ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [EXO] Heart, Mind and Soul [ChanKai]

    ลำดับตอนที่ #8 : Beginning

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 882
      24
      30 ก.ย. 57

    -8-

    Beginning


     

     

    เอสเอ็มเอนเตอร์เทนเมนท์

     

    ตอนที่ได้ยิน ไม่รู้ว่าผมทำหน้าแบบไหนจงอินถึงมองหน้าผมอย่างประหลายใจ ผมถือโทรศัพท์ฟังปลายสายที่นัดให้เข้าไปในบริษัทและมองจงอินด้วยใจเต้นรัวเพราะความตื่นเต้น

     

    จริงเหรอพี่!” เมื่อวางสายผมก็เล่าให้จงอินฟัง เขาทำตาโตถามหน้าตาตื่น ผมยิ้มพยักหน้าตอบเขา

    พี่ต้องเขาบริษัทพรุ่งนี้เหมือนกัน”

    ผมคิดแล้วว่าอีกไม่นานพี่คงอยู่ที่ไหนสักค่าย แต่ไม่คิดเลยว่าจะเป็นที่เดียวกัน”

    พี่ก็ไม่คิดเหมือนกัน” ผมไม่เคยคิดจริงๆ ถึงในใจจะเคยคาดหวังว่าอยากอยู่ที่บริษัทนี้ แต่เหตุผลไม่ใช่เพราะเขาเพียงอย่างเดียว เอสเอ็มถือว่าเป็นค่ายเพลงที่ใหญ่ที่สุดค่ายหนึ่ง หากรักที่จะเดินในทางนี้หลายๆคนก็ใฝ่ฝันที่จะอยู่ที่นี่ทั้งนั้น

    แล้วพี่ต้องเข้าไปฝึกเหมือนผมไหม”

    ยังไม่รู้เลย น่าจะรู้รายละเอียดวันพรุ่งนี้แหละ” จริงอยู่ว่าบริษัทเรียกเข้าไป แต่ก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเข้าไปทำงานในส่วนไหน ที่นั่นไม่ใช่แค่เรียกเข้าไปในฐานะศิลปินอย่างเดียวยังมีงานที่เกี่ยวกับดนตรีอีกมากมายหลายตำแหน่ง แต่จะยังไงก็เถอะ ผมคิดว่ามันเป็นการเริ่มต้นที่ดีหลังจากเรียนจบ

    ไม่แน่พี่อาจจะต้องมาฝึกกับผมก็ได้ มาเป็นเด็กใหม่เหมือนกัน”

    ก็ดีนะแบบนั้น”

     

    ถ้าเป็นแบบนั้นก็ดีจริงๆนั่นแหละ เขาคงไม่รู้หรอกว่าผมดีใจแค่ไหนที่สามารถเข้าไปอยู่ที่เดียวกับเขา ทั้งที่ก่อนหน้านี้ยังคิดสารพัดว่าจะทำยังไงถึงได้อยู่ใกล้ๆ

     

    ผมทิ้งตัวลงนอนกับพื้นหญ้าเอาแขนหนุนหัว มองจงอินที่กำลังเล่นกับมงกู รู้ตัวว่ากำลังยิ้มอยู่เพราะตอนนี้อารมณ์ดีแบบสุดๆ ผมเข้าใกล้ความฝันของตัวเองเข้าไปหนึ่งก้าว และก็มีโอกาสได้ใกล้ชิดเขามากเข้าไปอีกหน่อย

     

    จะไม่ให้ผมมีความสุขได้ยังไง

     

     

    วันรุ่งขึ้นผมนัดกับเลย์ก่อนเข้าไปที่บริษัทด้วยกัน และไม่ใช่แค่ผมกับเลย์แค่นั้นเมื่อไปถึงบริษัทผมก็ได้เจอเฉินกับซูโฮที่เขาเรียกเข้ามาคุยด้วยเหมือนกัน

     

    พวกเราโดนเรียกเข้าไปพร้อมกัน พร้อมๆกับผู้ชายอีกคนหนึ่งที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ในห้องประชุมมีคนของบริษัทที่รอเราอยู่สามคนพวกเขาแนะนำตัวว่าชื่อคังตะ คังอิน และฮีชอล

     

    บางคนคงรู้จักกันมาก่อนแล้ว แต่ก็อยากให้แนะนำตัวกันอีกที” เราแนะนำตัวกันทีละคน จนมาถึงผู้ชายตัวเล็กคนสุดท้าย

    ผมโด คยองซู ฝากตัวด้วยครับ” เขาโค้งให้ทุกคน ดูประหม่าอยู่หน่อยๆเพราะไม่ได้รู้จักกับใครมาก่อนเหมือนพวกเรา

    เอาล่ะทีนี้ เราจะมาพูดคุยถึงข้อเสนอของบริษัทกัน” คนใส่แว่นที่ชื่อคังตะเป็นคนพูด เขาเอนหลังพิงพนักหมุนเก้าอี้ไปมา จากท่าทางผ่อนคลายนั้นทำให้บรรยากาศดูไม่เคร่งเครียดเท่าไหร่นัก

     

    บริษัทเรามีโปรเจคโปรเจคนึงที่วางแผนกันเอาไว้ ส่วนใหญ่พวกเราคงเห็นแล้วว่าบริษัทเอสเอ็มผลิตแต่วงบอยแบนด์ เกิร์ลกรุ๊ปที่เป็นไอดอล แต่คราวนี้โปรเจคที่ว่าจะแตกต่างออกไป เรากำลังจะสร้างวงดนตรีขึ้นมาโดยมีพวกเราทั้งห้าคนเป็นสมาชิก” เขาหยุดพูดมองหน้าพวกเราทีละคนก่อนจะพูดต่อ

     

    พี่เป็นโปรดิวเซอร์ เป็นคนคิดโปรเจคนี้เสนอบริษัท แล้วก็ยังเป็นคนตามหาคัดเลือกพวกเราด้วยตัวเอง ขอเสนอที่จะให้ก็คือกลับไปคิดดูว่าสนใจจะร่วมงานกับบริษัทเราไหม”

    เรื่องคอนเซปต์และรายละเอียดวงเราจะคุยกันอีกครั้งเมื่อพวกนายทุกคนตอบตกลง” คนชื่อฮีชอลพูดเสริมในส่วนที่เราอาจจะสงสัย

     

    พวกเราห้าคนต่างหันมามองหน้ากันกับข้อเสนอที่ไม่ได้คาดไว้ ที่มาที่นี่ผมก็เตรียมใจไว้ส่วนหนึ่งเรื่องการฝึกเป็นไอดอล มันอาจจะไม่ใช่สายงานที่ผมรักโดยตรงแต่ผมก็คิดไว้แล้วว่าหากมีโอกาสก็อยากจะลองทำ แต่ข้อเสนอที่เพิ่งได้ยินนี้มันกลับทำให้ผมแปลกใจ เป็นความแปลกใจผสมกับความตื่นเต้นยินดี

     

    มีใครอยากถามอะไรไหม” คังอิน ผู้ชายตัวใหญ่นั่งข้างฮีชอลเป็นคนถาม เขามองดูปฏิกิริยาของพวกเราทีละคนอย่างประเมินว่าการเจรจาครั้งนี้จะประสบความสำเร็จหรือไม่

    พวกเราจะมีส่วนร่วมในงานของตัวเองมากแค่ไหนครับ” ผมถาม แม้จะยินดีร่วมงานแต่ก็ติดใจสงสัยในอิสระภาพทางความคิด

    รู้ไหมว่าทำไมพี่ถึงเลือกพวกเรา” พี่คังตะถามแบบไม่เอาคำตอบด้วยรอยยิ้ม “เพราะพี่อยากใช้พรสวรรค์ของแต่ละคน อยากช่วยดึงออกมาให้มากที่สุด พวกเรามีดีอยู่เยอะนะ เป็นคนที่พี่เลือก เพราะฉะนั้นตราบใดที่พี่เป็นโปรดิวเซอร์ไม่อยากให้ต้องห่วงในเรื่องนี้ แต่ก็ต้องเข้าใจว่าเราทำงานกับบริษัท เราไม่สามารถมีอิสระในทุกอย่าง แต่ถ้าพร้อมที่จะแลก พี่รับรองว่ามันจะคุ้มค่า”

     

    พวกเขาบอกให้พวกเรากลับมาคิดและตัดสินใจ

     

    ผมกับเลย์ไม่มีความเห็นเป็นอื่นนอกจากคว้าโอกาสที่มีคนหยิบยื่นให้ เหลือแค่ตอบตกลงกับเขาก็เท่านั้น

     

    หนึ่งอาทิตย์ผ่านไประหว่างรอเข้าบริษัทอีกครั้งผมไม่ได้เจอจงอินเลยสักวัน ผมยังคงเล่นที่ร้านพี่ยุนโฮแต่ก็เกริ่นไปแล้วว่าหากต้องทำเพลงจริงๆก็อาจจะมาเล่นให้ที่นี่ไม่ได้แล้วตามสัญญาของบริษัทที่จะตามมา ทั้งผมและซูโฮต่างก็เล่นที่ร้านพี่ยุนโฮจึงได้รับผลกระทบเต็มๆ แต่เขาก็บอกว่าไม่ต้องห่วงอะไร ยังมีวงอีกมากที่เข้ามาออดิชั่นแทบทุกวัน วงดีๆอาจจะมีแต่ก็ต้องใช้เวลาหาหน่อย

     

    พวกเราเข้ามาเซ็นสัญญาในบริษัทในอีกสองอาทิตย์ถัดมา ทั้งห้าคนไม่มีใครปฏิเสธข้อเสนอของบริษัทจึงกลายเป็นว่าตอนนี้พวกเรา ผม เลย์ ซูโฮ เฉิน และคยองซูกำลังจะร่วมกันทำวงและออกอัลบั้มด้วยกัน

     

    จะเรียกว่ารวดเร็วไม่ทันตั้งตัวก็คงได้ โปรเจคนี้ตั้งเป้าไว้ว่าจะเสร็จในระยะเวลาหนึ่งปี ซึ่งทำให้จากนี้ต่อไปพวกผมมีทั้งตารางฝึกพื้นฐานทั้งร้องและเต้นอัดแน่นประจำทุกวัน และยังต้องทำเพลง แต่งเพลง อัดเสียงไปด้วย

     

    ผมรู้สึกสนุกกับงานมากกว่าที่จะรู้สึกเหนื่อยเพราะกำลังทำในสิ่งที่ใฝ่ฝันมาตลอด และผมก็รู้ว่าจงอินคงกำลังรู้สึกแบบนี้อยู่เหมือนกัน

     

    หลังจากเริ่มฝึกผมก็เจอกับจงอินบ่อยๆ ถึงตารางซ้อมจะไม่เหมือนกันแต่ก็ยังวนเวียนเจอกันเสมอ ซึ่งมันก็เป็นความสุขอีกอย่างหนึ่งของผม

     

    เลิกแล้วไปไหนรึเปล่า กลับบ้านด้วยกันไหม”

     

    ผมบังเอิญเจอกับเขาตรงทางเดิน ดูเหมือนว่าจงอินเพิ่งมาเปลี่ยนชุดไปซ้อมเลยไม่มีเซฮุน แบคฮยอน หรือจื่อเทาที่มักจะเห็นอยู่ด้วยกันตลอด ผมเลยได้โอกาสชวนโดยที่ไม่ตกเป็นเป้าสายตาสงสัยของเพื่อนจงอิน

    พี่เลิกกี่โมง”

    ประมาณสองทุ่ม”

    พวกนั้นบอกว่าจะไปกินข้าวกันก่อนกลับ พี่จะไปกับพวกผมไหม” เขาชวนและผมก็ไม่ได้ปฏิเสธ ช่วงนี้ยุ่งมากจริงๆถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ต้องรีบคว้าไว้ก่อนที่เขาจะลืมผม ผมไม่ยอมให้เขาทำห่างเหินกับผมเหมือนเมื่อก่อนแน่

     

    งั้นเดี๋ยวเลิกแล้วพี่โทรหานะ”

     

     

    พี่ชานยอลช่วงนี้เป็นไงบ้างครับ เจอบ่อยแต่ไม่ได้คุยกันเลย”

     

    แบคฮยอนถามระหว่างที่เรารออาหาร พวกผมมากินข้าวร้านที่คนในบริษัทว่ากันว่าอร่อย คนในร้านถึงดูคุ้นหน้าคุ้นตากันไปหมด

     

    ก็คงเหมือนพวกเรานั่นล่ะ ซ้อมจนไม่เห็นเดือนเห็นตะวัน”

    พี่ยังรู้อนาคตนะ พวกผมนี่ซ้อมทั้งๆที่ยังไม่รู้เลยว่าจะได้เดบิวต์เมื่อไหร่ รอกันอีกกี่ปี”

    เพิ่งฝึกอย่าคิดไปถึงขึ้นนั้นเลยว่ะ” เซฮุนบอกเพื่อน

    ก็มันเรื่องจริง พี่เชื่อไหม พวกเราเข้าไปนี่ก็โดนเขม่นจากพวกเด็กฝึกเก่าๆอยู่เหมือนกัน การแข่งขันมันสูงก็รู้อยู่ แต่ไม่เห็นจะต้องเขม่นกันขนาดนี้เลยนี่หว่า” แบคฮยอนพูดอย่างใส่อารมณ์ ไม่รู้เหมือนกันว่าไปเจออะไรมาบ้าง

    ฝึกความอดทนไปด้วยไง” ผมว่าแล้วก็มองไปที่จงอิน เขาก็ยังคงดูเฉยๆไม่สะทกสะท้านอะไรทั้งสิ้น

    เออแล้วพี่อะ ทำเพลงไปถึงไหนแล้ว”จื่อเทาถาม

    ตอนนี้ก็แต่งเพลงของใครของมันอยู่ แล้วเดี๋ยวค่อยมาเลือกกันอีกที แต่ที่เหนื่อยคือต้องไปเรียนเต้น ในวงแต่ละคนนี่อย่างกับสอนเด็กอนุบาล พี่ว่าพี่เหนื่อยแล้ว แต่ครูคงเหนื่อยกว่า”

    พี่ต้องเต้นด้วยเหรอ ไหนว่าทำวงดนตรี”แบคฮยอนสงสัยเหมือนที่ผมเคยสงสัย

    ไม่รู้เหมือนกัน เขาให้เรียนไว้”

    มีไรให้ช่วยก็บอกได้นะพี่ ไหนๆก็อยู่ที่เดียวกันละ”

    เหมือนกัน อยากให้พี่ช่วยอะไรก็บอก ใครแกล้งอะไรก็บอกพี่ได้” ผมพูดติดตลกไปอย่างนั้น

    แล้วพี่คริสล่ะพี่ ผมเห็นแต่ในทีวี เดี๋ยวนี้ไม่เจอเลย”

    เดี๋ยวจะได้เห็นจนเบื่อ มันจะเล่นละครแล้ว งานมันยุ่งยิ่งกว่าพี่อีก”

    ละครเลยเหรอ เป็นพระเอกป่ะพี่”

    ไม่รู้เหมือนกัน ต้องคอยดู”

     

    พูดแล้วผมก็คิดถึงมันเหมือนกัน ไม่ได้เจอนานแล้ว ได้แต่โทรศัพท์คุยกันเรื่อยๆ ตอนที่ได้ยินว่าผมได้เข้าเอสเอ็มแล้วนี่มันดีใจยิ่งกว่าผมซะอีก ทั้งๆที่เวลามันได้งานมันกลับพูดด้วยน้ำเสียงเฉยๆ และมันก็ยังคงไม่ลืมเชียร์ผมเรื่องจงอินอย่างออกนอกหน้า บอกว่าไม่มีมันคอยยุคอยดูแลผมก็ต้องทำคะแนนเรื่อยๆจนกว่าจงอินจะใจอ่อน

     

    พูดมันก็ง่าย ในความเป็นจริงผมก็ยังได้แค่วนเวียนอยู่รอบๆเพราะเขาให้โอกาสแค่นั้น แต่ผมไม่คิดรีบร้อนอะไรเพราะที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ดีมากแล้ว

     

    พวกเรากินกันไปคุยกันไป เวลาที่มีเพื่อนๆอยู่เยอะจงอินไม่ค่อยจะพูดมากนักผมก็ได้แต่สังเกตเขาเงียบๆ และจากภาพที่เห็นผมก็นึกอิจฉาบางอย่างระหว่างจงอินกับเซฮุนขึ้นมาเสียอย่างนั้น ระหว่างนั้นสองคนแทบไม่มีการพูดกันเท่าไหร่แต่การกระทำนั้นเองที่บ่งบอกว่าสนิทกันในระดับไหน

     

    เซฮุนมักจะคีบเนื้อย่างให้จงอินก่อนตัวเอง และจงอินก็มักจะเขี่ยผักหรืออะไรก็ตามที่ไม่กินไปให้เซฮุน ซึ่งเซฮุนก็รับมาแต่โดยดีด้วยความเคยชิน บางครั้งก็คีบจากจานจงอินออกมาเองด้วยซ้ำ ทุกอย่างเป็นไปโดยธรรมชาติทั้งสองคนอาจจะไม่รู้สึกตัวเสียด้วยซ้ำ

     

    เซฮุนคงรู้สึกถึงสายตาที่ผมมอง ถึงยิ้มอย่างมีเลศนัยส่งให้ผม มันก็ไม่ใช่ยิ้มเยาะเย้ยอะไรหรอก แต่เป็นยิ้มที่เราสองคนเท่านั้นที่จะรู้

     

     

    เหมือนเช่นเคยที่ผมไปส่งจงอินที่บ้านและแวะหามงกู ผมรู้สึกผิดอยู่หน่อยๆที่ไม่ได้ช่วยเขาเลี้ยงอย่างที่เคยรับปาก

     

    ไม่มีใครอยู่บ้านทั้งวัน เหงารึเปล่า”ผมถามมงกูที่วิ่งกระดิกหางเข้ามาหาอย่างกระตือรือร้น ผมอุ้มมันขึ้นมาเดินมานั่งที่โซฟา มันยังพยายามเลียหน้าผมไม่หยุด

    ไม่ทั้งวันหรอก ผมก็กลับบ้านมาอยู่กับมันทุกวัน พี่คงไม่ค่อยได้เจอมันเลยรู้สึกว่ามันเหงาไปเองมากกว่า” เขาพูด นั่งลงข้างๆแล้วยื่นแก้วน้ำมาให้

    เหมือนมันจะโตขึ้นเยอะเลย”

    พูดเหมือนไม่เจอมันนานไปได้”

    ก็เป็นเดือนอยู่นะ ตั้งแต่วันที่เอสเอ็มโทรมาเลย”

    จำได้ด้วยเหรอ ผมลืมไปแล้วนะเนี่ย”

    จำได้สิ…”

     

    ผมอยากจะพูดอะไรต่อแต่ก็เปลี่ยนใจ ได้แต่มองเขาและเขาก็มองผม บังเอิญเราอาจจะนั่งใกล้กันเกินไปจึงเกิดความเงียบชวนอึดอัดชั่วขณะหนึ่ง ก่อนที่เขาจะขบริมฝีปากอย่างไม่รู้ตัว เบือนหน้าหนีผม

     

    ผมพามันไปอาบน้ำดีกว่า”

     

    จู่ๆจงอินก็อุ้มมงกูไปจากตักผมแล้วก็พามันเข้าห้องน้ำ ผมเดินตามเขาเข้ามาเพราะเขาไม่ได้ปิดประตู

     

    พี่ช่วยไหม”

    ไม่ต้องหรอก สบายมาก มงกูมันไม่ดื้อ แป๊บเดียวก็เสร็จ” เขาพูดขณะที่มือก็ง่วนอยู่กับมงกูในอ่างน้ำ แต่ถึงมงกูจะไม่ดื้อจงอินก็แทบจะเปียกไปทั้งตัว

    พี่ชานยอล หยิบที่คาดผมให้ผมหน่อย” เขาขอความช่วยเหลือ ยกแขนขึ้นปัดผมที่เข้าตาออก

    อยู่ไหนล่ะ”

    บนโต๊ะห้องรับแขกมั้ง หาให้หน่อย” ผมออกมาหาให้ตามที่เขาบอก เห็นที่คาดผมสีม่วงวางอยู่ตรงนั้นพอดี

     

    ผมเดินกลับมา เขาเห็นว่าผมถือมันเข้ามาก็ยื่นมือมารับ แต่ผมกลับไม่ให้

     

    มือเปียก ใส่ให้” ผมย่อลงข้างอ่างน้ำ ค่อยๆสวมที่คาดผมข้างใบหูแล้วเสยผมขึ้น ผมมองเขาใกล้ๆอยู่พักหนึ่งแล้วก็ให้รู้สึกร้อนที่ใบหน้าจนต้องลุกพรวดขึ้นกะทันหัน เขาเงยหน้ามองตามผมอย่างงงๆ

     

    ผมรู้ตัวว่าต้องหน้าแดงแน่ๆ เพราะภาพเขาใส่ที่คาดผมมันน่ารักจนไม่รู้จะทำยังไงได้ ในหัวมีแต่เรื่องไม่เหมาะไม่ควรทั้งนั้น หากเขารู้คงจะไล่ผมออกจากบ้านแทบไม่ทัน

     

    ไม่นานเขาก็ออกมาเป่าขนให้มงกูข้างนอก ตอนนั้นผมก็ปรับสภาพตัวเองจนเข้าที่แล้วเลยสามารถมองเขาที่ยังใส่ที่คาดผมสีม่วงได้อีกครั้ง

     

    จงอิน สอนพี่เต้นหน่อยสิ” เขาเลิกคิ้วสงสัยกับคำขอของผม

    พี่ก็มีคลาสที่ต้องเรียนอยู่แล้วนี่”

    อืม แต่สกิลพี่มันต่ำมาก ตามใครเขาไม่ค่อยทันเท่าไหร่”

    สอนน่ะได้ แต่พี่มีเวลาเหรอ แค่นี้ก็จะไม่มีเวลาทำอะไรอยู่แล้ว”

    สักอาทิตย์ละครั้งก็ได้” จะว่าเป็นทำไปเพราะอยากอยู่ด้วยก็ไม่เชิง สกิลการเต้นของมันมันเกินจะเยียวยาจริงๆ

    ได้ ถ้าพี่ไหวนะ ผมไม่ใช่คนใจดีมีความอดทนซะด้วย”

    ลองดูก่อน ของแบบนี้มันอยู่ที่ความตั้งใจ”

     

    เขาพยักหน้า เป็นอันว่าตกลง

     

     

    สามเดือนหลังจากที่ตกลงฟอร์มวงกันขึ้นมา ผมก็ค่อยๆเริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช่ความฝันที่จะได้มาง่ายๆ อุปสรรคเยอะแสนจะเยอะตั้งแต่ทำความคุ้นเคยกับสมาชิกไปจนถึงเรียนในสิ่งที่จำเป็นต้องใช้ในอนาคต

     

    บริษัทจัดหาที่อยู่ใหม่ให้เราเรียบร้อยเพื่อที่จะให้พวกเราอยู่ด้วยกัน ตึกอยู่ใกล้กับบริษัทเพื่อความสะดวกสบายในการเดินทาง ผมย้ายออกจากห้องเล็กๆที่ไม่มีอะไรมากแต่ก็รู้สึกผูกพันกับมัน ผมอยู่ที่นั่นตั้งแต่ที่ออกมาจากบ้านจนเรียนจบไม่ได้ย้ายไปไหน และที่สำคัญที่นั่นยังใกล้กับบ้านของจงอินอีกด้วยผมถึงรู้สึกเสียดาย

     

    ในที่พักใหม่มีสามห้องนอน ผมกับเลย์เลือกที่จะอยู่ด้วยกัน ขณะที่ซูโฮกับเฉินที่เริ่มสนิทกันแล้วนอนอีกห้อง คยองซูเลยต้องนอนคนเดียวอย่างไม่มีทางเลือก ซึ่งเขาก็ดูจะไม่ได้สนใจอะไรมาก เป็นคนไม่ค่อยพูดที่มีโลกส่วนตัวสูง แต่การกระทำหลายๆอย่างบอกว่าเขาเป็นคนมีน้ำใจ

     

    งานของพวกเราค่อยๆคืบหน้าไปเรื่องๆ ตำแหน่งต่างๆภายในวงก็ถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว ผมรับหน้าที่เป็นมือกีตาร์ของวง เลย์เป็นมือคีย์บอร์ด เฉินเล่นเบสและเครื่องสาย ซูโฮมือกลอง และคยองซูเป็นนักร้องนำ

     

    ดูนาฬิกาอีกละ” เลย์ทักขึ้นทั้งๆที่ผมไม่รู้ตัว ตอนนี้เรากำลังจัดของอยู่ที่หอ แต่อีกประมาณชั่วโมงนึงผมต้องไปหาจงอินที่บริษัทเพราะวันนี้มีนัดสอนเต้น

    ไปหาน้องจงอินอีกละสิ” ผมพยักหน้าส่งๆให้มัน ไม่คิดว่าตัวเองจะดูง่ายขนาดนี้

    น้องที่มึงชอบไปดูเขาซ้อมเต้นตอนที่อยู่มหาลัยอะนะ”เฉินถาม ไอ้นี่ก็เก็บรายละเอียดดีเหลือเกิน

    ไม่ต้องทำหน้างง ใครก็ดูออกว่ะ”เฉินพูดต่อ

    ใครวะ บอกกูบ้าง คนที่ไอ้ชานยอลมันตามจีบอยู่เหรอ”ซูโฮเกิดสนใจเรื่องชาวบ้านขึ้นมาบ้าง

    ไม่ต้องอยากรู้ขนาดนั้นก็ได้” ผมบอกมัน

    ทำไม กูอยากรู้ พวกมึงรู้กันก็บอกกูมั่ง จงอินนี่ชื่อผู้ชายรึเปล่าวะ มึงเปลี่ยนแนวแล้วเหรอชานยอล”

    เออ ผู้ชาย ชัดยัง”

    น้องมันก็อยู่ที่บริษัท มึงสังเกตเอาเองเดี๋ยวก็รู้” เลย์บอกซูโฮ มีคยองซูมองพวกเราไปมาแล้วก็ฟังเงียบๆ

    คยองซูเคยเห็นไหม น้องจงอินของไอ้ชานยอล” ซูโฮหันไปถาม และก็น่าแปลกที่เขาพยักหน้า

    บังเอิญเคยเห็นน้องเขากับชานยอลอยู่ในห้องซ้อมเต้น” คยองซูพูดหน้าตาย

    งี้ก็มีกูคนเดียวดิที่ไม่เคยเห็นอะ”

    เออๆ เดี๋ยวเจอแล้วชี้ให้ดู มึงจะได้หุบปากสักที” เฉินตัดรำคาญ คนนึงด่า คนนึงไม่ได้คิดอะไรยังหน้าระรื่นพวกมันเลยคบกันได้

     

    คุยไปคุยมาผมก็ดูนาฬิกาอีกครั้งก่อนจะทิ้งข้าวของเอาไว้ก่อนแล้วออกมาหาจงอิน

     

    ที่ห้องซ้อมวันนี้ไม่ได้มีเฉพาะจงอินเหมือนทุกครั้ง แต่มีเพื่อนสนิทของเขาอยู่ด้วย ผมมองแล้วก็ได้แต่เลิกคิ้วสงสัยแต่ไม่ได้ถามอะไร

     

    จากที่เคยขอให้จงอินช่วยสอนก็ผ่านมาสองเดือนแล้ว เรานัดกันอาทิตย์ละครั้งแต่วันเวลาไม่แน่นอน ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขาสอนหรือว่าอะไรทักษะการเต้นผมถึงพัฒนาขึ้นอย่างมากจนครูเอ่ยชม ถ้าจะบอกว่ากำลังใจดีก็คงจะถูก เวลาจงอินสอนเขาใจเย็นกว่าที่ผมคิดไว้ แม้ผมจะทำไม่ได้เขาก็ยังให้กำลังใจ เขารู้ว่าแต่ละคนทักษะไม่เท่ากันแต่ก็บอกว่าไม่ว่าใครก็สามารถเต้นได้ทั้งนั้น อยู่ที่จะช้าหรือจะเร็ว

     

    จงอินคอยนับจังหวะให้ผมเต้น เมื่อผมเต้นผิดเขาก็เข้ามาจับแขนจับขาจัดท่าทางให้ บางทีสมาธิผมก็เขวไปเหมือนกันเวลาที่เขาอยู่ใกล้ๆ แต่จงอินเหมือนจะไม่รู้สึกตัวเพราะเขาตั้งใจกับการสอนมากจนหน้าตาเคร่งเครียด

     

    บางทีผมก็เหลือบมองไปที่เซฮุนที่นั่งเฉยๆมองเรา บางครั้งก็คอยเปิดเพลงให้ตามคำสั่งของจงอิน ผมอาจจะคิดไปเองหรือไม่ก็ได้ที่เห็นสายตาเซฮุนแปลกไปจากที่เคยเป็น ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่

     

    เป็นอะไร ทำหน้าเป็นหมาหงอย” ผมได้โอกาสถาม จงอินขอตัวออกไปคุยโทรศัพท์ข้างนอก ดูเหมือนว่าพ่อกับแม่จะโทรมาหา

    กลัวโดนเจ้าของทิ้ง” เซฮุนพูดหน้าตาย

    เอาจริงๆ เป็นอะไร มีปัญหาอะไรรึเปล่า”

     

    เซฮุนถอนหายใจแล้วมองออกไปข้างนอก

     

    พี่รู้ไหม บางทีผมก็เริ่มหงุดหงิดเหมือนกันนะที่จงอินมันให้พี่เข้าใกล้มันจนเกินไป” เซฮุนยังคงมองไปที่จงอินที่ยืนพิงกำแพงคุยโทรศัพท์

    บางทีมันก็พูดถึงพี่บ่อยๆ ไม่รู้มันจะรู้ตัวรึเปล่า” ผมรู้สึกดีอย่างช่วยไม่ได้จากคำพูดของเซฮุนแต่ก็ไม่ได้พูดอะไร รอให้เซฮุนระบายสิ่งที่คิดออกมา

    ผมไม่เคยรู้สึกว่าจะเสียมันให้ใครเท่ากับตอนนี้เลย…”

    ผมคิดว่าคงทำใจได้แต่มันไม่ใช่…”

     

    พี่ชานยอล…พี่คงเข้าใจผมนะ ถ้าผมปล่อยจงอินไปไม่ได้”

     

     

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×