไฟแล้วเริ่มมองหาร่างบางกับผู้เป็นแม่แต่ก็ไม่พบ
มาร์คเริ่มกระวนกระวายเมื่อไร้ซึ่งวี่แววของคนทั้งคู่
“หายไปไหนวะ”
มาร์คยังคงเดินหาตามห้องต่างๆแต่ก็ไม่พบใครเขาจึงถอดใจและเดินไปนั่งบริเวณห้องนั่งเล่น
ร่างหนาทิ้งตัวลงบนโซฟาด้วยท่าทีหมดแรงก่อนจะสังเกตเห็นอะไรบางอย่างแปะอยู่หน้าทีวีจึงลุกไปหยิบดูและก็พบว่าเป็นข้อความที่ร่างบางทิ้งเอาไว้…
++++++++++++++++++++++++++++++++
>>> TBC <<<
คุณแม่พูดออกมาชัดเจนขนาดนี้แล้วพี่มาร์คจะทำยังไง
เฮียจะยอมปล่อยคนรักไปหรือจะลองท้าชนดูอีกสักตั้ง
แล้วคนอย่างแบมแบมจะยอมให้เรื่องทุกอย่างจบลงแบบนี้จริงๆน่ะเหรอ
ถ้าอยากรู้คำตอบเลเวลหน้าห้ามพลาดนะคะ
(( แอบกระซิบสักนิดว่างานนี้อาจมีคดีพลิกแต่จะพลิกกี่ตลบต้องติดตาม ^ ^ ))
#ฟิคลองของ
ความคิดเห็น