Supreme

บทที่ 3                               

15… ผู้บุกรุก

          เวลา 1 เดือนผ่านไป ช่วงที่ผ่านมานั้น เมืองใต้น้ำมีการเตรียมการรับมือด้วยความไม่ประมาทเพราะยันต์เชื่อในการทำนายของ GAC ซึ่งมีความผิดพลาดน้อยมาก  ทำให้เขาต้องยอมรับในศาสตร์แห่งการพยากรณ์ไปโดยปริยาย  มีการสร้างโดมสำหรับเก็บสินค้าที่ใหญ่โตเกือบเท่าเมืองใต้น้ำไว้อีกหนึ่งแห่ง เป็นการเร่งสร้างโดยใช้คนงานจำนวนมากทั้งที่มีอยู่ในบริษัทและจ้างมาเฉพาะกิจ

การดำเนินงานก่อสร้างเป็นไปตลอด 24 ชั่วโมงโดยทำงานเป็น 4 ผลัด  พวกคนงานสงสัยในการสร้างอาคารที่คล้ายโกดังเก็บสินค้าเพราะไม่รู้ว่าเมือง Aqualancia เป็นเจ้าของบรรษัทใหญ่ของโลก  แต่เมื่อได้รับคำตอบว่าจะเอาไว้เก็บสินค้าของบริษัทจึงเลิกสนใจ  งานเสร็จสิ้นและรับสินค้ามาเก็บไว้เป็นปริมาณมหาศาล  การเตรียมความพร้อมเหล่านี้เป็นไปในช่วงที่เขาปิดตัวเพื่อสร้าง Past ขึ้นมา  รวมไปถึงหลังจากไปหาญาติและคนรู้จักเพื่อชวนให้อพยพมาอยู่ด้วยกัน

          นอกจากใต้น้ำแล้วยังมีการสร้างคลังสินค้าบนทวีปต่างๆ หลายสิบแห่ง  ซึ่ง GAC เป็นผู้ค้นหาสถานที่และกำหนดให้สร้างเพื่อความปลอดภัย  เนื่องจากคาดว่าผู้เดือดร้อนต้องมีจำนวนมาก   ดังนั้นที่เก็บของจึงใหญ่โตมโหฬาร  พวกญาติพี่น้องทุกคนที่ความสามารถด้านต่างๆหลากหลายอาชีพพากันช่วยดำเนินการเพื่อให้แล้วเสร็จแข่งกับเวลา  ซึ่งก็เป็นไปตามต้องการที่ทุกอย่างลุล่วงไปด้วยดีทันเวลา  สิ่งของที่เก็บกักตุนไว้แต่ละแห่งมีปริมาณที่พอช่วยคนเดือดร้อนได้หลายล้านคนในเวลา 3 เดือน

          James พ่อของ Fe   Janและแจ็ค ที่เป็นผู้ชำนาญเรื่องหุ่นยนต์และจักรกลเป็นเจ้าของเรื่องในการสร้างหุ่นยนต์จำนวน 1,000 ตัวเพื่อใช้เป็นการ์ดป้องกันสถานที่  มีพวกสรภพ  ฤทธี  ไตร และน้องๆจากบ้าน META ทั้งห้าคนคือ เสือ    Tomas   ทาเคชิ   เหลียงเว่ย และยูมินโฮ  เป็นผู้ดำเนินการด้านความปลอดภัย 

ยันต์รับเรื่องการลงโปรแกรม GACและSAY ลงในตัวหุ่นป้องกันภัย  เขารวม AI ทั้งสองเป็นชื่อใหม่ว่า ‘TOP’  มีโปรแกรมต่อต้านและทำลายด้วยความคิดของหุ่นยนต์ซึ่งเป็นระดับ Genius   พวกมันจะวิเคราะห์สถานการณ์ความปลอดภัย  ระดับอันตรายจากตัวบุคคลที่เข้ามาด้วยข้อมูลจาก Chip พลเมือง  จากนั้นจะทำการกำหนดระดับการป้องกัน  ต่อต้านและทำลายตามสิ่งที่วิเคราะห์ได้  งานนี้ยันต์ตัดใจให้หุ่นยนต์จัดการได้เองเพราะเขาไม่มีเวลามาทำทุกเรื่องด้วยตัวเอง  เนื่องจากมีภาระหลายด้าน  แต่ที่แน่นอนคือเขาทุ่มใจทำ Ai นี้ให้มีคุณภาพที่เยี่ยมที่สุด  เรื่องที่หุ่นยนต์ตัดสินใจทำลงไปจะไม่มีการกลับมารื้อฟื้นอีก

ยังมียานบินที่สร้างเพิ่มขึ้นอีกเช่นกัน  จากที่มีอยู่ใต้น้ำ 100 ลำ  เพิ่มอีก 1,000 ลำ รวมเป็น 1,100 ลำ  ใช้ AI ที่ชื่อ MIX ควบคุมเหมือนในยาน ALFA ทุกลำ   ระบบสั่งการและควบคุมทั้งหมดอยู่ที่ศูนย์รวมที่เมืองใต้น้ำและที่ตัวเขาเพียงสองแห่ง

ดวงอาทิตย์

          ยานลำใหญ่และลำเล็กที่อยู่ไม่ห่างไกลกันนัก  ทำการดูดพลังงานจากดวงอาทิตย์จนถึงตอนนี้  หัวหน้ายานลำใหญ่สั่งให้ Eza  ที่เป็น AI ของยานติดต่อไปยังยานลำเล็กที่ผู้ใต้บังคับบัญชาดูแลอยู่

          “ติดต่อ Kobos”

          ในยานลำเล็ก มีสัญญาณเตือนการติดต่อพร้อมกับภาพ 3 มิติปรากฎต่อหน้าของผู้ควบคุมยาน 

          “เป็นไงบ้าง  ยานของเจ้าน่าจะได้พลังงานเต็มแล้วนะ”

          “ครับ! หัวหน้า  จะให้ผมทำอย่างไรต่อไป” Kobos มองผู้มาติดต่อที่ร่างสูง 3 เมตร  ตัวใหญ่โต สีเขียว    ฟันแหลมคม  มีนิ้วมือ 7 นิ้ว  นิ้วเท้า 3 นิ้ว  ลำตัวมีเกล็ดหนา  มีอาภรณ์เป็นผ้าสีน้ำตาลคล้ายเปลือกไม้คลุมอยู่เช่นเดียวกับตน

          “ข้าจะให้เจ้านำยานไปทดลองพลังของดวงอาทิตย์ที่นี่   มันดูจะไม่ค่อยมีพลังมากเหมือนที่เราเคยได้มา  อาจเป็นเพราะมันผ่านเวลามานานแล้วจนพลังใกล้หมดก็ได้   ข้าอยากรู้อำนาจทำลายเพื่อจะได้ปรับปรุงมัน”

          “ครับ! หัวหน้า  แล้วผมจะรายงานให้ทราบ”

          ยานสีออกเทาแก่  กว้าง 3 กิโลเมตร  ยาว  5 กิโลเมตร  ถอนตัวจากดวงอาทิตย์หลังจากท่อดูดพลังถูกหดกลับเข้าตัวยาน  มันกลับลำช้าๆ  หัวยานพุ่งมาทางกลุ่มดาวที่โคจรรอบดวงอาทิตย์

          “อืม! เลือกดาวดวงไหนดีหว่า  ไอ้ที่มีวงแหวนกับดวงอื่นๆดูมันแห้งแล้ง  น่าจะต้านทานพลังได้ไม่นาน  อ้อ! ดวงสีน้ำเงินนั่นน่าสนใจแสดงว่ามีชีวิต  พลังต่อต้านคงจะมาก  ไปลองดูดีกว่า” เสียงของ Kobos ที่พึมพำออกมาเบาๆนั้นเป็นการกำหนดชะตาโลกมนุษย์  เป็นชะตาแห่งความเดือดร้อน

          ความเร็วของยานขัดกับรูปร่าง  มันมีความเร็วมากกว่าแสง 5 เท่า  เมื่อเดินทางด้วยความเร็วเต็มที่   เพียงนาทีกว่าๆก็มาปรากฎตัวห่างจากโลกแค่ 50,000 กิโลเมตร

          “ฮึ! ฮึ! เป็นอย่างที่คิด  ใช้ทดสอบพลังได้ดีจริงๆ” เสียงจากร่างสูงใหญ่สีเขียวพร้อมกับการผงกหัวอย่างพอใจ  ข้างๆมีอีก 3 ร่างที่ยืนดูอยู่ด้วย   Kobos สั่งการ AI ประจำยาน

          “Vas ยิงแสงทดสอบพลังงาน”

          ลำแสงสีเหลืองส้มเส้นผ่าศูนย์กลาง 10 เมตรพุ่งออกจากท่อที่โผล่จากส่วนบนของยานด้านหัว  ตรงดิ่งไปยังโลก  เป้าหมายเป็นทะเลทรายกว้างใหญ่ของทวีปเอเชียนา  นับเป็นโชคดีของโลกอยู่บ้างที่ยานนี้ไม่เลือกสถานที่  เนื่องจากมันมีความมุ่งหมายที่จะทำลายดาวอยู่แล้ว  จะยิงแสงตรงไหนก็ไม่สำคัญ

Aqualancia

          ในห้องพักผ่อนที่ชุมนุมสมาชิกครอบครัว  ทุกคนได้เห็นภาพตั้งแต่ยานลำนี้บินจากดวงอาทิตย์  ยังไม่หายตกใจที่มันบินได้เร็วจนแค่หายใจได้ไม่กี่ครั้งก็ถึงโลกและโจมตีด้วยลำแสง 

          “เฮ้ย! มันไม่พูดจาอะไรเลยเรอะเนี่ย  มาถึงก็ยิงเลย” อัลส่งเสียงดัง  คนอื่นๆส่งเสียงฮือฮาด้วยความตกใจ

          ยันต์มองดูภาพและวิเคราะห์ด้วยสมองที่เหนือมนุษย์ทำให้เขาเข้าใจความต้องการของยานอวกาศลำนี้  ใบหน้าเริ่มเครียดลง  สั่งให้ GAC ดูปฏิกิริยาของผู้นำประเทศต่างๆ  เห็นการพบปะด้วยสายด่วนเพื่อแก้ไขปัญหา

          “ผมสั่งให้ยานบิน 10,000 ลำขึ้นทำลายยานอวกาศแล้ว” เสียงประธานาธิบดี อำนาจ  เกริกเกียรติไพศาล  ของประเทศ Taiya  บอกกับผู้นำประเทศอื่น  ซึ่งก็มีเสียงตอบจากบรรดาผู้นำมหาอำนาจต่างๆในทำนองเดียวกัน  รวมแล้วยานรบหลายหมื่นลำกำลังมุ่งหน้าเข้าหายานอวกาศผู้บุกรุก  แต่ต้องใช้เวลานับสิบนาที

          “พวกมันจะทำอะไรลูก” กัลป์ซึ่งเดินเข้ามาลูบหัวหลานชายถามขึ้น

          ยันต์เงยหน้ามองปู่ผู้มีเค้าหน้าคล้ายคลึงกับพ่อและตัวเขา  จากนั้นจึงตอบคำถามที่ทุกคนรอฟังด้วยความสนใจ

          “เขาตั้งใจทำลายโลกด้วยความร้อนครับ    น่าจะเป็นการทดลองพลังที่ได้มา”

          คำตอบนี้ทำให้ทุกคนนิ่งเงียบ    เสียงอัลโวยขึ้นว่า

          “ไม่จริงมั้ง  อย่ามั่วนา  ไม่ใช่ของเล่นนะ”

          “Boss พูดถูกแล้วครับ  การพยากรณ์ของผมก็เป็นไปในทางเดียวกัน” GAC ซึ่งช่วงหลังได้รับการพัฒนาอย่างต่อเนื่องในหลายๆรูปแบบจนเข้าขั้นอัจฉริยะกล่าวปกป้องเจ้านาย  เนื่องจากเห็นว่าถูกคุกคามด้วยการไม่ยอมรับ

          “พวกนี้ไม่คิดด้านเมตตาหรอกเพื่อน  เขาจะทำในสิ่งที่เขาคิดว่าได้ประโยชน์เท่านั้น  อีกอย่างโลกของเราไม่มีสิ่งใดให้เขาต้องเกรงกลัวเลย  ยานทั้งหลายที่ขึ้นไปป้องกันนั่นก็เข้มแข็งเฉพาะโลกเราเท่านั้น  ในสายตาพวกนี้เหมือนของเด็กเล่น  นายก็เห็นว่าเรายังสร้างยานใหญ่ขนาดนี้ไม่ได้  เพียงแค่นี้เขาก็ทิ้งเราขาดแล้วเรื่องความสามารถ”

          คำอธิบายเพิ่มทำให้อัลคอตก  คนอื่นๆก็นิ่งงันไปหมด  เสียงของอลิซที่นั่งชิดกับยันต์ถามขึ้นท่ามกลางความเงียบ

          “แล้วเราจะแก้ไขยังไงคะ”

          “มีเวลาเท่าไหร่ GAC” แทนคำตอบยันต์ถาม AI คู่ใจ

          “ 1 วันครับ  ครึ่งวันแรกโลกจะร้อน  ภูเขาไฟจะระเบิดทำให้แผ่นดินไหว  ภูเขาไฟใต้น้ำก็จะระเบิดเช่นกัน  ทำให้เกิดสึนามิ  หมู่เกาะน้อยใหญ่จะจมหายใต้ทะเล  บ้านเมืองที่อยู่ในแนวแผ่นดินไหวจะพังทลาย  ครบ 1 วัน  ความร้อนที่ได้รับจะทำให้โลกทั้งโลกระเบิด” AI ตัวเก่งบอกผลการวิเคราะห์ที่ได้จากภาพให้กับทุกคนทราบ

          คำตอบสร้างเสียงอุทานด้วยความตกใจไปทั่ว

          “งั้นก็ช้าไม่ได้สินะ” เจ้านายพูดขึ้นและสั่งการต่อ

          “สั่งการให้ยานทุกลำบินขึ้นได้  ให้ป้องกันยานรบของโลก  ไม่ต้องทำลายยานของมัน   ให้ชั้นจัดการเอง” เขาพูดพร้อมกับลุกขึ้น  กล่าวขอตัวจากทุกคน  มีหลายคนขอติดตามไปด้วยแต่ได้รับคำบอกว่าอันตราย ขอให้อยู่ที่นี่คอยดูเหตุการณ์จะดีกว่า พวกพ่อแม่ก็ห้ามลูกสาวเอาไว้เนื่องจากจะไปเป็นตัวถ่วง  เมื่อทุกคนเข้าใจดีแล้ว  ยันต์จึงออกจากห้องไปยังที่เก็บ ALFA

ห้วงอวกาศ

          ในอวกาศ  มีการต่อสู้ที่ดูแล้วคล้ายการโจมตีข้างเดียว  นั่นคือยานรบจากโลกจำนวนหลายหมื่นลำยิงแสงเข้าทำลายยานขนาดใหญ่ที่ลอยลำนิ่ง ดูคล้ายหิ่งห้อยที่จู่โจมนกอินทรี  แต่ไม่สามารถทำลายได้เพราะยานที่เป็นเป้าหมายมีบาเรียออกคุ้มครองทั้งลำ พลังแสงจากปืนประจำยานไม่สามารถทำอะไรได้เลย  และเมื่อมีแสงตอบโต้จากปืนรอบๆยานลำใหญ่  ยานจากโลกที่โดนยิงก็ระเบิดกระจายไปหลายร้อยลำ  เพราะหลบไม่พ้นเนื่องจากลำแสงแต่ละลำเส้นผ่าศูนย์กลางไม่ต่ำกว่า 1 เมตร  มีพลังทำลายสูง

          เหตุการณ์ดำเนินไปได้ครึ่งชั่วโมง  ยานจากโลกก็สูญเสียไปนับพันลำ  มียานที่แปลกไปจากพวกที่รุมโจมตียานลำใหญ่มาถึงทีหลังและกระจายออก  พร้อมกับยิงแสงปะทะกับลำแสงที่จะไปถูกยานของโลกในลักษณะคุ้มกัน  ทำให้บรรดายานต่างๆโจมตีได้สะดวกขึ้นไม่ต้องคอยหลบหลีกอีกต่อไป

          ALFA ลอยลำดูปฏิบัติการของยานโลกที่โจมตีผู้รุกรานอยู่ครู่ใหญ่  จากนั้นก็บินเข้าไปตรงกลางลำของยานลำใหญ่อย่างรวดเร็ว  แสงสีฟ้าเป็นวงกลมใหญ่กว่าตัวยานพุ่งเข้าหาตัวยานศัตรูเมื่อเข้าใกล้  ทำให้กลายเป็นช่องว่างให้ยานทะลุเข้าไป  จากนั้นมีบาเรียสีฟ้าอุดช่องโหว่นั้นไว้  ไม่ให้อากาศภายในยานดันออกนอกยานจนยานระเบิด

          “พี่ยันต์เข้าไปแล้วครับ” เสียงไฟพูดอย่างตื่นเต้น คนอื่นๆล้วนเงียบ  มองดูด้วยความระทึกใจ

          “เออ! เก่งเหมือนที่ได้ยินเลย  หลานคนนี้มันแน่จริงๆแฮะ” กัลป์พูดด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

          “ถ้าไม่มีหลานคนนี้  พวกเราคงต้องตายวันนี้กันหมดสินี่” William Shan ผู้เป็นตาพูดสนับสนุน

          “ว้า! มองไม่เห็นข้างใน  ไม่ตื่นเต้นเลย  GAC ช่วยฉายให้ดูหน่อยเซ่” อัลบ่นพร้อมกับส่งเสียงบอก AI เผื่อจะฉายภาพให้ดูได้บ้าง

          “ได้ครับ อัล”

          ภาพภายในยานทำให้เกิดเสียงอู้ฮู!  อื้อฮือ!  โอ้โฮ!  หลากหลายชนิด  ภาพที่เห็นมันกว้างใหญ่อลังการงานสร้างอย่างยิ่ง เหมือนกับไปยืนอยู่ในที่โล่งกว้างไกลเพราะตัวยานกว้างถึง 3 กิโลเมตร พื้นที่เหยียบเป็นเหมือนโลหะสีเทา  สิ่งที่ทุกคนเห็นมาจาก MIX ที่ GAC ติดต่อให้ฉายภาพ

          ยันต์ออกจาก ALFA  พุ่งตัวอย่างรวดเร็วไปหาลำตัวของยาน  มองดูและตรวจสอบด้วยสายตาที่มองลึกจนถึงระดับโมเลกุล  ตรวจเส้นสายร่องรอยไปเรื่อยๆ  จนพบเข้ากับชุมทางของระบบซึ่งจะมีอยู่มากมายในตัวยาน  มือขวานำเอาชิปที่สร้างขึ้นโดยเฉพาะเรียกว่า ‘SPY’  ออกมาจากกระเป๋ากางเกง  นำไปกดเข้าตรงชุมทางโปรแกรมของยาน  มีแสงเรืองสีฟ้าอ่อนจากชิป  เขารออยู่ 5 นาที แสงสว่างก็ดับหายไป จากนั้นดึงออกมาวางที่นาฬิกาข้อมือซึ่งมี GAC อยู่ภายใน  แสงสีฟ้าอ่อนสว่างขึ้นอีกครั้งและดับไปกินเวลาเร็วกว่าครั้งก่อน

          คนดูในห้องใต้น้ำไม่รู้ว่ายันต์ทำอะไรอยู่  เคยได้ยินคำว่ายึดยานแต่ก็ไม่รู้วิธีการ  เห็นเจ้าตัวเอาแต่ของไปแปะ  ดูเหมือนเด็กเล่นไม่ได้ทำอะไรที่มันตื่นเต้นทำให้เกิดอาการงงๆ 

          “ยึดได้เลย GAC” เสียงสั่งการได้ยินถึงเมืองใต้น้ำ

          แสงสีเหลืองส้มที่ยิงจากยานหายไป  สาเหตุจากระบบสั่งการถูกควบคุมด้วยเจ้านายใหม่  ระบบเดิมถูกทำลายทิ้งจนหมด  ตอนนี้ยานทั้งลำอยู่ในการควบคุมของ GAC หมดแล้ว   ผลจากการที่โลกถูกยิงด้วยพลังงานแสงอาทิตย์แค่ครึ่งชั่วโมงกว่าๆมีมากเกินคาด

          ภูเขาไฟหลายลูกระเบิด  มีสึนามิเกิดขึ้นในบางแห่งเนื่องจากภูเขาไฟใต้ทะเลระเบิด  เมืองบางเมืองที่โชคร้ายต้องย่อยยับ  ตึกรามพังทลายเพราะแผ่นดินไหว เกาะหลายเกาะถล่มจมลงในทะเล แต่ความเสียหายเป็นเพียงเล็กน้อยหากจะเปรียบเทียบกับการทำนายที่กล่าวถึงการโดนแสงไปแล้วครึ่งวัน  นับว่าได้ช่วยไว้ทันเวลา  แต่มีผู้คนหลายสิบล้านยังคงได้รับความลำบาก 

เวลาผ่านไปครึ่งวันแล้ว  ยันต์ก็ยังไม่กลับลงมาจากยานต่างดาว  พวกในเมืองใต้น้ำพากันเป็นห่วงแม้จะเห็นภาพของการสำรวจที่เขาพยายามไปยังที่ต่างๆในยานให้ทั่ว ตกเย็นทุกคนได้เห็นภาพที่ตราตรึงใจ    เมื่อยันต์ไปถึงห้องควบคุมยานที่เป็นส่วนหัว

“!!!@@@###%%%***3---”

เสียงห้าวทุ้มต่ำกังวานดังจากร่างประหลาดสูง 3 เมตร รูปร่างใหญ่โต  สีเขียว ฟันแหลมคม  นิ้วมือ 7 นิ้ว  นิ้วเท้า 3 นิ้ว  ลำตัวมีเกล็ดหนา  อาภรณ์เป็นผ้าสีน้ำตาล 

ยันต์มองดูสัตว์ประหลาดตรงหน้าที่มีอยู่ 5 ตัวซึ่งออกมาจากประตูห้องโดยไม่มีอาวุธด้วยความแปลกใจ สงสัยพวกมันยังไม่รู้ว่าถูกรุกล้ำ   ตัวเขาเมื่ออยู่กับมนุษย์จัดว่าสูงใหญ่  กลายเป็นเด็กไปเมื่ออยู่กับพวกนี้  รู้ว่ามันถามแต่ไม่เข้าใจความหมาย  จึงส่ายหน้า  โดยหารู้ไม่ว่าการส่ายหน้าในเผ่าพันธุ์ของดาว Auka หมายถึงการท้าทาย

“^^^*#@” เป็นเสียงคำรามด้วยความโกรธ  โชว์ให้เห็นฟันที่แหลมคมสีคล้ายเหล็ก

ร่างที่ส่งเสียงพูดวิ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับเหวี่ยงมือที่มีเล็บแหลมคมมาที่ใบหน้า  ยันต์ย่อร่างหลบต่ำแล้วกระโดดชกเข้าปลายคางด้วยท่า “หนุมานถวายแหวน” ใช้พลังเพียงครึ่งส่วน  เนื่องจากกลัวใช้แรงมากไปแล้วฝ่ายตรงข้ามจะตาย

“ผัวะ”

สิ้นเสียง  เจ้าตัวที่บุกมาก็ลอยกลับไปไกลกว่า 3 เมตรอย่างสวยงาม  หลังกระทบพื้นดังสนั่นแล้วเงียบไป  พวกที่เหลือเหลียวมองหน้ากันสลับกับมองร่างที่นอนอยู่  จากนั้นกระจายกำลังล้อมเข้ามาอย่างไม่เกรงกลัว

“ครึ่งส่วนก็พองั้นเหรอ  อืม! ได้ออกกำลังบ้างแล้ว” เสียงร่างที่เล็กกว่าดังออกมาด้วยความยินดีที่จะได้ออกกำลัง  ที่อยู่ๆมารู้สึกครั่นเนื้อครั่นตัวเพราะไม่รู้จะออกกำลังกับอะไรดี  เหตุมาจากเรี่ยวแรงตัวเองมันมากเกินไป

“โอ้โฮ! อะไรจะขนาดนั้นพี่ยันต์  เปรี้ยงเดียวจอดเลยเหรอ สวยจริงๆท่านี้  อยากทำได้จัง” ทอมส่งเสียงคราง  ทำให้พี่ชายที่อยู่ใกล้ๆลูบหัวด้วยความเอ็นดู

“ขนาดไดโนเสาร์กลายพันธุ์มันยังเตะกระเด็น  อย่าไปคิดตามหลังมันเลยน้อง  ฝันกลางวันเปล่าๆ” อัลพูดพร้อมกับยักคิ้วให้  คนที่เห็นพากันยิ้มในท่าทางนั้น

ช่วงที่คนในโลกแซวกันอยู่  เรื่องบนยานก็ดำเนินต่อไป  ร่างที่เล็กกว่าหลบการจู่โจมเข้าตะปบจากเจ้าของยานตัวที่สอง  เมื่อมันก้มต่ำก็โดนสันฝ่ามือแบบคาราเต้ถึงกับฟุบแล้วไม่ยอมเงยหน้าขึ้นมาอีกเลย  ตัวที่สามฟาดฝ่ามือเข้ามาก็ถูกกันด้วยมือซ้าย  มือขวาคว้ามือที่ถูกกันไว้พร้อมกับเหวี่ยงออกไป  ร่างของมันลอยพ้นพื้น 2 เมตรลอยลิ่วไปหล่นในที่ห่างไกลกว่า 3 เมตร  มีอาการจุกเสียดกำลังพยายามลุกจากพื้น

ตัวที่สี่วิ่งเข้าหา  ยันต์พุ่งสวนพร้อมกับเหยียบต้นขาขวาของมันอย่างว่องไว  ส่งตัวขึ้นเหนือหัวมันเล็กน้อยและใช้ศอกกระแทกกลางหัวอย่างแรงด้วยท่า”มณโฑนั่งแท่น”

“ฉึก”

ร่างสูงใหญ่มีอาการตาลอยเดินเป๋ไปเป๋มาหลายก้าวแล้วซวนเซล้มลงนอนนิ่ง  ผู้ชมที่อยู่ห่างไกลพากันหัวเราะขำกับท่าทางเมาศอกของมัน  ก่อนจะตั้งใจดูตัวที่เหลือว่าจะหลับกับท่าอะไร

ตัวสุดท้ายเห็นเพื่อนหมอบไปหมดแล้วรวมทั้งหัวหน้า   มันจึงไม่บุ่มบ่ามบุกเข้ามา  เอาแต่จดๆจ้องๆ  ยันต์มองดูอยู่ชั่วขณะเห็นมันไม่บุกแน่  จึงขยิกเท้าเข้าหาเพื่อล่อให้มันเสียจังหวะ  ซึ่งได้ผลเพราะมันเกิดอาการกลัว  ฟาดมือขวาเข้าใส่ก่อน  เขาย่อหลบเหมือนตอนจัดการกับหัวหน้ามัน  แต่คราวนี้ใช้เท้าขวาเตะเข้าช่องท้องมันเบาๆ  ทำให้เป้าหมายเซถอยหลัง  ยันต์ตามติดพร้อมกับลอยตัวขึ้นเตะในจังหวะที่มันกำลังเงยหน้าเข้าขมับอย่างจัง  ทำให้ร่างใหญ่กระเด็นไปถึง 4 เมตร  ร่วมลงพื้นดัง “โครม” แล้วเงียบงัน

ร่างที่เล็กกว่าพุ่งไปหาเจ้าของยานที่สลบไสลอย่างรวดเร็วพร้อมกับใช้เชือกที่เตรียมมามัดมือมัดเท้าอย่างแน่นหนา   แล้วมุ่งหน้าไปยังประตูทางเข้าห้องควบคุม

คนบนโลกไม่เห็นภาพที่ยันต์เข้าไปข้างในเพราะ ALFA อยู่ด้านนอกทำให้ถ่ายภาพไม่ได้  เวลาผ่านไปกว่า 20 นาที   ยันต์ก็เดินออกมาพร้อมกับพูดขึ้นว่า

“จะมาเที่ยวกันบนนี้ไหมครับ! ทางสะดวกหมดแล้ว  ขึ้นมาดูจะได้เห็นของแปลกๆที่น่าสนใจ  อ้อ! ช่วยพาหุ่นยนต์มาด้วยซัก 30 ตัวนะครับจะได้มาช่วยขนของ”

“ไปสิ!  แต่ขอเวลาจัดการเรื่องราวบนโลกสักแป๊บนะ” Steward  บอก  แล้วหันไปกล่าวกับทุกคนว่า

“ก่อนไป  กรุณาสั่งการเรื่องที่ทุกคนรับผิดชอบในการช่วยเหลือคนด้วยนะครับ  คิดว่าคงใช้เวลา 10 นาทีก็พอ”

          ตอนนี้พรรคพวกของยันต์เห็นการยึดยานสำเร็จ  พากันเรียกหน้าต่างจากนาฬิกาข้อมือออกมา  สั่งการให้เจ้าหน้าที่ของบรรษัท Grand Operation ทุกฝ่าย ช่วยเหลือผู้เดือดร้อนตามที่ได้วางแผนกันไว้  โชคดีที่การเตรียมการเพียงพอกับผู้ที่ได้รับภัยพิบัติจากการทำลายของยานต่างดาว  พวกเขาร่วมมือกับรัฐบาลประเทศที่เสียหาย  ทำให้การส่งมอบอาหารและสิ่งของเครื่องใช้  จะกระจายออกไปช่วยบรรเทาความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง หลังจากนี้ไปอีกหนึ่งอาทิตย์บรรดาผู้นำประเทศได้กล่าวขอบคุณผ่านสื่อไปทั่วโลก  สร้างชื่อเสียงด้านดีเพิ่มให้กับเมืองใต้น้ำอีกมากมาย

หลังจากใช้เวลากันไม่ถึง 10 นาทีที่กำหนด  ทุกคนออกไปขึ้นยานพร้อมกับพาหุ่นยนต์ไปด้วย  ระหว่างเดินก็ส่งเสียงพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน  ด้วยความตื่นเต้นที่จะได้ชมประดิษฐกรรมของต่างดาวซึ่งไม่เคยเห็น  ในเวลาไม่นานยานของเมืองใต้น้ำ 10 ลำก็บินทะลุน้ำสู่อากาศ   มุ่งหน้าออกไปยังยานลำใหญ่โตที่ลอยนิ่งอยู่ในอวกาศอันเวิ้งว้าง