บทที่ 6
4.… อาจารย์
คณะมนตราของ Space University
สถานที่เรียนของคณะมนตราเป็นยานลำใหญ่ที่นำมาดัดแปลง อาณาบริเวณกว้าง 5 กิโลเมตร ยาว 10 กิโลเมตร ภายในสร้างเป็นอาคารหลายรูปแบบที่ประสานสัมพันธ์กันอย่างลงตัวด้วยเทคนิคการออกแบบชั้นเยี่ยม มีตึกพักของนักศึกษาแต่ละชั้นปีแยกชายหญิงเป็นสัดส่วน ตึกพักของคณาจารย์ อาคารเรียนของแต่ละชั้นปีที่ดูขรึมขลังลักษณะเป็นปราสาทในนวนิยาย รอบบริเวณมีสถานที่พักผ่อนที่ร่มรื่นสวยงาม ไม่แตกต่างจากคณะอื่นๆที่อยู่ในยานขนาดใหญ่เช่นกัน
ภายในปราสาทสีน้ำตาลอ่อน ตกแต่งด้วยรูปปั้นสัตว์ในนิยายของแต่ละดวงดาว บรรยากาศให้ความสงบแฝงด้วยความลึกลับ วันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียน มีนักศึกษาขึ้นชั้นปีที่ 4 ชั้นเรียนปีสุดท้ายของนักศึกษาคณะมนตราเป็นรุ่นแรก สาขานี้เกือบจะไม่ได้เปิดเพราะอธิการบดีคิดว่ามีแล้วจะยุ่งยาก แต่ทนเสียงรบเร้าของผู้นำและอาจารย์ต่างดาวไม่ไหวจึงจำใจเปิดให้มี อีกทั้งถูกอ้อนและบีบให้เป็นอาจารย์สอนอีกด้วย ซึ่งหลีกเลี่ยงไม่ได้จึงขอผลัดมาสอนในปีที่ 4
ยันต์ได้ทีมงานมาสอนนักศึกษาจำนวน 15 คน รวมตัวเองด้วยเป็น 16 คน ได้แก่ภรรยาทั้งห้าและองครักษ์ทั้งสิบของผู้เฒ่า Kera นับว่าผู้เรียนจำนวน 100 คนโชคดีมากที่ได้อาจารย์ระดับสุดยอดมาให้ความรู้ พวกนักศึกษาที่มีผู้หญิง 40 คนและผู้ชาย 60 คน มาจากกลุ่มดาวที่หลากหลายและต่างกาแลคซี่ เป็นผู้ที่ถูกคัดเลือกมาอย่างดีว่ามีความสามารถและไม่เป็นที่ผิดหวังของสถาบัน
3 ปีที่ผ่านมา ผลการเรียนของทุกคนอยู่ในระดับดี อาจารย์ชั้นปีที่ 1-3 ภูมิใจในลูกศิษย์รุ่นแรกนี้มาก มีชาวโลกได้รับคัดเลือกให้เรียน 3 คน เป็นชาย 1 คน หญิง 2 คน ทั้งหมดได้รับการพัฒนาสมองจาก GAC ทำให้รับความรู้ในเรื่องนี้ได้ แต่ต้องมีความขยันเพิ่มขึ้นจากปกติ ซึ่งทั้งสามมีความลำบากในการปรับตัวสองปีแรก หลังจากขึ้นปีที่ 3 ก็เริ่มอยู่ตัว นับว่ามีความมุ่งมั่นในการเรียนอย่างสูง อาจารย์ที่เป็นมนุษย์โลกในคณะนี้ทั้งหกคนพากันปลื้มในตัวลูกศิษย์ทั้งสามคนนี้และแอบลุ้นให้จบการศึกษาด้วยคะแนนในระดับสูง
ห้องประชุมของคณะมนตรา
มีการประชุมของนักศึกษาทั้ง 4 ชั้นปี จำนวน 400 คน วันนี้พิเศษกว่าที่ผ่านมาใน 3 ปีก่อน ซึ่งจะมีเฉพาะอาจารย์ที่สอนแต่ละปีมาร่วมประชุม ทำให้มีจำนวนน้อย แต่ปีนี้นักศึกษามีครบทั้ง 4 ชั้นปี อาจารย์จึงมากันหมด นับจำนวนได้มากถึง 61 คน นั่นคือปีที่ 1-3 มีอาจารย์ 15 คนต่อชั้นปี ปีที่ 4 พิเศษหน่อยมี 16 คน
ไม่เพียงแต่นักศึกษาเท่านั้นที่ตื่นเต้นต่อการประชุมในวันนี้ คณาจารย์ทั้ง 3 ชั้นปีก็ตื่นเต้นไม่แพ้กันที่จะได้เห็นอาจารย์ผู้สอนของชั้นปีที่ 4 เพราะกิตติศัพท์ที่ได้ยินมานั้น สิบคนที่เป็นองครักษ์ของผู้นำสูงสุดของดาว Waboo เป็นที่เล่าลือกันถึงความเก่งกาจในกลุ่มดาว ยิ่งอธิการบดีซึ่งเป็นผู้นำโลกมีฉายาว่า ‘จักรพรรดิมนตรา ’ ไม่ต้องอธิบายสรรพคุณ และที่เป็นจุดสนใจมากกว่าใครก็คืออาจารย์สาวอีก 5 คนที่ไม่ได้มีชื่อเสียงใดๆมาก่อน แต่ได้รับเชิญให้มาสอนและยังเป็นภรรยาของอธิการบดีอีกด้วย
นักศึกษาทั้งหมดนั่งเงียบอยู่ด้านล่าง บนเวทีที่สูงประมาณเมตรครึ่งมีที่นั่งอยู่ 61 ตัว เป็นที่นั่งยกสูงขึ้นทีละระดับทำให้มองเห็นชัดเจน ล่างสุดเป็นอาจารย์ปีที่ 1 สูงขึ้นไปเป็นอาจารย์ปีที่ 2 จนถึงชั้นปีที่ 4 ที่อยู่บนสุด มีที่นั่งพิเศษอยู่ด้านล่างระดับเดียวกับอาจารย์ชั้นปีที่ 1 อยู่ริมด้านขวาของเวที เป็นที่นั่งของอธิการบดี ตอนนี้ไม่มีอาจารย์อยู่บนเวทีแม้แต่คนเดียว
เวลา 09.00 น.
อาจารย์ชั้นปีที่ 1 ลอยตัวออกมาจากด้านข้างเวทีทั้งสองฟากเข้าสู่ที่นั่ง ถัดมาเป็นอาจารย์ชั้นปีที่ 2 ที่ลอยตัวจากทางเข้าห้องประชุมขึ้นสู่เวที อาจารย์ชั้นปีที่ 3 ขี่สัตว์มายารูปร่างแปลกตามหลังเข้าสู่ที่นั่ง เสียงนักศึกษาฮือฮาตั้งแต่ตอนที่อาจารย์ชุดแรกออกมาแล้วและดังขึ้นเรื่อยๆจากการปรากฎตัวของคณาจารย์ เมื่อทั้งสามระดับมีอาจารย์ครบอยู่ครู่หนึ่ง ที่นั่งระดับสูงสุดก็ปรากฏตัวอาจารย์ขึ้นอย่างไร้วี่แวว ทำเอานักศึกษาถึงกับนิ่งเงียบก่อนจะส่งเสียงฮือด้วยความตื่นเต้นต่อการแสดงตัวของอาจารย์ชุดใหม่
เมื่อทุกคนสงบเสียงลง ที่นั่งด้านล่างหน้าสุดก็มีร่างสูงใหญ่ ผมสีเขียวเข้มปนดำ ตาสีเหล็กในชุดคลุมสีเงินแวววาว มือถือคฑาหัวเป็นลูกโลกสีฟ้าปรากฏตัวอย่างช้าๆ เริ่มจากเบาบางคล้ายหมอกควันแล้วรวมเป็นรูปร่าง ค่อยๆเด่นชัดขึ้นเรื่อยๆจนเป็นร่างสมบูรณ์ ทำเอานักศึกษาและคณาจารย์ที่ยังมีวิชาไม่ถึงขั้นนี้ต้องมองอย่างตกตะลึง เนื่องจากเป็นใช้พลังที่ละเอียดอ่อนขั้นสูงสุด เขาลุกจากที่นั่งเดินออกมาอยู่กลางเวที หันไปโค้งให้คณาจารย์และหันมาทางนักศึกษาด้านล่างพร้อมกับพูดขึ้นด้วยเสียงดังกังวาน
“สวัสดี! คณาจารย์ทุกท่านและนักศึกษาที่รักทุกคน วันนี้เป็นวันดีเป็นวันเริ่มต้นที่สวยงามของการเรียน และเป็นครั้งแรกที่พวกเราในคณะมนตรามารวมตัวกันทั้งหมด ผมดีใจที่ทุกคนมีความมุ่งมั่นฟันฝ่าอุปสรรคจนมาถึงจุดนี้ได้ คงต้องให้คณาจารย์ในชั้นปีที่ 4 แนะนำตัวให้ทุกคนรู้จักทีละคนเนื่องจากไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน เชิญท่าน Una” ยันต์พูดเปิดการประชุมท่ามกลางความเงียบงัน ภาพของเขาและคณาจารย์มีอยู่บนจอภาพทุกจุดให้เห็นได้อย่างชัดเจน
หญิงสาวร่างสูงเพรียว สูงเกิน 180 ซม. ในชุดคลุมสีเขียวเข้ม ผมสีน้ำตาลอ่อน ใบหน้าขาวนวลสวย ใบหูเรียว ตาคมดุเป็นประกายสีเขียว ปรากฏตัวที่กึ่งกลางเวทีหลังคำเชิญ เป็นขณะเดียวกับที่ผู้กล่าวเชิญหายไปนั่งที่เก้าอี้ของตัวที่ริมเวที ความสัมพันธ์ของการเคลื่อนไหวครั้งนี้สร้างเสียงฮือฮาให้เกิดขึ้นทันที เธอโค้งให้ยันต์และคณาจารย์ จากนั้นเสียงสดใสแฝงไว้ด้วยความเข้มแข็งก็ดังขึ้น
“สวัสดี! ข้า Una ชาวดาว Waboo ยินดีที่ได้มีโอกาสมาสอน ณ ที่แห่งนี้ ท่านยันต์ได้ชวนข้าและพวกให้มาเป็นอาจารย์หลังจากที่พวกเราเสนอตัวไว้ก่อน ข้ามี ความสามารถด้านแสง คนอื่นๆมีความสามารถแตกต่างกันไป รับรองว่านักศึกษาปีที่ 4 ทุกคนคงชอบใจ บอกไว้หน่อยว่าไม่ตั้งใจเรียนพวกข้าไม่ให้ผ่านแน่นอน เอาไว้พบกันในเวลาเรียนนะ”
ร่างของ Una หายไปพร้อมกับการปรากฏของหญิงสาวรูปร่างบึกบึนในชุดนักรบสีเทา สูงพอๆกับ Una ใบหน้าคมหวาน ใบหูเรียว
“สวัสดี! ข้า Mew ชาวดาว Waboo ยินดีที่ได้มีโอกาสมาสอน ณ ที่นี่ ข้ามี ความสามารถด้านความมืด ตั้งใจเรียนหน่อยนะลูกศิษย์ที่รักรุ่นแรกของข้า ไว้ค่อยคุยกันมากกว่านี้เมื่อเราพบกันในห้องเรียน ”
จากนั้นอาจารย์จากดาว Waboo อีก 8 คนก็ปรากฏตัวสลับกันเพื่อพบปะกับนักศึกษา ได้แก่
Reen สาวสวยผมสีทอง ตาสีน้ำเงิน สูง 187 ซม. รูปร่างแข็งแรง ว่องไว มีความสามารถด้านธาตุน้ำ
Loon สาวสวยผมสีเขียวอ่อน ตาสีน้ำตาล สูงโปร่งราว 185 ซม. มีความสามารถด้านธาตุลม
San สาวสวย ตาดุดันสีแดง ผมสีม่วงอ่อน สูง 190 ซม. มีความสามารถสร้างอาวุธจากธาตุต่างๆ
Tor ชายร่างใหญ่ ผิวสีแดง ตาสีทอง ร่างสูงกว่า 190 ซม. ในชุดคลุมสีน้ำตาล มีความสามารถด้านบังคับสายฟ้า
Sup บุรุษร่างสูงเพรียวพอๆกับสองสาว ใบหน้าสงบนิ่ง ตาสีน้ำเงิน มีความสามารถด้านพลังจิต บังคับวัตถุได้
Bun บุรุษร่างท้วม สูง 180 ซม. ผมสีน้ำเงิน ตาสีฟ้าอ่อน มีความสามารถใช้ธาตุดิน
Zer ชายผมสีเงิน ตาสีแดง รูปร่างสูง 190 ซม. ท่าทางว่องไว ความสามารถใช้ธาตุไฟ
Auk ชายผมสีน้ำตาล ร่างสูง 2 เมตร แข็งแรง มีกล้ามเนื้อเป็นมัดทั้งตัว ความสามารถในการใช้ลมปราณ ผสานเวทย์
คณาจารย์ทั้งสิบที่ออกมาแนะนำตัวสร้างความอึ้งทึ่งเสียวให้กับนักศึกษาปีที่ 4 ทุกคน เพราะความสามารถในแต่ละด้านที่นำเสนอมา พากันคิดว่างานนี้หนักแน่ๆ รุ่นน้องก็พากันเอาใจช่วยรุ่นพี่ให้รอดพ้นวิกฤติปีสุดท้ายให้ได้ เนื่องจากบุคลิกของอาจารย์นั้นจริงจัง ยังมีความหวังอยู่ที่อาจารย์ที่เหลืออีก 5 คนสุดท้ายว่าน่าจะมีการผ่อนปรนกันได้บ้าง
การแนะนำตัวของอาจารย์ชุดสุดท้าย ทั้งห้าคนปรากฏตัวพร้อมกันหลังจาก Zer หายตัวกลับไปที่นั่งบนสุด ร่างสูง 190 ซม. รูปร่างสมส่วน หน้าตาสวยงามไปคนละแบบ ยืนเรียงกันหน้าเวที หลังจากโค้งให้ยันต์และคณาจารย์แล้ว Alice ก็แนะนำตัวก่อน
“สวัสดี! นักศึกษาทุกคน อาจารย์ชื่อ Alice ยินดีที่ได้พบและได้สอนชั้นปีที่ 4 คิดว่าทุกคนคงผ่านการเรียนด้วยดีเพราะเท่าที่ทราบจากผลการเรียนที่ผ่านมา แต่ละคนเรียนเก่งกันทั้งนั้น อาจารย์มีความรู้เรื่องธาตุทุกธาตุ ยินดีถ่ายทอดความรู้ให้ ขอให้รับไปให้หมดนะ”
ต่อจาก Alice ก็เป็น Farah Lee( Fe) Ayako Kamae( Aya) Jana Upright( Jan) และ Renea Jansen( Ren) แนะนำตัว ความสามารถของทุกคนเหมือนกันคือรู้เรื่องธาตุทุกธาตุ ทำให้คณาจารย์และนักศึกษาแปลกใจและตื่นเต้นเพราะคนที่จะมีความสามารถในทุกธาตุนั้นหายากมาก แค่สองธาตุก็ลำบากแล้ว มาเจออาจารย์ที่รู้ทุกธาตุเลยพากันงง
เมื่ออาจารย์ชุดสุดท้ายหายตัวกลับไปที่นั่ง อธิการบดีก็ออกมาแนะนำตัวเองในฐานะของอาจารย์ชั้นปีที่ 4 บ้าง ด้วยการลุกเดินมากลางเวที
“ขอแทนตัวว่าอาจารย์ก็แล้วกัน เพราะต่อไปก็จะได้เรียนด้วยกันแล้ว นับจากวันพรุ่งนี้เป็นต้นไปพวกเราจะพบปะกันจนกว่าจะสิ้นปีการศึกษา ชั้นปีที่ 1-3 เป็นเรื่องของการเรียนพื้นฐานและความรู้ระดับกลาง ส่วนปีสุดท้ายนั้น อาจารย์และผู้สอนทุกคนมีความหวังที่จะฝึกให้แต่ละคนมีความสามารถ อาจจะไปฝึกกันในสถานที่อื่น เช่น ดวงดาวที่มีเรื่องเกี่ยวข้องกับการเรียน มีการปฏิบัติภารกิจทั้งเดี่ยวและเป็นทีม เมื่อพวกเธอจบการศึกษาจะเป็นบุคลากรที่ทรงคุณค่าของสถาบันของเรา คิดว่าการพบปะกันวันนี้สมควรแก่เวลาแล้ว ขอจบการประชุม”
“อาจารย์แต่ละคนท่าทางน่ากลัวนะ” สาวสวยผมและผิวสีเขียว กล่าวกับเพื่อนสาวที่มีสีผิวสีน้ำตาล ขณะเดินกลับที่พักด้วยกัน
“ข้าว่า อาจารย์หญิงห้าคนหลังดูใจดีกว่าคนอื่นๆ แถมยังเก่งอีกด้วย” เพื่อนตอบ
“ไม่คิดเลยนะว่าจะมีอาจารย์ที่เก่งขนาดนี้ ในดาวข้ามีจอมเวทย์อยู่หลายคนยังไม่เก่งทุกธาตุเลย” ชายหนุ่มผิวสีฟ้าที่เดินรวมกลุ่มมาด้วยพูดขึ้นบ้าง
“อือ! เป็นอย่างที่ Rexe ว่ามาเลย ดาวข้าก็เหมือนกัน นี่ถ้านำเรื่องนี้ไปเล่าให้พวกที่ดาวฟัง คงต้องมีคนขอมาดูตัวแน่ๆ” Waf ชายร่างใหญ่ผิวสีม่วงซึ่งเป็นเพื่อนอีกคนกล่าวเสริม
“แต่ข้าว่าอธิการบดีของเราสุดยอดเลยนะ ไอ้การปรากฏตัวทีละนิดแบบนั้นน่ะ” เพื่อนอีกคนที่เดินริมสุดพูดขึ้นมา
“ฮื่อ! ระดับ ‘จักรพรรดิมนตรา ’ เลยนะนั่น ฉายานี้ไม่แน่จริงพวกกลุ่มดาวไม่ให้มาง่ายๆหรอก พวกเราโชคดีที่มีอาจารย์เก่งๆ แต่ก็น่าเหนื่อยแฮะ” Rexe พูดอย่างละเหี่ยใจ
“เฮ่ย! ไม่เป็นไรหรอกพวก ยังไงๆก็ต้องผ่านกันได้อยู่แล้ว สู้ๆหน่อย” Waf พูดให้กำลังใจพรรคพวก เมื่อเดินถึงทางแยกไปยังตึกพักพวกเขาก็แยกทางกัน
ห้องพักผ่อนของอาจารย์
อาจารย์ทั้ง 16 คนของชั้นปีที่ 4 นั่งสนทนากับอาจารย์คนอื่นๆอย่างสนุกสนาน แรกเริ่มก็มีการขัดเขินกันบ้างเพราะเพิ่งเคยพบปะกัน แต่วิสัยผู้รักและชื่นชอบในเรื่องเดียวกันย่อมทำให้ความสนิทสนมเกิดขึ้นได้ไม่ยาก มีเสียงเฮฮาและหัวเราะด้วยความชอบใจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ยันต์จะถูกถามถึงเรื่องของบทร่ายในการสร้างและรักษาดวงดาว เนื่องจากเป็นที่สนใจของทุกคน ไม่เคยมีใครเรียนรู้วิชานี้มาก่อน ยันต์ต้องเล่าเรื่องการฝึกให้ทราบทำให้ผู้ฟังถึงกับส่ายหัวเมื่อคิดเทียบความสามารถของตนเองแล้วก็รู้ว่าคงทำไม่ได้แน่แม้จะฝึกหนักไปอีกหลายสิบปีก็ตาม
เมื่อพบปะสังสรรค์กันเกือบชั่วโมง ยันต์ก็พาพรรคพวกกลับไปยังเมืองใต้น้ำ พวกเขาเข้าไปพักผ่อนกันในห้อง Nest
“ตกลงจะสอนพวกนักศึกษากันแบบไหน” Wor เอ่ยถามยันต์ หลังจากนั่งพักได้ครู่ใหญ่
“ตอนนี้พวกนั้นได้เรียนรู้เรื่องธาตุ การสร้างพลังจากธาตุต่างๆ เรียนรู้เรื่องเวทย์มนตร์ มีความสามารถการใช้งานได้แบ่งเป็น 3 กลุ่ม คือพวกที่เรียนรู้ได้เร็ว ปานกลางและพอทำได้ ข้าว่าน่าจะมีการแยกกลุ่มเพื่อจะได้เรียนรู้กันได้เร็วขึ้นไม่ต้องคอยฉุดกันอยู่” ยันต์เสนอประเด็น
“อือ ! น่าสนใจนะ ข้าเห็นด้วยเพราะถ้าให้เรียนรวมกัน พวกเราที่สอนก็จะต้องรอพวกที่เรียนได้ช้ากว่า ทำให้พวกที่เก่งไม่ได้ความรู้เท่าที่ควรจะได้” San แสดงความเห็นว่าเห็นด้วยกับข้อเสนอ คนอื่นๆฟังอยู่ก็คิดตามไป เริ่มมีบ้างที่ผงกศีรษะแสดงการเห็นด้วย
การพูดคุยกันครั้งนี้ ทุกคนแยกออกมานั่งมุมหนึ่งของห้อง Nest คนอื่นๆก็ไม่เข้ามารบกวนเนื่องจากรู้ว่าเป็นการปรึกษาเรื่องสำคัญ เด็กๆก็ถูกพี่เลี้ยงพาไปทำกิจกรรมตามที่กำหนดไว้ ตอนนี้แต่ละคนก็พยายามคิดหาวิธีการที่จะทำให้การเรียนการสอนวิชาเวทย์มนตร์ของคณะมนตรามีประสิทธิภาพมากที่สุด สาเหตุมาจาก Space University เป็นที่จับจ้องและมุ่งหวังของกลุ่มดาว โดยตั้งเป้าไว้ว่าผู้ที่จบการศึกษาจากที่นี่ต้องเป็นผู้ที่มีความสามารถสูง เมื่อคนภายนอกตั้งมาตรฐานไว้ให้จึงเป็นเรื่องเครียดของคนภายในที่ต้องทำให้ได้ตามความคาดหวัง
ผลสรุปจากการพูดคุยของคณาจารย์ กลุ่มที่หนึ่งที่เรียนรู้ได้เร็วนั้นให้ 5 สาวจากดาว Waboo เป็นผู้สอน พวกระดับกลางให้ 5 หนุ่มที่เหลือ ส่วนพวกที่เรียนรู้ได้ช้าให้พวกของ Alice ทั้ง 5 คนช่วยพัฒนาฝีมือ ส่วนยันต์สอนสรุปให้ในตอนปลายปี เรื่องที่จะสอนให้อาจารย์ผู้สอนเป็นคนกำหนด การทดสอบเพื่อจบการศึกษามอบให้ยันต์คิดแต่เพียงผู้เดียว เมื่อได้ข้อสรุปแล้วทุกคนก็กลับมาเฮฮากับพรรคพวกอย่างสนุกสนาน
Aqua School
เมืองใต้น้ำ มีโรงเรียนที่เปิดสอนลูกหลานของผู้อยู่อาศัยทั้งสองเมือง ชื่อว่า Aqua School เปิดสอนระดับอนุบาลถึงชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 3 เมื่อจบแล้วก็ต้องขึ้นไปเรียนต่อที่บนพื้นโลก มีนักเรียนทั้งหมดประมาณ 900 คน เดิมทีจะไม่มีการสร้างโรงเรียนให้เพราะเห็นว่าการคมนาคมสะดวก สามารถขึ้นไปเรียนโดยเรียนแบบไป -กลับได้ ใช้เวลาเดินทางไม่นาน แต่พวกผู้ปกครองทั้งหลายต้องการให้ลูกๆได้เรียนใกล้บ้านเนื่องจากเป็นห่วง เจ้าเมืองและพรรคพวกเลยต้องหาพื้นที่สร้างโรงเรียนให้ เมื่อมีโรงเรียนก็ต้องหาครูสอนและจัดหลักสูตรการเรียนให้ใหม่ทั้งหมด งานนี้เลยเป็นภาระของยันต์ที่มอบให้ GAC จัดทำหลักสูตรของแต่ละชั้นเรียนและสร้างโปรแกรมใส่ไว้ในตัวครูหุ่นยนต์เพื่อทำหน้าที่สอน เพราะครูอื่นๆที่เป็นมนุษย์คงเข้าใจเรื่องจะสอนลำบาก เมื่อทำเรื่องพวกนี้เสร็จยันต์ก็โล่งใจและพอใจที่ได้เตรียมเด็กรุ่นใหม่ให้กับโลก
ตอนนี้พวกลูกๆชุดแรกโตเท่าเด็กปกติที่อายุ 10 ปีแล้ว ผู้เป็นพ่อเล็งเห็นการณ์ไกลจึงให้เข้าเรียนในโรงเรียนแห่งนี้ ตั้งเป้าหมายเพื่อให้มีมนุษยสัมพันธ์กับพวกคนธรรมดา จะได้เข้าใจความคิดสำหรับปรับตัวให้เข้ากันได้ ยันต์ให้ลูกๆเข้าเรียนในชั้น ป. 4 โดยวิธีสอบเทียบความรู้ แม้ว่าจะมีความรู้เกินไปมากแล้วก็ตาม และจะให้เลื่อนชั้นในเทอมปลายเพราะพวกลูกจะโตมากขึ้นอีกหนึ่งปี จึงต้องเลื่อนไปเรียนกับพวกที่มีอายุใกล้เคียงกัน อีกอย่างคือผลที่ได้จะทำให้ทุกคนได้รู้จักมนุษย์ในแต่ละช่วงวัย
“เป็นไงบ้าง Raido พวกเพื่อนๆห้องของนาย” Mark ลูกชายของ Alice ถาม
“ส่วนใหญ่ก็ดีนะ มีบางคนที่นิสัยแปลกๆ มองฉันยังไงก็ไม่รู้” ลูกชายของ Fe ตอบ
“สงสัยว่าพวกนั้นรู้ว่าพวกเราเป็นลูกของพ่อมั้ง เลยมีท่าทางแปลกๆ ที่ห้องของฉันก็มองฉันแปลกๆเหมือนกันนะ” Yara ลูกของ Aya เอ่ยขึ้นมาบ้าง
“ช่างมันเถอะ วันแรกก็ยังงี้แหละ แม่บอกไว้ก่อนแล้วว่าต้องเจอกับคนแปลกๆ” Halas ลูกชายของ Jan บอกกับพี่น้อง
พวกเด็กๆกลับจากการเรียนวันแรก ทำให้มีเรื่องคุยกันหลายอย่าง เป็นเรื่องที่แปลกไปจากการเรียนกับหุ่นยนต์พี่เลี้ยงที่พวกตนคุ้นเคยมาหลายปี การเรียนกับคนจริงที่มีนิสัยแตกต่างกันไปทำให้มีความรู้สึกสับสน ซึ่งพวกเด็กๆจะกลับไปเล่าเรื่องให้พ่อกับแม่ได้รับรู้ ซึ่งประสบการณ์เหล่านี้เป็นไปตามที่พ่อของพวกเขาต้องการ
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
PS. ที่นี่!! ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงสถานที่ๆเก็บคลังนิยาย ที่ชอบ=,.=;; หลงเข้ามาแล้ว!! ไงๆก็ช่วยดูๆหน่อยนะ
แต่ขอวันละตอนได้มั้ย????
PS.
PS. อุปสรรคก็เหมือนเชือกกระโดด มีไว้ให้ข้าม ไม่ได้มีไว้ให้สะดุด เมื่อข้ามบ่อยๆ แล้วยังจะทำให้ร่างกายและจิตใจแข็งแรงด้วยนะ
---------------------------------------------------------------------
http://dhamma-alive.blogspot.com/
PS.
จะมีผู้ช่วยแล้วเนาะ
PS. ถ้าตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไป สิ่งที่เหลือแม้จะไม่น่าเชื่อเพียงใดก็ตาม แต่มันก็คือความจริง
จะรออ่านต่อนะครับ
ไม่ได้เข้ามาอ่านหลายวันแล้ว เพราะกำลังแก้เค้าโครงวิทยานิพนธ์..สอบสามบทแล้วก็กลับมาปรับอีกครั้ง..ไม่ได้หายไปไหนนไรเตอร์...ยังติดตามอยู่เสมอ..รอตอนต่อไป
ขอบพระคุณมากนะครับ
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก