ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Heart, Mind and Soul [ChanKai]

    ลำดับตอนที่ #12 : Love Hurts

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 958
      20
      10 ต.ค. 57

    -12-

    Love Hurts


     

     

    รับโทรศัพท์หน่อยเถอะ’

     

    ผมกดส่งข้อความหาเขา

     

    สามอาทิตย์มาแล้วที่เป็นแบบนี้ ตั้งแต่วันนั้นเขาก็ไม่ได้รับโทรศัพท์ของผมสักครั้ง ผมได้แต่โทรหาเขาเพราะยังหาเวลาไปที่บ้านเขาไม่ได้ อะไรๆช่วงนี้ไม่เอื้ออำนวยให้ผมไปไหนมาไหนสักเท่าไหร่ เรายังคงอยู่ในช่วงโปรโมทอัลบั้ม นอกจากนี้ยังต้องเตรียมฝึกซ้อมคอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเราอีกด้วย

     

    เวลาที่ว่างจากการทำงานผมก็มักจะโทรหาเขาแม้จะรู้ดีว่าเขาคงไม่รับ

     

    มาคิดดู มันก็มีทั้งข้อดีและข้อเสียที่เขารู้ว่าผมคิดยังไงกับเขา

     

    ข้อเสียคือเขาทำเมินผมอย่างที่เห็น

    แต่ข้อดีก็คือผมไม่ต้องปกปิดความรู้สึกตัวเองให้อึดอัดอีกต่อไป

     

    คิดถึง’

     

    ผมส่งข้อความไปหาเขาอีกครั้ง

     

    ไม่ว่าเขาจะชอบหรือไม่ชอบ ในเมื่อเขารับรู้มันแล้วก็ไม่มีประโยชน์ที่จะต้องเก็บเอาไว้ หากว่าเขาสับสนกับความรู้สึกตัวเอง สับสนว่ารู้สึกยังไงกับผม มันก็คงถึงเวลาที่จะทำให้เขาแน่ใจ

     

    โทรศัพท์ผมสั่นเมื่อกดส่งข้อความหาเขาไม่นาน ผมรีบหยิบมันขึ้นมาดู ไม่ใช่คนที่ผมหวัง แต่กลับเป็นคนที่ผมไม่ได้คาดหวัง

     

    คริส’

     

    ไงครับเพื่อน”

    ก็ว่าไงล่ะครับมือกีตาร์สุดหล่อ ลืมผมไปรึยัง” คำแรกที่ทักทายยังกวนเหมือนเคย แต่มันก็ทำให้ผมยิ้มออกจากที่เครียดเรื่องต่างๆ

    ลืมได้ไงครับพ่อพระเอก หน้าคุณตามหลอกหลอนผมอยู่ทุกที่”

    คิดถึงกูขนาดนั้นเลย”

    เออ ครับ คิดถึงชิบหายเลยครับ” เสียงคริสหัวเราะมาตามสายพอได้ยินผมพูดประชด ความจริงแล้วผมกับมันก็ได้คุยกันอยู่ตลอด แม้จะเว้นช่วงนานๆครั้งแต่ก็ไม่ได้ขาดการติดต่อ

    เห็นว่ามีเรื่องกลุ้มใจเหรอวะ” คริสถาม ผมเดาได้เลยว่ามันต้องไปคุยกับไอ้เลย์มาแน่ๆ

    อืม…”

    น้องจงอิน?”

    อืม…ก็คนเดิม”

    เวลามึงจีบใครมึงจีบนานขนาดนี้เลยเหรอวะ เมื่อก่อนบางคนกูยังไม่ทันรู้เรื่องว่าพวกมึงไปได้กันตอนไหนมึงก็เลิกติดต่อกันไปละ”

    เหมือนกันซะที่ไหนวะ”

    ใช่ดิ คนนี้มึงรักจะตายห่า เครียดจนเพื่อนเครียดมึงรู้ตัวไหม ไอ้เลย์ถึงกับต้องโทรหากูให้มาเป็นที่ปรึกษาปัญหาให้มึงอะ” เลย์คงรู้ว่าปัญหาส่วนตัวแค่ไหนผมก็เล่ากับไอ้คริสนี่ได้ทุกเรื่อง คริสเลยโดนวานให้มาเป็นที่ปรึกษาของผม

    แล้วตกลงมันยังไงวะ เล่าให้กูฟังซิ ขอแบบละเอียดนะ”

     

    ผมเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นวันนั้น เล่าว่าทำอะไรลงไปบ้างจงอินถึงหมางเมินผมจนถึงตอนนี้

     

    ไม่น่าเชื่อว่าน้องจงอินจะยังรอด กูนึกว่ามึงจะปล้ำน้องไปแล้ว”

    กูไม่เลวขนาดนั้นหรอกน่า”

    แต่แปลกนะที่เขายอมให้มึงจูบ…น้องมันต้องหวั่นไหวกับมึงบ้างแล้วแหละ”

    กูก็อยากคิดเข้าข้างตัวเองนะ แต่ก็ไม่รู้ว่ะ พอกูบอกว่ารักเขาก็กลับมาเย็นชาใส่กู”

    มึงลองคิดดู ถ้ามีผู้ชายที่มึงไม่ได้ชอบมาจูบมึง มึงจะทำยังไง”

    ถีบสิวะ”

    เออ ใช่ไหมล่ะ ยังไงก็ต้องหันหน้าหนีกันบ้าง”

    มึงจะบอกว่าเขามีใจให้กูเหรอวะ”

    กูก็วิเคราะห์ไปตามเนื้อผ้า…”

    ยังมีเรื่องเซฮุนอีกเรื่อง กับคนที่ได้อยู่ใกล้จงอินทุกวัน กูกลัวว่าถ้าเซฮุนเอาจริงขึ้นมา สุดท้ายเขาก็อาจจะไม่เลือกกูก็ได้”

    มั่นใจหน่อยสิวะ อยู่ที่ว่ามึงพยายามทุกทางแล้วหรือยัง ถึงตอนนั้นถ้าเขาปฏิเสธมึงจริงๆค่อยมาเสียใจ”

    กูก็พยายามอยู่”

    กูรู้ ไม่งั้นมึงคงไม่ตามเป็นปีขนาดนี้ นี่ไม่นับที่คอยมองมาตั้งแต่น้องมันอยู่ปีหนึ่งอีก กูก็คงได้แต่คอยเอาใจช่วยมึงเหมือนเดิมว่ะ”

    เออ ขอบใจ แล้วนี่มึงเป็นไงบ้าง ทำแต่งานหรือมีใครแล้วแต่กูไม่รู้” ได้คุยกับมันก็รู้สึกโล่งขึ้น เรื่องปัญหาส่วนตัวของผมจบไปแล้ว ถึงเวลาที่มันจะเล่าเรื่องของมันบ้าง

    ทำแต่งานจะมีเวลาไปมีใครวะ”

    เวลาไม่ใช่ปัญหาหรอก มึงคงยังไม่เจอคนถูกใจเท่านั้นแหละ”

    รู้ดี”

    ไม่มีละครแล้วช่วงนี้มึงก็ว่างสิ”

    ก็ว่าง เลือกบทหนังอยู่ ถ้ามึงมีเวลาก็เคลียร์คิวมาเจอกูบ้าง อย่าไปหาแต่น้องจงอิน กูน้อยใจนะ” คริสทำเสียเล็กเสียงน้อยจนน่าหมั่นไส้

    มึงมันของตาย กูไปหาเมื่อไหร่ก็ได้” คริสได้ยินก็หัวเราะ หลังจากนั้นเราก็คุยกันต่อสักพักก่อนจะวางสาย

     

     

    ผมเจอจงอินโดยบังเอิญในวันถัดมาที่บริษัท เราเดินสวนกันข้างล่าง ผมเพิ่งมาถึงบริษัทในขณะที่เขากำลังจะเดินออก ทั้งผมทั้งเขาเดินมากับกลุ่มเพื่อน พวกในวงผมพอเห็นจงอินต่างก็หันมามองผม ส่วนผมก็จ้องที่เขาเพียงคนเดียวไม่สนใจคนรอบข้าง

     

    จงอินเงยหน้าขึ้นสบตาผมแค่เพียงเสี้ยววิแล้วหันมองไปทางอื่น เขาไม่ได้ปั้นหน้าเฉยเมยเย็นชาอย่างที่ผมคิดไว้เมื่อเราเจอหน้ากัน เขาขมวดคิ้วแน่น ไม่แน่ใจว่ากำลังครุ่นคิดหรือกำลังไม่พอใจ

     

    พี่ชานยอลครับ!” แบคฮยอนเรียกผมเสียงดังจนผมสะดุ้ง

    เหม่อไปไหนครับพี่”

    โทษที จะกลับกันแล้วเหรอ”

    เปล่าครับ ไปหาอะไรกินเดี๋ยวเข้ามาใหม่”

    อืม…” ผมพยักหน้าตอบ เราทักทายกันเล็กน้อยก่อนจะแยกย้าย และชั่วขณะหนึ่งที่ผมละสายตาออกจากจงอินผมก็เห็นเซฮุนที่มองผมอยู่ เขาจ้องเขม็งมาที่ผมด้วยสายตาที่ผมตีความไม่ออก…

     

     

    พวกเราขึ้นมาที่ห้องซ้อม ใช้เวลาในการเตรียมเครื่องดนตรีของตัวเองสักพักก่อนจะเริ่มซ้อมอย่างจริงจังเพื่อคอนเสิร์ตแรกของเรา

     

    ระหว่างนั้นผมพยายามจดจ่อสมาธิอยู่ที่งานแต่ก็มีบางช่วงที่ผมเผลอนึกถึงเขา ผมเพิ่งได้เจอเขาครั้งแรกหลังจากวันนั้นที่บ้าน ยิ่งเห็นหน้าเขาผมก็อดไม่ได้ที่จะคิดถึงเรื่องที่เกิด แม้จะคิดแล้วคิดอีกอยู่หลายครั้ง พยายามหาความหมายในการกระทำของเขา แต่ก็ไม่เคยได้คำตอบ จะมีก็แต่ความรู้สึกผมเท่านั้นที่มันชัดเจนขึ้นทุกขณะ ผมไม่เคยรู้สึกโหยหาสัมผัสของใครขนาดนี้มาก่อน มันไม่ใช่แค่สัมผัสของความใคร่ ไม่ใช่เลย และลึกๆผมคิดหวังว่าเขาจะสัมผัสมันได้ว่าผมรักเขาแค่ไหน

     

    เหม่ออีกแล้ว” เลย์มานั่งข้างๆ ผมเก็บกีตาร์เรียบร้อยแล้วแต่ก็ไม่รู้ว่านั่งเฉยๆมานานแค่ไหน

    คิดถึงคนที่อยู่ข้างบนอะดิ” ซูโฮว่า

    คนที่อยู่ข้างบน?” ผมถาม ไม่รู้ว่ามันพูดถึงใคร

    เอ้า ไอ้นี่ ทำงง น้องจงอินของมึงไง”

    เขาอยู่ข้างบนเหรอ”

    สงสัยไม่ได้ฟังจริงๆ ตอนเจอเห็นมองน้องมันอย่างกับจะกลืนกิน”

    อยู่ข้างบนทำอะไร”

    ก็ตอนเจอกันข้างล่างจื่อเทาก็บอกอยู่ว่าวันนี้เข้าห้องอัด” เฉินบอก พวกมันแต่ละคนทำหน้าเอือมผมเต็มที

    ทะเลาะอะไรกันก็ไปเคลียร์เหอะว่ะ นับวันอาการมึงยิ่งน่าเป็นห่วง” เลย์ตบบ่าผม คนอื่นก็พยักหน้าเห็นด้วย เข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย

    งั้นพวกมึงจะกลับเลยก็ได้นะ ไม่ต้องรอกู”

     

    ผมบอกพวกมันแล้วเดินออกจากห้องซ้อมขึ้นไปที่ห้องอัดชั้นบนของบริษัท ตอนนี้เลยเที่ยงคืนไปแล้วแต่ก็เป็นธรรมดาที่เรามักจะทำงานกันตอนกลางคืน ยิ่งงานในสตูดิโอยิ่งใช้เวลานาน จริงๆผมไม่อยากจะกวนเวลาเขาทำงานหรอกแต่ก็ห้ามใจไม่ให้ขึ้นมาหาไม่ได้ ยิ่งรู้ว่าอยู่ใกล้ ขอเห็นหน้าหน่อยก็ยังดี

     

    ผมเดินป้วนเปี้ยนอยู่หน้าสตูดิโอ ไม่รู้ว่าจะมีใครออกมาตอนไหนและไม่รู้ว่าจะตอบคำถามเขาอย่างไรเหมือนกันว่ามาทำอะไรที่นี่

     

    อ้าว พี่ชานยอล มาทำอะไรครับ” เป็นจื่อเทาที่ออกมาเจอผม ถามคำถามที่ผมยังคิดคำตอบไม่ออก

    เอ่อ…”

    หาจงอินล่ะสิ” ผมทำตาโต ยังไม่ทันคิดคำตอบก็โดนจับได้ซะแล้ว

    ไม่ต้องตกใจหรอกครับ ใครก็ดูออก”

    อ่า งั้นเหรอ…” ผมพูดได้แค่นั้นเพราะไม่รู้จะพูดยังไง แก้ตัวก็ไม่ได้

    มันอัดเสียงเสร็จสักพักแล้วนะ น่าจะไปรอพวกผมที่ห้องพักพี่ลองไปดูสิครับ” จื่อเทาบอกแล้วขอตัวไปเข้าห้องน้ำ

     

    ผมเดินไปสุดทางเดินไปห้องพักที่เทาบอก เห็นแสงไฟที่ลอดจากประตูที่แง้มไว้ปิดไม่สนิท แต่ก่อนจะเดินเข้าไปผมก็หยุดเพราะได้ยินเสียงเขาคุยกับใครสักคน ผมไม่อยากขัดจังหวะจึงหยุดฟังว่าเป็นใคร และไม่นานก็ได้คำตอบ

     

    จะให้กูพูดอะไรล่ะ มึงบอกเองไม่ใช่เหรอว่าอย่าถาม”

    ก็ใช่ แต่ไม่ได้ให้มึงเมินกูนี่ มึงจะเป็นแบบนี้ไปอีกกี่อาทิตย์ หรือจะเป็นแบบนี้ตลอดไป ให้กูพูดอยู่ฝ่ายเดียว” จงอินพูด เสียงของเขาฟังดูแตกต่างจากเวลาคุยกับผม ดูเปิดเผยไม่มีปิดกั้น คิดอะไรก็พูด ขนาดฟังแค่เสียงก็ยังรู้ว่าเขากำลังน้อยใจ

    กูสำคัญด้วยเหรอ” เซฮุนถาม

    เซฮุน…อย่าประชดกันได้ไหม”

    นี่ไง แค่พูดแค่นี้มึงก็ไม่พอใจ กูก็เหนื่อยเป็นเหมือนกันนะ”

    มึงเหนื่อยมึงก็ไม่พูดกับกู นี่เหรอวิธีแก้ปัญหา”

    แล้วจะให้กูทำยังไง ตอนกูถามมึงก็ไม่เคยบอก”

    ก็มึงถามเรื่องที่กูไม่อยากเล่า แค่เรื่องนั้นเรื่องเดียวไม่ได้เหรอ”

     

    จากการพูดราบเรียบในตอนแรกน้ำเสียงเริ่มแปรเปลี่ยน ต่างคนต่างใส่อารมณ์ ผมที่เป็นผู้ฟังอยู่ภายนอกจะเข้าไปก็เข้าไม่ได้เพราะไม่ใช่สถานการณ์ที่เหมาะสม และแม้รู้ว่าไม่ควรแอบฟัง แต่ขาผมก็ไม่ก้าวไปไหน

     

    เรื่องพี่เขามันสำคัญกับมึงมากเลยสิ”

    “….”

    ถามกี่ทีก็เงียบ แล้วจะให้กูคิดยังไง”

    “….”

    มึงไม่เคยเป็นแบบนี้เลยจงอิน”

    แบบไหน…”

    อย่าให้กูพูดเลย พูดแล้วกูก็เจ็บเปล่าๆ”

    เซฮุน…มึงก็รู้ว่ากูรักมึง…”

    คิดว่าพูดว่ารักแล้วกูจะพอใจเหรอ เหมือนมึงเอาคำว่ารักมาหลอกกูไปวันๆมากกว่า มึงบอกว่ากูเป็นเพื่อนที่มึงรักที่สุด ทั้งที่มึงรู้ว่ากูอยากได้รักแบบไหน…”

    “….”

    ไม่มีใครใจร้ายเท่ามึงแล้วจงอิน”

    ทำไมต้องมาพูดเรื่องนี้ตอนนี้…เมื่อก่อนมึงก็ไม่เคยพูด”

    ไม่รู้จริงๆเหรอ…”

    “….”

    แต่ก็คงไม่ทันแล้ว…ไม่ใช่สิ โอกาสของกูมันไม่มีมาตั้งนานแล้ว กูผิดเองที่หวังในสิ่งที่เป็นไปไม่ได้”

     

    ทั้งสองคนเงียบไปสักพัก ผมคิดว่าไม่ควรอยู่ที่นี่ฟังเรื่องของพวกเขาต่อไปจึงคิดจะเดินออดไปจากตรงนี้…หากว่าจงอินไม่พูดขึ้นมาซะก่อน…

     

    “…ถ้ากูให้โอกาส…มึงจะพอใจใช่ไหม”

     

    หลังจากที่จงอินพูดทุกอย่างก็ดูเงียบไปหมด เซฮุนเหมือนกำลังคิดทบทวนคำที่เพิ่งได้ยิน ในขณะที่ผมรู้สึกเหมือนมีคนมาบีบหัวใจ บีบอย่างแรงจนแหลกคามือ

     

    จงอิน…หมายความว่าไง…”เซฮุนถามอีกครั้ง น้ำเสียงแปรเปลี่ยนไปอย่างมีความหวัง

    ถ้ากูให้โอกาส…”

     

    เสียงจงอินที่ขาดหายมันทำให้ผมไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นในห้อง และความสงสัยใคร่รู้นั้นทำให้ผมมองลอดช่องประตูที่เปิดแง้มไว้นั้นเข้าไป

     

    กับเรื่องบางเรื่อง ในบางครั้ง การไม่รับรู้คงจะดีกว่า

     

    ภาพคนสองคนที่ยืนจูบกัน หากเลือกได้ ผมคงไม่อยากเห็น

     

    มือจงอินทั้งสองข้างเกาะอยู่ที่แขนเซฮุน เขาไม่ได้ผลักไส เหมือนๆกับที่เขายินยอมให้ผมจูบ ความใจดีของเขาในตอนนั้นผมเพิ่งรู้ว่ามันไม่ใช่เลย

     

    ผมละสายตาและเดินออกจากตรงนั้นให้เบาที่สุด อยากจะหายตัวไปที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่ตรงนี้ ไม่ใช่ที่นี่ มันเจ็บปวดเกินไป เกินกว่าที่ผมจะรับมันไหว

     

    ผมกลับมาที่ห้องซ้อม ไม่มีใครอยู่ในห้อง พวกเพื่อนๆคงกลับไปแล้ว ผมทิ้งตัวนั่งลงตรงมุมหนึ่ง พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ใส่ใจ ไม่ให้คิด เพื่อที่จะได้ไม่รู้สึกเจ็บแต่ผมก็ทำไม่ได้

     

    ความรู้สึกปวดหน่วงยามที่ได้อยู่ข้างๆ รักอยู่ข้างเดียว มันเทียบไม่ได้กับความเจ็บปวดที่รู้ว่าเขาเลือกคนอื่นที่ไม่ใช่ผม เหมือนกับว่าโชคชะตากำลังอยากให้ผมตัดใจจากเขาหรืออย่างไรผมถึงต้องมารับรู้เรื่องของเขากับเซฮุนแบบนี้

     

    เป็นครั้งแรกที่ผมคิดอยากตัดใจจากเขา เพราะถ้ายังคงรักต่อไปมันก็คงทรมาน…เป็นความทรมานที่ผมไม่คิดว่าตัวเองจะทนได้

     

    แปลกที่ความรักสามารถเจ็บปวดได้ถึงขนาดนี้ ผมเพิ่งจะรู้…

     

     

    ผมพยายามดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ ทั้งๆที่ข้างในห่างไกลกับคำว่าปกติมากนัก

     

    สิ่งที่ไม่ปกติอย่างหนึ่งคือผมพยายามหักห้ามความรู้สึกที่มีต่อเขาอย่างจริงจังอย่างที่ไม่เคยคิดทำมาก่อน ผมไม่ได้ติดต่อเขา ไม่ได้โทรหา ไม่ได้ส่งข้อความ หากว่าเขาเลือกเซฮุนแล้ว ถ้าผมพยายามต่ออยู่ฝ่ายเดียวมันคงดูน่าสมเพช ทั้งน่าสมเพช ทั้งไร้ประโยชน์

     

    เส้นของจงอินไม่ใช่ใครก็จะข้ามไปได้ง่ายๆ แต่เขาก็อนุญาตให้เพื่อนของเขาเดินข้ามไปแล้ว

     

    กับผม ตอนที่บอกความรู้สึกของตัวเองออกไป สิ่งที่ได้กลับมาคือความหมางเมินเย็นชา

    กับเซฮุน แค่เงียบใส่ เขากลับร้อนรน แค่นี้ผมก็รู้แล้วว่าใครสำคัญสำหรับเขามากกว่ากัน

     

    สุดท้ายความอดทนของคนเราก็มีจุดสิ้นสุด มันก็ดีที่ทำให้ในที่สุดผมตัดสินใจได้ หากทำได้ผมก็จะลืม ตอนนี้แม้จะยังมีความรู้สึกอยู่ แต่ในอนาคตผมก็หวังว่าคงมีสักวันที่จะตัดใจจากเขาได้

     

    ตื่นเต้นเหมือนกันเนอะ พรุ่งนี้แล้ว” เลย์ส่งเสียงข้ามเตียงมาในความมืด มันกับผมยังไม่หลับแม้จะปิดไฟมาได้สักพัก ต่างคนต่างมีเรื่องต้องคิด

    อืม…ไม่คิดว่าจะเร็วแบบนี้”

    เหมือนกับคอนเสิร์ตวันเรียนจบเพิ่งผ่านมาไม่นานนี้เอง”

    นั่นสิ…”

    ชานยอล…ถามหน่อยสิ”

    อืม…”

    ในชีวิตมึง อะไรสำคัญที่สุดเหรอ” ผมฟังคำถามของเลย์แล้วก็ใช้เวลาในการกลั่นกรองคำตอบ

     

    เสี้ยวหนึ่งของความคิด ผมเห็นหน้าเขา และรอยยิ้มของเขา…

     

    ดนตรี…” ผมตอบเลย์ เป็นคำตอบที่คิดว่าใช่ที่สุด

    งั้นเหรอ…”

    แล้วมึงล่ะ” ผมเกิดนึกอยากรู้

    ความสุขล่ะมั้ง”

    เป็นคำตอบที่กว้างมาก”

    ไม่หรอก มันเป็นสิ่งสำคัญที่สุดที่เราทุกคนอยากได้ ทุกคนไขว่คว้าความสุข แต่บางคนไม่รู้ว่าอะไรทำให้ตัวเองมีความสุข คนส่วนใหญ่มักจะหลงทาง…”

    ก็คงจริง…แต่ดูเหมือนมึงจะเจอแล้ว” เลย์ไม่ได้ตอบผม มันเงียบไปสักพักก็พูดขึ้นมาใหม่

    การไขว่คว้าหรือวิ่งไล่ตามมันอาจจะทำให้มึงเหนื่อย และถ้ามึงเหนื่อยมึงก็แค่พักมองข้างทางบ้าง มึงอาจจะเห็นอะไรมากขึ้น”

    นี่มันเป็นคำแนะนำประเภทไหนวะ กูต้องตีความมันอีกทีเหรอ”

    ไม่รู้สิ เอาจริงๆก็แค่ไม่อยากให้มึงจมอยู่กับอะไรก็ตามที่ทำให้มึงเป็นแบบนี้”

    ให้เวลากูหน่อย คงอีกไม่นานแล้วมั้ง”

    อย่างน้อยๆพรุ่งนี้มึงก็น่าจะมีความสุข”

     

    ในกระแสเสียงเบาๆของมันผมสัมผัสได้ถึงความหวังดีของเพื่อน เพราะมันบอกให้มองรอบข้างบ้าง ตอนนี้ผมจึงรับรู้ความรู้สึกของมันได้ ก่อนหน้านี้ผมอาจจะจมอยู่กับตัวเองมากไปและนานเกินไปจึงมองไม่เห็นอะไรเลยนอกจากความคิดของตัวเอง

     

    ก็จริงของมึง…”

     

     

    คอนเสิร์ตครั้งแรกของพวกเราได้รับการตอบรับที่ดีจากแฟนเพลงหลายพันคน

     

    ตอนที่ยืนอยู่บนเวทีผมเข้าใจแล้วว่าความสุขที่เลย์หมายถึงคืออะไร ในที่ๆผมสามารถมองเห็นคนนับพันร้องเพลงของตัวเอง มันช่างน่าทึ่งและเปี่ยมล้นไปด้วยพลังงาน ทำให้ผมยิ้มออกมาได้โดยไม่ต้องฝืนสักนิด ผมยืนอยู่ตรงนี้ ที่นี่ สามารถลืมทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นและมีความสุขได้จากก้นบึ้งหัวใจ

     

    มันเป็นช่วงเวลาอันแสนสั้นที่แลกมาด้วยความทุ่มเททั้งหมด แต่ก็คุ้มค่า

     

    ผม เลย์ เฉิน ซูโฮ และคยองซูปิดฉากคอนเสิร์ตครั้งแรกในชีวิตของพวกเราเรียบร้อยแล้ว ตามตารางต่อจากนี้ก็มีคอนเสิร์ตที่ต่างประเทศอีกสามที่ แค่คิดพวกเราก็แทบจะรอไม่ไหว

     

    หลังงานคอนเสิร์ตมีคนเข้ามาแสดงความยินดีด้วยมากมาย รวมทั้งครอบครัวของทุกคนด้วย ผมไม่ได้มองหาพ่อของตัวเองเพราะไม่ได้ส่งบัตรคอนเสิร์ตไปให้ อะไรหลายๆอย่างทำให้ผมเลือกที่จะเดินไปข้างหน้าแทนที่จะมองกลับหลังเพื่อไปพบกับความผิดหวัง ในตอนนี้ผมไม่อาจบอกได้เต็มปากว่าไม่เจ็บ แต่ผมก็เลือกที่จะมองข้ามมันไป ไม่ช้าไม่นานผมหวังว่ามันจะกลายเป็นความชินชา

     

    ชานยอล!” ผมหันไปเพราะจำเสียงนี้ได้ “ดีใจด้วยนะเว้ย” คริสพุ่งเข้ามากอดอย่างไม่ทันตั้งตัว

    นึกว่ามาไม่ได้”

    ก็มึงส่งบัตรมาให้ มาไม่ได้ยังไงก็ต้องมาสิวะ”

    เลย์!” มันพูดจบก็เรียกเลย์แล้วโผเข้าไปกอดอีกหน ทำตัวไม่เหมือนนักแสดงหน้าหล่อที่เห็นหน้ากล้องสักนิด จะมีก็แต่พวกเราที่รู้ว่านิสัยมันต่างจากภาพลักษณ์โดยสิ้นเชิง

    หลังจากนี้มีเลี้ยง มึงต้องไปด้วยนะ” ผมบอกมันกึ่งบังคับ

    เออ กูเคลียร์คิวมาเพื่อพวกมึงอยู่แล้ว” คริสว่า

     

    พวกผมขอตัวไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนจะออกมาพบปะพ่อแม่ของเพื่อนในวงและคนอื่นๆที่มาแสดงความยินดี ทั้งพี่คังตะ พี่ฮีชอล และพี่คังอินอยู่กันครบทำให้ผมนึกถึงวันแรกที่เรียกพวกเราเข้าไปคุย ผมยังจำได้ที่พี่คังตะบอกว่ามันจะคุ้มค่า แต่กว่าจะเข้าใจคำนั้นก็วันนี้

     

    นี่ วันนี้พี่พาน้องใหม่มาดูคอนเสิร์ตพวกเราด้วย วงใหม่ที่พี่ปั้น พี่รู้ว่าพวกเรารู้จักกันแล้ว จากนี้ก็คอยช่วยเหลือพวกน้องๆด้วยนะ” ผมยังยิ้มได้ จนกระทั่งเจอพวกน้องๆที่พี่คังตะพูดถึง

    ฝากตัวด้วยคร้าบบบบบ” พวกน้องๆโค้งให้เราอย่างเป็นทางการต่อหน้าผู้ใหญ่ จากนั้นพี่คังตะก็ปล่อยให้พวกเราคุยกันเอง

    คอนเสิร์ตพวกพี่มันมากๆอะ ผมขอตั้งตนเป็นแฟนคลับวงพี่นับตั้วแต่วันนี้นะ ให้ผมเป็นแฟนคลับวีไอพีด้วย”แบคฮยอนยังคงความร่าเริงไว้เสมอต้นเสมอปลาย

    ให้วีวีไอพีเลย” ผมบอกแล้วยีหัวแบคฮยอนด้วยความเอ็นดู

    ผมด้วยนะพี่ ขอบัตรฟรีทุกคอน” จื่อเทาก็เอาด้วยอีกคน

    ยินดีด้วยนะครับ” เซฮุนบอกแล้วยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบเขา พยายามไม่มองไปที่ใครอีกคน ไอ้คริสเหมือนเข้าใจสถานการณ์อึดอัดใจของผมจึงเข้ามาชวนน้องๆคุย

     

    ผมรู้สึกถึงสายตาหลายคนที่คอยจับจ้อง ทั้งเพื่อนในวง คริส เพื่อนของเขา หรือแม้แต่เขา แต่ผมก็เลือกมองไปที่อื่น แม้ตั้งแต่เหตุการณ์นั้นมันจะผ่านมาเกือบสองเดือนแต่ผมก็ยังทำใจมองไปที่เขาอย่างไม่รู้สึกรู้สาไม่ได้อยู่ดี

     

    กูไปรอกับคยองซูข้างนอกนะ” ผมเห็นคยองซูเดินออกไปข้างนอกพอดีจึงขอตัวและบอกลาทุกคน

     

    ชั่วขณะหนึ่งที่บอกลานั้นผมเลี่ยงไม่ได้ที่จะหลบสายตาเขา ผมยิ้มให้ทุกคน รวมทั้งเซฮุนและเขาที่ยืนอยู่ข้างๆกัน

     

    แววตาของจงอินที่จ้องมองผมจะด้วยสายตาแบบไหนผมก็ไม่พยายามที่จะตีความมันอีกต่อไปแล้ว เพราะมันไม่มีประโยชน์ อีกหน่อยเราก็คงเป็นแค่คนรู้จัก เป็นแค่รุ่นพี่รุ่นน้องอย่างที่เขาอยากให้ผมเป็นนัก ตัวผมหวังให้เป็นได้อย่างนั้น แม้ในใจจะรู้ดีว่ายังคงอีกห่างไกล…เพราะตอนนี้ผมก็ยังคงเจ็บเท่าเดิม...

     

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×