บทที่ 4
1… ผู้แสวงหา
ห้วงอวกาศที่ห่างไกลจากกาแลคซี่ทางช้างเผือก นับระยะทางได้ 3 แสนปีแสง เป็นกาแลคซี่ ชื่อว่า ‘AKAI’ มีดวงดาวหลายแสนล้านดวง ระบบสุริยะหลายแสนระบบ ดวงดาวที่มีสิ่งมีชีวิตมีอยู่มากมายนับไม่ถ้วน หากนับสิ่งมีชีวิตที่มีภูมิปัญญาเช่นโลกจะมีอยู่หลายแสนล้านชีวิต
บนดาว‘Waboo’ ดาวสีม่วงอ่อนในระบบสุริยะจักรวาลที่มีดวงดาวรายล้อมนับร้อยดวง ถือเป็นดาวศักดิ์สิทธิ์ของกาแลคซี่และกลุ่มดาว Zes มีขนาดใหญ่กว่าโลก 3 เท่า เวลา 1 ปีของที่นี่คือ 1, 000 วัน มีสิ่งทรงภูมิปัญญาสูงสุดอาศัยกระจัดกระจายอยู่ตามพื้นที่สวยงามด้วยจำนวนเพียง 1, 000 ล้านชีวิต ได้รับการนับถือว่าเป็นดาวที่ปรึกษาแห่งดวงดาวทั้งมวล เพราะผู้ที่อาศัยอยู่ที่นี่ล้วนมีสติปัญญาสูงส่ง หากเทียบกับมนุษย์แล้วความฉลาดจะมากกว่าถึง 15 เท่า ดังนั้นสภาพความเป็นอยู่จึงล้ำสมัยไม่ว่าจะเป็นสิ่งก่อสร้าง ยานพาหนะ วิทยาการที่ก้าวหน้า ลึกซึ้งยิ่งกว่าดาว Uharo มากมาย ที่นี่ใช้ระบบวาร์ปรายบุคคลกันเป็นปกติ ผู้คนสัญจรไปมาในสถานที่ต่างๆของดวงดาวในเวลาเพียงน้อยนิด การเดินทางผ่านอวกาศสามารถใช้ระบบวาร์ปของยานส่วนตัวชนิดกำหนดระยะทางได้เอง โดยใช้แผนที่จักรวาล ไม่ต้องพึ่งพารูหนอนได้ด้วย
เทือกเขา Lelod
ลักษณะของเทือกเขา Lelod มีสภาพแปลกตา ภูเขามากมายก่อตัวต่อเนื่องโดยมีพื้นที่ที่สูงที่สุดคล้ายลานกว้างใหญ่ มีโดมคริสตัลลวดลายสวยงามเปล่งประกายสีม่วงอ่อนครอบคลุมอาณาบริเวณราว 300 ไร่ มีสถานที่จอดยานกว้างใหญ่ไพศาล ที่นี่เป็นที่สักการะสูงสุดของดวงดาวทั้งหลาย บรรดาผู้นำของดาวต่างๆมักจะมายังที่แห่งนี้เพื่อขอคำปรึกษาเรื่องต่างๆจาก KERA ผู้ทรงภูมิปัญญาสูงสุดของจักรวาลแห่งนี้ อายุของผู้เฒ่าท่านนี้ไม่อาจนับได้ คล้ายจะอยู่คู่กับดวงดาวมานานแสนนาน
ภายในโดมที่กว้างใหญ่สูงประมาณตึก 50 ชั้น เป็นเมืองเล็กๆเมืองหนึ่ง ว่ากันว่าคำสั่งจากโดมนี้เป็นเหมือนปกาศิตที่ผู้ได้รับต้องปฏิบัติตาม เพราะหากขัดขืนสิ่งที่ตามมาคือวิบัติภัยที่ยิ่งใหญ่ ที่แห่งนี้กว่าจะออกคำสั่งแต่ละครั้งเป็นเวลาที่เนิ่นนานอย่างยิ่ง บางครั้งห่างกันถึงหลายร้อยปี แต่จะไม่มีการผิดพลาดใดๆ ในอดีตกาลที่แสนนาน เคยมีผู้ปกครองของดาวหลายดวงไม่เชื่อและได้รับผลตอบแทนที่ไม่สามารถลบล้างความผิดพลาดได้เกิดขึ้น ตัวอย่างได้แก่ Apolar ผู้นำดวงดาว Gockไม่เชื่อในคำสั่งที่ผู้เฒ่า KERA สั่งให้อพยพผู้คนออกจากดวงดาว แต่เป็นเพราะความเชื่อมั่นในวิทยาการและตัวเองสูงของ Yolle ผู้นำดวงดาว ทำให้ไม่เชื่อฟัง ผลที่ตามมาคือดาวดวงนี้เกิดภัยธรรมชาติที่ร้ายแรงขึ้นในทุกพื้นที่ ทำให้คนล้มหายตายจากไปมากมายถึง 80%รวมทั้ง Yolle ด้วย ถัดมาอีกเกือบ 100 ปี มีคำสั่งห้ามดาว Bila ทดลองอาวุธซึ่งต้องดูดพลังงานจากแกนกลางของดวงดาวออกมา แต่ผู้นำใหม่ที่ยังหนุ่มแน่นชื่อว่า Jose ไม่รับฟัง ผลที่ออกมาคือการถล่มทลายของดวงดาว ผู้คนสูญหายตายจากไปเกือบหมดรวมทั้งตัวผู้นำด้วย เหลือประชากรเพียง 10% จนกระทั่งบัดนี้ยังเพิ่มพลเมืองได้แค่ 30% จากที่มีอยู่เดิมเท่านั้น บทเรียนที่มากมายในอดีตที่ห่างไกลและระยะใกล้ ทำให้ไม่มีผู้ขัดคำสั่งที่มาจากโดมสีม่วงอ่อนอีกเลย
ภายในโดม ผู้ที่สามารถเข้าได้มีน้อยกว่าน้อย ขั้นต่ำคือระดับผู้นำดวงดาว สามัญชนธรรมดาได้รับเพียงแต่คำบอกเล่าที่ผู้เข้าโดมนำไปบอกกล่าวเท่านั้น สภาพภายในสวยงามมาก มีอุทยาน มีน้ำตก มีบ้านเรือนทันสมัยทำด้วยโลหะที่วางแบบผังโครงสร้างได้อย่างลงตัวและเหมาะสม ภูมิทัศน์ชวนมองและตราตรึงจิตใจให้ผู้ที่เข้ามาแล้วอยากย้อนกลับมาอีก โดมแห่งนี้เป็นที่อยู่ของบรรดาผู้นำระดับสูงแห่ง Waboo
อาณาบริเวณราว 30 ไร่กลางโดม มีสิ่งก่อสร้างที่ทำด้วยคริสตัลสีขาวใสสูงเท่าตึก 10 ชั้นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส มองไม่เห็นภายใน ทอประกายแสงสีขาวนุ่มนวลตา นี่คือที่อาศัยของผู้เฒ่าผู้อยู่คู่ดวงดาว รอบๆมีสิ่งก่อสร้างที่เป็นโดมคริสตัลหลายสีจำนวน 10 โดม ล้อมรอบในลักษณะของการให้ความคุ้มครอง เหล่าผู้ที่อาศัยอยู่ในโดมที่รายล้อมแห่งนี้ล้วนเหนือธรรมดา แต่ละคนเป็นผู้ที่หาได้ยากจากอัตรา 1 / พันล้าน
ภายนอกของโดมสีม่วงอ่อนเป็นยามราตรี สีนวลผ่องด้วยประกายขาวนวลของแสงจันทร์ 3 ดวงที่เป็นบริวาร อาบไล้ไปทั่วดวงดาวแห่งนี้ ทำให้ประกายแสงจากโดมสีม่วงอ่อนเหนือเทือกเขายิ่งงดงามราวกับภาพวาด
เวลาเดียวกับที่ยันต์ถูกไฟสีน้ำเงินเผาผลาญ
ร่างๆหนึ่งภายในจัตุรัสสีขาวใสที่อยู่ภายในโดมสีม่วงอ่อน ความสูง 185 ซม. นั่งสงบนิ่งหลับตาอยู่บนแท่นที่ลอยนิ่งอยู่กลางอากาศสูง 3 วา มีส่วนแตกต่างจากมนุษย์โลกตรงที่ศีรษะใหญ่กว่า 2 เท่า ใบหูเรียวแหลมมีขนาดรับกับใบหน้าทำให้ดูน่าเกรงขาม และยังแสดงถึงการทรงภูมิปัญญาอีกด้วย หน้าตาสงบนิ่งน่าเลื่อมใส ไร้รอยเหี่ยวย่น ผมสีม่วงอ่อนเป็นประกายยาวถึงกลางหลัง ประมาณการตามลักษณะแล้วอายุไม่น่าเกิน 40 ปี อยู่ในชุดคลุมยาวสีขาวสดใสแวววาว
ดวงตารีใหญ่กว่ามนุษย์ 2 เท่าลืมขึ้น มีสีเขียวสดใสในส่วนที่เป็นตาดำ ส่วนที่ควรเป็นตาขาวกลับเป็นสีม่วงเข้มมองดูมีอานุภาพสยบขวัญ เสียงความคิดดังว่า
‘ ใกล้ถึงเวลาแล้ว อีกไม่นาน ยังหาวิธีแก้ไขไม่เจอ เฮ้อ !’
ร่างที่นั่งอยู่พลันลอยขึ้นจากแท่นตรงไปยังทางออก เมื่อเข้าใกล้ก็มีช่องเปิดออกอย่างไร้เสียง ร่างในชุดคลุมสีขาวลอยต่อไปยังทางออกจากโดมใหญ่ ขณะนั้นโดมหลากสีรอบๆก็พลันมีร่างหลายสายปรากฎขึ้น รูปลักษณะต่างกันมีทั้งหญิงและชายจำนวน 10 คน ทุกร่างตรงเข้าหาร่างสีขาวในลักษณาการขององครักษ์ที่มาปกป้องผู้เป็นนาย
“ข้าจะออกไปชมแสงจันทร์สักครู่” เป็นเสียงดังจากร่างที่ลอยไปยังทางออกโดยที่ไม่มีการเปิดปากพูด ทุกร่างที่ปรากฎภายหลังลอยตามมาห่างจากผู้นำเพียงหนึ่งวา ทั้งหมดออกจากโดมไปอย่างเงียบเชียบ
ร่าง 11 ร่าง ความสูงต่ำแตกต่างกันยืนเรียงรายอยู่บนยอดสูงสุดของเทือกเขา Lelod ร่างในชุดสีขาวยืนอยู่ตรงกลางกระหนาบด้วยผู้ติดตามข้างละ 5 คน สายตาของผู้นำมองออกไปยังทิศทางที่ห่างไกลในท้องฟ้า คนอื่นๆพากันสงบนิ่งด้วยความสงสัย เนื่องจากนานมากแล้วที่ท่านผู้เฒ่าซึ่งเป็นที่เคารพสูงสุดผู้นี้ไม่ได้ออกมาจากโดมสีขาว พวกเขายังจำได้ว่าการออกมาครั้งสุดท้ายควรจะเป็นเมื่อ 50 ปีที่แล้ว
“Una อีกไม่นานดวงอาทิตย์ของระบบสุริยะนี้จะดับแสงลง” เสียงดังจากร่างสีขาวพูดกับร่างที่อยู่ใกล้
“โอ! ถ้ามันดับแล้วดาวทุกดวงมิกลายเป็นดาวแห่งน้ำแข็งกันหมดหรือท่านผู้เฒ่า” เสียงตกใจพร้อมคำถามดังมาจากร่างสูงเพรียวที่ชื่อ Una ความสูงเกิน 180 ซม. ในชุดคลุมสีเขียวเข้ม ใบหน้าขาวนวลสวยดุ ใบหูเรียว ตาคมเป็นประกายสีเขียว คนอื่นๆล้วนพากันตกใจในคำพูดของท่าน
“ข้าเองก็ไม่เคยคิดว่าจะมีวันนั้น ถ้ามันดับลงธรรมดาก็มีปัญหาไม่มาก กลัวว่ามันจะยุบตัวกลายเป็นหลุมดำดึงดูดดาวต่างๆน่ะสิ ถ้าเป็นอย่างนั้น ทุกอย่างก็จะจบสิ้น”
เป็นคำพูดที่ทำให้ทุกคนรอบข้างนิ่งเงียบ หลายคนทำใจยอมรับไม่ได้ พวกเขาไม่อยากเชื่อ แต่ผู้บอกเป็นผู้ที่มีวัยวุฒิและคุณวุฒิที่สูงส่ง และยังเป็นที่พึ่งของพวกเขาในฐานะเด็กกับผู้ใหญ่อีกด้วย
แต่เรื่องไม่ยินยอมก็เป็นเรื่องหนึ่ง เรื่องที่ได้รับรู้จากการบอกเล่าก็ต้องเป็นความจริง พวกเขาอยู่ร่วมกันคอยพิทักษ์ท่านผู้เฒ่ามานานนับพันปี เรียกได้ว่าตั้งแต่รู้ความเพราะท่านไปรับมา ไม่เคยมีเรื่องที่ผิดไปจากการบอกจากปากของท่าน ทุกคนพยายามปรับจิตใจตัวเอง ต้องการจะรู้ว่ามีหนทางเลี่ยงจากหายนะได้แบบไหน
ผู้เฒ่าเงียบไปครู่หนึ่ง คล้ายกำลังตรึกตรองเรื่องใดอยู่ จากนั้นจึงมีเสียงดังว่า
“ข้าคงต้องออกเดินทางแสวงหาสิ่งที่จะช่วยให้พวกเราพ้นจากภัยนี้ ข้าไม่รู้วิธีแก้ไข มีแต่เพียงสังหรณ์ใจว่าน่าจะผ่านพ้นอันตรายนี้ไปได้เท่านั้น และลางสังหรณ์ของข้าไม่เคยผิดพลาด”
“แล้วท่านผู้เฒ่าจะเดินทางเมื่อไร พวกข้าไปด้วยได้ไหม” เสียงทุ้มกังวานดังจาก Wor ชายร่างใหญ่ ผิวสีแดง ตาสีทอง ร่างสูงกว่า 190 ซม. ในชุดคลุมสีน้ำตาล
“ได้ ที่จริงข้าควรจะต้องบอกกล่าวกับพวกผู้นำดวงดาวต่างๆให้รู้เรื่องก่อน แต่เกรงจะเกิดความวุ่นวาย น่าจะรอไปอีกสักนิด เรื่องนี้มันควรจะเกิดในอีกหลายร้อยปีข้างหน้า ไม่รู้เพราะอะไรข้าถึงรู้สึกว่าเวลาเหลือน้อยลงกว่าที่ควรจะเป็น”
คำตอบนี้ทำให้ทุกคนหันมามองผู้เฒ่าทันที Sup ชายร่างบาง สูงเพรียวพอๆกับสองสาว ใบหน้าสงบนิ่ง ตาสีน้ำเงิน ถามขึ้นบ้าง
“อีกกี่ปีครับ”
“30 ปี อาจจะน้อยกว่านั้น แล้วแต่ความผันแปรของมันซึ่งข้าคาดเดาไม่ได้” เป็นคำตอบดังมาจากร่างที่ยืนมองดวงดาวนิ่งอยู่
ปัจจุบัน
ในจัตุรัสสีขาวใส พื้นที่ทั้งหมดโล่งกว้าง ตกแต่งเป็นธรรมชาติด้วยพันธุ์ไม้แปลกตา บ้างคดเคี้ยวเกี่ยวพันกันเป็นลำต้นขนาดใหญ่ ใบไม้หลากสีทอแสงอ่อนๆออกมา โขดหินที่เป็นผลึกธาตุมีอยู่ทั่วไป ทั้งขนาดใหญ่และขนาดเล็ก บรรยากาศมีแต่ความสงบ แท่นที่ลอยอยู่ในอากาศ 5 แท่น แท่นของเจ้าของสถานที่ลอยสูงกว่าราว 2 เมตร ต่ำลงมาเป็นของ 4 องครักษ์คือ Una ; Mew ; Wor และ Sup ที่เคยไปดูดวงจันทร์กันในครั้งนั้น
“อีก 3 วันข้าจะออกเดินทาง บอกพวกของเจ้าให้กระจายข่าวแจ้งแก่ผู้นำดาวทั้งหลาย จะได้ไม่เสียเวลาเดินทางมาหาข้าที่นี่” เสียงผู้เฒ่า KERA ดังก้องกังวาน
“ข้าจะบอกพวกนั้นให้รู้ แล้วจะไปนานเท่าไรท่านผู้เฒ่า” Wor รับคำ
ผู้เฒ่านิ่งไปครู่หนึ่งแล้วสั่งต่อ
“กำหนดไม่ได้ หากพวกของเจ้าจะไปด้วย ห้ามไม่ให้ผู้ใดก่อเรื่องในระหว่างทาง ถ้าใครไม่มั่นใจในตัวเองให้อยู่ที่นี่ ข้าต้องการให้การเดินทางเป็นไปอย่างสันติ”
“ข้าจะบอกพวกนั้นท่านผู้เฒ่า” Wor รับคำอีกครั้ง
เมื่อทั้งสี่ออกมาจากโดมแล้วก็ถูกรุมล้อมจากเพื่อนๆที่เหลือทันที มีการสอบถามถึงเรื่องที่ได้รับมอบหมายให้ปฏิบัติ ครั้นรู้ว่าจะต้องออกเดินทางแล้วทุกคนล้วนดีใจ รวมถึงรับปากว่าจะสงบเสงี่ยมเรียบร้อยราวผ้าพับไว้ตามที่ท่านผู้เฒ่าสั่ง
“ข้ารับปากจะไม่ใจร้อน ในการเดินทางครั้งนี้จะไม่หาเรื่องใคร” Zer ชายผมสีเงิน ตาสีแดง รูปร่างสูง 190 ซม. ท่าทางว่องไว เอ่ยขึ้น
“ข้าด้วยๆๆๆ” เป็นเสียงของอีก 5 คนที่เหลือ
เพื่อนทั้ง 4 คนที่ได้รับคำยืนยันหนักแน่น รู้สึกสบายใจ ที่ผู้เฒ่าย้ำมาเพราะรู้ว่าพวกหกคนที่เหลือเป็นพวกเลือดร้อน อารมณ์วู่วาม ไปที่ใดก็มักผิดใจกับผู้อื่นอยู่เรื่อย จึงต้องตั้งกฎไว้บังคับกัน พวกนี้อยากออกไปเที่ยวหลังจากต้องอยู่นิ่งๆมานานหลายสิบปีจึงรับปากอย่างง่ายดาย
องครักษ์ทั้งสิบเป็นบุคคลที่เกิดมาโดยมีธรรมชาติเกื้อกูล คล้ายๆกับยันต์ได้รับ พวกเขาได้รับธาตุธรรมชาติด้วยวิธีการแตกต่างกันไป ทำให้ร่างกายแข็งแกร่ง ใช้พลังแห่งธาตุได้อย่างสมบูรณ์ ไม่มีผู้ใดอยากมีเรื่องด้วย ยกเว้นผู้ที่ไม่รู้เรื่องราวเท่านั้น ซึ่งก็ต้องมาจากกาแลคซี่อื่น
กาแลคซี Wova
ดาว Auka
ห่างจากโลกไปทางทิศใต้ 10, 000 ปีแสง ในกาแลคซี Wova ดาวสีน้ำตาลขนาดใหญ่กว่าโลก 6 เท่า ชื่อว่า Auka ลอยคว้างอยู่กลางอวกาศที่มืดมิด ไร้ดวงจันทร์เป็นบริวาร มีเพียงดวงอาทิตย์สีส้มที่ส่องแสงจางๆ ดาวดวงนี้มีเวลากลางคืนยาวกว่ากลางวัน ภูมิประเทศเต็มไปด้วยยอดเขาแหลมสูงเกิน 60% ของพื้นที่ มีอาคารที่พักอยู่ตามที่ราบของภูเขาทั่วไป ประชากรของดาวดวงนี้มีจำนวน 13 ล้าน 5 แสนคน อยู่ระหว่างฟื้นฟูจากการสูญเสียในการเป็นทาสของดาวต่างๆ
ยานลำมหึมาบินร่อนลงจอดในที่ว่างกว้างใหญ่ตลอดเวลา เมื่อจอดแล้วมียานลำเล็กบินออกมามุ่งหน้าสู่เมืองที่อยู่ห่างไกลออกไปริมเชิงเขาสูงสลับซับซ้อน เป็นการกลับถิ่นฐานหลังจากมีคำสั่งยกเลิกการทำลายล้างดาวคู่แค้น ตอนนี้มียานกลับมาแล้ว 55%
“ยังมาไม่หมดอีกรึ Sion” ผู้นำสูงสุดแห่งดวงดาว ร่างสูง 3 เมตรครึ่ง ตัวใหญ่ ฟันแหลมคม มีนิ้วมือ 7 นิ้ว นิ้วเท้า 3 นิ้ว ลำตัวมีเกล็ดหนาสีน้ำตาล ที่กำลังยืนมองออกไปจากหน้าต่างอาคารที่อยู่บนยอดเขาสูงจากพื้นราบที่ยานจอดกันอยู่ 25 กม. ส่งเสียงต่ำเหมือนเสียงครางถามลูกน้องที่นั่งอยู่หน้าเครื่องติดต่อ
“ยังครับท่าน Bem คงจะเพราะการอยู่ห่างไกล แต่ก็กลับมาได้เกินครึ่งแล้ว”
“อืม! น่าจะยังอีกสัก 2 วัน จึงจะพบกันได้ทั้งหมด” เสียงหัวหน้าพึมพำและออกจากห้องไป
ดาว Zeres
ยานขนาดกว้าง 3 กิโลเมตร ยาว 5 กิโลเมตร ที่ได้ชื่อใหม่ว่า ‘Fio’ ลอยลำอยู่นอกน่านฟ้าของประเทศ Sai เพื่อติดต่อขอเข้าไปซื้อขายทาส ประเทศนี้เป็นศูนย์กลางการค้าทาสของดวงดาว เนื่องจากยานนี้เคยนำทาสมาขายทำให้ได้รับอนุญาตให้เข้าสู่น่านฟ้าได้
ยันต์และพรรคพวกรวมถึงผู้ลี้ภัยอีก 15 คน ใช้ยาน ALFA มาจอดใกล้ลานกว้างใหญ่ พวกเขามีรวมทั้งสิ้น 35 คน เดินออกจากยาน ทุกคนสวมชุดคลุมซึ่งออกแบบเป็นเครื่องป้องกันโดยยันต์ สามารถสร้างบาเรียออกป้องกันอาวุธได้อัตโนมัติเมื่อโดนโจมตี เขานำเอาความรู้ของพวกผู้ลี้ภัยจากดาว Berom มาประยุกต์รวมกับความรู้เดิม สร้างสุดยอดชุดป้องกันชิ้นนี้ขึ้นมา ผ่านการทดสอบโดยใช้พลังทำลายส่วนตัวถึง 5 ส่วนก็ไม่เป็นอันตราย จึงมีความมั่นใจว่าพรรคพวกจะปลอดภัยเมื่อสวมชุดนี้ ทำให้ญาติผู้ใหญ่วางใจปล่อยให้ลูกหลานมากับเขาด้วย
สาเหตุที่มาดาวดวงนี้ เป็นเพราะคำขอร้องของผู้นำจากดาว Payu ที่สงสัยว่าพวกของตนจะถูกนำมาขายเป็นทาสที่นี่ รวมถึงผู้นำจากดาวอื่นๆก็ช่วยขอร้อง เลยต้องพากันมา พวกเพื่อนและญาติคนอื่นนั้นอยากมาเที่ยวต่างดาวเพราะไม่เคยได้ไป จึงเป็นภาระให้เขาต้องรีบพามาโดยด่วนก่อนจะกลับไปวางแผนจัดการกับดาว Auka ต่อ
การแลกเปลี่ยนมูลค่าสินค้าที่นี่ใช้แร่ธาตุเพราะสะดวก จำนวนมากน้อยแล้วแต่จะตกลงกัน ยันต์ต้องให้ GAC หาธาตุที่สามารถใช้แลกเปลี่ยนได้ ซึ่งในยานที่ยึดได้ก็มีอยู่มาก และโชคดีที่โลกและดาวใกล้เคียงมีแร่ที่มีค่าสูงสำหรับแลกเปลี่ยน จึงไปนำมาเตรียมไว้หลายขนาด แร่ธาตุเหล่านี้เป็นของหายากในกาแลคซี่ Juna
ยันต์เดินนำคู่ไปกับอดีตผู้นำดาว Payu ชาวโลกตามหลังมาพร้อมกับพวกดาวอื่นๆ มีเพียงเขาเท่านั้นที่คุยกับพวกเหล่านี้รู้เรื่อง
“ข้าว่าด้านโน้นคนเยอะดี ลองไปดูก่อนไหมท่าน Sac”
“ตกลง ข้าก็ว่าอย่างนั้น”
พวกเขาเดินไปเรื่อยๆ ผ่านจุดค้าทาสหลายแห่ง มีชาวต่างดาวรูปร่างแปลกๆถูกล่ามโซ่ บ้างก็อยู่ในกรงขนาดใหญ่ ดูแล้วน่าเวทนา เหมือนการค้าสัตว์ในสมัยโบราณ ต่างกันที่เป็นสิ่งมีชีวิตชั้นสูงเท่านั้น
จุดขายทาสที่เขามาเป็นแหล่งค้าขายที่ใหญ่ ตัวพ่อค้าหน้าตาดุร้ายคล้ายกับเสือ ฟันแหลมคม รูปร่างสูงสองเมตรครึ่ง มือและเท้าคล้ายกีบของวัว ส่งเสียงคำรามสูงต่ำเป็นการบรรยายสรรพคุณของทาสที่นำขึ้นมาบนเวที ด้านล่างมีสิ่งมีชีวิตหลากหลายชนิด รูปร่างแตกต่างกันมองดูพ่อค้าและซุบซิบปรึกษาหารือ มีมนุษย์แทรกอยู่ประปราย แต่ผิวพรรณหลากสี
บนเวทีสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกับพวกที่มากับเขาถูกนำมาโชว์ตัว หนึ่งในผู้ลี้ภัยชื่อ Kare เมื่อเห็นเข้าถึงกับส่งเสียงเครือ ชี้มือให้พรรคพวกที่มาด้วยดู และส่งเสียงร้องบอก
“นั่นมันน้องข้ากับครอบครัว ท่านยันต์ช่วยพวกเขาด้วย”
ยันต์พยักหน้า เขาบอกให้ทุกคนอยู่ที่นี่ จากนั้นเดินฝ่าไปด้านหน้า ใช้การเร่งพลังปราณทำให้พวกที่ขวางอยู่ต้องหลบออกไป ความเข้มแข็งทำให้พวกที่ถูกผลักดันไม่กล้ามีเรื่องด้วย เพราะสัมผัสถึงกระแสพลังที่พวกตนไม่มี รู้ว่าเป็นผู้มีอันตรายสูงไม่ควรยุ่งด้วย และดาวดวงนี้ไม่สนใจว่าใครจะเป็นจะตายในการสู้กัน ข้อห้ามมีเพียงอย่ายุ่งกับธุรกิจของดวงดาวจนเสียหายเท่านั้น ยันต์รู้ดีจึงแสดงพลังอย่างเต็มที่
“ท่านทั้งหลาย นี่เป็นพวกผู้นำของดาว Gus มีทั้งหมด 5 คน ความสามารถในด้านแปรธาตุเป็นพลังงาน ท่านซื้อตัวพวกนี้ได้โดยใช้แร่ Haruda แลก 1 คน ต่อ 5 ก้อน” เสียงของพ่อค้าดังไปทั่วบริเวณ
มีเสียงฮือจากผู้ที่มาดูทาส พวกเขาเห็นว่าไร้ค่าเพราะต้องการแรงงานมากกว่าพวกเล่นแร่แปรธาตุที่อ่อนแอเหล่านี้ ยันต์ดูจนไม่มีใครเสนอซื้อ เขาจึงส่งเสียงภาษาเดียวกันออกไป
“ข้าให้คนละ 3 ก้อน เอาทั้งหมด เจ้าว่าอย่างไร”
เสียงนี้ทำให้ผู้คนหันมาดู พ่อค้าก็มองผู้เสนอราคา ยันต์ส่งพลังให้พวกนี้ได้สัมผัสเป็นการข่มขู่ไปในตัว ชาวต่างดาวส่วนใหญ่จะมีสัมผัสแห่งพลัง รู้ว่าใครที่ไม่ควรยุ่งด้วย พ่อค้าที่มองดูอยู่รู้ว่าเป็นพวกแตะต้องไม่ได้เลยไม่อยากให้ตัวอันตรายนี้เสียอารมณ์ รวมทั้งทาสชุดนี้ไม่มีคนสนใจ ราคาที่ได้มาก็นับว่ากำไรมากอยู่จึงผงกศีรษะ
“ตกลง พวกนี้เป็นของเจ้า นำของไปแลกที่ข้างเวทีได้”
ทาสทั้งห้าถูกจูงไปข้างเวที ยันต์ไปหาและยื่นแร่ Haruda ให้กับพวกของพ่อค้าไป 15 ก้อน จากนั้นโซ่ก็ถูกถอดออก เขาส่งเสียงบอกให้ทุกคนตามไป
“พี่ข้า ไม่นึกว่าจะได้พบกันอีก โอ! ขอบคุณดวงดาวที่ทำให้เราได้เจอกัน” เสียงของหัวหน้าทาสเอ่ยขึ้นเมื่อพบปะกับพี่ชาย ซึ่งอีกฝ่ายก็มีความยินดีไม่น้อยหน้ากัน ทั้งสองฝ่ายเข้าโอบกอดกันด้วยความยินดี
“ขอบคุณท่านยันต์มากที่ช่วยพวกข้าไว้ ข้าไม่รู้จะตอบแทนบุญคุณท่านอย่างไรดี” Kare อดีตผู้นำดาว Gus เอ่ยเสียงเครือ ซึ่งยันต์ตอบไปว่าไม่เป็นไร
หลังจากนั้นเขาได้เข้าไปร่วมประมูลอีกหลายครั้งเพราะพบกับเป้าหมาย หมดแร่ธาตุไป 5 ใน 10 ของที่เตรียมมา มีการต่อรองได้ราคาต่ำกว่าที่ประกาศมาหลายครั้ง เมื่อเขาประมูลคนอื่นล้วนหลบเพราะเกรงพลังที่ไร้เทียมทาน พ่อค้าตอนแรกก็เกรงๆเขาอยู่แต่เมื่อเขาประมูลหลายครั้งมีแร่ธาตุหายากหลายชนิดก็ยินดี ทำให้บรรยากาศดีขึ้น เมื่อหมดสิ่งที่ต้องการแล้วพวกเขาก็ลาจากมา
ยันต์พาพรรคพวกตระเวนดูจนทั่ว ได้พบคนที่ต้องการจากหลายจุด มีบ้างที่ถูกประมูลตัวไปแล้ว เขาได้เข้าไปเสนอราคาที่มากกว่าให้รวมทั้งพลังที่ใช้ข่มขวัญ ทำให้ผู้ที่ได้ตัวทาสแล้วยินยอมขายให้เพราะยังไงก็ได้กำไรมากโข ผู้ติดตามทั้งหลายมองดูเทคนิควิธีการด้วยความทึ่ง ไม่คิดว่านอกจากการรบแล้ว ผู้นำวัยฉกรรจ์จะมีลูกล่อลูกชนที่สุดยอดแบบนี้
“เจ๋งจังเพื่อน ทำเนียนได้ใจเลยว่ะ” อัลพูดพร้อมกับยกนิ้วหัวแม่มือให้ ตอนนี้เขาได้พวกใหม่มาจากการประมูลอีก 67 คน
“ผมต้องขอเรียนบ้างแล้วครับ วิชานี้” Tom พูดพร้อมกับจ้องมองพี่เขยที่เป็นไอดอลเขม็ง
“เยี่ยมมากลูก” กริชลูบหลังเขาพร้อมชม เจ้าตัวก็ยิ้มให้กับคำชมเหล่านั้น
“ไม่มีพรรคพวกตกค้างแล้วใช่ไหมครับ” เขาถาม ทุกคนพยักหน้ารับเพราะได้เจอผู้ที่ต้องการกันแล้ว จากการสอบถามพวกพ่อค้าทุกแห่ง พบว่าไม่มีพวกดาวที่ถูกทำลายนอกจากที่ได้มาอีกแล้ว จึงตั้งใจจะเดินทางกลับ
‘ช่วยข้าด้วย พาข้าไปกับท่านด้วย ’ เป็นเสียงที่ยันต์สัมผัสได้ทางจิต ทำให้เขาแปลกใจ หันซ้ายหันขวาจนคนอื่นๆมองดูด้วยความสงสัย
มีเสียงดังมาอีก เมื่อจับทางได้แล้วเขาจึงเดินตรงไป ที่แห่งนั้นเป็นแหล่งค้าทาสเล็กๆที่พวกเขามองดูแล้วไม่มีคนที่ต้องการเลยไม่สนใจ ยันต์มาถึงก็หยุดดูพร้อมกับสอดส่ายสายตามองหาสิ่งที่เรียกเขา
“เจ้าสนใจดูสินค้าของข้าบ้างไหม” พ่อค้าหน้าตาเหมือนม้าแต่ซูบเรียว หูยาว องคาพยพคล้ายคน มีแขนขา นิ้วมือนิ้วเท้าข้างละ 4 นิ้ว อยู่ในชุดรุ่มร่าม พูดทักทาย
“เจ้ามีอะไรให้ข้าดูบ้างล่ะ”
“มีสิ! ลองดูเจ้านี่ก่อนเป็นไง” พ่อค้าตอบและหันไปดึงผ้าที่คลุมกรงข้างๆออก
ยันต์กับพรรคพวกมองสิ่งที่อยู่ในกรงอย่างสนใจ รูปร่างของมันสูงราว 1.2 เมตร หูใหญ่เรียวแหลมชี้ขึ้น ใบหน้ากลม ตาสีน้ำตาลกลมนูน ตัวป้อมๆ มือและเท้ามี 3 นิ้ว สวมชุดคลุมสีน้ำตาลเก่าๆ เขาคุ้นตารู้สึกเหมือนจะเคยเห็นมาก่อนจากการดูภาพยนตร์ของอดีต ไม่นึกว่าจะมีสิ่งมีชีวิตชนิดนี้จริงๆ ทำให้คิดในใจว่า
‘เจ้าใช่ไหมที่จะให้ข้าช่วย ’
มีเสียงตอบในหัวของเขา ‘ใช่ ! พาข้าไปด้วย ข้าเบื่อที่นี่เต็มทีแล้ว หาคนช่วยนอกจากเจ้าแล้วไม่มีเลย ’
‘ตกลง แล้วเจ้าไม่มีเพื่อนหลงอยู่ที่นี่อีกหรือ ’
‘มีแต่ข้าคนเดียว ’
ผู้ที่มาด้วยซุบซิบกันขณะที่ยันต์นิ่งอยู่ ครู่ใหญ่เขาจึงถามพ่อค้าว่า
“เท่าไหร่”
“Exium 7 ก้อน”
ยันต์ไม่ต่อรองราคา แร่นี้เป็นแร่ที่จัดว่าหากยากพอสมควร แต่มีที่ยานลำใหญ่ของพวก Auka ในปริมาณมาก เขาล้วงเอาแร่ออกมาส่งให้เงียบๆ พ่อค้ามองหน้าลูกค้า สัมผัสได้ถึงพลังที่ทรงอานุภาพเจือจาง เพราะเจ้าตัวไม่ได้ส่งออกกดดันเหมือนการซื้อขายอื่นๆ เป็นการปล่อยออกตามธรรมชาติ
“ข้าชอบใจเจ้าที่ไม่ต่อรอง เจ้าตัวประหลาด เอ้า! รับไป ข้าแถมให้ ได้มันมานานแล้วไม่รู้จะเอาไปทำอะไร” พร้อมกับพูดก็ล้วงไปในกองผ้าข้างตัว หยิบเอาแผ่นหนังขนาดฝ่ามือเย็บเป็นปึกส่งให้ ขณะที่ยันต์มองดูมีเสียงดังในหัวว่า
‘รับไว้สิ นั่นเป็นของสำคัญที่หาไม่ได้อีกแล้ว ’
“ขอบคุณ” เป็นเสียงตอบขณะที่ยื่นมือไปรับของแถม
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
PS. แค่นี้ยังอ่อนหัดอยู่นะ!!
PS. ขอขอบคุณไรท์เตอร์ทุกท่าน ที่แต่งนิยายสนุกๆมาให้อ่าน
PS. BIG BANG - B.A.P - 2PM - GOT7 - EXO - SNSD - AKMU
PS. \"ถามไถ่ทั่วโลกหล้า อันว่ารักเป็นฉันใด จึงมอบให้กันละกันด้วยชีวิต...\" ไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งกี่หน อ่านผ่านตาไม่รู้รอบที่เท่าไหร่ ถึงอย่างไร... มันก็ทำให้ ลี้มกโช้ว ดูทั้งน่ารัก น่าสงสารขึ้นมาจับจิตจับใจ
PS. ที่นี่!! ไม่มีอะไรมาก เป็นเพียงสถานที่ๆเก็บคลังนิยาย ที่ชอบ=,.=;; หลงเข้ามาแล้ว!! ไงๆก็ช่วยดูๆหน่อยนะ
PS. สถานะ : อารมณ์ดีมากกกก
หรือ ลายแทงขุมทรัพย์อวกาศ
PS. [ faeros flair ] (เฟรอส แฟล์) คือนามของข้า... นามที่ใครๆ ต่างก็รู้จักกันดี... เพราะข้า... คือตัวอันตรายของคนทั้งอาณาจักร... ไม่เคยเลย... ไม่เคยแม้แต่ครั้งเดียว... ที่ข้าจะรู้สึกยินดีที่ได้เกิดมา...
โชคดีที่มาดูอีกหลายรอบนะเนี่ย 555
สนุกสมการรอคอย...
หุหุ ถ้า เป็น โยดา คงแหกกรง ออกมาเองแล้วละ ไม่ต้องรอใครมาช่วยหรอก 555+
PS. ทุกอย่างต้องมีทั้งข้อดีและข้อเสีย ได้อย่าง ต้อง เสียอีกอย่าง
PS. คนมี สุข ทุกข์ ร่วม พลัดพราก จันทร์มี มืด สว่าง กลม แหว่ง เว้า
คิดว่าเป็นตัวที่ตามหาแหวนในเรื่องในลอร์ดออฟเดอะริงค์มากกว่า
PS. งืมๆ งามๆ