Supreme
บทที่ 2 …
1. ……ผู้พิทักษ์
หลังจากฮื่มฮั่มใส่กันมานาน ด้วยเรื่องหลายเรื่อง ไม่ว่าจะด้านการค้าที่แย่งชิงลูกค้ากันอย่างไม่ไว้หน้า เรื่องการเมืองที่ประธานาธิบดีโต้วาทะกันทาง NET เกือบจะเป็นรายสัปดาห์ การเคลื่อนกำลังอาวุธและหาพันธมิตร สุดท้าย Sulva Alstorm ประธานาธิบดีของประเทศ Susthor ทวีปอมารอน ก็ประกาศสงครามกับประเทศ Malavia ทวีปเวลัน หลังการประชุมลับของฝ่ายป้องกันประเทศ ซึ่งตามรัฐธรรมนูญมอบอำนาจให้ฝ่ายนี้เป็นผู้ตัดสินใจประกาศสงคราม
“ล่าสุด ที่สืบได้ข้อมูลมา กองกำลังของ Malavia เพิ่มจาก 3 แสนคนเป็น 5 แสนคน ยานบินประจำอยู่ที่ฐานภายในประเทศและประเทศพันธมิตรอีกราว 15, 000 ลำ เห็นได้ชัดว่ามีเจตนาจะทำสงครามกับประเทศเรา” พลเอก Amis Dulcane หัวหน้าฝ่ายข่าวกรองรายงานที่ต่อที่ประชุม พร้อมกับนำเสนอภาพถ่ายที่ดาวเทียมสายลับถ่ายได้ให้ทุกคนชม และพูดต่อว่า
“เรื่องราวเป็นอย่างนี้ ฝ่ายเราพยายามรักษามิตรภาพเอาไว้ แต่พวกเขาไม่ยอมรับ สาเหตุสำคัญที่มีท่าทีก่อสงครามน่าจะเป็นการขายอาวุธของเรากับประเทศ Xobalia เมื่อเร็วๆนี้”
ที่ประชุมที่มีบุคคลสำคัญทางการทหารและประธานาธิบดีอยู่ในภาวะเงียบงัน มีเสียงของรัฐมนตรีฝ่ายกลาโหมดังทำลายความเงียบขึ้นว่า
“ผมเห็นควรประกาศสงคราม”
“ผมเห็นด้วย” เสียงสนับสนุนจากหลายฝ่ายดังขึ้น
หลังจากมีการเห็นพ้องจากที่ประชุม ประธานาธิบดีจึงกล่าวสรุป
“แจ้งการประกาศสงครามให้ทั่วโลกรับรู้ เราจะเคลื่อนกองทัพในอีก 24 ชั่วโมง ปิดประชุม”
มหาสมุทร Valvic
ยานบินรบ 15, 000 ลำ ของ Susthor จากฐานบินในประเทศและฐานบินประเทศพันธมิตรบินว่อนท้องฟ้าเข้าสู่มหาสมุทร Valvic เพื่อมุ่งหน้าสู่ประเทศ Malavia รอบแรกล้วนเป็นกำลังรบของประเทศตนเอง การประกาศสงครามต้องทำตามกติกาสากลคือ ประกาศก่อนการรบ 24 ชั่วโมงและต้องประกาศให้ทั่วโลกรับรู้
ข่าวใหญ่นี้เป็นข่าวมหาวินาศภัยของโลก ทั้งสองประเทศมีกำลังรบทัดเทียมกัน มีพันธมิตรหลายสิบประเทศ หากขยายสงครามก็จะกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 ไม่ต้องถามว่าประเทศใดจะชนะ เอาแค่ถามเพียงใครจะเหลืออะไรมากกว่ากันดีกว่า ประชาชนของทั้งสองประเทศต่างตื่นตระหนกตกใจกับข่าวการประกาศสงครามระหว่างกันในครั้งนี้ ส่งเสียงสาปแช่งผู้ก่อสงคราม แต่แก้ไขอะไรไม่ได้เพราะได้ให้อำนาจแก่พวกเขาผ่านรัฐธรรมนูญไปแล้ว ทุกคนพากันเคลื่อนย้ายสิ่งของเพื่ออพยพหนีภัยสงคราม ที่มีเงินก็รีบอพยพไปยังประเทศอื่น ส่วนใหญ่ที่มีเงินไม่พอบ้างหลบไปยังป่าเขานอกเมือง บ้างหลบไปอยู่ตามภูเขาเพื่อความปลอดภัย สิ่งของเครื่องใช้จำเป็นโดยเฉพาะอาหารราคาถีบตัวสูงขึ้นหลายเท่าตัว
ผู้นำของทั้งสองประเทศมีลักษณะเหมือนกัน คือก้าวร้าว ยอมหักไม่ยอมงอ และแถมท้ายคือบ้าอำนาจ ปกติก็ไม่ฟังเสียงค้านจากฝ่ายค้านอยู่แล้ว อาศัยที่มีเสียงมากกว่าในสภาสร้างความเห็นชอบอยู่ตลอดเวลา
ที่มาของสงครามเริ่มมาตั้งแต่สมัยประธานาธิบดีทั้งคู่เป็นหนุ่ม ศึกษาอยู่สถาบันและคณะเดียวกัน ต่างขับเคี่ยวแข่งขัน ผลัดกันนำหน้าด้านชื่อเสียงในการเรียนจนจบการศึกษา ไม่มีไมตรีที่ดีงามต่อกัน เมื่อเล่นการเมืองไต่เต้าขึ้นจนถึงระดับผู้นำประเทศ ความขัดแย้งก็สุกงอม มีการไล่ทูตของประเทศคู่แข่งกลับประเทศด้วยข้อหาธรรมดาสามัญนั่นคือ จารชน ต่อมาก็สะสมความขัดแย้งมากขึ้นทุกที ผู้นำก็ชี้ให้บรรดาสมาชิกพรรคและสภาเห็นถึงความไม่ชอบมาพากลของประเทศคู่แข่ง จนกระทั่งถึงจุดที่ต้องทำให้รู้ว่าใครแน่กว่ากัน
ยันต์อยู่ในช่วงที่กำลังคิดหาทางช่วยพวกมนุษย์กลายพันธุ์ให้เป็นปกติ เขาและ GAC ยุ่งแต่เรื่องข้อมูลที่เจาะลึกถึงยีนในร่างคน เพื่อดูการเข้าแทรกแซงของสารกันมันตรภาพรังสี จนทำให้คนเปลี่ยนแปลงไป จึงไม่ได้รู้ว่ามีสงครามเกิดขึ้น เพราะที่ผ่านมาก็มีแต่ข่าวกระทบกระทั่งจนเป็นปกติ
ช่วงเวลาที่ทั้งสองใช้ไปในการศึกษาจนมีแนวทางแก้ไขพวกที่มีอาการน้อยกว่าเพื่อนคือ 5 วัน นั่นก็ทำให้สภาพสงครามไปไกลมากแล้ว ทั้งสองประเทศเสียหายจากการโจมตีซึ่งกันและกัน เริ่มแรกเป็นการโจมตีฐานทัพและแหล่งอาวุธ ต่อมาขยายเป็นเส้นทางสำคัญ เมื่อบ้านเมืองตนถูกทำลายก็เอาคืนโดยไม่คำนึงถึงพลเมืองตาดำๆ ความทุกข์ทรมานเกิดขึ้นทั่วไป และกำลังจะลามไปสู่ประเทศพันธมิตรที่ให้ตั้งฐานทัพ
“สั่งการให้โจมตีฐานทัพที่ประเทศ Balbow” พลเอก Camus Luthur ผู้บัญชาการรบของ Malavia สั่งการ ทำให้เป้าหมายการรบเพิ่มขึ้นทันที
“จัดการประเทศ Noban ทำลายฐานทัพให้เรียบ” พลเอก Zaab Umilov ผู้บัญชาการรบของ Susthor สั่งการในเวลาที่ใกล้เคียงกัน
สงครามเริ่มขยายออกไปในวงกว้าง ยานรบบินเต็มน่านฟ้า การโจมตีประเทศพันธมิตรทำให้ประเทศอื่นๆที่เป็นสมาชิกของทั้งสองฝ่ายเข้าร่วมรบด้วย ความเสียหายทั้งบ้านเรือนทรัพย์สินและชีวิตคนเกินประมาณได้ ตอนนี้จึงกลายเป็นสงครามโลกครั้งที่ 3 โดยสมบูรณ์
มีหลายสิบประเทศที่ไม่เข้าร่วม เนื่องจากประกาศตนเป็นกลางมานาน ประเทศ Taiya ทวีปเอเชียนาที่ยันต์อาศัยอยู่ก็เป็นหนึ่งในพวกนี้
ยันต์เสร็จจากการคิดวิธีรักษา เป็นเวลาที่สงครามสุกงอมแล้ว ทุกประเทศต่างประสบความสำเร็จจากการรบ นั่นคือบ้านเมืองพังทลาย ประชาชนล้มตายไปเกินครึ่งในแต่ละประเทศ บัดนี้สงครามได้ดำเนินมาถึงขั้นตอนสุดท้าย เพื่อยุติสงครามและเป็นผู้ชนะ ประเทศมหาอำนาจทั้งสองกำลังจะเริ่มกระบวนการรบด้วยหัวรบ Sitron ที่พัฒนามาจากหัวรบนิวตรอน มีอานุภาพทำลายมากกว่านิวเคลียร์ 1, 000 เท่า
“เพื่อชัยชนะที่เด็ดขาด เราต้องใช้จรวดติดหัวรบ Sitron มีใครคัดค้านบ้าง” ประธานาธิบดี Sulva Alstorm เอ่ยถามเสียงกร้าวในที่ประชุมฝ่ายป้องกันประเทศ
ไม่มีผู้ใดคัดค้าน ความแค้นที่ถูกทำลายประเทศสุมอยู่ในอก ดังนั้นการปล่อยขีปนาวุธจึงเริ่มขึ้นภายในเวลา 1 ชั่วโมงข้างหน้า ซึ่งก็เป็นเวลาใกล้เคียงกันที่ฝ่าย Malavia ใช้วิธีเดียวกัน
ยันต์ออกมานั่งพักผ่อนหลังเสร็จเรื่องภายในห้อง Paradise เขากำลังจิบน้ำผลไม้อย่างมีความสุข
“Boss ครับ ผมขอรบกวนเวลาพักผ่อน ตอนนี้ประเทศ Susthor และประเทศ Malavia กำลังจะปล่อยขีปนาวุธที่มีหัวรบ Sitron เพื่อทำลายฝ่ายตรงข้ามแล้วครับ”
ยันต์ฟังเสียงรายงานด้วยความแปลกใจ เขาขอภาพซึ่ง GAC ประมวลภาพตั้งแต่เริ่มสงครามฉายให้ดูอย่างรวดเร็ว ยันต์นิ่งไปอึดใจแล้วถาม
“เหลือเวลาอีกเท่าไรที่จะปล่อยขีปนาวุธ”
“ประเทศ Susthor 2 นาที ประเทศ Malavia 3 นาที ครับ”
“ผลจะเป็นอย่างไรถ้าโดนระเบิดทั้งสองฝ่าย”
“ผู้คนทั้งสองประเทศจะหายไปหมด เหลือแต่อาคาร ระเบิด Sitron ปัจจุบันร้ายแรงกว่านิวเคลียร์เดิม 1, 000 เท่า”
“ทั้ง 2 ประเทศตอนนี้เหลือคนอยู่เท่าไหร่”
“เดิม Susthor มีอยู่ 155 ล้านคน ตอนนี้เหลือราวๆ 70 ล้านคน ประเทศ Malavia เดิมมีอยู่ 183 ล้านคน ตอนนี้เหลือ 81 ล้านคน ไม่นับพวกประเทศพันธมิตรที่เดิมมีประชากรรวมกันมากกว่า 1, 400 ล้าน ตอนนี้เหลือเพียง 835 ล้านคน”
“เฮ้อ! มันจะรบอะไรกันนักหนา ตายเป็นเบือ ถ้าไม่หยุดก็คงหายไปหมด GAC ช่วยยึดระเบิดที่พวกนั้นจะปล่อยที” หลังจากรำพึงรำพันด้วยความเบื่อหน่ายปนสังเวชใจกับประชาชนที่มีผู้นำซื่อบื้อ ยันต์สั่งให้ AI คู่ใจทำงานทันที
ประเทศ Susthor
ศูนย์ควบคุมอาวุธ Sitron
“ 9 … 8 … 7 … 6 … 5 …………..” เสียงนับถอยหลังขาดหายไป ทำให้ไม่สามารถปล่อยขีปนาวุธได้
“ฉุกเฉิน ... ฉุกเฉิน ... ปฏิบัติล้มเหลว ... ปฏิบัติการล้มเหลว ไม่สามารถปล่อยขีปนาวุธไปยังที่หมายได้ ขอให้หน่วยตรวจสอบขีปนาวุธเข้าตรวจสอบโดยด่วน” เสียงประกาศดังลั่นศูนย์ควบคุมอาวุธ Sitron ของ Susthor
หลังจากนั้นอีก 1 นาที ประเทศ Malavia ก็ประสบเหตุการณ์เช่นเดียวกัน ฝ่ายตรวจสอบต่างวิ่งวุ่นทั้งสองประเทศเพื่อที่จะเข้าไปตรวจสอบการจุดระเบิดส่งขีปนาวุธ เพราะไม่รู้ว่าการขัดข้องจะทำให้เกิดระเบิดขึ้นในประเทศของตนหรือเปล่า เนื่องจากการนับถอยหลังหายไปเฉยๆ
“เข้าห้องปล่อยขีปนาวุธไม่ได้ ประตูถูกล็อคอัตโนมัติ ขอให้เจ้าหน้าที่เทคนิคช่วยตรวจสอบและเปิดประตูให้ด้วย” เสียงหัวหน้าหน่วยตรวจสอบแจ้งมายังศูนย์อำนวยการ
เมื่อเจ้าหน้าที่เทคนิคตรวจสอบรหัสการเปิดประตูเข้าไปในห้องปล่อยขีปนาวุธ พบว่า รหัสถูกเปลี่ยนแปลง ผ่านการแก้ไขจนเหงื่อตกนานกว่า 30 นาทีก็ไม่สามารถเปิดได้ จึงต้องแจ้งให้ศูนย์อำนวยการทราบ
“รหัสประตูถูกเปลี่ยน ไม่สามารถค้นหารหัสที่ถูกต้องในการแก้ไขรหัสได้ ขอให้ส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการถอดรหัสมาดำเนินการด่วน”
ศูนย์อำนวยการจัดส่งผู้เชี่ยวชาญด้านการถอดรหัสมาปฏิบัติงาน แต่ไม่สามารถแก้ไขรหัสและเปิดประตูได้ ทำให้ต้องแจ้งเรื่องให้กับฝ่ายป้องกันประเทศทราบ
“ทำไมถึงเป็นอย่างนี้ มันเกิดอะไรขึ้น ระดับความปลอดภัยตั้งไว้สูงสุดที่ระดับ 5 ไม่น่ามีความผิดพลาด ตรวจสอบพบความผิดปกติหรือเปล่า” ประธานาธิบดีถามหัวหน้าศูนย์ควบคุมอาวุธ Sitron ด้วยความสงสัยและหัวเสีย
“ทางเรากำลังเร่งตรวจสอบครับท่าน จากการรายงานขั้นต้น ไม่พบข้อผิดพลาดใดๆในระบบ แต่การหยุดจุดชนวนระเบิดและการล็อคของห้องขีปนาวุธ ยังไม่สามารถบอกรายละเอียดได้”
ประเทศ Malavia ก็พบกับปัญหานี้เช่นกัน ตอนนี้สงครามจึงสงบไปโดยปริยายเนื่องจากทั้งสองประเทศต่างวิตกว่าการหยุดกระทันหันของการจุดระเบิด จะเป็นเหตุให้เกิดการระเบิดขึ้นภายในประเทศของตน จึงระดมช่างเทคนิคทุกด้านเข้าแก้ไข แต่ประตูที่ทำไว้อย่างหนาแน่นด้วยโลหะที่แข็งแกร่งหนาเป็นเมตร ไม่สามารถจะเจาะทะลุให้เข้าไปได้ง่ายๆ
Star Palace
ห้อง Paradise
ยันต์มองดูภาพที่ปรากฎในจอ เป็นภาพเหตุการณ์ที่เกิดในสองประเทศ มีทั้งในห้องประชุมฝ่ายป้องกันประเทศและห้องศูนย์ควบคุมการส่งขีปนาวุธ มีเสียงพูดกับตัวเองดังขึ้น
“พวกบ้าอำนาจ ทำลายชีวิตผู้คนไปไม่รู้กี่ร้อยล้าน ยังจะฆ่าต่อจนหมดประเทศรวมทั้งตัวเองด้วย มันบ้ากันรึเปล่า ระบบป้องกันรังสีก็ไม่มี มันจะไปเหลืออะไร”
“พวกนี้จะเจาะประตูสำเร็จในอีก 1 ชั่วโมงครับ Boss จะให้ผมทำยังไงต่อ”
“ล็อคระบบตัวจรวดให้หมด อย่าให้พวกนี้เปิดเอาระเบิด Sitron ไปใช้ได้ ถ้าจำเป็นให้ใช้ไฟฟ้าแรงสูงขับไล่ไม่ให้มายุ่งกับจรวด”
“ครับ”
เหตุการณ์เป็นไปตามที่ GAC บอก ทั้งสองฝ่ายเจาะประตูหนา 1 เมตร ด้วยเครื่องเจาะที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ไม่สามารถเข้าไปแก้ไขจรวดได้ เนื่องจากมีกระแสไฟฟ้าออกมาช็อตทำให้เจ้าหน้าที่บาดเจ็บและไม่สามารถทำงานได้ ต่างสันนิษฐานว่าตัวจรวดคงขัดข้องทำให้ไฟฟ้ารั่วออกมา
“ถ้ามีประเทศไหนจะปล่อยระเบิดอีก จัดการยึดให้หมด เอาภาพการประชุมตกลงปล่อยจรวดหัวรบ Sitron ให้กับ Express World เราจะให้โลกตัดสินลงโทษพวกฆาตกร”
Express World
“เรามีข่าวสำคัญที่จะให้คุณช่วยประชาสัมพันธ์ ขอให้ดูก่อนแล้วค่อยตัดสินใจ” เครื่องคอมพิวเตอร์บนโต๊ะของประธาน Express World สื่อทรงอิทธิพลที่สุดในโลกปัจจุบันมีเสียงดังและที่ผนังซึ่งมีจอภาพขนาดใหญ่ปรากฎภาพให้ชม
Richard Upright รูปร่างสูง ผมสีเงิน อายุราว 45 ปี พอๆกับพวกพ่อแม่ของอัล นั่งมองภาพการประชุมและการปล่อยขีปนาวุธของทั้งสองประเทศที่มีในเครื่องคอมพิวเตอร์ของเขาอย่างตกตะลึง
“พวกนี้มันบ้า มันกำลังทำลายโลก” เขาพึมพำออกมาด้วยเสียงที่สั่นเครือ เพราะหากเป็นการกระทำที่สำเร็จผล คนจะตายกันมากมายนับพันล้านคน เพราะระเบิด Sitron ตั้งไว้ให้ทำลายฝ่ายตรงข้ามรวมทั้งที่เป็นพันธมิตรอีกหลายประเทศ
แล้วโลกก็ได้รับรู้เรื่องราว สื่อทุกชนิดของ Express World ประโคมข่าวอย่างปัจจุบันทันด่วน นั่นเป็นเหตุการณ์หลังจากการปล่อยจรวดถูกขัดขวาง 30 นาที
เครื่องสื่อสารของผู้นำประเทศทุกประเทศในโลกทำงานหนัก ข่าวนี้สร้างความตกตะลึงให้กับคนทั้งโลก ทุกคนมีความเห็นตรงกันที่จะร่วมกำจัดฆาตกรโหด นอกจากกระแสโลกแล้ว คนในประเทศทั้งสองที่ได้รับรู้ข่าวนี้ ต่างรวมตัวกันเป็นคลื่นมหาชน กดดันให้ประธานาธิบดีและฝ่ายป้องกันประเทศลาออกจากตำแหน่ง
หลังเหตุการณ์ร้ายหนึ่งสัปดาห์ ทุกอย่างก็สงบ พวกผู้นำถูกจำคุกเพื่อรอรับการพิจารณาโทษในฐานะฆาตกร แต่ละคนคอตกเดินเข้าเรือนจำอย่างเหงาหงอย ไม่มีใครสงสารและเห็นใจ ทุกคนต่างประณามการนำประเทศไปสู่สงครามและหวุดหวิดจะทำลายล้างคนในประเทศทุกคน
วันที่สามนับจากการรับข้อมูลและรายงานข่าวสู่สาธารณชน Richard ยังคงนั่งนิ่งอยู่บนเก้าอี้ในห้อง เขามองดูเครื่องคอมพิวเตอร์บนโต๊ะ ตอนนี้หน้าจอเป็นภาพสามมิติของอาคารสำนักงานซึ่งเขานำมาไว้หน้า Desktop แต่ที่ทำให้วุ่นวายใจคือเรื่องที่มีคนส่งข่าวมาหา มันเข้ามาได้อย่างไร และนับจากการส่งไฟล์ข้อมูลให้แล้วก็เงียบหายไป
World Express เป็นบริษัทใหญ่ทรงอิทธิพลด้านข่าวสาร แน่นอนว่าระบบป้องกันการเข้าแทรกแซงเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของบริษัทต้องอยู่ในระดับยอดเยี่ยม เพราะจะผิดพลาดไม่ได้เลย หากใครสามารถเข้ามาและใช้เป็นที่ให้ข้อมูลผิดพลาดสู่มหาชน ความพินาศก็จะตามมาอย่างประมาณความเสียหายไม่ได้
ระบบป้องกัน Hacker ของบริษัทอยู่ในอันดับต้นๆของโลก เคยมีผู้ลองวิชาและ Hack ข้อมูล แต่ไม่สามารถผ่านด่านชั้นแรกได้ ถูกจับดำเนินคดีไปหลายราย จนไม่มีใครอยากลองดีอีก เขารอให้ฝ่ายตรวจสอบระบบมารายงานผลการค้นหาที่มาของข่าว เพราะคิดว่าพวกนี้จะตรวจจับการบุกรุกได้ แต่ไม่ได้รับรายงานใดๆเหมือนว่าเรื่องราวเป็นปกติ
ประตูมีเสียงเคาะ เขาบอกอนุญาตให้เข้ามาได้ บุรุษร่างสูง ผมสีทอง เดินเข้ามาในห้อง
“นั่งสิ Wall”
เมื่อ Wallen Domine ผู้เป็นมือขวาของเขานั่งลงเรียบร้อย เจ้าของห้องถามขึ้นว่า
“สามวันก่อน เวลา 9 โมงเช้า คุณตรวจจับการบุกรุกเข้าระบบได้หรือเปล่า”
“ไม่มีอะไรนี่ครับ เครื่องทุกเครื่องและระบบทุกระบบทำงานเป็นปกติ ไม่มีสัญญาณการบุกรุกใดๆ” ชายหนุ่มตอบด้วยท่าทางสงสัย
ประธานบริษัทกดสั่งคอมพิวเตอร์ให้แสดงภาพบนผนัง มีเสียงดังขึ้นก่อนแล้วจึงมีภาพที่เขาส่งให้ประชาสัมพันธ์ออกไปทั่วโลกให้คู่สนทนาดู
Wallen นั่งดูเงียบๆ สมองทำงานอย่างรวดเร็ว เขาไม่ได้สนใจภาพเพราะเห็นแล้วเห็นอีกไม่รู้กี่รอบ แต่สนใจในเสียงก่อนจะมีภาพให้ดู
“เสียงและภาพมาจากใครครับ”
“ผมไม่รู้ เครื่องของผมจะไม่รับภาพและเสียงจากภายนอกถ้าไม่ปลดล็อค คุณเป็นคนออกแบบโปรแกรมให้เองนี่ แต่อยู่ๆมันก็เข้ามาได้เอง ผมว่ามันยังไงๆอยู่ เลยเรียกคุณมาพบ”
เหตุการณ์นี้เป็นปริศนาสำหรับประธานบริษัทและหัวหน้าระบบป้องกันของบริษัทที่จะต้องหาทางแก้ไข เพราะหากเป็นคนร้าย บริษัทนี้คงพับฐานแน่นอน
โลกเปลี่ยนผู้นำใหม่ เพราะประเทศมหาอำนาจระดับต้นต่างสูญเสียกำลังคนและเศรษฐกิจไปมากมาย ทำให้ตกอันดับไปอยู่รั้งท้าย ตอนนี้ประเทศ Taiya ขึ้นมาอยู่อันดับที่ 10 ของโลก เศรษฐกิจของประเทศดีวันดีคืนเนื่องจากผู้นำทางเศรษฐกิจเดิมขาดอำนาจในการแข่งขันเสียแล้ว สำหรับอันดับหนึ่งของโลกได้แก่ประเทศ Bovalia ทวีป ยูโรปา
ยันต์ใช้สิ่งที่คิดค้นได้มาช่วยเหลือผู้กลายพันธุ์ เขาให้ GAC ใช้ระบบวิเคราะห์ ตรวจสอบยีนของคนทีละเมืองจาก chip พลเมือง การศึกษาที่ล้วงลึกถึงภายในยีนทำให้รู้ว่าผู้ใดเป็นมนุษย์กลายพันธุ์ เขาให้ส่งข้อความนัดหมายทาง NET ให้ไปรักษายังตึก Memorial ห้อง 123 ที่เขาซื้อและตกแต่งห้องเพื่อการนี้โดยเฉพาะ หมดเงินไป 30 ล้านบาท
เขาให้ผู้ที่ได้รับการติดต่อ ตัดสินใจเอาเองว่าจะรักษาหรือไม่โดยไม่มีการบังคับใดๆ หากใครต้องการรักษาให้ติดต่อกลับมาและจะได้เวลารักษากับสถานที่ไป แรกๆมีผู้ติดต่อหลายราย ยันต์ให้กำหนดเวลาและสถานที่แก่คนเหล่านี้ ไม่นานนักเขาก็มีงานอดิเรกชิ้นใหม่นั่นคือการรักษาเพื่อนมนุษย์ให้กลับคืนสภาพเดิม เป็นความสุขใจอย่างหนึ่งที่ได้ให้สิ่งดีๆแก่คนอื่น แต่ก็ทำได้ไม่นานเพราะหลังจากรักษาให้ได้ราว 100 คนก็ไม่มีใครสนใจที่จะมาอีก อาจจะเป็นเพราะชอบการมีสิ่งที่เหนือมนุษย์ก็ได้ ทำให้ต้องยกเลิกโครงการและขายห้องเอาเงินคืนมา
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
PS. ขอขอบคุณไรท์เตอร์ทุกท่าน ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน
PS. BIG BANG - B.A.P - 2PM - GOT7 - EXO - SNSD - AKMU
PS. ที่นี่!! ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงสถานที่ๆเก็บคลังนิยาย ที่ชอบ=,.=;; หลงเข้ามาแล้ว!! ไงๆก็ช่วยดูๆหน่อยนะ
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
PS. ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว เข้าชม My.iD ของผม กันบ้างนะครับ
PS. เปรียบดังสายฝนซึ่งจะชำระล้างทุกสรรพสิ่ง Pioggia!!
PS. ความต้องการที่ไม่มีสิ้นสุด
PS. คนมี สุข ทุกข์ ร่วม พลัดพราก จันทร์มี มืด สว่าง กลม แหว่ง เว้า
เยี่ยมมากกกกก ...
ช่วยโลกได้ทัน มนุษย์กลายพันธ์ก็ช่วยแล้ว ถึงไม่มากก็เถอะ ...แล้วจะทำอะไรต่อล่ะเนี๊ย