บทที่ 6
7.… เอาจริง
ห้องพัก
ยันต์กลับห้องพักพร้อมกับภรรยาและลูกๆหลังการพูดคุยวางแผนการช่วยเหลือดาว Moral และกลุ่มพันธมิตร มีลูกๆที่ตัวเล็กอยู่ในอ้อมกอดและนั่งไหล่หลายคน พวกพี่ๆเดินตามแม่เป็นขบวนใหญ่ หลังเข้ามาและนั่งเล่นกันได้ครู่ใหญ่ Alice ก็เอ่ยขึ้น
“พี่คะ Sandra อยากคุยด้วย ถามหาตั้งแต่ตอนเช้า”
ยันต์ได้ยินจึงส่งลูกๆที่เล่นกับเขาอยู่ให้กับแม่และพวกพี่ๆ จากนั้นอุ้มลูกสาวขึ้นมาหอมแก้มพร้อมกับถามว่า
“มีอะไรจะคุยกับพ่อจ้ะ สาวน้อย”
Sandra ยิ้มอายๆและพูดกับผู้เป็นพ่อในเรื่องที่เธอตั้งใจเอาไว้ว่าจะปรึกษา
“หนูสงสัยเพื่อนที่เรียนด้วยค่ะ ทำไมบางคนดูดีไม่มีปัญหาแต่บางคนเข้าใจยาก พูดด้วยก็ไม่ค่อยพูด แถมยังมองพวกหนูแปลกๆ”
ยันต์ได้ฟังก็ยิ้ม เข้าใจความรู้สึกของลูกสาวที่เคยอยู่แต่พวกเดียวกัน เล่นและเรียนด้วยกันอย่างสนุกสนานไม่มีใครแปลกแยก แต่พอไปพบกับคนภายนอกที่ต่างจิตต่างใจ พฤติกรรมไม่เหมือนกันเลยทำให้เธอไม่เข้าใจและสับสนในการปรับตัวเข้ากับพวกที่มีปัญหาเหล่านั้น
“ผมด้วยครับพ่อ มีบางคนเหมือนกับที่ San เจอเลย เราอยู่กันคนละห้อง” Raido ที่ยืนอยู่พร้อมกับพวกรุ่นเดียวกันพูดขึ้นบ้าง พวกลูกๆคนอื่นๆก็แสดงความคิดเห็นออกมา ส่วนใหญ่เป็นแบบเดียวกันเพราะแต่ละคนยังไม่เคยเข้าอยู่ร่วมกับพวกที่มีวัยเดียวกัน เลยรู้สึกแปลกใจที่พวกเหล่านั้นมีความคิดอ่านและพฤติกรรมไม่เหมือนพวกตน
งานนี้ผู้เป็นพ่อต้องอธิบายให้ลูกๆทุกคนได้รู้ถึงพื้นฐานจิตใจของมนุษย์ ว่ามีด้วยกันหลายแบบ พวกที่ดีและมีความรู้สึกเป็นมิตรและอยากช่วยผู้อื่นก็มี พวกที่ต้องมีภาวะโน้มนำถึงจะเข้าหาและช่วยเพื่อนก็มี พวกที่เฉยๆก็มี พวกที่ไม่สนใจใครยึดถือตนเป็นใหญ่ก็มี เรื่องเหล่านี้ลูกๆจะได้พบเจอเมื่อได้พบปะกับคนอื่นๆไปเรื่อยในสถานที่ต่างกัน เมืองใต้น้ำนั้นคัดคนแล้วแต่ก็เป็นพวกที่มีวุฒิภาวะและอายุมาก ส่วนลูกหลานนั้นเป็นพวกอ่อนวัยทำให้ระดับการแสดงออกทางอารมณ์เป็นไปตามสภาวะจิตที่ยังไม่ได้ปรับปรุง
“ถ้าลูกเจอพวกที่อยู่บนพื้นโลก จะยิ่งมีความแตกต่างมากกว่านี้เยอะ พวกนั้นไม่ได้รับการคัดเลือกให้มาอยู่กับเรา พ่อให้ทุกคนได้ลองพบปะและศึกษาพวกที่อยู่ในเมืองนี้ก่อนจะได้มีความรู้ในเรื่องจิตใจของผู้คน อีกหน่อยพวกลูกๆจะได้ขึ้นไปเรียนกับพวกบนโลก จะมีความแปลกมากกว่านี้อีกเยอะ ”
“แล้วทำไมพวกหนูต้องเรียนกับพวกนี้ด้วยล่ะคะ” Jela ลูกของ Ann ถามขึ้นมา
“ก็เพื่อเข้าใจคนไงลูก เราจะอยู่ท่ามกลางพวกเขาก็ต้องรู้ว่าพวกเขาคิดอย่างไรเป็นอย่างไร เพื่อทำใจให้รู้เท่าทันสิ่งที่เขาเป็นอยู่ พวกเราจัดว่าแข็งแรงกว่า มีความสามารถมากกว่า พ่อคิดว่าเราจะช่วยเหลือพวกเหล่านี้ให้อยู่รอดจากการรุกรานของพวกดาวอื่นๆ พวกลูกจึงต้องรู้สภาพของชาวโลกว่าเป็นอย่างไร ใครที่เราสนิทสนมและอยู่ห่าง พวกเราจะออกไปอยู่ตามลำพังก็ได้ แต่การที่ได้ช่วยเหลือผู้อื่นนั้นจะทำให้เรามีความสุขใจกว่า พ่ออยากฝึกลูกทุกคนปรับตัวเข้ากับคนทุกแบบให้ได้” ผู้เป็นพ่ออธิบาย ลูกๆทั้งหลายฟังและคิดตาม มีบางคนเริ่มพยักหน้าแสดงความเข้าใจ
“แล้วถ้าเราพยายามที่จะเป็นมิตรแล้วเขาไม่ยอมรับล่ะครับ” Sam ลูกชายของ Aya ถามบ้าง
“เมื่อเราเป็นมิตรและเขาไม่ยอมรับ เราก็ต้องทำใจและปล่อยเขาไป เพราะเสียเวลาเปล่า เอาความตั้งใจและจริงใจของเราไปให้กับผู้ที่ยินดีรับจะได้ประโยชน์มากกว่า” คำตอบทำให้ลูกชายพยักหน้า
ผู้เป็นแม่ทั้งห้านั่งฟังเงียบๆโดยมีลูกที่ตัวเล็กนั่งตักมองดูพี่ๆคุยกับพ่อ เข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้างก็เลยหันมาหยอกล้อเล่นกับแม่ มีเสียงหัวเราะคิกคักสลับฉากอยู่ตลอดเวลา แต่ก็ไม่ได้ทำให้พวกพี่ๆที่กำลังคุยอยู่เสียสมาธิแต่อย่างใด การพูดคุยดำเนินไปเกือบชั่วโมง ยันต์จึงจบการปรับความรู้สึกของลูกๆได้
ห้อง Nest ในตอนเย็น
“พี่ Jack ครับ ! ต้องรบกวนขอกำลังพวกปี 2 จาก Tiwaz มาร่วมงานครั้งนี้ อยากให้พวกเด็กๆได้ฝึกนอกสถานที่เหมือนรุ่นพี่ปีที่แล้ว”
“หือ! นายจะให้พวกปี 2 ไปลุยด้วยเหรอ” ผู้อำนวยการสถาบันถามด้วยความสงสัย เพราะไม่แน่ใจในการให้นักศึกษาออกไปทำศึกกับพวกต่างดาว
“น่าจะไหวครับ แล้วจะให้พวกที่จบไปปีที่แล้วมาร่วมงานด้วย บุกดาว Amel คราวนี้ต้องช่วยพวกเชลยออกมาเป็นล้าน งานใหญ่ต้องช่วยกันหลายจุด”น้องชายอธิบาย
“อือ! ไหนลองอธิบายหน่อยซิ”
พวกเขาคุยกันในเรื่องนี้หลังการดูภาพของดาว Amel เสร็จ แต่ละคนนึกสยองในใจที่พวกดาวมฤตยูเป็นพวกที่กินสิ่งมีชีวิตดิบๆ แถมยังเป็นมีพวกมนุษย์เช่นเดียวกับพวกตนด้วย พวกผู้อาวุโสบางคนมีอาการผะอืดผะอมในอาหารที่เห็น บางคนต้องขอออกไปนอกห้องเพราะทนไม่ไหว ยันต์แจ้งพรรคพวกว่าขอคุยเรื่องด่วนที่ต้องรีบทำ เพราะรู้ว่าพวกเชลยที่ถูกจับไปนั้นยังมีช่วงรอดชีวิตอยู่ไม่นาน เนื่องจากอาหารที่พวกนั้นสำรองไว้ใกล้จะหมดแล้ว
“ผมแบ่งงานไว้เป็น 5 ส่วน ส่วนแรกเป็นการบุกทำลาย ให้พี่เป็นหัวหน้ามีพวกอัล ทอม เสือ Tomas ยูมินโฮ ทาเคชิ เหลียงเว่ย Don ไฟ รุ้ง กับพวกปี 2 และพวกที่จบแล้วรวมทั้งยานบินบังคับด้วยหุ่นยนต์อีก 5, 000 ลำ จัดการพวกยานรบ ส่วนยานลำใหญ่ผมจะเอาออกมาให้หมด การโจมตีคงเกิดหลังจากพวกมันรู้ว่ายานหายไปและพวกเราบุก” หยุดดูท่างทางผู้ฟังเห็นตั้งใจจึงพูดต่อ
“งานนี้น่าจะขอท่าน Qualex กับเพื่อนๆมาช่วยด้วยเพราะสมัครไว้ล่วงหน้าตั้งแต่ครั้งที่พวกเราปราบพวกหุ่นยนต์ที่ดาว Mela คงต้องให้พี่ช่วยประสานและวางแผนการรบกันเองนะครับ”
“เออ! ได้พวกนั้นมาแจมด้วยมันขึ้นเยอะเลย ขาลุยทั้งนั้น ฮ่า ! ฮ่า !” อัลพูดขึ้นมาด้วยเสียงดัง
“ส่วนการช่วยพวกตัวประกันต้องให้พวกองครักษ์ดาว Waboo และพวกของ Alice กับพวกหุ่นยนต์อีก 2, 000 ตัวช่วยกัน จะช่วยเป็นจุดๆโดยเก็บพวกที่ควบคุมให้หมดแล้วให้เชลยไปที่ยานรบขับกลับไปยังยานแม่ที่จะเอาไปจอดรอรับแล้วพากลับดาว Moral ผมกะให้จบที่ดาว Amel ไม่ต้องยืดเยื้อ”
“งั้นผมแบ่งงานเลยนะครับ พี Jack ครับเรื่องไปปรึกษาแนวทางกันเอง เรื่องช่วยเชลยผมรับเอง ได้เรื่องแล้วช่วยบอกแนวทางให้ด้วยจะได้ประสานกันให้ถูกทาง งานจะได้เสร็จเร็วๆ” ยันต์บอกกับ Jack เจ้าตัวพยักหน้าตกลง แล้วทั้งหมดก็แยกย้ายกันไปเตรียมการเพราะต้องเร่งกับเวลาเพื่อชีวิตของเชลย
ดาว Amel
เวลาแห่งความสุขของพวกที่สร้างความเดือดร้อนให้กับดาวทั้งมวลรอบข้างหมดลง เมื่อมียานสีดำชื่อ Alfa และ Black มาถึง ภายในยานทั้งสองมีคนเกินร้อย ที่มีคนมากย่อมมีสาเหตุ
“ท่านจะบุกดาว Amel เหรอ ข้าขอเสนอให้นำเอานักศึกษาของพวกเราไปหาประสบการณ์ด้วย พวกปี 4 มีฝีมือพอและจะได้ความรู้ที่หาไม่ได้จากการเรียนด้วยการเจอเรื่องจริง” Tor บอกกับยันต์เมื่อเขาแจ้งเรื่องให้ทราบพร้อมกับชักชวนเข้าร่วมปฏิบัติการ
ยันต์คิดดูตามที่ขอร้องมาแล้วก็เห็นด้วยว่า โอกาสฝึกวิชาใช้ความรู้ที่ได้ร่ำเรียนของพวกนักศึกษามีน้อยมากที่จะเจอกับสถานการณ์จริง เขาจึงอนุญาตแต่ให้เป็นความสมัครใจไม่มีการบังคับเพราะอาจมีอันตรายเกิดขึ้นได้ทุกเมื่อ ซึ่งพอผู้เรียนทั้งหลายได้ทราบต่างสมัครกันทุกคนไม่มีใครปฏิเสธ ถือว่าเป็นสีสันและประสบการณ์ชีวิตที่หาไม่ได้อีกแล้ว จึงทำให้ยานทั้งสองลำมีผู้โดยสารอยู่เกือบเต็ม
อธิการบดี Space University และคณาจารย์ชั้นปีที่ 4 ร่วมกันวางแผนในการช่วยเหลือเชลย ถือว่าเป็นงานใหญ่เพราะผู้ที่รอรับการช่วยเหลือมีจำนวนมากนับล้าน จึงต้องวางแผนให้ดีและสัมพันธ์กับฝ่ายที่จะบุกโจมตีดาว หากคลาดเคลื่อนก็จะทำให้ได้ผลไม่สมบูรณ์ เขาแจ้งให้ทุกคนรู้ว่าจะยึดยานแม่ของดาว Amel ก่อนและส่งออกนอกบรรยากาศเพื่อรอรับยานที่ขับโดยพวกเชลยที่ได้รับการช่วยเหลือและจะทยอยนำกลับดาว Moral
มีการแบ่งภาระรับผิดชอบเป็นส่วนๆ โดยใช้ข้อมูลที่ GAC ได้มาจากยานแม่ของข้าศึก กำหนดวิธีการให้สอดคล้องกันเพื่อให้รัดกุมและผิดพลาดน้อยที่สุด ผู้เปิดฉากคือยันต์ด้วยการนำยานข้าศึกออกไปให้หมด จากนั้นผู้รับผิดชอบแต่ละจุดต้องรีบจัดการกองกำลังที่เฝ้าเชลยและช่วยเหลือนำออกไปยังยานเชลยที่จอดอยู่ พร้อมกับขับออกไปนอกดวงดาวเข้าหายานลำใหญ่ที่ถูกยึดเอาไว้
การบุกดวงดาวกำหนดไว้ที่ด้านหน้าซึ่งมีฐานปฏิบัติการของดาว ส่วนเชลยให้หลบหนีไปทางด้านหลังจะได้ไม่กีดขวางการทำงานของฝ่ายจู่โจม มีการทบทวนแผนปฏิบัติการในส่วนที่ตนรับผิดชอบและรับรู้ส่วนที่ผู้ร่วมงานรับผิดชอบด้วยจนทั้งหมดเข้าใจเป็นอย่างดี จากนั้นการทำงานก็เริ่มขึ้น รวมเวลาเตรียมการทั้งหมดครึ่งวัน
พวกห้าอัจฉริยะได้รับมอบหมายให้เป็นฝ่ายช่วยเชลยศึก มีกองกำลังที่เป็นนักศึกษาเข้าร่วมด้วย 20 คน และมีผู้เป็นหัวหน้าคือ Fe ทุกคนต่างมั่นใจว่าการทำงานครั้งนี้ต้องสำเร็จราบรื่นด้วยดี
“ฮู้! แค่คิดก็สนุกสุดๆแล้ว ได้ออกศึกจริงๆซะที รออยู่ตั้งนานนึกว่าไม่มีเรื่องน่าตื่นเต้นเสียอีก” Hobby ส่งเสียงด้วยความสนุกสนาน
“เบาหน่อยพวก ทำเหมือนเด็กได้ขนมไปได้” Sag ผู้มีผมสีทองฟูฟ่องเบรคเพื่อน
“เฮ่ย! สะใจอะ งานนี้ ข้าไม่สนหรอกว่าจะได้ขนมหรือเปล่า” เพื่อนผู้ถูกเตือนกวนกลับ
“ปล่อยมันเถอะ ไม่เคยเห็นอาการแบบนี้มานานแล้ว” Jim บอกกับ Sag
“นั่นสิ ! ฉันก็ว่าน่าสนุกเหมือนกัน” Nene พูดขึ้นบ้างเมื่อเห็นเพื่อนชายกำลังขับเคี่ยวกันอยู่
ในยานสีดำที่สร้างขึ้นใหม่ชื่อว่า Magic เหมือนชื่อห้องฝึกวิชาในเมืองใต้น้ำ มียันต์อยู่เพียงคนเดียว เขาเป็นผู้ดำเนินงานก่อน ยานลำนี้พุ่งเข้าหาดาว Amel เป็นเงาเลือนลางเหมือนหมอกควัน เป้าหมายอยู่ที่ลานจอดยานแม่ขนาดใหญ่ที่เรียงรายกันในลานจอดนอกเมืองหลวง
เหนือท้องฟ้าที่จอดยานซึ่งมีสีดำมืด เบื้องล่างมีแสงไฟส่องสว่างทำให้เห็นยานจำนวนหลายหมื่นลำ พวกดาว Amel นำยานแม่จอดไว้ในที่สามแห่งจำนวนเท่าๆกัน สาเหตุจากขนาดของยานใหญ่โตกินพื้นที่กว้างขวาง อยู่ห่างกันราว 30 กิโลเมตร ซึ่งไม่เป็นปัญหาในการเดินทางไปของยันต์
ผู้นำโลกลอยตัวด้วยเวทย์ลมอยู่เหนือลานจอดยาน สูงขึ้นไปบนท้องฟ้า 5 กิโลเมตร ทำให้มองเห็นยานได้ครอบคลุมทุกจุด เขาใช้การร่ายเพื่อรวมพลัง 3 นาทีเพื่อจะปล่อย Chip Spy จำนวนหลายหมื่นอันที่บรรจุอยู่ในถุงข้างเอวไปยังยานทั้งมวล สิ้นเสียงร่ายที่ดังกังวานไปทั่วท้องฟ้า ซึ่งด้านล่างไม่ได้ยินเพราะความห่างไกล แผ่น Chip เล็กสีดำที่ทำเป็นพิเศษเพื่อป้องกันการมองเห็นก็ลอยพุ่งลงมายังลานจอดยานด้วยมหาวาตะ
สิ่งแปลกปลอมชิ้นเล็กแปะเข้ากับตัวยานแต่ละลำอย่างแม่นยำ ลำละ 1 แผ่น เวลาผ่านไปเพียง 2นาที ยานทั้งหมดก็สลายเป็นเงาหายจากลานจอด เหลือทิ้งไว้แต่ความว่างเปล่า ตัวของยันต์ก็ไม่ได้อยู่ที่เดิมแล้วเพราะเขามุ่งหน้าไปยังที่จอดยานแห่งใหม่
มีคำสั่งจากหัวหน้าใหญ่คือยันต์ให้ยานของโลกทุกลำเร่งระบบป้องกันให้อยู่ที่ 65% จะได้พ้นภัยจากแสงหยุดการเคลื่อนไหวของดาว Amel รวมทั้งเตือนให้พันธมิตรจากดาว Uharo ระวังแสงนี้โดยให้ปฏิบัติการใกล้ชิดกับยานของโลก ซึ่งพวก Qualex ที่นำยานมาร่วมงานจำนวนกว่า 20,000 ลำก็เข้าใจดีและทำตามที่บอก
เมื่อยานทั้งหมดจำนวนกว่าแสนลำในที่จอดทั้งสามแห่งสูญหายไปหมดแล้ว ยันต์ส่งสัญญาณติดต่อให้ยานที่อยู่นอกบรรยากาศเป็นยานรบทั้งหมดบุกเข้ามาด้านหน้าของดาวเพื่อดึงความสนใจของผู้อาศัยในที่นี้
“ท่าน Anoe มียานรบจำนวนมากบุกเข้ายังดาวของเรา สงสัยจะเป็นพวกพ้องของเชลยที่จับมาได้” Zete ผู้ดูแลด้านความปลอดภัยของดาวแจ้งข่าวผ่านภาพมาหา
“ไอ้พวกแมงเม่า ส่งยานแม่นำยานรบขึ้นไป 3 หมื่นลำ จัดการมันให้หมด ลากตัวมาเป็นอาหารซะ” เป็นเสียงตอบกลับด้วยความขุ่นเคือง
มีช่วงของความเงียบไปครู่ใหญ่ แล้วเสียงที่ตกใจก็ดังมา
“ท่าน Anoe ยานแม่ของพวกเราหายไปหมดแล้ว ไม่รู้หายไปได้อย่างไร”
“เฮ้ย! ยานตั้งเยอะแยะมันจะหายไปไหน ตรวจดูให้ดีไม่งั้นเจ้าโดนหนักแน่”
หลังจากหายไปอีกพักใหญ่ ก็มีเสียงตอบกลับมาเหมือนเคย
“หายหมดเลยท่าน ข้าและพรรคพวกส่งสัญญาณตามหาก็ไม่พบเลยแม้แต่ลำเดียว ตอนนี้พวกข้าศึกบุกมาใกล้จะถึงพื้นดาวแล้ว”
“ส่งยานรบขึ้นไปจัดการกับพวกมัน ใช้แสงหยุดการเคลื่อนไหวในยานจัดการ” หัวหน้าใหญ่สั่งการแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เพราะยังไม่หายตระหนกกับการที่ยานลำใหญ่โตหายไปจนหมด
ยานหลายหมื่นลำบินขึ้นจนเหมือนกับฝูงค้างคาวยามพลบค่ำ เป้าหมายเพื่อตรึงและยึดยานผู้บุกรุกที่มีจำนวนใกล้เคียงกัน
พวกของ Jack และ Qualex มีการวางแผนแบ่งกำลังกันไว้แล้ว ตอนนี้ยานของดาว Uharo จะอยู่ด้านหลังของยานจากโลกเพื่อให้เป็นเกราะกำบังแสงหยุดการเคลื่อนไหวของดาว Amel เมื่อพลังแสงสิ้นฤทธิ์การโจมตีก็จะเป็นหน้าที่ของพวกตน
Jack เปิดฉากก่อนโดยปล่อยแสงที่มีพลังรุนแรงเต็มที่เข้าใส่บรรดายานรบฝ่ายตรงข้าม ไม่มีการปราณีเพราะเห็นการกินอาหารของพวกนี้แล้ว ต่างพากันลงมติว่าไม่ใช่มนุษย์แน่นอน การกำจัดไปจะช่วยให้ดาวต่างๆปลอดภัย เมื่อหัวหน้าเริ่มต้นพวกเด็กๆทั้งหลาย ได้แก่อัล ทอม Don และคนอื่นๆรวมทั้งนักศึกษาจาก Tawaz College ก็ระดมยิงตามอย่าง
แสงสีขาวสว่างสุกใสจากยานนับหมี่นลำพุ่งเข้าใส่ฝ่ายเจ้าของดาว ทำให้ระเบิดร่วงหายไปหลายพันลำ
“วู้ ! มันจริงๆอะไรจะสอยง่ายขนาดนี้นะ” เสียงของ Tom ดังขึ้นในยานส่วนตัว เมื่อเห็นพวกตนยิงยานข้าศึกร่วงเป็นใบไม้ร่วงยิ่งทำให้คึกคัก จึงเพิ่มความเร็วของยานขึ้นอีกและบินโฉบเฉี่ยวสอยฝ่ายตรงข้ามอย่างสนุก
“เฮ้ๆ! ไปทางโน้นเฟ้ย อย่ามาแย่งของทางนี้ที่ว่างอื่นมีตั้งเยอะ” เสียงอัลดังมาเพราะถูกแย่งพื้นที่ทำลาย
“ช่วยไม่ได้ครับ! อยากช้าทำไมล่ะ ฮี่ ! ฮี่ !” เป็นเสียงตอบและหัวเราะยั่วเย้า ทำให้ผู้ประท้วงต้องเร่งความเร็วเพื่อจะได้เข้าสู่โหมดที่คล้ายคลึงป้องกันการถูกแย่งเหยื่อ
“ยิงแสงหยุดการเคลื่อนไหว” Waf หัวหน้าหน่วยรบของดาว Amel สั่งอย่างรีบด่วนเมื่อเห็นยานพวกตนถึงกับสูญเสียไปเป็นจำนวนมาก
แสงสีแดงเข้มพุ่งออกจากยานรบฝ่ายเจ้าบ้าน แต่กลับถูกบาเรียที่ยานรบแต่ละลำส่งออกมาป้องกันไว้ได้ เมื่อแสงสีแดงหดหายไป แสงสีขาวจากยานที่อยู่เบื้องหลังที่ไต่ระดับขึ้นที่สูงพ้นจากพวกเพื่อนก็ยิงออกมาแทนที่ ทำให้พวกต้านรับต้องสูญเสียยานไปอีกหลายพันลำ บางตาลงไปมากหลังจากที่บินขึ้นมาด้วยความหนาแน่น
ขณะที่พรรคพวกปฏิบัติการทางด้านหน้าอยู่อย่างเข้มแข็ง ยันต์ก็บอกให้ผู้ที่จะช่วยเหลือเชลยเริ่มดำเนินการทันที
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
PS. ในความเป็นจริงนั้นตอให้ฉันทุ่มเทเธอก็ทำเป็นไม่เห็น ไม่ใยดี กับมันเลย
เพราะว่ามันสนุกมากกกกกก....
จะรออ่านต่อนะครับ
ขอบพระคุณมากนะครับ
PS. ถ้าตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไป สิ่งที่เหลือแม้จะไม่น่าเชื่อเพียงใดก็ตาม แต่มันก็คือความจริง
PS. ถ้าตัดความเป็นไปไม่ได้ออกไป สิ่งที่เหลือแม้จะไม่น่าเชื่อเพียงใดก็ตาม แต่มันก็คือความจริง
จะรออ่านต่อนะครับ